ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lucentear มหาศึกจุติเทพ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 51


    ...งั่มๆๆๆอึก!แค่กๆน้ำๆๆเด็กสาวที่เกราะหายไปและผมกลับมาเป็นสีดำแล้วกำลังนั่งสวาปามอาหารจานใหญ่ขนาดสำหรับหลายคนกินได้อย่างหน้าตาเฉยถึงแม้จะมีติดคอบ้าง

     

    เอ้าชายผมทองที่ตอนนี้ทำสีหน้าซังกะตายสุดขีดยื่นแก้วน้ำแก้วหนึ่งไปให้เธอคนนั้น

     

    แค่กๆขอบใจๆเธอยกกระดกรวดเดียวหมดแก้วก่อนจะนั่งพักหายใจสักครู่แล้วเริ่มยัดอาหารลงท้องต่อ

     

    อาหารสำรองสำหรับ 1 เดือนหมดภายในวันเดียวแหงเลยแฮะ...ไลเซสอดที่จะคิดอย่างนี้ไม่ได้และถอนหายใจออกมาอีกรอบหลังจากที่ทำมาแล้วไม่รู้กี่รอบ

     

    ---

     

    ไลเซสนั่งดูเด็กสาวกินมาได้ซํกพักแล้วก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

     

    นี่เธอ...คนที่ถูกเรียกไม่สนใจคนถามเลยซักนิด...สนใจแต่อาหารตรงหน้าตนมากกว่า...

     

    นี่เธอ!”เขาจึงต้องยื่นมือไปกระชากจานอาหารออกมาถือไว้ในมือทำให้เด็กสาวละสายตามาที่ชายหนุ่ม

     

    จะทำอะไรของนายน่ะฮะ!เอาคืนมานะ!”ด้วยแขนที่สั้นแ ละตัวที่เตี้ยกว่าอย่างเห็นได้ชัดของเธอ...แน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะแย่งจานอาหารคืนมาได้

     

    คืนให้ก็ได้แต่เธอต้องตอบคำถามฉันก่อน

     

    อะไรก็ช่างรีบๆถามเซ่!ฉันหิวนะ!”กินเข้าไปขนาดนั้นแล้วยังหิวอีกเรอะ= =

     

    เธอเป็นใคร มาจากไหน เข้าไปทำอะไรที่นั่น?ตอบมาแค่นี้ก่อน...

     

    ...เด็กสาวเงียบหลังจากถูกถามเหมือนกับครั้งแรกที่โดนถามเรื่องของตน

     

    ว่าไง...สงสัยไม่อยากได้จานคืนแล้วสินะ...งั้นชั้นเอาไปเก็บละไลเซสไม่พูดเปล่าแถมยังแกล้งเก็บจานทั้งหมดจะเดินไปล้างจริงๆ

     

    เฮ้ย!เดี๋ยวสิ!นายก็น่าจะเห็นนี่ว่าฉันก็แค่เข้าไปนั่งดื่มนมเล่นในร้านนั่นน่ะ!”เด็กสาวทำท่าลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าจานอาหารของตนถูกยกออกไป

     

    แล้วทำไมต้องที่ร้านเหล้า?”เขาเอาจานวางกลับไปที่โต้ะแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย

     

    เอ่อ...คือ...ดึกขนาดนั้นร้านอื่นมันปิดหมดแล้วนี่นา~”คำตอบนี้ทำให้เธอดูน่าสงสัยมากขึ้น

     

    อะๆเชื่อก็ได้ว่าแค่เข้าไปนั่งจิบนมเล่นเฉยๆ...แต่เธอยังไม่ตอบ2คำถามแรกชั้นเลยนา...

     

    ...ฉะ...ฉันไม่รู้...เด็กสาวตอบแล้วก้มหน้านิ่ง

     

    ไม่รู้?แปลว่าอะไร...

     

    โครม!ทันทีที่คำถามของไลเซสจบประโยคกำแพงบ้านด้านหลังของเขาก็พังลงมาพอดี

     

    เหอะๆๆแม่หนูน้อย...ข้ายกพวกตามมาแก้แค้นแล้ว...คนที่ปรากฏขึ้นนั่นก็คือไอ้คนที่มันฉี่ราดแล้วเผ่นหางจุกตูดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน บรูทัลนั่นเอง...

