คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : =KrisLay= 6 " ป่ะป๊าไม่ฉะบาย "
-- ตอน ป่ะป๊าไม่ฉะบาย--
“แค่กๆ....หม่ะม๊า”
“หม่ะม๊าฮะ ...อึก...ปวดหัว”
“ครับคนดี หม่ะม๊ากำลังวัดไข้ให้หนูอยู่นี่ไง” เสียงหวานพูดเบาๆขณะจิ้มเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายลงในจั๊กแร้ของลูก
ระหว่างที่รอให้เครื่องมันดังปิ๊บๆก็กลับด้านผ้าขนหนูบนหน้าผากลูกไปด้วย...
ที่ตัวร้อนจี๋แบบนี้เพราะเมื่อวานออกไปไล่จับแมลงปอหลังบ้านตอนฝนเพิ่งตก
เล่นกันจนดึกดื่นไม่ยอมหลับนอน
เป็นไงล่ะเช้าวันนี้ก็ต้องนอนครวญครางบ่นปวดหัว
เมื่อยตัวนู่นนี่จนไม่ได้ไปโรงเรียน
38
องศา
“มีไข้นะเนี่ย”
“ต้องไปโรงเรียนมั้ยฮะ?” อู๋ฟ่านไอจนน้ำลายกระเด็น
อี้ฟ่านก็นอนสูดน้ำมูกด้วยสีหน้าทรมานคล้ายจะหายใจไม่ออก แม้มุกนอนซมนี้สองแฝดจะเล่นบ่อยเวลาขี้เกียจไปโรงเรียนก็เถอะแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การเล่นละครแต่มันคือเรื่องจริงต่างหาก
“อืม...ไม่ต้องไป วันนี้หม่ะม๊าอนุญาตให้นอนพัก”
“ไช...โย....” เป็นเสียงดีใจที่แผ่วเบามาก
อี้ฟ่านส่งเสียงกระซิกๆก่อนจะนอนต่อ
เลย์ลุกขึ้นเอาผ้าขนหนูที่อุ่นจากการซับความร้อนบนร่างกายลูกไปเปลี่ยน
เดินกลับออกมาอีกหนทั้งสองก็เคลิ้มหลับไปอีกรอบแล้ว คุณแม่เผลอเม้มปากมองลูกด้วยสายตาที่ทุกข์ใจ
ช่างเถอะ...ตื่นมาค่อยปลุกไปกินข้าวกินยาแล้วกัน
“ลูกเป็นไงบ้าง?” ร่างบางเดินลงมาดูความเรียบร้อยชั้นล่างที่คริสกับฟ่านชิงกำลังกินข้าว
อี้ชิงยังนอนไม่ตื่นแต่รายนั้นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะมีพี่เลี้ยงช่วยดูอยู่
“เฮ้อ...เป็นไข้ เมื่อวานห้ามแล้วว่าอย่าออกไปเล่นหลังบ้านตอนฝนกำลังตก
ไม่ฟังกันเลย”
“พาไปหาหมอมั้ย?”
“ยังไม่ต้องก่อนดีกว่า อาจจะเป็นแค่ไข้ธรรมดาเดี๋ยวก็คงหาย” คริสพยักหน้ารับรู้
ยังไงเขาก็ต้องขับผ่านโรงพยาบาลอยู่แล้วอีกอย่างช่วงนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรถ้าต้องไปหาหมอเขาก็จะเป็นธุระแทนภรรยาได้
“ฟ่านชิง ช่วงนี้อย่าเข้าใกล้พี่ๆมากนะครับ เดี๋ยวหนูจะติดหวัดเอา”
“หวัด ติดหวัด” พูดตามหม่ะม๊า มือสวยลูบลงบนหัวลูก
“ใช่แล้ว ติดหวัด น้ำมูกไหล เป็นไข้ไงครับ” วันนี้คงต้องกันลูกสองคนให้อยู่แต่ชั้นล่าง
อีกอย่างเลย์ก็ต้องต้มข้าวให้เจ้าสองตัวแสบที่นอนซมอยู่ด้วย
กว่าคนตัวเล็กจะทำอาหารคนป่วยเสร็จก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมง
มองดูนาฬิกาก็ใกล้จะสิบโมงแล้ว หม่ะม๊าเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ไปปลุกเจ้าตัวแสบให้ลงมากินข้าวกินยา
กว่าจะลุกจากเตียงได้ก็ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานพอตัว
งอแงบ่นกระปอดกระแปด
ทั้งๆที่อากาศวันนี้ออกจะอุ่นแต่ลูกกลับอ้างว่าหนาวไม่อยากอาบน้ำเลย์ก็ต้องบังคับเพราะเมื่อคืนเล่นกันจนเหงื่อแตกแล้วก็นอนเลย
เนื้อตัวสกปรกร่างกายมันก็จะยิ่งแย่
มือบางจูงร่างไร้เรี่ยวแรงของเด็กน้อยมาลงอ่างน้ำอุ่นๆจนได้
สถานการณ์ไม่เหมือนทุกๆวันที่ลูกมักจะก่อสงครามกันได้ทุกที่โดยเฉพาะอ่างอาบน้ำนี่ล่ะตัวดี
เป็นสนามรบชั้นเลิศสำหรับแม่ทัพทั้งสองเพราะต่อให้หม่ะม๊าจะแบ่งแยกโซนเปียกและโซนแห้งเอาไว้ชัดเจนแค่ไหน
ลองให้อู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านมาอาบสิ เปียกโชกเป็นแม่น้ำแยงซีเกียง...
แต่วันนี้...
“เฮ้อ...” อู๋ฟ่านเริ่มถอนหายใจใส่หน้าน้องก่อน
“เฮ้อ....” อี้ฟ่านก็ถอนหายใจกลับ
เอาตัวพิงขอบอ่างคล้ายกับจะหลับอีกรอบ ยื่นแขนยื่นขาให้หม่ะม๊าช่วยถู
ไม่มีใครยอมอาบเอง เลย์ก็ไม่อยากจะว่าลูก หม่ะม๊าเห็นเด็กที่ปกติร่าเริงมากเป็นแบบนี้มันก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้เพราะรู้ดีว่าเวลาป่วยรู้สึกแย่แค่ไหน
ถึงได้ไม่อยากให้ลูกได้สัมผัสมัน
“เดี๋ยวลงไปกินข้าวต้มร้อนๆกับหม่ะม๊านะ”
ร่างบางพูดระหว่างจับลูกๆแต่งตัว
“ต้องกินยามั้ยฮะ?” อู๋ฟ่านเอาหัวถูกับสะโพกแม่
พูดงุบงิบในลำคอ พูดคำแล้วก็ไออีกสองคำจนเลย์ได้แต่นึกถอนหายใจ
“กินสิ ยาน้ำหวานๆไง รสสตอร์เบอร์รี่ที่หนูชอบ”
“อื้อ...” พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็พยักหน้า
ชูแขนขึ้นให้หม่ะม๊าช่วยใส่เสื้อให้
“ฮัดชิ่ว!! …หุวว อู๋ฟ่านดูนี่ดิ” ยื่นมือที่มีน้ำมูกยืดให้แฝดพี่ดู ตื่นเต้นเหมือนเห็นของเล่นใหม่
“อี้ฟ่านไม่เล่นขี้มูกลูก สกปรก”
เลย์ดึงทิชชู่มาเช็กมือเล็กๆของลูกชาย
“ทำได้อย่างเราป่าว” อี้ฟ่านถามด้วยน้ำเสียงอันเยาะเย้ย
“เดี๋ยวรู้เลย” อู๋ฟ่านสั่งออกมาสู้
“พอเลยทั้งสองคน!” ดึงมือลูกลงออกมาจากห้อง จะได้กินข้าวกันสักที
“หม่ะม๊าไม่อยากกินเลย...”
