คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : =KrisLay= 2 = " สมาชิกใหม่ "
--ตอน สมาชิกใหม่--
เลย์รำคาญเสียงสามีที่เดินตามหลังมาเหลือทน เขาพยายามเดินหนีไปทางไหนเพื่อสงบจิตสงบใจแต่ก็ไม่ได้ ร่างสูงตามไปทุกที่และเอาแต่พูดประโยคน่าหมั่นไส้เดิมๆว่าไม่ใช่ความผิดของตน
“โถ่...เลย์ ฟังกันก่อนสิ”
“หุบปาก!” หันกลับไปจิกตาใส่แล้วออกเดินต่อ คริสเงียบได้แต่อึดใจเท่านั้นก็พูดใหม่อีกด้วยประโยคเดิมๆ เลย์กรอกตาไปมาเหนื่อยหน่าย เบื่อจะรอลิฟท์เพราะยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียงสามีก็ยังคงดังตามวนเวียนน่ารำคาญไม่มีหยุดหย่อนจึงเดินไปที่บันไดหนีไฟ ซึ่งก็เป็นเช่นเดิมอีกคือคริสเดินตามมาเป็นเงาตามตัว!
“เลย์ เลย์ฟังก่อนสิ”
“ไม่ฟัง! ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ผมจะหย่า! ผมจะย้ายออกจากบ้านพรุ่งนี้เลย ไม่มีฏีกาใดๆทั้งสิ้น!”
“โถ่...เลย์ คิดถึงลูกบ้างสิ ลูกเรายังเล็กนะ จะย้ายไปยังไง” เดินก้าวเร็วๆลงบันไดไม่สนใจ ไม่อยากให้คริสมาจับตัวเขาได้ เขารังเกียจผู้ชายหัวงูแบบคริส!
“ย้ายไปได้ทั้งนั้นแหละ จะไปไหนก็ได้ถ้าผมต้องการ!” เด็กแฝดก็ยังไม่เข้าโรงเรียนด้วย เลย์กะว่าจะไม่ให้เรียนอนุบาล แต่จะให้เข้า ป.1 ทีเดียวตามที่นักวิชาการแนะนำว่าเด็กจะมีจริยธรรมดีกว่าถ้าอยู่ที่บ้าน
“เลย์ อย่าทำแบบนี้สิ แล้วผมจะอยู่ยังไงล่า” ทำหน้าออดอ้อนงอแงดูบ้างเผื่อว่าจะเห็นใจแต่เปล่าเลย ร่างบางหันมาแล้วพูดเสียดังลั่นใส่หน้าของเขา
“อยู่กับเมียใหม่ไปแซ่!!”
“เออได้! ฉันอยู่กับคนใหม่จริงๆแล้วอย่างมาร้องไห้ก็แล้วกัน!” คริสเอ่ยประชดบ้าง
“ว่าไงนะอิผัวเลว! นี่ยังไม่สำนึกอีกใช่มั้ยห๊ะ?!!” เดินเข้าไปดึงหูแล้วบิดไปมาอย่างแรงด้วยความโกรธจนคริสร้องโอดโอยน่าสงสาร
โถ่คนดี เขาแค่ประชด ไม่ได้พูดจริงๆเลยนะจ๊ะ ชีวิตนี้รักเตงคนเดียว T________T
“โอ๊ยเลย์ เจ็บครับ ผัวเจ็บ ไม่ได้คิดจะมีคนใหม่เลยนะคนดี งื้อ...ที่รักปล่อยก่อน”
“ฮึ..ปล่อย? ปล่อยแน่! ปล่อยให้ไปมีชีวิตเป็นของตัวเองเลย! พรุ่งนี้เจอกันที่สำนักงานเขต!” ร่างบางสะบัดมือออกแล้วเดินหันหลังลงบันไดอีกครั้งแต่เหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตนเองยืนอยู่ตรงขอบขั้นบันไดแล้ว พอเก้าเท้าลงเลยก้าวพลาด ร่างบางหลุดออกไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นอีกครั้งโดนที่สามีความจับเอาไว้ไม่ทัน
“เลย์ระวัง!!”
.
.
.
“จับตรงนี้เจ็บมั้ยฮะ?” เลย์ยิ้มให้แล้วส่ายหน้าเบาๆ เมื่อลูกชายจิ้มลงเบาตรงที่เป็นเฝือกแข็งๆที่ขาข้างหนึ่ง ขาหักตอนที่ตกบันได ต้องเสียฟอร์มให้คริสอุ้มมาโรงพยาบาลเพราะขานั้นบวมซ้ำยังช้ำเลือดจนน่ากลัว พอถึงมือหมอก็บอกว่าคงต้องเข้าเฝือกแข็งเท่านั้นซึ่งเลย์ก็ไม่มีความเห็นใดๆทั้งสิ้น ยังโกรธร่างสูงอยู่ เพราะคริสคนเดียวทำให้เขาต้องง่อยไปอีกเป็นเดือน จะเลี้ยงลูกหรือทำงานอะไรก็คงไม่ปกติเหมือนเดิม
“หม่ะม๊าตกบันไดได้ยังไง?” อู๋ฟ่านถามอย่างสงสัย โถมตัวเข้ากอดแม่ที่นั่งเหยียดขาบนเตียง เลย์กดจูบลงอย่างเอ็นดูแล้วเอ่ยตอบ
“หม่ะม๊าซู่มซ่ามครับคนเก่ง”
“หม่ะม๊าเจ็บมั้ยฮะ?”
“ครับ” เลย์พยักหน้าตอบตามความจริง เห็นลูกเป็นห่วงแล้วเขาก็ดีใจ
“ผมจะเป่าๆให้!” อี้ฟ่านเสนอ เหมือนกับตอนที่หกล้มแล้วหม่ะม๊าเป่าแผลให้ มันจะหายเจ็บ
“น้องอู๋ด้วยฮะ!” ทั้งสองแฝดรุมเป่าขาคุณแม่กันใหญ่ เลย์หัวเราะคิดคักแล้วกดจูบที่แก้มลูกทั้งสองคนด้วยความรัก รักแม่ขนาดนี้ แม่ก็รักหนูจนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วลูก
“กลับบ้านกันเถอะ จ่ายเงินค่ายาเสร็จแล้ว” คริสเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเข้ามา จับลูกชายทั้งสองลงจากเตียงนอนก่อนจะเดินไปช่วยพยุงภรรยาที่ขาหักให้ลงจากเตียงบ้าง
“ช่วยทีครับ” เลย์ยื่นมือไปให้บุรุษพยาบาลทำเอาคริสยื่นมือเก้อ ร่างสูงลอบถอนใจรู้ดีว่าเลย์ยังโกรธ แต่จะยอมให้ในที่นี้เพราะไม่อยากจะทะเลาะกันต่อหน้าลูกและคนนอก จำต้องเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ไปเคลียร์กันที่บ้านทีเดียว
เลย์กลับเข้าบ้านด้วยความทุลักทุเลกลับได้ยินเสียงฟานชิงร้องไห้จ้าแล้วหัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาใช้ไม้เท้ายังไม่ค่อยถนัดนัก ซ้ำลูกชายฝาแฝดยังมานัวเนียด้วยแบบนี้ก็ยิ่งลำบาก คริสเดินไวๆเข้าไปในบ้าน รับตัวลูกคนเล็กมาจากแม่บ้านแล้วเดินกลับมาส่งให้เลย์ ฟานชิงกอดแม่แน่นเหมือนว่าคิดถึง ปกติตื่นนอนตอนบ่ายจะมีแม่มาอุ้มไปนู่นมานี่ตลอดแต่พอวันนี้คนที่มาปลุกกลับไม่ใช่แม่ แม่หายไปก็ต้องใจเสียเป็นเรื่องปกติ เลย์หอมแก้มลูกปลอบขวัญเด็กน้อยที่ยังไม่รู้อะไร นิ้วเรียวสวยเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลนอหน้าลูกชาย อกเล็กสะอื้นหอบแล้วกอดรอบคอหม่ะม๊าแน่น
“โถ ฟานชิงของหม่ะม๊า หม่ะม๊าอยู่นี่ครับ” โยนตัวกล่อมลูกเบาๆก่อนที่จะเปิดอกให้นมอีกครั้ง เด็กน้อยคงจะตกใจไม่ก็หิวหรือบางครั้งก็ทั้งสองอย่าง ร่างบางนั่งอยู่บนโซฟาในห้องดูทีวี ในขณะที่เด็กๆคนอื่นๆวิ่งไปรวมตัวกันอยู่ที่ห้องอาหาร
“วันนี้ไปกินข้าวที่ห้องนั่งเล่นแล้วกันนะ” ผู้นำครอบครัวเอ่ยบอก สองแฝดหันขวับพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ได้หรอฮะ?!” สองแฝดถามด้วยความตื่นเต้น เห็นทุกทีปะป๊าชอบว่าเวลาอู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านไปกินข้าวหน้าทีวีแต่ไหงวันนี้ถึงอนุญาตล่ะ??
“หม่ะม๊าเจ็บขา เราตักข้าวไปให้หม่ะม๊าด้วย กินด้วยกัน จะปล่อยให้หม่ะม๊านั่งหิวคนเดียวได้ยังไง?” รู้ดีว่าเลย์คงยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง เผลอๆจะตั้งแต่เช้าเลยด้วยซ้ำเพราะต้องจัดนู่นนี่ให้เขา ซ้ำยังต้องให้นมฟานชิงอีก ถ้าอี้ชิงไม่แข็งแรงแล้วลูกๆของเขาจะแข็งแรงได้ยังไง?
เด็กๆหน้าชื่นตาบานที่จะได้ดูทีวีซึ่งเป็นรายการช่องโปรดไปกินข้าวไปอย่างที่ใฝ่ฝัน ไม่ต้องรีบๆกินแล้ววิ่งมาดูอีกแล้ว!
