ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ | MarkBam (THAI)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.64K
      321
      4 ก.ค. 59

    ลงครั้งแรก 29 มิถุนายน 2559

     

    “พี่ชายคะ.. เสียงหวานใสของผู้เป็นน้องสาวเรียกให้ราชนิกูลหนุ่มซึ่งกำลังเพ่งความสนใจไปกับหนังสือวรรณกรรมเล่มใหญ่ในมือให้เงยหน้าขึ้นมาสนใจได้อย่างไม่ยาก แขนเรียวอ้าออกรับร่างของน้องที่กำลังเดินมาหาให้เข้ามาสู่อ้อมกอด หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศซบหน้าลงกับอกบางของผู้เป็นพี่ชายขณะที่ดวงหน้าหวานก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจ


    เศร้าใจที่พี่ต้องมารับเรื่องวุ่นวายนี้แทนตนเอง


    “หญิงเป็นอะไรคะ ทำไมเรียกพี่เสียงอ่อนอย่างนี้?”ว่าพลางใช้ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าของน้องนิ่ง คุณหญิงบิ๋มได้แต่ส่ายหน้าบอกกับพี่ชายว่าเธอไม่เป็นอะไร แม้ในอกจะรู้สึกผิดมากมายแค่ไหนก็ตาม พี่ชายต้องมาแต่งงานกับผู้ชาย ต้องมาถูกถอดยศก็เพราะเธอ


    หากเธอเรียนจบแล้วเรื่องราวพวกนี้มันคงมีทางออกที่ดีกว่านี้แน่


    พี่ชายเสียสละแทนเธอมาตลอด ยอมไปเรียนเมืองนอกแทนเพราะกลัวว่าน้องจะใช้ชีวิตเมืองนอกคนเดียวไม่ไหว กลับมาก็ยังต้องมาเข้าพิธีแต่งงานแทนเธออีก หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือตอบแทนพี่ชายของเธอคนนี้อย่างไรถึงจะทดแทนได้หมด


    แลกด้วยทั้งชีวิตก็ยังไม่ได้เลย


    “พี่ชายตัดสินใจเรื่องงานแต่งอีกทีได้หรือไม่คะ?” เอียงคอมองหน้าของผู้เป็นพี่ขณะที่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ก็ได้แต่ยกยิ้มบางเบาขึ้นที่ริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าไปมาปฏิเสธคำขอของน้องสาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ยอมทำตามที่เด็กหญิงในอ้อมแขนปรารถนา กันต์พิมุกต์ไม่ได้มีทางเลือกมากมายขนาดนั้นหรอก


    เขาจะทบทวนเรื่องนี้ใหม่ทำไมกันในเมื่อสุดท้ายแล้วผลมันก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม


    “แต่พระยศ..


    “ในชีวิตของหญิงนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่จะรักษาเอาไว้ให้หญิงได้ หากจะมีใครสักคนที่ต้องถูกถอดยศพี่ขอเป็นคนนั้นเอง หญิงเป็นเหมือนเจ้าหญิงของพี่ พี่คงยอมไม่ได้หากหญิงจะต้องกลายเป็นเพียงแค่นางสาวกานต์นพิศ” มือเรียวลูบกลุ่มผมนุ่มมือของน้องอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมทอประกายเอื้อเอ็นดูแบบที่มีมาตลอดขณะที่มองร่างน้อยของน้องสาวในอ้อมกอด คุณหญิงส่ายหน้า น้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้มเนียน


    ไม่สักนิด เธอไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยสักนิด


    “หรือถ้าวันหนึ่งหญิงต้องกลายเป็นเพียงนางสาวกานต์นพิศจริงๆ พี่ก็ขอให้นั่นเป็นเพราะความประสงค์ของหญิง อย่าให้ต้องได้เป็นเพียงเพราะมีคนมาบังคับจิตใจของหญิงเลย”


    “แล้วหัวใจของพี่ชายเล่าคะ?”


