คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒
ลงครั้งแรก 29 มิถุนายน 2559
๒
“พี่ชายคะ..” เสียงหวานใสของผู้เป็นน้องสาวเรียกให้ราชนิกูลหนุ่มซึ่งกำลังเพ่งความสนใจไปกับหนังสือวรรณกรรมเล่มใหญ่ในมือให้เงยหน้าขึ้นมาสนใจได้อย่างไม่ยาก
แขนเรียวอ้าออกรับร่างของน้องที่กำลังเดินมาหาให้เข้ามาสู่อ้อมกอด หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศซบหน้าลงกับอกบางของผู้เป็นพี่ชายขณะที่ดวงหน้าหวานก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจ
เศร้าใจที่พี่ต้องมารับเรื่องวุ่นวายนี้แทนตนเอง
“หญิงเป็นอะไรคะ
ทำไมเรียกพี่เสียงอ่อนอย่างนี้?”ว่าพลางใช้ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าของน้องนิ่ง คุณหญิงบิ๋มได้แต่ส่ายหน้าบอกกับพี่ชายว่าเธอไม่เป็นอะไร
แม้ในอกจะรู้สึกผิดมากมายแค่ไหนก็ตาม พี่ชายต้องมาแต่งงานกับผู้ชาย
ต้องมาถูกถอดยศก็เพราะเธอ
หากเธอเรียนจบแล้วเรื่องราวพวกนี้มันคงมีทางออกที่ดีกว่านี้แน่
พี่ชายเสียสละแทนเธอมาตลอด
ยอมไปเรียนเมืองนอกแทนเพราะกลัวว่าน้องจะใช้ชีวิตเมืองนอกคนเดียวไม่ไหว
กลับมาก็ยังต้องมาเข้าพิธีแต่งงานแทนเธออีก
หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือตอบแทนพี่ชายของเธอคนนี้อย่างไรถึงจะทดแทนได้หมด
แลกด้วยทั้งชีวิตก็ยังไม่ได้เลย
“พี่ชายตัดสินใจเรื่องงานแต่งอีกทีได้หรือไม่คะ?”
เอียงคอมองหน้าของผู้เป็นพี่ขณะที่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ก็ได้แต่ยกยิ้มบางเบาขึ้นที่ริมฝีปากพร้อมกับส่ายหน้าไปมาปฏิเสธคำขอของน้องสาว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ยอมทำตามที่เด็กหญิงในอ้อมแขนปรารถนา
กันต์พิมุกต์ไม่ได้มีทางเลือกมากมายขนาดนั้นหรอก
เขาจะทบทวนเรื่องนี้ใหม่ทำไมกันในเมื่อสุดท้ายแล้วผลมันก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม
“แต่พระยศ..”
“ในชีวิตของหญิงนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่จะรักษาเอาไว้ให้หญิงได้
หากจะมีใครสักคนที่ต้องถูกถอดยศพี่ขอเป็นคนนั้นเอง หญิงเป็นเหมือนเจ้าหญิงของพี่
พี่คงยอมไม่ได้หากหญิงจะต้องกลายเป็นเพียงแค่นางสาวกานต์นพิศ”
มือเรียวลูบกลุ่มผมนุ่มมือของน้องอย่างแผ่วเบา
ดวงตากลมทอประกายเอื้อเอ็นดูแบบที่มีมาตลอดขณะที่มองร่างน้อยของน้องสาวในอ้อมกอด
คุณหญิงส่ายหน้า น้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้มเนียน
ไม่สักนิด
เธอไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยสักนิด
“หรือถ้าวันหนึ่งหญิงต้องกลายเป็นเพียงนางสาวกานต์นพิศจริงๆ
พี่ก็ขอให้นั่นเป็นเพราะความประสงค์ของหญิง
อย่าให้ต้องได้เป็นเพียงเพราะมีคนมาบังคับจิตใจของหญิงเลย”
“แล้วหัวใจของพี่ชายเล่าคะ?”
