ใต้ร่มมาราตี......
มาราตีนครเป็นมหานครอันยิ่งใหญ่ ที่รวบรวมสุดยอดนักรบและนักปราชญ์ในหลายสาขาวิชาไว้มากมาย อีกทั้งมีทำเลที่ตั้งเหมาะสมแก่การตั้งรกราก ทำเกษตร และเป็นสมรภูมิรบชั้นดี ทำให้มาราตีนครมีความแข็งแกร่งเหนือมหานครอื่นๆในละแวกนั้น
ลลิตนครเป็นอีกนครหนึ่งที่มีความยิ่งใหญ่พอที่จะทัดเทียมมาราตีนครได้ จึงเกิดมีสงครามระหว่างทั้งสองนครอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีใครแพ้ชนะอย่างเด็ดขาด จนถึงสมัยเจ้าครองนครคนหนึ่งแห่งมาราตีนครที่ใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาชนะลลิตนคร ทำให้ลลิตนครล่มสลาย ประชาชนแตกตื่นตกใจพากันหนีตายออกจากนคร บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลย ไม่เหลือสภาพของมหานครอันยิ่งใหญ่อีกต่อไป
การล่มสลายของลลิตนครในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความเคียดแค้นขึ้นในใจของชาวเมืองที่หนีรอดไปได้ทุกคน ความต้องการที่จะแก้แค้นให้บ้านเมืองและพี่น้องที่เสียชีวิตมีมากมายและเพิ่มขึ้นทุกขณะ
สิ่งเดียวที่ทุกคนรอคอยคือเวลาที่เหมาะสม และกำลังพลอาวุธที่เพียงพอ
จนหลายปีผ่านไป "ลลิตา" สาวน้อยผู้กำพร้าทั้งพ่อและแม่ เป็นหนึ่งในชาวเมืองลลิตนครที่รอดชีวิต ตัดสินใจเดินทางไปยังมาราตีนครเพื่อแก้แค้นให้วงศ์ตระกูล ลลิตาตัดสินใจถวายตัวเข้าเป็นสนมในเจ้านครคนปัจจุบัน ด้วยความที่ยังเด็กอ่อนประสบการณ์ จึงคิดเพียงจะสังหารเจ้านครให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จนในที่สุดนักปราชญ์ผู้ใกล้ชิดเจ้าครองนครนามว่า " อาชิณ" จับความรู้สึกของนางได้ จึงพยายามเตือนสตินางให้ล้มเลิกแผนการและหนีไปให้ไกลที่สุด เพราะอาชิณเองก็ไม่อยากเห็นใครต้องตายด้วยเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ ทำให้ลลิตาไม่ยอมทำตามที่อาชิณบอก
ในช่วงเวลาที่ลลิตาอยู่ที่มาราตีนคร อาชิณเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าใจลลิตา รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนาง ทั้งสองจึงใกล้ชิดและสนิทกันมากจนก่อเกิดเป็นความรักขึ้นโดยที่ทั้งสองเองก็ไม่รู้ตัว ตราบจนลลิตาถูกจับได้และถูกสั่งประหาร อาชิณเป็นผู้เกลี้ยกล่อมเจ้าครองนครจนท่านใจอ่อนอภัยโทษให้นาง นอกจากนี้เจ้าครองนครยังมีพระเมตตาช่วยบูรณะซ่อมแซมลลิตนครให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม และมอบเมืองให้ลลิตาปกครองสืบไปตามคำแนะนำของอาชิณ เพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร ด้วยความเมตตาของเจ้าเมืองมาราตีในครั้งนี้ ทำให้ลลิตารู้สึกซาบซึ้งมาก ความเคียดแค้นหมดสิ้นไป ลลิตนครและมาราตีนครจึงกลายมาเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันนับแต่นั้นมา
ตั้งแต่นั้นมาลลิตาก็ทุ่มเทให้ความสนใจกับการบริหารปกครองบ้านเมือง จนไม่มีเวลาคิดถึงความสุขของตัวเอง ทำให้ชาวเมืองรักและศรัทธาในตัวนางมาก ความรักที่เคยมีเมื่อครั้งอยู่ที่มาราตีนครดูเลือนลางและค่อยๆจางหายไปทุกขณะ คงเพราะลลิตาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสิ่งนั้นคือรักแท้ที่หาไม่ได้อีกแล้วในชีวิต มิเช่นนั้นแล้วเธอคงไม่ปล่อยให้ความรักหลุดลอยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
กาลเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ลลิตาแวะเวียนไปยังมาราตีนครเป็นครั้งคราวเพื่อปรึกษาราชการกับท่านเจ้าครองนคร จึงมีโอกาสพบปะพูดคุยกับอาชิณบ้างตามประสามิตรเก่า ครั้งหนึ่งอาชิณได้รับมอบหมายให้ไปติดต่อราชการกับหัวเมืองชายทะเลเพื่อจะขอเจรจาการค้าด้วย แต่ล้มเหลว เจ้าเมืองชายทะเลไม่พอใจอาชิณมากจึงไม่ยอมค้าขายกับมาราตีนคร เป็นผลให้อาชิณต้องโทษโดนกักขังไว้เพื่อรอลงอาญา ลลิตาทราบข่าวจึงเดินทางมาขอรับตัวอาชิณไปอยู่ด้วยกันที่ลลิตนครเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด และในครั้งนี้เองเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คนรักทั้งสองได้รับรู้ความต้องการที่แท้จริงภายในหัวใจตนเอง ได้เผยความรู้สึกรักที่ถูกเก็บซ่อนมานานเป็นเวลาหลายสิบปีต่อหน้ากันและกัน
"มาราตีผิดที่นำพาความฉิบหายมาสู่่บ้านเมืองและคนที่ข้ารัก
แต่ข้าก็ชอบใจที่มีมาราตีเป็นสักขีพยานรักของเจ้ากับข้า"
ถึงแม้เจ้าครองนครจะไม่ตัดสินประหารชีวิตอาชิณ และยังทรงอนุญาตให้เดินทางไปลลิตนคร แต่อาชิณก็ยังยืนยันที่จะตาย เพราะความเป็นปราชญ์จึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าชีวิตตนเท่านั้นที่จะยุติปัญหาได้
สุดท้ายเรื่องราวจะจบลงอย่างไรก็อยากฝากให้ทุกคนช่วยติดตามด้วยนะคะ รับรองไม่ผิดหวัง เรื่องจริงจะใช้ภาษาที่ไพเราะกว่านี้แน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ
นักเขียนฝึกหัด
วาลีญา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น