“หม่ะม๊ามาล้าววววว” อู๋ฟ่านวิ่งโร่มาแต่ไกลด้วยความเร็วสูงเมื่อรู้จากป่ะป๊าว่าวันนี้สามารถดูทีวีไปกินข้าวไปได้ เลย์มองลูกอย่างฉงนใจ เห็นคริสถือถาดข้าวหลายๆถ้วยมาด้วย วางลงตรงหน้าของเขาก่อนจะแจกอุปกรณ์ทานอาหารให้เด็กๆแต่ละคน
“กินเลยนะฮะ!!” กล่าวขึ้นพร้อมๆกันแล้วลงมือแย่งปีกไก่บนทอดในจานกันอิหลุบตุบตับ คริสตักไก้ทอดมาชิ้นนึงเช่นเดียวกัน ตักข้าวเป็นพอดีคำแล้วยื่นจ่อให้ตรงปากภรรยา
“อ่ะ..กินเสียสิจะได้มีแรง”
“เชอะ” สะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างแสนงอน คริสถอนหายใจแล้วลดมือลง มองใบหน้าหวานบึ้งบูดนั้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง คริสไม่ชอบที่ถูกงอนโดยที่ตัวเองไม่ได้ผิด
“อี้ฟ่าน หม่ะม๊าขอกินปีกไก่ทอดหน่อยได้รึเปล่า?” เห็นลูกกินจนเลอะไปถึงคิ้วแล้วร่างบางก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ลูกชายพยักหน้าเร็วๆแล้วยื่นของโปรดมาให้หม่ะม๊าด้วยความเต็มใจ แม้จะเป็นแค่ปีกไก่ทอดธรรมดาก็เถอะแต่พอลูกชายป้อนให้มันกลับกลายเป็นปีกไก่ที่อร่อยที่สุดเลยตั้งแต่เลย์เคยกินมา
“อ๊ามมม หม่ะม๊า”
“อ๊ามมม” ลูกทำเสียงเลียนแบบเลย์ตอนป้อนข้าวน้อง ตักข้าวป้อนคุณแม่คนสวยด้วยความทุลักทุเล จากนั้นก็กลับไปจดจ่อกับทีวี ดูไปกินข้าวไปอย่างสนุกสนาน
“หม่ะม๊าเอาอะไรอีกมั้ยฮะ ฟ่านจะป้อน”
“แหน่ะเราหน่ะ กินของตัวเองไปเลยเรื่องป้อนมันหน้าที่ของป่ะป๊า” คริสเอ่ยอย่างไม่ชอบใจที่ลูกจะทำหน้าที่แทนเขา นึกอิจฉาเด็กที่ได้ทำหน้าที่ป้อนข้าวเลย์โดยที่เจ้าตัวยิ้มให้ คริสไม่ชอบจริงๆที่เมียอยู่ใกล้แต่ทำตัวเหินห่างกันแบบนี้ คริสไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตคริสเองแต่กลับกลายเป็นว่าถูกเลย์เมินไปเสียแบบเป็นใครก็ต้องเซ็งเป็นธรรมดา อาหารมื้อเย็นที่กร่อยไปอีกมื้อเหมือนร่างสูงไร้ตัวตน แต่คริสก็จะไม่ยอมอย่างไรเสียคืนนี้ก็จะต้องง้อเมียให้จงได้!
“นั่นเอาลูกมานอนในห้องทำไม?” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นฟ่านชิงมานอนเล่นคลานเล่นอยู่บนที่ของตนในคืนนี้ อีกทั้งบรรดาขวดนม นมผงสารพัดของเด็กอ่อนยังมาวางอยู่ใกล้ๆ ดูจากหมอนและการรองที่นอนแบบนั้นก็มั่นใจได้เลยว่าคืนนี้ลูกคงต้องมานอนแทนที่เขาแน่ๆ
“เอ้า...ก็ผมขาหัก ถ้าเกิดตอนกลางคืนลูกร้อง คุณจะเดินไปกล่อมลูกแทนผมมั้ยล่ะ?” เลย์หันไปถามด้วยน้ำเสียงติดแกมประชด แน่นอนว่าคริสต้องปฏิเสธถึงแม้เด็กคนนี้จะเป็นลูกแต่คริสก็ไม่ชอบเวลาแกร้องไห้ มันทรมาณและด้วยเด็กวัยระดับฟ่านชิงแล้ว เวลาร้องนี่เดาได้ยากมากว่าแกร้องเพราะอะไร
“เลย์ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน” มือหนาจับเรียวแขนเล็กนั้นไว้เบาๆ เขาอยากจะคุยกับภรรยาให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้ความรู้สึกแย่ๆมันค้างคาใจไปตลอดทั้งคืน ไม่อยากให้มันพาลไปถึงรุ่งเช้าจนกระทบต่อการทำงาน ไม่ชอบเห็นเลย์งอนและไม่ชอบสีหน้าบึ้งตึง ประชดประชันนี่ด้วย
“ฟ่านชิงนอนกันเถอะครับลูก” หันไปอุ้มลูกมาไว้แนบอกไม่สนใจคริสที่กำลังจริงจัง ใครจะไปรู้ว่าเลย์เองก็เบื่อที่ต้องมาเจอผู้หญิงที่ไม่ซ้ำหน้ากันเลยสักครั้งอยู่ในห้องทำงานด้วยสภาพล่อแหลมกับสามี ถ้าไม่ติดว่ามีลูกก็คงวิ่งหนีไปไกลแล้ว เลย์อึดอัด ที่มันยังคงเป็นอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆก็เพราะคริสนั่นแหละที่ไม่จริงจัง ไม่เด็ดขาด หรือลึกๆก็คงจะชอบล่ะมั้งที่มีสาวๆมารุมตอมหอมทึ้งกันให้วุ่น มันไม่ผิดที่เลย์จะงอนแต่มันผิดที่คริสต่างหากไม่คิดจะปรับปรุงอะไร
“ต๊า” ฟ่านชิงที่ยังเล่นสนุกถูกรวบเข้ามากอดเอาไว้แนบอก เลย์มองแค่เด็กน้อยในอ้อมกอดทำเสมือนอีกคนเป็นอากาศธาตุ คริสที่พันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนั่งอยู่ตรงขอบเตียงมองอีกคนที่กำลังกล่อมลูก ถ้าเลย์เมินเขาอีกครั้งเดียวเขาจะขึ้นเสียงใส่บ้าง ใช่ว่าคริสจะโกรธไม่เป็นโมโหไม่เป็น
“เลย์” เสียงเรียกที่แปลกไปนั้นร่างบางรู้ดี เขารู้ว่าคริสกำลังโกรธแต่เขาเองก็ไม่อยากจะฟังอะไรตอนนี้ ดูหยาดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนตัวอีกคนแล้วก็ส่ายหน้า คริสมักจะทำอะไรใจร้อนตลอด อยากได้อะไรก็ต้องได้เดี๋ยวนั้นตอนนั้นจนดูคลายกับจะทำอะไรลวกๆ
“ไปแต่งตัวเถอะคริส และขอร้องคืนนี้ผมยังไม่อยากจะฟังอะไรจากคุณทั้งนั้น” เลย์พูดให้ได้ยินและหวังว่าจะเข้าใจ เพราะเรื่องนี้มันเกิดขึ้นซ้ำซากจนเขาแทบจะเดาได้ว่าคริสจะพูดอะไรบ้าง มันแทบจะไม่ต่างกันเลยในแต่ละครั้ง เลย์ไม่ได้ต้องการจะฟังคำพูดที่ว่าขอโทษหรือบอกว่าตนไม่ได้ผิด สิ่งเดียวที่เลย์รอฟังอยู่คือคริสจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เลย์เสียใจอีก เลย์รอฟังอยู่แค่นั้นเอง
ร่างสูงลุกไปโดยที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่งตัวด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและเชื่อว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับ ถ้ามีกระสอบทรายอยู่ใกล้ๆเขาคงจะต่อยมันไปแล้ว เขาโกรธ เขาโมโหและไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เสียเลย
เสียงกุกกักตอนกลางคืนทำให้คนที่หลับไม่สนิทนักตื่นขึ้นได้ง่ายๆ คริสที่นอนตะแคงเข้าหาโซฟาก็ต้องมองข้ามไหล่ตัวเองไปดู เห็นภรรยาตัวเล็กลุกขึ้นนั่ง มือบางเอื้อมคว้าไม้ค้ำยันอย่างลำบาก คริสไม่รู้ว่าเลย์ต้องการจะทำอะไรรู้แต่ว่าหากไม่เข้าไปช่วย มันคงจะต้องลำบากอีกคนเอามากๆ
“ให้ฉันช่วยเถอะ” ร่างสูงเดินไปยืนดักหน้าคนตัวเล็กที่นั่งห้อยขาอยู่บนเตียง ร่างบางช้อนตามองแล้วเม้มปากครุ่นคิดก่อนเอ่ยปัด
“ไม่เป็นไร คุณไปนอนเถอะ”
“ฉันบอกว่าจะช่วยก็จะช่วยสิ อย่าดื้อได้มั้ย”
“ผมแค่จะไปห้องน้ำ คุณไม่ต้อง อ๊ะ!” คริสเดินเข้าไปแล้วช้อนตัวคนเรื่องมากไว้แนบอก
“นี่คริส!” ร่างบางโอบรอบคอแกร่งนั้นเอาไว้ด้วยความตกใจ ขายาวเดินเร็วๆพาอีกคนเข้าห้องน้ำกลางดึกในขณะที่ลูกๆนอนไปแล้ว พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบใต้ฝ่าเท้าทำให้แขยงไม่ค่อยอยากเหยียบนัก คริสค่อยๆวางร่างบางลง เลย์ค้ำขอบอ่างล้างหน้าเอาไว้แทนไม้ค้ำ หันกลับมาเอ่ยเสียงแผ่ว
“รอข้างนอกก็ได้นะเดี๋ยวสร็จแล้วผมจะเรียก”
“อายอะไร? ก็เพิ่งเห็นกันอยู่เมื่อคืน” ร่างสูงกอดอกยืนพิงอ่างน้ำเช่นเดียวกัน เลย์ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้ว่ายังงอนๆสามีอยู่และไม่อยากให้อีกคนมาเห็นสภาพทุเรศทุรังของตนเวลาเข้าห้องน้ำที่ต้องลำบากไปจากเดิมเพราะสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป
“เอาน่า ออกไปเถอะ” จนใจจะพูดอธิบายเลยต้องโบกมือเบาๆไล่ให้ออกไป
“ทำไม? เดี๋ยวนี้หัดทำตัวเหินห่างเหรอ?” ร่างสูงไม่พอใจ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ออก เลย์ถอนใจหนักๆแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะปวดหัวกับความเอาแต่ใจของอีกคน
“โอ๊ย! มันใช่ที่ไหนเล่า มันลำบาก! เข้าใจมั้ย? มันทำธุระลำบากนะ ออกไปก่อน”
“ก็เท่านี้ล่ะ ทำธุระลำบากก็พูดสิจะได้ช่วย”
“คริส!” แขนหนาโอบรอบเอวเล็กแล้วยกขึ้นจากพื้นทั้งๆที่ยังไม่ทันตั้งตัว วางคนตัวเล็กที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนลงตรงหน้าชักโครก เลย์ขัดขืนแต่อีกคนไม่ปล่อย มือหนารั้งกางเกงผ้านิ่มลงอย่างรวดเร็วแต่อีกคนกลับดึงรั้งเอาไว้ นี่จะช่วยกันถึงขั้นนี้เลยรึไง?!
