คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : =KrisLay= 4 = " คนงี่เง่า "
ตกลงนิดนึง :: ตัวเอียงอดีต ตัวตรงปัจจุบันนะแค่นี้แหละอิ๊
--ตอน คนงี่เง่า --
“ฮือ...” มือบางขยี้ตาตัวเองเบาๆเมื่อแสงสว่างของดวงตะวันทำให้ร่างบางของคุณแม่ที่กำลังงัวเงีย กลิ้งกลับมานอนแผ่บนเตียงแล้วก็รู้สึกตัวได้ว่ากำลังนอนอยู่เพียงลำพัง ข้างกายไม่มีคริสที่ปกติจะนอนรอให้เขาปลุกแท้ๆ
“คริส...” เสียงหวานร้องเรียกชื่ออีกคนผะแผ่ว ได้ยินเสียงน้ำไหลแล้วก็โล่งใจว่าอีกคนยังอยู่ในห้อง เอาหน้าซบลงกับหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน
เพิ่งหลับได้ก็หกโมงเช้า...
เลย์นอนไม่หลับเลยทั้งคืน เกร็งไปหมด
ร่างบางตะแคงหน้าเข้าหาในขณะที่คริสหันหลังให้เขาตลอด หลังจากที่พูดตัดพ้อไปแบบนั้นเขาก็เหมือนถูกสตาฟ ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาด้วยอารมณ์มืดมนเต็มที่เพราะคิดไปว่าเลย์เงียบด้วยเถียงไม่ออก
ฮือ...มันไม่ใช่แบบนั้นนะคริส T T
เสียงเปิดประตูห้องน้ำพร้อมร่างแข็งแรงที่พันผ้าเช็ดตัวเอาไว้ผืนเดียวตรงรอบเอวเดินออกมา หยาดน้ำเกาะพราวให้ความรู้สึกสดชื่นทว่าใบหน้านั้นบึงตึงไม่หันมองเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างขาวจัดรุดขึ้นนั่งแล้วมองตาม
“คริส”
ไม่ชายตามองด้วยซ้ำ เดินหลบไปห้องแต่งตัว เลย์คิดว่าถ้าเขาไม่เตรียมอาหารเช้าให้เสร็จต้องยิ่งงอนแน่ ไม่อาบมันแล้วน้ำ ต้องลงไปเตรียมข้าวเช้าให้สามีก่อน
.
.
.
อาหารง่ายๆถูกทำเสร็จอย่างรวดเร็วตามความชำนาญ ร่างบางในชุดนอนยาวสีขาวพร้อมกับเสื้อกันหนาวตัวพริ้วทับไว้ด้านนอกได้ยินเสียงวิ่งตุบตับลงบันไดมาก่อนเสียงเดินนิ่งๆก็ได้แต่นึกแปลกใจว่าทำไมลูกถึงได้ลงมาก่อนร่างสูง
“หม่ะม๊า หิวแล้วฮะ” แฝดน้องพูดไปหาวไปจะปีนขึ้นที่นั่งเองเพื่อเตรียมกินข้าว หม่ะม๊าเข้าไปช่วยร่างกลมๆทั้งสองให้นั่งเก้าอี้ดีๆ
“ป่ะป๊าล่ะครับ เห็นป่ะป๊ารึเปล่า?” เลย์ถามลูก
“เห็นอุ้มฟ่านชิงอยู่เมื่อกี้”
“งั้นรอป่ะป๊าแปปนึงละกัน กินข้าวพร้อมกันเนอะ” เลย์ลูบจัดทรงผมลูก เลย์อนุญาตให้ลูกทั้งสองจะกินข้าวเช้าก่อนที่จะไปอาบน้ำเพราะอู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านอาบน้ำนานแถมอาบยากยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้ง
“ค้าบบบ” อ้าปากเอ่ยคำยาวๆพวงแก้มนั้นดูน่าจะหนักเต็มทนสำหรับลูกชาย พูดไม่ทันจะขาดคำป่ะป๊าร่างสูงก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร เลย์เกร็งตัวขึ้นอย่างเผลอไผล ในอ้อมกอดแข็งแรงมีเด็กน้อยเกาะมาด้วย
“เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกด้วย” คริสพูดเสียงเบาส่งลูกให้ภรรยาในชุดขาวที่ดูน่าถนอมเมื่อต้องแสงแดดเวลาเกือบๆแปดโมงเช้า
“กินข้าวเลยมั้ยคริส?” คำถามที่เปี่ยมไปด้วยความหวังคริสเองก็รู้แต่วันนี้เขารีบไปทำงาน
“ไม่ล่ะ ฉันรีบ”
“แต่เมื่อคืนก็ยังไม่กินอะไรเลยนะ” เลย์แย้งขึ้นมาในทันที ร่างบางคิดไปว่ามันก็เป็นแค่อ้างหรอกว่าไม่อยากกินหรือรีบ ความเป็นจริงคือจะหลบหน้ากันมากกว่า
“วันนี้มีประชุมอีก ฉันไปล่ะ” คนตัวเล็กมองอีกคนที่หันหลังกำลังจะเดินออกไป ไม่ชอบเลยที่ร่างสูงบึงตึงแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“ป่ะป๊าฮะ จู๊บบบบบ (’3’) ” อี้ฟ่านหันมาทำปากจู๋ใส่ป่ะป๊าที่ปกติจะหอมแก้มเขาก่อนไปทำงาน เป็นปกติที่คริสจะชอบเล่นกับลูกชายแต่ก็ไม่ใช่ในวันนี้ ที่คริสทำเพียงยิ้มบางๆแล้วขยี้หัวลูกก่อนเดินออกจากห้อง เด็กน้อยชักหน้างงแต่เด็กขนาดอี้ฟ่านยังไม่รู้จักการคิดแทนความรู้สึกของคนอื่นหรอก
“ง่า...ป่ะป๊าคงหิวเนอะอู๋ฟ่าน”
“อื้อ...หิวแบบที่เราหิวตอนนี้งาย” อย่างน้อยก็มีแฝดที่ทำให้อี้ชิงหัวเราะได้แม้จะเป็นตัวก่อเรื่องก็เถอะ คนตัวเล็กตักข้าวใส่จานลายการ์ตูนให้ลูกกำชับว่าอย่ากินเลอะเทอะเพราะหม่ะม๊าจะไม่อยู่เฝ้าจะขึ้นไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้อง สองเสือรับคำแล้วลงมือกิน
ต่อหน้าลูกคุณแม่ก็ยิ้มให้อย่างใจดีแต่กลับกันกับตอนที่ไม่อยู่ด้วย ร่างบางก้มหน้าเม้มปากน้อยๆด้วยความรู้สึกหลากหลาย ปล่อยให้ทั้งคู่กินกันไปตามลำพัง อุ้มลูกคนเล็กขึ้นมาบนห้องนอนคิดงุ่นง่านเรื่องของสามีขณะพาฟ่านชิงมาเปลี่ยนผ้าอ้อม เสียงเล็กๆของลูกราวกับกำลังคุยด้วยกับเขา ดีที่อย่างน้อยวันนี้ห้องก็ไม่เงียบจนวังเวง
เด็กตัวเล็กส่งเสียงอ้อแอ้อารมณ์ดีหลังจากเพิ่งตื่น เอื้อมมือจับปลายเท้าของตัวเองแล้วดีดออก ดิ้นไปมาขณะถูกจับเช็ดก้น
“เมื่อกี้ป่ะป๊าพูดอะไรให้หนูฟังรึเปล่า?”
“ต๊า!” ร่างบางหัวเราะคิก ไม่รู้ว่าต๊านี่คือใช่หรือไม่ใช่
“ป่ะป๊าบ่นว่างอนหม่ะม๊าใช่ไหมหืม??”
“แอ่ะ” ปากเล็กพ่นน้ำลายออกมาจนเลอะคาง ผ้าผืนนิ่มบรรจงเช็ดปากให้อย่างเอ็นดู
“เป็นเด็กนี่ดีจริงๆเลยนะ” เลย์กล่าวอย่างนึกอิจฉา ลูกหัวเราะออกมาคล้ายจะเห็นด้วย มันเรื่องโง่แท้ๆเลยที่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ ตอนเด็กๆเลย์อยากโตทำไมกันนะ?
รอยยิ้มเอ็นดูเปลี่ยนแปรเป็นร้อยยิ้มเศร้าขึ้นมาช้าๆเลย์เอ่ยถามลูกอย่างเลื่อนลอย
“หม่ะม๊าควรทำไงดีครับฟ่านชิง?”
เสียงแตรรถบีบลั่นแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะระรานส่งเสียงรำคาญให้กับตึกของบริษัทที่สูงระฟ้าห้องผู้บริหารระดับสูงที่มองลงไปข้างล่างก็เห็นคนร่วมโลกมีขนาดเท่าแมลงมด ชายหนุ่มร่างสูงยืนมองทิวทัศน์ที่สามารถเห็นได้รอบเมืองหลวงทว่าไม่ได้ตั้งใจชื่นชมความสวยงามหรือความกว้างขวางของมัน
ตัวอยู่ที่ทำงานแต่ใจกลับอยู่ที่อีกเรื่องหนึ่ง
ก๊อกๆ
“คุณคริสครับอีกสามสิบนาทีจะเริ่มประชุม ผมเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”
“อืม..ขอบคุณมากเลขาชัง” คริสยิ้มให้บางๆ ก่อนที่เลขาจะปิดประตูห้องด้วยเสียงที่เบาหวิว อย่างน้อยเลขาคนนี้ก็ทำงานได้ดั่งใจเขาค่อนข้างมากถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ เลขาชังทำงานกับเขามานานที่สุดแล้วตั้งแต่เคยมี ก่อนหน้านี้เป็นผู้หญิงแม้จะเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าผู้หญิงนั้นทำงานละเอียดกว่าผู้ชายแต่ก็ช่วยไม่ได้อีก...ผู้หญิงพวกนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก หลายครั้งที่คริสเสียผู้หญิงที่ทำงานเก่งไปเพราะเขาไม่อยากทำให้เลย์ไม่สบายใจ คริสก็คงไม่ไล่พวกเธอออกหากว่าเธอไม่ทำตัวประเภทผู้หญิงอย่างว่า
“เฮ้อ...”
