ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ดอกแก้ว กับความหมายมากมาย ภาค 1 สวนจตุจักร
หลายวันไม่ได้มานั่งเขียนสารพันความคิด วันนี้อดไม่ได้ เพราะอย่างน้อยมีเวลา แต่ไม่ได้เขียนถึงสิ่งที่เห็นตอนรอรถแล้ว ก็เพราะช่วงนี้รถจะรอเสียมากกว่า วันนี้จ่าหัวว่า ดอกแก้ว กับความหมายมากมาย อันนี้ขอเล่าแบบปัจจุบันอันใกล้ไปจนอดีตอันไกล แบบนับถอยหลัง 9 8 7 6 5 4 3 2 1
เริ่ม...
เมื่อวันที่ได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาหาความรู้เรื่องการเขียน วันสุดท้าย จำได้ว่า เป็นวันอาทิตย์ ก็กลับมากับน้องในรุ่นเดียวกัน ไม่กล้าเอ่ยนามเพราะไม่ได้ขออนุญาต เราสองคนลงจากรถของพี่ใจดีคนหนึ่ง ที่สวนจตุจักร ด้วยความที่ยังไม่เย็นย่ำค่ำมืดมาก แค่สี่ห้าโมงเย็นเอง ยังพอมีเวลาเพราะสวนจตุจักร ยังไม่ปิด ผู้คนก็ยังคงจับจ่ายซื้อหาของที่ถูกอกถูกใจ สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกัน หันมามองหน้ากันหลังจากลงจากรถแล้ว โดยไม่ได้นัดหมาย ความคิดภายในใจก็พลันมาเหมือนกันด้วยความบังเอิญ แล้ว
คำพูดก็หลุดออกมาจากปาก
"เดินเล่นกันก่อนไหม"
"ดีเหมือนกัน"
ในเมื่อไม่มีใครคัดค้านมติจึงออกมาสองเสียงว่า เดินเล่นกันก่อนกลับบ้าน มุมแรกที่เดินไปก็เป็นพวกขายสินค้าแบบใช้ปัญญาสร้างสรรค์ผลงานออกมาจำหน่ายหาเงินไว้เลี้ยงชีพ เดินไปเดินมา ก็ไปนั่งพักเหนื่อยที่หน้าร้านเฉาก๋วยกัน ระหว่างนั่งกินก็มองดูผู้คนที่เดินผ่านกันไปมา ในมือของแต่ละคนต่างก็มีสัมภาระให้ต้องรับผิดชอบ แค่มองเห็นก็เกิดอารมณ์อยากมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้าง แต่... ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจให้เดินสบาย คงเป็นเพราะแอบหนีผู้ปกครองมาเที่ยว ทำให้ฟ้าลงโทษ ด้วยการโปรยปรายสายฝนลงมา ตอนแรกชิมลางเบาบางประปราย แต่สำนึกของสองสาวต่างวัย ก็ยังไม่ปิ๊งขึ้นว่า
ควรกลับบ้านกันได้แล้ว ยังชักชวนกันหลังจากกินแล้ว
"พี่ไปดูต้นไม้กันไหม"
"ดีเหมือนกัน"
มติออกมาสองเสียงอีกแล้ว จากร้านเฉาก๋วยเดินลัดเลาะนิดหน่อยก็ถึงโซนที่ขายต้นไม้ คราวนี้ฟ้าไม่ยอมฟังคำอุทธรณ์ใดๆ แล้ว กระหน่ำสาดเม็ดฝนลงมาอย่างรุนแรง บวกกับเสียงร้องครวญครางให้หวาดกลัวซ้ำมาเป็นระลอก บรรยากาศที่เคยสดใส มืดมนลงในพริบ
ตา ทุกที่ทุกทางเต็มไปด้วยน้ำ น้ำ และ น้ำ
