คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : =Beloved baby= Yixing = "Three days in Florida with Yixing"
= Special =
--Three
days in Florida with Yixing--
สองแขนเล็กกลมเป็นป้อมกอดรอบคอขาวระหงที่มีกลิ่นหอมอุ่น
แม้ว่าจะดมสักกี่ครั้งก็รู้สึกว่ากลิ่นนี้หอมกว่ากลิ่นไหนๆ
ซุกหน้าลงกับไหล่ลาดน้ำตากำลังจะไหลออกจากหน่วยดวงตาคู่สวยที่ทั้งกลม ทั้งโต
จมูกเล็กๆแดงไปหมด
ริมฝีปากเป็นกระจับก็เม้มจนเป็นเส้นตรงขณะที่ร่างบางโอบกอดอี้ชิงเอาไว้
เดินมาส่งถึงเกท
“หม่ะม๊า...ไม่..ไม่ไป ไม่ได้หรอ?” อี้ชิงถาม น้ำตากำลังจะไหลออกมา
“คิกคิก ใครไป? หนูสิไปไม่ใช่หม่ะม๊าสักหน่อย”
เลย์หัวเราะขำ เพิ่งพูดได้ก็แบบนี้แหละนะ ประโยคถึงได้ฟังดูแปลกๆ
“ต้องพูดว่า หม่ะม๊าไม่ไปด้วยกันจริงๆหรอคะ?”
คริสแก้ให้แต่กลับถูกเลย์ค้อน สอนลูกพูดคะขาอีกแล้ว
“บอกกี่ทีแล้วคริส ว่าลูกเป็นผู้ชาย” สามีปิดปากเงียบแต่ก็อมยิ้มอย่างไม่ระคาย ร่างสูงจูงฟ่านชิงอยู่
เด็กตัวอ้วนมองไปรอบๆอย่างสงสัย พูดกับเขาว่าเครื่องบินๆตื่นเต้นใหญ่
อนาคตคริสคงได้พาลูกๆไปเที่ยวต่างประเทศกันแบบพร้อมหน้าสักครั้ง
“ไปเที่ยวกับป่ะป๊ามั้ยครับ ฟ่านชิง?” นั่งคุกเข่าให้หน้าเสมอกัน เลย์พับผ้าพันคอเป็นสามเหลี่ยมผูกมาให้ลูกด้วย
ดูไม่ต่างจากลูกเสือสามัญเพียงแต่ผ้าพันคอเป็นเหลืองที่ตัดกับเสื้อเป็ดการ์ตูนเน็ตเวิร์คสีฟ้าอมเขียว...
“ไปฮะ!” ชูมือขึ้นฟ้าทำหน้ามุ่งมั่นน่าเอ็นดู
แต่คงจะไม่ทันแล้วเพราะเลย์จองตัวลูกไว้ มีแพลนตรุษจีนที่ฉางซาปีนี้ต้องกลับไป
ส่วนคริสมีธุระด่วนที่ฟรอริด้า ไปหาเพื่อนด้วย พาอี้ชิงไปเที่ยวดิสนี่ย์แลนด์ด้วย
“งั้นคราวหน้าป่ะป๊าจะพาไป
ฟิตหุ่นรอไว้เลยนะตัวอ้วน” เกาพุงลูก
ฟ่านชิงบิดตัวจั๊กจี้แล้วล้มใส่ป่ะป๊า หัวเราะลั่นคริสก็ยิ่งแกล้ง จี้เอว
หอมแก้มไปด้วย
สามวันเอง
แต่พออยู่หน้าเกทแล้วรู้สึกไม่อยากไปไหนเลย
“หม่ะม๊า ไม่อยากไปแล้วฮะ” อี้ชิงงอแง เลย์วางลูกลง จัดเสื้อกันหนาวที่เป็นไหมพรมให้
“ไปหาคุณมิกกี้คุณมินนี่ของหนูไง
ไม่น่ากลัวหรอก ป่ะป๊าก็ไปด้วย” ยิ้มหวานให้เด็กตัวเล็กที่กำลังจะแบะปากร้องไห้
“หม่ะม๊า...”
“สามวันเองครับ อี้ชิง” เด็กน้อยโผเข้ากอดอี้ชิงที่นั่งคุกเข่าจนเซไปด้านหลัง
คนเป็นแม่หัวเราะ แค่สามวันเอง เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว
“รักหม่ะม๊านะฮะ” พูดด้วยแววตาที่คล้ายจะร้องไห้
“หม่ะม๊าก็รักหนูน๊า อย่าดื้อกับป่ะป๊าล่ะ
รู้มั้ย?” ร่างบางลุกขึ้นยืน
จูงมือฟ่านชิงแล้วคริสก็อุ้มอี้ชิงกำลังจะเดินเข้าเกทไป
“เดินทางปลอดภัยนะ คริส”
“เธอก็เดินทางระวังด้วยนะ”
“ฟ่านชิง บ๊ายบายป่ะป๊ากับน้องสิครับ” เด็กน้อยโบกมือให้อย่างแข็งขัน ภรรยาเดินจากไปพร้อมลูกชายตัวอ้วนในอ้อมกอด
ร่างสูงยิ้มร้ายเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาจะทำอะไรได้ตามใจเมื่อนึกถึงคำพูดของภรรยาที่ปรามาสว่าคนเป็นพ่อเลี้ยงลูกไม่ได้เรื่องหรอกแต่เขาจะทำให้เห็น
มีแผนการที่วางแผนจะทำในสามวันต่อจากนี้
เลย์จะต้องกรีดร้องแน่ๆ
.
.
.
“ป่ะป๊าเดินเร็วๆ!” เด็กน้อยหันมาสั่งเขาใหญ่
คริสทำเพียงยิ้มแล้วเดินตามอี้ชิงที่ตื่นเต้นจนลืมอาการโศกเศร้าที่จะจากหม่ะม๊าไปต่างประเทศเมื่อครู่
ถึงว่าล่ะนะ เด็กหนอเด็ก เจ็บง่ายแต่ลืมง่ายกว่า
“ป๊ะป๊า!” วิ่งกลับมาลากมือเขาที่เดินห่างอยู่ไกล
“หนูจะรีบไปไหน เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ” อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเรียกขึ้นเครื่อง
อีกทั้งสามก้าววิ่งของอี้ชิงคือหนึ่งก้าวเล็กๆของเขา
ถ้าเข้าเกทไม่ทันก็ทำพียงแค่อุ้มขึ้นแล้ววิ่งไปเท่านั้นแต่คงไม่ใช่เหตุผลนี้
ลูกเพียงแค่ตื่นเต้น เห็นของสวยๆก็ชี้นู่นชี้นี่จะเอาไปหมดทุกสิ่งอันจนคริสต้องปรามว่าให้ไปซื้อที่ดิสนี่ย์แลนด์เพราะกลัวว่าเงินเป็นแสนที่เอามามันจะหมดลงในวันแรกเสียก่อน...
“ป่ะป๊า จะไปแล้วเหรอ?” เดินเล่นไปมาจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง
คริสเตรียมตัว พยักหน้ากับลูกที่นั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้ในเกท รอให้แถวตรวจตั๋วค่อยๆเคลื่อนไป
คริสกับอี้ชิงนั่ง first class จะเข้าก่อนเข้าหลังก็คงไม่ต่างกัน
“ใช่แล้ว หนูตื่นเต้นมั้ย?”
“หนูตื่นเต้น!” อี้ชิงตอบหนักแน่น
ชูแขนขึ้นทั้งสองข้างให้ป่ะป๊าอุ้ม
เดินขึ้นเครื่องของพ่อลูกได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดี เดินกำลังจะถึงที่นั่งชั้นfirst
class ที่เบาะนั่งใหญ่กว้างพอดีกับตัวคริสแต่ถึงจะกว้างไปสำหรับเด็กวัยสองขวบอย่างอี้ชิงก็เถอะ
มีเสียงเด็กร้องไห้งอแงแทรกขึ้นระหว่างกำลังเดินไปนั่งที่นั้น
อี้ชิงหันไปมองต้นทางของเสียง คริสก็หันไปมองเช่นกัน
เด็กชายที่อายุน้อยกว่าคนในอ้อมกอดของเขา ยังเล็กมากอยู่เลยแต่พ่อแม่กลับพามาขึ้นเครื่องที่มีชั่วโมงบินนาน
เด็กน้อยกำลังร้องไห้จ้าเพราะตื่นเครื่องบิน พ่อแม่ต้องเร่งปลอบกันให้อลม่าน
“ป่ะป๊าเขาร้องทำไม?”
“ไม่รู้สิคะ เขาเด็กกว่าหนู คงตกใจมั้ง”
คริสก็ลืมไป ว่าเด็กๆนอกจากจะตกใจเวลาขึ้นเครื่องแล้วจะปวดหูง่ายกว่าผู้ใหญ่ด้วย
แล้วคริสจะทำยังไงล่ะทีนี้...
“ฮึ...ก็แค่เรื่องของเด็กๆ” อี้ชิงทำสีหน้ามั่นใจ เรื่องเด็กๆแบบนี้อี้ชิงไม่ทำหรอก
มีแต่เด็กๆเท่านั้นขาทำกัน
“ฮึฮึ เด็กๆแน่นะ?” ย้ำคำลูก
ได้ยินแบบนี้แล้วก็สบายใจขึ้นมาบ้าง
“เด็กๆ!”
“ป่ะป๊ารู้อยู่แล้วว่าหนูเก่ง” คริสภูมิใจในตัวลูกมาก
.
.
.
“ฮือ!!!! ป่ะป๊า!! หนูปวดหูอ่ะ!! ฮืออออออออออออออ!! ฮึก !! ฮือ ป่ะป๊า!!!!!”
“หนูไม่เสียงดังสิ คนเขามองกันหมดแล้ว”
“ก็หนูปวดหูอ่ะ!!