    “มันไม่สมควรมีตั้งแต่ต้นแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวทอดสายตามองใบหน้าหวานสวยของพี่ชาย หลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายของเธอต้องแบกรับอะไรเอาไว้มากมาย หลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายต้องสละความสุขของตัวเองเพื่อคนในครอบครัว เธอเฝ้ามองและชื่นชมพี่ชายคนดีมาโดยตลอด


    ไม่คิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาได้นั่งมองใบหน้าหวานสวยที่เธอชื่นชมทุกครั้งเต็มไปด้วยความทุกข์และความเศร้าหมองเฉกเช่นตอนนี้


    ทำไมถึงบอกให้ทุกคนทำตามหัวใจของตัวเอง ทั้งที่พี่ชายไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นด้วยซ้ำ


    ทำไมต้องแบกรับอะไรเอาไว้คนเดียวมากมายขนาดนี้


    แม้จะเกิดมาเป็นชาย หากแต่ไหล่บอบบางนั่นก็ไม่สมควรที่จะบอกแบกอะไรเอาไว้เพียงคนเดียว


    หญิงขอโทษนะคะที่ช่วยอะไรพี่ชายไม่ได้เลย


    “ทำหน้าอะไรอย่างนั้นคะ วันนี้หญิงพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือไม่ พี่อยากจะไปหาซื้อผ้าผืนใหม่มาทำปลอกหมอนให้ท่านพ่อกับหม่อมแม่สักหน่อย”


    “ว่างค่ะ หญิงเพิ่งจะสอบเสร็จไปเมื่อวาน วันนี้ปิดเทอมแล้วค่ะ” เอ่ยกับผู้เป็นพี่ด้วยรอยยิ้มหวานสวยตามประสาหญิงสาวที่ถูกอบรมมาดี คุณหญิงกานต์นพิศก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกหมายปองจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตา แต่ไม่มีสักคนที่จะได้มีโอกาสสานสัมพันธ์ ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณหญิงเธอไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่อีกส่วนก็เพราะพี่ชายหน้าหวานที่มักจะส่งสายตาเฉยชาใส่ทุกคนที่เข้ามายุ่มย่ามน้องสาวของตัวเองนั่นแหละ


    หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศถึงได้ยังคงสถานะโสดไร้เจ้าของหัวใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้


    คุณชายกันต์พิมุกต์ให้เหตุผลว่าน้องหญิงของเขายังเด็ก รอเรียนจบทำงานก่อนค่อยมาคิดเรื่องนี้ก็ยังไม่สายอะไร


    “งั้นไปห้างหงส์หยกกันนะคะ พี่ได้ข่าวว่าร้านผ้าที่นั่นเอาผ้ามาลงใหม่เมื่อวานนี้” มือน้อยวางหนังสือวรรณกรรมที่อ่านมาตั้งแต่เช้าลงที่โต๊ะข้างลำตัวก่อนจะพยักหน้าเรียกข้าหลวงของวังให้มาเก็บไปไว้ในห้องนอนให้หน่อย ดวงตากลมสำรวจการแต่งกายของน้องหญิงอย่างถี่ถ้วนและเมื่อเห็นว่าสมควรที่จะออกไปด้านนอกได้ มือเรียวจึงจับแขนน้องหญิงมาคล้องเอาไว้ที่แขนของตน ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากตัวตึกไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล


    วันนี้คุณชายจะแสดงฝีมือทำตัวเป็นสารถีขับรถให้น้องสาวเพียงคนเดียวนั่งเสียหน่อย


    “ฉันกับน้องหญิงจะไปห้างหงส์หยก ถ้าท่านพ่อหรือหม่อมแม่เรียกหาช่วยเรียนพวกท่านให้ด้วยนะ” หันไปสั่งกับข้าหลวงคนหนึ่งแถวนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สองพี่น้องจะพากันออกไปด้านนอกวังบ้างในวันเสาร์ที่อากาศแจ่มใสแบบนี้ ไม่บ่อยนักที่คุณชายจะขับรถเอง ส่วนมากจะให้นายสนคนขับรถขับให้เสียมากกว่า


    แต่วันนี้อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวข้างนอกกับน้องสาวเสียที การกลับมาขับรถในรอบหลายเดือนก็คงจะไม่ได้ยากเย็นอะไร