“ไม่ต้องคริส! อ๊ะ! อย่า ไม่ต้องถอดกางเกง!”
“ไม่ถอดกางเกงแล้วจะฉี่ยังไง?” ร่างสูงยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความอายเหลือคณา มือหนายังคงตั้งใจที่จะรั้งลงพออีกคนต่อต้านก็แกล้งลากมือผ่านส่วนอ่อนไหวจนภรรยาร่างเล็กสะดุ้งโหยง
“มะไม่ต้องช่วยกันถึงขนาดนี้!” เลย์ตีแขนแกร่งนั้นเบาๆให้ปล่อยแต่ก็ไม่ได้ผล สามีรัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือม ปวดฉี่ก็ปวดแต่คริสก็ไม่ปล่อยสักที!
จะราดแล้วนะ
“อายอะไรเล่า ทำธุระไปสิ”
“….” เลย์กัดปากแน่นด้วยความอาย ปวดก็ปวด ทว่าอายก็มาก
“อ่ะๆ ไม่ดูก็ได้ สัญญาว่าจะไม่มอง” เลย์เอี้ยวตัวมองอีกคนผ่านไหล่
“หลับตาเลย!” ร่างสูงพยักหน้ายอมหลับตาลงอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มองแล้ว ร่างบางจึงค่อยๆรั้งกางเกงของตัวเองลงปลดเปลื้องความทุกข์ของตัวเองให้เสื่อมคลาย โดยไม่ได้ทันสังเกตแววตาคมที่ลอบมองผ่านกระจก ใบหน้าหวานแดงก่ำค่อยๆหลับตาลงขณะที่กำลังทำธุระ เสียงถอนใจผะแผ่วคลอมาเบาๆในอากาศ ทั้งๆที่พื้นเย็นมากแต่ร่างสูงกลับรู้สึกร้อนวูบวาบเมื่อได้เห็นใบหน้าของภรรยาเผยอปากเงยหน้าขึ้นพิงตนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
“เสร็จแล้ว อ๊ะ!” มือหนาเอื้อมปิดฝาชักโครกอย่างรวดเร็วหันร่างเล็กเข้าหาตัวแล้วกดให้นั่งลงบนฝานั้น มือหนาเอื้อมกดน้ำขณะที่ใบหน้าหล่อบดเบียดกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกฝ่าย มือหนาลูบตามสีข้างมาถึงหน้าท้องนิ่มขณะที่เอียงคอประกบปากของตนอย่างแนบชิด เริ่มออกแรงขยับดูดดุน ลิ้นเลียรอบริมฝีปากจนในที่สุดก็ได้เข้าไปข้างในโพรงปากอุ่นร้อนเลย์สะดุ้งเมื่อความเย็นเข้าปะทะอก เสื้อถูกถกขึ้นมาด้วยฝีมือของสามีมือไวและหื่นกามที่สุด ร่างบางผลักอกแกร่งนั้นออกแต่ก็ถูกดึงกลับเข้ามา ลิ้นของคนทั้งสองพันกันจนแทบจะรวมเป็นหนึ่ง ปรือตามองก็พบกับแววตาคนที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว สายตาที่มองมาอย่างเข้าใจดีว่าต้องการอะไร ท้องน้อยก็เริ่มจะตอบสนองร่างบางสัมพันธ์กับแววตานั้นเช่นเดียวกัน
“คริส อ่าห์ ทำแบบนี้ทำไม” เหนื่อยหอบราวกับถูกสูบวิญญาณ กางเกงถูกถอดแล้วเหวี่ยงออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ อี้ชิงพยายามจะปกปิดร่างกายของตัวเองทว่าก็ทำได้แค่ดึงเสื้อให้ยืดกลับลงมาปกปิดส่วนที่ควรจะถูกปดปิดเอาไว้หมิ่นแหม่
“คนชอบยั่วก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”
“อื้อ” แม้จะไม่เข้าใจว่าไปยั่วอีกฝ่ายตอนไหนแต่มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับว่าตอนนี้เลย์กำลังถูกลวนลามอีกครั้งทั้งๆที่ขายังเข้าเฝือก!
“อ๊ะ คริส...ขาเข้าเฝือกอยู่นะ” จะให้เล่นท่าอะไรล่ะขาเป็นง่อยขนาดนี้!
“ไม่เป็นไร เข้าเฝือกอยู่ก็ดี หนียาก” พูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก คุกเข่าลง แหวกเรียวขาสวยนั้นออกแล้วซุกใบหน้าลงกับเรียวขาอ่อนสีหวานเพราะอากาศ
“คริส...เดี๋ยวมันจะ อิ๊...” จะแย้งให้ได้ทว่าเสียงก็หายลงลำคอไปเสียแล้ว บนพื้นห้องน้ำที่ปูด้วยหินอ่อนเย็นเฉียบมีผ้าขนหนูอยู่เป็นบริเวณทว่าไม่มากนัก สรุปโดยรวมคือเป็นจุดที่หนาวเอามากๆทว่าสองร่างกลับเหงื่อแตก เสียงแหบพร่าและเสียงครางอื้ออึงยังคงโหมใส่กันไม่ต่างไปจากจังหวะของร่างกาย แม้กระทั่งเรียวขาที่ไม่เหมือนเดิมก็ไม่อาจจะทำให้กิจกรรมขาดตกบกพร่องได้
“เลย์...หายโกรธแล้วยัง?” กระซิบข้างกกหูของภรรยาที่เปลือยเปล่าไปทั้งกาย ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหนาวที่ห้ามไว้ไม่อยู่ เสียงกระเส่าของร่างขาวจัดตอบกลับอย่างไม่สู้สบอารมณ์มากนัก
“มันควรจะโกรธมากกว่าเดิมมั้ยเนี่ย?!” เอาแต่ใจที่สุด! เลย์เป็นคนโกรธนะ แล้วมีวิธีง้อเขาด้วยกิจกรรมที่ตัวเองมีความสุขอยู่คนเดียวแบบงั้นเหรอ?!
“โอ๋...ยังโกรธอยู่เหรอครับ ไม่เป็นไร มีเวลาทั้งคืนเดี๋ยวจะง้อทั้งคืนเลยนะ” กดจูบลงตรงพวงแก้มใสพร้อมกับเป่าลมเข้าไปที่ใบหูสวย ภรรยาครางฮือออกมาเมื่อมือหนาซุกซนไล้วนตรงจุดไวสัมผัสต่างๆ
“ไม่ ผม...ไม่ อ๊ะ ..คนบ้า!”
“ฮึๆ”
.
.
.
