ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TEAR of CANDLE , CANDLE of LIFE (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Sad Ending

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 51


    href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" /> /> /> />

    TEAR of CANDLE , CANDLE of LIFE

     

     

      ...วันหนึ่งในฤดูหนาว...แม่จูงมือผมเดินฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายเบาๆไปยังโบสถ์แถวชานหมู่บ้าน....

    โบสถ์ที่นั่นเล็ก... สร้างด้วยไม้...

    อากาศข้างนอกหนาวยะเยือก......

    .....ข้างในนั้น มีเทียนไข....

    เทียนไขเล็กๆอยู่บนเชิงเทียน....แสงเล็กๆของมันส่องวิบวับ....

    แสงๆเดียวที่มีอยู่ ทำให้บรรยากาศช่างอบอุ่น.....ทั้งที่ภายนอกหนาวเหน็บ....

    แสงเทียนเล็กๆ...แต่อบอุ่น

    มือของแม่ที่กุมมือเล็กๆของผม.....

    ก็อบอุ่น...

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    วันนี้แสงเทียนยังคงส่องประกายสว่างสดใส....

     เพื่อนบ้านใหม่ย้ายเข้ามา มีเด็กชื่อแม็คเครนด้วย เขาอายุเท่าผม แต่ตัวเล็กกว่าผมเยอะเลย แม็คเครนกับผมเล่นด้วยกันทุกวัน เขาชอบปีนต้นแอปเปิ้ลที่ขั้นระหว่างบ้านผมกับแม็คเครน

    ช่วงนี้เป็นฤดูออกผลของมัน วันนี้แม็คเคลนเลยเก็บผลไม้สีแดงหวานกรอบไปให้คุณน้าทำพายแอปเปิ้ลอร่อยๆ แล้วนั่งกินกับผมเวลาน้ำชา..

     ผมอยู่กับแม็คเครน สนุกที่สุดเลย......

     

    วันนี้แสงเทียนส่องแสงเจิดจรัสกว่าทุกวัน....

      ในที่สุดผมกับแม็คเครนก็โตพอจะได้เข้าโรงเรียนแล้ว ผมดีใจมากๆเลย ได้ไปโรงเรียนที่มีคุณพ่อแสนใจดี และ โบสถ์ใหญ่ๆประดับด้วยกระจกสีสวยๆ

    แม่บอกว่าที่โรงเรียนจะมีเด็กอายุเท่าผมอีกเยอะเลย ผมจะได้เพื่อนใหม่เยอะแยะ แต่ผมคิดว่า ผมมีแค่แม็คเครนเพื่อนคนเดียวก็พอแล้วล่ะ

     

    วันนี้แสงเทียนยังคงส่องให้ความสว่าง....

      ที่โรงเรียนผมมีเพื่อนใหม่เยอะ แม็คเครนก็ด้วย ยิ่งเด็กผู้หญิงน่ะ ชอบชวนแม็คเครนไปเล่นเรื่อยเลย แต่ว่าแม็คเครนไม่ไป แม็คเครนไปกับผมและเพื่อนๆของเรา ผมกับแม็คเครนจะอยู่ด้วยกันเสมอ

    ผมชอบที่จะไปโรงเรียนทุกวันๆ ที่นั่นมีเพื่อนๆ มีความรู้ใหม่ๆ ผลไม้แช่อิ่มทำเองอร่อยๆที่คุณพ่อชอบทำแจก และที่สำคัญ คือ ที่นั่นมีแม็คเครนเพื่อนที่ผมรักที่สุดในโลก..

     

    วันนี้แสงเทียนจางลงเล็กน้อย...

      พอโรงเรียนเลื่อนชั้น ผมกับแม็คเครนถูกจับแยกห้องกัน ตอนแรกๆ แม็คเครนก็ยังมาเล่นกับผม แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมาหาผมเลย แม็คเครนอยู่กับเพื่อนใหม่ของเขา อยู่กับพวกเด็กผู้หญิงมากขึ้นด้วย ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบเอามากๆด้วย ไม่ชอบจริงๆ

     

    วันนี้แสงเทียนอ่อนแรงลงอีก...