     

    เฮ้ย!ไอ้บรูท!แกทำอะไรกับบ้านช้าน~”ไลเซสร้องออกมาเมื่อเห็นสภาพบ้านตัวเองเป็นรูเบ้อเริ่ม

     

    แกก็ด้วยไลเซส!ทำตัวเป็นคนดีอยู่ได้วันนี้พวกข้าไม่กลัวแกแล้วเฟ้ย!”บรูทัลพูดแล้วหยิบอะไรออกมาจากข้างหลังของมัน

     

    อาวุธชนิดพิเศษมากมายที่พวกข้าไปปล้นมาจะได้ใช้แก้แค้นแกวันนี้แล้ว!”ดาบยักษ์ของมันถูกยกขึ้นเหนือหัวแล้วฟันลงมาใส่ไลเซสเต็มแรง

     

    เปรี้ยง!แต่ไลเซสสร้างกำแพงเวทได้ทันดาบของบรูทจึงค้างอยู่ที่กำแพงเวทย์

     

    มันก็แค่ดาบธรรมดาที่ขนาดใหญ่กว่าปกตินิ?แล้วมันพิเศษตรงไหน?”ไลเซสยืนทำหน้าตากวนประสาทถามในขณะที่ดาบของบรูทค้างอยู่อย่างนั้น

     

    อยากรู้ใช่มั้ย!จัดให้!”

     

    กริ้ก!เมื่อบรูทกดปุ่มอะไรซักอย่างบนด้ามดาบกำแพงเวทย์ของไลเซสก็สลายไปทันทีและดาบก็ตกลงมาหาตัวของไลเซสอย่างรวดเร็ว

     

    ฮ่าๆๆอาวุธทุกชิ้นติดตั้งระบบสลายเวทย์มนต์ไว้หมดนะเฟ้ย!”บรูทหัวเราะออกมาให้กับความสำเร็จของตน...

     

    ตูม!เสียงดาบกระแทกกับพื้นไม้ดังก้องไปทั่วแต่กลับไม่มีร่างของเป้าหมายอยู่ใต้ใบดาบ...

     

    หัดระวังตัวมั่งสินายน่ะ...เด็กสาวที่ตอนนี้กำลังเคี้ยวน่องไก่กร้วมๆอยู่หิ้วไลเซสออกมาได้ทันก่อนที่ตัวเขาจะขาดออกเป็น 2 ท่อน

     

    ขะ...ขอบใจที่ช่วย แอ้ฟ!”ตุบ!ตัวของไลเซสถูกปล่อยลงพื้นทันทีที่เขาพูดจบ

     

    ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!”เขาลุกขึ้นมาบ่นแล้วลูบหน้าผากตัวเองตรงที่กระแทกด้วยความเจ็บ

     

    ตัวนายมันหนัก...เด็กสาวตอบพร้อมโยนน่องไก่ทิ้งไป แล้วหยิบขนมปังมาเคี้ยวต่อ

     

    ก็ปล่อยดีๆไม่ได้เรอะ!อั่ก!”ชายผมทองถูกถีบปลิวไปติดผนังอีกด้านของบ้าน

     

    แล้วนี่เธอทำบ้าอะไร...อีกล่ะเนี่ย...ไลเซสกำลังจะตะโกนใส่เด็กสาวอีกรอบแต่เมื่อหันไปตามที่เด็กสาวชี้ก็พบลูกธนูสองสามดอกปักอยู๋ตรงตำแหน่งที่เขาควรจะเป็นเป้าถ้ายังนั่งนิ่งอยู่

     

    หัดสนใจไอ้พวกที่เข้ามาบุกรุกบ้านตัวเองก่อนซะมั่ง...ตึง!พวกของบรูทคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาโดนเสยคางกระเด็นไปกองกับพื้น

     

    เออใช่!สนใจพวกข้ามั่งสิวะ!”แล้วพวกของบรูทัลอีกนับสิบก็กรูกันเข้ามาจะทำร้ายทั้งสองคน

     

    นี่นายผมทอง...ไหนๆบ้านก็พังไปแล้วยัดเวทย์ใหญ่ใส่พวกมันเลยดิ้...เดี๋ยวฉันนถ่วงเวลาให้ผู้เสนอไม่รอคำตอบเรียกอาวุธของตนออกมาแล้วไปตะลุมบอนกับพวกอันธพาลทันที