“ไม่กินได้มั้ยฮะ”
“กินไปเลยทั้งสองคน ห้ามเขี่ยข้าวเล่นด้วย”
“ฮือ...” สองแสบครางเสียงอื้ออึง
ทำปากพะงาบๆแล้วตักกินทีละน้อยราวกับกลัวข้าวหมด
“หม่ะม๊า” เสียงอันสดใสของฟ่านชิงผู้ไม่ป่วยไข้เข้ามาทำลายบรรยากาศที่ทำให้เลย์เหน็ดเหนื่อย
ร่างบางยิ้มอ่อนๆพร้อมอุ้มลูกขึ้นมานั่งบนตัก
“ฟ่านชิงดูสิ
พี่ๆกินข้าวไม่เก่งสู้ฟ่านชิงก็ไม่ได้เลย”
“คิกคิกคิก ไม่เก่ง ไม่เก่ง” คุณแม่จุ๊บขมับลูกชายตัวอ้วน ตักข้าวต้มบังคับให้เด็กป่วยกินไปด้วย
“ฟ่านชิง ช่วงนี้อย่าเข้าใกล้พี่ๆมากนะ
รอให้พี่หายหวัดก่อนเข้าใจนะครับ”
“ฮะ ไม่เข้าใก้ ไม่เย่นด้วย”
“ส่วนคนป่วยทั้งสองคน
ตามหม่ะม๊ามากินยา”
“อื้อ..ไม่กินได้มั้ยฮะ ; - ;” อี้ฟ่านทำสายตาออดอ้อน
“หม่ะม๊านะฮะ ไม่กินยา” ส่วนอู๋ฟ่านก็อีกคน
ดึงเสื้อยืดตัวยาวของเลย์พร้อมช้อนตามองอย่างวิงวอน
“ได้
ไม่กินยาก็ได้แต่ต้องไปโรงพยาบาลให้คุณหมอฉีดยาเจ็บๆดีมั้ย”
“ฮือ...ไม่เอานะฮะ” กอดเอวคุณแม่พร้อมปล่อยโฮออกมาพร้อมกัน
เลย์เทน้ำอุ่นใส่ให้คนละแก้วแล้วเทยาใส่แก้วยา จะป้อนให้ทีละคน
“ไหน ใครเป็นพี่คนนั้นกินก่อน”
“อี้ฟ่านเป็นพี่! //
อู๋ฟ่านเป็นพี่!”
“ทีแบบนี้ล่ะแย่งกันเป็นน้องขึ้นมาเชียว!” สุดท้ายเลย์จัดการให้ทั้งสองคนยกยาขึ้นกินเอง
สีหน้าลูกตอนกินยาน้ำหวานเกือบทำให้เลย์เข้าใจว่าทั้งสองกำลังกินดีหมูอยู่ก็ไม่ปาน
“กินยาเสร็จแล้วก็ขึ้นไปพักผ่อนซะนะเด็กๆ”
“ดูทีวีได้มั้ยฮะ?”
“เล่นเกมส์ได้มั้ยฮะหม่ะม๊า
นานๆจะได้หยุดอยู่บ้าน”
“ไม่ได้ ต้องไปนอน
ไม่งั้นก็เปลี่ยนเสื้อแล้วไปโรงเรียนเลย” เลย์ยื่นคำขาด
เมื่อได้ยินคำว่าโรงเรียนเหมือนคำประกาศิต
สองแฝดจึงทำได้เพียงเดินคอตกขึ้นไปบนห้องนอน
เลย์จัดการทุกอย่างในครัวเสร็จ
เดินไปตรวจดูความเรียบร้อยของฟ่านชิงแล้วอี้ชิง ขลุกกับลูกๆอยู่พักนึง
มองนาฬิกาแล้วคิดว่าคงถึงเวลาที่ตัวเองควรขึ้นไปเช็ดตัวสองแสบได้แล้ว เดินขึ้นบันไดก็ได้ยินเสียงกุกกักๆพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากห้อง
คุณแม่นึกโกรธขึ้นมาทันทีที่ลูกไม่ยอมนอนตามที่เขาบอก มือเรียวกระชากประตูออกอย่างแรง
“หม่ะม๊าสั่งว่าไงอู๋ฟ่านอี้ฟ่าน!!”
“เฮือก!!!”
หันมาทำหน้าตกใจพร้อมกัน
เปิดทีวีแล้วเอาหมอนข้างมาไล่ตีกันสนุกสนานทั้งๆที่แก้มยังแดงเพราะฤทธิ์หวัด
“เปลี่ยนชุด ไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้!”
“หม่ะม๊าไม่เอา...” วิ่งเข้ามากอดเอวบางคนละข้าง ทำใบหน้ากระซิกกระซิกไม่อยากไปโรงเรียน
เอาหัวถูท้องแม่ออดอ้อน
“น้องอู๋กับน้องอี้จะไปนอนแล้วฮะ”
“รีบไปเลย ก่อนที่หม่ะม๊าจะเปลี่ยนใจ”
หัวค่ำที่เงียบสงบร่างสูงหลับพักสายตาอยู่บนเตียงกว้างหลังรายการทีวีพักโฆษณา
เกือบจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วสัมผัสเย็นๆก็มาแตะลงบนหน้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร
กลิ่นหอมโลชั่นที่ติดมือบางใกล้จมูกเขามาก
นิ้วเรียวกำลังลูบวนครีมเนื้อบางลงบนหน้าของสามีเบาๆ
"เลย์..."
ครางอื้ออึงจับมือเล็กไว้พร้อมกดจมูกสันงามลงที่หลังมือ เสียงเล็กหัวเราะเอ็นดู
"ถ้าผมไม่ทาให้คุณก็จะปล่อยให้ครีมมันหมดอายุเลยใช่มั้ย?"
