คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : BLACK SABBATH Part 1
แสงไฟสว่างวาบกราดตัดสีดำสนิทไปทั่วบริเวณ เพียงเสี้ยววินาทีก่อนหลีกหนีให้ความมืดเข้าปกคลุมดังเดิม เสียงลมพัดหวีดหวิวตีปะทะกับผนังกระจกซึ่งชุ่มไปด้วยหยดน้ำ พื้นระเบียงเจิ่งนองเพราะเม็ดฝนที่ทิ้งตัวลงมาอย่างไม่ขาดสาย เดือนธันวาคมเป็นเวลาแห่งฤดูหนาว หากหิมะขาวโพลนกลับถูกแทนที่ด้วยความเฉอะแฉะของละอองฝน ผลพวงจากสภาพอากาศอันเลวร้าย
เหตุการณ์ธรรมชาติที่ถูกปั้นแต่งผิดฤดูถูกเฝ้ามองผ่านฉากกั้น แสงฟ้าแปลบปลาบยังคงท้าทายความมืดอยู่เป็นระยะ ค่อยเผยให้เห็นพื้นไม้เงาวับโทนน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์ผิวเรียบเนื้อดีทำมุมเก้าสิบองศากับจอแอลซีดีขนาดยี่สิบเก้านิ้ว ซึ่งไม่ได้ถูกใช้งานอาจเพราะเกรงอันตราย สิ่งเดียวที่ถูกเปิดสวิตซ์คงจะเป็นเครื่องปรับอากาศที่แผ่ไอเย็นราวกับจะท้าทายอุณหภูมิติดลบภายนอก
ทุกอย่างเกิดขึ้นในที่เดียวกัน...แต่กลับเหมือนคนละเวลา
เสียงโทรศัพท์กรีดร้องแทรกเสียงฟ้าคำราม ฮันคยองยังคงนั่งประสานมือเบี่ยงหน้าไปทางระเบียง ผ้าม่านถูกรูดไปชิดมุมสองฝั่งทั้งที่ทัศนียภาพก็ไม่ได้จำเริญตานัก ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าเขาปลดล็อคบานกระจกแล้วเลื่อนเปิดแม้เพียงนิด
ความเย็นจากธรรมชาติจะแผ่เข้ามา...ให้รู้สึกโล่งเนื้อโล่งตัวพิลึก
แต่คงต้องเสี่ยงกับแรงลม ไหนจะความหนาวเหน็บ...
ถอนหายใจอย่างเบาที่สุดถึงตัวเองจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องมืดนี้ก็ตาม มือเรียวที่ผ่านการฝึกฝนมาจนช่ำชองเลื่อนไปคว้าเจ้าอุปกรณ์สื่อสารที่ส่งเสียงเรียกความสนใจ ไม่จำเป็นต้องอ่านชื่อบุคคลโทรเข้าฮันคยองก็รู้ได้ว่าเป็นใคร
วันนี้...เวลานี้ ไม่รู้ว่าเขาควรจะดีใจหรือเสียใจดี
“ฮัลโหล...ฮันคยองใช่มั้ย” ปลายสายคือคนที่คิดไว้ไม่ผิด ชายหนุ่มผู้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและร่วมอุดมการณ์เดียวกัน
“มีอะไรหรอคิบอม” ฮันคยองถามทั้งที่รู้คำตอบ การประชุมเมื่อสองวันก่อนคงจะได้ผลสรุปแล้วหลังจากพวกเขาต้องปรึกษากันอย่างที่เรียกได้ว่าหามรุ่งหามค่ำ ระดมความคิดพร้อมกับเสนอแนะทุกทาง...เพื่อหลีกเลี่ยง
“ที่เราประชุมกันวันนั้น ข้างบนมีมติออกมาแล้ว...” เสียงทุ้มต่ำเว้นวรรคเพื่อหยุดหายใจ ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งของคนที่พวกเขาเรียกว่าหัวหน้าหรือผู้กำกับในเวลาที่เป็นทางการ
ฮันคยองลุกขึ้นก่อนก้าวเดินไปยังทิศทางที่ทอดมองเมื่อครู่ ไอน้ำเกาะแผ่นใสจนเป็นฝ้าคาดว่าอุณหภูมิภายในคงไม่เกินสิบแปดองศา กระพริบตาถี่เมื่อเลื่อนสายตาไปยังท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม ไร้วี่แววของดาวเพราะถูกกลบด้วยเมฆหมอกและแสงฟ้าแปล๊บปลั๊บแยงตา ชายหนุ่มเลื่อนมือไปขยับอะลูมิเนียมที่พันธนาการบานประตูโปร่งแสงอันเป็นเหมือนฉากกั้น ก่อนออกแรงผลักมันไปทางซ้ายเบาๆ
...ความเย็นจากธรรมชาติแผ่เข้ามา ให้รู้สึกโล่งเนื้อโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก
“ท่านซึงฮวานมีคำสั่งมาถึงหน่วยงานของเรา....”