เลย์เริ่มเกลียดการเข้าเฝือกเสียแล้ว
การเข้าเฝือกนี่มีข้อเสียนานัปการที่สาธยายไม่หมด และข้อดีของมันก็มีแค่ทำให้กระดูกกลับมาเชื่อมกันได้ใหม่อีกครั้ง ข้อเสียที่นับไม่ถ้วนของกรเข้าเฝือกก็ยกตัวอย่างเช่นทำนู่นนี่ไม่ได้เหมือนเดิม จากที่เดินไปหาลูกก็กลายเป็นว่าลูกต้องเดินมาหา จากที่เคยทำกับข้าวก็กลายเป็นว่าต้องเป็นคนนั่งกำกับให้คนอื่นทำแทนซึ่งคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอดอย่างเลย์นั้นไม่ชินกับมันเอาเสียเลย แล้วก็นะ...เวลาที่กระดูกมันเชื่อมเข้าหากันนี่มันคันจนสุดจะบรรยายเป็นภาษาคน คันมากแต่เกาไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ยากจะพูดถึงแต่ข้อเสียที่นับไม่ถ้วนของเฝือกทุกข้อก็สมควรแก่การให้อภัยยกเว้นเรื่องเดียว
คริสใช้ความง่อยของเลย์เป็นโอกาสในการกลั่นแกล้งเขา
มันคงจะเป็นช่วงเวลาในตอนกลางคืนที่สนุกมากของคนตัวสูงในการอุ้มเขาเข้าห้องน้ำด้วยเหตุผลโง่ๆว่าภรรยาจะต้องปวดฉี่แน่ๆ ทั้งๆที่จริงๆไม่เกี่ยวกันเลย อยากทำก็พูด ไม่ต้องมาอ้างกันให้มากความ! ปกติก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งใส่เฝือกเข้าไปอีกทำได้แค่นั่งนิ่งๆให้อีกคนทำตามใจอยากมันก็เท่านั้น
ถึงได้ง่วงงุนสัปหงกทุกเช้าแบบนี้
“อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” ร่างสูงผู้อารมณ์ดีโน้มตัวลงมาหอมแก้มอิ่มของภรรยาแล้วจับเอาฟานชิงใส่โต๊ะเก้าอี้นั่งเด็กเตรียมกินอาหารเช้า เลย์มองใบหน้าหล่อที่ระรื่นนั้นด้วยความหมั่นไส้ ก่นคำว่าชิออกมาเบาๆแล้วหันไปผูกผ้ากันเปื้อนให้ลูกคนเล็กเตรียมทานอาหารเช้า เสียงวิ่งลงจากบันไดตุบตับทว่าเป็นเสียงเล็กๆโครมครามมไม่ได้ดังหนักๆเหมือนเท้าผู้ใหญ่ทำให้คุณแม่อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง หากเป็นเวลาปกติแล้วคงจะต้องลุกไปดูให้เห็นกับตาว่าลูกชายสองคนวิ่งลงบันไดมา ไม่ได้ผลักกันพลัดตกบันไดหัวคะมำ
“อี้ฟ่านหิวแย้ววว”
“อู๋ฟ่านก็หิวแย้ววว” ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เด็กๆลงมาทั้งชุดนอนอย่างร่าเริงไม่มีรอยแผลฟกช้ำใดๆ แสดงว่าเมื่อกี้วิ่งลงมาจริงๆ
“เอ๊ะ! ทำไมต้องมาพูดตามพี่อู๋ฟ่าน!”
“นายนั่นแหละพูดตามพี่อี้ฟ่าน!”
“อย่ามากวนนะ!”
“อย่ามากวนนะ!”
“อย่าพูดตามพี่!”
“อย่าพูดตามพี่!”
“นี่!”
“นี่!”
“โอ๊ยยยย! พอเถอะครับสองแฝดที่รักของหม่ะม๊า กินข้าวกันเถอะลูก” เลย์กุมขมับเมื่อเห็นสองแฝดเท้าสะเอวเถียงกันไปมา คริสเดินหัวเราะฮึๆอย่างอารมณ์ดีมาที่โต๊ะแล้วจับปูสองตัวใส่กระด้งให้นั่งกินข้าวกันดีๆสักที นั่งคนละที่แล้วก็หวังว่าจะไม่ทะเลาะกันให้หม่ะม๊าที่ร่างกายไม่เหมือนเดิมต้องปวดหัวนะ
“หม่ะม๊าก็เห็นอู๋ฟ่านแกล้งพูดตามน้องอี้ก่อน”
“ไม่จริงนะหม่ะม๊า อี้ฟ่านอ่ะกวนน้องอู๋แต่เช้าเลย”
“เด็กอะไรขี้โกหก!”
“นายนั่นแหละที่โกหก โกหกตาวิเศษเห็นนะ!”
“ฮ่ะๆๆ พอเถอะครับอู๋ฟ่านอี้ฟ่าน กินข้าวกับป่ะป๊าดีกว่า วันนี้มีไข่ดาวไส้กรอกนะ”
“ไส้กรอกเหรอฮะ?!! (*0*) (*0*) ” พูดออกมาพร้อมๆกันทั้งสองคน เลย์ยิ้มแล้วส่ายหัว เด็กๆทุกคนก็ชอบอาหารขยะที่ไม่มีประโยชน์แต่รสชาติอร่อยเหมือนกันหมดสินะ? แต่ก็มีผู้ใหญ่แถวนี้ด้วยล่ะมั้งที่ตัวโตแล้วแต่ก็ยังคงชอบอาหารขยะ
“ใครอยากได้ไส้กรอกเยอะๆยกมือขึ้น?”
“ผมฮะ! // ผมฮะ!!” ยกมือขึ้นสองมือพร้อมกันทั้งสองคนอย่างน่าเอ็นดู คริสยิ้มอย่างพอใจแล้วให้แม่บ้านเอาชามที่มีแต่ไข่ดาวกับขนมปังวางตรงหน้าลูกชายทั้งสองคน
“ป่ะป๊ามาข้อแม้ ใครกินผักหนึ่งคำจะได้ไส้กรอกเพิ่มหนึ่งชิ้น อยากได้เยอะแค่ไหนกินผักเยอะแค่นั้นเข้าใจมั้ยครับลูก?”
“เข้าใจฮะ!” ตอบพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง เลย์พยักหน้าขณะป้อนข้าวบดให้ฟานชิง วิธีนี้เป็นเหตุเป็นผลดีล่อให้ลูกกินผักมากๆแลกกับไส้กรอกถือเป็นวิธีที่ฉลาด
คริสจัดการจิ้มไส้กรอกให้ลูกคนละชิ้น เด็กทั้งสองถูกสอนมาว่าถ้ากินเนื้อให้กินคู่กับอาหารที่รสชาติไม่ดีซึ่งก็คือผัก ดังนั้นเด็กๆถึงกินไส้กรอกคู่กับผักไปเมื่อกินผักเมื่อกินผักหนึ่งคำก็จะได้ไส้กรอกเพิ่ม เลย์มองลูกๆกินผักอย่างไม่โอดครวญสร้างความลำบากให้เขาแล้วก็เผลอมองชามสามี
แต่เดี๋ยวนะ...คริสกวาดไส้กรอกหลายๆอันลงชามตัวเองแต่ไม่กินผักอย่างนั้นเหรอ?
“คริส...เอาเปรียบลูกนะ” ร่างบางเอ็ดสามีเสียงเบา คริสหันมาทำปากชู่วใส่อีกคนไม่อยากให้ภรรยาขัดจังหวะการแข่งกันกินผักอย่างสนุกสนานของเด็กๆ
ฮึ่ม...คริสนะคริส เอาเปรียบเขายังไม่ว่า เอาเปรียบลูกนี่มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว!
ร่างบางที่กำลังฉุนเบาๆก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะกลัวว่าถ้าลูกรู้จะก่อกบฎจนสุดท้ายก็ไม่ยอมกินผัก เลวร้ายกว่านั้นก็คงจะไม่ยอมเชื่อฟังป่ะป๊าอีก เลย์ที่มีค่าปิดปากเป็นไส้กรอกและขนมปังจากสามีจึงจำต้องหันไปป้อนข้าวลูกคนเล็กต่อ
“แล้วไมป่ะป๊าไม่กินผักอ่ะ?”
“….” ทั้งป่ะป๊าและหม่ะม๊าต่างพากันชะงักงัน เมื่อแฝดน้องอี้ฟ่านชี้ตรงแด่วมาที่ชามของป่ะป๊า เลย์มองใบหน้าหล่อที่หยุดเคี้ยวแล้วก็อยากจะหัวเราะดังๆให้ ไงล่ะ? ไปไม่เป็น?
หาข้อแก้ตัวดีๆนะครับป่ะป๊า
“เอ่อ...”
“ไหนป่ะป๊าบอกว่าผักเป็นของดีแล้วทำไมป่ะป๊าไม่กิน?” ทำหน้ายู่อย่างน่ารักตามแบบเด็กๆที่ไม่พอใจ อู๋ฟ่านและอี้ฟ่านต่างเริ่มก่อกบฏกันคนละน้อย ทั้งๆที่ผู้ใหญ่สอนมาว่าผักเป็นของดีมีประโยชน์ แล้วทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่กินเสียล่ะ?
“เอ่อ...ป่ะป๊า...”
“ว่าไงฮะ?” เหมือนจำเลยที่ถูกสอบสวนโดยลูกตัวเล็กทั้งสอง เด็กๆวางส้อมพลาสติกไม่กงไม่กินมันแล้วอาหารเช้าแล้ว อยากฟังคำตอบจากป่ะป๊า
“เลย์...ช่วยหน่อยสิ” หันไปกระซิบกระซาบกับภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่รู้ไม่ชี้” ฉลาดเรื่องการปั่นนักนี่ ทั้งปั่นหุ้น ปั่นหัวลูก ปั่นหัวเมีย เรื่องแค่นี้ใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์คิดคำนวณออกมาได้ไม่ยากหรอก คนอย่างท่านคริสวูต้องหาทางออกได้อยู่แล้วคนอย่างอี้ชิงไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยหรอก
“ป่ะป๊า...โตแล้วไง! ป่ะป๊าโตแล้วจะไม่กินผักก็ได้!” เลย์อยากจะตบหัวตัวเองสักสิบที นี่เป็นเหตุผลที่สิ้นคิดมากกับการพูดว่าโตแล้วจะไม่กินผักก็ได้ โตแล้วจะทำอะไรก็ได้ เขาไม่เคยสอนลูกแบบนั้นเพราะความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ อีกอย่าง...เขาไม่อยากให้สองแฝดติดนิสัยการเลือกกินจากป่ะป๊าผู้คลั่งอาหารขยะ
“ไม่เชื่อ! หม่ะม๊าก็กินผัก! หม่ะม๊าบอกว่าผักมีประโยชน์ทุกคนต้องกินผัก!”
“ใช่ๆ หม่ะม๊าบอกว่าที่ป่ะป๊าไม่กินผักเพราะป่ะป๊าดื้อ!”