เลย์นอนลงข้างๆ เอ่ยตัดพ้อแทนครีมบำรุงกระปุกเฉียดหมื่นอย่างเสียดาย
มันบำรุงผิวหน้าคุณสามีได้ผลดีมาก ติดแต่เจ้าตัวอิดออดไม่ค่อยยอมใช้
"ทาเองแล้วเนื้อครีมมันไม่ซึม"
รั้งคอภรรยาเข้ามาจูบที่หน้าผาก
"ข้ออ้าง" แต่ก็ยิ้มออกมา
อี้ชิงอยู่ใกล้ซอกคอแกร่งแค่นี้
กลิ่นสบู่ผู้ชายถึงชัดเจนมากอยากพักสายตาลงสักครู่หลังจากดูแลสองคนป่วยจอมแสบมาทั้งวัน
"ไหนว่างานไม่ยุ่ง ทำไมถึงปล่อยหนวดเคราให้ยาวขนาดนี้" คริสขมวดคิ้ว
คำว่ายาวขนาดนี้ของเลย์คือจิ้มออกมาจนเห็นเป็นไรๆ
"ก็คนโกนให้ไม่ว่าง"
มือหนารุ่มร่ามบนเอวเล็กเหลือทน จับมือหอมของภรรยาให้หยุดจิ้มๆลงบนคางของเขาเสียที
"โกนเองก็ได้นี่"
"อื้อ มันยาวเร็ว"
เลย์ทึกทักเอาว่าสามีคงอยู่กับลูกมากไปถึงได้ทำตัวออดอ้อนเขาเหมือนเด็ก ซุกหอมคอหม่ะม๊าขอให้ทำนู่นทำนี่ให้ทั้งๆที่ถ้าเลย์ไม่อยู่เจ้าตัวก็จัดการทุกเรื่องได้ปกติ
"ถ้าอ้อนขนาดนี่ล่ะก็จัดการให้"
"จัดการตัวสามีด้วยได้มั้ย"
หอมมือบางอีกรอบพร้อมส่งสายตาแวววาวเป็นประกายไปให้
"ได้"
คริสโน้มใบหน้าเข้ามาจนเกือบถึงริมฝีปาก "แต่ไม่ใช่คืนนี้คริส" เสียงที่ดับทุกความฝันของร่างสูงให้พังลง
ภรรยาลุกขึ้นสวมเสื้อกันหนาวทับชุดนอน ดึงหมอนสามีให้อยู่ตรงกลางเตียง
"เอ้า ทำไมอ่ะ!"
"ต้องนอนห้องลูก นอนเฝ้าอู๋ฟ่านอี้ฟ่าน คืนนี้คริสนอนกับฟ่านชิงไปก่อนนะ"
ส่วนอี้ชิงเลย์ฝากไว้กับพี่เลี้ยงแล้ว
"ฮือ! ทำไมอ่ะ!"
ร่างบางจูบเร็วๆลงบนปากหนา
"อย่างอแง"
ดุคริสเหมือนดุลูกแล้วก็เดินออกจากห้องไป
ร่างสูงเหวี่ยงแขนขายาวๆฟาดกับเตียงดังปังๆ ไม่พอใจ
เปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำอย่างหงุดหงิด
แขนขาเล็กป้อมวิ่งตามร่างของป่ะป๊ากับหม่ะม๊าที่เร่งรีบไปที่รถ
ฟ่านชิงวิ่งตามออกไปเร็วจนพี่เลี้ยงตามไม่ทัน คริสสตาร์ทรถแล้ว
เลย์ขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับแต่ลูกวิ่งมาจับขาก่อน
"เที่ยวหรอฮะ ไปด้วย"
ตากลมช้อนมองอย่างน้อยใจนึกว่าพ่อแม่และพี่จะไปไหนกันไม่ชวน
"ไม่ใช่ครับฟ่านชิง
ป่ะป๊ากับหม่ะม๊าจะพาพี่เขาไปโรงพยาบาลลูก รู้ใช่มั้ยครับว่าที่ไหน"
"รู้ฮะ มีหมอ มีเข็มฉีดยา
เจ็บ"
"ใช่ครับ
ถ้าฟ่านชิงไม่อยากเจ็บๆอยู่ที่นี่กับคุณป้าพี่เลี้ยงก่อนนะลูก"
เลย์พยักหน้าให้พี่เลี้ยงเข้ามาชาร์ตตัวลูกออกไปก่อน
"หม่ะม๊า... ป่ะป๊า..."
"ไปกันเถอะคริส"
จำใจต้องบอกให้ร่างสูงออกรถแม้จะเห็นลูกในอ้อมแขนพี่เลี้ยงโน้มตัวมาข้างหน้างอแงอยากไปด้วยขนาดไหนก็ต้องทำใจแข็ง
เพราะโรงพยาบาลสกปรกไม่ใช่ที่เที่ยวของเด็กเล็ก
เด็กแฝดไข้สูงเพราะไม่ยอมพักผ่อนถึงไปโรงเรียนไม่ได้มาสามวันแล้ว
เลย์ตัดสินใจพามาหาหมอด้วยกลัวว่าลูกจะเป็นไข้หวัดใหญ่ อี้ฟ่านนั่งทำตาซึมเอาหัวพิงอกป่ะป๊า
คริสโอบตัวเด็กให้เข้ามาใกล้ๆ แขนเก้งก้างโอบเอวป่ะป๊า เอาหน้าถูกสีข้างบ้าง
ตามประสาเด็กที่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
อู๋ฟ่านก็กำลังนอนอยู่บนตักนุ่มของเลย์ระหว่างรอพยาบาลเรียก
"น้องอู๋ฟ่าน น้องอี้ฟ่านเชิญค่ะ"
ร่างสูงและร่างบางพาลูกเข้าห้องพบคุณหมอ
"ไข้สูงสามวันแล้ว
นอกจากนี้มีอาการอะไรอีกบ้างมั้ยคะ?"
"เด็กๆปวดหัวครับ เจ็บคอ
แล้วก็ทานอาหารไม่ค่อยลง" อี้ชิงเล่าอาการ
"คนไหนอู๋ฟ่านครับ?"คุณหมอใจดีถาม
"ฮะ"
อู๋ฟ่านตอบพร้อมไอค่อกแค่ก
"หนูปวดหัวตอนไหนบ่อยที่สุดครับ?"
"ตอนเย็นๆค่ำๆฮะ"
"แล้วอี้ฟ่านล่ะครับ?"
"ตอนใกล้จะเข้านอนฮะ"
“อ้าปากให้หมอตรวจคอนิดนึงน้า”
ช้อนโลหะเย็นๆยิ่นเข้าไปในคอกดลิ้นลง
“แหวะ”
เด็กๆหน้าเบ้เมื่อช้อนนั้นกดลงจนร่างกายดันออกมาคล้ายจะอ้วก
"คอแดงด้วยนะคะ” แพทย์หญิงจดยันทึกอาการทั้งหมดลงในกระดาษ “งั้นเดี๋ยวคุณหมอจะฉีดยาให้คนละเข็ม"
"ไม่เอานะฮะ / ไม่เอา"
โวยออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินคำว่าเข็มฉีดยา
"ไม่ฉีดไม่หายนะลูก"คริสบอก
"เจ็บแปปเดียวนะครับ
เข็มเดียวที่ก้น ให้น้องนอนบนเตียงได้เลยค่ะเดี๋ยวหมอเตรียมยาแปปนึง" อี้ฟ่านขึ้นเตียงก่อนเริ่มร้องไห้ตั้งแต่ยังไม่โดนฉีด
ร่างสูงนั่งคุยกับลูกที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงเชือด
อู๋ฟ่านก็เริ่มจะสูดน้ำมูกเอาหน้าซุกอกเลย์คงกลัวเหมือนกันแต่ไม่โวยวาย
"เจ็บนิดเดียวนะครับคนเก่ง" คุณหมอพูด
สัมผัสเย็นๆที่ก้นเมื่อสำลีชุบแอลกอฮอล์แตะลงก่อนที่จะเจ็บจี๊ดจนอี้ฟ่านร้องไห้ดังลั่น
อู๋ฟ่านที่ไม่ได้โดนฉีดยังสะดุ้งเกร็งไปด้วย
คนแรกลงจากเตียงไปพร้อมกับอมยิ้มเม็ดเล็กหนึ่งเม็ดที่ไม่คิดจะกิน
ร้องไห้หน้าเบ้อยู่บนบ่ากว้างของป่ะป๊า คริสพาอี้ฟ่านออกไปข้างนอกแล้วเพราะลูกคงเครียดอยากสูดอากาศเย็นๆมากกว่า
อู๋ฟ่านขึ้นเตียงนอนตามน้องชายไปติดๆ
เลย์จับมือลูกที่ขอบตาแดงก่ำคล้ายจะโกรธนิดๆด้วยที่หลอกให้มาโรงพยาบาลโดยบอกว่าไม่โดนฉีดยาหรอกให้คุณหมอตรวจดูเฉยๆ
“โตแล้วไม่ร้องไห้นะครับคนเก่ง”
เลย์พูด
“ฮือ...” พี่ชายคนโตของบ้านร้องออกมาทันที
เมื่อเข็มฝังลงบนเนื้อลูก อู๋ฟ่านวัยหกขวบเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกำมือหม่ะม๊าแน่น
น้ำตาลูกผู้ชายไหลลงสองแหมะอ้าปากก่อนที่จะร้องเสียงดังเช่นกัน
“แง้!!”