...ตามด้วยความหนาวเหน็บจากแรงลมที่ตีปะทะจนต้องห่อตัว
................................................
ภายในห้องทำงานของเจ้าพนักงานระดับสูง ความเคร่งเครียดซึ่งรายล้อมบุคคลทั้งสองนั้นเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้อาวุโสกว่าทั้งยศศักดิ์และอายุฉายแววครุ่นคิดอย่างปิดไม่มิด ดวงตาสีชาที่เคยเรียบนิ่งบัดนี้กลับดูลุกลี้ลุกลนจนคนมองสังเกตุได้
คิบอมยืนสงบนิ่งแสดงออกคล้ายไม่ใส่ใจ หากคอยลอบมองปฎิกริยาของผู้เป็นนายอยู่ตลอดเวลา เช้านี้เพียงแค่เหยียบย่างเข้ามาในสำนักงานก็มีหมายเรียกให้เข้าพบด่วนที่สุด ในตอนนั้นไม่ต้องถามชายหนุ่มก็รู้ดีว่าเรื่องอะไร แล้วเอาเข้าจริง มันก็ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้เลย
...คดีของผู้ต้องหาคนสำคัญที่คั่งค้างมาเกือบปี...
“ไม่ว่ายังไงนะคิบอม พวกนายต้องปิดคดีนี้ให้ได้ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” ซึงฮวานว่าเสียงเครียดหลังจากเงียบอยู่นาน ความตระหนกที่เจืออยู่ในน้ำเสียงชวนให้คนฟังยิ้มหยัน ด้วยรู้ว่านี่ไม่ใช่คำสั่ง หากคือคำประกาศิตที่พวกเขาต้องน้อมรับและปฎิบัติตามอย่างไม่มีข้อผิดพลาด แล้วคำว่าปิดคดีที่ว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร....
เมื่อช่วงเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว เกิดเหตุฆาตกรรมที่กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วเกาหลี สื่อมวลชนและบรรดาองค์กรต่างๆรวมทั้งพวกธุรกิจมืดต่างจับตามองคดีนี้อย่างสนใจ เมื่อคิม มินซอง ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานพิเศษแห่งนี้ถูกลอบยิงภายในห้องพัก กระสุน.357ตรงเข้าศีรษะอย่างไม่พลาดเป้า เป็นเหตุให้บุคคลซึ่งเปรียบเสมือนหัวเรี่ยวหัวแรงของหน่วยงานนี้มาโดยตลอด ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสลดใจและไร้ผู้กระทำผิด
...สำหรับเขา มินซองไม่ใช่แค่หัวหน้า
หากชายผู้นั้นยังเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขารักและเคารพที่สุด...
คิบอมเงยหน้าขึ้นมองนายใหญ่คนปัจจุบัน ความแข็งกร้าวแฝงอยู่ในดวงตาซึ่งฉายแววเด็ดเดี่ยวอยู่เป็นนิจ ร่างสูงกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเผลอกระทำการอุกอาจที่จะส่งผลเสียต่อแผนการ แม้ใจอยากจะเหนี่ยวไกใส่คนเลวตรงหน้าก็ตามที
“เอาล่ะ นายออกไปเถอะคิบอม ยังไงช่วงนี้ก็ทำงานหนักกันหน่อยนะ” ซึงฮวานเอ่ยกับชายหนุ่มอย่างให้กำลังใจ พยักหน้าเล็กน้อยเมื่ออีกคนทำความเคารพก่อนจะเดินออกไป
หลังออกมาจากห้องของซึงฮวานแค่ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงใครอีกคนทันที
“ฮัลโหล...ฮันคยอง หมอนั่นอยู่กับนายใช่ไหม”
...........................................................