“เลย์ เอาฉันไปพูดแบบนั้นเหรอ?” คริสหันมาด้วยความไม่พอใจนักแต่เลย์ก็ยักไหล่ไม่ได้นึกสน อย่ามาลากเขาเข้ากลุ่มดราม่ากินผักหน่อยเลย สะสางเรื่องตัวเองให้หมดก่อนเถอะไอที่หลอกลวงให้ลูกบริโภคผักหน่ะ
“ป่ะป๊าบอกมาเลย! ว่าทำไมป่ะป๊าไม่กินผัก?!” อู๋ฟ่านผู้นำทัพเอ่ยออกมาอย่างห้าวหาญ
“ขอเหตุผลที่ฟังขึ้นนะฮะ!” ประโยคที่ต้องเลียนแบบบทละครในทีวีมาแน่ๆ อี้ชิงมั่นใจว่าเด็กอายุเท่าอี้ฟ่านไม่มีทางคิดประโยคนี้ขึ้นมาเองได้แต่ก็ดูตลกมากเมื่อเห็นแก้มย้อยๆและท่าทางจริงจังราวกับถกเถียงการร่างครม.ในสภาแบบนั้น
“เอ่อ...” ป่ะป๊ากลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ไม่รู้จะตอบลูกว่าอย่างไร ตอบไม่ดีลูกก็จะไม่เชื่อ แต่ถ้าตอบตามจริงว่าไม่ชอบกินผักและไม่กินมานานแล้วมันก็ไม่ได้เสียหาย รับรองว่าเลย์ถล่มเขาเละแน่ๆ
จะโดนเมียถล่มหรือโดนลูกรุมประณามดีล่ะ อันไหนเสียหายน้อยกว่ากัน?
“โอ้! ลูกรักของป่ะป๊าสายแล้ว ลืมไปว่ามีประชุมด่วน เดี๋ยวเย็นนี้จะกลับมาเล่นด้วยนะครับลูก!” รีบลุกพรวดออกจากที่นั่งจนเด็กแฝดแย้งลั่นว่าร่างสูงกำลังจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ยอมกินผัก!
“แหมคริส อย่าคิดว่าไม่รู้นะ ที่ทำแบบนี้หน่ะ” หันไปแขวะสามีที่แสร้งทำเป็นเร่งรีบเต็มกำลัง ดีนะที่สองแฝดลงจากเก้าอี้เองไม่ได้ นี่ถ้าลงกันเองได้คงวิ่งมาจับทึ้งฉุดกางเกงแสลกกันให้วุ่น
“ที่รักเค้าไม่ได้บ่ายเบี่ยงนะ เพิ่งนึกออกจริงๆ ฟานชิงลูกรัก ป๊าไปทำงานนะครับ” ก้มลงหอมแก้มอ่อนของเด็กน้อยที่ข้าวยังเลอะอยู่ตรงมุมปาก รักลูกคนเล็กก็ตรงที่ยังเด็กมาก พูดไม่ได้และไม่ช่างถามเหมือนแฝดพี่สองคนนี่แหละ!
“แง๊!”
“เอ๊า...ร้องทำไมอ่ะ?” ทำหน้าฉงนเมื่อฟานชิงแบะปากโวยเสียงแหลม
“คริส! หนวดไถโดนแก้มลูก” เลย์สะดุ้งตามเสียงเด็กวัยแปดเดือนกว่าที่เริ่มแบะปากสะอื้นไม่ชอบใจกับสัมผัสหยาบโลนระคายผิว เลย์รีบโอ๋ลูกด้วยเดี๋ยวจะหงุดหงิดจนพาลไม่กินข้าว ร่างสูงหน้าเหวอรีบเดินออกจากห้องอาหาร คว้ากระเป๋าแล้วพุ่งตรงออกจากบ้านไปที่ทำงานในทันที
.
.
.
สองเดือนต่อมา
"เด็กๆไปไหนกันครับ?" หลังจากที่เลย์ถอดเฝือกออกเป็นที่เรียบร้อยก็กลับมาประจำตำแหน่งทำหน้าที่ดูแลลูกลิงอย่างเป็นปกติ และในบ่ายจัดของวันหนึ่งที่อากาศร้อนชื้นคล้ายฝนจะตก หลังปลุกฟานชิงแล้วก็ออกมาตามสองแฝดไปกินอาหารว่าง แต่หาทั่วบ้านก็ไม่เจอ จึงออกปากถามแม่บ้านแทน
"เห็นออกไปวิ่งเล่นตรงสนามหลังบ้านค่ะคุณเลย์" แม่บ้านร่างท้วมใจดีตอบแล้วกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ ร่างบางพยักหน้า อุ้มฟานชิงไปทิ้งไว้ในเปล ก่อนเดินออกไปตามลูกทั้งสองที่ไปเล่นซน
"จับมันๆ! อู๋ฟ่านจับเร็ว!"
"พยายามอยู่!" วิ่งวนไปทั่วกระโดดจับแมลงปออย่างสนุกสนาน แต่เลย์เห็นแล้วแทบจะเป็นลมเมื่อเสื้อที่ใส่ลงมาวิ่งไล่แมลงปอวันนี้เป็นเสื้อผ้าที่คุณปู่คุณย่าซื้อให้ ราคาไม่ใช่ตลาดนัดซ้ำยังเลอะโคลนจนแทบจะทั้งตัว
"อู๋ฟ่าน! อี้ฟ่านเข้าบ้านเดี๋ยวนี้นะ!" ร่างบางตะโกนออกมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนักแต่ลูกก็ยังไม่ฟัง
"แปปนึงหม่ะม๊า เย้! จับได้แล้ว!!" อี้ฟ่านจับหางแมลงปอที่บิดตัวไปมาอย่างทรมาณให้อู๋ฟ่านดู
"ดีๆ รอแปปเดี๋ยวถอนหญ้าก่อน!" แฝดพี่เอ่ยอย่างตื่นเต้น เลย์ตรงเข้าไปห้ามในทันทีที่เห็นลูกเล่นทรมาณสัตว์ ไม่ต้องทายเลยว่ามาจากใคร! เอาหญ้าจิ้มตูดแมลงปอแล้วให้มันบินแบบนี้อ่ะมีอยู่คนเดียว!
"อย่าเล่นแบบนั้นครับลูกมันทรมาณสัตว์!" เลย์ดึงมือลูกไว้ไม่ให้ทำร้ายมันแต่เด็กสะบัดมือหนี แดดร้อนๆแยงตาคู่สวยของคุณแม่จนเบลอแทบมองอะไรไม่เห็น ลูกเอาหญ้าจิ้มแมลงปอตัวแรกไปแล้วก็หันไปจับตัวอื่นต่อ เลย์รู้สึกว่าแดดวันนี้ร้อนมากบวกกับอากาศที่ชื้นเกินบรรยาย กระนั้นมันจึงทำให้เขาเหงื่อแตกอย่างมากมาย
"อู๋ฟ่าน อี้ฟ่าน เข้าบ้าน..." ขนาดเลย์ยังไม่ไหวเลย ลูกไม่ยิ่งกว่าเขาหรือ? แต่ทำไมเด็กๆถึงได้ยังดูสนุกนัก? ร่างบางหอบเดินไปจับมือลูกแต่กลับถูกสะบัดออกได้ง่ายๆ วิ่งกระโดดจับแมลงปอไม่สนใจหม่ะม๊าเลย
"อึก...." ยกมือขึ้นกุมหัวเมื่อภาพลูกกลายเป็นสีขาวดำ เรียวขาอ่อนแรงล้มพับลงตรงสนามหญ้าที่บินเหนือฟ้าไปด้วยเหล่าแมลงปอปีกหนักมากมาย ทั้งที่แสงแดดยังคงเจิดจ้าทว่าตากลับหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น
"หม่ะม๊า!!" เป็นเสียงแหลมสูงของเด็กสองคนเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน
.
.
.
เหมือนจับลูกหมาสองตัวที่ไม่เคยเห็นโลกมากระวนกระวายซุกซนอยู่ไม่นิ่งที่เบาะหลัง คริสอยู่แทบไม่ติดเมื่อแม่บ้านโทรมาบอกว่าเลย์เป็นลมเข้าโรงพยาบาลเขาก็รีบออกจากบริษัททันที ในสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงลูกที่จำได้ว่าเป็นเสียงเด็กแสบสองคนของบ้านร้องไห้จ้าเขาก็ยิ่งใจไม่ดี อู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านบอกว่าอยากไปเยี่ยมแม่ด้วยเหมือนกัน เห็นแม่ล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นคงจะตกใจไม่น้อย
ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าดื้อกับหม่ะม๊า
ถ้าเลย์เป็นอะไรไปนะ...
ฮึ่ม...มันน่าตีให้ก้นลายนักลูกสองคนนี้!
“ฮึก...ป่ะป๊าจะถึงโรงพยาบาลแล้วยังฮะ?”