       แม็คเครนกับผมไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วแถมเขายังเข้าชมรมฟุตบอลอีก

    แต่ก่อนผมยังได้เจอเขาตอนกลับบ้าน แต่ตอนนี้ แทบไม่ได้เจอเขาเลย เจอกัน ก็ไม่ค่อยได้พูดกัน แม็คเครนจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆทั้งในห้องและในชมรมของเขาเสมอๆ พวกเด็กผู้หญิงรอบๆตัวแม็คเครนก็เยอะขึ้นด้วย

    เพื่อนๆของผมก็ดีต่อผม ทำให้ผมหัวเราะ และสนุก

    ผมชอบพวกเขา แต่ว่า...

    แต่ว่า...

    ผมก็ยังเหงา...

     

    วันนี้แสงเทียนส่องแสงอย่าหงอยๆ....

      แม็คเครนมีแฟนแล้ว กับเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียน แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ ผมก็ไม่เห็นหน้าเขา ผมไม่ได้คุยกับเขาเป็นเดือนๆแล้ว เขาใช้เวลาทั้งหมดให้เพื่อน ให้แฟนสาว จนลืมผมสนิทเลย ไม่มีเขาแล้วผมเหงามากๆ เหงา..เหงา....เหงาจนแทบร้องไห้เลย...

     

    วันนี้แสงเทียนระริกไหว...

        ท้องฟ้าครึ้มเมฆฝนทั้งวัน เย็นนี้ฝนตกแน่อย่างไม่ต้องสงสัย ผมกลับมาบ้านเจอแม็คเครนด้วย กำลังจะเข้าบ้านพอดี ผมรีบทักเขาทันทีเลย แม็คเครนหันมาหาผมพร้อมกับยิ้ม ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันแหยๆยังไงไม่รู้ เขาทักทายผมแล้วรีบเข้าบ้าน...

    เช้านี้ผมตื่นเร็ว เมื่อคืนฝนตกหนักมาก พื้นดินเปียกแฉะไปหมด ผมรีบสวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ ถือกระเป๋าวิ่งออกจากบ้าน ผมเห็นหลังกว้างๆของแม็คเครนอยู่ลิบๆ ผมตะโกนเรียก แล้วรีบวิ่งไปหาเขา

    วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้เดินไปโรงเรียนกับแม็คเครน ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เราเดินไปด้วยกัน ผมพูดจ้อไปเรื่อยๆ ให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันนาน แม็คเครนเขาฟังผมเงียบๆ...ไม่ได้ยิ้ม หรือหันมามองหน้าผม....

     

    วันนี้แสงเทียนส่องแสงจางๆ..ไร้ความอบอุ่น...

        ผมวิ่งออกไปหาแม็คเครนทันที เขากำลังจะออกนอกรั้วบ้านผมไป ครอบครัวของแม็คเครนไปเที่ยวในเมืองหลวงมา แม็คเครนจึงถูกวานให้เอาของฝากมาให้ แม่มาปลุกผมให้ลงไปเจอกับเขา ผมไม่ทันจะได้ล้างหน้าล้างตา เขาก็รีบออกจากบ้านไปเสียแล้ว

    ลมหายใจผมเป็นไอเพราะอากาศของช่วงปลายปี ผมหายใจหอบจากความเหนื่อย ความเย็นเยือกผ่านชุดนอนบางๆเข้ามากระทบ ทำให้ตัวผมเริ่มสั่นเทาด้วยความหนาว แม็คเครนเดินลับไปไกลโดยไม่ได้สนเสียงผมที่ร้องเรียก

    ผมหนาวทั้งกาย และใจ.....

     

    วันนี้แสงเทียนส่องสว่าง.....

      ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองกล่องของขวัญไปย่อมที่ผูกด้วยริบบิ้นสีเขียวและสีแดง วันนี้เป็นวันคริสมาสต์อีฟ เป็นไวท์คริสมาสต์อีฟเสียด้วยเพราะวันนี้หิมะตกแรงมากๆ ที่สำคัญคือ วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของแม็คเครน! บ้านแม็คเครนจัดงานเลี้ยงเล็กๆ คุณน้าเป็นคนมาชวนผมไปงาน ผมนึกน้อยใจเล็กๆที่แม็คเครนไม่มาชวนผมเอง แต่ช่างมันเถอะ เพราะอีกไม่กี่นาที ผมก็จะได้เจอกับเขาแล้ว...

     

    ในบ้านคนเดินสวนกันเยอะแยะมากมาย ดูคึกคักและสนุกสนาน ผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินชอบกล พอมาถึงผมจึงได้แต่เอาของขวัญวางกองรวมกับห่ออื่นๆ

    รอบๆตัวแม็คเครนมีแต่เพื่อนๆ ผมไม่มีโอกาสแม้แต่เห็นหน้าเขาชัดๆ หุ่นนักกีฬาของแต่ละคนทำให้ผมดูราวกับคนแคระ

    นั่นสินะ... เพราะไม่ค่อยได้เจอกัน จึงไม่รู้เลยว่าแม็คเครนสูงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ....สูงกว่าผมขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่...

    ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมก็ยังไม่ได้แม้เพียงจะพูดอวยพรวันเกิดกับแม็คเครน ได้เพียงแต่นั่งบนขั้นบันไดมองรอยยิ้มของแต่ละคนด้วยความเบื่อหน่าย ดูเหมือนท่าทางเซ็งโลกของผมจะเด่นมากจึงทำให้เพื่อนของแม็คเครนคนหนึ่งเดินมาหาผมพร้อมแก้วใส่น้ำพันซ์ เขาส่งให้ผมแล้วนั่งลงข้างๆ ผมจำเขาได้ เขาชื่อเฟรดเดอริก เป็นกัปตันชมรมของแม็คเครน เป็นคนดังของโรงเรียนพอๆกับแม็คเครนด้วย

    เฟรดเดอริกคุยสนุก..เขาทำให้ผมยิ้มออก เขาทำให้ผมนึกถึงแม็คเครน...

     

    ....แสงเทียนอ่อนจาง สั่นไหว..

    ผมจ้องตาแม็คเครนที่เดินมายืนต่อหน้าผม เขามองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ผมนั้นหุบยิ้มไม่ลง อยู่ดีๆเขาก็ดึงแขนผมกระชากให้เดินตามเขาไป ผมไม่เข้าใจว่าแม็คเครนต้องการทำอะไร รู้เพียงว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาได้ชัดเจนในรอบหลายเดือนมานี่

    แม็คเครนพาผมมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่ร้างผู้คน เขามองผมด้วยสีหน้าที่ผมดูไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร ข้างนอกหิมะยังคงตกหนัก ทั้งผมและเขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมออกมา แต่แม็คเครนดูท่าจะไม่ได้รู้สึกถึงอุณภูมิภายนอกนี่เลย เขาจ้องตาผมอยู่นาน ผมก็มองตอบเขาอย่างไม่เข้าใจ....

    สายลมเย็นพัดผ่านมาวูบหนึ่ง ผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก แม็คเครนเดินกลับเข้าบ้านไปนานแล้ว แต่เสียงทุ้มลึกของเขายังคงก้องในหัว

    ........กลับไปซะ อย่ามาที่นี่..อย่ามาเข้าใกล้ผมอีกเด็ดขาด....

     

    ...แสงเทียนอ่อนแสงเลือนราง...

         รอบๆตัวผมมีแต่ความมืด สองเท้าของผมยังก้าวลุยหิมะต่อไปไม่หยุด กิ่งไม้ตามทางเกี่ยวเสื้อผ้าเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุดเดิน

     ผมกำลังจะไปไหน...ไม่รู้เลย......