    ถ้าไม่มีใครมาขับก่อกวนเขาเสียก่อนน่ะนะ


    “ห้างหงส์หยกนี่เป็นของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจมิใช่หรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามกับผู้เป็นพี่ขณะที่ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ด้านนอก ชาวบ้านร้านตลาดแถบนี้ค่อนข้างที่จะอัธยาศัยดี คุณหญิงชอบนักแลเวลาที่ได้ออกมานั่งรถเล่นแบบนี้ แต่ด้วยภาระทางด้านการเรียนที่ค่อนข้างหนักทำให้เธอไม่ค่อยจะได้มีโอกาสได้ออกมาเท่าไหร่นัก


    กลับจากมหาวิทยาลัยก็เข้าวังเลยทันที ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มสาววัยเดียวกันหรอก


    ไม่รู้สิ อาจจะเพราะคุณหญิงไม่ค่อยชอบไปเที่ยวด้วยก็ได้กระมัง


    “ก็ถูกของหญิง แต่เราไปซื้อผ้ากันนี่คะ ไม่ได้ไปหาพวกเขาเสียหน่อย”


    “นั่นสินะคะ หญิงก็พูดไปเรื่อยจริงๆ”หัวเราะออกมาเสียงใสตอบผู้เป็นพี่ไป


    ระหว่างทางคุณชายตัวน้อยก็ไต่ถามเรื่องการเรียนของน้องไปเรื่อย รวมไปถึงเรื่องสังคมที่มหาวิทยาลัยตามประสาพี่ชายที่หวงและห่วงน้องสาวจนประคบประหงมไม่ได้ต่างอะไรไปจากไข่ในหิน คุณหญิงไม่ได้คิดว่าการกระทำของพี่ชายเป็นเรื่องที่ผิดอะไร ดีซะอีกที่เธอได้รู้ว่าพี่ชายรักเธอมากแค่ไหนแบบนี้


    นั่นเลยทำให้คุณหญิงสนิทกับพี่ชายมากกว่าหม่อมราชวงศ์กันติภาพี่สาวคนโต รายนั้นน่ะเนี๊ยบกว่าพี่ชายอยู่มาก คุณหญิงกระโดกกระเดกเพียงนิดก็ถูกเรียกไปอบรมจนตะวันตกดินเสียแล้ว คุณชายแบมไม่ลงรอยกับเสด็จปู่ฉันท์ใด คุณหญิงก็ไม่ลงรอยกับหม่อมพี่สาวฉันท์นั้น


    เวลาว่างเลยชอบชวนพี่ชายหนีออกมาจากวังเสมอๆ พอโตขึ้นหน่อยเวลาว่างก็ไม่ค่อยจะมี นานๆทีถึงจะได้หนีเที่ยวแบบที่ทำกันอยู่ตอนนี้


    คิดแล้วก็ได้แต่นึกถึงช่วงเวลาตอนเด็ก แม้จะมีเพื่อนไม่มากเท่าเด็กคนอื่น แต่พี่ชายก็เป็นเพื่อนที่ดีของหญิงเสมอมา หญิงไม่อยากไปเรียนทำอาหารพี่ชายก็เสนอตัวไปเรียนเป็นเพื่อน หญิงไม่อยากจัดดอกไม้พี่ชายก็ยอมสละเวลาอ่านหนังสือมานั่งสอน หากจะว่ากันจริงๆ หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ดูจะเป็นกุลสตรีชาววังมากกว่าเธอเสียอีกด้วยซ้ำไป


    คิดแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นมาคนเดียวเสียจนคนเป็นพี่ได้แต่ขมวดคิ้ว


    น้องหญิงเรียนหนักมากเกินไปหรืออย่างไรกันนะ


    “หญิงออกไปยืนรอพี่สักครู่นะคะ ระวังรถด้วยล่ะ”