“ป่ะป๊าๆ อึก.. หม่ะม๊าต้องเข้าห้องผ่าตัดรึเปล่า?” ถามด้วยเสียงสั่นเครือจากการเพิ่งหยุดร้องไห้แต่ก็ยังไม่ละความซนออกไป ทั้งปีนกระจกซ้ายขวาสลับกันไปมาสองคน อยู่ไม่เคยนิ่งได้เลยสักนาทีแถมยังถามคำถามกวนใจอีก คริสไม่อยากจะระเบิดลงใส่ลูกรู้ว่าพวกแกยังเด็กแต่อารมณ์ของร่างสูงตอนนี้มันก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นห่วงร่างบาง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“เงียบ...แล้วอยู่ให้นิ่งสักสองนาทีก่อนที่ปะป๊าจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” เสียงเย็นยะเยือกของบุคคลที่น่าเกรงขามที่สุดในบ้านทำให้สองแฝดกลั้นสะอื้นในทันที ป่ะป๊าแทบจะไม่ดุเลย น้อยครั้งมากที่จะทำแบบนั้นแต่พอได้ดุสักทีทั้งบ้านก็จะเงียบ มันเป็นเหมือนอำนาจอย่างหนึ่งของผู้นำครอบครัว
รถหรูเลี้ยวเข้าไปยังโรงพยาบาลเอกชนหรูหราขนาดใหญ่ที่ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างดีระดับเวิลด์คลาส เลย์ฝากครรภ์และคลอดลูกทั้งสามคนที่นี่พอเวลาป่วยถึงได้มีเบอร์ของโรงพยาบาลนี้ติดไว้กับบ้าน คริสจอดรถแล้วเดินไปเปิดประตูที่นั่งข้างหลังให้ลูก อู๋ฟ่านกระโดดลงมาก่อนแต่ไม่ทันที่น้องจะออกมาจากรถแฝดพี่ก็วิ่งจะไปข้ามถนนเสียแล้ว
“อู๋ฟ่านถ้าข้ามถนนป่ะป๊าจะตีจริงๆด้วย!” ตะโกนเสียงดังน่ากลัวจนลูกสะดุ้งโหยง คริส มองด้วยแววตาโกรธ อู๋ฟ่านเดินกลับเข้ามาหาป่ะป๊า ร่างสูงคว้าของมือนิ่มๆนั้นไว้ไม่ให้วิ่งหนีอีก ถ้าวิ่งออกไปแล้วรถชนจะทำยังไง ตัวก็เล็กคนเขาจะไปมองเห็นที่ไหน
แต่ใจของเด็กน้อยนั้นรีบเพราะห่วงหม่ะม๊า เสียใจที่เห็นร่างขาวจัดล้มลงไปกลางสนามหญ้าแบบนั้น กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย
ทั้งสามคนเดินมาตามทางที่พยาบาลบอก เลย์นอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยชั่วคราวเพราะแค่เป็นลมไปเท่านั้นไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นแต่ก็ยังต้องรอให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด ร่างบางนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยความอ่อนล้า อี้ฟ่านวิ่งเข้าไปหาแม่ก่อนใครเพื่อน เกาะขอบเตียงที่แทบจะสูงกว่าตัวของเขา อยากจะปีนขึ้นไปหาแต่ก็ทำไม่ได้
“หม่ะม๊า...” เสียงเล็กของเด็กเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจอย่างที่เคยทำแต่หม่ะม๊าก็ยังไม่ตื่น คริสเดินไปยังอีกฝั่ง มองสีหน้าภรรยาที่ยังคงซีดอยู่เล็กน้อยแต่ก็อุ่นใจว่าถึงมือหมอแล้ว มือหนากุมมือบางนั่นไว้เบาๆ เวลาผ่านไปสักพัก เขาเองก็ไม่อยากจะรบกวนเลย์พักผ่อนถึงได้ถอยมานั่งตรงโซฟา
“อู๋ฟ่าน อี้ฟ่าน มาหาป่ะป๊า” เสียงนิ่งๆนั้นทำให้เด็กน้อยสองคนหน้ายู่ล่าถอยออกมาจากเตียงผู้ป่วยแล้วยืนตรงหน้าร่างสูงที่ดุขึ้นมาถนัดตา
“สัญญากับป่ะป๊าแล้วไม่ใช่รึไงว่าจะไม่ดื้อกันหม่ะม๊า?”
“…..” ทั้งสองก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น ตัวสั่นน้อยๆด้วยความกลัว กัดริมฝีปากล่างเบาๆกลัวการถูกป่ะป๊าดุมากที่สุด
“ออกไปทำอะไรกันเมื่อตอนบ่าย?”
“ไปจับแมลงปอฮะ...” อี้ฟ่านเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา คริสรู้มาบ้างว่าเด็กๆออกไปเล่นแล้วเลย์ออกไปตาม แดดมันคงร้อนมากทำให้ร่างบางเป็นลมล้มพับไปแต่ที่คริสโกรธคือทำไมหม่ะม๊ามาตามให้เข้าบ้านแล้วลูกๆถึงยังเล่นไม่สนใจแม่?!
“แล้วทำไมตอนหม่ะม๊าไปตามไม่ยอมเข้าบ้าน?!” คริสเริ่มขึ้นเสียงใส่ลูก เขาเตือนตลอดว่าห้ามดื้อเพราะลำพังเลย์เลี้ยงฟานชิงวัยไม่ถึงขวบมันก็เหนื่อยมากพออยู่แล้วยังต้องมาปวดหัวกับเด็กวัยซนอีกสองคน เหนื่อยมากถึงได้เป็นลมไปแบบนี้!
“กะก็อู๋ฟ่านบอกให้จับแมลงปอมาอีก” อี้ฟ่านเริ่มโบ้ยความผิดใส่พี่เมื่อเห็นว่าร่างสูงโกรธมากขึ้นแล้ว
“มะไม่ใช่นะป่ะป๊า น้องอู๋ก็กำลังจะเข้าบ้านแต่อี้ฟ่านยังไล่จับแมลงปออยู่นั่นแหละ”
“เอ้า...ไหนอู๋ฟ่านบอกให้เราจับมาอีก เราไม่เห็นตัวจะเข้าบ้านสักหน่อยนึง!”
“อะไรเล่า ตัวแหละเข้าใจผิดเรากำลังจะเข้าบ้าน!”
“อู๋ฟ่านโกหกอีกแล้ว!”
“เราไม่ได้โกหก!”
“เงียบเดี๋ยวนี้นะทั้งสองคน!!”
“อึก...” เสียงเถียงกันจอแจเงียบลงในทันที คริสหลังจากขึ้นเสียงก็เอนตัวพิงพนักโซฟานวดขมับเขาๆ กวาดสายตาดูหน้าลูกที่จวนจะร้องไห้อีกครั้งอยู่รอมร่อแล้วก็ต้องเอ่ยต่อ
“กลับไปบ้านป่ะป๊าจะตีให้เจ็บๆเลยทั้งสองคน จะจับตีก้นคนละสามที”
“สามที!” ตะโกนพร้อมเพรียงกันทั้งสองคนพร้อมกับใบหน้าที่มีแก้มย้อยๆนั้น เหวอกันไปทั้งสองคน
“ไม่มีการต่อรอง สามที ความผิดที่ดื้อกับหม่ะม๊า”
“แต่ อึก..ป่ะป๊า มันเจ็บมากเลยนะ”
“ป่ะป๊าอย่าตีเลยนะฮะน้องอู๋กับน้องอี้จะไม่ทำอีกแล้ว”
“ความผิดขนาดนี้ปะป๊าไม่ตีไม่ได้ เราจะได้จำว่าป่ะป๊าสั่งว่าห้ามดื้อก็คือห้ามดื้อ!” พอรู้ว่าจะถูกตีเข้าจริงๆน้ำตาแห่งความกลัวก็เริ่มกลั่นตัวหยดแหมะๆ เสียงร้องไห้ดังขึ้นเบาๆคลอกับเสียงของคริสที่ยังเทศน์ลูกไม่หยุด เลย์ตื่นจากห้วงนิทรา ขมวดคิ้วด้วยยังมึนงงและสับสนที่ตัวเองมาอยู่ที่ไหน แล้วลูกๆร้องไห้ทำไม
“คริส?” ตอนแรกก็นึกว่าอยู่ที่บ้านแต่นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยทำไมร่างสูงถึงอยู่ที่นี่?
“เลย์ ฟื้นแล้วเหรอเป็นไงบ้าง?” สามีก้าวไวๆมาหาตัวเขา เลย์ยิ้มให้เบาๆแล้วหันไปมองลูกที่วิ่งมาเกาะข้างเตียง
“อึก...หม่ะม๊า // หม่ะม๊าฮะ”
“ลูกร้องไห้กันทำไมคริส?” เห็นเด็กๆร้องไห้อี้ชิงเองก็ใจไม่ดี คริสรู้ว่าเดี๋ยวถ้าเลย์รู้ว่าคริสจะตีลูกก็ต้องห้ามอีกถึงได้หน้าตึงขึ้นมา ถึงกระนั้นก็ยอมบอกเพราะตั้งใจแล้วว่าจะต้องลงโทษทั้งสองคนให้เข็ดหลาบ
“ฉันจะตีพวกแกสามทีฐานดื้อกับหม่ะม๊า”
“ห๊ะ...ตีลูกทำไม ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด” เด็กๆร้องไห้ระงมแบบนั้นเลย์ก็ยิ่งไม่เห็นด้วย มือบางลูบหัวปลอบทั้งสองคนอย่างเบามือ คริสถอนหายใจหนัก
“ดื้อถึงขนาดเลย์เข้าโรงพยาบาลอย่างนี้แล้วยังจะไม่ให้ฉันตีอีกหรอ?! ทั้งๆที่สั่งไว้แล้วว่าอย่าดื้อกับหม่ะม๊า!” กลายเป็นร่างบางก็โดนหางเลขคนอารมณ์คุกรุ่นไปด้วย แต่เห็นหยาดน้ำใสหยดแหม่ะๆพร้อมเสียงร้องไห้เบาๆนั้นมันก็อดสงสารไม่ได้ เขาไม่อยากให้คริสตีลูกแต่การตีมันก็คงจะทำให้เด็กๆลดความซนลงบ้าง
“ขออนุญาตนะคะ” เสียงเคาะประตูของพยาบาลสาวพร้อมหมอเดินเข้ามาทำให้ทั้งสี่คนหันไปมองคุณหมอท่าทางใจดีที่ถือแฟ้มเอกสารมาด้วยในมือ ผู้ชายวัยกลางคนท่าทางสะอาดสะอ้านยิ้มให้ทุกคนที่เอ่ยทักทายเขาก่อนตามมรรยาท
“ผลการตรวจปัสสาวะนะครับ”
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ?” คริสดูจะกังวลมากแม้ว่าคุณหมอจะยิ้มให้สบายใจแบบนั้น
“ไม่มีอะไรน่าห่วงเลยครับ น่ายินดีด้วยซ้ำที่คุณเลย์ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”
“จริงหรือครับ?!” คริสเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อหูเช่นเดียวกันกับเลย์ที่ยกมือปิดปากอิ่มไว้เบาๆ ร่างสูงยิ้มกว้างมองภรรยาที่หน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ หัวใจของแม่พองโตขึ้นไม่ต่างอะไรจากการรู้ตัวว่าท้องครั้งแรกหรือครั้งที่สอง เลย์ยิ้มกว้างจับมือหนาของสามี ร่างสูงโน้มตัวลงมาหอมแก้มของเขาแผ่วเบาราวกับว่าลืมความโกรธเมื่อครู่ไปจนสิ้น
“หม่ะม๊า...คุณหมอพูดว่าอะไรหรอฮะ?” อี้ฟ่านถาม
“น้องอู๋กับน้องอี้กำลังจะมีน้องไงครับ” เด็กแฝดทั้งสองคนขมวดคิ้ว
“ก็มีฟานชิงอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” อู๋ฟ่านเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เป็นน้องของฟานชิงด้วยไงครับ ที่อยู่ในท้องของหม่ะม๊าเป็นน้องคนสุดท้อง” ยกมือขึ้นทัดปอยผมให้ลูก
“มีน้องเพิ่มจากฟ่านชิงหรอ?” หม่ะม๊าคนสวยพยักหน้า เด็กน้อยทำตาโตด้วยความใคร่รู้ แม้แต่ป่ะป๊าที่โกรธๆอยู่ยังยิ้มแก้มปริขนาดนั้นแสดงว่าน้องต้องดีมากแน่ๆ
“ฝากครรภ์แล้วหมอขอนัดอีกครั้งในเดือนหน้านะครับแล้วก็รับยาบำรุงไปทานด้วย เด็กๆก็อย่าดื้อกับหม่ะม๊านะ” นายแพทย์ลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” ร่างสูงโค้งให้อย่างนอบน้อม
“ขอบคุณง๊าบ” อู๋ฟ่านและอี้ฟ่านก็หันไปโค้งให้อย่างทะเล้นตามภาษาเด็ก ร่างบางหัวเราะ แค่เพียงคริสอารมณ์ดีขึ้นลูกก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นมากจริงๆ
“ป่ะป๊าจะไม่ตีเราแล้วใช่ป่ะ?” อู๋ฟ่านหันไปกระซิบกับน้อง
“ไม่รู้สิแต่รมณ์ดีขึ้นแล้วคงไม่โกรธแล้วอ่ะ”
“ฮึ...” เสียงต่ำของคริสหัวเราะออกมาเบาๆ กับประโยคเหล่านั้น
คิดว่าป่ะป๊าจะลืมความผิดตัวเองเพียงแค่อารมณ์ดีขึ้นอย่างงั้นเหรอ?
