คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : สถูปของหลวงพ่อทวด ฯ
สถูปของหลวงพ่อทวด ฯ
_________
สถูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมภารองค์แรกของวัดช้างให้ สถูปนี้ตั้งอยู่ใกล้ชิดกับทางรถไฟสายใต้ระหว่าง หาดใหญ่- สุไหงโก-ล๊ก ใกล้ชิดที่สุดระหว่างสถานีนาประดู่ กับสถานีป่าไร่สถูปนี้มีอายุยืนนานมาประมาณ ๓๐๐ ปีเศษ แต่เดิมมีแต่เสาไม้แก่นปักหมายไว้ ประชาชนจึงเรียกกันว่า เขื่อนท่านช้างให้
ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ท่านอาจารย์ทิมธมมธโร (ท่านพระครูวิสัยโสภณ เวลานี้ ) เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ ๕ ซึ่งเป็นองค์หลังสุดในเวลานี้ ท่านได้จัดการบูรณะก่ออิฐถือปูนห่อหุ้มเสาไม้แก่น ของเดิมไว้ภายใน ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าบัว (สถูป ) หลวงพ่อทวด ฯ มาจนบัดนี้
ความศักดิ์สิทธิ์ในคุณอภินิหารของสถูป หลวงพ่อทวด ฯ นี้มีแต่ดั้งเดิมแล้ว แต่เนื่องจากครั้งนั้นยังไม่มีทางรถไฟ จึงอยู่กลางป่าเปลี่ยว และวัดก็รกร้างอยู่การสักการะบูชาก็มีแต่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น
ครั้นต่อมาการคมนาคมเจริญขึ้น มีการทำทางรถไฟสายใต้ผ่านหน้าวัด และผ่านไปข้างสถูปนี้ และมีถนนซอยแยกจากถนนจากถนนหลวงเข้าไปถึงวัด ประชาชนได้รับความสะดวกในการไปมา ก็ได้พากันไปสักการบูชาจากถิ่นไกลๆ มีหลายชาติหลายภาษายิ่งทวีมากขึ้น ดังเป็นที่ประจักษ์อยู่ ณ เวลานี้
อภินิหารของ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้านในครั้งนั้น ก็เป็นข่าวเล่าลือกันในความศักดิ์สิทธิ์ แพร่หลายไปในหมู่บ้านใกล้เคียงโดยทั่ว ๆ กัน ใครมีเรื่องป่วยไข้ได้ทุกข์ใด ๆ ก็พากันมาสักการบูชา ขอให้ท่านช่วยดลบันดาลขจัดปัดเป่าสิ่งร้ายนั้นก็สำเร็จความประสงค์ ชาวบ้านข้างเคียงจึงเคารพนับถือตั้งแต่นั้นมาเป็นต้นมา
บัดนี้วัดช้างให้ ได้เจริญรุ่งเรืองในด้านการบูรณะก่อสร้าง ซึ่งมีโบสถ์หลังงาม ค่าก่อสร้างเหยียบ ๘ แสนบาท วิหารอันงดงามค่าก่อสร้างประมาณแสนห้าหมื่อนบาทสำหรับประดิษฐานรูปหล่อจำลององค์หลวงพ่อทวด ฯ ไว้สักการบูชา และยังก่อสร้างกุฏิสำหรับเป็นที่พักอาศัยของสมภารเจ้าอาวาส ซึ่งประมาณค่าก่อสร้าง ถึง ๑ แสน ๕ หมื่นบาท ธรรมศาลา ๑ หลัง ราคา ๔แสนบาท กุฎิ ๕ หลัง ๒ แสนบาท ร.ร. ๑ เป็นตึก ๒ ชั้น กว้าง ๙ เมตรยาว ๕๔ เมตร ราคาหนึ่งล้านบาทเศษ ส่วนทางปฏิบัติสมณกิจก็นับว่า ท่านพระครูเจ้าอาวาสได้ปฎิบัติมั่นอยู่ในศีลธรรม จนประชาชนหลายชาติ หลายภาษาพากันนิยมเลื่อมใสทั่ง ๆ ไป ดังปรากฏเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วทุกขณะจึงเห็นได้ว่าวัดช้างให้มีความเจริญแล้วด้วยประการทั้งปวงสมเกียรติพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากท่านอาจารย์
