คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วัดช้างให้
วัดช้างให้
ตำบลป่าไร่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
______________________________
วัดช้างให้หมายความว่า ที่ดินสร้างวัดนี้ช้างบอกให้ เป็นวัดโบราณวัดหนึ่งยืนนานประมาณ ๓๕๐ ปีเศษมีเจ้าอาวาสปกครองวัดนี้มาแล้ว ๕ องค์ และทุกๆองค์ปกครองวัดนี้อยู่ได้ไม่นานมักจะมีอุปสรรคนาๆประการ ถึงกับต้องจากไปหรือมรณะ เล่าต่อๆกันมาว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะ อาถรรพณ์วัดนี้แรงมาก เจ้าอาวาสผู้มีบุญบารมีน้อยจึงไม่สามารถครองอยู่ได้ เหตุนี้วัดช้างให้จึงถูกทอดทิ้งให้รกร้างเป็นระยะหลายครั้งหลายหน ร้างลงแต่ละครั้งละหนเป็นเวลาห่างกันนานๆ ตั้งสิบๆปีถึงหลายร้อยปีก็มี ปรากฏว่าเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๔ ท่านอาจารย์ทิม ธมมธโร (ท่านพระครูวิสัยโสภณ )ได้เข้าครองเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างให้ เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ ๕ ขณะที่ท่านควบคุมการแผ้วถางป่า ในบริเวณวักร้างนี้ต้องตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ๆขนาดคนโอบไม่รอบเสียหลายต้น นี่ก็แสดงให้รู้ว่าวัดร้างมานานมาก ต้นไม้จึงใหญ่โตขนาดนี้ เมื่อแผ้วถางป่าปราบพื้นที่ลงเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าวัดช้างให้เป็นพุทธภูมิที่เหมาะสม เป็นที่น่าอยู่อาศัยของสมณะผู้แสวงธรรมรักสงบจึงได้มีพระภิกษุและสามเณรเข้ามาอาศัยจำพรรษาเรื่อยๆมา
เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกทั่วประเทศไทยจนเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ รถไฟสายใต้ หาดใหญ่-สุไหงโก-ล็ค (หาดใหญ่-สุไหงโกลกในหนังสือเขียนผิด )ต้องทำการขนส่งทหารญี่ปุ่น และสัมภาระผ่านประตูวัดช้างให้วันละหลายๆครั้งประชาชนตื่นตกใจหวาดกลัวภัยสงคราม ไม่เป็นอันจะทำมาหากิน การบูรณธวัดช้างให้จึงหยุดชงักลงชั่วคราว (ท่านพระครูวิสัยโสภณ เข้ามาอยู่ในวัดช้างให้ประมาณ ๔ เดือน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ) หลังจากสงครามครั้งนี้สงบลงญี่ปุ่นเป็นฝ่ายยอมแพ้ ประชาชนชาวพุทธก็ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ส่วนพี่น้องชาวพุทธที่อยู่ใกล้เคียงกับวัดก็ได้ร่วมมือร่วมใจกันสละแรงงานช่วยเหลือการบูรณะวัดต่อเติมจนเรียบร้อย
เมื่อการบูรณะวัดช้างให้ สะอาดสอ้านตาขึ้นมาก ทางด้านสถูปศักสิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิของท่านช้างให้องค์แรกหรือหลวงพ่อทวดฯ ประดิษฐานอยู่ที่หน้าวัดนั้นก็เป็นแรงจูงใจของประชาชนหลายชาติหลายภาษา ให้มาเคารพบูชา นำลาภสักการหลั่งไหลเข้าสู่วัดนี้เรื่อยๆมาท่านพระครู ฯ จึงดำริที่จะสร้างอุโบสถไว้ เพื่อเป็นหลักใหญ่ในพระพุทธศาสนา และจะได้เป็นที่อาศัยของพระภิกษูสงฆ์ในวัดได้สังฆกรรมต่อไป ความจริงนั้นครั้งโบราณกาลมาวัดนี้ก็เคยมีโบสถ์มาก่อนแล้ว แต่ชำรุดสลายตัวไปหมดเพราะกาลเวลา ที่ปรากฏให้เห็นเพียงพัทธสีมา และเนินดินที่เป็นโบสถ์เก่าเท่านั้น ท่านพระครูจึงได้กำหนดพิธีวางศิลาฤกษ์ อันเป็นรากฐานของโบสถ์แห่งใหม่ ในวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ แล้วขุดดินลงรากก่อกำแพงผนังโบสถ์ สืบต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๙๖ งานก่อสร้างสำเร็จลงเพียงกำแพงโบสถ์โดยรอบเท่านั้น งานก่อสร้างก็ได้หยุกชะงักลง ๘-๙ เดือนเพราะหมดเงินทุนที่จะใช้จ่ายต่อไป
ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๙๗ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หรือท่านสมภารองค์แรกของวัดช้างให้ ได้ประทานนิมิตฝันอันเป็นมงคลยิ่งแก่ นายอนันต์ คณานุรักษ์ หรือผู้เขียน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ห่างไกลจากวัดประมาณ ๓๑ กอโลเมตร ให้ผู้เขียนมาจัดการสร้างพระเครื่องลางเป็นรูปพระภิกษุชราขึ้นแทนองค์ของท่าน และเตรียมงานสร้างพระพร้อมแล้วถึง ๑๙ มีนาคม ๒๔๙๗ ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเที่ยงตรง ได้ฤกษ์พิธีปลุกเสกเบ้าและพิมพ์พระเครื่องเรื่อยๆมาทุกๆวัน จนถึงวันที่ ๑๕ เมษยน ๒๔๙๗ พิมพ์พระเครื่องได้ ๖๔,๐๐๐องค์ ( จะพิมพ์ให้ได้ ๘๔,๐๐๐องค์แต่เวลาจำกัดในพิธีปลุกเสก ) ก็ต้องหยุดลง เพื่อเอาเวลาเตรียมงานพิธีปลุกเสกพระเครื่อง ตามที่หลวงพ่อทวด ฯ กำหนดให้ท่านพระครูปฎิบัติ
ถึงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๙๗ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเที่ยงตรง ได้ฤกษ์ปลุกพระเครื่อง ณ เนินดินบริเวณโบสถ์เก่า โดยมีท่านพระครูวิสัยโสภณเป็นองค์ประธานในพิธีและนั่งปรก ได้อาราธนาอัญเชิญพระวิญญาณหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พร้อมด้วยวิญญาณหลวงพ่อสี หลวงพ่อทองและหลวงพ่อจันทร์ ซึ่งหลวงพ่อทั้งสามองค์นี้สถิตย์อยู่ร่วมกับหลวงพ่อทวด ฯ ในสถูปหน้าวัด ขอให้ท่านประสิทธิ์ประสาทความศักสิทธิ์ขลังแก่พระเครื่อง ฯ นอกจากนี้ยังมีหลวงพ่อสงโฆสโกเจ้าอาวาสวัดพะโคะเวลานี้ พระอุปัชฌาย์ดำวัดศิลาลอย พร้อมด้วยพระภิกษุอาวุโสและคณะกรรมการ มีนายอนันต์ คณานุรักษ์ นายชาติ สิมศิริ นายกวี จิตกูล นายวิศิษฐ์ คณานุรักษ์ นายวิทยา๕ณานุรักษ์ นายสุนนท์ คณานุรักษ์ และนายจำนูญ คณานุรักษ์ ได้ร่วมกันทำการแจกจ่ายพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ให้แก่ประชาชนผู้เลท่อมใส ซึ่งมาคอยรอรับอยู่อย่างคับคังจนถึงเวลาเที่ยงคืนปรากฏว่าในวันนั้นกรรรมการได้รับเงินจากผู้ใจบุญ โมทนาสมทบทุนสร้างโบสถ์เป็นจำนวน ๑๔,๐๐๐ บาท
หลังจากนั้นมา ด้วยอำนาจบุญบารมีอภินิหารหลวงพ่อทวด ฯ ดลบันดาลให้พี่น้องหลายชาติหลายภาษาร่วมสามัคคีสละทรัพย์โมทนาสมทบทุนสร้างโบสถ์เรื่อยๆ มางานก่อสร้างโบสถ์ จึงมีกำลังดำเนินการต่อไปโดยมิได้หยุกยั้งจนถึงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๙๙ ได้จัดทำพิธียกช่อฟ้าและวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๑ พิธีผูกพัทธสีมา โบสถ์หลังนี้เสร็จสมบูรณ์ และพระภิกษุสงฆ์ได้อาศัยทำสังหกรรมถึงเวลานี้ รวมค่าก่อสร้างประมาณ ๘ แสนบาทขอให้พี่น้องทุกคน จงรับเอาส่วนกุศลจงทั่ง ๆ กันเทอญ
พี่น้องทั้งหลาย ผู้ใดที่ยังไม่มีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไว้บูชา หรือท่านเคยมีแล้ว แต่หากสูญหายไปแต่ท่านก็ยังมีความเลื่อมใสในอภินิหารของท่านอยู่ เพื่อท่านจะได้ขอความคุ้มครองพิทักษ์รักษา ให้แคล้วคลาดปลอดภัยนานาประการ ท่านจงระลกถึงหลวงพ่อทวด ฯ และอาราธนาคาถา "นะโมโพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " ในเวลาที่จะให้ท่านคุ้มครอง และรักษาโรคภัยบางประการ ท่านจะได้รับผลเช่นเดียวกันกับท่านมีพระเครื่องรูปขององค์ท่านอยู่ประจำตัวเช่นเดียวกัน
อนันต์ คณานุรักษ์
๒๙ คาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี
ความคิดเห็น