.
.
.
“ฮือ!! หม่ะม๊า!” เลย์รีบอ้าแขนรับอู๋ฟ่านที่วิ่งเข้ามาหาพร้อมน้ำตานองหน้าด้วยใจหาย ลูกชายคนโตเสียขวัญอย่างหนักท่อนล่างก็ล่อนจ้อนเพราะถูกจับตี พอเจ็บก็ไม่ได้สนใจที่จะใส่กางเกงอะไรนั่น พอเข้าสู่อ้อมกอดแม่ก็กอดแน่นร้องไห้ เลย์เห็นก้นลูกแดงเป็นแถบ และเสียงที่ลอยมาไม่ไกลนักก็เป็นเสียงสามีที่กำลังตีลูกคนที่สอง
“อี้ฟ่านมาหาป่ะป๊า!”
“ฮึก...ไม่เอา”
ยื้อแย่งกันอยู่ไม่นานเลย์ก็ได้ยินเสียงฟาดก้นอีกดังเพี๊ยะใหญ่ๆสามครั้ง อย่าว่าแต่ลูกที่กอดอยู่เลยเลย์เองก็ยังสะดุ้ง คริสตีลูกไม่ยั้งแรงเลยหรือไง?
“ฮือ ฮึก..หม่ะม๊า อึก” พอถูกปล่อยตัวก็วิ่งมาหาแม่อีกคน ร่างบางนั่งอยู่บนโซฟาคนที่กอดเอวข้างหนึ่งเป็นแฝดพี่ อีกข้างเป็นแฝดน้อง ล่อนจ้อนเหมือนกัน ก้นลายเหมือนกัน มองไปก็ขำน่าถ่ายรูปไว้ประจานตอนโตจริงๆเลย..คิก
คริสเดินออกมาจากหลังประตูของอีกห้อง เสยผมแล้วถอนใจ เหงื่อแทบตกกับการจับเด็กแฝดมาตี เพียงแค่พ่อเห็นเท่านั้นล่ะก็ผวากอดแม่แน่นกว่าเดิม คริสปรายตามองน้อยๆแล้วเดินไปอุ้มฟ่านชิง ลูกคนเล็กสุดในขณะนี้กำลังดูดจุกนมไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเท่าไหร่
“ป่ะป๊าจะหักคอฟ่านชิงรึเปล่าฮะ?” เห็นร่างสูงอุ้มเด็กตัวเล็กๆแล้วเด็กแฝดก็ขวัญผวา พูดเสียงสั่นพร้อมช้อนตามองหม่ะม๊าเป็นเชิงคำถาม เลย์หัวเราะเบาที่ร่างสูงกลายเป็นคนโหดร้ายในสายตาเด็กๆไปเสียแล้ว
“ฮึ ป่ะป๊ารักฟ่านชิงดีกว่า ใครเป็นเด็กดื้อป่ะป๊าก็จะไม่รัก” ว่าแล้วก็กดจูบลงตรงแก้มนุ่มของลูก เด็กอ้วนๆทำให้คริสหายอารมณ์เสียหลังจากที่เมื่อกี้ต้องฟังอู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านเถียงกันว่าใครจะถูกตีก้นก่อน ปกติก็แข่งกันเป็นพี่อยู่หรอกแต่พอเรื่องถูกลงโทษนี่ก็ผลักหน้าที่กันในทันที
“โอ๋...แก้มย้อยของป่ะป๊า หนูกำลังจะมีน้องอีกคนแล้วรู้รึเปล่าครับ?” ร่างสูงพูดกับฟ่านชิงแล้วหอมแก้มอีกทั้งสองข้าง อากาศคืนนี้ค่อนข้างหนาวเลย์จึงไล่ลูกๆไปใส่กางเกงเตรียมเข้านอนก่อนที่จะเป็นไข้และมันก็คงถึงเวลาที่เด็กๆจะได้เข้านอนกันเสียที
“หม่ะม๊า...” ร่างบางยิ้มให้เด็กน้อยที่อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วแต่ตรงหางตายังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา สูดน้ำมูกเบาๆ
“ครับอี้ฟ่าน?”
“กอดหน่อยนะฮะ” พูดพร้อมๆกับผายมือออก คุณแม่กอดลูกเอาไว้แล้วหอมแก้มป่องๆนั้นด้วยความรัก อี้ฟ่านคงกลัวจะนอนฝันร้าย ยังคงผวากับการถูกป่ะป๊าตีไม่หาย
“อืม..คนดีของหม่ะม๊า ถ้ากลัวป่ะป๊าจะตีก็ต้องเชื่อฟังป่ะป๊ารู้มั้ยครับ?”
“อึก...เจ็บ เจ็บมาๆเลยฮะ” ลูกอีกคนพูดเลย์จึงผละไปกอดอู๋ฟ่านอีกคน เลย์กอดและหอมแก้มลูกเหมือนๆกันทั้งสอง เด็กน้อยที่ชอบอ้อนแม่กอดราวกับว่าเลย์จะหายไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายแล้วนะ เด็กดี” ล้มตัวลงนอนตรงกลางระหว่างลูกทั้งสอง ร้องเพลงเบาๆกล่อมขวัญทั้งคู่จนหลับไปเพียงเท่านั้นแล้วก็หรี่ไฟต่ำสุดให้ลูกพักผ่อนตามสบาย
ขาเรียวก้าวผ่านประตูเชื่อมสูงห้องใหญ่ คริสนอนดูข่าวรอบดึกแต่สายตานั่นก็ดูจะค่อนไปทางหน่ายๆมากกว่า เลย์เดินไปหยิบครีมทาหน้าท้องแล้วเดินกลับมาที่เตียงนอน
“ยังโกรธลูกอยู่เหรอ?”
“….” คริสไม่ตอบ เท่าแต่ถอนหายใจเบาๆแล้วกดปิดทีวีเพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไป ร่างบางวางขวดโลชั่นที่ถือติดมือมาไว้ตรงหัวเตียงแล้วเลื่อนกายเกยทับตัวสามีที่นอนพิงหัวเตียงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว จากที่คิดว่าตีลูกแล้วอารมณ์จะดีขึ้นแต่เปล่าเลย เขากลับรู้สึกแย่แย่อยู่แบบนั้นไม่เปลี่ยน
“คริส...ลูกยังเด็กน่า หายโกรธพวกแกเถอะ พวกแกก็ไม่ได้ตั้งใจ” มือบางลูบปัดไปมาเบาๆตรงเหนือหน้าอกหนาอยากให้ผ่อนคลายลงกว่านี้ เรื่องครอบครัวไม่ควรจะมาอยู่ในใจให้คนที่มีภาระงานมากๆอยู่แล้วคิดมากแต่ร่างสูงก็ยังคงถอนหายใจออกมาหนักๆอีกครั้ง
“มัน...ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ความรู้สึกแย่ที่เป็นมาก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่เพราะลูกแต่เป็นเพราะตัวเอง เขารู้สึกผิดที่ทำให้ภรรยากับลูกอีกคนเกือบเป็นอันตรายโดยที่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ทำเพียงแค่ไปหาตอนที่เลย์ปลอดภัยแล้วเท่านั้น
“แล้วมันแบบไหน?” คริสสูดหายใจเข้าลึกเมื่อความรู้สึกที่แบบว่าตัวเองผิดอยู่ตอนนี้มันท่วมอยู่เต็มอกแต่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้หมดในเวลาแต่ช่วงเดียว ได้กลิ่นหอมอ่อนของร่างเล็กที่เขาชอบ แขนหนาตวัดโอบรอบคอระหงที่นอนคว่ำทับตัวเขาอยู่ด้วยแขนเดียว กดจมูกลงซับความหอมจากกลุ่มผมนุ่มลึกๆอีกครั้ง
และน่าแปลกที่เขาสบายใจขึ้น
“ฉันขอโทษ” ร่างบางยิ่งงงหนัก
“หืม? เรื่องอะไร?” เลย์ช้อนตามอง
“เรื่องวันนี้...ฉันน่าจะได้อยู่ช่วยเธอไม่ใช่ทำได้แค่ไปหาที่โรงพยาบาลแบบนั้น” เลย์นี่อึ้งไปเลยกับประโยคที่สามีเอ่ยออกมา ออกจากเหวอเสียด้วยซ้ำเหมือนนั่งเรียนแกทเชื่อมโยงก็มิปาน มันเกี่ยวอะไรกันเนี่ย ความผิดลูกว่าไม่ใช่แล้ว ความผิดคริสยิ่งไม่ใช่ใหญ่!