เลย์...
ฉันไม่ตั้งใจเลยที่จะโกรธเธอแบบนั้น
ก็เพราะคริสเองนั่นแหละที่เคยทำกับคนตัวเล็กเอาไว้ยังไงพอถึงเวลาเขาก็แค่กลัวจะถูกเอาคืน กลัวว่าวันนึงเลย์จะไปกับคนอื่นเป็นการแก้แค้นที่เขาเคยทำให้เสียน้ำใจ
คริสกลัวไปหมด ถึงได้ไม่ชอบให้ใครเขาใกล้ภรรยาเพราะกลัวว่าคนพวกนั้นจะรู้ถึงเสน่ห์อันมากมายนั้นแล้วมาแย่งของๆเขาไป
เพราะมันเป็นคริสเองที่เอาแต่ใจ มีเพียงแค่เขาที่เห็นแก่ตัว
“คริส มึงเห็นเลย์วันนี้แล้วยังวะ?” เสียงแจ๊คสัน เพื่อนรักในกลุ่มเอ่ยถามในขณะที่ร่างสูงกำลังดวลเกมเพลรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่อย่างเมามันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากแต้มที่กำลังขึ้นอยู่พรวดๆ ณ ตอนนี้
เลย์...?
เฮอะ...ใครจะไปสนใจคนแบบนั้นกัน
“อย่ามาเอ่ยชื่อตัวกาลกิณี แค่ได้ยินผ่านๆคะแนนกูยังตกเลย ไอเหี้ย!! ไอหยงมึงห้ามเล่นสองคน มึงดวลกับกูตัวต่อตัว!!” คริสโวยวายเมื่อเห็นว่าขณะที่เขาเสียสมาธิเพื่อนก็แอบขี้โกงช่วยกันกดสองคน แจ๊คสันหันไปยักคิ้วกับเพื่อนอีกคนอย่างรู้กัน
ใครๆในกลุ่มมันก็รู้ว่าคริสหน่ะคิดยังไงกับกระต่ายตัวขาวนั่นแต่ต้องแกล้งทำปากแข็งเพราะเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะไม่ชอบ สิ่งที่คริสเกลียดมากกว่าผักชีคงเป็นน้ำลายตัวเองล่ะมั้ง...
น่าเสียดายที่เจ้าตัวเผลอกลืนมันลงไปแล้วเอื๊อกใหญ่ๆ
“มึง......ไม่สนใจจริงดิ?” ถามเพื่อย้ำอีกครั้งว่าอาจจะเสียโอกาสรู้เรื่องดีๆไปก็ได้นะ ไม่ใช่ประโยคที่เชื่อจริงๆว่าคริสไม่ใส่ใจ
“ไอเหี้ยกูชนะแล้วว้อย!!!” ซัดเกมส์กดลงกับโต๊ะแล้วยกยิ้มอย่างพอใจที่สีหน้าเพื่อนฝั่งตรงข้ามแพ้เขาซ้ำแล้วซ้ำอีก “อ่ะ อะไรมึงสักทีไอแจ๊คสัน กวนกูตั้งแต่เมื่อกี้ละ ถ้าจะมาพูดเรื่องคนน่ารำคาญล่ะก็หุบปากไปซะเหอะกูไม่อยากสนใจ”
เพื่อนรักได้แต่ยิ้ม อยากจะมอบรางวัลโคตรพ่อโคตรแม่ตอแหลให้ใจจะขาด ปากบอกว่าไม่แต่หูนี่ผึ่งอย่างกับกะละมัง
“วันนี้เลย์มันถูกผู้ชายแซวทั้งคณะเลยเว้ย”
“แล้วไง? คนมันว่างมันก็แซวไปทั่วแหละ”
“ก็เมื่อเช้ากระดุมที่อกเลย์มันกระเด็นไปถูกหน้าผากรุ่นสักคนนึงนั่นแหละเพราะเสื้อมันฟิตมาก”
“มึงว่าไงนะ?!!!!!”
แจ๊คสันหันไปยิ้มกลับเพื่อนอีกครั้ง
กูบอกแล้ว ว่าคริสแม่.งโคตรพ่อโคตรแม่ตอแหลจริงๆ
ร่างสูงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ออกฝีเท้าวิ่งแต่สิ่งทำกำลังทำคือเดินด้วยความเร็ว100กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็บอกแล้วว่าไม่ได้สนใจ ตึกไม่ได้ไฟไหม้ พ่อไม่ได้เรียกประชุมด่วนหรือไม่ได้กำลังผิดนัดสาวๆในฮาเล็มแต่ถึงไม่ใช่วาระแห่งชาติที่แสนสำคัญ จิตใจของคริสก็อยากจะเห็นเสียแล้วว่าไอเสื้อเจ้าปัญหานั่นมันฟิตยังไง?!
คนตัวสูงออกเดินแม้ไม่รู้พิกัดเลยว่าคนที่เขาตามหานั้นอยู่ตรงไหนของมหาวิทยาลัยแต่ก็ยังจะวิ่งโดยมีฝูงเพื่อนตามไปโห่แซวตามประสา มือใหญ่ๆนั้นกำแน่นด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าขึ้นสีลามไปถึงหูเพราะความโกรธ
มันจะไปกระเด็นเอาอีท่าไหนล่ะถ้าไม่ใช่ว่ามันปริแบบรัดมากจริงๆ
แล้วตอนที่มันกระเด็นนี่คือยังไง ก้มหรอ? หรือว่าแอ่นอก?
โอ๊ย!! หงุดหงิดเว้ย!!
ร่างสูงรู้ว่าคนตัวเล็กชอบนั่งอยู่แถวไหนมันเหมือนโต๊ะประจำที่เขามาหาทุกทีและวันนี้มันเป็นแบบนั้น เลย์นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน กำลังสนุกแล้วเขาก็เดินเข้าไปกระชากแขนให้ยืนขึ้นจนทั้งกลุ่มก็ต่างตกใจ
“อ่ะ..อะไรเนี่ย?”
“ใส่เสื้อตัวเล็กขนาดนี้มามหาลัยไม่อายสถานที่บ้างรึไง?!!” ตะคอกลั่นจนคนแถวนั้นเขาก็หันมามอง
“เอ่ะ...นายเห็นเหรอ?” เขาเอาเสื้อกันหนาวสวมทับไว้แล้วนะทำไมถึงยังรู้ได้อีกล่ะ?
“ยังจะมีหน้ามาถาม คับซะจนกระดุมกระเด็นนี่มันทุเรศมากนะ คิดยังไงถึงใส่ตัวนี้มา?!”
“ก็เมื่อคืนนอนค้างบ้านเพื่อน...”
“ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีก!!”จากเรื่องเล็กมันก็ต้องพาลกลายเป็นเรื่องใหญ่ เลย์ไม่รู้ว่าคริสรู้ได้ยังไงว่าวันนี้กระดุมอกเขามันกระเด็นหลุดไปโดนหน้ารุ่นพี่ในคณะเพราะเมื่อคืนเขาไปนอนบ้านเพื่อนแล้วไม่มีเสื้อใส่มามหาลัยเพราะฝนตกใส่ มันเปียก แต่ก็ใช่ว่าเลย์จะปล่อยให้น่าเกลียด เขาก็ใส่เสื้อคลุมทับ ส่วนไอกระดุมเม็ดที่หลุดไป เขาก็ไม่ปล่อยให้เสื้อมันแหวกอยู่แบบนั้น เขาก็หาเข็มมากลัดแล้วจะโวยวายทำไม
“ตามฉันไปเอาเสื้อบาสในรถมาใส่ ฉันไม่ยอมให้นายใส่เสื้อรัดๆแบบนี้ไปทั้งวันแน่” คนตัวสูงกระชากแขนเล็กจะให้เดินตามไปแต่เลย์ไม่ยอม เขาเห็นแล้วว่าทุกคนก็มองเขากับคริสกันหมด อีกทั้งเพื่อนคริสยังมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนแบบนั้นล่ะมันน่าโมโหนัก เขาไม่ใช่เด็กในสต๊อกของคริสแล้วทำไมเขาจะต้องทำตาม
“ปล่อย” ร่างบางเอ่ยเสียงต่ำ
“อะไร?!”
“ฉันจะใส่เสื้อตัวนี้ จะใส่ทั้งวัน นายมีปัญหาอะไรไม่ทราบ?” จากเดิมที่รูดซิปขึ้นมาปิดหน้าอกเลย์ก็รูดลงให้มันหลุดกันเสียเลย เขาเองก็ร้อนเหมือนกัน ยืนเท้าสะเอวไม่พอใจ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ทุกคนต้องเหมารวมว่าเขาเป็นคนขาดความอบอุ่นที่เขาไปซุกกอดคริสเหมือนเด็กๆในสต๊อกคนอื่นๆของเจ้าตัวซึ่งเลย์ไม่เอาด้วยแน่ เฮอะ...ใครๆก็อยากถวายตัวให้หมอนี่แต่ไม่ใช่เขาคนนึงละกัน
“อย่ามายั่วโมโหฉัน ฉันสั่งให้ทำอะไรนายก็ต้องทำ!” คริสไม่ชอบคนขี้พยศ ยิ่งเลย์ยืนเท้าสะเอวให้เสื้อตึงแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ตรงนี้ไม่ได้มีกันแค่สองคน เขาไม่ชอบให้คนตัวเล็กมายืนอวดทรวดทรงให้เป็นบุญตาคนแถวนี้!
ไม่สิ... ใครจะไปอยากดูหุ่นคนพรรค์นี้กัน ใครเห็นแล้วก็ต้องอย่าเอาแอลกอฮอล์ล้างตากันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่เขา!