หนูปวดหู!! ปวดหู!!!!!” ร้องไห้พร้อมกรีดร้องเสียงดังลั่น
ยิ่งอยู่ในชั้นที่นั่งที่คนน้อยด้วยแล้วยิ่งแล้วกัน
คนเขาหันมามองด้วยสายตาตำหนิคริสกันหมด ทำได้เพียงยิ้มแหยกับไป
จะปลอบยังไงล่ะเนี่ย...
“ฮือ!!
หนูจะหาหม่ะม๊าอ่ะ! หม่ะม๊าอยู่ไหน ฮือ!!! หม่ะม๊า!!!!!”
“หนูอย่าปลดสายเข็มขัด เครื่องกำลังขึ้น!”
ต้องกดลูกนั่งลงกับที่นั่งก่อนที่แอร์จะเดินมาว่า
อี้ชิงร้องไห้เสียงดังลั่นกว่าเด็กคนเมื่อกี้อีก
คริสไม่น่าเชื่อคำพูดของเจ้าตัวแสบนี่เลย
เลย์...
ช่วยฉันด้วย...
.
.
.
หลังจากที่เครื่องเพิ่มระดับเพดานบินจนมาอยู่ในระดับคงที่
อี้ชิงก็หยุดแผดเสียง คริสนั่งนวดขมับปรับอารมณ์ ถอนหายใจอยู่พักใหญ่
ปล่อยให้เด็กน้อยนั่งกินอาหารที่ถูกเอามาเสิร์ฟ เปิดฝาถ้วยโยเกิร์ตให้ลูก
อี้ชิงที่ตาแดงก่ำ อมช้อน หันมาพูดกับเขาเสียงอ้อมแอ้ม
“หนูเก่งมั้ย...”
“กินไปเลยหนูหน่ะ” คริสจะบ้าตาย
หนูเก่งมั้ย น่าตีหน่ะสิ หยดน้ำตาเลอะแพขนตาจับอยู่เป็นหยดๆขนาดนั้น เสียงแหบไปเลย
แหกปากร้องจนได้ยินกันทั้งเครื่องบิน ป่ะป๊าไมเกรนขึ้นเลยเนี่ย
เอาลูกมาผิดคนรึเปล่านะ
รู้งี้น่าจะเอาฟ่านชิงมาดีกว่า ไม่ค่อยร้องโวยวาย
เอาสองแฝดมาไม่ได้เพราะคงจะวุ่นวายไม่ต่างจากอี้ชิงนักหรอก
คริสลงจากเครื่องด้วยสภาพงัวเงียสุดชีวิต
ทำหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักผิดกับลูกที่มาด้วยอย่างกับฟ้าเหว
อี้ชิงดูตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งอันหลังจากที่ได้ผ่านการกรีดร้อง(ตอนเครื่องขึ้นและลง)สุดชีวิต
กินสุดชีวิตและดูการ์ตูนจากจอทีวีส่วนตัวอย่างเต็มอิ่ม
ผิดกับคริสที่นอนไม่หลับเลยเพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าลูกนั้นนอนหนุนตักเขาจนไม่สามารถขยับตัวได้
อี้ชิงตัวเล็กจนนอนยืดขาได้สบายถึงได้ตื่นมาอารมณ์ดีแบบนี้
แต่ลูกอารมณ์ดีก็ดีแล้ว
ดีกว่าให้ลูกหงุดหงิดอารมณ์เสีย
"ป่ะป๊าแล้วเราจะไปไหนกันต่อ"
จับลูกนั่งบนกระเป๋าลากแล้วเลื่อนไป อี้ชิงนั่งแกว่งขาไปมามองไปรอบๆอย่างใคร่รู้
"เดี๋ยวเพื่อนป่ะป๊าจะมารับ"
ออกมารอตรงประตูทางออกแล้วหลังจากโทรนัดแนะกันเรียบร้อย เพียงไม่ถึงสิบนาที
รถยนต์ยี่ห้อหรูก็มาจอดเทียบ ร่างสูงยาวของหนุ่มอเมริกันเดินลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี
เข้ามากอดคริสตามประสาเพื่อนเก่าด้วยความคิดถึง
"ไม่เจอกันตั้งนานนะเว้ย
กว่าจะมีลมหอบมาฟลอริด้าได้"
"ไอฌานก็คนมันยุ่งนี่หว่า
ทั้งงานทั้งลูก"
"ใครใช้ให้ขยันทำนี่หว่า
เอ้านี่ลูกหรอ?หนีห่าว ว่าไงครับตัวเล็ก"
เขาหันมาพูดกับอี้ชิงที่ยังนั่งอยู่บนกระเป๋าเดินทาง เด็กตัวเล็กทักทายกลับ
ฟังออกแค่หนีห่าวนี่ล่ะ ภาษาจีนของชายร่างสูงดูนิ่มนวลคนนี้เปร่งสิ้นดี
"หนูใช่มั้ยที่ชื่อ...ไรนะ?"
ฌานหันมาถามเพื่อนสนิท
"อี้ชิง"
"ไหนว่าได้ลูกชายหมด?"
หนุ่มฟลอริด้าขมวดคิ้ว น่ารักอย่างกับตุ๊กตาแถมสีเสื้อผ้ายังโทนพาสเทลขนาดนั้น
"ก็นี่ไงลูกชาย"
"ห๊ะ!?ให้เด็กผู้ชายไว้ผมยาวประบ่าเนี่ยนะ"
ถ้าไม่ใช่ลูกสาวล่ะเป็นเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด
เด็กผมยาวแสนดูแลยากแต่เด็กผู้หญิงเป็นข้อยกเว้น จะได้ไม่อายเพื่อน
"น่ารักไม่หยอกเลยนะเนี่ย"
หน้าหวานแบบนี้เหมือนเลย์แน่ๆ เขาจำหน้าเมียคริสได้ ตากลมๆแก้มแดงๆแบบนี้
"เหมือนหม่ะม๊าฮะ"
คำตอบที่ทำให้ฌานยิ้มออก เขาจัดการยกกระเป๋าให้เพื่อน พาอี้ชิงไปนั่งเบาะสำหรับเด็ก
ซึ่งก็เป็นที่นั่งของลูกชายคนโตของฌาน
"เดี๋ยวพาอี้ชิงไปฝากไว้กับป๋ายเซียนให้ช่วยดูก่อน
เสร็จแล้วไปทำธุระกัน" ฌานเสนอคริสก็เห็นด้วย
"หนูอยู่กับคุณน้าป๋ายไปก่อนนะอี้ชิง
แปปเดียวเดี๋ยวป่ะป๊าจะกลับมารับ"
"ป่ะป๊าไปไหน?"
"ไปทำธุระค่ะ"
"กลับกี่โมง?"
"เย็นๆลูก
หนูอยู่กับคุณน้า เดี๋ยวคุณน้าพาไปเล่นไปกินขนมด้วย"
อี้ชิงพยักหน้าหงึกหงักจำยอมแม้ว่าอยากติดแจกับป่ะป๊า
"ลูกนายเป็นไงบ้าง?"คริสถาม
"แจ๊คสันห้าขวบแล้ว
หยุดอยู่บ้านเพราะโรงเรียนปิด ส่วนเจสเปอร์เพิ่งหกเดือน
วัยกำลังแผลงฤทธิ์เลย"
"ไม่คิดจะมีอีกหรอวะ?"
"ป๋ายอยากปิดอู่ล่ะวะ
ใจจริงก็อยากมีเท่านาย ฉันชอบครอบครัวใหญ่แต่ดูท่าเมียจะไม่เป็นใจ"
"พัฒนาภาษาจีนบ้างมั้ยเนี่ย"
คริสรู้สึกว่าสำเนียงฌานมันแปร่งๆมาก อย่างว่าลิ้นคนอเมริกาไม่ค่อยไปหรอกกับภาษาจีนแต่นี่ก็น่าจะดีขึ้นบ้างนะ
อยู่กินกับคนจีนมาตั้งห้าหกปี
"เออ
ไม่เอาไหนเลยว่ะ แจ๊คสันพูดเก่งกว่าฉันอีก จะถอดใจละ ยากชิบหาย"
เลี้ยวรถเข้าจอดตรงลานหน้าบ้าน ผู้ใหญ่ลงจากรถแล้วเปิดให้เด็กน้อยลงมาด้วย คริสอุ้มอี้ชิง
มองบ้านสไตล์ยุโรปน่ารักพร้อมด้วยสวนที่มีดอกไฮเดรนเยียร์หลากหลายสีขึ้นน่ามอง
"หนีห่าวครับคุณคริส"
ป๋ายเซียนเมียของฌานออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและสำเนียงจีนชัดเจนน่าฟัง
"ไม่เจอกันนานนะ
นี่อี้ชิง จะฝากให้ช่วยดูสักครึ่งวันได้มั้ย?"
"ได้สิครับ
ดีเสียอีก แจ๊คสันกำลังหาเพื่อนเล่นเบสบอลพอดีแต่ เอ๊ะ
ไหนว่าลูกคุณคริสเป็นเด็กผู้ชายไงฌาน งั้นไม่เป็นไรเล่นบล็อคไม้ก็ได้"
"เอ่อ
ที่รักนี่แหละเด็กผู้ชาย" คริสยิ้มกว้าง ที่ในโลกนี้มีคนคิดเห็นเหมือนเขาเพิ่มขึ้นว่าอี้ชิงเหมือนผู้หญิง
"อ่า...ขอโทษครับ
อี้ชิง หนูชอบกินไอศรีมมั้ย ไปกินไอศครีมกับน้านะ ให้ป่ะป๊าไปทำงาน"
อี้ชิงมองมือสวยที่ยื่นมาจะอุ้มเขาสลับกับใบหน้าของป่ะป๊า
"อยู่กับน้าเขานะลูก
ตอนเย็นป่ะป๊าจะมาพาไปโรงแรม" เอ่ยตอบรับเบาๆไม่ค่อยเต็มใจนักหรอก ให้ป่ะป๊าหอมแก้มก่อนที่จะจำยอมเอี้ยวตัวให้คุณน้าอุ้มเข้าบ้านไปเงียบๆ
"พี่แจ๊คสันยังไม่ตื่นเลย
เมื่อคืนพี่เขาดูเบสบอลดึกไปหน่อย หนูเล่นตรงนี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวน้ามา
หิวมั้ยครับคนเก่ง?"