    “ได้ค่ะ” คุณชายผู้สูงศักดิ์ขับรถเข้าไปจอดในซองอย่างรวดเร็วหลังจากจอดให้น้องสาวลงด้านหน้าที่จอดก่อนแล้ว เขาไม่อยากให้น้องหญิงออกจากรถลำบาก อะไรที่มันพอจะอำนวยความสะดวกให้น้องหญิงได้ พี่ชายที่แสนดีคนนี้ก็พร้อมทำให้อยู่แล้ว


    ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างบอบบางก็เคลื่อนตัวมายืนข้างผู้เป็นน้องสาวเรียบร้อย มือเรียววางลงบนไหล่บางโอบประครองให้น้องเดินไปด้วยกันซึ่งแน่นอนว่าหญิงบิ๋มก็ซบศีรษะลงกับอกของผู้เป็นพี่เบาๆหนึ่งทีน้อมรับอ้อมแขนอบอุ่นที่เธอได้รับมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ


    ภาพสองพี่น้องที่มองดูแล้วก็น่ารักดีไม่หยอกปรากฏแก่สายตาของบรรดาผู้คนที่มาใช้ศูนย์การค้าในวันหยุดที่เป็นวันพักผ่อนอย่างนี้เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหลายๆคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงนายทหารหนุ่มที่มาเลือกซื้อของสำหรับไปจับฉลากที่สโมสรด้วย ช่วงขายาวก้าวเดินตามร่างน้อยของคนทั้งคู่ไปโดยไม่รู้ตัว


    ไอ้สมชายไม่ยักบอกว่าหม่อมจิณของมันมีน้องสาวด้วย


    แถมยังดูอ่อนหวานน่ารักราวกับโขกกันออกมา


    มาร์คไม่รู้เหมือนกันว่าความตั้งใจในการมาซื้อของขวัญของเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เดินตามสองพี่น้องมายังโซนขายผ้าเสียแล้ว เรียวปากสีชายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้จับจ้องใบหน้าหวานสวยราวกับสตรีเพศของหม่อมผู้สูงศักดิ์ที่กำลังเลือกผ้าสีอ่อนอยู่


    นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั่นดูน่ามองยามที่กำลังจดจ้องอยู่กับอะไรบางอย่าง ส่งผลให้เจ้าของดูอ่อนหวาน น่ารัก ดูหมดจดน่ามองโดยไม่ต้องพยายามทำอะไรเลยแม้แต่น้อย


    นายทหารหนุ่มนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าชายชาตรีอย่างพวกเขามีมุมน่ารักได้ขนาดนี้ด้วยหรือยังไงกัน


    เขาไม่ยักเคยเห็นฆนรุจน้องชายแท้ๆของตัวเองมีมุมแบบนี้บ้างเลย..


    “คุณฆนากรสนใจผ้าตัวไหนหรือคะ ดิฉันจะได้ช่วยเลือกให้ค่ะ” กายโปร่งของเรืออากาศโทฆนากรสะดุ้งเฮือกเมื่อพนักงานสาวเดินเข้ามาถามเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตามประสาพนักงานที่ดี และเสียงเรียกของเธอก็ดังมากพอที่จะทำให้ราชนิกูลหนุ่มผู้ถูกแอบมองมานานแล้วหันมาสนใจทางนี้


    เรียวปากสีสดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนจะก้าวเท้าเดินมาทางเขาพร้อมกับน้องสาวที่กำลังเดินตามมาด้วยกัน มือเรียวยกขึ้นกระพุ่มไหว้คนที่น่าจะอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม คุณชายจำได้ดีว่าคนตรงหน้านี้คือผู้ชายที่เคยไปซื้อขนมจากร้านของเพื่อนสนิทในวันนั้น คนที่เคยคุยกันแล้วจะไม่เดินเข้ามาทักก็ดูจะเสียมารยาท


    หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศมองตามคนที่พี่ชายยกมือขึ้นไหวก่อนจะยกมือขึ้นทำความเคารพตามแม้จะยังไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร นายทหารหนุ่มหันไปบอกกับพนักงานว่าไม่ขอรบกวนดีกว่าหากเลือกได้แล้วเขาจะเดินเอาไปจ่ายเงินที่ช่องชำระเงินเอง เธอจึงยอมถอยกลับออกไป


    ชายหนุ่มยกมือรับไหว้ร่างน้อยทั้งคู่ตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มแหยๆไปให้


    “สวัสดีครับ คุณ..