“คุณคริสวูครับ ผมไม่ใช่เด็กๆในฮาเล็มของคุณเพราะฉะนั้นมาทางไหนก็ช่วยกลับไปทางนั้น ผมจะใส่เสื้อรัด เสื้อหลวม จะใส่ หรือจะไม่ใส่ไม่ใช่เรื่องของคุณและมหาวิทยาลัยก็ไม่ไล่ผมออก ไม่ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อน”
“เออใช่สิ คงมั่นใจว่าหุ่นตัวเองดีมากถึงได้กล้าใส่เสื้อรัดๆแบบนี้มา ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าคนในมหาลัยเขาเอาแต่พูดว่าหุ่นนายให้มองเห็นสู้ตาบอดสะยังจะดีกว่า!”
“อ่ะ.. อะ..ไอคริส!” เลือดเลย์ก็เริ่มจะขึ้นหน้า เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่คริสพูดมันจริงหรือว่าอารมณ์แต่ก็ไม่ควรแหกปากเสียงดังมันทำให้เขาอับอาย
“ไม่น่าวันนี้แม้บ้านถึงต้องวิ่งซื้อวิกซอลกันให้ควักเพราะนักศึกษาแห่เอาน้ำยาขัดส้วมไปล้างตานี่เองไม่แปลกใจเลยจริงๆ”
“ไอเชี่ยคริส! เออ...ได้ เอางี้ใช่มั้ย งั้นเสื้อคลุมนี่ก็ถอดมันไปเลย ใช่มันรู้กันไปว่าคนจะตาบอดเพราะหุ่นฉันหน่ะมันจริงรึเปล่า?!” เลย์ทำอย่างปากว่าจริงๆ ถอดเสื้อแล้วโยนกลับไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนนั่งอยู่ ทุกคนตกใจไม่เว้นแม้แต่คริสเองที่เขาเพิ่งจะได้เห็นหุ่นแท้ๆของคนตัวเล็กก็วันนี้ ก่อนหน้านี้เลย์ไม่เคยใส่เสื้อพอดีตัวเลยสักครั้ง
“ทำแบบนี้อยากให้ฉันเป็นบ้าใช่มั้ย?! ใส่เสื้อคลุม!”
“ไม่ใส่!!”
“ฉันสั่งว่าใส่เดี๋ยวนี้!!”
“จะใส่ทำไมล่ะก็หุ่นฉันดีจะตาย นั่นไงคนนู้นก็มอง คนนั้นก็มอง เห็นแมะ ใครๆก็อยากมอง ฉันน่ามองจะตาย!”
“เอางี้ใช่มั้ย?!!” คริสโมโหจนควันออกหู เขาจับชายเสื้อตัวเองแล้วถอดขึ้นทางหัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่เนื้อนิ่ม ยังมีกล้ามเนื้อที่ได้รับการฟิตมาอย่างดีจนไม่อาจประเมินราคา กล้ามอ่อนๆที่สวยงามจนผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยต้องขอลูบไล้สักครั้งให้เป็นบุญมือ กับเสื้อราคาเหยียบสามหมื่นที่เขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องบัดนี้ถูกสวมลงบนหัวของคนปากมากที่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด เสื้อยืดถูกสวมทับเสื้อรัดรูปเพราะไม่ชอบใจ ไม่อยากให้ใครมามองหุ่นของเลย์ โดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะกำลังถอดเสื้ออยู่ซึ่งถือว่าอนาจารมากกว่าแต่ก็ช่างมันเถอะ
คริสรำคาญจนแทบอยากจะจับคนตรงหน้ามาจูบให้เงียบปากเสียที
“จะไม่มีครั้งต่อไปที่ฉันจะปราณีนายอีกจางเลย์ ปากฉัน...ถ้านายกล้าทำให้ฉันหึงนายเจอมันแน่”
“เฮ้อ...”
เลย์จะเคยคิดรำคาญคนเจ้าอารมณ์แบบเขาบ้างรึเปล่า?
จะเคยนึกน้อยใจคนที่ไม่ชอบพูดคำว่าขอโทษอย่างเขาบ้างรึเปล่า...
สองขาเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูบ้านเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ เมื่อเวลาก็ล่วงเลยจนเด็กๆขึ้นนอนกันหมดแล้วแต่ร่างสูงก็ยังคงไม่กลับบ้าน เลย์ร้อนใจกดดูโทรศัพท์ในมือแต่ก็ไม่มีข้อความใดๆ ถูกส่งมาจากคนที่รออยู่ ร่างขาวจัดตั้งใจจะกดโทรออกยังเบอร์ที่คุ้นเคยหลายครั้งแต่ก็กลัว เลยโทรออกไปยังอีกเบอร์ที่คิดว่าน่าจะช่วยเขาได้
“สวัสดีครับคุณเลขาชัง”
[สวัสดีครับคุณเลย์ มีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ?] เสียงของเลขาคริสที่ค่อนข้างจะเหนื่อยอ่อนจากการทำงานแต่ก็ยังตอบรับสายของเขาอย่างกระตือรือร้น
“เอ่อ..คือผมจะถามว่าตอนนี้คริสยังอยู่ในบริษัทรึเปล่าครับ?”
[อ๋อ คุณคริสออกไปได้สักพักแล้วครับหลังจากเมื่อกี้เพิ่งประชุมเสร็จ]
“ประชุมนานมั้ยครับวันนี้?”
[นานครับ หาข้อสรุปไม่ได้เรื่องโปรเจคการตีตลาดในฝั่งยุโรปเลยคุยกันนาน คุณคริสดูเพลียๆนะครับวันนี้ไม่ทราบว่าไม่สบายรึเปล่า]
“งั้นเหรอครับ...คุณลี! เท่านี้ก่อนนะครับคริสถึงบ้านแล้ว ขอบคุณมากนะครับ”
[ด้วยความยินดีครับ] คนตัวเล็กวางสายและวางมือถือเอาไว้บนโต๊ะในห้องดูทีวี เดินกลับมายังทางเข้าบ้านพอดีกับที่ร่างสูงก้าวไวๆจะขึ้นบันได
“คริส!” ร่างบางก้าวเร็วๆตามแผ่นหลังกว้าง
“คริสกินข้าวมั้ย?” สีหน้าของสามีนิ่งมากจนเขารู้สึกหวั่นใจว่าจะยังคงถูกเมินอยู่แต่คนตัวเล็กก็พยายามที่จะกระโดดดึ๋งๆเรียกร้องความสนใจ
“คริส คริสตอบก่อนสิ” ขาเรียวที่ก้าวตามสามีขึ้นบันไดนั้นพยายามจะสาวเท้าให้เร็วเท่าแต่ด้วยความซุ่มซ่ามปลายเท้ากลับยืนอยู่ไม่เต็มขั้นทำให้เท้าพลิกจนเสียการทรงตัว
“เหวอ!” มือบางเอื้อมคว้าแขนคริสตามสัญชาติญาณแต่อีกคนไวกว่าที่หันมาแล้วใช้แขนยาวตวัดโอบรอบเอวคนที่กำลังจะหงายหลัง ร่างบางถูกดึงเข้าสู่อ้อมอกหนาที่คุ้นเคย ใบหน้าหวานซีดเผือก ตื่นตกใจในขณะที่มือบางตบอกเรียกขวัญว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว
“ทำบ้าอะไรหน่ะห๊ะ! เมื่อกี้เกือบจะตกบันไดอยู่แล้วเดินทำไมไม่ระวังท้องอยู่ไม่ใช่รึไง!” คริส กล่าวเต็มเสียงด้วยความโกรธ เมื่อครู่ถ้าเขาคว้าไว้ไม่ทันไม่ลงไปนอนอยู่ข้างล่างแล้วรึไง จะทำอะไรทำไมไม่คิดถึงลูกบ้าง
“อ่า..ก็คริสง่า สนใจกันบ้างสิ ” คนตัวเล็กกอดแขนสามีเอาไว้ มือบางลูบขึ้นลงเบาๆออดอ้อน เขาเห็นความเพลียในแววตาของคนตัวสูง ข้าวปลาก็ไม่ค่อยมีเวลากินแก้มถึงตอบลงไปขนาดนี้
“มีอะไร?”
“กินข้าวมั้ย?” ได้ยินเสียงต่ำถอนใจแต่ไม่ใช่รำคาญ เหนื่อย ทั้งทำงานแล้วไหนจะขับรถกลับบ้านอีก
“ฉันอยากพักแล้ว”
“แก้มตอบลงไปเยอะเลยนะคริสอา...แล้ว....เรายังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่ค้างคากันวันก่อนเลยนะ” คริสนิ่งไป เพราะเรื่องที่ยังคงค้างคา เขายังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้ เขาไม่อยากเป็นบ้าทำให้เลย์ต้องมาลำบากใจอีก ไม่อยากพูดถึงมัน กลัวจะห้ามตัวเองไม่ให้หึงไม่ได้
“ปล่อยเถอะ”
“คริส…” ร่างสูงถอดมืออกจากการกอด เดินขึ้นห้องไปแล้วโดยที่ไม่แยแสเลย ร่างบางไม่เข้าใจ ทำไม คริสต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย จะเมินเขาไปถึงไหนกัน?!
เลย์อาบน้ำเสร็จตั้งแต่ก่อนคริสจะกลับถึงบ้านจึงนั่งทาเครื่องประทินผิวรอขณะที่อีกคนกำลังอาบน้ำ เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกให้คุณแม่ที่นั่งทาโลชั่นเสร็จใหม่ๆหันมาสนใจ คริสเดินออกมาจากห้องน้ำ หลบร่างบางที่เดินเข้าไปหาไปยังห้องแต่งตัว เลย์ยืนรอให้ร่างสูงใส่เสื้อผ้าจนเสร็จด้วยความรู้สึกที่ไม่นิ่งนัก
ด้วยรู้ดีว่าสามียังคงโกรธ….