คืนที่สามที่เลย์ต้องนอนเฝ้าลูก
คริสนอนกับฟ่านชิงและอี้ชิงนอนกับพี่เลี้ยง
สองแฝดนอนยาวตั้งแต่เย็นลุกขึ้นมากินข้าว กินยาแล้วนอนต่อจนกระทั่งเวลาจวนจะค่อนคืนที่ร่างบางก็กำลังจะพักผ่อนเหมือนกัน
ในห้องที่มืดสลัวตากลมๆสองคู่กระพริบอย่างเหนื่อยอ่อนไม่ยอมนอนอีกครา
“ทำไมยังไม่นอนครับเด็กๆ?”
เลย์นั่งลงที่ปลายเตียงถามด้วยความเป็นห่วง
“หม่ะม๊านอนไม่หลับแล้ว”
“เมื่อยตัวจังเลยฮะ” คงเพราะอยู่นิ่งๆบนเตียงทั้งวันถึงได้เมื่อยล้ากันแบบนี้แต่ร่างบางก็จนปัญญาที่จะแนะนำวิธีที่ทำให้หายเมื่อย
“ปวดหัวด้วยฮะ”
“ปวดท้องจังเลยหม่ะม๊า...”
คุณแม่จนปัญญาที่จะช่วยแก้ไข
ยาแก้ปวดเด็กๆก็เพิ่งทานไปการพักผ่อนจะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น
“พยายามนอนให้หลับนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลุกไปเดินสูดอากาศกันดีมั้ย?” มือเล็กแตะลงบนแผ่นลดไข้ที่หน้าผากของทั้งสองคนว่ายังใช้การได้ดีอยู่ แล้วลูกๆก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“ฮือ ไม่เอาฮะ ไม่อยากนอนแล้ว”
“ฮือ...นอนไม่หลับแล้ว”
ปล่อยโฮออกมาใต้ผ้าห่มพร้อมกันสองคนจนเลย์ใจหาย คงเป็นเพราะร่างกายไม่แข็งแรงจิตใจเลยพลอยอ่อนไหวไปด้วย
ทำไงดีถ้าลูกไม่ยอมนอน?
ร่างบางตัดสินใจเดินไปที่ห้องนอนใหญ่
สามีที่นอนอยู่เพียงคนเดียวบนเตียงกว้าง มือเล็กค่อยๆเขย่าหัวไหล่หนาให้ตื่น
“คริส หลับแล้วยัง?”
“อื้อ ยัง ทำไมเหรอ?”
“ลูกนอนไม่หลับ ไปเล่านิทานให้แกฟังหน่อย”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
“ขอโทษด้วยนะ”
“ขอโทษทำไม ลูกเราก็ต้องช่วยกันดูแลสิ” ร่างสูงลุกโดยปราศจากความงัวเงีย ผลักประตูเข้าไปในห้องลูก
“ไหน...เด็กคนไหนนอนไม่หลับ”
“ป่ะป๊าฮะ...”
“ป่ะป๊า ไม่อยากนอนแล้ว” ร่างหนาแทรกกายลงไประหว่างตัวแสบทั้งสองคน
“ดึกแล้ว ไม่นอนไม่ได้แล้วนะ
เดี๋ยวป่ะป๊าเล่านิทานให้ฟังจนกว่าจะหลับดีมั้ย?”
“อื้อ // ฮะ”
“ไปนอนเถอะเลย์
เดี๋ยวฉันเล่านิทานเสร็จแล้วจะไปปลุกมาเฝ้าลูกแล้วกัน”
เพราะเห็นสีหน้าของภรรยาเหนื่อยอ่อนขนาดนั้น คริสเห็นใจถึงไล่ให้ไปนอน
“อืม...ฝากด้วยนะ”
เลย์สะดุ้งตื่นก็พบว่าเขาหลับในห้องใหญ่ไปสองชั่วโมงแล้ว
แต่ยังไร้วี่แววของสามีบนเตียงเดียวกัน
ร่างบางเดินไปดูก็พบว่าร่างสูงยังนอนหลับอยู่บนเตียงลูกโดยที่เด็กๆก็หลับปุ๋ยกอดป่ะป๊ากลม
“คริส คริส” มือบางแตะๆลงที่ปลายขายาว
ร่างสูงผงกหัวขึ้นมาพร้อมเสียงอื้ออึง
“อื้อ มีอะไรเลย์?”
“ไปนอนได้แล้ว ลูกหลับแล้ว”
“ไม่เป็นไร นอนนี่แหละขี้เกียจย้ายแล้ว” พร้อมหลับตาต่อ
“แน่ใจนะ”
“อือ เลย์ไปนอนเถอะ”
เป็นห่วงเพราะกลัวสามีจะติดไข้ลูกถึงได้มาปลุกแต่เมื่อร่างสูงยืนยันเช่นนั้นก็คงต้องปล่อย
คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
คริสแข็งแรงจะตายไป
“หม่ะม๊าวันนี้มีอะไรกินบ้างฮะ?”
“ตื่นแล้วเหรอเด็กๆ?” เลย์ยิ้มให้ลูกรับวันใหม่อย่างสดใส
แม้ว่าเสียงของสองแฝดจะยังแหบแห้งแต่ก็ดูดีขึ้นมาก แตะหน้าผากก็พบว่าตัวรุมๆแล้ว
ไม่ร้อนจี๋อย่างเมื่อวาน
“อยากกินข้าวผัดไส้หรอกจังเลยฮะหม่ะม๊า” อู๋ฟ่านพูด
“เอาไข่ดาวด้วยนะฮะ” อี้ฟ่านก็พูดเพิ่มเติมพร้อมเดินไปนั่งที่ตัวเอง
“ได้เลย
ป้อนข้าวอี้ชิงเสร็จแล้วหม่ะม๊าจะทำให้เลยนะคนเก่ง”
เห็นลูกอยากอาหารแล้วเลย์ก็ดีใจ แม้ว่าข้าวผัดจะยังไม่เหมาะกับคนป่วยเท่านี่ควรแต่ก็เอาเถอะเด็กๆคงเบื่อข้าวต้มแล้วให้กินอย่างใจชอบสักมื้อคงไม่เป็นไร
“แล้วป่ะป๊าล่ะ?”