แม่ค้าต่างพากันเก็บข้าวของที่เอาวางอวดโฉมคนซื้ออย่างไม่มองหน้ามองตาใคร ไม่สนใจว่า จะมีคนอยากดูสินค้านั้นหรือไม่ เพียงคิดอย่างเดียว "ตกหนักขนาดนี้ คงขายไม่ได้แล้ว กลับบ้านดีกว่า"
นั่นแหละคนเดินดูของอย่างพวกเราจึงอด และอด ที่จะพากันเดินชื่นชมสิ่งสวยงามล่อตาล่อใจและลวงเงินในกระเป๋าให้ปลิดปลิวจากกระเป๋าหนึ่งไปสู่กระเป๋าเก่าที่เก๋าของแม่ค้าไม่ได้ แต่นั่นก็ใช่ว่า สองสาวต่างวัยที่พากันพยายามหาที่หลบฝน จะไม่เมียงมองข้างทาง เราพากันเดินผ่านร้านขายต้นไม้ ร้านแล้วร้านเล่า จนกระทั่ง ตบะของสาวสูงวัยเมื่อแลไปเห็นดอกแก้วต้นเล็กในกระถางขนาดปานกลาง ดอกกำลังจะเบ่งบานอวดความสวยงามอีกไม่กี่วัน
"ต้นละเท่าไหร่ค่ะ"
"สามสิบห้าบาทค่ะ ถ้าเอา คิดแค่สามสิบบาท วันนี้คงขายไม่ได้แล้วล่ะ"
โอ้โห มันเป็นการลดมูลค่าของสินค้าที่น่าดูชมจริง ๆ แม้เป็นเพียงเงินมูลค่าห้าบาทที่หายไป แต่แม่ค้าได้เงินสามสิบบาทจากกระเป๋าสีแดงของสาวสูงวัยทันที เมื่อซื้อแล้วก็ไม่กล้ายืนอยู่ทีเดิม เพราะอะไรนะเหรอ ก็กลัวใจจะอดควักตังค์จ่ายเพื่อซื้อต้นอื่นไปด้วยไม่ได้นะซิ
วันนั้นเลยกลับบ้านพร้อมดอกแก้ว ซึ่งตอนนี้มันโชว์ดอกสวยและกลิ่นหอม อยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้าน
***** ภาค 1 จบลง ด้วยการนำพาน้องดอกแก้วจากจตุจักร ไปรังสิตสำเร็จ ****
สำหรับภาค 2 เป็นการรำลึกถึง น้องดอกแก้ว กับ งานแต่งงาน
เริ่ม...
เมื่อวันที่ได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาหาความรู้เรื่องการเขียน วันสุดท้าย จำได้ว่า เป็นวันอาทิตย์ ก็กลับมากับน้องในรุ่นเดียวกัน ไม่กล้าเอ่ยนามเพราะไม่ได้ขออนุญาต เราสองคนลงจากรถของพี่ใจดีคนหนึ่ง ที่สวนจตุจักร ด้วยความที่ยังไม่เย็นย่ำค่ำมืดมาก แค่สี่ห้าโมงเย็นเอง ยังพอมีเวลาเพราะสวนจตุจักร ยังไม่ปิด ผู้คนก็ยังคงจับจ่ายซื้อหาของที่ถูกอกถูกใจ สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกัน หันมามองหน้ากันหลังจากลงจากรถแล้ว โดยไม่ได้นัดหมาย ความคิดภายในใจก็พลันมาเหมือนกันด้วยความบังเอิญ แล้ว
คำพูดก็หลุดออกมาจากปาก
"เดินเล่นกันก่อนไหม"
"ดีเหมือนกัน"