“มันไม่สมควรมีตั้งแต่ต้นแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวทอดสายตามองใบหน้าหวานสวยของพี่ชาย หลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายของเธอต้องแบกรับอะไรเอาไว้มากมาย
หลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายต้องสละความสุขของตัวเองเพื่อคนในครอบครัว
เธอเฝ้ามองและชื่นชมพี่ชายคนดีมาโดยตลอด
ไม่คิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาได้นั่งมองใบหน้าหวานสวยที่เธอชื่นชมทุกครั้งเต็มไปด้วยความทุกข์และความเศร้าหมองเฉกเช่นตอนนี้
ทำไมถึงบอกให้ทุกคนทำตามหัวใจของตัวเอง
ทั้งที่พี่ชายไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นด้วยซ้ำ
ทำไมต้องแบกรับอะไรเอาไว้คนเดียวมากมายขนาดนี้
แม้จะเกิดมาเป็นชาย หากแต่ไหล่บอบบางนั่นก็ไม่สมควรที่จะบอกแบกอะไรเอาไว้เพียงคนเดียว
หญิงขอโทษนะคะที่ช่วยอะไรพี่ชายไม่ได้เลย
“ทำหน้าอะไรอย่างนั้นคะ
วันนี้หญิงพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือไม่ พี่อยากจะไปหาซื้อผ้าผืนใหม่มาทำปลอกหมอนให้ท่านพ่อกับหม่อมแม่สักหน่อย”
“ว่างค่ะ หญิงเพิ่งจะสอบเสร็จไปเมื่อวาน วันนี้ปิดเทอมแล้วค่ะ” เอ่ยกับผู้เป็นพี่ด้วยรอยยิ้มหวานสวยตามประสาหญิงสาวที่ถูกอบรมมาดี
คุณหญิงกานต์นพิศก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกหมายปองจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตา
แต่ไม่มีสักคนที่จะได้มีโอกาสสานสัมพันธ์
ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณหญิงเธอไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก
แต่อีกส่วนก็เพราะพี่ชายหน้าหวานที่มักจะส่งสายตาเฉยชาใส่ทุกคนที่เข้ามายุ่มย่ามน้องสาวของตัวเองนั่นแหละ
หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศถึงได้ยังคงสถานะโสดไร้เจ้าของหัวใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้
คุณชายกันต์พิมุกต์ให้เหตุผลว่าน้องหญิงของเขายังเด็ก
รอเรียนจบทำงานก่อนค่อยมาคิดเรื่องนี้ก็ยังไม่สายอะไร
“งั้นไปห้างหงส์หยกกันนะคะ พี่ได้ข่าวว่าร้านผ้าที่นั่นเอาผ้ามาลงใหม่เมื่อวานนี้”
มือน้อยวางหนังสือวรรณกรรมที่อ่านมาตั้งแต่เช้าลงที่โต๊ะข้างลำตัวก่อนจะพยักหน้าเรียกข้าหลวงของวังให้มาเก็บไปไว้ในห้องนอนให้หน่อย
ดวงตากลมสำรวจการแต่งกายของน้องหญิงอย่างถี่ถ้วนและเมื่อเห็นว่าสมควรที่จะออกไปด้านนอกได้
มือเรียวจึงจับแขนน้องหญิงมาคล้องเอาไว้ที่แขนของตน
ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากตัวตึกไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล
วันนี้คุณชายจะแสดงฝีมือทำตัวเป็นสารถีขับรถให้น้องสาวเพียงคนเดียวนั่งเสียหน่อย
“ฉันกับน้องหญิงจะไปห้างหงส์หยก ถ้าท่านพ่อหรือหม่อมแม่เรียกหาช่วยเรียนพวกท่านให้ด้วยนะ”
หันไปสั่งกับข้าหลวงคนหนึ่งแถวนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สองพี่น้องจะพากันออกไปด้านนอกวังบ้างในวันเสาร์ที่อากาศแจ่มใสแบบนี้
ไม่บ่อยนักที่คุณชายจะขับรถเอง ส่วนมากจะให้นายสนคนขับรถขับให้เสียมากกว่า
แต่วันนี้อุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวข้างนอกกับน้องสาวเสียที
การกลับมาขับรถในรอบหลายเดือนก็คงจะไม่ได้ยากเย็นอะไร
ถ้าไม่มีใครมาขับก่อกวนเขาเสียก่อนน่ะนะ
“ห้างหงส์หยกนี่เป็นของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจมิใช่หรือคะ?”