“คริส”
“ง่วง ฉันอยากจะนอนแล้ว” ร่างสูงเดินผ่านเลย์อีก แม้แต่หน้าหวานก็ยังไม่มองแต่คนอย่างเลย์ก็ไม่ละความพยายาม
“คริส อย่าเพิ่งสิคุยกันก่อน” ท้องนูนสามเดือนกว่าๆเดินตามติดหลังคุณพ่อด้วยความออดอ้อน เสียงเล็กเง้าหงอดอยากให้สนใจ แต่คริสกลับสะบัดผ้าห่มออกแล้วแทรกตัวลงในเตียง
“อย่าเพิ่งนอน! ห้ามนอนนะ!” ดึงมือยาวของคริสเอาไว้ ถ้าได้เอนตัวลงกับเตียงแล้วไม่ได้เคลียร์แน่และถ้าไม่จบคืนนี้ ถึงพรุ่งนี้รับรองว่าเลย์ต้องนอนไม่หลับไปทั้งคืนแน่ๆ
ร่างสูงถอนใจหน่ายๆแต่ก็ยอมนั่งตัวตรงแต่โดยดี เขาโกรธเรื่องที่ภรรยายอมให้ผู้ชายคนอื่นมาสนิทสนมด้วยไม่พอ แทยงนั่นก็เอาใจของลูกเขาไปเสียหมด เรียกว่าได้คะแนนเสียงท่วมท้นเสียจนคนเป็นพ่อกลายเป็นหมาหัวเน่าทั้งๆที่ตั้งใจทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแท้ๆ
“ทำอะไรเนี่ยเลย์?” จู่ๆร่างบางที่มีท้องนูนป่องเล็กน้อยพอน่าหมั่นเขี้ยวก็มานั่งทับตักเขาเสียแบบนั้น หันหน้าเข้าหาตัว แก้มใสแนบซบกับอกหนา โอบเรียวแขนรอบเอวสอบไว้หลวมๆ พูดจางุ้งงิ้งฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องนัก
“ยังโกรธอยู่เหรอ?”
“…” คริสไม่ตอบ เขาไม่มีอะไรจะตอบ ทั้งยังงอนแต่ก็ยังละอายใจ คิดในใจว่าร่างขาวจัดนี่ก็น่าจะรู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงทว่าอีกใจก็กลับไม่อยากรู้สึกแบบนั้นเลย เขารู้ว่าเลย์ไม่ปันใจให้ใครหรอก แต่ก็กลัว คริสเคยไม่มีคนตัวนิ่มๆนี่ให้กอดในบางช่วงเวลาแต่ก็กลัวว่าวันนึงจะเสียเลย์ไปตลอดกาล
“คริส อย่าเงียบสิ” ช้อนตาขึ้นมองสามี คริสโกรธถึงขั้นจะไม่ยอมพูดกันเลยเหรอ มือบางวางลงบนแก้มของร่างสูงเบาๆ มือใหญ่ลดมือบางนั่นลงจากใบหน้า
“ฉันไม่โกรธแล้ว ไปนอนเถอะไป” พูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน จริงๆคริสก็เหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องคิดมากเรื่องครอบครัว ทั้งๆที่เรื่องที่บริษัทก็เยอะอยู่แล้ว มือบางจับประคองใบหน้าหล่ออย่างไม่ยอมแพ้ บังคับให้มองแต่เลย์เท่านั้น ไม่มีสิทธิหลบตาใดๆทั้งสิ้น!
“ไม่เชื่อ โกรธอยู่ใช่มั้ย? คุยกันก่อน บอกก่อนว่าจะให้ทำไงถึงจะหายโกรธ”
“…” พอเจอคำถามนี้คริสก็ไปไม่เป็น ปากบางยื่น จ้องมองตาของเขาอย่างแน่วแน่อยากง้อจริงๆ ดวงตาเรียวกลมใสจ้องมองมายังคริสเพียงผู้เดียวมันทำให้เขารู้สึกหลงรักคนตรงหน้าเป็นรอบที่ล้านของชีวิต กลิ่นหอมของโลชั่นอ่อนๆมันทำให้คริสต้องกลืนน้ำลายอดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะขบกัดซอกคอนุ่มอย่างกระหายอยากในรสชาติ สะโพกอิ่มกดทับอยู่บนหน้าตัก นิ่มมาก นิ่มเหมือนตอนที่เขาโหมแรงใส่เต็มกำลัง เร้าอารมณ์ให้แตะเบื้องบนพร้อมกันอย่างเร่าร้อน
“ว่าไงละ?” ริมฝีปากที่ครางเรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมา มันยิ่งน่ารักนักเวลาถูกบดขยี้จนบวมเจ่อ เวลาที่ปากนุ่มๆนี่ถูไปมาอย่างร้อนแรงกับปากของเขา มันเร้าอารมณ์อย่างมากมาย
“ง่วงจังเลยเลย์ อย่าเพิ่งกวนเถอะนะ ฉันอยากนอนแล้ว” แม้จะอยากขยี้ภรรยามากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ดีกับเด็กในท้อง คริสควรจะหักห้ามใจ
“นี่เดี๋ยวสิ” คริสช้อนใต้รักแร้เขาเหมือนเด็กๆแล้วยกอุ้มออกจากตัก นึกว่าจะได้ง้อแล้วเสียอีก เมื่อกี้คริสยังทำหน้าเคลิ้มอยู่เลย
“คริส คุยกันก่อน” ร่างบางโถมตัวเข้าใส่แผ่นหลังกว้างที่ตะแคงข้างให้ไม่ฟังเสียงของเขาอีกต่อไป เสียงเล็กเรียกคริส คริส ตลอดแต่ร่างสูงก็ทำนิ่งแสร้งว่าหลับ มือบางตีลงกับหน้าท้องแข็งๆ เอาลูกคนที่สี่มาช่วยเบียดกันง้อพ่อ คางเล็กยังตั้งอยู่บนกล้ามนูนๆตรงหัวไหล่อีกด้วย
“คริส รู้นะว่ายังไม่หลับ ตื่นมาคุยกันเลย”
“ชู่ว...หลับแล้ว อย่ากวน”
“คนบ้าอะไรหลับแล้วหันมาบอก! คริส...ขอร้องเถอะนะอย่าเมินกันเลย อยากให้ง้อยังไงบอกสิยอมทุกอย่างเลย อย่าโกรธนะ น้า..นะ” เขย่าแขนเบาๆออดอ้อน กัดงับแขนหนาๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว คริสขยับตัวเล็กน้อยทนไม่ไหว ถอนหายใจหลายครั้ง ภรรยาไม่รู้ว่ามือที่ลูบหน้าท้องไปมากำลังกวนใจเขาอยู่ แม้ว่าท้องนูนๆนั้นจะยับยั้งความต้องการที่มากเหลือของร่างสูงก็ตาม
“อ๊ะ!” ร่างบางถูกจับพลิกลงกับเตียงด้วยความไวของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี คริสจัดการปิดปากที่พูดเสียงหวานๆงุ้งงิ้งน่ารักนั่นด้วยปากของเขาเอง รวบสองมือของร่างขาวจัดไว้ด้วยมือเดียว ส่วนอีกมือก็ทำหน้าที่ตามที่ใจต้องการ
“อื้อ...” ร่างกายของเลย์ไม่เหมือนตอนปกติซึ่งคริสอาจจะลืมไป หน้าท้องของเขามันนูนขึ้นและคริสกำลังกดทับมันอยู่ทำให้รู้สึกอึดอัดเอามากๆ ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาอย่างใคร่อยาก ความต้องการของคริสกำลังเรียกร้องเขา เลย์รู้ดี ไม่อยากปฏิเสธแต่ก็ห่วงลูกมาก ร่างสูงควรจะหยุดทำอะไรต่างๆนาๆเสียตอนนี้ก่อนที่จะกู่ไม่กลับ
“แฮ่ก...คริส” ตาหวานปรือไปด้วยหยาดน้ำที่คลอสวยในหน่วยตา คริสขบคอหอมอุ่มนั้น ดูดดุนอย่างที่ชอบทำราวกับคนที่เสียสติ ภรรยาสวยขึ้นมากเมื่อท้องลูกคนนี้ จากที่สวยอยู่แล้วก็สวยขึ้นไปอีก คาดว่าคงจะได้ลูกสาว คริสรู้สึกว่าเวลาจ้องตากับเลย์ในช่วงนี้มันให้อารมณ์ที่แปลกไป ปกติเลย์จะสวยดื้อ ตาหวานมุ่งมั่น ริมฝีปากกล้าฉะฉานที่จะพูดในทุกอย่าง ปราดเปรียวด้วยเรียวขายาวสวยและเสียงหวานที่มักจะต้านเขาทุกทีที่ไม่พอใจ เลย์เป็นแบบนั้น ดื้อ ดื้อมากจนน่าตี ดื้อมากแต่ก็ยอมคริสคนเดียว คริสรักที่เลย์เป็นแบบนั้น
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป...
เลย์กลายเป็นคนสวยหวาน หน่วยตากลมดำขลับและฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำที่คลออยู่ภายใน ริมฝีปากอิ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เลย์ใจเย็นมากขึ้นและขี้อ้อนมากขึ้นด้วย ยิ้มหวานที่มีลักยิ้มประดับเป็นเอกลักษณ์ จากที่คริสรักมากอยู่แล้วยิ่งสวยแบบนุ่มนวลแบบนี้มันยิ่งทำให้เขาถอนตัวไม่ขึ้น
เพราะฉะนั้น...จะยอมให้ใครมาเอาเลย์ไปละก็...ลืมไปได้เลย
“คริส...ฉะฉันท้องอยู่นะ”
“อยากง้อไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ มันใช่แต่ว่า คริส ฉันกลัวนะ” ร่างบางบิดตัวออกเบาๆอยากให้คริสหยุด เลย์ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ จนสุดท้ายคริสก็ต้องดันตัวขึ้นจากกายบาง
ร่างสูงที่ค้ำแขนอยู่เหนือตัวของเลย์ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับเขา ถอนหายใจเสียงดังก่อนดันตัวออกจากร่างบางที่นอนอยู่ข้างใต้
“คริส” เลย์ลุกขึ้นนั่งหลังจากที่สามีผละออกไปนั่งตรงขอบเตียง ห่อเหี่ยวไม่ได้ร่าเริงขึ้นแม้แต่น้อย
“นอนเถอะ กำลังท้องกำลังไส้ควรจะได้พักผ่อนเยอะๆ” เสียงต่ำพูดออกมาเบาๆ เลย์ชันเข่าโอบรอบอกแข็งแรงที่เขาชอบซบนั้นจากด้านหลัง คางสวยเกยอยู่บนไหล่หนา กระซิบข้างกกหูอย่างออดอ้อน
“คริส ไม่โกรธกันใช่มั้ย?” เขาไม่ได้ไม่ทำเพราะไม่อยากทำหรอกนะ
“….”
