คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ทาง ๔ แพร่งสู่โลกันตนรก และสำนักพระยายม1
วันนี้เตรียมตัวเดินทางต่อไป แต่ว่าจะเดินทางถึงไหนก็สุดแล้วแต่เวลา แต่ว่าสถานี ๐๔ ตาคลี มีนาวาอากาศตรี มนูญ ชมภูทีป เป็นหัวหน้าหน่วยสื่อสาร แล้วก็มีพันจ่าอากาศเอก กฤษณ์ บำรุงพงศ์ เป็นหัวหน้าสถานี อนุญาตอาตมภาพใช้สถานีท่องเที่ยวได้วันพุธละ ๓๐ นาที ความจริงเที่ยวจริงๆ ไม่ถึง ๓๐ นาที เพราะอะไร เพราะมัวเกะกะตามทาง อันนี้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทคงจะสงสัยว่าทำไมถึงเกะกะ นี่ก็ตอบไม่ยาก ท่านทราบภาษิตโบราณดีอยู่แล้วว่าหัวล้านนอกครู อาตมาก็มีสภาพเผ่าพันธุ์หัวล้านเหมือนกันก็เลยนอกครู ถ้าจะไม่นอกครูประเดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นคนหัวล้านไม่ปฏิบัติตามครู ครูหัวล้านก็เลยต้องเกะกะ เมื่อเกะกะก็เลยไปช้า ความจริงการไปช้าดีกว่าการไปเร็ว เพราะการไปเร็วไม่เห็นข้างทาง ประเดี๋ยวบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจะหาว่า หมอนี่พาเที่ยวดูไม่ครบ
เอาละ ต่อจากนี้ไปขอออกเดินทางกัน การเดินทางไปเมืองนรกไปยากเหมือนกัน หมายความว่าถ้าคนที่ได้ฌานก็ต้องทรงฌานสมาบัติถึงฌาน ๔ แล้วก็ทรงมโนมยิทธิ นี่พูดกันถึงว่าไม่ได้อภิญญา ๖ นะ ถ้าหากว่าท่านได้อภิญญา ๖ แล้วไม่ยาก สำหรับพวกที่ได้วิชชาสามแก่ขึ้นไปนิดหนึ่ง วิชชาสามอย่างแก่ได้มโนมยิทธิด้วย เรียกว่ามีอภิญญาติดหางเข้ามาหน่อยก็เข้ามโนมยิทธิถอดร่างกายใน ที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่ากายซ้อนกาย หรือกายในกายที่เคยพูดมาแล้วในมหาสติปัฏฐานสูตร ถอดร่างอันนั้นแหละออกจากกายเนื้อแล้วก็ออกเดิน เดินไปทางไหน บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เคารพตามกระผมมา ความจริงเวลานี้ผมไม่ได้เดินไป ไม่เอากายในไป ไม่ได้เอากายนอกไป เอาปากไป ไปได้ยังไง? ไปตามตำรา เขาเรียกว่าไปตามพระไตรปิฎก หรือว่าไปตามแบบท่านอาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์ท่านพูดไว้ ไปตามนี้ไม่ยากจน จะหาหนังสืออ่านบ้างก็ได้ หาพบก็พบ ไม่พบก็แล้วไป ถ้าไม่พบก็จะเล่าไห้ฟัง ฟังต่อไป
เมื่อตั้งท่ากันเรียบร้อยแล้วเตรียมรถเตรียมราเสร็จแล้วก็ออกเดินทางออกจากโลกนี้มุ่งหน้าออกทางทิศตะวันออก คอยฟังให้ดีนะ มุ่งหน้าออกทางทิศตะวันออก มีทางถนนใหญ่ขาวโพลน แลดูสะอาดจะว่าเหมือนสีขาวทาก็ไม่ใช่ ใสกว่า เรียบร้อยกว่า ดีกว่าถนนชั้น ๑ ในเมืองมนุษย์ เป็นทางใหญ่เดินไปสักครู่หนึ่ง ความจริงพวกที่เขาได้ฌานเขาเดินไม่นานหรอกเพียงแต่หายใจเข้าไม่ทันหายใจออกก็ถึง นี่เรามาค่อยๆ ย่องกันไปนี้ เราไปกันช้าๆ ประเดี๋ยวจะไม่เห็นอะไร เดินไปสักครู่หนึ่งจะถึงทาง ๔ แพร่ง มองไปข้างหน้าเห็นทางใหญ่ขาวลาดลงแล้วมองไปทางซ้ายเห็นเป็นเนินขึ้นน้อยๆ เป็นเนินขึ้น ทางขาวใหญ่เหมือนกัน มองไปทางขวาเป็นทางชันขาวใหญ่เหมือนกัน แล้วมองมาทางหลังก็เป็นทางเดินที่เราไป ที่ตรงนั้นมีเทวดาอยู่ ๑ องค์ยืนยามอยู่ พระที่ท่านนิพพานท่านชอบเรียกว่า “เทวดาอิน” ที่เรียกว่าเทวดาอินนี่น่ะไม่ใช่ว่าคนนั้นเป็นพระอินทร์ ไม่ใช่อย่างนั้น ความจริงสมัยที่ท่านเป็นมนุษย์ท่านเป็นพระชื่อว่าหลวงตาอิน เมื่อสมัยเป็นพระท่านได้ฌานสมาบัติแต่ว่าเวลาตายลืมเข้าฌาน เรียกกันว่าตายนอกฌาน ไม่ใช่นอกชานกุฏินะ เรียกว่าเวลาตายไม่ได้เข้าฌานตายก็แล้วกัน ประเดี๋ยวจะเฝือ เมื่อเวลาจะตายไม่ได้เข้าฌาน ตายก็ไม่ได้ไปเป็นพรหม ตายนอกฌานแบบนี้เขาก็จับไปเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช มีหน้าที่ยืนยามอยู่ทาง ๔ แพร่ง อันนี้พระที่ได้ฌานสมาบัติท่านหนึ่ง ชื่อว่าอาจารย์ฉัตร องค์นี้เก่งมากเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปานวัดบางนมโคเหมือนกัน แต่เป็นรุ่นพี่ ท่านบอกว่าเวลาจะไปละก็ไปพบกับเทวดาองค์นี้ แกจะถามว่าไปเลยหรือว่ากลับ คำว่าไปเลยก็หมายความถึงว่าตายไปแล้ว ถ้าหากบอกว่ากลับก็หมายความถึงว่าพระที่ได้ฌานหรือท่านที่ได้ฌานไปแล้วต้องกลับก็รายงานบอกว่ากลับ จะไปทางไหน เขาถาม จะไปนรก หรือว่าจะไปสวรรค์ หรือจะไปพรหมโลก ก็บอกเขา เขาจำเอาไว้ เวลาใกล้สว่างถ้ายังไม่กลับเขาจะไปตามบอกว่าเวลานี้ใกล้สว่างแล้วครับ นิมนต์กลับได้ นี่หน้าที่ของเทวดาอินเป็นอย่างนี้
ตานี้เทวดาอินแกยืนอยู่ตรงนั้น ถ้าพวกเราผ่านไป ถ้าไปแบบช้าๆ นะ แกก็จะถาม ถ้าไปเร็วปรื๊ดปร๊าดแกก็จะถามไม่ทัน แกบอกว่าพวกนี้เสียมรรยาท มรรยาทเลวไม่เคารพต่อพระภูมิเจ้าที่เทวดายาม ก็ว่ายังงั้น แกว่าพวกมนุษย์นี่น่ะ โดยมากมรรยาทไม่ค่อยดี แม้จะเป็นพระเป็นเจ้าก็ตาม บางทีไม่มีมรรยาท ผ่านมาตรงนี้น่าจะคุยกันก่อน แต่ไม่ใคร่จะมีใครคุยหรอก ปรื๊ดปร๊าดๆ แล้วก็ไปเลย นี่พูดไปยังงั้นเองนะ รู้จักแกบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบล่ะ ก็ว่ามันส่งไปยังงั้นแหละ เป็นธรรมดา นี่จำได้แล้วใช่ไหมว่าเทวดาองค์ที่ยืนข้างหน้านั่น ทางสี่แพร่ง ถ้าไม่เห็นก็นึกเอาเองก็แล้วกัน นึกว่าเห็น เป็นเทวดาที่มีเครื่องทรงสีแดง ผ้าที่นุ่งก็มีพื้นสีแดง เสื้อที่ใส่ก็มีพื้นสีแดง บนหัวบางทีก็โพกผ้าสีแดง บางทีก็สวมมงกุฎ ผ้าที่นุ่ง เสื้อที่ใส่ ประดับไปด้วยเพชรนิลจินดา ขาวแพรวพราวไปหมด รูปร่างสง่าผ่าเผยสวยสดงดงามบอกไม่ถูก คนที่ว่าสวยนี่มนุษย์ทาบไม่ติด เทวดาไม่มีแก่มีแต่หนุ่ม ยืนยิ้มด้วยความใจดี ถ้าเวลาเห็นพระผ่านไปมักจะยกมือไหว้แสดงความเคารพ ถ้าเป็นฆราวาสก็จะกล่าววาจาเป็นสัมโมทนียกถา คือวาจาที่ไพเราะ น่าฟัง นี่เป็นจริยาของเทวดาอิน หรือเทวดาหลวงตาอิน หลวงตาอินนี่แกเป็นเทวดาแล้วแกชื่อว่ายังไง เป็นเรื่องของแก ไม่มีใครเคยถาม ถ้าถามแกก็บอกว่าสมัยก่อนแกเป็นพระชื่อว่าหลวงตาอิน แกบอกเท่านั้น นี่เป็นอันว่ารู้แล้วนะ ว่าทางสี่แพร่ง เราหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หันไปทางซ้ายเป็นทางขึ้นจุฬามณีเจดีย์สถาน เป็นทางใหญ่ขาวโพลน หันไปมองดูทางขวาเป็นทางชันไปพรหมโลก มองลงไปข้างหน้าเป็นทางใหญ่ลาดลงนิดๆ ค่อยๆ ลาดลงเป็นทางลงนรก
ความคิดเห็น