“ตื่นแล้วฮะ อาบน้ำอยู่” ร่างบางหันมองนาฬิกาแล้วขมวดคิ้วเพราะจวนจะสายแล้วทำไมคริสยังไม่ลงมา
“เลย์ แค่กๆๆ”
คิดถึงก็มาพอดี แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยลงมาด้วยสภาพอ่อนแรง
ไอเสียงดังลั่นเรียกชื่อเขา
“คริสติดไข้ลูกหรอ?” เดินเข้าไปพร้อมจัดปกและผูกเนคไทด์ใหม่ให้เข้าที่ น้ำเสียงเป็นห่วงปนตำหนิ
เมื่อคืนบอกแล้วว่าอย่างนอนใกล้ลูกเดี๋ยวจะติดหวัดเอา ก็ไม่ฟังเลย์อีกคน
“ไม่หรอกแค่อากาศมันเย็น เจ็บคอ แค่กๆ”
“ยังจะมาปากแข็งอีก กินข้าวนะ
กินยาดักไว้ก่อนแล้วค่อยออกไปทำงาน”
“ไม่ทันแล้ว แค่ก...วันนี้มีประชุม
ไปก่อนนะ”
“ดื้อจริงๆเลยทั้งพ่อทั้งลูก” เท้าสะเอวก่นว่าเมื่อมองดูสามีเดินออกไปจากบ้าน
โทรศัพท์ของเลย์ดังขึ้นในยามบ่ายที่หม่ะม๊ากำลังกล่อมอี้ชิงให้นอนกลางวัน
คนตัวเล็กสะดุ้งก่อนจะรีบรับสาย กลัวว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของเด็กน้อย
"มีอะไรเหรอคริส?"
"เลย์
มารับที่บริษัทหน่อย"
"เป็นอะไรรึเปล่า
เสียงแย่มากเลย" ร่างบางขมวดคิ้ว
ดูท่าว่าร่างสูงจะติดหวัดเข้าให้อย่างจังแล้ว
"ปวดหัว นะ
แค่ก...มารับหน่อย"
"โอเค จะไปเดี๋ยวนี้แหละ"
คนผิวขาวใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดินทางไปรับสามีที่บริษัท
ขาเรียวก้าวขึ้นไปบนชั้นผู้บริหารด้วยสีหน้ากังวล ยังคงนึกตำหนิคริสอยู่เนืองๆ
"คุณเลย์
กำลังรออยู่เลยครับ" เลขาเอ่ยทักทาย
"คริสล่ะครับ?"
"ท่านรองงีบหลับอยู่ครับหลังจากทานยาเข้าไป
ยามีฤทธิ์ทำให้ง่วงเกรงว่าจะขับรถไม่ได้หน่ะครับ" เลย์พยักหน้าเข้าใจ
ก็ยังดีที่คริสไม่ฝืนตัวเอง ไม่อย่างนั้นเลย์จะโกรธกว่านี้แน่
ก๊อกๆ
"ท่านรอง คุณเลย์มาแล้วครับ"
หมดหน้าที่ของเลขาหนุ่ม เขาก็รีบกลับไปทำหน้าที่อย่างเดิมของตัวเองต่อ
ไม่อยากรบกวน
"ไงครับท่านรอง
ไหนว่าไม่ติดไข้ลูกแน่นอน?" เลย์นั่งลงบนโซฟาที่ร่างหนานอนยาวอยู่
มือใหญ่จับมือเล็กที่แตะอังวัดความร้อนมากุมไว้
"เลย์ ฉันปวดหัวมากเลย"
"ผมน่าจะปล่อยให้เด็กดื้ออยู่ที่บริษัทจนเลิกงาน"
"อื้อ...ไม่เอานะที่รัก
เค้าอยากกลับบ้าน เช็ดตัวให้เค้าหน่อย" ทำตาปรือพูดเสียงงุ้งงิ้งออดอ้อน
“พาไปหาหมอให้นอนแห้งอยู่ที่โรงพยาบาลดีมั้ยเนี่ย
ลูกก็ยังไม่หายสนิท ผัวก็ยังจะหาเรื่องมากวนตัวอีกเหรอ” ดึงแก้มที่มีตอหนวดขึ้นไรๆให้ยืดออกด้วยความเคืองปนหมั่นเขี้ยว
คริสร้องโอดโอยอย่างไม่มีแรง
“ก็ได้ครับหม่ะม๊า ป่ะป๊าผิดเอง
อย่าบ่นมากเลยน้า” จับมือขาววางบนอกพูดพร้อมแบะปาก
“หายหวัดคราวนี้ผมจะบ่นคุณให้ยาวๆเลย”
“อือ...ปวดหัวเสร็จก็ปวดหูต่อเลย”
“ว่าไงนะ?!”
“เค้าอยากกลับบ้าน”
“ฮึ่ม...”
“นะครับหม่ะม๊า”
"งั้นก็กลับกัน ลุกเร็ว"
"ดึงหน่อย"
ยกมือขึ้นทั้งสองข้างให้คนตัวเล็กดึงขึ้นนั่ง
“คุณนี่มัน...จริงๆเลย” แววตาตอนป่วยเหมือนสองแฝดไม่มีผิด พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดจะสงสารไม่ได้แม้ว่าคนตรงหน้าจะอายุเท่ากันก็ตาม
ร่างสูงยืนขึ้นแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กดีซะที่ไหน
แขนยาววาดโอบไหล่เล็กเข้ามากระแทกอก
เอาหน้าเกยลงบนไหล่แคบเป่าลมหายใจร้อนๆใส่ซอกคอขาว
“ยืนดีๆสิคริส”
“พยุงหน่อย มึนหัว” ร่างบางช้อนตามองอย่างไม่เชื่อ
“อำเล่นรึเปล่าเนี่ย?”
“อื้อ ไม่ได้อำ มึนหัวจริงๆ”
แล้วก็เอาหัวถูหน้าเขาเหมือนแมว
“อ่ะๆ ไม่อำก็ได้ เดินดีๆนะ
จะรีบกลับบ้านแล้ว” สุดท้ายภรรยาก็ต้องรับน้ำหนักของคนตัวสูงที่ดูเหมือนจะตั้งใจทิ้งลงมาที่เขาอย่างเต็มที่
เปิดประตูอย่างยากลำบาก เดินผ่านห้องเลขา
“คุณคริสเป็นอะไรครับ?! ให้ผมช่วยไหมครับคุณเลย์”
“ครับคุณ...// ไม่ต้องหรอก” แน่นอนว่าเป็นร่างสูงเองนั่นล่ะที่บอกปัด “ก็เลย์เห็นมั้ยว่าความสูงของเลย์มันพอดิบพอดีกับการรับน้ำหนักตัวฉันเลยเนี่ย” เอาหัวถูหน้าเขาจนรำคาญไปหมด
“แต่ผมหนัก!”