“คริสอ่า...อย่าทำให้รู้สึกผิดสิ” นิ้วชี้ถูกวนๆตรงปีกไหล่ขวาของสามี ทำปากยื่นอยู่เพียงคนเดียว
“เธอคงไม่เคยไปเอาใจใครแบบนี้ใช่รึเปล่า?”
“เห?” คนตัวเล็กเผลออ้าปากค้างไม่เข้าใจกับคำถาม คริสดูจะอึ้งไปก่อนเลิกลักพูด
“ฉัน เอ่อ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น คือมัน ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น เลย์...เอ่อ ไม่โกรธใช่รึเปล่า...” เขาไม่ได้ตั้งใจว่าเลย์ไปให้ท่าใครแต่เขาไม่คิดว่าเลย์คงจะเคยอ้อนใครแบบนี้ใช่มั้ย
“ฉัน...จะไปเคยทำแบบนี้กับใครได้ล่ะ ฉันมีคนที่เรียกว่าสามีคนเดียวนะ”
“ไม่โกรธฉันใช่มั้ย? ฉันหมายถึง หลายครั้งที่ฉันขี้หึง งี่เง่า นายคงไม่ได้คิดจะหาคนใหม่มาแทนที่ฉันใช่มั้ย?”
“….”
“….” ร่างบางที่นั่งทับขาตัวเองอยู่ เอียงคอไม่เข้าใจกับคำถามของคนตัวสูง อะไรคือคริสคิดว่าเขาจะเอาคนอื่นมาแทนที่สามีอย่างนั้นเหรอ?
“คือฉัน เคยทำให้เธอเสียใจไว้เยอะ ฉันกลัวว่าวันนึงถ้าเธอเจอใครที่ดีกว่าแล้วจะไป”
“…”
“ถ้าเกิดวันนั้นก็มาถึง เลย์จะไปจากฉันไหม?”
“…ฮิฮิฮิ” คนตัวเล็กก้มหน้าเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ คริสหันตัวกลับมามองด้วยสายตาเคืองๆ เลย์หัวเราะอะไรเขาไม่ตลกนะ!
“ขำอะไรหน่ะ ฉันจริงจังนะ!” ร่างบางโบกมือไปมาในอากาศราวกับจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ก็หยุดหัวเราะไม่ได้ เลย์ไม่รู้ว่ากองเอกสารหล่นทับหัวสามีมาหรือเปล่า หรือว่าความเครียดในห้องประชุมทำให้สมองเลอะเลือน ตรรกะของสามีถึงได้ป่วยขนาดนี้
ถ้าเลย์คิดจะไปเลย์ก็ไปตั้งแต่คริสทำให้เสียใจครั้งแรกแล้วไม่รอมาจนตอนนี้หรอก!
“คริส คิก ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนเนี่ย?”
“ห๊ะ?”
“ลูกสามคนแล้วนะ ไม่สิ อยู่ในท้องอีกคนนึงนะ จะให้ไปยังไงเล่าจะให้ฉันทิ้งลูกงั้นเหรอ?”
“…..กะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันกลัวนี่ ไม่เคยมีใครใกล้เลย์ขนาดนั้น กลัวว่าถ้าเกิดเธอหวั่นไหว ฉัน...จะอยู่ยังไงล่ะ?” แววตากลัวจริงอย่างที่ว่า ร่างบางยิ้มกว้างโถมตัวเขากอดคนตัวใหญ่แต่ใจเล็ก ผู้ชายที่สูงร้อยเก้าสิบแต่ไม่กล้าตีแมลงสาปถ้าเจอจะแอบหนีไปเงียบๆ ไม่ต่างกันเลยกับมีคนที่แอบน้อยใจอยู่คนเดียวเวลาภรรยาทำท่าจะไปสนใจคนอื่น
“นี่เหมือนไม่ใช่คริสที่ฉันรู้จักเลยนะ”
“หมายความว่าไง?”
“ตอนเป็นแฟนกันใครเข้าใกล้ก็แว้งกัดหมดไม่ใช่หรอ? ไงตอนนี้กลายเป็นแอบน้อยใจเงียบๆได้ล่ะ?”
“นี่ ฉันไม่ได้...” เรียวนิ้วบางแตะลงบนริมฝีปากอวบของสามีเป็นสัญญาณบอกให้หยุดพูดแล้วฟังสิ่งที่เลย์กำลังจะเอ่ย
“หรืออยากให้ฉันทำให้มั่นใจมั้ย ว่าที่เอาใจหน่ะมีแค่คริสคนเดียวจริงๆ”
เขา...
ทำ
อะ
ไร
ลง
ไป!!!
ร่างบางนอนตาค้างอยู่บนเตียงฝั่งตัวเอง มือกำผ้าห่มแน่นราวกับสติหลุด เขาเพิ่งจะมานั่งคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงลงทุนง้อสามีไปแบบนั้น ความรู้สึกชั่ววูบแท้ๆตอนเห็นสายตาเศร้าสร้อยเหมือนหมาคอยนาย เหมือนกบรอฝนของคริส
CUT
ไม่จริง..
มันเกิดขึ้นเร็วหรอ? ก็ไม่นี่....
ทำไมเขาถึงหื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้นกัน?
“เลย์....” สันจมูกโด่งกดลงจนแก้มเขายุบ ตากลมเสมองไปอีกทางพร้อมแก้มที่แดงปลั่งขึ้นเรื่อยๆ
“ขอโทษนะ ฉันทำกระต่ายน้อยเลอะหมดเลย” เอ่ยเสียงต่ำด้วยความเอ็นดู
“ชะช่างมันเถอะ” ร่างสูงทำเสียงสูงคล้ายกับแปลกใจ ปกติร่างหวานนี่ไม่ยอมหรอกถ้าเขาทำให้ตัวอีกคนสกปรกซี๊ซั๊วโดนดีท่าเดียวแต่วันนี้มาแปลก
“ง้อน่ารักแบบนี้ งอนบ่อยๆซะดีมั้ยน้า?” เอ่ยราวกับพูดกับตัวเอง ยกตัวขึ้นคร่อมกายบาง เลย์จ้องเขาอย่างเอาเรื่องน้อยๆ ปากบางยื่นแล้วทุบเข้าที่อกแกร่งนั้งเบาๆ
“ไม่ง้อแบบนี้แล้ว เมื่อกี้เกือบจะสำลักแหนะ!” ตรงส่วนปลายจิ้มโดนลิ้นไก่ แทบจะได้อ้วกใส่เหมือนตอนที่ทำให้ครั้งแรก
“โอ๋...ที่รัก แต่ฉันชอบให้ง้อแบบนี้นะ” ยิ้มมุมปากพร้อมสายตาวิววับแพรวพราวเลย์นี่แทบจะตบให้
“ไม่รู้แล้ว! หายงอนแล้วใช่มั้ยล่ะ จะได้ไปนอนสักที”
“อื้อ...หายงอนแล้วครับ ว่าแต่เลย์ไม่อึดอัดเหรอ ทำให้ขนาดนี้ไม่ตื่นเองบ้างรึไง หืม?” คริสถามพร้อมกับลูบไล้ผ่านสีข้างจนคุณแม่สะดุ้ง ตีมือหื่นกามนั้นที่บังอาจทำให้เขาตื่นทั้งที่จริงๆไม่
ก็...ไม่ถึงขนาดนอนแล้วไม่หาย แต่ถ้าวนอีกสักพักต้องขอให้ช่วยแน่ๆ
“ไม่ตื่นคริส ถอยไปเลยจะนอนแล้ว” เลย์ดันอีกคนให้ล่าถอยไปยังตำแหน่งของตน ร่างสูงยังคงดื้อได้คืบจะเอาศอก
“เลย์อ่ะแต่ฉันตื่นนะ จะได้ไม่อึดอัดไง เบาๆก็ได้ลูกไม่รู้หรอก” มือหนาลูบหน้าท้องนูนสวยนั่นเบาๆ จริงๆลูกก็ไม่รู้หรอกเพราะคริสเองก็ชอบตบะแตกขนาดเด็กแฝดช่างพูดสองคนยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแสดงว่าไม่รู้ไม่ได้ยินไม่เห็นตอนที่ป่ะป๊าทำให้หม่ะม๊าอ่อนระทวย
“ไม่เอา”
“ไม่เอาจริงเหยอ?”
“ไม่เอา”
“ครั้งเดียวแถมข้าวสารด้วย”
“เอาแต่ข้าวสารได้มะ?”
“โถ่เลย์อ่ะ”
“คิก นอนได้แล้วครับป่ะป๊า” ไม่ได้คิดจะโกรธจริงๆจังๆ เห็นแววตาช่างงอนของคนตัวสูงแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะหยิกนู่นหยิกนี่ ดึงปีกจมูกโด่งแล้วหัวเราะเบาๆ เห็นแววตาหมดหวังแบบนั้นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ รู้สึกเหมือนกับแกล้งเด็กประถมให้ถูกขัดใจแบบนั้น
“เลย์...”
“หืม?” ร่างสูงใหญ่เฉียดร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเขยิบเข้าใกล้คนตัวเล็กแล้วนอนคว่ำเกยทับตัวคุณแม่ท้องอ่อน
“โอ๊ย คริส อึดอัดนะ” ตัวคริสเกยทับท้อง จนต้องดิ้นหนี ใบหน้าหล่อซุกลงกับซอกคอของเขา ลมหายใจร้อนๆเป่ารดจนรู้สึกจั๊กจี๊
“คริส....”
“ขอนอนแบบนี้ได้มั้ย?”