    อยู่ๆภาพโบสถ์ไม้เล็กๆก็ปรากฏต่อหน้า มีแสงสว่างจางๆลอดผ่านช่องประตู ผมผลักบานประตูเดินเข้าไปบ้างใน บนแท่นด้านหน้าปักเทียนไขที่เหลือความยาวเพียงนิดไว้

    โบสถ์เล็กๆที่อยู่ในความทรงจำครั้งยังเด็ก... ผมทรุดตัวลงพิงบานประตูไม้บางๆที่แทบกันหิมะไม่ได้

    แสงเทียนสีเหลืองนวลนั้นยังดูอบอุ่นเหมือนเคย... ผมกอดตัวเองไว้แน่นเมื่อลมระรอกหนึ่งพัดลอดเข้ามา

    โบสถ์เล็กๆที่ดูอบอุ่น...แสงเทียนที่ดูอบอุ่น....แต่ทำไม....

    .....ผมถึงหนาวเหลือเกิน............

     

     

    .....วันนี้แสงเทียนโรยแรงเหลือเกิน......

        หิมะบางๆค่อยๆตกลงมาผ่านหน้าต่างอย่างอ้อยอิ่ง ผ้านวมผืนหนาคลุมตัวจนถึงคาง แต่ผมก็ยังรู้สึกหนาว

    ผมมองเกล็ดสีขาวที่ตกลงมาเรื่อยๆ มองมันไปอย่างนั้นทั้งวัน แค่มอง.....

    เสียงหับประตูปิดเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมา ถาดอาหารวางแปะลงที่โต๊ะด้านข้าง ผมยังคงจ้องอยู่ที่เดิม

    แก้วนมอุ่นๆจ่อที่ปากผมอย่างคาดคั้น ของเหลวสีขาวไหลผ่านลงลำคออย่างกล้ำกลืน ผมทิ้งตัวลงนอนไม่ยอมแตะข้าวโอ้ตต้มอ่อนๆวางอยู่ใกล้ๆ

    ผมนอนมองออกไปทางหน้าต่าง ลมหายใจที่ติดขัดตลอดวันทำให้นอนไม่ลงเสียที ร่างกายยังร้อนผ่าว แต่กลับรู้สึกหนาวไม่หาย

    ดูเหมือนความหนาวมันจะเกาะติดตัวผมตั้งแต่2วันก่อนแล้ว...

    วันนั้น ท่ามกลางแสงเทียนอ่อนๆ ผมเผลอหลับไปรู้สึกตัวอีกทีก็เย็นวันต่อมา บนเตียง พร้อมกับร่างกายที่ทั้งอ่อนเพลีย

    ผมไม่เห็นวี่แววของแมคเครนเลย แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมา เขาคงไม่รู้ หรืออาจไม่สนด้วยซ้ำว่าผมจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

    กิ่งไม้อ่อนๆรับน้ำหนักของกองหิมะที่ทับถมมาไม่ไหว จึงได้ลู่เอนลงมา ปล่อยภาระที่หนักอึ้งให้ร่วงหล่น

    ....ผมหลับตาลง ด้วยความทรมาน

     

    ....วันนี้แสงเทียนแทบไม่เห็นความสว่างด้วยเปลวเทียนที่หรี่เล็ก....

         แมคเครนเดินออกไปแล้ว ไม่แม้แต่จะก้าวเข้าบ้านผมด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่นำของจากคุณน้ามาให้แม่ผมเท่านั้น

    เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมหยุดเรียนไป3วันแล้ว

    มือที่เกาะราวบันไดเย็นเฉียบจนเริ่มชา ทั้งบ้านมืดหมดแล้วแต่ผมยังทรุดตัวนั่งอยู่ที่เดิม มือที่ชาเพราะความเย็นคลายออก ก่อนที่ตัวผมจะเอนนอนลงไปพร้อมกับสติที่หลุดลอย

     

     

         ผมอยู่บนเตียงอีกแล้ว นอนหอบด้วยความทรมานเหลือกำลัง หายใจแทบไม่ออก ร่างทั้งร่างสั่น ความหนาวเข้าครอบคลุมทั่วสรรพางค์ มีเพียงหยดน้ำที่หยดแหมะลงบนมือที่ผมรู้สึกว่าร้อน

     ภาพของคุณหมอที่เตรียมของวุ่นวายกับภาพพ่อโอบปลอบแม่ที่ร้องไห้  ....มันพร่าเลือน...

