คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ ๑๘
๑๘
หลังจากที่กลับออกมาจากโรงพยาบาลกันต์พิมุกต์ก็จำต้องทำการส่งเรื่องลาพักร้อนสักระยะหนึ่งให้กับทางมหาวิทยาลัยตามพระประสงค์ของท่านชานตฤณกฤตผู้เป็นบิดาที่เป็นห่วงทั้งลูกในไส้และหลานในท้องของลูกด้วย
เรื่องราวที่รุมเร้าและทารกตัวน้อยในครรภ์ทำให้อดีตหม่อมราชวงศ์จำต้องหยุดการทำงานของตนทั้งที่ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย
แต่จะให้เถียงท่านพ่อเขาก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาเถียงได้
มันก็จริงอย่างที่ท่านตรัสมาเสียทุกประการ
สุดท้ายก็เลยจำต้องยอมทำเอกสารและฝากอาจารย์ญาณภัทรเอาไปส่งให้ที่มหาวิทยาลัยแทน
หม่อมมารตีบังคับให้ลูกชายเพียงคนเดียวย้ายกลับไปอยู่ที่วังซึ่งคุณชายก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว
ใครจะพูดอะไรก็ไม่ฟังทั้งนั้น เอาแต่บอกว่าดูแลตนเองได้
มีชื่นอยู่อีกทั้งคนจะไปกลัวอะไร
ก็ไอ้ที่กลัวก็คือการที่คนท้องอยู่อาศัยกับหญิงสาวตัวเล็กๆนี่แหละ
ใครเขาเข้ามาทำไม่ดีจะไปสู้เขาได้อย่างไร คนหนึ่งก็ตัวเท่านั้น
อีกคนก็กำลังท้องกำลังไส้
“ขออภัยที่ชายต้องดื้อ แต่หม่อมแม่..
ชายไม่อยากไป”
เอ่ยกับผู้เป็นมารดาพลางช้อนลูกแก้วคู่สวยที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสไร้สีมองใบหน้าสวยหวานของผู้เป็นมารดา
หม่อมมารตีถอดถอยหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือนุ่มลูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มมือของลูก
ตัวหรือก็มีแค่นี้ไม่รู้ว่าต้องแบกอะไรเอาไว้นักหนา
ตอนเธอท้องก็ยังมีท่านชายคอยอยู่ข้างๆ
คอยดูแลแทบจะทุกอย่าง หากแต่ในเวลานี้
เวลาที่ลูกชายของเธออยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิต
แทนที่จะได้อิ่มเอมใจมีความสุขไปกับทารกตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก
กลับต้องมาทุกข์ระทมเพราะพ่อของลูกเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่มีใครรู้
จะสุขก็สุขไม่เต็มที่
จะทุกข์ก็กลัวว่าลูกจะเป็นอันตราย
ตาชายของแม่ต้องทรมานแค่ไหนกันนะ..
“แม่ไม่รู้หรอกว่าทำไมชายถึงไม่ยอมกลับวัง
แต่ไม่ห่วงหลานของแม่บ้างหรือลูก”
“…”
“ถ้าชายเป็นลมล้มพับไปอีก แม่ชื่นจะช่วยชายได้ทันอย่างนั้นหรือ”
ตวัดสายตาไปมองสาวรับใช้ของบ้านท่านเจ้าสัวที่ปัจจุบันกลายเป็นสาวใช้คนสนิทของลูกไปแล้วก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดูไปให้เธอ
ชื่นก้มหน้าลงไม่อาจทนสู้สายตานั้นได้
มันก็จริงอย่างที่หม่อมมารตีพูด ถ้าคุณหม่อมเป็นอะไรขึ้นมาเธอกลัวเหลือเกินว่าจะช่วยไม่ทัน
หากเป็นเช่นนั้นเธอคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แต่เหตุผลของคุณหม่อมที่ยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปทั้งที่โอกาสที่คนเป็นสามีจะกลับมาเหลือน้อยเต็มทีก็ทำให้เธอไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป
คุณหม่อมก็แค่กลัว..
กลัวว่าถ้าหากคุณฆนากรกลับมาแล้วจะไม่เจอตนเองกับลูกก็เท่านั้น..
“ชายสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
“...โธ่ ชาย..” ดวงหน้าหวานสวยของคนเป็นลูกพยายามเหลือเกินที่จะแสดงออกว่าตนไม่เป็นอะไร
แต่กับคนที่อุ้มชูเลี้ยงดูมาตั้งแต่อยู่ในท้องมีหรือจะไม่รู้ว่าลูกเจ็บปวดแค่ไหน
ราวกับว่านี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่มี
อดีตหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ยอมเทหมดหน้าตัก เทความหวังทั้งหมดที่มีลงในการเดิมพันครั้งนี้
หากเขากลับมาความหวังทั้งหมดจะกลับคืนสู่ตัวของผู้เดิมพัน
แต่หากว่าไม่
กันต์พิมุกต์ก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกเลยในชีวิตนี้
เขายอม..เพราะอย่างน้อยลูกก็ยังต้องได้เห็นหน้าพ่อสักครั้ง
เขายอม..เพราะคนที่กำลังรอคือคนเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจดวงน้อยดวงนี้
“ได้โปรดเถอะครับหม่อมแม่
ถ้าเขากลับมาแล้วไม่เจอชาย จะทำอย่างไร” หม่อมมารตีไม่สามารถหาคำใดมาทักท้วงหรือทัดทานบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอได้อีก
หัวใจคนเป็นแม่ต้องเข้มแข็งกว่าลูกเพื่อปกป้องและดูแลทายาทในสายเลือด
แต่ยามเห็นลูกเป็นแบบนี้หัวใจของเธอก็เจ็บปวดไม่ได้ต่างกันเลย
จะให้ยิ้มให้ทั้งที่ลูกร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดอย่างนี้ได้ยังไง
จะไม่ให้ห่วงทั้งที่ลูกไม่มีใครสักคนให้เป็นหลักพึ่งพิงอย่างนี้ได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้น” สองแขนโอบกอดร่างน้อยของลูกเอาไว้
มือเรียวลูบลงไปบนแผ่นหลังบางอย่างเบามืออย่างที่ชอบทำเสมอเมื่อยามที่ลูกชายเหนื่อยล้าจนไม่มีแรงทำอะไร
ไม่ว่าลูกจะเติบโตขึ้นมาเท่าไหร่ ในสายตาของคนเป็นแม่แกก็เป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็กๆที่เคยโอบอุ้มสมัยวัยเยาว์เท่านั้น
ในวันนี้แม้กันต์พิมุกต์จะเติบโตจนมีลูกเป็นของตนเองแล้ว
แต่สำหรับหม่อมมารตี
คุณชายก็ยังเป็นหม่อมตัวน้อยๆที่เคยออดอ้อนเธอในวัยเด็กอยู่ดี
หากกันต์พิมุกต์จะยอมเดิมพันจนหมดหน้าตัก
เธอเองก็จะลงเล่นกับเขาด้วย
ถ้าไม่กลับมา..
ทั้งลูกชายและตัวเธอเองก็คงจะหมดตัวด้วยกันทั้งคู่
แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่!
“แม่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกกับหลานของแม่เอง”
เสียงหวานดังก้องไปทั่วห้องรับแขกแสนอบอุ่น
ดวงตาคู่สวยจ้องมองลูกแก้วเนื้อดีที่เหมือนกันราวกับถอดแบบออกมาด้วยความจริงจัง
คุณชายตัวน้อยโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดาอย่างรวดเร็ว
ซบดวงหน้าหวานลงกับอกนุ่มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงให้ความอบอุ่นแก่ลูกคนนี้เสมอ
น้ำตาเม็ดเล็กกลิ้งไหลผ่านแก้มนวลตกลงบนเสื้อเนื้อดีของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์
“ฮึก..หม่อมแม่”
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้เลยนะชายกันต์พิมุกต์!
จะให้หลานของแม่ออกมาขี้แยเหมือนเธอหรือไง!”
ชี้นิ้วจิ้มหน้าผากบางของลูกด้วยรอยยิ้ม กันต์พิมุกต์พยายามสูดน้ำมูก
เช็ดน้ำหูน้ำตาด้วยหลังมือสวยพลางส่งเสียงฮึ้บ!