“…” กลายเป็นคุณแม่เสียเองที่ตัวแข็งทื่อแล้วไม่กล้าขัดขืนอีก มันไม่ใช่ท่านอนที่สบายเลยแต่น่าแปลกใจที่เวลาไม่นานสามีก็หลับอย่างง่ายดาย
“คริสหลับได้แต่ฉันนอนไม่หลับนะ” บ่นอุบกับตัวเอง คิ้วสวยขมวดมุ่น ตอนแรกๆมันก็รู้สึกดีอยู่หรอกแต่ตอนนี้มันเริ่มร้อนแล้ว คิดหาวิธีที่จะไล่คนหลับยากออกไปจากตัว
“ฮึบ!” ออกแรงผลักดันสามีกลับสู่ที่นอนของตัวเองได้สำเร็จ คนตัวเล็กเท้าคางลงกับหมอน มองดูโครงหน้าได้รูปที่นอนหลับสนิท มือบางซุกซนแตะลงบนหน้าอกแข็งไปด้วยมัดกล้ามของคริสถูวนเบาๆแล้วยิ้มออกมาคนเดียว
“ฮึ...ฉันยอมกับคริสแค่คนเดียวรู้มั้ย?”
[วันนี้ไม่มีประชุมครับ เอกสารก็แค่สองสามใบไม่เร่งด่วน คุณคริสไม่ต้องมาบริษัทก็ได้นะครับ]
“อืม...แล้วนั่นเลขาชังไม่กลับบ้านไปพักผ่อนเหรอ ผมอนุญาตนะ” คริสพูดอย่างอารมณ์ดีแม้ว่าเมื่อคืนภรรยาจะไม่ยอมให้เข้าตีค่ายบางระจันแต่ป้อมเขาก็แตกถือว่าประสบความสำเร็จวันนี้ไม่มีงานที่บริษัทอีก จะถือเป็นวันดีๆก็แล้วกัน
[จริงเหรอครับ?! ขอบคุณมากนะครับคุณคริส งั้นผมเคลียร์เอกสารเสร็จก็ขอลากลับเลยแล้วกันนะครับ]
“อืม กลับเถอะ ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะ”
[ครับผม สวัสดีครับ] ร่างสูงวางโทรศัพท์ไว้ในที่แห้งแล้วยกแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงทั้งที่ตายังปิด
ถึงจะแฮปปี้สุกกี้น้ำอย่างไรก็เถอะ ร่างกายเขามันก็ประท้วงการอดนอนมามาก วันนี้ถือว่าจะได้รีชาร์ตร่างกายไปในตัว
“คริส วันนี้ไปทำงานมั้ย?” ร่างบางผลักประตูห้องน้ำเข้ามาถามอย่างอารมณ์ดีแต่พอเห็นสามียืนหลับแล้วก็หัวเราะ หยิกแก้มสากนั้นสักทีเรียกสติ
“อ๊อย...เลย์!”
“คิก...ตื่นได้แล้ว ไม่ไปทำงานใช่มั้ย?”
“อืม” ถูแปรงสีฟันเสียงดังแสกๆก้องห้องน้ำมองดูร่างบางในชุดนอนสีขาวตัวย้วยบางๆกับเสื้อคลุมแขนยาว
“งั้นดีเลย กับข้าวเสร็จแล้วนะ กาแฟมั้ย? เดี๋ยวลงไปกินก่อนแล้วค่อยขึ้นมานอนต่อก็ได้”
“อ่วก...” แปรงสีฟันทิ่มถูกลิ้นไก่จนสักลัก แต่เลย์ตาโตตกใจเขามาลูบหลังสามี เห็นเช่นนั้นคริสก็เล่นละครต่อเรียกร้องความสนใจ ร่างบางถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่า ปวดท้องหรอ?” เห็นร่างสูงอาเจียนใหญ่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ช่วงนี้คริสทำงานหนักทั้งยังไม่ค่อยกินข้าวไม่รู้ว่าจะเป็นกระเพาะรึเปล่า
“แฮ่ก...เลย์ฉัน ฉันปวดตรงนี้อ่ะ” จิ้มมั่วๆลงตรงท้องทั้งๆที่ความจริงเขาไม่ได้ปวดเลยสักนิดแต่แค่มีความสุขมากเวลาเห็นใบหน้าหวานเป็นห่วง
“ตรงไหนๆ ตรงนี้เหรอ?” ร่างบางกดตรงเหนือดือแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“อ่ะเอ่อ...ใช่ๆ ตรงนั้น” เลย์กัดปากอย่างทุกข์ใจ
“แล้วตรงนี้ปวดมั้ย?” มือบางไล่กดขึ้นมาถึงลิ้นปี่ ร่างสูงก็พยักหน้า
“เป็นกระเพาะแน่เลยคริส เดี๋ยวกินแล้วแล้วไปหาหมอกันนะ”
“เอ้อเลย์! ฉันว่า หัวใจฉันมันเต้นแปลกๆด้วยอ่ะ มันสั่นมากเลย”
“หา?” มือบางทาบลงบนอกแต่ได้ยินไม่ค่อยชัดนักจึงเอาหูแนบลงกับแผงอกกว้างฟังเสียงหัวใจที่อีกคนฟ้องว่ามีปัญหา
ร่างสูงลอบยิ้มแต่เพียงลำพัง ยกวงแขนหนาขึ้นโอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้และหัวเราะคลอเบาๆเพียงเท่านั้นเลย์ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาโดนอำเข้าให้แล้ว
ปัก!
“โอ๊ย! เมียจ๋า ผัวเจ็บนะทุบกันทำไมเนี่ย?”
“มีความสุขมากมั้ยกับการแกล้งให้คนอื่นเป็นห่วง”
“อื้อ ก็นิดหน่อย” ยิ้มล้อเลียน มือบางเอื้อมหยิกเอวสอบจนคนตัวยาวร้องลั่น ก็เลย์หยิกหยอกๆที่ไหนกัน นี่เล่นยิกเต็มแรง เลือดซิบด้วยรึเปล่าไม่รู้
“ดี ชอบเล่นแบบนี้วันหลังจะปล่อยให้ตายๆไปเลย!”
“อื้อ จริงๆก็ไม่ชอบเล่นแกล้งเจ็บนะ ชอบเล่นแบบนี้มากกว่า” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว แขนหนาช้อนใต้สะโพกนิ่มลอยขึ้นแล้ววางบนอ่างน้ำโดยไม่สนว่าผ้าจะเปียก ปากหนาบดจูบอย่างใจอยาก จูบอย่างที่รอมานานราวกับอยากให้หายคิดถึงเขาเอียงคอไปขวาบ้างซ้ายบ้างคล้ายกับว่าอยากหามุมที่จะบดเข้าไปให้ได้ลึกที่สุด เสียงดังจ๊วบจ๊าบดังคลอไปทั้งห้องน้ำชวนให้ขนอ่อนลุกเกรียว มือหนาก็ใช่ว่าจะอยู่สุขเลย เลิกชายเสื้อนอนของเขาขึ้นมาจนแทบจะเปิดถึงท้องน้อยอยู่แล้ว
“อื้อ” ลิ้นของเลย์ถูกเกี่ยวออกมา เท่านั้นลมหายใจของเขามันก็ถี่รัวขึ้น หลังบางถูกดันให้เอนติดกระจกโดยที่อีกฝ่ายทับมาไม่เหลือช่องว่าง
“แฮ่ก คริส...อื้อ! คนบ้า!” ทุบบ่ากว้างพร้อมส่งเสียงประท้วงที่ออกจะไม่สมวัยไปสักนิด เลย์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกแอ๊บใสซื่อถูกจับนิดจับหน่อยก็สั่นไปหมด ทั้งๆที่ความจริงทำแบบนี้มาก็นับไม่ถ้วน แต่เพียงได้เห็นอกแกร่งหอบขึ้นลงหนักๆเช่นเดียวกันมันก็อดหน้าขึ้นสีไม่ได้
“ฮึฮึ” ดันตัวออกจากกายบางที่เขาคร่อมไว้เมื่อครู่ ร่างหอมจัดค่อยๆสไลด์ตัวลงจากอ่างเย็นเฉียบเดินผ่านหน้าสามีไป มือหนาเอื้อมขยำก้นภรรยาด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เอ๊ะ! คริส!!”
“ไม่รีบไปเดี๋ยวต้องอยู่นานนะ” ยิ้มมุมปากหัวเราะเบาๆล้อเลียนเลย์ที่ดูจะหน้าแดงเพราะอายและโกรธผสมกันจนแยกไม่ออก
“เออ! ไปแล่ว!” มองตามร่างของภรรยาที่เดินยิ้มออกไปจากห้องน้ำด้วยแววตาที่เปี่ยมสุข กลับมาทำกิจวัติของตัวเองไปยิ้มไปอย่างคนบ้า ได้แกล้งภรรยาแล้วชีวิตดูจะมีสีสัน เขาทำงานหนักหลายสัปดาห์จนลืมสังเกตไปว่าท้องของเลย์มันนูนขึ้นมากตามอายุครรภ์ ผิวของภรรยาดีขึ้นจนเห็นแก้มเป็นสีชมพู กลิ่นหอมอ่อนๆของโลชั่นสักกลิ่นนึงติดตัวจนหอมอ่อนๆ ราวกับว่าโชยมาในสายลม ถ้าได้ฝังจมูกลงไปกลิ่นมันคงจะชัดเจนขึ้นจนไม่น่าหงุดหงิดที่ได้กลิ่นมาเพียงนิดเดียวแบบนั้น
อ่า....ไม่น่าปล่อยตัวไปเร็วเลยนะ
“มา...มามา...”
“หม่ะม๊า ฟ่านชิงเรียก” เลย์ที่ยืนยิ้มคนเดียว หันมายิ้มเมื่อแฝดน้องบอกกับเขาเช่นนั้น ฟ่านชิงเริ่มเรียกชื่อเขาได้แล้ว พัฒนาการเป็นไปตามวัยอย่างน่าพอใจ ตอนนี้ก็กำลังหัดให้เรียกป่ะป๊า เผื่อว่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ให้คุณพ่อที่ทำงานหนัก
“ฟ่านชิงเรียกหม่ะม๊าเหรอครับคนเก่ง?” วางแก้วกาแฟร้อนๆลงบนโต๊ะแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูก เด็กชายตัวเล็กมองหน้าเขานิ่งพร้อมปากที่เผยอเจ่อๆ แก้มแดงปลั่งจากอากาศหนาว ยังคงเห็นเส้นเลือดเส้นเล็กๆเป็นริ้วอยู่ข้างแก้ม มืออ้วนๆตบลงบนโต๊ะเก้าอี้เด็กเบาๆ
“ป่ะป๊าอยู่มั้ยฮะ?”