     

    เฮ้ย!จะบ้าเรอะ!เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องเค้าก็ตกอกตกใจตื่นหมดร้อก!”ไลเซสค้านทันทีตามที่เด็กสาวคิดไว้

     

    ไม่ต้องเดี๋ยวละ...เค้าตื่นมามุงกันหน้าบ้านตั้งนานแล้ว...ถ้าแกไม่รีบชั้นเชือดพวกนี้ทิ้งหมดจริงๆนะเฟ้ย!”

     

    อะจ้าๆโอเคๆคำตอบแบบขอไปทีมาพร้อมกับแสงสีทองสว่างในมือของเขา

     

    ด้วยพลังแห่งเทพรามูอันสูงส่ง...โปรดกำราบศัตรูแห่งข้าให้สิ้น...ชายหนุ่มเริ่มร่ายเวทของตนตามคำสั่งของเด็กสาว

     

    เร็วสิเว้ยเจ้าหัวทอง...โดนรุมขนาดนี้แบบยั้งมือมันลำบากนะเฟ้ย!”แม้เธอจะพูดอย่างนั้นแต่สภาพที่ไลเซสเห็นคือศัตรูโดนอัดจนน้อกไปแล้วหลายรายนี่เธอยั้งมือแล้วจริงๆเรอะนี่= =

     

    ไฟฟ้านับอสงขัยที่แตกแยกกันอยู่เอ๋ย...จงมารวมกัน ณ ที่นี้...เปรี้ยะ!เปรี้ยะ!แสงในมือของไลฌซสสว่างขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆและมันก็เริ่มลอยขึ้นไปอยู่เหนือหัวของพวกบรูทัล...

     

    ไลท์นิ่งโวลเทค!”

     

    เปรี้ยง!สายฟ้าขนาดใหญ่ผ่าลงมาที่กลางวงแล้วแยกออกเป็นเส้นสายต่างๆมากมายไปช้อตพวกของบรูททุกคนแต่ไม่โดนตัวของเด็กสาวที่อยู่กลางวงซักเส้น...

     

    แจ่มมากเจ้าหัวทอง!”เด็กสาวหันมาพูดกับไลเซสหลังจากเก็บอาวุธและเกราะของตนเรียบร้อย

     

    ฉันชื่อไลเซสไม่ได้ชื่อไอ้หัวทอง= =”ไลเซสแย้งกลับไปแต่เด็กสาวก็ไม่ได้สนใจมากมาย

     

    จะชื่ออะไรก็ช่างมันเหอะน่า~ไปเอาเชือกเส้นโตๆมาซักเส้นแล้วมามัดเจ้าพวกนี้จับส่งซังเตข้อหาบุกรุกยามวิกาลกันเต้อะเธอพูดอย่างอารม์ดีก่อนจะไปหยิบแซนวิซอีกชิ้นมากินต่อ(ยังมีอารมณ์จะกินอีกเรอะนั่น= =)

     

    อืม...ในบ้านน่าจะมีเชือกซักเส้นนา...ขอตัวไปหาแปปเฝ้าพวกนั้นไว้ให้ดีๆละ

     

    เฟี้ยว!ทันทีที่ไลเซสหันหลังไปก็มีเสียงอะไรบางอย่างพุ่งฝ่าลมเข้ามาโดยมีจุดหมายอยู่ที่ตัวของเขา

     

    เฮ้ย!”เขายื่นมือของตัวเองออกไปข้างหน้าเพื่อสร้างกำแพงเวทย์ทันที...โดยลืมไปว่าอาวุธของพวกมันสลายกำแพงเวทย์ได้...

     

    ฉึก!...หอกแทงทะลุที่กลางลำตัว...ทำให้เลือดมากมายทะลักออกมาจากปากแผลและจากปากของผู้ถูกแทง...ที่ไม่ใช่ไลเซส

     

    ตุบ!สาวน้อยผมสีแดงล้มลงไปในอ้อมแขนของไลเซส ตัวหอกที่แทงอยู่ถูกเผาทิ้งไปหมดแล้ว...