ดวงตาคมมองโทรศัพท์ที่เพิ่งใช้งานไปเมื่อครู่ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ เสื้อเชิ้ตสีเข้มถูกปลดกระดุมบนจนเผยให้เห็นแผงอกกำยำ แสงไฟสลัวภายในห้องฉาบไล้เสี้ยวหน้าได้รูปที่เรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ ชายหนุ่มยื่นมือไปรับแก้วใสที่บรรจุน้ำสีอำพันหรือคอนยัคก่อนจะสัมผัสกับความขมปร่าหากนุ่มลิ้นในคราวเดียว
“ไอ้แก่นั่นกำลังทำตัวเหมือนหมาลอบกัด” คำพูดเสียดสีผิดกับน้ำเสียงที่มีแววขบขัน ก่อนจะรับรสชาติน้ำเมาที่อีกคนส่งมาให้พลางทิ้งตัวลงบนโซฟา ถือวิสาสะยกขาขึ้นพาดบนโต๊ะกระจกเบื้องหน้าอย่างเคยชิน
“สุภาพหน่อย คนที่นายพูดถึงน่ะ...หัวหน้าฉัน” เสียงนุ่มเอ่ยปรามคนปากร้าย แล้วถอนหายใจออกมาเมื่อร่างสูงบนโซฟาเหล่ตามองเป็นเชิงว่าพูดจาไม่เข้าหู ก่อนจะเบนสายตาไปทางวัตถุสีดำยี่ห้อColt 1911ขนาด.45 ที่ถูกวางสงบนิ่งอยู่ตรงปลายเท้าอย่างพร้อมใช้งานทุกเมื่อ
‘หมอนี่...แค่ว่านิดว่าหน่อยก็จะยิงกันซะแล้ว’
คิดในใจอย่างเอือมระอาขณะเดินมาสมทบพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ ก่อนส่งให้คนตัวสูงกว่าซึ่งกำลังทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดี มือหนาพลิกหน้ากระดาษไปมาพลางกวาดสายตาอย่างคร่าวๆ หากคนมองนั้นรู้ว่าเจ้าตัวกำลังประเมินและวิเคราะห์รายละเอียดของภารกิจนี้อย่างถี่ถ้วน
ดวงตาเรียวที่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นสงบนิ่ง ชั่วครู่ปรากฎคล้ายรอยวูบไหวเสมือนไม่แน่ใจ เมื่อเจ้าตัวเหลือบไปเห็นสิ่งที่วางสะท้อนกระจกจนเกิดเงาสีดำมะเมื่อม กำลังทอดกายเชิญชวนให้สัมผัสอย่างเคยมือ ยามนี้ดูไร้ซึ่งพิษภัยผิดกับความร้ายแรงของมันนัก
“สัญชาตญาณคนดีเข้าครอบงำรึไง”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นไม่ดังนักแต่ทำให้ร่างโปร่งเกือบสะดุ้งหากยังควบคุมสีหน้าได้ แฟ้มในมือถูกปิดลงพร้อมกับความเงียบเข้าปกคลุม ชวนให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนคนที่กำลังจะโดนต้อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อทำลายความเงียบ ...และพาตัวเองหลุดออกจากดวงตาสีดำลึกล้ำนั่น
คนตัวบางกว่าหลุบตาลงต่ำพลางยืดตัวตรง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นทางการนัยว่าต้องการเข้าประเด็นสำคัญ
“ซึงฮวานจะยืมมือพวกฉันฆ่านาย...เพื่อปิดปาก เพราะฉะนั้นช่วงนี้ฉันอยากให้นายอยู่นิ่งๆซักพัก จะได้ไหม”
เสียงแผ่วไปในตอนสุดท้าย จนคนฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพราะถ้อยคำที่เติมมาไม่รู้ว่ามันเป็นประโยคคำสั่งหรือว่าขอร้องกันแน่ ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างที่เรียกว่าเจ้าเล่ห์ก่อนเลื่อนไปชิดใบหูนิ่มแล้วกระซิบเบาๆ
“ถ้าอยู่ที่นี่กับนาย ฉันก็โอเค” ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปทางห้องนอนอย่างไม่รอให้เจ้าของอนุญาติ เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังลอยมาให้ร่างโปร่งที่กำลังนั่งตัวแข็งต้องกุมขมับอย่างละเหี่ยใจและไม่เข้าใจ
...ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยนะ คิบอม
...แล้วหมอนั่นบอกว่าจะอยู่ที่นี่??
...ตำรวจกับผู้ร้ายอยู่ด้วยกันมันคงจะโอเคหรอกนะ
............................................................
อย่าเพิ่งเอาเอ็ม79มาขว้างนะคะ หุหุ ไม่เครียดไม่งงกันน้า >.<
ภาษารกๆไปบ้างก็อยากให้ปลงกันนะคะ มันห้ามบ่อยู่จริงๆ
แล้วจะเรากลับมาในอีกไม่ช้า ฮุฮุ
ความคิดเห็น