“อยู่ครับอู๋ฟ่าน มีอะไรเหรอลูก?”
“เมื่อวานน้องอู๋กับน้องอี้วาดรูปฮะ จะให้ป่ะป๊าช่วนตัดสินว่าของใครฉวยกว่ากัน”
“อืม..เอาสิ วันนี้ป่ะป๊าไม่ไปทำงาน เดี๋ยวคงลงมากินข้าว...”
“งั้นน้องอู๋ไปเอาภาพลงมานะฮะ!” ว่าแล้วก็รีบสไลด์ตัวลงจากเก้าอี้เด็กวิ่งตุบตับขึ้นไปชั้นบนเช่นเดียวกับแฝดน้อง
“รอเราด้วยซี่!”
“อู๋ฟ่าน อี้ฟ่าน เก็บจานก่อนลูก!” พูดแบบนั้นแต่ก็ช้าไป ลูกวิ่งขึ้นไปแล้ว ร่างบางก็ยิ้มอ่อนๆดีใจที่อย่างน้อยวันนี้เด็กๆก็มีเรื่องมาอ้อนป่ะป๊าล่ะนะ คริสคงจะรู้สึกดีขึ้นถ้ามีลูกมารุมมาล้อมแบบนี้
“สองเสือไปไหนล่ะ?” สามีเดินเข้ามาในห้องกินข้าว สวนกับลูกๆที่เพิ่งวิ่งขึ้นไปชั้นสองวางมือใหญ่ลงเบาๆบนหัวของลูกคนเล็ก คว้าถ้วยกาแฟมาดื่มก่อนสิ่งอื่นแล้วจึงลงมือกินข้าว
“วิ่งขึ้นไปข้างบน แกมีเรื่องจะมาโม้แหน่ะ”
“หืม? อะไรเหรอ?”
“ฮิฮิ เดี๋ยวดูเอาเองแล้วกัน”
“ปา...”
“….” ข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากเผลอหยุดลงเสียแบบนั้นเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆของลูกที่กำลังพูด ฟ่านชิงมองเขา อ้าปากพะงาบๆจนแก้มที่มีอยู่นั้นดูหนักเหลือกำลัง ตากลมๆมองร่างสูงอย่างใสซื่อ บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นแรงที่ได้เห็นลูกวัยเกือบครบขวบเรียกชื่อเขา
ถึงจะไม่ใช่ลูกคนแรกแต่ก็ยอมรับเลยว่าเขาใจเต้นแรงไม่แพ้กัน
“ฟ่านชิงเรียกป่ะป๊าเหรอครับ?”
“ปา...มา...” คริสยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เช่นเดียวกับเลย์ที่ก็ยิ้มกว้างเช่นกัน แววตาความเหนื่อยของคริสดูจะหายไปเสียทั้งหมดมีแต่ความยินดีเข้ามาแทนที่
“นี่...ลูกพูดป่ะป๊าได้นานแค่ไหนแล้ว?”
“ก็...เพิ่งไม่นานนี่แหละคริส ตอนนี้ก็ฝึกๆอยู่เดี๋ยวแกคงพูดได้ชัดขึ้น”
“โอ๋...คนเก่งของป่ะป๊า เดี๋ยวป่ะป๊าพาไปกินติมๆนะ” จิ้มๆแก้มลูกอย่างเอ็นดู
“นี่ๆของเราสวยกว่า!”
“แหวะๆๆ ของตัวไม่เห็นมีไรเลยระบายสีก็นอกกรอบ” ขาสั้นๆเดินเข้ามาในห้องพร้อมกันทั้งที่ยังเบ้ปากข่มกันไปมา
“ป่ะป๊า!!” ส่งเสียงเรียกพร้อมกันพอเห็นป่ะป๊านั่งอยู่ในห้องอาหารทั้งคู่ก็รีบกุลีกุจอวิ่งมาอวดภาพวาดตัวเองราวกับว่าใครถึงก่อนภาพของคนนั้นชนะอย่างนั้นแหละ
“ป่ะป๊าฮะดูรูปที่น้องอู๋วาดสิ!”
“ไม่ๆป่ะป๊าของน้องอี้ฉวยกว่าป่ะป๊าดูอันนี้”
“ม๊ายยย ! ป่ะป๊า ป่ะป๊าอย่าไปฟัง” สองเด็กวิ่งเข้าชาร์ตร่างสูงชูโปกกระดาษในมือไปมาจนมันยับส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเสียจนน้องคนเล็กต้องยกมือขึ้นปิดหู
“อ่า...ป่ะป๊าจะดูให้ทั้งสองคนเลยนะ” คริสหยิบกระดาษในมือลูกทั้งสองออกมาดูพร้อมกับ เด็กๆเกยบนตักเขาคนละข้างรอลุ้นผลอย่างใจจดใจจ่อ
“เอ่อ สองแฝด ให้ป่ะป๊ากินข้าวก่อนได้มั้ยลูก” ร่างบางเอ่ยอย่างเป็นห่วง คริสยังไม่ได้กินอะไรเลยนะตื่นมาก็โดนลูกกวนซะแล้ว
“ป่ะป๊าตกลงป่ะป๊าชอบอันไหนมากกว่าฮะ?” อี้ฟ่านถามด้วยความตื่นเต้น
“อืม...ป่ะป๊าอยากให้หนูอธิบายว่าภาพที่วาดเนี่ยมีอะไรบ้าง ไหน ใครอยากพูดก่อน?”
“น้องอู๋! // น้องอี้!”
“อ่า...ป่ะป๊าให้ อี้ฟ่านก่อน” จับลูกขึ้นมานั่งบนตักทั้งคู่เอาภาพวาดทั้งสองแผ่นวางบนโต๊ะปล่อยให้ลูกจิ้มๆอธิบาย
“น้องอี้วาดบ้าน วาดป่ะป๊า หม่ะม๊า อู๋ฟ่าน อี้ฟานและก็ฟ่านชิง มีไดม่อนเฮดด้วยฮะ!”
“อืม...ถ้าป่ะป๊าเข้าใจไม่ผิด คนตัวสูงกว่าเพื่อนนี่ป่ะป๊าใช่มั้ย?” คริสจิ้มเส้นยึกยือที่คนผ่านการเรียนประวัติศาสตร์ชาติจีนมาแล้วอย่างเขาสันนิฐานว่าน่าจะเป็นภาพมนุษย์พ่อ เห็นว่าตัวเองใส่ชุดแปลกกว่าเพื่อน มีผ้าคลุมด้วยเลยอยากรู้แรงบันดาลใจของลูก
“ช่ายย หม่ะม๊าบอกว่าป่ะป๊าชอบซุปเปอร์แมนอี้ฟ่านเลยวาดป่ะป๊าเป็นซุปเปอร์แมน!” กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คริสนิ่งไปช่วงหนึ่งหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก ขนาดลูกยังไม่วาดตัวเองเป็นไดม่อนเฮดเลยทั้งๆที่ชอบมากแต่วาดเขาเป็นซุปเปอร์แมนคงเห็นเขาเป็นฮีโร่จริงๆ
“คราวนี้ถึงตาของ อู๋ฟ่าน”
“อู๋ฟ่านวาดครอบครัวเหมือนกันฮะ มีป่ะป๊า หม่ะม๊า น้องอู๋น้องอี้ ฟ่านชิงและก็น้องที่หม่ะม๊ากินเข้าไปด้วย”
“ห๊ะ? ว่าไงนะ?” ทั้งคริสและเลย์เหมือนจะได้ยินอะไรแปลกๆ ใครกินน้องเขาไปนะ?
“ก็ อาหารไงฮะ หม่ะม๊าบอกเองว่ากินอาหารแล้วจะเข้าไปอยู่ในท้องแล้วน้องอยู่ในท้อง หม่ะม๊าไม่ได้กินน้องเข้าไปเหรอ?” เท่านั้นล่ะก็ขำพรืดออกมาทั้งโต๊ะ เลย์คงเป็นแม่ใจมารมากที่กินลูกเข้าไปทั้งตัวแบบนั้น
“ฮ่าๆๆ อู๋ฟ่านเข้าใจผิดแล้ว น้องกับอาหารอยู่คนละที่กันครับ หม่ะม๊าไม่ได้กินน้องเข้าไปลูก” คริสอธิบายไปกลั้นขำไป เด็กนี่มีตรรกะที่แปลกจริงๆ
“แล้วนี่ให้หม่ะม๊าอุ้มฟ่านชิงกับน้องในท้องส่วนป่ะป๊าอุ้มน้องอู๋น้องอี้เหรอ?” คริสชี้ภาพที่เขาเป็นเหมือนต้นมะพร้าวแล้วมีลิงลมสองตัวเกาะอยู่ คริสมีผมชี้ๆระบายสีไร้ทิศทางดูเป็นศิลปะที่น่าเกรงขาม
“ไม่ฮะ น้องอู๋กับน้องอี้กำลังกอดป่ะป๊า ป่ะป๊าเหนื่อยต้องการกำลังใจ” คริสยิ้มกว้างแล้วหอมกระหม่อมลูกทั้งสองคน วันนี้เขาไม่กินข้าวยังได้เลย อิ่มไปหมดแล้ว หายเหนื่อยแล้วด้วย ลูกทั้งสามคนทำให้เขามีความสุขขนาดนี้
“ภาพวาดทั้งสองรูปสวยมากๆ ป่ะป๊าเลือกไม่ถูกเลย งั้นเอาเป็นว่าป่ะป๊าเลี้ยงติมๆทุกคนเลยดีมั้ย?”
“ติมๆ!! (*0*)(*0*) ”
“ฮ่ะๆๆ” ดูท่าตัดสินแบบนี้แล้วจะมีความสุขกันทุกฝ่ายนะ
“น้องอู๋เอาช๊อกชิป!”