     

    แหะๆเรียกเกราะออกมาไม่ทันแฮะ...แล้วฉันบอกให้ระวังตัวไงเจ้าเซ่อ!แค่กๆเธอตวาดออกมาทั้งที่ยังกระอักเลือดอยู่

     

    อย่าพูดมากน่า!นอนอยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวจะไปตามคนมาช่วยว้อย!ไม่น่าโดดเรียนตอนวิชาเวทย์รักษาเลยวุ้ย ไลเซสคิด

     

    ไม่ต้องหรอกน่า~แค่นี้ฉันไม่ตายหรอก...เด็กสาวพยายามที่จะลุกขึ้นมาแต่เธอก็เซจนล้มลงไปอีกรอบ

     

    ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า!ฉันอุ้มเธอไปหาหมอเลยดีกว่า!”เขาไม่รอคำตอบแต่ช้อนตัวของเธอขึ้นมาและรีบออกวิ่งทันที

     

    ...ไลเซส...เจอกันคราวหน้าต้องเลี้ยงข้าวฉันอีกนะ...เธอเอ่ยขึ้นมาเบาๆคล้ายกับเสียงกระซิบ

     

    เดี๋ยวเซ่!อย่าเพิ่งบอกว่าจะตายได้ม้าย~...ว่าแต่ตกลงเธอชื่ออะไร?”เขาถามโดยที่พยายามรักษาความเร็วในการวิ่งไม่ให้ตกลง...

     

    ฉัน...ไม่มีชื่อหรอก...

     

    ...เฟลม...

     

    ฮึ?อะไรรึ...เด็กสาวถามด้วยฝบหน้าที่เริ่มซีดลงเรื่อยๆ

     

    เฟลม...นั่นคือชื่อของเธอไง!ตกลงมั้ย...เขาวิ่งมาจนมาหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว...

     

    หะๆ...ขอบใจนะ...หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกที่ไหนซักแห่ง...พอสิ้นคำพูดของเธอ...ตัวของเธอก็กลายเป็นเปลวเพลิง...และสลายไปในที่สุด...

     

    มะ...ไม่จริง...ไม่จริงใช่มั้ย!”ทำไม...ทำไมฉันถึงช่วยใครซักคนไม่ได้เลย...

     

    น้ำตาของชายหนุ่มไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ...ทำไมละ...พึ่งรู้จักเธอยังไม่ถึงวันเลย...

     

    ทำไมต้องเสียใจมากจนร้องไห้...เพราะเธอปกป้องชีวิตของเขาไว้งั้นหรือ...อาจใช่หรืออาจไม่ใช่...

     

    ที่แน่ๆคือ...เธอตายเพราะเขา...

     

    ...ชายหนุ่มใช้แขนปาดน้ำตาทิ้งไปแล้วลุกยืนขึ้นมา...

     

    ร้องไห้ไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา...เขารำพึงกับตัวเองแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

     

    จดหมายเรียกตัวมาพอดีเลยสินะ...ไปซักหน่อยคงไม่เสียหายอะไรซองจดหมายที่มีตัวอักษร E และปีก 6 สีอยู่รอบๆตัวอักษรนั้นถูกโยนขึ้นฟ้าและไหม้ไฟไปด้วยฝีมือของไลเซส

     

    ไว้เจอกันใหม่นะ...เฟลม...แล้วชายหนุ่มก็หายไปจากสถาณที่แห่งนั้น...

     

    หนึ่งปีต่อมา...

     

    ฮ้า~ถึงซะทีสินะ!”เด็กสาวคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงยอดเขาแห่งหนึ่ง...สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเธอคือสิ่งก่อสร้างสีขาวที่รูปร่างคล้ายปราสาท

     

    ที่นี่วิวก็สวย...อากาศก็ดี...ดีจริ้งๆที่จะได้เข้ามาเรียนที่นี่...เธอสูดหายใจเอาอากาฦศบริสุทธิ์เข้าไปในปอดของเธอก่อนจะหยิบซองจดหมายที่มีตัว “E” อยู่ออกจากกระเป๋ามาดูเล่น

     

    ซองนั้นมีตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า “To Sanlak Ranua”

     

    กรุ้งกริ้ง...สร้อยคอจั้นทร์เสี้ยวแกว่งไกวไปตามสายลม...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×