    “ฆนากรครับ ฆนากรที่แปลว่าเมฆ”


    “อ่อ สวัสดีครับคุณฆนากร นี่น้องสาวของผมหม่อมราชวงศ์กานต์นพิศ” มือเรียวผายไปทางน้องสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง มาร์คส่งยิ้มบางเบาไปให้กับเธอ ดูแล้วอายุอานามคงจะน้อยกว่าน้องชายของเขาอยู่มากโข เรืออากาศโทหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะแก่ขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้


    “คุณฆนากรมาเลือกซื้อผ้าเหมือนกันหรือครับ” เอ่ยถามพลางขมวดคิ้วน้อยๆ ดูๆแล้วชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไม่เหมาะกับการเดินเข้าร้านผ้าเลยสักนิด หากมีคนบอกเขาก็คงจะไม่เชื่อ แต่พอได้มาเห็นกับตาของตัวเองแบบนี้ ไม่เชื่อก็คงจะต้องเชื่อแหละนะ


    “คะ ครับ ซื้อผ้าครับ”


    “ถ้าไม่เห็นกับตาผมก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะครับว่านายทหารยศสูงๆอย่างคุณจะเข้าร้านผ้ากับเขาด้วย” มือเรียวหยิบผ้าเนื้อดีบริเวณที่ชายหนุ่มยืนอยู่ขึ้นมาดูด้วยระหว่างที่เอ่ยถามกับอีกคน


    “งั้นหญิงขอตัวไปดูผ้าทางนั้นก่อนนะคะพี่ชาย”


    “ค่ะ” เอ่ยรับคำของน้องหญิงเสียงนุ่ม หญิงสาวยกมือกระพุ่มไว้เพื่อนของพี่ชายก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังโซนผ้าที่เมื่อครู่ดูค้างเอาไว้


    “ผมไม่ค่อยได้เข้าหรอกครับ พอดีครั้งนี้มีความจำเป็นนิดหน่อย”


    จำเป็นว่าเดินตามหม่อมมาแล้วหม่อมดันเลือกเข้าร้านนี้ผมเลยต้องตามเข้ามาด้วยน่ะครับ


    “ความจำเป็น?”


    “ครับ พอดีต้องซื้อของให้คนพิเศษ” ราชนิกูลหนุ่มถึงบางอ้อก็ครั้งนี้ ที่แท้ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาก็เข้ามาซื้อผ้าสวยๆที่เพิ่งจะมาลงใหม่ไปให้คนรักนี่เอง ไม่น่าล่ะพอเขาหันมาเจอถึงได้ดูตกใจเป็นพิเศษแบบนั้น


    “งั้นผมไม่กวนคุณฆนากรแล้วดีกว่าครับ แต่ผมว่าผ้าแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสำหรับตัดชุดให้ผู้หญิงหรอกนะครับ ไปดูผ้าลายดอกไม้ทางนู้นเห็นจะเหมาะกว่า”


    “ครับ??”


    “ฮ่าๆ ไม่ต้องเขินหรอกครับ ผู้หญิงน่ะชอบลายดอกไม้นะ ผมลาล่ะครับ สวัสดี” ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้อีกคนก่อนจะส่งยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าให้ไป มาร์คมัวตะลึงกับรอยยิ้มนั่นเสียจนฟังไม่ทันว่าคนที่เขาแอบตามมาพูดกับตัวเองว่าอะไร


    รู้ตัวอีกทีหม่อมคนสวยก็เดินวนกลับไปยังโซนผ้าที่ดูอยู่เมื่อครู่เสียแล้ว


    “ดอกไม้หรือ ทำไมต้องดอกไม้ ท่านนายพลจะชอบดอกไม้หรอวะ?” พึมพำกับตัวเองเสียเบาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมเดินไปซื้อผ้าลายดอกไม้ที่อีกคนแนะนำกลับบ้านเสียอย่างนั้น


    สงสัยปีนี้เขาคงได้เอาผ้าลายดอกนี่ไปจับของขวัญที่สโมสรจริงๆแล้วล่ะ..