"ไม่ฮะ"
"อืม
งั้นเดี๋ยวน้ามานะ" ปล่อยอี้ชิงไว้ในห้องนั่งเล่นกับทีวีจอใหญ่ที่ฉายหนังการ์ตูน
เด็กน้อยหยิบบล็อคไม้ขึ้นมาต่อๆ เรียงๆตามประสาอยู่คนเดียว
"เฮ้"
เสียงเรียกจากประตูทำให้อี้ชิงหันไปมอง
เด็กผู้ชายหน้าฝรั่งจ๋าอายุสักพี่ฟ่านชิงกำลังมองเขาด้วยแววตานิ่งๆ
เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงข้างๆ
"ชื่ออะไร?"
"ห๊ะ...."
พูดว่าอะไร อี้ชิงฟังไม่รู้เรื่อง
"พูดอังกฤษไม่ได้เหรอ?"
"พูดจีนกับน้องสิครับแจ๊คสัน
น้องฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องหรอก"
ได้ยินเสียงหวานของหม่ะม๊าบอกมาแบบนั้นเด็กชายเมืองฟลอริด้าจึงต้องทำตาม
"เธอชื่ออะไร?"
"อี้ชิง"
"คนจีนหรอ?"
"อื้อ"
"หม่ะม๊าเราก็เป็นคนจีน
แดดดี้เป็นคนอเมริกา"
"เรารู้แล้ว"
อี้ชิงพูดคำตอบคำ รู้สึกแปลกๆเมื่อสนทนากับคนแปลกหน้า เริ่มเบื่อ ไม่รู้เมื่อไหร่ป่ะป๊าจะมารับสักที
"มาทำอะไรที่ฟลอริด้า?"
"มาดิสนี่แลนด์
มาหาคุณมิกกี้กับคุณมินนี่"
"หม่ะม๊าฮะ!"เด็กชายวัยห้าขวบตะโกนเรียกแม่ที่อยู่ในครัว
"ว่าไงครับแจ๊คสัน?"
เสียงป๋ายเซียนตะโกนกลับมา
"เราจะไปดิสนี่แลนด์กันหรอ?"
"ไม่นี่ครับลูก"
"แล้วไหนอี้ชิงบอกว่าจะไปดิสนี่แลนด์ไงฮะ?"
"อ้อ
ป่ะป๊าของอี้ชิงเขาพาไปเอง ไม่เกี่ยวกับเรา"
ความฝันเล็กๆที่อยากจะพาคนต่างประเทศอวดเมืองของตนก็เป็นอันพับเก็บ แจ๊คสันเบ้ปาก
อุส่าห์มีเด็กผู้หญิง(ในความคิดของแจ๊คสัน) มาเที่ยวบ้านทั้งที
จะได้เล่นกันแค่วันเดียวเองงั้นหรอ?
"ฮ้าววว~"
อี้ชิงหาวหวอด วางบลอคไม้ลงเบาๆ
"ง่วงหรอ?"
"อื้อ ง่วง"
ร่างน้อยลุกปีนขึ้นโซฟาหาที่นอนสบายๆ คนพี่กระวีกระวาดใส่ใจคนน้องเหลือเกิน แจ๊คสันดึงมือเล็กไว้
"อะไรอ่ะ?"
"ไปนอนเตียงเรา"
"ห๊ะ..."
อี้ชิงไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกแต่ก็ลุกขึ้นเดินตามไป
"เอ้าแจ๊คสัน จะพาน้องไปไหน?"
ป๋ายเซียนกำลังอุ้มเจสเปอร์น้องของแจ๊คสัน วัยหกเดือนเศษเอาไว้กับอก
มองลูกชายคนโตกับอี้ชิงที่ยืนขยี้ตาหาวหวอดๆ
“น้องง่วงนอน จะพาน้องไปนอนฮะ”
แล้วก็จูงเดินตุ่มๆขึ้นไปสองคนบนบ้าน
“เห้! เดี๋ยวๆ” คุณแม่มองตามหลังเด็กสองคนที่เดินขึ้นบันไดไป
งงตาแตก พาน้องขึ้นไปนอนข้างบนทำไม ข้างล่างนี่ก็นอนได้นะ!
ประตูไม้บานสีขาวเปิดออกเชื้อเชิญเด็กชาวจีนให้เข้ามาเยี่ยมเยือน
ลายวอลเปเปอร์รูปการ์ตูนวอลดิสนี่ของเด็กผู้ชายน่ารัก รับกับผ้าม่านโปร่งพริ้ว
แล้วไหนจะโมเดลรถ ของเล่นชิ้นใหญ่ต่างๆนาๆในห้องนี่อีก
ทำให้ห้องดูน่าอยู่เป็นเท่าตัว
“ห้องนอนสวยจัง” อี้ชิงเอ่ยชม
ของเล่นหลายชิ้นตรงมุมห้องนั้นน่าเข้าไปสำรวจมาก
แต่ติดที่ว่าตอนนี้เวลาที่จีนดึกมากแล้ว เด็กน้อยไม่อาจจะฝืนตาตื่นได้อีกต่อไป
“ใช่มั้ยล่ะ
แดดดี้ให้สถาปนิกออกแบบให้เลยนะ” เลิกผ้าห่มที่เพิ่งเก็บไปเมื่อครู่ให้อี้ชิงขึ้นไปนอน
แทรกตัว ปากแดงเป็นกระจับอ้าหาวสุดกราม ทำเสียงแจบๆเมื่อเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง
“ให้อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะหลับมั้ย?”
“อื้อ” ตาเล็กจวนจะปิดสนิทแล้ว ที่อื้อตอบนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องการ
แต่เป็นเสียงอื้ออึงของคนง่วงนอน
“เดี๋ยวตื่นมาเราจะพาไปปันจักรยานเล่นนะ
ไปรดน้ำต้นไฮเดรนเยียร์ด้วย รีบๆตื่นนะ” นานๆทีจะมีคนมาให้อวดบ้านโดยเฉพาะเมื่อแขกเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆแบบนี้
แจ๊คสันจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด
“ฝันดีนะ” กดจุ๊บลงบนพวงแก้มสีชมพูระเรื่อ
ลมหายใจสม่ำเสมอนั้นทำให้เจ้าบ้านอุ่นใจว่าเตียงและผ้าห่มคลุมอกนี่จะทำให้เด็กน้อยหลับสบาย
หนุ่มน้อยเมืองฟลอริด้าปีนลงจากเตียง
ปล่อยให้อีกคนหลับโดยไม่คิดกวน มันถึงเวลาอาหารเช้าของเขาแล้ว
วันนี้คงจะได้กินน้ำซุปร้อนๆกันข้าวสวยตามที่หม่ะม๊าสัญญา
“ฮั่นแน่!!” เด็กวัยห้าขวบสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วเจอแม่ยืนอยู่หน้าห้อง
ทำสีหน้าล้อเลียนบิดตัวแล้วเอานิ้วชี้มายังเขา
“อะ อะไรฮะหม่ะม๊า”
“ไม่ต้องมาอะไรเลย
พ่อหนุ่มนักรัก พาน้องขึ้นมาบนนี้ทำไม คิดจะลักพาตัวน้องหรอออ” หยิกแก้มลูกด้วยความหมั่นเขี้ยว นี่มันร้ายกาจจริงๆ
อายุแค่ห้าขวบก็พาคนอื่นมาขึ้นเตียง โตขึ้นบ้านคงหัวกระไดไม่แห้งแน่นอน
“เราจำเป็นต้องรักเพื่อนบ้านเหมือนกับที่รักตัวเองนะฮะหม่ะม๊า”ไม่ต้องมาเต๊ะท่ากอดอกหล่อสอนหม่ะม๊าเลยป๋ายเซียนสาบานได้ ว่าเห็นออร่าความเจ้าชู้ของเด็กคนนี้เยอะมากจริงๆจากสายตาที่เหมือนพ่อนั้น
“ไม่ต้องมารักเพื่อนบ้านตอนนี้เลย เจ้าตัวดี มากับหม่ะม๊านี่มากินข้าว!”
“โอ๊ย! หม่ะม๊าอย่าดึงหู มันเจ็บนะฮะ ผมเจ็บบบ!”
.
.
.
งานวันที่แสนหนักหน่วงผ่านไปสำหรับคริส
ดีใจที่วันนี้งานผ่านไปอย่างราบรื่นแล้วดูท่า
อี้ชิงเองก็จะได้เพื่อนใหม่ที่ฟลอริด้านี่ด้วย
“วันนี้แจ๊คสันอยากพาอี้ชิงไปที่ริมทะเลสาบหน่ะ
ก็เลยถือโอกาสไปปิกนิคสั้นๆกันด้วย วันนี้อากาศดีนะ หงส์ออกมาเล่นน้ำเต็มเลย
อี้ชิงสนุกใหญ่” ป๋ายเซียนรายงานอย่างอารมณ์ดี คริสมองลูกที่กำลังนั่งกินซุปเห็นอยู่ข้างๆ
“จริงหรออี้ชิง?”