“อื้อ อีกนิดเดียวก็จะถึงรถแล้ว
ไปเร็ว ไหนว่ารีบกลับบ้าน” แล้วก็เป็นคริสเองนั่นล่ะที่ออกแรงดึงร่างเล็กออกมาจนพ้นสายตางงๆของเลขาหนุ่ม
“คุณแกล้งผม”
“เปล่าสักหน่อย เธอก็รู้ว่าฉันไม่สบายจริงๆ”
เอามือข้างหนึ่งของภรรยามาหนีบไว้ที่คอ ปรับเบาะหน้านอนราบ
หลับตาแต่ก็พูดไปด้วยระหว่างที่รอรถเคลื่อนตัวช้าๆ
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องไม่สบายแต่หมายถึงเรื่องให้แบกมาจนถึงรถ”
“อ้อนบ้างอะไรบ้างไม่ได้รึไง”
ยู่ปากจนเลย์หมั่นไส้อยากดีดปากแดงๆเพราะฤทธิ์ไข้นั่นสักที
“ไม่ได้”
“แล้วทำไมทีลูกทำได้ล่ะ” เห็นลูกไม่สบายขออะไรก็ได้หมดเลย ขอนอนตัก ขอให้อุ้ม ขอให้ไปนอนด้วยเลย์ก็ทำหมดเลย
“ก็ลูกไม่สบาย”
“ฉันก็ไม่สบายเหมือนกัน” ทำเสียงฮึดฮัดแล้วนอนตะแคงหลังใส่ แอบได้ยินเสียงบ่นเบาๆ “ถ้าบอกว่าอยากอยู่ใกล้ๆจะยอมให้กอดมั้ยล่ะ” แล้วก็หลับกรนตลอดทางทิ้งให้คนขับนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
“ป่ะป๊าไม่กินข้าวเหรอฮะ?”
“หม่ะม๊ายกขึ้นไปให้กินบนห้องแล้วครับอู๋ฟ่าน”
“ป่ะป๊าเป็นอะไรฮะ?”
“ป่ะป๊าไม่สบาย ติดหวัดเราอ่ะแหละ”
“ไม่ฉะบาย” ฟ่านชิงทิ้งจานข้าวที่กินเกือบหมดไว้บนโต๊ะ
ไหลตัวลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกไปจากห้องอาหาร
“ฟ่านชิงไม่กินแล้วเหรอลูก
แล้วนั่นจะไปไหน?!” เสียงหวานตะโกนไล่หลัง
“ไปหาป่ะป๊า...” เสียงเด็กตะโกนตอบ
“หาป่ะป๊าไม่ได้ ป่ะป๊าไม่สบาย”
ร่างบางได้ยินเสียงเดินตุบๆขึ้นบันไดก็ได้แต่ถอนหายใจ
“กินเสร็จแล้วเก็บจานให้น้องด้วยทั้งสองคน”
“ค้าบ // ค้าบ” เดี๋ยวก็ติดหวัดป่ะป๊า
แล้วก็ป่วยมาให้หม่ะม๊ารักษาอีก!
เลย์ว่าเลย์ขึ้นมาเร็วแล้วนะแต่เจ้าแก้มย้อยก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของป่ะป๊าจนได้!
ร่างสูงเอาผ้าห่มห่อตัวมิดชิดเหมือนหนาว
แทบจะโผล่ออกมาแค่ปากเหมือนดักแด้ รวบตัวฟ่านชิงเข้าไปกอดแล้วนอนนิ่งๆ
ลูกก็ดูจะชอบใจถึงได้ไม่ขัดขืน
“หม่ะม๊าบอกว่าเข้าใกล้ป่ะป๊าไม่ได้ไง ป่ะป๊ากำลังไม่สบาย”
แกะมือคริสแล้วดึงลูกออกมา เด็กน้อยงอแงเมื่อเท้าไม่ถึงพื้น ทีตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของหม่ะม๊าล่ะดิ้นใหญ่เชียว!
“หม่ะม๊าฮะ แต่ว่า...”
“อยากไม่สบายแล้วโดนคุณหมอจับฉีดยาเจ็บๆเหมือนพี่ๆใช่มั้ย?”
ถามเจ้าเด็กในอ้อมแขน
“อื้อ แต่ว่า...” ดิ้นเพราะอยากลงพื้น เลย์ก็ไม่ขัด เด็กน้อยยืนเกาะเตียงใหญ่ทำหน้าบูดคล้ายจะแย้งอยากเข้าใกล้ป่ะป๊าก็อยากแต่ครั้นจะไปหาหมอก็กลัว
“เลย์ให้ลูกขึ้นมาเถอะ แค่ก...แค่กอดนิดหน่อยไม่ติดหรอก”
“เมื่อคืนคุณก็แค่นอนข้างลูกไม่ใช่รึไง แล้วดูตอนนี้สิเป็นยังไง” เลย์เริ่มจะไม่พอใจแล้วนะ แค่คริสเป็นไข้คนเดียวมันก็แย่แล้ว
ไม่รู้หรือว่าถ้าฟ่านชิงเป็นไข้จะวุ่นวายขนาไหน
ฟ่านชิงอธิบายอาการของตัวเองเก่งที่ไหนกัน?
“แค่ก...เธอกีดกันไม่ให้พ่อลูกอยู่ด้วยกัน”
“สภาพแบบคุณผมไม่ยอมให้เข้าใกล้ลูกหรอก!” ยังจะมาพูดให้น้ำเน่าอีก
ดูท่ายิ่งไข้จะยิ่งเพ้อ “ไปครับฟ่านชิง ให้ป่ะป๊าพักผ่อนเนอะ”
อุ้มเด็กน้อยขึ้นก็เริ่มงอแงทันที อยากอยู่ข้างๆป่ะป๊า
“หม่ะม๊าอย่า! ฮื้อ! อย่าทิ้งป่ะป๊าไว้คนเดียวสิฮะ!”
แม้ว่าลูกจะดิ้นแรง งอแง แต่เรื่องอะไรที่เลย์จะยอม!
“เด็กๆ นอนได้แล้ว ดึกแล้ว” เดินเข้าไปห้องลูกที่ยังเปิดไฟสว่างจ้าพร้อมด้วยเสียงเจี้ยวจ๊าวสนุกสนานของเด็กแฝด
เอาคืนเสียให้พอหลังจากที่ป่วยและเศร้าซึมไปหลายวัน
“นอนทำไมฮะ?”
“นั่นสิหม่ะม๊า ยังไม่ง่วงเลย” กระโดดตัวไปมาบนที่นอน
“เพราะพรุ่งนี้ไปโรงเรียน”
“หา! // ไม่เอานะ!”
“จริงจัง” ผู้เป็นแม่นั่งลงตรงปลายเตียง
“หม่ะม๊าอ่า... // หม่ะม๊า....”
ทำเสียงงอแง ตัวอ่อนตัวแฟ่บ หมดแรงเหมือนถูกดึงปลั๊กออก ยวบลงกับที่นอนทันที
ทำเสียงสะอึกสะอื้นคลอด้วย คิดว่าจะหลงกลเหรอ?!
“หายป่วยแล้วก็ต้องไปโรงเรียน”
“แต่พรุ่งนี้วันศุกร์แล้วนะฮะ”
“นั่นสิหม่ะม๊า
ขับรถไปโรงเรียนทำไมเปลืองน้ำมันจะตาย”
“หม่ะม๊ายอมเปลือง นอนได้แล้ว”
“ไปโรงเรียนทำไมฮะ ไม่ได้อยากไปสักหน่อย”
“ไปหน่อยเถอะ ครูอยากเจอแล้ว” ดึงผ้าห่มออกมาให้สองแสบ
ไปโรงเรียนหน่ะดีที่สุดแล้ว ลองเปลี่ยนจากไปโรงเรียนมาเลี้ยงลูกแฝดดูสิ
“แต่น้องอู๋ไม่ได้อยากเจอครูนี่!”