“ฮ่ะๆ คริส นี่คิดมากไปแล้วนะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วและอีกอย่าง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรื่องวันนี้จะเกิดขึ้น” นิ้วเรียวเกลื่ยผมหนาที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากของสามีออก มือบางประคองใบหน้าหล่อนั่นเอาไว้ให้มองตากันตอนที่กำลังพูด
“….”
“อีกอย่างนะ ถ้าคริสอยู่เราก็จะแค่ปฐมพยาบาลอยู่บ้านใช่มั้ยล่ะ แต่นี่ได้ไปโรงพยาบาลถึงได้รู้ไงว่ากำลังจะมีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม ไม่ดีหรอ?”
“อืม...นั่นสินะ” พูดถึงขนาดนี้ถึงได้ยิ้มออก มือหนาวางลงเบาๆตรงหน้าท้องของภรรยา เลย์ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ชอบบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวแบบนี้ มีป่ะป๊า หม่ะม๊าและก็ลูกๆ
“แล้ว...ไม่รู้สึกแพ้บ้างเลยเหรอ? ไม่เอ่ะใจบ้างเลยหรอว่าท้อง?” เขาจำได้ว่าตอนท้องแรกของเด็กแฝด เลย์แพ้อย่างแรงเดือนแรกๆนี่แทบจะกินอะไรไม่ได้ แถมลูกยังดิ้นเก่งเสียจนเวลาเอาหน้าแนบท้องนี่นึกว่าเล่นซูโม่กันอยู่ข้างในรึเปล่า เรียกได้ว่าอู๋ฟ่านกับอี้ฟ่านนี่ทะเลาะกันตั้งแต่อยู่ในท้อง ส่วนท้องสองของฟ่านชิงนี่ชอบกินของแพง หูฉลาม กุ้งลอปส์เตอร์ หอยเป๋าฮื้อ ตับห่านนี่กินมาหมดและต้องไปกินตรงที่ขึ้นชื่อ เหมือนตับห่านก็ต้องนำเข้าจากฝรั่งเศส หอยกับกุ้งก็ต้องบินไปกินที่ฮ่องกงถ้ากระเป๋าไม่หนักจริงตอนนี้คงล้มละลายไปแล้ว
“ไม่อ่ะ ช่วงนี้ยุ่งๆมั้งเลยไม่ได้สังเกต อ้วกก็ไม่อ้วก กินอาหารได้ปกติมากๆ”
“เหรอ? เรียบร้อยแบบนี้เป็นลูกสาวรึเปล่านะ?” คริสจ้องมองไปที่ท้องราวกับเห็นหน้ากันและกัน รอยยิ้มอ่อนๆของสามีทำให้หัวใจของเลย์เต้นโครมคราม มือหนาที่ลูบเบาๆนั้นก็ทำให้หน้าท้องอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“คริสอยากได้ลูกสาวเหรอ?”
“อืม...ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่ามีลูกเป็นเพื่อนแก้เหงา ลูกที่เป็นจอมซนและลูกที่ดูแลเธอแทนฉันได้ฉันมีแล้ว ขาดแต่ลูกที่ขี้อ้อน ลูกที่จะเป็นเพื่อนเธอทำอาหาร ลูกที่จะเป็นเพื่อนเธอซื้อของ ลูกที่จะให้ฉันได้วางกล้าม วางอำนาจขวางผู้ชายที่จะมาจีบ ฉันอยากจะมีลูกแบบนั้นสักคน” เลย์ยกมือปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ คริสพูดอย่างกับคนเพ้อฝันแบบนั้นแหละแต่เกือบทุกข้อมันก็แทบจะหมายถึงเลย์ทั้งหมดนั่นเลยแต่พีคสุดนี่คงอยากกันผู้ชายออกจากลูกสาว อยากเป็นไม้กันหมาให้ลูกอย่างนั้นเหรอ?
น่ารักจัง ไม่รู้สามีใคร
“นี่...ไม่ตลกนะ” ร่างสูงมองร่างบางอย่างดุๆ อะไรกัน พูดความต้องการของตัวเองออกมาตรงๆมันน่าตลกตรงไหน?
“ครับๆ คุณพ่อ ไม่ตลกก็ไม่ตลก” เลย์ยิ้มกว้างผละออกจากสามีเล็กน้อยไปคว้าเอาขวดโลชั่นทาหน้าท้องมายื่นให้สามี
“อะไร?” คริสมองอย่างไม่เข้าใจ เหมือนจะขวดโลชั่นอะไรสักอย่าง แล้วเอาให้เขาทำไม?
“อยากได้ลูกสาวก็ฝึกไว้ เด็กผู้หญิงหน่ะต้องทำอะไรกันแบบนี้แหละ รักสวยรักงาม เอ้า...ทาให้หน่อยสิครับป่ะป๊า” ว่าแล้วก็กระเถิบตัวนั่งซ้อนด้านหน้าของร่างสูงเปิดหน้าท้องที่ยังคงแบนราบเหมือนเดิมให้กับอีกฝ่าย คริสลอบกลืนน้ำลายเบาๆแม้ว่าจะเห็นบ่อยแต่ก็ไม่เคยชินเลยสักครั้ง เทโลชั่นลงบนฝ่ามือหยาบกร้านแล้วลูบไล้หน้าท้องเนียนของคนที่นั่งพิงตัวของเขาอยู่เบาๆ ช่วงนี้หนาวถ้าไม่ทา พอเวลาท้องมันขยายผิวจะแตกและแสบมาก ที่สำคัญคือท้องจะลายไม่สวย
“กับลูกคนอื่นไม่ต้องทาท้องหรอ?”
“บ้าสิ ทาทุกคน ไม่ทาแล้วท้องจะเรียบแบบนี้มั้ยล่ะ”
“ใครจะไปรู้แต่ครีมหอมดีนะ” ร่างสูงกดจูบลงตรงข้างแก้มอย่างหลงใหล เลย์บิดตัวหนีน้อยๆ
“ทาที่ท้องไหงมาหอมที่แก้ม?!”
“แล้วอยากให้หอมที่ท้องมั้ยล่ะ กลัวแต่จะหยุดไม่ได้นะ” ว่าพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ต้องเลยๆ ให้ช่วยทาโลชั่นเฉยๆไม่ต้องมาทำเกินหน้าที่” ยิ่งเห็นแก้มนั้นแดงเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง
“เกินหน้าที่ที่ไหน นั่นหน่ะเป็นหน้าที่หลักของสถาบันครอบครัวเลยนะ” นิ้วชี้และกลางเดินไต่ขึ้นมาตามแขนจนถึงหัวไหล่ จั๊กจี้จนต้องย่นคอหนี
“ครับๆคุณสามี ตอนนี้หน้าที่สมบูรณ์แล้วครับ” พลิกตัวกลับมามองหน้าร่างสูง ยิ้มล้อเลียนตบลงบนหน้าท้องเบาๆยืนยันว่าตอนนี้ก็มีสมาชิกใหม่แล้ว ฉวยขวดโลชั่นมาแล้วตั้งใจจะเดินเอาขวดไปเก็บแต่แขนแกร่งตวัดโอบรอบเอวเล็กนั่นไว้ รั้งลงให้นั่งทับตักตนอีกครั้ง
“ยัง ยังไม่สมบูรณ์” แขนหนานี่รัดแรงเสียยิ่งกว่าปลาหมึก ไม่ว่าจะรั้งตัวออกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“อะไร?! ยังมีหน้าที่อะไรอีกครอบครัวเนี่ย?!” เลย์ยื้อตัวหนีอย่างเขินอาย หน้าที่เยอะแยะเสียจริงสถาบันเนี่ย!
“หน้าที่ฟัดเมียน่ารัก” จมูกโด่งกดจูบลงบนพวงแก้มนุ่มเสียงดังฟอดใหญ่แล้วก็งับคอระหงนั้นเบาๆจนร่างบางดิ้นพล่านด้วยความจั๊กจี้ ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยให้หลุดไปได้เลย
“โอ๊ยย ไม่มี! ไม่มีหน้าที่นั้น ใครเป็นคนตั้งกฎเนี่ย?!”เสียงต่ำหัวเราะหึเบาๆแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจอันมากเหลือ รั้งร่างบางให้นอนราบลงกับเตียงโดยที่ไม่หยุดการคุมคามใดๆทั้งนั้น
“จะใครเสียอีก หืม?”
เลย์ลืมไป ว่าคนกามๆมันก็มีอยู่แค่คนเดียวนี่แหละ!
ความคิดเห็น