“จริงป่ะป๊า ทะเลสาบกว้างเท่านี้!” กางแขนให้ดูด้วย
ผู้ใหญ่ต่างหัวเราะรวนทั้งโต๊ะ
“นี่แจ๊คสันพาอวดบ้านทุกซอกทุกมุมเลย แม้แต่ห้องใต้ดินเองก็เถอะ”ส่งสายตาล้อเลียนลูกชายที่นั่งกินข้าวอยู่หัวโต๊ะ แหม อยู่บ้านล่ะทำอวดดีกับหม่ะม๊า
พอเจอป่ะป๊าอี้ชิงเข้าหน่อยหงอเลยนะ
“โห ขนาดนั้นเลยหรอ ขนาดปกติไม่ชอบให้มีแขกนะเนี่ย” ฌานทำหน้าเหรอหรา
ดูจะไม่ค่อยเชื่อหูนัก
“เราต้องรักเพื่อนบ้านเหมือนกับที่รักตัวเองใช่มั้ยลูกชาย” แจ๊คสันจะก้มหน้ากินอย่างเดียว จะไม่สนใจหม่ะม๊าอีกต่อไปแล้ว!
“หนูอิ่มแล้ว” วางช้อนเมื่อกินซุปถ้วยเล็กกับขนมปังจนหมด
“ได้ไง ป่ะป๊าสั่งสปาเก็ตตี้ชุดเด็กไว้ให้หนูแล้ว”
“แต่หนูอิ่มแล้วค่ะป่ะป๊า”
“ให้ลูกไปเล่นมั้ยครับคุณคริส ให้แกขยับตัวหน่อย เดี๋ยวก็หิว กินได้อีก”
ป๋ายเซียนพยักเพยิดหน้าไปทางกองของเล่นที่แจ๊คสันขนมาจากบ้าน
ยังไงวันนี้ก็เหมาห้องส่วนตัวอยู่แล้ว เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งนั้น
“หนูอยากเล่น ให้หนูไปเล่น” ร่างสูงจึงต้องยกตัวลูกลงจากที่นั่งเด็กให้วิ่งไปจุ้มปุ๊กอยู่กับแจ๊คสัน
เล่นหั่นผักทำกับข้าว ขายของเหมือนกับที่เคยเล่นที่บ้าน
แต่ฌานว่ามันออกจะแปลก
แม้เข้าจะนั่งคุยเรื่องจิปาถะกับคริสและภรรยาอยู่
สายตาเขาก็จับจ้องมองการเล่นของลูก ฌานว่ามันไม่ใช่การเล่นขายของมั้ง
ลักษณะมันดูคล้ายกับการเล่นพ่อแม่ลูกเสียมากกว่า
“ที่รัก”
“หืม?”
“ลูกของเรา...เคยเล่นพ่อแม่ลูกกับเพื่อนด้วยหรอ?” ฌานถามร่างบางข้างตัว
คุณแม่มองตามแล้วคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่
“ไม่นะ” ครูอนุบาลฟ้องแบคตลอด
ว่าแจ๊คสันชอบเล่นเบสบอลกับเพื่อนไม่ก็มวยปล้ำ
แกล้งเพื่อนในห้องร้องไห้จ้ามาแล้วก็มี
“มีอะไรหรอ?” คริสเองก็อยากรู้บ้าง
“อ้อ เปล่าคริส ฉันแค่คิดว่าลูกชายฉันเล่นแปลกๆกับลูกนายหน่ะ” ร่างสูงได้ยินมาบ้างล่ะ
จับใจความได้ว่าแจ๊คสันเหมือนจะไม่เคยเล่นพ่อแม่ลูกกับใครมาก่อน
นั่นทำให้คริสคิ้วกระตุกอยู่เหมือนกัน
“ยังไง?”
“มาซื้อดอกไม้จ้า”
“….”
“พ่อค้า มาซื้อดอกไม้” อี้ชิงจิ้มขาป่ะป๊า แล้วชี้ไปยังแก้วที่มีดอกไม้ประดับอยู่กลางโต๊ะ
เขาเอื้อมมือหยิบให้แต่ก่อนที่จะส่งให้ลูก ป๋ายเซียนก็ถามขึ้นมา
“หนูเล่นอะไรกับพี่แจ๊คสันลูก?”
“พ่อแม่ลูกฮะ” คริสถึงกับวางช้อน
“ไม่ต้องเล่นแล้ว มากินข้าวกับป่ะป๊าเลย” ไหนๆสปาเกตตี้ก็เสิร์ฟพอดี
ก็ให้ลูกกินเลยแล้วกัน แต่อี้ชิงหนีบแขนเบี่ยงตัวหลบมือที่จะช้อนใต้รักแร้ซะนี่
“ไม่เอาป่ะป๊า หนูบอกละไงว่าหนูอิ่มแล้ว”
“ไม่เชื่อหรอก กินไปแค่ซุปกับขนมปังชิ้นเล็กๆจะอิ่มได้ไง”
“โอ้โห! ป่ะป๊าดูพุงหนูสิ มันป่องสุดๆแล้ว
ป่ะป๊าดูสิหนูอิ่มแล้วยัง!” ถึงกับต้องเปิดพุงทำเสียงตื่นเต้น
เพิ่มเอฟเฟ็กด้วยการเพ่งพุงน้อยๆที่หน้าท้องให้มันพองออกจนเหมือนเด็กพุงโล
ทั้งฌานและป๋ายเซียนต่างขำขันด้วยความเอ็นดู
“ไม่เห็นอิ่มเลย นี่ไง ยังไม่แข็งเลย” ร่างสูงลองกดแล้วมันนิ่ม
ลูกชอบมาให้เขาจับพุง ถามว่าหนูอิ่มแล้วยัง ถ้าพุงแข็งปั๊กแสดงว่าอิ่มแล้ว ไม่ใช่แค่อี้ชิง
ทั้งแฝดและฟ่านชิงก็ทำแบบนี้
“งั้นหนูจะกินแต่ฟิชแอนด์ชิป”
“อ่ะๆ ก็ได้ ไปกินเสร็จแล้วเดินกลับมาหาป่ะป๊านะ”ส่งฟิชแอนด์ชิปให้ลูกถือกิน
วิ่งกลับไปเล่นต่อกับพี่ชาย
“ลูกนายน่ารักเนอะคริส” ฌานเอ่ยชม
“แน่นอนอยู่แล้ว” ลูกคริสน่ารักทุกคน
“เราน่าจะให้แจ๊คสันกับอี้ชิงหมั้นกันไว้เนอะ”
“…..”
“ยังไงธุระกิจของเราสองฝ่ายกันก็ดองกันอยู่แล้ว ให้ลูกแต่งๆกันไว้มันก็ไม่เสียหายนี่นา”
“หยุดพูดบ้าๆนะไอฌาน!” คริสถึงกับตบโต๊ะ
แววตาเปลี่ยนเป็นโกรธอย่างห็นได้ชัด แม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังต้องสะอึก
“หะ เห้ย...อย่าซีเรียสดิเพื่อน ฉันก็แค่พูด เพราะ..เห็นเด็กๆเข้ากันได้ดี
คะ แค่นั้นเอง”
“เข้ากันได้ดีก็เป็นเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน” เอาเว้ย! เอากับเพื่อนฌานคนนี้
โหมดจะอารมณ์ร้ายก็น่ากลัวขนาดนี้เชียว!
“ที่รักจ๊ะ”
“จ๊ะ”
“กับข้าวเสร็จแล้วยังจ๊ะ”
“ยังเลย กำลังรีบ”
ในวงเด็กเล่นพ่อแม่ลูกกำลังเข้าสู่ช่วงหลังเลิกงานที่แจ๊คสันผู้เป็นสามี(?)กลับถึงบ้าน
กำลังรอกับข้าวแสนอร่อยจากภรรยา(?)ตัวน้อย
อี้ชิงทำเสียงฉู่ฉี่ประกอบเวลาผัดกับข้าว
จำมาจากตอนที่ไปเล่นกับพี่สาวลูกของคุณน้าซิ่วหมิน
แม้เครื่องว่าเครื่องครัวในวันนี้จะเอาโล่กัปตันอเมริกามาเป็นกระทะแล้วเอาขาอุลตร้าแมนมาเป็นตะหลิวก็ตาม
คุณศรีภรรยาหาได้สนใจเรื่องนั้นไม่
“อี้ชิง ถามหน่อยสิ”
“จ๊ะ”
“อี้ชิงมีบอยเฟรนแล้วยังอ่ะ?”
“บอยเฟนคือไรอ่ะ?”
“ก็แบบคนรักไง”
“อ๋อ...ก็มีแล้วไงจ๊ะแจ๊คสันไง” เด็กน้อยไม่เข้าใจหรอกว่าคนพี่กำลังหมายถึงอะไร
เพราะตอนนี้กำลังเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่ไม่ใช่หรอ คนรักของอี้ชิงก็ต้องเป็นแจ๊คสันสิ
“จริงหรอ?! ให้เราเป็นบอยเฟรนของอี้ชิงจริงๆนะ?!”
“เอ่อ..อื้อ”
“ป่ะป๊า...”เล่นอยู่นานหลายชั่วโมงจนอี้ชิงเบื่อ โดนป่ะป๊าหลอกให้กินอาหารเซทเด็กจนหมดจานแต่ป่ะป๊าก็ยังโม้ไม่เสร็จสักที
“ว่าไงคะ?” ยกตัวลูกขึ้นมานั่งบนตัก
หอมแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็ก เอาปากบดขยี้พวงแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เมื่อไหร่จะกลับอ่ะ” บิดไปบิดมาหงุดหงิด
อยากไปนอนกลิ้งที่โรงแรมแล้ว
“หนูรอแปปนึงสิคะ ป่ะป๊าไม่ได้เจอเพื่อนตั้งนานก็อยากจะคุยกับเขานานๆหรอก”
อี้ชิงที่อยู่บนตักย่นจมูก เหม็นกลิ่นแอลกอฮอร์
“อี๋! ป่ะป๊ากินเหล้าใช่มั้ย!?