หลังจากนั้นมา ท่านเริ่มสนใจในคำปวารถณาของหลวงพ่อทวดว่าจะเอาอะไรให้ขอ ก็พอดีพวกชายหนุ่ม ๆ ผู้ชอบทางคงกะพันได้พากันมาขอ ให้ท่านอาจารย์สักลงกระหม่อมให้ เพื่อมีไว้คุ้มครองตัว ท่านระลึกถึงหลวงพ่อทวด ๆ แล้วก็สักให้สุดแล้วแต่มือจะลากพาตัวอักขระไปเพราะท่านเองยังไม่ได้ศึกษาในเรื่องนี้ และได้สั่งสอนให้พวกศิษย์ที่มาสักประพฤติแต่ความดี ปรากฏว่าศิษย์ท่านอาจารย์วัดช้างให้สมัยนั้น เกิดลองดีกันทางคงกะพัน แล้วไม่มีศิษย์อาจารย์อื่นสู้ได้เลย ( ขณะนั้นก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพียงเล็กน้อย ) หลังจากนั้นมาทางคณะสงฆ์ผู้ใหญ่สั่งห้ามพระภิกษุทำการลงกระหม่อม ท่านอาจารย์ ฯ จึงได้ระงับงดการสักตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้ แต่คุณอภินิหารยังปรากฏอยู่
หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด โกรธทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ครั้งนั้นทางการทหารญึ่ปุ่นได้เอารถไฟสายใต้ของไทยทั้งขบวน ไปใช้ทำการขนส่งสัมภาระเข้ากลันตันโจมตีสิงคโปร์ รถไฟขบวนนี้ต้องแล่นผ่านหน้าวัดช้างให้ไปตามราง ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเขื่อน (สถูป ) อยู่ทุกๆวัน ต่อมาวันหนึ่ง ในเดือนมกราคม ๒๔๘๕ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. รถไฟขบวนนี้แล่นกลับมาจากสุไหงโก-ล๊ก ถึงหน้าวัดหัวรถจักรเคียงขนานตรงกับสถูปพอดีทันทีนั้น เหตุการณ์อัศจรรยที่ยังไม่มีใครพบเห็นปรากฏขึ้น คือรถไฟขบวนนั้นติดตรึงอยู่กับที่ จะเคลื่อนต่อไปอีกไม่ได้ เครื่องรถจักรยังคงเดินตามปรกติ ล้อเหล็กกำลังหมุนอยู่บนรางเหล็กในที่เดิม จึงเกิดความร้อนมาก มีประกายไฟแดงพราว ไปทั้งสองข้างขบวนรถนั้น อยู่สักครู่พนักงานหัวรถจักรและทหารญี่ปุ่นก็จนปัญญา ไม่สามารถจะแก้ไขนำขบวนรถเคลื่อนที่แล่นไปได้ จึงให้รถจักรถอยหลังไปประมาณ ๑ ก.ม. แล้วเร่งฝีจักรเต็มที่แล่นมาใหม่อีกแต่พอหัวรถจักรเคียงขนานสถูปในที่เดิมก็เคลื่อนที่ต่อไปไม่ได้อีก รถไฟขบวนนี้จึงทดลองแล่นมาและถอยหลังกลับอยู่ตั้งแต่ ๑๕.๐๐ น. จนกระทั่งใกล้จะค่ำก็ผ่านไปไม่ได้ประชาชนชาวบ้านใกล้เคียงชวนกันมายืนดูความอัศจรรย์ครั้งนี้อย่างล้นหลาม
ฝ่ายท่านอาจารย์เจ้าอาวาส ก็ได้ยินเสียงเครื่องจักรรถไฟดังสนั่นสะเทือนไปมาอยู่หน้าวัด แต่ธุระไม่ใช่ท่านจึงไม่ได้สนใจออกจากกุฏิมาดูอย่างผู้อื่น แต่เมื่อใกล้จะค่ำอยู่แล้ว รถไฟขบวนนี้ก็ยังคงวิ่งไปมาอยู่ที่เดิม ท่านนึกสงสัย จึงคิดว่าทหารญี่ปุ่นมาทำอะไรอยู่หน้าวัดท่านจึงลงจากกุฏิไปดูกับเขาบ้าง เมื่อปรากฏแก่สายตาของท่านว่าหัวรถจักรติดอยู่เพียงสถูปทุกๆครั้ง ที่ขณะกลับไปมา ท่านจึงนึกว่าจะเป็นอภินิหารของท่านหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เล่นงานขบวนรถไฟนี้เสียแล้ว ท่านอาจารย์จึงเดินเข้าไปใกล้สถูปแล้วนึกในใจว่า ถ้าหากหลวงพ่อทวดลงโทษ ยึดขบวนรถไฟนี้แล้วก็ขอให้ยกโทษ ปล่อยให้เขาไปทำงานตามหน้าที่ของเขาเถิด เขาเป็นพวกนอกศาสนาไม่รู้จักอะไร อย่าถือโทษเขาเลยและทันทีนั้นรถไฟก็ค่อยๆ เคลื่อนจากที่เดิม วิ่งไปได้เป็นปกติ และในคืนวันนั้น ท่านอาจารย์นอนพอเคลิ้มใกล้จะหลับ ก็ได้ยินเสียงพูดที่ข้างหูเป็นเสียงคนแก่พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า อ้ายญี่ปุ่น มาดูถูกพวกเรา ( ชาติไทย ) มันข่มเหงเอารถไฟเราไปใช้ ดีแต่มีลูกๆ อยู่บนรถสองตัว มิฉะนั้นก็จะผลักให้ตกจากราง กูไม่ยอมให้มันเอาไปใช้เป็นอันขาด ท่านอาจารย์ทิมไมทราบว่าอะไร ที่ท่านหลวงพ่อเรียกว่าลูก ๒ ตัว อยู่บนรถ ต่อมาประมาณ ๗-๘วัน ได้มีชายสองคนมาหาท่านที่วัด และขอถวายตัวเป็นศิษย์ และเล่าให้ท่านอาจารย์ ฯ ฟังว่า เขาสองคนเป็นพนักงานหัวรถจักร และวันที่ขบวนรถไฟติดอยู่หน้าวัดนั้น เขาสองคนเป็นคนไทยอยู่บนรถขบวนนั้นนอกจากนั้นเป็นทหารญี่ปุ่นทั้งหมด จึงได้ทราบกันว่า ลูกสองตัวก็คือคนไทยสองคนนี่เอง
ครั้งที่ ๒ ต่อจากขบวนรถไฟญี่ปุ่นถูกหลวงพ่อทวด ฯ ยืด ครั้งที่ ๑ มาประมาณเดือนเศษ วันหนึ่งเวลาเช้า วันหนึ่งเวลาเช้า มีพวกเด็ก ๆ เล่นอยู่หน้าวัดและใกล้ ๆ กับสถูปนั้น ได้พูดเล่ากันถึงหลวงพ่อทวด ฯ ยึดขบวนรถไฟคราวแรก มีเด็กคนหนึ่งพูดท้ากันว่า วันนี้หลวงพ่อทวด ฯ ยึดรถไฟหรือไม่ยึดอีกฝ่ายว่าไม่ยึด ฝ่ายที่ว่ายึดก็ได้เก็บเอาก้นเทียน และธูปที่เหลืออยู่หน้าสถูปจุดไฟขึ้นบูชา และอาราธนาขอให้หลวงพ่อทวด ฯ ยึดขบวนรถไฟซึ่งกำลังวิ่งมา วันนั้นเวลาเช้า มีขบวนรถไฟเช้าระหว่างยะลาหาดใหญ่ พอหัวรถจักรเคียงขนานกับสถูปศักดิ์สิทธิ์ ก็หยุดนิ่งอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไปก็ไม่ได้อย่างครั้งแรก รถทั้งขบวนติดอยู่ ประมาณ ๓๐ นาที จึงเคลื่อนที่ไปได้ปกติ
ครั้งที่ ๓ มีพระอธิการยิ้ม หลวงพ่อแดง พระภิกษุกาว สำนักวัดแป้น อำเภอไทรบุรี จังหวัดปัตตานี ได้พากันไปวัดช้างให้ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๔๙๕ และพักอยู่ที่วัดหนึ่งคืน รุ่งขึ้นวันที่ ๓ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. พระภิกษุทั้ง ๓ รูป ได้มาขอพบข้าพเจ้าที่บ้าน แล้วเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อแดงทราบจากข้าพเจ้าว่า หลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ได้กระทำการยึดรถไฟมาแล้วถึง ๒ ครั้ง เหตุนี้พอตอนเช้าหลวงพ่อแดง จึงเดินออกไปยืนอยู่ข้างสถูปรอรถไฟเช้า ยะลา-หาดใหญ่ แล้วกล่าวคำปรารภขึ้นว่าเขาลือกันมานักว่า หลวงพ่อทวด ฯ มีอภินิหารศักดิ์สิทธิ์มากเคยยึดขบวนรถไฟมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ลูกหลานมาจากที่ไกลใคร่จะขอชมสักครั้ง ชั่วครู่ขบวนรถไฟเมื่อมาถึงหน้าวัดแล้วก็ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่เฉยๆ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้ แต่ล้อรถจักรก็คงหมุนรอบๆ อยู่บนรางอย่างคราวก่อนๆ แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีอะไรยึดอยู่ข้างหลังขบวน หลวงพ่อแดงว่า ท่านเห็นเป็นที่ประจักษ์และตื่นเต้นจนขนลุก จึงกล่าวขึ้นว่า ลูกหลานได้ชมแล้ว ขอให้ปล่อยไปเถิด ขบวนรถไฟจึงได้เคลื่อนไปเป็นปกติ ครั้งนี้รถไฟติดอยู่กับที่ประมาณ ๘-๙ นาที
__________
ความคิดเห็น