“แต่อยากไปเจอลิซซี่ใช่มั้ยล่า?” อี้ฟ่านยีกคิ้วหลิ่วตา
“เงียบไปเลยอี้ฟ่าน!”
“หม่ะม๊า อู๋ฟ่านมีสาวมาจีบแหละ!”
“นอนเดี๋ยวนี้ทั้งสองคน” ปิดไฟในห้องจนเหลือแต่โคมไฟหัวเตียงเป็นเชิงตัดบท
เลย์เดินไปที่เตียงของฟ่านชิง ลูกชอบนั่งทำอะไรเงียบๆคนเดียว
สมาธิดีมากและชอบเล่นของเล่นที่ดูมีสาระกว่าสองแสบเยอะเลย
“นอนได้แล้วนะคนเก่ง เดี๋ยวค่อยตื่นมาต่อบล๊อคไม้ใหม่พร่งนี้เนอะ”
อุ้มเด็กน้อยขึ้นเตียงแล้วจัดการห่มผ้าให้
“ป่ะป๊าหายยังฮะ?”
“ยังครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหายนะ
ฟ่านชิงเป็นห่วงป่ะป๊าหรอ?”
“ฮะ เป็นห่วง...”
“ป่ะป๊ารู้ต้องดีใจมากแน่เลย
เดี๋ยวคืนนี้หม่ะม๊าเฝ้าป่ะป๊าเอง ฟ่านชิงไม่ต้องห่วงนะครับ”
“ฮะ” น่าเอ็นดูจริงๆ
เป็นใครก็ต้องหัวใจพองโตทั้งนั้นถ้ารู้ว่าลูกเป็นห่วงตัวเองตอนป่วยแบบนี้
มือบางลูบลงบนหัวลูกที่หลับตาพริ้มอย่างสบาย
“ขอโทษนะครับที่คืนนี้หม่ะม๊าไม่ได้เล่านิทานให้ฟัง
ขอแปะไว้เป็นคืนหลังเนอะ”
“ฮะ” แล้วก็หาวสุดกราม
ร่างบางหรี่ไฟลงจนเกือบมืดแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบที่สุด
ถึงเวลาจัดการกับเจ้าตัวใหญ่
“คริสไปอาบน้ำ”
“ไม่เอา หนาว”
“คริส”
“ฮือ...”
“จะไม่อาบน้ำแล้วมานอนบนเตียงไม่ได้นะ” เลย์กระชากผ้าห่มออก ใจร้ายมากก็สามีที่เป็นไข้เพราะมันหาวปลายเท้าจับใจ
“แต่จะให้อาบน้ำเวลานี้ไม่ได้นะ”
“น้ำอุ่น”
“ไม่เอา น้ำอุ่นขึ้นมาก็หนาวอยู่ดี”
“ผมตามใจคุณหมดแล้วนะ ข้าวก็ยกขึ้นมาให้กิน
ยอมให้นอนบนเตียงทั้งชุดทำงานด้วย จะงอแงอีกไม่ได้นะคริส”
“งั้นก็เช็ดตัวให้หน่อย”
“ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” เลย์เหนื่อยใจ ลูกคงติดนิสัยชอบต่อรองมาจากพ่อมันแน่ๆ
“เลย์อ่ะ ดุ”
“หยุดทำปากยื่นเดี๋ยวนี้” ยื่นปากให้มากกว่าเก่า เพิ่มระดับความต่อต้านด้วยการนอนตะแคงหลังให้จนร่างบางต่อถอนหายใจ
“งั้นเจอกันคนละครึ่งทาง
เช็ดตัวให้ในห้องน้ำ ตกลงมั้ย?” ร่างสูงพลิกตัวกลับมาทันที
“เลย์เช็ดให้หรอ?”
“อืม จะเอาไม่เอา”
“เอาดีมั้ยน๊า”
“ไปนอนละ”
“โอ๋ๆ เช็ดตัวในห้องน้ำก็ได้ พยุงหน่อย”
“เป็นอะไรอีกล่ะที่ให้พยุงเนี่ย?”
“อยากอยู่ใกล้ๆ”
“...”
“นะ...”
“ก็ได้ๆ มาๆ” ถอนหายใจที่ร่างสูงชอบทำตัวให้เขาลำบากแต่ก็ถือป็นเรื่องดีๆที่ทำให้คนป่วยตาซึมมีความสุขขึ้นมา
มือเล็กผสมน้ำจนได้ที่ในอ่างแก้ว
ผ้าขนหนูสีสะอาดผืนกลางจุ่มลงในน้ำ ร่างสูงถอดเสื้อยืนเปลืองอกพิงขอบอ่างด้วยใบหน้ากึ่งหลับกึ่งตื่น
ไม่ใช่แค่คนตัวเล็กที่มองคนป่วยเป็นระยะแต่สายตาคมก็มองอีกคนเป็นระยะเช่นกัน
จะมีคนไหนที่ทำเพื่อเขากับลูกได้สักครึ่งของที่เลย์ทำไหมนะ?
ถ้าวันนั้นคริสไม่ได้แต่งงานกับเลย์
วันนี้เขาอาจจะต้องหาข้าวหายากินเองไม่ก็นอนแห้งอยู่ตรงไหนสักที่
“โอ๊ยเย็น!” ผ้าขนหนูปลุกเขาขึ้นจากภวังค์อย่างไม่นิ่มนวลเอาเสียเลย
“เย็นหน่อยสิ ความร้อนจะได้คายออก”
“เย็นไปมั้ยเลย์” เย็นขนาดนี้ถ้าเมื่อครู่ร่างสูงยอมอาบน้ำต้องหนาวตายแน่
“อย่าสำออยเลยน่า โตแล้วเข้มแข็งหน่อย
ลูกยังยอมอาบเลย” คริสหน้าบูด
บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเอาเขาไปเปรียบเทียบกับลูก
อย่าเอาเรื่องแย่ๆของเขาไปเล่าให้ลูกฟังมากจะได้มั้ย?!
“ไม่เอาแล้ว ไม่อาบแล้ว หนาว” งอแงมันซะเลย เข้าไปกอดร่างอุ่นในชุดนอนทั้งตัวชื้นๆ มือบางตีลงบนแขนล่ำดังเพี๊ยะ
“ปล่อยเลย ยืนดีๆ” แกะมือปลาหมึกของเด็กดื้อออก คริสยืนหน้ามุ่ย
ผ้าขนหนูจุ่มลงในอ่างแก้วอีกครั้งหนึ่ง บิดให้หมาดแล้วนาบลงบนอกกว้าง
“โอ๊ย...หนาวอ่ะเลย์ พอแล้ว หนาวว”
ร่างเล็กถูกรวบเข้าไปกอดอีก งอแงแบบนี้เมื่อไหร่เลย์จะได้พักล่ะ?!
“ทนหน่อยน่า จะเสร็จแล้ว” แผ่นเจลลดไข้สำหรับผู้ใหญ่แปะลงบนหน้าผากสามี
มือหนาจับข้อมือเล็กไว้ทั้งสองข้าง
“อะไรอีกล่ะทีนี้?”