เหม็นอ่ะ ไม่ต้องมาหอมเลย หนูไม่ให้หอมแล้ว!” ดันใบหน้าคมออก
ชักสีหน้ารังเกียจ จำได้เวลาป่ะป๊ากินเหล้าแล้วกลับมาบ้าน มากอดหม่ะม๊าแล้วหม่ะม๊าจะชอบบ่นว่าป่ะป๊าตัวเหม็น
“หืม เหม็นอะไร ไม่เห็นได้กลิ่นเลย”ตีมึนทำไม่รู้ไม่ชี้
แต่ความเป็นจริงคือคริสก็ไม่ได้กลิ่นตัวเองจริงๆนั่นแหละ
.
.
.
สมใจอี้ชิงเสียที
เพราะในที่สุดคุณอาฌานก็พามาส่งถึงโรงแรม แล้วต่างครอบครัวก็ต่างแยกย้ายกันไปนอน
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วแต่ตาของเด็กวัยสองขวบยังคงเบิกโพลงเหมือนสปอร์ทไลท์ในอาร์ซีเอ
“โอ้โหป่ะป๊า ทำไมหนูยังไม่ง่วงเลยอ่ะ” ทั้งๆที่ออกจะดึกขนาดนี้
แต่อี้ชิงกลับไม่ถูกรุมเร้าด้วยความอ่อนเพลียใดๆ ร่างกายของเขามันต้องมีพลังบางอย่างเข้าครอบงำแน่
“หนูไม่ง่วงแต่หนูต้องนอน พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันจำได้มั้ย?”
“ดิสนี่ย์แลนด์!!!”
“งั้นหนูไปอาบน้ำซะไป” ไม่มีอำนาจใดที่จะทำให้ลูกเป็นเด็กดีได้นอกจากการเอาดิสนี่ย์มาล่อ
เด็กน้อยไม่งอแงเลยสักนิดเดียว สะบัดผ้าผ่อนออกจากตัวดูง่ายกว่าหมาสะบัดน้ำออกจากขนเสียอีก
วิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องน้ำ
คริสนั่งลงที่ปลายเตียงกว้างเช็คมือถือเผื่อว่าภรรยาจะไลน์มา
[เมียขี้บ่น :: ถึงโรงแรมแล้วยัง?]
“ป่ะป๊า” คริสไลน์ตอบกลับไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นลูกชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำ
“ว่าไงคะ?”
“เปิดน้ำอุ่นตรงไหน ป่ะป๊ามาดูหน่อย” ร่างสูงต้องเดินเข้าไปในห้องน้ำ
จัดการเปิดน้ำอุ่นให้เจ้าตัวเล็ก
“หนูอาบเองได้ใช่มั้ย?”
“ค่า ป่ะป๊ารออยู่หน้าห้องน้ำหน่อย”
“ไม่มีอะไรหรอกน่าให้ป่ะป๊าเฝ้าทำไม”
“งื้อ ป่ะป๊า เฝ้าๆ”
“หรืออาบพร้อมป่ะป๊า?”
“ไม่เอา หนูจะอาบเอง”
“งั้นป่ะป๊าไปนั่งบนเตียงนะ เปิดประตูไว้ มีอะไรก็วิ่งออกมา”
“ไม่เอา! ป่ะป๊ารออยู่หน้าห้องน้ำ”
“ก็ได้ๆ” คริสง่วงสุดๆไม่มีอารมณ์เถียงแล้ว
ต้องจำยอมยืนรออยู่หน้าห้องน้ำตามคำบัญชาของอี้ชิงร่างสูงเอาผ้าขนหนูผืนโตพาดบ่าไว้ด้วย
ไม่ไว้ใจให้ลูกพันตัวออกมาเอง มันยาวมาก พันแข้งพันขา ถ้าล้มกลิ้งละก็แย่แน่
เสียงร้องเพลงเบาๆจากในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีทำให้บรรยากาศในการตอบไลน์เมียน่าภิรมณ์มากยิ่งขึ้น
เลย์กับลูกๆถึงฉางซาแล้วอย่างปลอดภัย
“หนูเสร็จแล้ว!” กระโดดตุ๊บออกมานอกห้องน้ำ
“มาเช็ดตัวก่อน” เอาผ้าห่มผืนนุ่มห่มกายลูก เด็กน้อยทำตัวสั่นส่งเสียงบรื๋อว่าหนาวจัด
“เดี๋ยวหนูไปแต่งตัวนะ ถ้าง่วงก็นอนก่อน”
“ค่า” ร่างสูงเตรียมชุดออกมาไว้นอกกระเป๋าแล้ว
จากนั้นก็เป็นตาคริสอาบน้ำ
ดับไฟหมดเกือบทั้งห้องเหลือแค่หัวเตียง
ร่างสูงต้องการที่จะพักผ่อนอย่างมากในตอนนี้ ติดอยู่ที่ลูกยังไม่ง่วง งอแงไม่ยอมให้คริสนอนเพราะกลัวผี
“ฮือ...ป่ะป๊าไม่นอน ป่ะป๊าจะนอนไม่ได้นะ”
“ทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ ป่ะป๊าง่วงมากแล้วเนี่ย” ตาของคริสปิดแล้ว
เสียงก็เริ่มยานคางขึ้นทุกที
“ไม่! ฮึก ถ้าป่ะป๊าหลับแล้วผีออกมาจะทำไง ใครจะว่าผี!?”
“หนูไม่ต้องกลัวหรอกน่า นี่ไง ป่ะป๊ากอดหนูไว้แล้ว ไม่มีผีหรอก” แม้จะกอดจนหัวลูกมุดกับอกแข็งแกร่งแล้วก็เถอะ
ดวงตากลมๆนั้นก็ยังคงคลอหน่วงด้วยน้ำตา
“ฮือ...ไม่เอา ไม่เอา” ร้องไห้กระซิกกระซิกจนคริสเองก็จนใจ
ลุกขึ้นจากเตียงไปคุ้ยๆกระเป๋าเผื่อว่าจะมีอะไรที่คลายความกังวลของอี้ชิงลงได้บ้าง
“หืม?”
นี่มัน...มินเน่านี่นา
ตุ๊กตามินนี่เมาท์ที่ถูกอี้ชิงกอดกกตั้งแต่ยังเล็กมาก
จนตอนนี้จมูกหลุดแล้ว ผิวหน้าสีเนื้อกำมะหยี่อย่างดีก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำเพราะอี้ชิงนอนน้ำลายยืดใส่มากมายจนแม้แต่คริสยังไม่กล้าดม
มาอยู่นี่ได้ไง?
คริสไม่ได้เอาใส่มานี่นา
ช่างเถอะ
“นี่แหนะ อี้ชิง ดูสิว่าป่ะป๊าจะอะไร?”
“มินนี่!” เวทมนต์ที่ทำให้อี้ชิงหายเครียดเป็นปริดทิ้งคือเจ้าตุ๊กตาที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นหนูจากการ์ตูนดิสนี่ย์หรือหนูท่อในตลาดสดกันแน่
มีแต่อี้ชิงเท่านั้นแหละที่เรียกมินนี่
คนอื่นเรียกมินเน่าทั้งนั้น
ตัวสะสมเชื้อน้ำลายบูด
นี่เอาไปซักไม่ได้นะ ไม่งั้นจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นแน่นอน
วันนั้นเลย์เคยเอาไปซักเพราะทนไม่ไหวในความสกปรก กลัวลูกจะไม่สบาย
โอ้โห...คริสจำได้ ดราม่าที่สุด ลูกร้องไห้ทั้งวัน
นั่งร้องไห้อยู่หน้าราวตากผ้ามองดูมินเน่าที่ถูกแขวนคอ พอมันแห้งเลย์ก็เอามาให้ลูกกอด
อี้ชิงก็พูดจาตัดพ้อว่ามันเหม็นผงซักฟอก ไม่หอมเหมือนเดิมวิธีทำให้มันเหมือนเดิมคือการพ่นน้ำลายกลับไปใหม่
แหวะ...
“มินนี่ หอมจังเลย ซู๊ดดด...อ่าห์” มองลูกตอนนี้ที่สูดกลิ่นน้ำลายบูดของตุ๊กตาตัวโปรดเข้าเต็มปอด
เอาใบหน้าถูๆๆด้วยความรักยิ่งหนักหนา ร่างสูงเองก็เพิ่งรู้
ว่ากลิ่นน้ำลายบูดนี่มันหอมอโรม่าด้วย
คริสผิดเองล่ะที่ซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้ลูก
ไม่น่าเลย...
“ทีนี้นอนได้รึยัง?”
“ได้แล้ววว”
“ในที่สุด!” คริสก็ได้ฤกษ์ดับไฟเสียที!
.
.
.
นอนไม่หลับ...
มือหนาเอื้อมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาที่เพิ่งจะตีสี่กว่าๆ
โคมไปถูกเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ อี้ชิงก็นอนมาเบียดเขา หลับโดยที่กอดมินเน่าเอาไว้กับอก
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียง
เดินไปนั่งโซฟาหน้าทีวี ไลน์หาเลย์ เพราะรู้ว่าเวลาตอนนี้ที่จีนเพิ่งจะหัวค่ำ
[KRIS
WU :: นอนยัง? ]
[เมียขี้บ่น :: ยัง มีไรรึเปล่า?]