ในเมื่อไม่มีใครคัดค้านมติจึงออกมาสองเสียงว่า เดินเล่นกันก่อนกลับบ้าน มุมแรกที่เดินไปก็เป็นพวกขายสินค้าแบบใช้ปัญญาสร้างสรรค์ผลงานออกมาจำหน่ายหาเงินไว้เลี้ยงชีพ เดินไปเดินมา ก็ไปนั่งพักเหนื่อยที่หน้าร้านเฉาก๋วยกัน ระหว่างนั่งกินก็มองดูผู้คนที่เดินผ่านกันไปมา ในมือของแต่ละคนต่างก็มีสัมภาระให้ต้องรับผิดชอบ แค่มองเห็นก็เกิดอารมณ์อยากมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้าง แต่... ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจให้เดินสบาย คงเป็นเพราะแอบหนีผู้ปกครองมาเที่ยว ทำให้ฟ้าลงโทษ ด้วยการโปรยปรายสายฝนลงมา ตอนแรกชิมลางเบาบางประปราย แต่สำนึกของสองสาวต่างวัย ก็ยังไม่ปิ๊งขึ้นว่า
ควรกลับบ้านกันได้แล้ว ยังชักชวนกันหลังจากกินแล้ว
"พี่ไปดูต้นไม้กันไหม"
"ดีเหมือนกัน"
มติออกมาสองเสียงอีกแล้ว จากร้านเฉาก๋วยเดินลัดเลาะนิดหน่อยก็ถึงโซนที่ขายต้นไม้ คราวนี้ฟ้าไม่ยอมฟังคำอุทธรณ์ใดๆ แล้ว กระหน่ำสาดเม็ดฝนลงมาอย่างรุนแรง บวกกับเสียงร้องครวญครางให้หวาดกลัวซ้ำมาเป็นระลอก บรรยากาศที่เคยสดใส มืดมนลงในพริบ
ตา ทุกที่ทุกทางเต็มไปด้วยน้ำ น้ำ และ น้ำ
แม่ค้าต่างพากันเก็บข้าวของที่เอาวางอวดโฉมคนซื้ออย่างไม่มองหน้ามองตาใคร ไม่สนใจว่า จะมีคนอยากดูสินค้านั้นหรือไม่ เพียงคิดอย่างเดียว "ตกหนักขนาดนี้ คงขายไม่ได้แล้ว กลับบ้านดีกว่า"
นั่นแหละคนเดินดูของอย่างพวกเราจึงอด และอด ที่จะพากันเดินชื่นชมสิ่งสวยงามล่อตาล่อใจและลวงเงินในกระเป๋าให้ปลิดปลิวจากกระเป๋าหนึ่งไปสู่กระเป๋าเก่าที่เก๋าของแม่ค้าไม่ได้ แต่นั่นก็ใช่ว่า สองสาวต่างวัยที่พากันพยายามหาที่หลบฝน จะไม่เมียงมองข้างทาง เราพากันเดินผ่านร้านขายต้นไม้ ร้านแล้วร้านเล่า จนกระทั่ง ตบะของสาวสูงวัยเมื่อแลไปเห็นดอกแก้วต้นเล็กในกระถางขนาดปานกลาง ดอกกำลังจะเบ่งบานอวดความสวยงามอีกไม่กี่วัน
"ต้นละเท่าไหร่ค่ะ"
"สามสิบห้าบาทค่ะ ถ้าเอา คิดแค่สามสิบบาท วันนี้คงขายไม่ได้แล้วล่ะ"
โอ้โห มันเป็นการลดมูลค่าของสินค้าที่น่าดูชมจริง ๆ แม้เป็นเพียงเงินมูลค่าห้าบาทที่หายไป แต่แม่ค้าได้เงินสามสิบบาทจากกระเป๋าสีแดงของสาวสูงวัยทันที เมื่อซื้อแล้วก็ไม่กล้ายืนอยู่ทีเดิม เพราะอะไรนะเหรอ ก็กลัวใจจะอดควักตังค์จ่ายเพื่อซื้อต้นอื่นไปด้วยไม่ได้นะซิ
วันนั้นเลยกลับบ้านพร้อมดอกแก้ว ซึ่งตอนนี้มันโชว์ดอกสวยและกลิ่นหอม อยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้าน
***** ภาค 1 จบลง ด้วยการนำพาน้องดอกแก้วจากจตุจักร ไปรังสิตสำเร็จ ****
สำหรับภาค 2 เป็นการรำลึกถึง น้องดอกแก้ว กับ งานแต่งงาน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น