ออกมาเป็นเด็กๆ
หม่อมมารตียิ้มกว้างสร้างความสดใสให้กับบ้านที่เคยเศร้าหมองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่น้อย
เธอโอบกอดลูกชายของตนเองเอาไว้
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าเด็กดื้อตาใสของเธอจะเติบโตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว
ตาหนูจะออกมาดื้อเหมือนเจ้าลูกชายคนนี้หรือไม่กันนะ
หากออกมาแบบนั้นมีหวังหัวหงอกหัวดำที่วังไม่ต้องเป็นอันได้ทำอะไรกันแน่ๆ
รังแต่จะคอยมาเอาใจคุณหนูคนเล็กเสียจนหัวหมุนกันไปข้างหนึ่งเป็นแน่
คุณชายตัวน้อยกอดหม่อมแม่ของตนจนพอใจจึงถอนตัวออกมา
ดวงตากลมสุกสกาวที่วันนี้หลงเหลือเพียงความอ่อนล้าจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นมารดาก่อนที่ริมฝีปากจะยกขึ้นน้อยๆเป็นรอยยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มที่หม่อมมารตีเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคนยิ้มรู้สึกเช่นไร
มือเรียวยกขึ้นลูบหลังมือของมารดาอย่างแผ่วเบา
ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานออกไปราวกับเสียงกระซิบ
“หม่อมแม่กลับไปที่วังเถิดครับ
ถ้าหม่อมแม่มาอยู่ที่นี่ใครจะดูแลท่านพ่อกับน้องหญิง” ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่กันต์พิมุกต์ก็ยังเป็นคุณชายคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
เป็นหม่อมราชวงศ์ตัวน้อยซึ่งแบกรับทุกอย่างเอาไว้บนไหล่บางนั้นเพียงเพราะเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ร่างน้อยนี่ก็จะคิดถึงคนอื่นก่อนตนเองเสมอ
นึกไปเสียมากมายว่าคนอื่นๆจะเป็นเช่นไรแต่กลับไม่เคยนึกสักครั้งว่าแล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไร
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ห่วงคนที่วังสารพัดว่าจะไม่มีคนดูแล
ทั้งที่ตนเองนั่นแหละน่าห่วงที่สุด ลำพังแค่กำลังท้องก็หนักเอาการอยู่แล้ว
ยังจะมาเรื่องที่ฆนากรยังไม่กลับมาอีก
ตัวก็เล็กแค่นี้จะแบกเรื่องทุกอย่างเอาไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน
“ที่นู่นยังมีข้าหลวงมากมาย แต่ที่นี่สิชาย..”
“ชื่นจะดูแลชายเอง หม่อมแม่อย่าเป็นกังวลเลยครับ”
เอ่ยตอบกลับไปอย่างมั่นใจเสียจนหม่อมมารตีได้แต่ส่ายหน้าในความดื้อของลูก
ลองมาอ้อนมาพูดแบบนี้ใครเขาจะกล้าขัด ห่วงหรือก็แสนห่วง แต่หากจะให้ทิ้งคนที่วังมาก็ดูจะเป็นเรื่องยากอย่างที่ลูกชายพูดจริงๆ
หญิงบิ๋มหรือก็อย่างนั้น..
หนักใจเสียจริง
“แม่ไม่เคยขัดชายได้สักครั้ง
ครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้นอีกถูกไหม”คุณชายตัวน้อยยิ้มเผล่ให้กับผู้เป็นมารดา
มือนิ่มขยับกระชับมือเรียวของหม่อมมารตีให้แน่นขึ้น บอกว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ
กันต์พิมุกต์เชื่อว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในบ้านหลังนี้เขาจะไม่เป็นอะไร
ความอบอุ่นของฆนากรที่ยังลอยวนเวียนอยู่ในอากาศจะทำให้เขาและลูกในท้องปลอดภัย
แบมแบมเชื่อแบบนั้นเพราะฆนากรไม่เคยทอดทิ้งเขาเลยสักครั้ง
ไม่ว่าตัวจะอยู่ไกลกันแค่ไหน แต่หัวใจของผู้เป็นสามีไม่เคยทอดทิ้งให้เขาอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังเลย
“หม่อมแม่เคยขัดชายนะครับ”
“หืม?” หญิงสาววัยกลางคนขมวดคิ้วมองดวงหน้าผ่องของลูกชาย
กันต์พิมุกต์ส่งยิ้มหวานยามที่ดวงตากลมทอดมองรูปวันงานแต่งงานที่ฆนรุจอัดใส่กรอบมาให้เป็นของขวัญงานแต่งอันถูกแขวนเอาไว้ที่ห้องโถงกลางบ้านหลังน้อย
ริมฝีปากสีซีดขยับเป็นคำพูดทั้งที่ลูกแก้วคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม
จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าบ่าวในรูป
จ้องมองด้วยแววตาที่คุณชายตัวน้อยไม่รู้เลยว่ามันอัดแน่นไปด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นออกมาขนาดไหน
กันต์พิมุกต์อบอุ่นหัวใจเพียงแค่ได้มองหน้าของคนที่เป็นเจ้าของอวัยวะเท่ากำปั้นที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอก
อวัยวะที่ถูกเรียกว่าหัวใจ..