[KRIS
WU :: นอนไม่หลับ เฟสทามไปได้มั้ย? ]
[เมียขี้บ่น :: อื้อ ได้ๆ] ไหนๆเมียก็ยังไม่นอน คริสก็นอนไม่หลับ
หาเพื่อนคุยเผื่อจะง่วงแล้วนอนได้อีก
เมื่อเห็นชื่อสามีโทรเข้า
เลย์ที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงควานหาหูฟังจากโต๊ะข้างหัวเตียง
วันนี้ส่งลูกๆเข้านอนเร็วเป็นพิเศษแม้ว่าจะเพิ่งสองทุ่มแต่เด็กๆเหนื่อยมากจากการเดินทาง
ผิดกับเลย์
“ฮัลโหลคริส ได้ยินมั้ย?” เห็นหน้าสามีแล้วผ่านหน้าจอ
ร่างบางพูดเสียงเบาในห้องที่มืดสลัว
[ได้ยินๆ นั่น...]ร่างสูงเพ่งมองในโทรศัพท์
เห็นร่างขาวจัดเหมือนนอนอยู่บนเตียง เหมือนจะไม่ใส่เสื้อด้วย เห็นหัวเหม่งๆของฟ่านชิงบังอกอวบของเลย์อยู่
คริสพยายามชะโชกหน้ามอง
เผื่อว่าจะเห็นได้ลึกกว่านั้น...
“มองอะไรหน่ะ?!”ปลายสายสะดุ้ง
[เอ่อ ...เปล่า แล้ว... นั่นนอนถอดเสื้อทำไม?]
“ฟ่านชิงอ้อนจะกินนมแม่หน่ะสิ” เป็นครั้งแรกที่คริสรู้สึกว่าลูกเกะกะ...
“ที่นู่นกี่โมงแล้ว?”
[ตีสี่ แต่นอนไม่หลับแล้วเนี่ย]
“หืม ยังปรับตัวไม่ได้สินะ แล้วอี้ชิงล่ะ งอแงบ้างรึเปล่า?” เสียงถอดใจหนักๆทำให้เลย์งง
[แผลงฤทธิ์ตั้งแต่ขึ้นเครื่องเลย รู้มั้ยเลย์
ร้องไห้เสียงดังอย่างกับโลกจะแตก ตอนหัวค่ำก็ไม่ยอมนอน]เลย์หัวเราะเอ็นดูลูก
แต่ก็สงสารสามีไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“โถ น่าสงสารจริงๆ”
[นี่ล้อเลียนหรอ?]
“เปล่า!เปล่านะ ฟังยังไงเนี่ย คิกๆ”
[เธอเป็นคนใส่มินเน่ามาในกระเป๋าใช่มั้ย?]
“อ้อ อื้มใช่ นึกว่าคริสลืมไง ได้ใช้แล้วเหรอ?”
[อืม ได้ใช้แล้ว] คริสยอมให้เป้นแต้มต่อของเลย์ในจุดนี้
ร่างบางรอบคอบกว่าเขา
รู้เรื่องของลูกดีกว่าถ้าไม่มีมินเน่าคริสคงต้องกล่อมอี้ชิงทั้งคืนแน่
“แล้วไปเจอฌานมาเป็นไงบ้าง?”
[ก็ดี]
“แค่นี้หรอ?” สนิทกันมากไม่ใช่หรือไง
ทำไมถึงพูดถึงเพื่อนรักแค่คำว่า ‘ก็ดี’
[โกรธมันอยู่]
“เอ้า...เรื่องอะไรล่ะ?”
[ก็มันอะ!
บอกว่าจะให้ลูกชายมันคนโตที่ชื่อแจ๊คสันอายุห้าขวบมาหมั้นกับอี้ชิง! นี่ฉันไม่ยอมหรอกนะ บ้ารึไงลูกยังเล็กอยู่เลย คิดอะไรแบบนั้น
วิตถารสิ้นดี] คำบอกเล่าของร่างสูงทำให้เลย์ระเบิดหัวเราะจนแทบปิดปากไม่ทันเพราะความลืมตัว
[หัวเราะอะไรเนี่ยเลย์!]
“คิกๆ หัวเราะคริสนั่นแหละ”
“อะไร?!”
“ก็จะไม่ให้หัวเราะได้ไง
ตัวเองพูดเองว่าเรื่องของเด็กๆแต่คริสกำลังคิดมากกับเรื่องเด็กๆที่ว่านั่นอยู่นะ”
อมยิ้มมองใบหน้าสามีที่กำลังฉุนเฉียวผ่านจอโทรศัพท์
[ไม่รู้ล่ะ ใครจะไปรักลูกเท่าฉันไม่มีหรอก
ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะแสนดีหรือหล่อขนาดไหนก็เถอะคนที่จะมาแต่งงานกับลูกได้ต้องหล่อกว่าฉันเสียก่อน]
“พูดแบบนี้คือจะประชดว่าในโลกไม่มีคนหล่อกว่างั้นสิ?”
[แน่นอนอยู่แล้ว]
“โห จ้า...พ่อคนหล่อพ่อลีโอนาโด ดิคาปริโอ” แบะปากหมั่นไส้
ยิ่งเห็นสามีเสยผมสีทองที่เลย์เพิ่งกัดให้เองกับมือ ยิ้มอย่างเจ้าชู้มาให้
[เชื่อเถอะเลย์
เธอหน่ะโชคดีที่สุดแล้วที่ได้แต่งงานกับคนที่หล่อที่สุดในแผนดินจีนอย่างฉัน]
“แหวะ” ถึงจะแหวะแต่เลย์ก็หุบยิ้มไม่ได้เลย
[เลย์...]
“หืม?”
[อยากเห็นหุ่นเธอตอนนี้แบบเต็มๆตัวจังเลย] ได้ยินเสียงประเส่าของสามีแบบนี้แล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ
“ตอนใส่ชุดนอนหน่ะเหรอ?” แสร้งตีมึนใส่
[เปล่า...อ่าห์...ตอนนี้แต่ไม่มีหัวลูกบังอยู่หน่ะ]
“ฮึ...ทะลึ่งแล้ว”
[จริงๆนะ เห็นใจฉันเถอะ ฉันนอนไม่หลับ]ก็รู้ๆกันอยู่ว่ากิจกรรมยามที่ผู้ชายนอนไม่หลับมันคืออะไร
“คิก งั้นเข้าห้องน้ำพร้อมกันนะ”
[เลย์อ่ะ...น่ารักที่สุด]
.
.
.
เจ้าตัวซนตื่นขึ้นมาในอีกสองชั่วโมงหลังจากนั้น
ท้องฟ้าในฟลอริด้าเพิ่งสว่างและร่างสูงก็เพิ่งได้กลับมานอนต่อแค่ไม่นาน
“ป่ะป๊า” ดันกายสูงที่นอนคว่ำอยู่ให้ตื่นแต่ไม่ได้ผล
เหมือนกับมดที่กำลังดันท่อนซุงอยู่ก็ไม่ปานร่างน้อยไหลตัวลงจากเตียงนอนเดินเตาะแตะบนพื้นพรมก็เจอโทรศัพท์เครื่องใหญ่อยู่บนโซฟา
โทรหาหม่ะม๊าดีกว่า!
“ป่ะป๊าหนูเล่นโทรศัพท์นะ” ร่างสูงยังคงหายใจสม่ำเสมอไม่ตอบอี้ชิงหันหลับมาสนใจหน้าจอของตัวเองอีกครั้ง
กดโทรแบบเห้นหน้าตรงไหนนะ?
15 นาทีผ่านไป
“อี้ชิงโทรศัพท์ป่ะป๊าอยู่ไหน?” คริสงัวเงียตื่น
เหมือนจะได้ยินว่าลูกขอเล่นโทรศัพท์
“อยู่ที่หนู ป่ะป๊า โทรหาหม่ะม๊าตรงไหน?” ร่างเล็กยื่นมือถือให้
ตาคริสยังไม่ตื่นดีแต่ดันมาตื่นก็ตรงที่เห็นว่าลูกกำลังดูอะไรอยู่นี่แหละ
เปิดหนังโป๊ได้ไงเนี่ย!
คริสเก็บอย่างดี
แม้แต่เลย์ยังหาไม่เจอเลยนะ!
“วันหลังหนูไม่ต้องกดเองเลยนะ จะใช้ก็บอกป่ะป๊า”
“ค่า” กดไลน์คอลหาเลย์ให้ลูก เพียงไม่นานเลย์ก็รับ
ปล่อยให้ลูกคุยจ๊ะจ๋ากับหม่ะม๊า
ในขณะที่คริสคิดว่าตัวเขาคงจะข่มตานอนต่อไปไม่ได้แล้วจึงลุกไปอาบน้ำ
“ใครบอกว่าหนูดื้อ หนูไม่เห็นดื้อเลย”
[จริงหรอ? ป่ะป๊าฟ้องว่าหนูร้องไห้ตอนอยู่บนเครื่องด้วย]
“หนูเปล่านะ ป่ะป๊าทาโลชั่นที่แขนข้างนี้ของหนูด้วย”
“ครับคุณหนู” คริสแอบบิดปากหมั่นไส้ลูก
คุยกับหม่ะม๊าจ๊ะจ๋าแล้วยื่นแขนซ้ายมาให้ป่ะป๊าทาครีมให้ อย่างกับคุณหนู คุณนาย
ต้องติดนิสัยแม่มันมาแน่ๆ
[แล้ววันนี้จะไปดิสนี่ย์แลนด์กันใช่มั้ย?]
“ใช่ค่า”
[เที่ยวให้สนุกนะ อย่างอแงกับป่ะป๊าด้วย]
“ใครงองแงกับป่ะป๊า ไม่มีสักหน่อย”
[จ้า คนเก่ง แค่นี้แล้วกันนะ]
“ค่า” ส่งโทรศัพท์คืนให้ป่ะป๊าจะไปใส่รองเท้าเตรียมออกจากห้อง
“อี้ชิง ป่ะป๊ามีชุดพิเศษมาให้หนูด้วย”
“โอ้โห!”
.
.
.