    คำว่าตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมทำให้ผมตาพร่าด้วยความมืดมน

    คุณหมอบอกว่าผมเป็นปอดบวมยังไม่ทันที่หมอจะพูดคำว่า ถึงขั้นรักษาไม่ได้แล้ว หยดน้ำตาของแม่ก็ร่วงผลอยราวทำนบแตก

    ผมนอนลง พักร่างกายที่อ่อนล้า.....

    การหายใจตอนนี้ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน ลมหายใจที่ติดขัดทำให้ผมอยากจะหยุดหายใจเสียเดี๋ยวนี้

    ทรมาน....ทรมาน....

     

    เสียงตึงตังดังลั่นในกลางดึก ลมหายใจที่ระรวยรินทำให้ผมไม่มีแรงหันไปมอง เสียงประตูเปิดดังปังราวกับพายุพัด ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อร่างทั้งร่างถูกกระชากเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น......

    ร่างของผมสั่นเทา สั่นด้วยแรงสะอื้นของร่างสูงใหญ่ที่กอดผมแน่น ดวงตาผมได้แต่จ้องมองตรงประตูที่เปิดอ้า เห็นแสงไฟด้านนอกที่ส่องสว่าง รับรู้เพียงหยดน้ำร้อนจี๋ที่ไหลรินรดไหล่ผมอยู่

    เจฟฟี่...เจฟฟี่.... เสียงทุ้มพร่ำเรียกชื่อผม.... ชื่อที่ผมยอมให้คนเพียงคนเดียวได้เรียก  ...แมคเครน...แมคเครน......

    ริมฝีปากแห้งผากขยับแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอด.....แมคเครน.... ผมพยายามเรียกเท่าไหร่ เสียงก็ไม่ออกเสียที

    เจฟฟี่...เจฟฟี่....ขอโทษ....ฉันขอโทษ....เจฟฟี่ ฉันรักนายนะ ได้โปรด อย่าเป็นอะไรไปนะ หยดหยาดน้ำตากลายเป็นม่านน้ำบังตาผมจนมองเห็นแผ่นหลังกว้างเลือนลาง

    เจฟฟี่ ฉันขอโทษที่หลบหน้า ...ขอโทษที่พูดไปแบบนั้น ฉันขอโทษ....

    ความในใจทั้งหมดของเขาพรั่งพรูออกมา...ผมไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้นโอบกอดเขาเลย

    ฉันรู้ตัวว่ารักนาย แต่ฉันขี้ขลาดเกินไปที่จะยอมรับ...ทั้งที่เป็นคนตัดใจจากนายเองแท้ๆ แต่กลับหวงนายกับคนอื่นจนพูดจาแย่ๆออกไป ฉันมันขี้ขลาด สารเลว...ขอโทษ... เจฟฟี่.... ฉันขอโทษ....

    ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พยายามจะพูดตอบเขาไป แต่ก็ไม่มีเสียงใดลอดผ่านออกมา ทำได้เพียงขยับมือแตะหลังเขาเพียงแผ่วเบา

    หัวใจของผมมันเต้นช้าลงเรื่อยๆ......รอบตัวช่างมืดเหลือเกิน....มืดแต่อบอุ่น......

    ผมปล่อยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงสัมผัสความอบอุ่นของอ้อมแขน ระบายยิ้ม ปิดตาลง.....รับฟังเสียงร่ำไห้ที่ก้องอยู่ในหู

     

    ......สายลมอ่อนๆพัดลอดรอยแยกของไม้  สัมผัสเปลวเทียนเล็กๆ....ให้มอดดับลงอย่างนุ่มนวล.........

     

    END

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×