“หม่อมแม่เคยขัดตอนที่ชายปฏิเสธการแต่งงาน”
“...” หม่อมมารตีขบเม้มริมฝีปากของตนแน่น
นึกย้อนไปถึงวันนั้นทีไรความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาทุกที
เธอจำต้องยัดเยียดสิ่งที่ลูกไม่ต้องการให้กับคนที่แบกรับทุกอย่างด้วยตัวเล็กๆนั่นมาตั้งแต่เกิด
กันต์พิมุกต์เป็นคนที่ไม่เคยปฏิเสธความประสงค์อะไรของบิดามารดาเลย
สิ่งใดที่อาสาทำแทนพี่ ทำแทนน้องได้
เด็กชายตัวขาวในวันนั้นไม่เคยลังเลที่จะเอื้อนเอ่ยเสนอตัวขอทำแทน
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ลูกชายของเธอปฏิเสธ
และอ้อนวอนขอร้องให้ผู้เป็นบิดามารดาเปลี่ยนใจ
อิสรภาพของแบมแบมถูกริบไปในวันนั้น
หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกแช่แข็งเมื่อต้องยอมรับความจริงว่าขนาดคู่ชีวิตที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนถึงวันสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้มีโอกาสเลือก
ชีวิตที่ถูกจับให้อยู่ในกรอบทองมาตลอดจำต้องอยู่ในนั้นต่อไป
เสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่ไม่อาจนับได้กับเรื่องที่ว่านั่น
ประท้วงก็แล้ว อ้อนวอนก็แล้ว สุดท้ายเขาก็คือโรจนรัตติกรผู้ต้องอดทนยอมทำตามสัญญาอยู่ดี
เพราะเลือกไม่ได้
เพราะไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร
แม้กระทั่งยศนำหน้าชื่อที่หวงแหนก็ต้องสูญไปตามความต้องการของคนอื่น
ความเจ็บช้ำในวันวานไม่เคยจางหายแต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่าง
ความรู้สึกขอบคุณ..
“แต่หากวันนั้นหม่อมแม่ไม่ขัด
ชายก็คงจะไม่ได้มีวันนี้”
หยาดน้ำใสไร้สีร่วงหล่นจากดวงกลมกลิ้งผ่านแก้มนวลลงมาอีกครั้ง
หากแต่ในครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจ แต่เป็นน้ำตาที่แสดงความขอบคุณ
ขอบคุณคนตรงหน้านี้เหลือเกิน
ขอบคุณที่ท่านพ่อกับหม่อมแม่เลือกสิ่งๆนี้ให้กับเขา
เลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่แบมแบมคงจะหาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว
ขอบคุณที่ทำให้ได้เจอกับฆนากร
เจอกับผู้ชายคนหนึ่งผู้ซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเองมาโดยตลอด นายทหารผู้ใช้ความอบอุ่นของตนละลายน้ำแข็งที่คอยเกาะกุมหัวใจดวงน้อยดวงนี้
ทำให้คุณชายตัวเล็กหลุดออกจากกรอบที่เคยขังตัวเองเอาไว้ ความน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่มีโอกาสจะได้แสดงความเห็นหรือเลือกทางเดินของตนเองมลายหายไปเพียงเพราะถูกทำให้เป็นคนพิเศษคนหนึ่งของเขา
เป็นคนแรกที่ฆนากรเป็นห่วงและถามหา
ความรู้สึกแบบนี้คือสิ่งที่คุณชายตัวบางไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง
เขาไม่ใช่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ผู้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างในนามของราชนิกุลในสายราชสกุลโรจนรัตติกร
หากแต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีคุณค่าให้ใครบางคนมารัก
กันต์พิมุกต์ได้เห็นเงาของตนเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ก้าวเดินออกมาจากวังหลังใหญ่
ได้ใช้ชีวิตที่เป็นคนถูกดูแลหลังจากที่พยายามทำตัวเป็นผู้นำและดูแลคนอื่นมาโดยตลอด