น่าแปลกจริงๆที่คืนนี้เลย์นอนไม่หลับ
จึงนั่งติดตามความเคลื่อนไหวของสองพ่อลูกในฟลอริด้า
คริสไลน์เข้ามาตลอดว่าตอนนี้อยู่ไหน กำลังทำอะไร
แม้กระทั่งรูปอาหารเช้าก็ถ่ายมารายงาน ร่างบางนอนกลิ้งไปมาอยู่บนฟูกเพลินๆ
เกือบๆเที่ยงคืนคริสก็เฟสทามเข้ามาอีก
“ว่าไงคริส”
[ถึงดิสนี่ย์แลนด์แล้ว!]กล้องเปิดให้เห็นหน้าตัวเอง
แสงแดดจ้าสะท้อนกับผมสีทองอ่อนของสามีเป็นกระกายยุ่งๆ น้ำเสียงร่างสูงตื่นเต้นพอๆกับเสียงลูกที่แทรกเข้ามาในนั้น
ตื่นเต้นมากที่สุด ร้องเรียกป่ะป๊าป่ะป๊าไม่ขาดสาย
“ไหนๆ ขอเห็นหน้าลูกหน่อย” แกคงจะตื่นเต้นมาก
เลย์นั่งรอให้กล้องสลับจากกล้องหน้าเป็นกล้องหลัง...
ไอคริส!!!!!!!
“คริส!! ทำไมจับลูกแต่งตัวเป็นมินนี่เมาท์!!!”
สามีหัวเราะลั่นที่เห็นเลย์โกรธแต่เขาไม่ตลกนะ! ให้ลูกผู้ชายใส่กระโปรงบานๆ ใส่ไม้คาดผมหูหนูและโบว์ใหญ่ๆ
รับไม่ได้ที่สุดคือให้ลูกใส่รองเท้าหนัง หัวปิด สีดำ มีส้นของเด็กผู้หญิง!
[ฮ่าๆๆๆ อยู่นี่ลูกเป็นของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้]
“เล่นกันแบบนี้หรอคริส!” เลย์เลือดขึ้นหน้า ลูกไม่อายตอนนี้แต่เลย์เชื่อว่าโตขึ้นลูกต้องอายแน่
ทำไมถึงต้องพยายามยัดเยียดความเป็นผู้หญิงให้ลูกด้วย แล้วอี้ชิงเองก็ดูจะเห็นดีเห็นงามถึงได้กรี๊ดๆกระดี๊กระด๊าขนาดนั้น
[พาลูกไปเที่ยวละน้า บ๊ายบาย]กดวางสายไปทิ้งร่างขาวจัดให้นั่งหงุดหงิด
ก่นด่าผัวอยู่คนเดียวโดยที่ทำอะไรไม่ได้คริสนะคริส ก็รู้อยู่ว่าทำแบบนี้เลย์ไม่ชอบ
“อีหมาลอบกัด”
.
.
.
“ป่ะป๊า หนูเดินเอง หนูจะเดินเอง!” มินนี่เมาท์ของคริสดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
หน้าลูกยิ้มไม่หุบเลย เดินเตาะแตะๆโดยมีคริสถือกล้องถ่ายรูปตามหลัง
“โอ๊ะ หนู! นั่นคุณมิกกี้กับคุณมินนี่” คริสชี้ไปที่มาสคอสสองตัว กำลังยืนดุ๊กดิ๊กโบกมือให้เด็กๆ
มีคนจำนวนมากเข้าแถวรอถ่ายรูปด้วย
“คุณมิกกี้ คุณมินนี่!!!” ตะโกนสุดเสียงแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
คริสต้องสาวเท้ายาวๆเข้าไปรวบตัวเด็กน้อยมาอุ้ม สูงก็ยังไม่ถึงเมตร
พุ่งเข้าไปโดนเหยียบแบนพอดี
“หนูรอนี่แหละ เราต้องเข้าแถว” ไม่รีบอยู่แล้วสำหรับคริส
มาที่นี่เพื่อนนั่งเก็บสกอร์รถรางเป็นเพื่อนลูก ดิสนี่ย์แลนด์ก็รู้ๆกันอยู่
ของเล่นมีแต่รถรางวิ่งเข้าไปในห้องมืดๆ
คริสไม่ได้ตื่นเต้นอยากจะรีบๆไปนั่งอยู่แล้ว
นึกถึงตอนที่แกล้งพาเลย์ขึ้นรถไฟเหาะ
ลงมาเมียอ้วกสะใจชิบหาย
“ท่านต่อไปเชิญครับ”
“ถึงตาหนูแล้ว”
“เย้!” ปล่อยลูกลง
เด็กน้อยวิ่งเข้าไปหามาสคอตที่โบกมือมาให้อย่างใจดี ทั้งคุณมิกกี้และคุณมินนี่ก็นั่งลงให้ตัวพอๆกับอี้ชิง
ลูกยิ้มกว้างโชว์ฟันน้ำนมซี่เล็กให้คริสรัวชัตเตอร์ถ่ายภาพ
“เสร็จละอี้ชิง ไปเล่นของเล่นกันเร็ว” ป่ะป๊าจูงมือป้อมของลูกให้ออกจากจุดถ่ายรูปให้คนต่อไปเข้ามาถ่ายรูปต่อ
แต่เจ้าเด็กซนดันกำกระโปรงคุณมินนี่ไว้แน่น แม้ว่ามาสคอตจะบ๊ายบายให้หลายทีอารมณ์ไล่แล้วแต่อี้ชิงก็ยังคงกำชายกระโปรงมาสคอตไว้
เงยมองตัวการ์ตูนในดวงใจเหมือนอยากจะอยู่ด้วย
“อี้ชิง เราต้องไปแล้วนะ”
“ป่ะป๊าอยากไปก็ไปเล่นเลย หนูจะอยู่นี่”
“ไม่ได้นะ คุณมินนี่เขาต้องทำงาน”
“หนูจะอยู่นี่!” ร่างสูงส่ายหัว
พูดซอรี่กับเจ้าตัวมาสคอต
“เดี๋ยวเราจะกลับมาทีหลังนะ คุณมิกกี้คุณมินนี่เขาไม่ไปไหนหรอก” จับลูกอุ้มขึ้นเดินหนีจากจุดนั้น ไม่แยแสแม้ว่าเด็กน้อยจะร้องโวยวายก็ตาม
.
.
.
ถึงแม้อี้ชิงจะโกรธคริสมากที่พลัดพรากพี่มิกกี้และพี่มินนี่ไปจากตัวเอง
แต่เด็กลืมง่ายกว่าสิ่งใดเป็นข้อนึงที่พ่อแม่ควรรู้ เพราะแค่คริสพามานั่งเรือในคลองรอบเกาะดิสนี่ย์เจ้าปากแดงก็ลืมเรื่องบาดหมางในจิตใจเสียจนหมดจากนั้นก็ต่อด้วยการล่าสกอร์รถรางอย่างที่คริสเคยเกริ่น
สมัยนี้ทำฉากได้ค่อนข้างสมจริงสมจังทีเดียวแม้แต่คนเป็นผู้ใหญ่เองก็ยังอดทึ่งไม่ได้
“ป่ะป๊านั่นนี้เป็นสโนว์ไวท์หรอ?” คริสเลือกเอาแต่เครื่องเล่นที่ใช้เวลาต่อแถวน้อยที่สุด
ซึ่งก็คงเป็นอันนี้ล่ะ การผจญภัยของสโนว์ไวท์ รอแค่สามสิบนาที
แถวค่อยๆร่นลงเรื่อยๆจนใกล้จะถึงตาของคริสกับลูก
ร่างสูงใส่ใจที่จะมองไปรอบๆดูบรรยากาศที่มีเด็กแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเยอะแยะมากมาย และช่วยอี้ชิงเลือกสีรถรางที่จะนั่ง
ร่างสูงเริ่มสัมผัสได้ถึงความแปลกเมื่อรถรางคันที่เข้าไปเล่นก่อนออกมามีแต่เด็กร้องไห้กอดพ่อแม่แน่นจนต้องสั่งหยุดรถเป็นพักๆ
ไม่มีอะไรหรอกมั้งเด็กๆคงจะแค่กลัวความมืด
“เชิญครับ” พนักงานผายมือเชิญให้สองพ่อลูกเข้าไปนั่ง รถลางขนาดสี่ที่เลื่อนไปเรื่อยๆไม่หยุดรอทำให้ร่างสูงต้องนั่งหน้าคู่กับลูก
“หนูพร้อมแล้วยัง?!” สร้างความฮึกเหิมให้ร่างน้อยเมื่อคานเหล็กล๊อคยึดร่างผู้โดยสารกับที่นั่งแล้ว
“พร้อม!” รถรางเลื่อนไปตามทางของมัน
ฉากแรกเป็นฉากที่แม่เลี้ยงกำลังสั่งให้นายพรานไปตามฆ่าสโนว์ไวท์
กุ๊กกู๋
กุ๊กกู๋ กุ๊กกู๋ กุ๊กกู๋ กุ๊กกู๋
ซาวน์เป็นป่าเงียบๆและเสียงนกฮูกร้องเซ็งแซ่
สโนว์ไวท์วิ่งเข้าไปในป่าลึกเป็นจุดที่รถรางสะบัดแรงมาก
มาถึงจุดที่ราชินีใจร้ายแปลงร่างจากราชินีเป็นแม่มด
พรึ่บ!!
“เฮ้ย!!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!” ผู้หญิงที่นั่งข้างหลังมาด้วยหวีดลั่น
อย่าว่าแต่เขาเลย คริสเองยังตกใจเพราะจู่ๆก็เล่นแปลงร่างพรึ่บแบบนี้ตกใจหมดเลย!
แล้วมินนี่เมาท์ข้างตัวคริสนี่
“ฮือ!! ป่ะป๊า! หนูจะหาหม่ะม๊า!!!!”
ไม่เหลือ...
.
.
.