“น้องอี้เอาคุกกี้ครีม”
“ไปหยิบโทรศัพท์มาให้ป่ะป๊าหน่อย เดี๋ยวจะโทรสั่งให้เขาเอามาส่ง”
“ฮะ!!” ฟังเสียงลูกกรูวิ่งกันออกไปแล้วก็กลับมายิ้มกับจานข้าวเลย์เดินอ้อมโต๊ะมาหาเขา เติมน้ำให้
“คริส”
“หืม?”
“กินเยอะๆ ผอมจนเห็นโหนกแก้มหมดแล้ว” ลูบสันกรามเบาๆด้วยสายตาเป็นห่วง มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้ยิ้มให้ภรรยาบางๆ
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวอ้วนแล้วไม่หล่อนะ”
“ไม่เอาสิ ฉันท้องนะ ฉันไม่ยอมอ้วนคนเดียวหรอก คริสต้องมาอ้วนด้วยกันเลย เสื้อผ้าห้ามใส่ฟิตๆนะ ต้องใส่หลวมๆเข้าใจมั้ย?” เลย์กล่าวอย่างไม่พอใจ เวลาท้องแล้วมันจะรู้สึกไม่มั่นใจยิ่งเห็นคนอื่นผอมแล้วตัวเองอ้วนอยู่คนเดียวมันหงุดหงิด คริสนี่แหละ ต้องลากสามีมาอ้วนด้วยกัน
“ฮ่ะๆๆ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวจะอ้วนเป็นเพื่อนเอง ข้าวนี่จะกินให้หมดเลยนะ”
“ฮิฮิ ดีมาก”
“หนูจะช่วยราชสีห์ได้ยังไง?!”
“ก็นี่ไงหม่ะม๊ากำลังจะ...”
“หนูตัวเล็กนิดเดียวทำไม่ได้หรอก!”
“อี้ฟ่านก็ฟังสิครับหม่ะม๊ากำลังจะ…”
“ไม่เลยๆ! อี้ฟ่านว่ายังไงก็ไม่ได้!”
“อื้อ...อี้ฟ่าน เราอยากฟังต่อแล้วตัวเงียบๆซี่” อู๋ฟ่านในอ้อมกอดเลย์เอ่ยพร้อมตาลอย อยากนอนเต็มที่แต่ก็อยากฟังต่อ ทุกคนต่างหมดแรงนอนอยู่บนเตียงเด็กที่เลื่อนมาชนกัน เรียงจากขวามาซ้าย อู๋ฟ่านนอนอยู่ในอ้อมกอดเลย์ อี้ฟ่านอยู่ตรงกลาง คริสเอาหัวพิงเตียงอยู่หลับแหล่ไม่หลับแหล่ในอ้อมกอดมีฟ่านชิงที่หลับคอพับคออ่อนไปแล้ว
เอาเป็นว่าทุกคนเพลียมีแค่อี้ฟ่านที่คึกอยู่คนเดียว…
“เสือน้อยของป่ะป๊าอย่าขย่มท้องหม่ะม๊ามากครับ เดี๋ยวน้องเจ็บ” คริสกล่าวพร้อมกับรวบตัวลูกเสืออ้วนเข้ามาแนบกาย เห็นขาเตะโดนสองทีแล้วคราวนี้ต้องเจ็บตัวไว้นิ่งๆ
“ตัวเอาจุกนมฟ่านชิงไปดูดเลยจะได้เงียบๆ”
“กะด้ะ เราจะไม่พูดแล้ว หม่ะม๊าเล่าต่อเลยฮะ” เสียงเล่านิทานที่น่าฟังดำเนินต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าคนเล่าจะอยากพักมากแต่นิทานก็ไม่ได้ลดความน่าสนใจลงเลยแม้แต่คริสที่เคยได้ยินแล้วก็ยังต้องฟังแล้วฟังอีก มือใหญ่ๆของเขากันขาเล็กของอี้ฟ่านไว้ไม่ให้โดนท้องแต่ดูเหมือนลูกของเขาจะมีใครแอบเอาเครื่องไปชาร์ตมาเมื่อตอนกลางวัน เจ้าลูกเสือถึงได้แบตเต็มขนาดนี้
“อี้ฟ่าน ป่ะป๊าบอกว่าอย่าเอาเท้าเตะท้องหม่ะม๊าได้ยินมั้ยครับ?” คิ้วหนาขมวด ลูกช้อนหน้ามองเขาเช่นเดียวกัน
“น้องอี้ไม่ได้เตะนะ”
“เลย์...อู๋ฟ่านเตะเหรอ?” คริสถามภรรยาเพราะเขาไม่ได้อยู่ใกล้ลูกอีกคนบางที่อาจจะเป็นอู๋ฟ่านที่เตะ
“เอ่อ...ฉันว่าอีกคนนึงเตะนะ”
“คนไหน?”
“ก็...ในท้องนี่ไง”
!!!
คริสเด้งตัวขึ้นมาอย่างเร็วทำให้เด็กแฝดทั้งสองคนที่กำลังนอนตื่นตกใจ
“ลูกดิ้นเหรอ?!”
“อืม..แกดิ้นได้มาสักสองวันแล้วแหละ”
“จริงเหรอ?!” คริสถามอย่างตื่นเต้น เขาเอามือสัมผัสแล้วสักพักลูกก็ดิ้นอีก คนตัวสูงยิ้มกว้าง สองแฝดก็เอามือมาแตะท้องหม่ะม๊าเหมือนกันทุกคนรอปฏิกิริยาตอบกลับอย่างตั้งใจ
“หูวว น้องยังไม่ตาย” แฝดน้องเอ่ยอย่างอัศจรรย์ใจ
“เป็นไปไม่ได้ โดนกินเข้าไปก็ต้องตายไม่ใช่เหรอ?” แฝดพี่กล่าวอย่างไม่เชื่อในทฤษฎี
“สองแฝดครับ หม่ะม๊าไม่ได้กินน้องเข้าไปนะลูก” เลย์ต้องสืบหาแล้วว่าลูกไปได้ความคิดว่าเขากินน้องเข้าไปมาจากไหน
“ป่ะป๊าฮะ เราตั้งชื่อน้องกันเถอะ”
“อืมนั่นสิ เราควรมีชื่อเรียกน้องกันได้แล้วเนอะ” คริสดันก้นฟ่านชิงให้ขึ้นไปเกยไหล่ดีๆ นี่ดูเป็นวาระการประชุมแห่งบ้านว่าด้วยเรื่อง น้องอายุสี่เดือนควรชื่ออะไร ทุกคนเคร่งเครียด มันยากกว่าการตั้งชื่อลูกหมาหรือสัดเลี้ยงเพราะนี่เป็นชื่อคน ต้องความหมายดีและน่ารักสมกับเป็นลูกสาว(ในความหวังของทุกคน)คนสุดท้อง
“ฉัน...................คิดไม่ออก” คริสยอมแพ้เป็นคนแรก
“อ้าว...” คุณแม่เอ่ยเสียง งงเพราะคาดหวังว่าคุณพ่อจะคิดเอาไว้แล้วเสียอีก
“อยากให้น้องชื่ออู๋ฟ่านอีกคน” อู๋ฟ่านกล่าว
“ไม่เอา ชื่อตัวเห่ยจะตาย ชื่ออี้ฟ่านดีกว่า”
“เด็กๆ น้องเป็นผู้หญิงนะ”
“น้องผู้หญิงเหรอฮะ?! แหงะ...” สองแฝดดูจะไม่ค่อยชอบใจ
“หนูไม่ชอบน้องผู้หญิงเหรอครับ?”
“เด็กผู้หญิงอ่อนแอ”
“เด็กผู้หญิงขี้ร้องฮะ”
“แต่ป่ะป๊าอยากได้น้องผู้หญิง” คริสกล่าวอย่างหนักแน่น
“หง่อวววว” สองแฝดร้องออกมาอย่างหดหู่เช่นกัน
“แหม...แต่จริงๆ เราก็ยังไม่แน่ใจเนอะว่าจะน้องสาวหรือน้องชาย” ร่างบางเห็นลูกหน้าม่อยแล้วก็อดสงสารไม่ได้ พวกแกคงอยากได้เพื่อนมาเล่นเพิ่มพอถูกดับฝันจะหดหู่ก็คงไม่แปลก
“จะรู้ได้เมื่อไหร่ฮะ?” อู๋ฟ่านถามอย่างกระตือรือร้น
“อีก 5 เดือนครับ ^^ ”
=มาต่อให้แล้วนะคะ แหะๆๆ=
หลังจากหายไปนานมีปัญหาตรงเนื้อหานิดหน่อยเพราะไรต์ชอบแต่งตรงที่ชอบก่อนแล้วไปแต่งตอนอื่น ทีนี้เป็นไงล่ะ เนื้อหาไม่สัมพันธ์กันไงแก้อยู่นานเลย ฮ่าๆๆๆ ใครจะไปรู้เนอะว่าอีคู่นี้มันจะมาหวานกันได้ น่าหมั่นไส้อ่ะ -3-
เนื้อหามันวาบหวิวเนอะ อย่ากดแบนกันนะเพราะจะส่งให้ในเมลก็ไม่ได้มันแค่สามหน้าเวิร์ดส่งสารคนที่เพิ่งเขามาอ่านเนาะถ้าถูกแบนเขาก็ไม่ได้อ่านกัน ไรต์ไม่เคยขอให้คอมเมนต์เลย จริงๆก็อยากขอนะเพราะบางครั้งไรต์ก็ถามตัวเองว่า เฮ้ย...นิยายเรามันสนุกจริงๆรึเปล่าวะ ไรต์ชอบมโนโมเมนต์นะแต่ไม่ชอบมโนเข้าข้างตัวเอง เมนต์แค่สนุกจริงๆนะคะ อิ้ หรือเข้าไปบอกไรต์ในทวิตก็ได้ว่ารอให้อับอยู่นะคะ อิ้ แค่นี้ไรต์ก็เขินจนจะแดกโทรศัพท์เข้าไปละจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ จริงๆนะไม่มาเป็นไรต์เตอร์ไม่รู้
ขอบคุณที่ติดตามกันนะค้า > <
ความคิดเห็น