ฆนากรสอนให้เขารู้จักการแสดงความอ่อนแอออกมาบ้างในยามจำเป็น
สอนให้เขาร้องไห้ออกมาบ้างหากว่ามันอัดอั้นจนเกินไป
เหมือนภูเขาแห่งยศศักดิ์ที่เคยแบกเอาไว้ถูกวางทิ้งลงไป ณ ที่ใดสักที่หนึ่ง ผู้เป็นสามีสอนให้กันต์พิมุกต์เข้มแข็งที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำได้
หากเป็นเมื่อก่อนคุณชายร่างบางคงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ต้องเสียของรักของตนไป
แต่ในวันนี้เขากลับภาคภูมิใจเหลือเกินที่ในวันนั้นเป็นคนบอกลาฆนากรและบอกให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
คนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองได้มากขนาดนี้ด้วยเหตุผลอะไรกัน
สำหรับแบมแบมเขาคงบอกได้ว่าเพราะนี่คือความรัก เขาจึงตัดสินใจแบบนั้น
แม้จะเสียใจ แม้จะเศร้าใจและว้าเหว่เพียงใด แต่ถ้าให้ย้อนกลับไปตัดสินใจได้อีกครั้งเขาก็คงจะทำเหมือนเดิม
อยากให้เขาคนนั้นกลับมาหาใจแทบขาด
แต่ก็อยากให้เขากลับมาด้วยความภาคภูมิใจกับเส้นทางที่เลือกเดินมาตลอดชีวิต
หากฆนากรปลอดภัยและยังอยู่ที่นี่แต่ไร้ซึ่งความภูมิใจในการทำหน้าที่ของตนเอง
เขาคงจะไม่รู้สึกดีที่เลือกอีกคนมาเป็นคู่ชีวิตได้มากมายขนาดนี้
ต่อให้เจ็บปวดหรือหัวใจแตกสลายมากกว่าที่กำลังเป็น
กันต์พิมุกต์ก็ยังคงรู้สึกภูมิใจเช่นเดิมที่เลือกรักผู้ชายคนนี้
“ขอบคุณที่ทำให้ชายได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตของชายนะครับหม่อมแม่”
“...”
หม่อมมารตีสะอื้นเสียจนแผ่นหลังบอบบางไหวสั่น
ความรู้สึกผิดในหัวใจค่อยๆสลายหายไปด้วยคำพูดของลูกชาย
“หากหม่อมแม่กับท่านพ่อรู้สึกผิดต่อชายเรื่องที่บังคับให้ชายแต่งงาน”
“...”
“ชายขอให้อย่าคิดเช่นนั้นเลยครับ”
มือนุ่มปาดเช็ดน้ำตาเม็ดโตออกจากปรางค์นุ่มของผู้เป็นแม่
จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีไปให้อีกคนได้รับรู้
“นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่หม่อมแม่กับท่านพ่อเลือกให้ชาย
วันนั้นชายอาจจะต้องแต่งงานกับเขาเพียงเพราะสัญญาของเสด็จปู่”
“...”
“แต่ในวันนี้ วันที่ชายนั่งอยู่เพื่อรอเขาตรงนี้..”
“...”
“..ชายทำมันเพราะหัวใจของชายเอง ชายทำเพราะชายรักเค้าครับหม่อมแม่”
ร่างนุ่มนิ่มถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของผู้เป็นแม่อีกครั้ง
ร่างบอบบางทั้งสองปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันตามแต่ที่ใจต้องการ
เสียงของเข็มนาฬิกาดังขึ้นเป็นระยะๆตามการทำงานของมัน
สายลมเย็นๆพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดค้างเอาไว้รับลม
ดวงหน้าหวานซบลงกับไหล่แคบของมารดาราวกับต้องการจะพักผ่อนอยู่ตรงนี้
อยากจะหลับตาแล้วพักพิงอยู่แค่กับไหล่ของมารดาเช่นนี้
เพล้ง!!!
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
กรอบรูปขนาดใหญ่หล่นร่วงลงกับพื้นอย่างแรงจนกระจกใสแตกละเอียด
ร่างบอบบางดีดตัวออกจากอ้อมแขนอบอุ่นก่อนจะลุกขึ้นยืนเสียจนเต็มความสูง
กายบางเขยิบเข้าหาสิ่งของที่ตกลงมาแตกด้วยหัวใจที่ไหววูบ
มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องบอบบางของตนราวกับกำลังปลอบประโลมเด็กน้อยในครรภ์ไม่ให้ตื่นตกใจ
ไม่มีอะไรหรอก..