                          

    “ไหนเฮียพูดใหม่อีกที่ซิ” สมชายขมวดคิ้วขณะที่จ้องหน้าคนที่เขานับถือไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆไปด้วย สมชายถูกทิ้งระหว่างที่ออกไปซื้อของขวัญไปจับที่สโมสรด้วยกันเมื่อบ่ายนี้ เขามัวเลือกเครื่องแก้วเนื้อดีอยู่พักเดียวร่างสูงโปร่งของพี่ชายคนสนิทก็หายไปเสียแล้ว สมชายนั่งรอที่นั่นอยู่เป็นชั่วโมงคนที่รอก็ไม่ยอมกลับมาเสียที


    ชายหนุ่มจึงตัดใจจ้างรถรับจ้างแถวนั้นให้มาส่งที่บ้านวิรุฬห์ธนกิจเพื่อหวังว่าถ้าหากรุ่นพี่หาเขาไม่เจอแล้วกลับมาที่บ้านจะได้ไม่คลาดกัน แต่ที่ไหนได้เขากลับต้องมาเจ็บปวดเมื่อนายทหารที่ไม่เคยทำงานผิดพลาดเลยให้เหตุผลที่หายไประหว่างเลือกซื้อของด้วยกันว่า “โทษทีว่ะ กูลืมว่าเอามึงไปด้วย”


    ให้ตายสิ เขาควรจะรู้สึกอย่างไรดี


    “โอ๊ยเฮียยย ผมไม่ใช่ว่าตัวเท่ามดนะจะได้มาลืมกันได้”


    อยากจะบอกเหลือเกินว่าเดินตามคนไปจนลืมไปหมดว่ามาไปที่นั่นทำไม ไปกับใคร และจุดประสงค์คืออะไร รู้ทางกลับบ้านมาแค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว


    มือใหญ่วางถุงที่ได้มาจากร้านขายผ้าลงข้างกายของน้องรักก่อนจะถอยหายใจออกมาแรงๆ มาร์คกำลังคิดว่าเขาชักจะเป็นเอามากแล้ว ช่วงนี้ทำงานหนักจนเบลอหรืออย่างไร ทำไมถึงได้ทำอะไรไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้ หากเป็นเช่นนี้เวลาขับเครื่องบิน เขาคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่บ้านเฉกเช่นวันนี้หรอก


    “แล้วถุงนี่คืออะไร ซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่ให้คุณนายนวลหรือไง??” เอ่ยถามพลางหยิบผ้าเนื้อดีที่เฮียซื้อมากางออกดูโดยไม่คิดจะอนุญาตก่อน ฆนากรส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซื้อมาทำไม


    “หรือว่าเฮียจะเอาไปจับของขวัญ?”


    “งั้นมั้ง”


    “โอ๊ยตาย เฮียทำงานหนักมากหรือไง กรมเรามีแต่ผู้ชายวัยกลัดมัน พวกมันจะเอาผ้าลายดอกสีหวานนี่ไปทำอะไรกัน” สมชายถอยหายใจออกมาให้กับการเลือกซื้อของไปเรื่อยของเฮีย เขาล่ะเหนื่อยใจนัก ไอ้เรื่องทิ้งเขาไว้ที่ห้างนี่ก็เรื่องหนึ่ง ยังจะมาเรื่องซื้อของนี่อีก


    ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกัน เขานึกอยากจะพาร่างสูงนี่ขึ้นรถไปโรงพยาบาลนัก


    ไปให้หมอตรวจเสียหน่อยว่าช่วงนี้สติสตังของเฮียทำงานผิดปกติหรือเปล่า


    “ไม่รู้เว้ย! ซื้อมาแล้ว มึงจะให้กูเอาไปคืนเขาหรือวะ” ว่าพลางตวัดดวงตาคมมองหน้าน้องชายคนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ไกล สมชายยัดผ้าผืนใหญ่ลงไปในถุงเหมือนเดิม จะว่าไปแล้วการที่เฮียจะซื้ออะไรมาจับของขวัญมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาหรอก


    ที่สงสัยคือเฮียคิดอะไรตอนเดินเข้าไปเลือกซื้อมาต่างหาก


    หรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะซื้อแต่มีเหตุจำเป็นให้ต้องซื้อ


    “ใครแนะนำให้เฮียซื้อผ้านี่มา บอกผมมาเสียดีๆ” จ้องตาคู่สวยนั่นอย่างเอาเรื่อง


    อย่างไรวันนี้เขาก็ต้องรู้ให้ได้


    “เอาเป็นว่ากูซื้อมาแล้ว มึงจะถามทำไมให้มันมากความวะ” ยกน้ำดื่มที่แม่บ้านเพิ่งจะนำมาวางให้กระดกเสียจนหมดแก้วดับความกระหายในหัวใจ สมองของเขาตอนนี้ยังมีใบหน้าของใครบางคนลอยไปลอยมาอยู่เลย คนๆนึงจะมามีอิทธิพลกับคนอื่นได้มากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน


    หม่อมจิณนี่อย่างไร เจอกันเพียงไม่นานแต่กลับทำให้ชายชาติทหารอย่างเขาคิดถึงได้จนถึงตอนนี้


    แปลกคนเสียจริง!


    “ไปเจอใครที่ห้างมา เฮียบอกผมมาเสียดีๆ”


    “เจอหม่อม”


    “หม่อมไหน?”


    “หม่อมจิณของมึงนั่นประไร!” ตะโกนออกมาเสียงดังเสียจนสมชายสะดุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังยกริมฝีปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้มล้อเลียนคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เป็นคนหลังเขามาเสียก็ตั้งนาน พอได้ลงมาจากเขาหน่อยนี่เอาใหญ่เลยนะเฮีย


    หลงหม่อมคนสวยเข้าให้เสียแล้วงั้นสิ


    “ร้ายนักนะเฮีย”


    “เรื่องของกูเถอะ ว่าแต่หม่อมจิณของมึงเขามีน้องสาวด้วยหรือวะ” ขมวดคิ้วถามเสียจนสมชายต้องขมวดคิ้วตาม เรื่องนี้เขาเองก็ไม่เคยได้ยิน ถ้าถามว่าหม่อมแบมมีน้องไหมอันนี้ตอบได้ง่ายเลยเพราะหม่อมเธอขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวเสียจนรู้กันทั่วพระนคร


    แต่เรื่องน้องสาวของหม่อมจิณ อันนี้ยังไม่เคยมีใครพูดถึง


    แต่ถ้าเฮียเจอหม่อมจิณตัวจริงมากับน้องก็แสดงว่าหม่อมเธอก็มีน้อง


    ก็คงนั่นแหละ


    เธอก็คงจะมีน้อง


    “มีมั้งเฮีย”


    “ถึงว่า.. หน้าเหมือนกันอย่างกับถอดกันมาอย่างนั้นแหละ” สมชายเองก็คิดเหมือนกันนะ ว่าเรื่องที่หม่อมเธอมีน้องหรือไม่มีนี่มันเกี่ยวกับการที่เฮียไปซื้อผ้าลายดอกมาอย่างไร


    แล้วสรุปเฮียจะเอาผ้านี่ไปจับของขวัญจริงๆงั้นหรือ


    “แล้วเรื่องของขวัญที่จะเอาไปจับล่ะเฮีย??”


    “เออน่า เอาอันนี้นี่แหละ จับได้ไปก็เอาไปให้เมียให้แม่อะไรก็แล้วแต่พวกมันเถอะ กูขี้เกียจไปซื้อใหม่แล้ว”


     

    สาธุ.. ขอให้สมชายอย่าจับได้ของขวัญของเฮียเลย..

     

     


     

    TALK

    เห็นคอมเม้นแล้วแอบดีใจค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว 555

    ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เม้าท์กันในทวิตเตอร์ได้นะคะ เผื่อมีตรงไหนอยากติอยากบอกอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ ^^


    ดิสอิส คุณ ฆนรุจ วิรุฬห์ธนกิจ >////<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×