เสียงหวานเอ่ยถามกับผู้เป็นพี่ขณะที่ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ด้านนอก
ชาวบ้านร้านตลาดแถบนี้ค่อนข้างที่จะอัธยาศัยดี
คุณหญิงชอบนักแลเวลาที่ได้ออกมานั่งรถเล่นแบบนี้
แต่ด้วยภาระทางด้านการเรียนที่ค่อนข้างหนักทำให้เธอไม่ค่อยจะได้มีโอกาสได้ออกมาเท่าไหร่นัก
กลับจากมหาวิทยาลัยก็เข้าวังเลยทันที
ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มสาววัยเดียวกันหรอก
ไม่รู้สิ
อาจจะเพราะคุณหญิงไม่ค่อยชอบไปเที่ยวด้วยก็ได้กระมัง
“ก็ถูกของหญิง แต่เราไปซื้อผ้ากันนี่คะ
ไม่ได้ไปหาพวกเขาเสียหน่อย”
“นั่นสินะคะ
หญิงก็พูดไปเรื่อยจริงๆ”หัวเราะออกมาเสียงใสตอบผู้เป็นพี่ไป
ระหว่างทางคุณชายตัวน้อยก็ไต่ถามเรื่องการเรียนของน้องไปเรื่อย
รวมไปถึงเรื่องสังคมที่มหาวิทยาลัยตามประสาพี่ชายที่หวงและห่วงน้องสาวจนประคบประหงมไม่ได้ต่างอะไรไปจากไข่ในหิน
คุณหญิงไม่ได้คิดว่าการกระทำของพี่ชายเป็นเรื่องที่ผิดอะไร
ดีซะอีกที่เธอได้รู้ว่าพี่ชายรักเธอมากแค่ไหนแบบนี้
นั่นเลยทำให้คุณหญิงสนิทกับพี่ชายมากกว่าหม่อมราชวงศ์กันติภาพี่สาวคนโต
รายนั้นน่ะเนี๊ยบกว่าพี่ชายอยู่มาก
คุณหญิงกระโดกกระเดกเพียงนิดก็ถูกเรียกไปอบรมจนตะวันตกดินเสียแล้ว
คุณชายแบมไม่ลงรอยกับเสด็จปู่ฉันท์ใด คุณหญิงก็ไม่ลงรอยกับหม่อมพี่สาวฉันท์นั้น
เวลาว่างเลยชอบชวนพี่ชายหนีออกมาจากวังเสมอๆ
พอโตขึ้นหน่อยเวลาว่างก็ไม่ค่อยจะมี นานๆทีถึงจะได้หนีเที่ยวแบบที่ทำกันอยู่ตอนนี้
คิดแล้วก็ได้แต่นึกถึงช่วงเวลาตอนเด็ก
แม้จะมีเพื่อนไม่มากเท่าเด็กคนอื่น แต่พี่ชายก็เป็นเพื่อนที่ดีของหญิงเสมอมา
หญิงไม่อยากไปเรียนทำอาหารพี่ชายก็เสนอตัวไปเรียนเป็นเพื่อน
หญิงไม่อยากจัดดอกไม้พี่ชายก็ยอมสละเวลาอ่านหนังสือมานั่งสอน หากจะว่ากันจริงๆ
หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ดูจะเป็นกุลสตรีชาววังมากกว่าเธอเสียอีกด้วยซ้ำไป
คิดแล้วก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นมาคนเดียวเสียจนคนเป็นพี่ได้แต่ขมวดคิ้ว
น้องหญิงเรียนหนักมากเกินไปหรืออย่างไรกันนะ
“หญิงออกไปยืนรอพี่สักครู่นะคะ ระวังรถด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ”
คุณชายผู้สูงศักดิ์ขับรถเข้าไปจอดในซองอย่างรวดเร็วหลังจากจอดให้น้องสาวลงด้านหน้าที่จอดก่อนแล้ว
เขาไม่อยากให้น้องหญิงออกจากรถลำบาก อะไรที่มันพอจะอำนวยความสะดวกให้น้องหญิงได้
พี่ชายที่แสนดีคนนี้ก็พร้อมทำให้อยู่แล้ว
ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างบอบบางก็เคลื่อนตัวมายืนข้างผู้เป็นน้องสาวเรียบร้อย
มือเรียววางลงบนไหล่บางโอบประครองให้น้องเดินไปด้วยกันซึ่งแน่นอนว่าหญิงบิ๋มก็ซบศีรษะลงกับอกของผู้เป็นพี่เบาๆหนึ่งทีน้อมรับอ้อมแขนอบอุ่นที่เธอได้รับมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ
ภาพสองพี่น้องที่มองดูแล้วก็น่ารักดีไม่หยอกปรากฏแก่สายตาของบรรดาผู้คนที่มาใช้ศูนย์การค้าในวันหยุดที่เป็นวันพักผ่อนอย่างนี้เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหลายๆคนได้เป็นอย่างดี
รวมถึงนายทหารหนุ่มที่มาเลือกซื้อของสำหรับไปจับฉลากที่สโมสรด้วย
ช่วงขายาวก้าวเดินตามร่างน้อยของคนทั้งคู่ไปโดยไม่รู้ตัว
ไอ้สมชายไม่ยักบอกว่าหม่อมจิณของมันมีน้องสาวด้วย
แถมยังดูอ่อนหวานน่ารักราวกับโขกกันออกมา
มาร์คไม่รู้เหมือนกันว่าความตั้งใจในการมาซื้อของขวัญของเขาหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตัวอีกทีก็เดินตามสองพี่น้องมายังโซนขายผ้าเสียแล้ว เรียวปากสีชายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้จับจ้องใบหน้าหวานสวยราวกับสตรีเพศของหม่อมผู้สูงศักดิ์ที่กำลังเลือกผ้าสีอ่อนอยู่
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั่นดูน่ามองยามที่กำลังจดจ้องอยู่กับอะไรบางอย่าง
ส่งผลให้เจ้าของดูอ่อนหวาน น่ารัก ดูหมดจดน่ามองโดยไม่ต้องพยายามทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
นายทหารหนุ่มนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าชายชาตรีอย่างพวกเขามีมุมน่ารักได้ขนาดนี้ด้วยหรือยังไงกัน
เขาไม่ยักเคยเห็นฆนรุจน้องชายแท้ๆของตัวเองมีมุมแบบนี้บ้างเลย..
“คุณฆนากรสนใจผ้าตัวไหนหรือคะ
ดิฉันจะได้ช่วยเลือกให้ค่ะ” กายโปร่งของเรืออากาศโทฆนากรสะดุ้งเฮือกเมื่อพนักงานสาวเดินเข้ามาถามเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตามประสาพนักงานที่ดี
และเสียงเรียกของเธอก็ดังมากพอที่จะทำให้ราชนิกูลหนุ่มผู้ถูกแอบมองมานานแล้วหันมาสนใจทางนี้
เรียวปากสีสดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนจะก้าวเท้าเดินมาทางเขาพร้อมกับน้องสาวที่กำลังเดินตามมาด้วยกัน
มือเรียวยกขึ้นกระพุ่มไหว้คนที่น่าจะอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม
คุณชายจำได้ดีว่าคนตรงหน้านี้คือผู้ชายที่เคยไปซื้อขนมจากร้านของเพื่อนสนิทในวันนั้น
คนที่เคยคุยกันแล้วจะไม่เดินเข้ามาทักก็ดูจะเสียมารยาท
หม่อมราชวงศ์กานต์นพิศมองตามคนที่พี่ชายยกมือขึ้นไหวก่อนจะยกมือขึ้นทำความเคารพตามแม้จะยังไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
นายทหารหนุ่มหันไปบอกกับพนักงานว่าไม่ขอรบกวนดีกว่าหากเลือกได้แล้วเขาจะเดินเอาไปจ่ายเงินที่ช่องชำระเงินเอง
เธอจึงยอมถอยกลับออกไป
ชายหนุ่มยกมือรับไหว้ร่างน้อยทั้งคู่ตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มแหยๆไปให้
“สวัสดีครับ คุณ..”
“ฆนากรครับ ฆนากรที่แปลว่าเมฆ”
“อ่อ สวัสดีครับคุณฆนากร
นี่น้องสาวของผมหม่อมราชวงศ์กานต์นพิศ” มือเรียวผายไปทางน้องสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง
มาร์คส่งยิ้มบางเบาไปให้กับเธอ ดูแล้วอายุอานามคงจะน้อยกว่าน้องชายของเขาอยู่มากโข
เรืออากาศโทหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะแก่ขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้
“คุณฆนากรมาเลือกซื้อผ้าเหมือนกันหรือครับ”
เอ่ยถามพลางขมวดคิ้วน้อยๆ
ดูๆแล้วชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไม่เหมาะกับการเดินเข้าร้านผ้าเลยสักนิด
หากมีคนบอกเขาก็คงจะไม่เชื่อ แต่พอได้มาเห็นกับตาของตัวเองแบบนี้
ไม่เชื่อก็คงจะต้องเชื่อแหละนะ
“คะ ครับ ซื้อผ้าครับ”
“ถ้าไม่เห็นกับตาผมก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะครับว่านายทหารยศสูงๆอย่างคุณจะเข้าร้านผ้ากับเขาด้วย”
มือเรียวหยิบผ้าเนื้อดีบริเวณที่ชายหนุ่มยืนอยู่ขึ้นมาดูด้วยระหว่างที่เอ่ยถามกับอีกคน
“งั้นหญิงขอตัวไปดูผ้าทางนั้นก่อนนะคะพี่ชาย”
“ค่ะ” เอ่ยรับคำของน้องหญิงเสียงนุ่ม
หญิงสาวยกมือกระพุ่มไว้เพื่อนของพี่ชายก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังโซนผ้าที่เมื่อครู่ดูค้างเอาไว้
“ผมไม่ค่อยได้เข้าหรอกครับ
พอดีครั้งนี้มีความจำเป็นนิดหน่อย”
จำเป็นว่าเดินตามหม่อมมาแล้วหม่อมดันเลือกเข้าร้านนี้ผมเลยต้องตามเข้ามาด้วยน่ะครับ
“ความจำเป็น?”
“ครับ พอดีต้องซื้อของให้คนพิเศษ”
ราชนิกูลหนุ่มถึงบางอ้อก็ครั้งนี้
ที่แท้ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาก็เข้ามาซื้อผ้าสวยๆที่เพิ่งจะมาลงใหม่ไปให้คนรักนี่เอง
ไม่น่าล่ะพอเขาหันมาเจอถึงได้ดูตกใจเป็นพิเศษแบบนั้น
“งั้นผมไม่กวนคุณฆนากรแล้วดีกว่าครับ
แต่ผมว่าผ้าแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสำหรับตัดชุดให้ผู้หญิงหรอกนะครับ
ไปดูผ้าลายดอกไม้ทางนู้นเห็นจะเหมาะกว่า”
“ครับ??”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องเขินหรอกครับ
ผู้หญิงน่ะชอบลายดอกไม้นะ ผมลาล่ะครับ สวัสดี”
ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้อีกคนก่อนจะส่งยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าให้ไป มาร์คมัวตะลึงกับรอยยิ้มนั่นเสียจนฟังไม่ทันว่าคนที่เขาแอบตามมาพูดกับตัวเองว่าอะไร
รู้ตัวอีกทีหม่อมคนสวยก็เดินวนกลับไปยังโซนผ้าที่ดูอยู่เมื่อครู่เสียแล้ว
“ดอกไม้หรือ ทำไมต้องดอกไม้
ท่านนายพลจะชอบดอกไม้หรอวะ?” พึมพำกับตัวเองเสียเบาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมเดินไปซื้อผ้าลายดอกไม้ที่อีกคนแนะนำกลับบ้านเสียอย่างนั้น
สงสัยปีนี้เขาคงได้เอาผ้าลายดอกนี่ไปจับของขวัญที่สโมสรจริงๆแล้วล่ะ..