ก็แค่กรอบรูปที่หล่นลงมาแตกก็เท่านั้น
“คุณหม่อมถอยออกมาเถอะค่ะ”
ใบหน้าหวานส่ายไปมาน้อยๆปปฏิเสธคำพูดของสาวใช้คนสนิท
“ชื่นไปเอาถังขยะมาให้ฉันที” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อไม่อาจหักห้ามความกลัวในหัวใจได้
ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองไปยังกรอบรูปที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
รูปแต่งงานร่วงลงมาแตกเช่นนี้คงไม่ใช่ลางดีแน่
กายบางทิ้งตัวนั่งคุกเข่าลงกับพื้น
ประครองเศษแก้วขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวชื่นเก็บเองดีกว่าค่ะ”
“เลื่อนถังขยะเข้ามาเถอะ”
หญิงสาวเขยิบถังขยะเข้าหาเจ้านายตามคำสั่งโดยไม่ลืมจะตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงมองดวงหน้าหวานนั้นไปด้วย
มือของคุณหม่อมสั่นไหวพอๆกับลูกแก้วคู่สวยคู่นั้น ไม่บอกก็รู้ว่าคงใจเสียไม่น้อย
แต่ที่ฝืนทำอยู่แบบนี้คงแค่ต้องการปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นอะไร
พยายามจะคิดว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ
ก็แค่ลมพัดแรงไปหน่อยก็เท่านั้น
บรื๊นนน!!
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดหน้าตัวบ้านอย่างรวดเร็วเรียกความสนใจจากทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี
“นายสนไปเปิดประตูพาแขกเข้ามาที”
นายสนผู้นั่งรออยู่ตรงประตูบ้านจำต้องน้อบรับคำสั่งจากหม่อมมารตีแต่โดยดี
กายโปร่งลุกขึ้นเสียจนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเท้าออกไปยังบริเวณหน้าบ้านเพื่อเปิดประตูเชิญแขกให้เขามาด้านในตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
กายสมส่วนในชุดเครื่องแบบของทหารอากาศยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“เชิญด้านในเลยครับคุณ” กวาดมือเชื้อเชิญผู้มาใหม่ให้เดินเข้าไปในบ้านซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตามก่อนจะรุดเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยความกังวลใจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“นายทหารมาน่ะครับ”
มือน้อยชะงักงันกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เรียวปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
มันไม่มีอะไรอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ..
“คุณฆนา..”
“สวัสดีครับคุณหม่อม ผมชื่อสมชายเป็นนายทหารรุ่นน้องของคุณฆนากร”
ชายหนุ่มแนะนำตนเองคร่าวๆโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่งด้วยความร้อนใจ
กายแกร่งสมส่วนยืนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก ดวงตาคู่สวยสั่นระริกเมื่อมองเห็นว่าภรรยาของเพื่อนสนิทผู้พี่กำลังกระทำสิ่งใดอยู่
“ผมขอโทษที่ต้องกลับมาพร้อมกับข่าวร้ายเช่นนี้”
“...”
หัวใจคนเราจะอดทนกับความเจ็บปวดได้มากขนาดไหนกันเชียว
“เครื่องบินของคุณฆนากรโดนยิงจนระเบิดที่กลางป่า
ไม่สามารถนำศพออกมาจากตัวลำได้ทัน
เราเอากลับมาได้แค่แหวนแต่งงานที่กระเด็นตกอยู่ที่ข้างเครื่องเท่านั้น”
“...”
“คุณฆนากรเสียชีวิตแล้วครับ..!”
นั่นสิ.. จะอดทนได้มากแค่ขนาดไหนกันนะ..
ไม่กลับมาหาตาหนูสักหน่อยหรือครับ..
จะไม่กลับมารับขวัญลูกของคุณสักหน่อยเลยหรือ
“ตาชาย!!!!”
TALK
หลังจากที่หายไปตั้งหนึ่งวัน เราเอาตอนที่ 18
มาลงให้แล้วนะคะ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว
ขอบคุณที่อยู่เฝ้ามองความรักของเขาสองคนมาด้วยกันนะคะ เจอกันที่ได้ที่ #จสบดศ
เหมือนเดิมค่ะ ..
ความคิดเห็น