“ตัวเธอ แค่ก...เย็นจัง”
“คุณตัวร้อนต่างหาก” ดึงมือออกแต่คริสไม่ปล่อย
รวบเอวเลย์เข้าไปกอด “นี่...เสียงแย่มากแล้วนะ”
“ชู่ว...เลิกดุก่อนได้มั้ย” ใบหน้าร้อนนาบลงบนไหล่เล็ก
อุณหภูมิร่างกายถ่ายทอดสู่กันโดยตรง
ภรรยาตามใจอีกคนที่ครางงุ้งงิ้งอยู่ใกล้ๆหูของเขา
มือบางลูบหลังกว้างขึ้นลงเหมือนกล่อมเด็ก
“คริส...”ในห้องน้ำเงียบมากจนเลย์ไม่มั่นใจว่าอีกคนหลับไปแล้วยัง
“แบบนี้ระบายความร้อนได้เร็วกว่าตั้งเยอะ” และแล้วก็โดนแทนที่ด้วยความเงียบ ตัวเลย์ยังนิ่มเหมือนเดิมเลย
ยิ่งเวลาที่คนตัวเล็กเป็นยอมทำตามใจเขามันยิ่งดีมาก อยากกอดนานๆ...
“ฮิ...นี่สามีหรือลูกคนเล็กกันแน่เนี่ย?”
“นี่ฉันเด็กกว่าอี้ชิงอีกเหรอ?”
เสียงทุ้มทั้งแหบทั้งหลบในลำคอ
“แน่สิ เอาแต่ใจขนาดนี้” เลย์ผละออกจากอ้อมกอด
“ไม่เช็ดตัวแล้ว รีบไปพักผ่อนซะ” ไม่ต้องมาอ้อนในเวลานี้เลย
เดี๋ยวเลย์ป่วยไปด้วย ใครจะดูแล
ร่างบางหันหลังให้
เปิดจุกระบายน้ำออก ซักผ้าที่ใช้เช็ดตัวคนไข้ยังไม่สะอาดดี ร่างสูงก็งอแงอีก
“อะไรอีกล่ะทีนี้”
“ขออ้อนแบบที่ลูกทำบ้างได้มั้ย?”
“….” เลย์จะไม่ว่าอะไรเลย
ถ้าเสียงของคริสมันไม่แหบพร่าขนาดนั้น “จะ..อ้อนเอาอะไร?”
“จุ๊บป่ะป๊าหน่อย ป่ะป๊าไม่ฉะบาย”
ใบหน้าแดงก่ำเหมือนคนเมา
เสียงแหบรวมถึงแผ่นเจลลดไข้ที่แปะอยู่บนหน้าผากนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูมีสเน่ห์มากขึ้นแต่ในทางกลับกัน
ความมีสเน่ห์นั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย
“ลูกไม่เคยอ้อนแบบนี้!”
“ไม่จริงหรอก ฮึ่ม..” มันก็ไม่จริง จริงๆนั่นแหละ เด็กๆเวลาป่วยก็อยากอยู่ใกล้ๆแม่ทั้งนั้น
หรือป่ะป๊าก็เหมือนกัน...?
“จูบเดียว...เอง”
“ก็ได้...จูบเดียวนะ”
เลย์ไม่เคยจำเลยสินะ
ว่าคำว่าจูบเดียวมันไม่มีจริง
“คริส...แค่ก เอาลูกออกไป”
“จุ๊บๆหม่ะม๊าทีเดียวพอนะครับ
หม่ะม๊าไม่ฉาบาย” สุดท้ายปากลูกก็แนบลงบนแก้มนุ่มของเลย์
ครบทั้งสี่คนเลยด้วย
“หม่ะม๊าไม่ต้องห่วงนะฮะ
ป่ะป๊าสั่งพิซซ่ามาเป็นมื้อเที่ยงแล้ว” อี้ฟ่านยิ้มระรื่น
“ปิ๊ดจ้า!” ฟ่านชิงเกาะขอบเตียงกระโดดดึ๋งๆอย่างมีความสุข
“เอาลูกออกไป คริส...” ร่างสูงขานรับพร้อมต้อนลูกๆออกไปจากห้องตามที่คนป่วยบอก
ไม่งั้นคนโดนตาแดงๆของภรรยาจิกร่างจนพรุนแน่
“ถ้าลูกติดหวัด...ผม แค่ก
คุณตายแน่...คริส”
“ครับ คนเก่ง
ก่อนจะลุกขึ้นมาฆ่าแกงกันลุกขึ้นนั่งให้ได้ก่อนเถอะ” ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งทำหน้าที่เดิมของตัวเองคือเช็ดตัวบรรเทาความร้อนของคนป่วย
“หนาว...คริส พอแล้ว”
พยายามเบี่ยงตัวหลบผ้าขนหนูที่สอดเข้ามาในสาบเสื้อ
“ไงล่ะครับหม่ะม๊า โดนกับตัวบ้าง หนาวไหมล่ะ?” มือหนาวางลงบนหน้าผาก
อุณหภูมิยังคงไม่ลดลงง่ายๆผิดกับร่างสูงที่หายเป็นปลิดทิ้งในคืนเดียว
สงสัยเพราะ...ยาดี
“เลิกแกล้งน่าคริส... อื่ม”
ร่างบางกระแอมไอ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย “ออกไปเลย จะพักผ่อนแล้ว”
เพราะถ้าไม่รีบหายลูกก็ต้องกินแต่อาหารขยะแบบนั้นติดกันหลายวัน ไม่ดีแน่ๆ
แต่สามีตัวดีกลับทิ้งตัวลงนอนเท้าหัวข้างกายด้วยใบหน้าระรื่น
“อย่าเครียดไปเลยนะครับหม่ะม๊า
ถือโอกาสนี้ได้พักเสียบ้าง”
“แล้วก็ปล่อยให้คุณ แค่ก...ให้ลูกกินอาหารขยะ
เนี่ย...นะ”
“หรือว่าจะใช้ยาดีแบบที่ผมได้เมื่อคืน?”
นิ้วเรียวยาวแกล้งไต่ไปตามแขนเรียวนอกผ้าห่มพร้อมรอยยิ้มอย่างคนกำลังได้เปรียบ
“ออกไป แค่ก !... จากชีวิตผมเลย!”
คนป่วยเริ่มวีนและหนาว สอดแขนเล็กเข้าในผ้าห่ม และหันหลังใส่
หลับตาหนีคนตัวใหญ่และแขนใหญ่ๆที่วางทับลงบนผ้าห่ม
“อุ่นแล้วยัง?”
“แค่ก...”
“นอนแบบนี้ แล้วกันเนอะ”
ถ้าคราวนี้คริสกับเลย์ป่วยพร้อมกัน
เลย์เอาคริสตายแน่
TALK
รู้สึกเสียใจเบาที่มีคนถามว่าจบแล้วเหรอ
ย้างงงงงงงงงงงงงงงง โถ่ววววววววววววววววววว ยังไม่จบ ยังไม่ยอมให้จบง่ายๆ
สปอยเบาว่าจะมีคู่ลูกมาต่ออีก....
ซึ่งตอนนี้แฮปปี้กับการแต่งคู่ให้สองแฝดมากทั้งๆที่คู่อิพ่ออิแม่ก็ยังไม่จบนะคะ ฮ่าๆๆๆ
เอาไว้จะมาลงสปอยให้วันหลังแต่คู่คริสกับเลย์ก็คงยังมีเรื่อยๆแหละ พอร์ทในหัวยังไม่หมดหรอก
แต่ความขยะเริ่มหมดแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆ //โดนปา
มีความสุขกับการอ่านนะคะ
ความคิดเห็น