“ไหนเฮียพูดใหม่อีกที่ซิ”
สมชายขมวดคิ้วขณะที่จ้องหน้าคนที่เขานับถือไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆไปด้วย
สมชายถูกทิ้งระหว่างที่ออกไปซื้อของขวัญไปจับที่สโมสรด้วยกันเมื่อบ่ายนี้
เขามัวเลือกเครื่องแก้วเนื้อดีอยู่พักเดียวร่างสูงโปร่งของพี่ชายคนสนิทก็หายไปเสียแล้ว
สมชายนั่งรอที่นั่นอยู่เป็นชั่วโมงคนที่รอก็ไม่ยอมกลับมาเสียที
ชายหนุ่มจึงตัดใจจ้างรถรับจ้างแถวนั้นให้มาส่งที่บ้านวิรุฬห์ธนกิจเพื่อหวังว่าถ้าหากรุ่นพี่หาเขาไม่เจอแล้วกลับมาที่บ้านจะได้ไม่คลาดกัน
แต่ที่ไหนได้เขากลับต้องมาเจ็บปวดเมื่อนายทหารที่ไม่เคยทำงานผิดพลาดเลยให้เหตุผลที่หายไประหว่างเลือกซื้อของด้วยกันว่า
“โทษทีว่ะ กูลืมว่าเอามึงไปด้วย”
ให้ตายสิ เขาควรจะรู้สึกอย่างไรดี
“โอ๊ยเฮียยย
ผมไม่ใช่ว่าตัวเท่ามดนะจะได้มาลืมกันได้”
อยากจะบอกเหลือเกินว่าเดินตามคนไปจนลืมไปหมดว่ามาไปที่นั่นทำไม
ไปกับใคร และจุดประสงค์คืออะไร รู้ทางกลับบ้านมาแค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
มือใหญ่วางถุงที่ได้มาจากร้านขายผ้าลงข้างกายของน้องรักก่อนจะถอยหายใจออกมาแรงๆ
มาร์คกำลังคิดว่าเขาชักจะเป็นเอามากแล้ว ช่วงนี้ทำงานหนักจนเบลอหรืออย่างไร
ทำไมถึงได้ทำอะไรไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้ หากเป็นเช่นนี้เวลาขับเครื่องบิน
เขาคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่บ้านเฉกเช่นวันนี้หรอก
“แล้วถุงนี่คืออะไร
ซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่ให้คุณนายนวลหรือไง??”
เอ่ยถามพลางหยิบผ้าเนื้อดีที่เฮียซื้อมากางออกดูโดยไม่คิดจะอนุญาตก่อน
ฆนากรส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซื้อมาทำไม
“หรือว่าเฮียจะเอาไปจับของขวัญ?”
“งั้นมั้ง”
“โอ๊ยตาย เฮียทำงานหนักมากหรือไง
กรมเรามีแต่ผู้ชายวัยกลัดมัน พวกมันจะเอาผ้าลายดอกสีหวานนี่ไปทำอะไรกัน”
สมชายถอยหายใจออกมาให้กับการเลือกซื้อของไปเรื่อยของเฮีย เขาล่ะเหนื่อยใจนัก
ไอ้เรื่องทิ้งเขาไว้ที่ห้างนี่ก็เรื่องหนึ่ง ยังจะมาเรื่องซื้อของนี่อีก
ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกัน
เขานึกอยากจะพาร่างสูงนี่ขึ้นรถไปโรงพยาบาลนัก
ไปให้หมอตรวจเสียหน่อยว่าช่วงนี้สติสตังของเฮียทำงานผิดปกติหรือเปล่า
“ไม่รู้เว้ย! ซื้อมาแล้ว
มึงจะให้กูเอาไปคืนเขาหรือวะ”
ว่าพลางตวัดดวงตาคมมองหน้าน้องชายคนสนิทที่นั่งอยู่ไม่ไกล สมชายยัดผ้าผืนใหญ่ลงไปในถุงเหมือนเดิม
จะว่าไปแล้วการที่เฮียจะซื้ออะไรมาจับของขวัญมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาหรอก
ที่สงสัยคือเฮียคิดอะไรตอนเดินเข้าไปเลือกซื้อมาต่างหาก
หรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะซื้อแต่มีเหตุจำเป็นให้ต้องซื้อ
“ใครแนะนำให้เฮียซื้อผ้านี่มา บอกผมมาเสียดีๆ” จ้องตาคู่สวยนั่นอย่างเอาเรื่อง
อย่างไรวันนี้เขาก็ต้องรู้ให้ได้
“เอาเป็นว่ากูซื้อมาแล้ว
มึงจะถามทำไมให้มันมากความวะ”
ยกน้ำดื่มที่แม่บ้านเพิ่งจะนำมาวางให้กระดกเสียจนหมดแก้วดับความกระหายในหัวใจ
สมองของเขาตอนนี้ยังมีใบหน้าของใครบางคนลอยไปลอยมาอยู่เลย คนๆนึงจะมามีอิทธิพลกับคนอื่นได้มากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
หม่อมจิณนี่อย่างไร เจอกันเพียงไม่นานแต่กลับทำให้ชายชาติทหารอย่างเขาคิดถึงได้จนถึงตอนนี้
แปลกคนเสียจริง!
“ไปเจอใครที่ห้างมา เฮียบอกผมมาเสียดีๆ”
“เจอหม่อม”
“หม่อมไหน?”
“หม่อมจิณของมึงนั่นประไร!” ตะโกนออกมาเสียงดังเสียจนสมชายสะดุ้ง
แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังยกริมฝีปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้มล้อเลียนคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
เป็นคนหลังเขามาเสียก็ตั้งนาน พอได้ลงมาจากเขาหน่อยนี่เอาใหญ่เลยนะเฮีย
หลงหม่อมคนสวยเข้าให้เสียแล้วงั้นสิ
“ร้ายนักนะเฮีย”
“เรื่องของกูเถอะ ว่าแต่หม่อมจิณของมึงเขามีน้องสาวด้วยหรือวะ”
ขมวดคิ้วถามเสียจนสมชายต้องขมวดคิ้วตาม เรื่องนี้เขาเองก็ไม่เคยได้ยิน
ถ้าถามว่าหม่อมแบมมีน้องไหมอันนี้ตอบได้ง่ายเลยเพราะหม่อมเธอขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวเสียจนรู้กันทั่วพระนคร
แต่เรื่องน้องสาวของหม่อมจิณ
อันนี้ยังไม่เคยมีใครพูดถึง
แต่ถ้าเฮียเจอหม่อมจิณตัวจริงมากับน้องก็แสดงว่าหม่อมเธอก็มีน้อง
ก็คงนั่นแหละ
เธอก็คงจะมีน้อง
“มีมั้งเฮีย”
“ถึงว่า..
หน้าเหมือนกันอย่างกับถอดกันมาอย่างนั้นแหละ” สมชายเองก็คิดเหมือนกันนะ
ว่าเรื่องที่หม่อมเธอมีน้องหรือไม่มีนี่มันเกี่ยวกับการที่เฮียไปซื้อผ้าลายดอกมาอย่างไร
แล้วสรุปเฮียจะเอาผ้านี่ไปจับของขวัญจริงๆงั้นหรือ
“แล้วเรื่องของขวัญที่จะเอาไปจับล่ะเฮีย??”
“เออน่า เอาอันนี้นี่แหละ จับได้ไปก็เอาไปให้เมียให้แม่อะไรก็แล้วแต่พวกมันเถอะ กูขี้เกียจไปซื้อใหม่แล้ว”
สาธุ..
ขอให้สมชายอย่าจับได้ของขวัญของเฮียเลย..
TALK
เห็นคอมเม้นแล้วแอบดีใจค่ะ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนอ่านซะแล้ว 555
ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ
เม้าท์กันในทวิตเตอร์ได้นะคะ เผื่อมีตรงไหนอยากติอยากบอกอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ ^^
ดิสอิส คุณ ฆนรุจ วิรุฬห์ธนกิจ >////<
ความคิดเห็น