กว่าคริสจะปลอบลูกให้หายงอแงได้ก็ต้องเล่นใหญ่อยู่พอสมควร
ขวัญเสียขั้นสุดยอด ใจจริงถ้ากระโดดลงจากรถรางตอนนั้นได้อี้ชิงคงทำไปแล้ว
ลูกเอาตัวออกมาจากคานเหล็กได้แล้วล่ะเพราะตักพ่อมันหนากว่าตักลูกมาก
โถมตัวเข้ากอดร่างสูงร้องไห้จ้า จนคริสต้องกอดแน่น กลัวลูกจะตกรถ ห้องก็มืด
รถรางก็วิ่งอยู่ตลอด ลูกตกลงไปล่ะซวยแน่
หลังจากทานอาหารเย็น
ตอนนี้อี้ชิงหยุดร้องไห้ไปแล้วเพราะคริสควักตังค์ซื้อลูกโป่งกับหมวกให้
รวมค่าของฝากให้พี่ๆอีกสามคนแล้วคริสเสียไปมากทีเดียว ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ
ผู้คนมานั่งจับจองที่ดูขบวนพาเรดไฟในตอนกลางคืนที่อลังการไม่แพ้ตอนกลางวันเลย
บรรดาหุ่น รถ หรือคนแสดงในพาเรดตอนกลางคืนจะถูกประดับประดาด้วยฟลอดไฟแสงสีตระการตา
ทำให้เด็กๆตื่นเต้น ยกตัวอย่างเด็กที่กำลังตื่นเต้นอยู่บนคอคริสนี่
“ป่ะป๊า! หนูอยากได้สูงกว่านี้อีก!” อยากจะเห็นมุมที่ดีที่สุดสำหรับคนมาหลัง
เลยต้องใช้ตัวต่อมีชีวิตอย่างคริสให้ทำตามใจอยาก
“นี่สูงสุดๆแล้วลูก” อยากได้สูงกว่านี้ต่อตัวขึ้นไปเลยมั้ยล่ะ
ร่างสูงบ่นในใจเพราะตลอดชีวิตมั่นอกมั่นใจมาตลอดว่าตัวเองสูงมาก
จนพอลูกมาพูดแบบนี้แหละถึงได้รู้สึกว่าตัวเองสูงไม่พอ
“ป่ะป๊าเขย่งได้มั้ยคะ! หนูมองหน้าคุณนางเงือกไม่เห็น!”
กระทุ้งตัวอยู่บนบ่ากว้างจนคริสต้องจับขาเล็กนั่นแน่นๆ
“ป่ะป๊าเขย่งแล้วลูก” โกหกทั้งเพ จะให้คริสเขย่งได้ไง
ได้ล้มพอดี โวยวายอยากได้นู่นอยากได้นี่
บอกตรงๆว่าถ้าไม่ใช่ลูกในไส้คริสไม่มีทางยอมแน่นอน
“งั้นป่ะป๊ากระโดดเลย!”
ความคิดพิสดารแบบนี้หาได้ที่แม่มันคนเดียวคริสรับรอง!
ขบวนราเพดจบลงด้วยความประทับใจของทุกๆคน
รวมถึงเจ้าตัวนุ่มในอ้อมกอดของคริสเองที่เจี๊ยวจ๊าวพูดเป็นต่อยหอย
ร่างสูงได้แต่อมยิ้มเออ ออไปกับคำลูกขณะพาออกจากสวนสนุก ร่างสูงที่อุ้มอี้ชิงอยู่
อีกทั้งถือทั้งถุงของฝากและลูกโป่ง เต็มไม้เต็มมือไปหมด
“หนูสนุกมากเลย เรามากันอีกนะคะ” ซบไหล่กว้างพูดอ้อนป่ะป๊า
ร่างสูงกระชับวงแขนเมื่อรู้สึกว่าอากาศกำลังเริ่มหนาว
“ครั้งหน้าพาพี่ๆกับหม่ะมามาด้วยเนอะ เมื่อไหร่ดี?”
“พรุ่งนี้เลย”
“หนูตลกแล้ว พรุ่งนี้เราจะกลับไปหาหม่ะม๊ากันแล้วนะ”
“ฮ๊าวว จริงด้วย หม่ะม๊า” เด็กน้อยหาวหวอดเพราะเวลาตอนนี้ก็มืดแล้ว
“หรือว่าหนูไม่อยากกลับ?”
“ไม่ค่ะ หนูอยากกลับ หนูคิดถึงหม่ะม๊า”คริสยิ้มออกมาน้อยๆ
มองหาแท๊กซี่เพื่อโบกกลับโรงแรม
“หม่ะม๊าคงดีใจนะถ้ารู้ว่าอี้ชิงคิดถึง หม่ะม๊าก็คงคิดถึงหนูนะ
ครั้งหน้าถ้ามาพร้อมกันคงสนุกมากเลยหนูว่ามั้ย?”คำถามที่ไร้คำตอบ
เพราะว่าคนในอ้อมกอดนั้นหลับไปแล้ว หายใจสม่ำเสมอ แก้มนุ่มซบไหล่ของคริส
แพขนตาที่เหมือนแม่ปิดแนบกันพวงแก้มระเรื่อน่ารัก
มันทำให้คริสหายเหนื่อยจริงๆแม้ว่าจะหนักและเมื่อยมากก็ตามเพราะลูกได้เล่นจนเหนื่อยและมีความสุขขนาดนี้
คริสพูดจริงๆ
เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนคนไหนรักลูกไปมากกว่าเขาอีก ถึงแม้ว่าเวลาเจ็บหรือกลัว
ลูกๆมักจะคิดถึงหม่ะม๊าก่อน เวลากอดก็จะกอดหม่ะม๊าก่อน
หรือจะคิดถึงหม่ะม๊าก่อนทุกครั้งที่เหงา
แต่คนเป็นพ่อแค่ได้มองดูลูกเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ตรงนี้มันก็มีความสุขแล้ว
“ป่ะป๊าก็รักลูกมากไม่แพ้หม่ะม๊าเลยนะ รู้มั้ย?”
แถม...
“ฌาน ฌานแย่แล้ว!”
“มีอะไรที่รัก?” ร่างสูงตกใจเมื่อเห็นภรรยาวิ่งหน้าตื่นมาหาเขา
ฌานจะเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน
“ลูก ...แจ๊คสัน ไม่ยอมกินข้าวเลย ขังตัวเองอยู่ในห้อง”
“แจ๊คสัน!”
คนเป็นพ่อรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน แน่นอนว่าป๋ายเซียนต้องวิ่งตามขึ้นไป
ลูกชายคนโตไม่เคยเป็นแบบนี้ แจ๊คสันไม่เคยซึมเศร้าถึงขนาดขังตัวเองไม่ยอมกินข้าวกินปลา
“ลูก!” แดดดี้ของแจ๊คสันผลักประตูห้องลูกอย่างแรงด้วยความเป็นห่วง
ในห้องพบว่าเด็กชายวัยห้าขวบกำลังนั่งกอดเข่าหันหน้าไปทางหน้าต่าง
“แดดดี้ไม่ต้องเข้ามา แจ๊คสันอยากอยู่คนเดียว!”
“อย่ามาทำแบบนี้กับแดดดี้นะเจ้าเสือ!” ใครสอนให้พูดแก่แดดแก่ลม
แดดี้อุส่าห์เป็นห่วง
“ฮึก...ผมอยากอยู่คนเดียว” ได้ยินเสียงลูกร้องกระซิกๆ
แล้ว ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ อดไม่ได้ที่ใจจะอ่อนยวบ
“มีอะไร ไหนพูดกับแดดดี้แบบเปิดอกสิ” ทรุดตัวนั่งลงในท่ากอดเข่าแบบเดียวกับลูกชาย
แจ๊คสันหันหน้าหนี ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของผู้ชายที่แดดดี้เรียกว่าเสือ (?)
อย่างเขา
“เขา...ไปแล้วจริงๆหรอฮะ?”
“หา? เขา? เขานี่ใคร?” คงมีเพียงป๋ายเซียนที่รู้เรื่อง
ยืนพิงประตูห้องนอนอมยิ้มอยู่คนเดียว
ป๊อปปี้เลิฟเล่นงานลูกชายเข้าแล้วสิ
“อี้ชิง ฮึก...” ไหนบอกให้เราเป็นบอยเฟรน
พอรับรักเราแล้วก็ทิ้งขว้างจะไปก็ไม่บอก แบบนี้รึไง?
“ห๊ะ อี้ชิง? อี้ชิงกลับจีนไปแล้วไง ทำไมหรอ?” แดดดี้ไม่รู้ความรู้สึกของลูกเลยจริงๆ
“ก็แดดดี้อ่ะ!ปล่อยให้อี้ชิงกลับจีนไปได้ไง! อี้ชิงเขาเป็นเกิลเฟรนนะ! เป็นเกิลเฟรนของแจ๊คสัน!”
ยันตัวขึ้นจากการนั่ง กำปั้นทุบพ่อด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
ไม่อยากโทษว่านี่เป็นความผิดของตัวเอง
“What?!!!” ฌานงงตาแตกหันมองลูกสลับกับภรรยาที่ยืนอยู่หน้าห้อง
ป๋ายเซียนทำเพียงไหวไหล่เท่านั้น ไม่ตอบอะไรเพื่อแถลงไขเลย“เดี๋ยวนะลูก
อี้ชิง เป็นเด็กผู้ชายนะจะเป็นเกิลเฟรนได้ไง?”
“อะไรนะฮะ?!”
“อี้ชิง เป็นเด็กผู้ชายนะ เป็นเกิลเฟรนให้แจ๊คสันไม่ได้หรอก”
“ไม่! ไม่จริง!!!”
นี่เป็นคำบอกเลิกที่เจ็บที่สุดในชีวิตของแจ๊คสันเลย
จุใจกันเลยนะสำหรับตอนนี้ รู้สึกลำเอียงกับอี้ชิงยังไงก็ไม่รู้ ; ; ฮ่าๆๆ
เอ็นจอยรีดดิ้งนะคะ แล้วก็ฝากติดแทก #ฟิคคู่กัดkl หรือคอมเมนต์ด้วยนะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ
ความคิดเห็น