ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ | MarkBam (THAI)

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ ๑๘

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.69K
      217
      16 ก.ค. 59

    ลงครั้งแรก 16 กรกฎาคม 2559

    ๑๘

     

    หลังจากที่กลับออกมาจากโรงพยาบาลกันต์พิมุกต์ก็จำต้องทำการส่งเรื่องลาพักร้อนสักระยะหนึ่งให้กับทางมหาวิทยาลัยตามพระประสงค์ของท่านชานตฤณกฤตผู้เป็นบิดาที่เป็นห่วงทั้งลูกในไส้และหลานในท้องของลูกด้วย


    เรื่องราวที่รุมเร้าและทารกตัวน้อยในครรภ์ทำให้อดีตหม่อมราชวงศ์จำต้องหยุดการทำงานของตนทั้งที่ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย แต่จะให้เถียงท่านพ่อเขาก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาเถียงได้ มันก็จริงอย่างที่ท่านตรัสมาเสียทุกประการ


    สุดท้ายก็เลยจำต้องยอมทำเอกสารและฝากอาจารย์ญาณภัทรเอาไปส่งให้ที่มหาวิทยาลัยแทน


    หม่อมมารตีบังคับให้ลูกชายเพียงคนเดียวย้ายกลับไปอยู่ที่วังซึ่งคุณชายก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว ใครจะพูดอะไรก็ไม่ฟังทั้งนั้น เอาแต่บอกว่าดูแลตนเองได้ มีชื่นอยู่อีกทั้งคนจะไปกลัวอะไร ก็ไอ้ที่กลัวก็คือการที่คนท้องอยู่อาศัยกับหญิงสาวตัวเล็กๆนี่แหละ ใครเขาเข้ามาทำไม่ดีจะไปสู้เขาได้อย่างไร คนหนึ่งก็ตัวเท่านั้น อีกคนก็กำลังท้องกำลังไส้


    “ขออภัยที่ชายต้องดื้อ แต่หม่อมแม่.. ชายไม่อยากไป” เอ่ยกับผู้เป็นมารดาพลางช้อนลูกแก้วคู่สวยที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสไร้สีมองใบหน้าสวยหวานของผู้เป็นมารดา หม่อมมารตีถอดถอยหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือนุ่มลูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มมือของลูก


    ตัวหรือก็มีแค่นี้ไม่รู้ว่าต้องแบกอะไรเอาไว้นักหนา


    ตอนเธอท้องก็ยังมีท่านชายคอยอยู่ข้างๆ คอยดูแลแทบจะทุกอย่าง หากแต่ในเวลานี้ เวลาที่ลูกชายของเธออยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิต แทนที่จะได้อิ่มเอมใจมีความสุขไปกับทารกตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก กลับต้องมาทุกข์ระทมเพราะพ่อของลูกเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่มีใครรู้


    จะสุขก็สุขไม่เต็มที่


    จะทุกข์ก็กลัวว่าลูกจะเป็นอันตราย


    ตาชายของแม่ต้องทรมานแค่ไหนกันนะ..


    “แม่ไม่รู้หรอกว่าทำไมชายถึงไม่ยอมกลับวัง แต่ไม่ห่วงหลานของแม่บ้างหรือลูก”



    “ถ้าชายเป็นลมล้มพับไปอีก แม่ชื่นจะช่วยชายได้ทันอย่างนั้นหรือ” ตวัดสายตาไปมองสาวรับใช้ของบ้านท่านเจ้าสัวที่ปัจจุบันกลายเป็นสาวใช้คนสนิทของลูกไปแล้วก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดูไปให้เธอ ชื่นก้มหน้าลงไม่อาจทนสู้สายตานั้นได้


    มันก็จริงอย่างที่หม่อมมารตีพูด ถ้าคุณหม่อมเป็นอะไรขึ้นมาเธอกลัวเหลือเกินว่าจะช่วยไม่ทัน หากเป็นเช่นนั้นเธอคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แต่เหตุผลของคุณหม่อมที่ยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปทั้งที่โอกาสที่คนเป็นสามีจะกลับมาเหลือน้อยเต็มทีก็ทำให้เธอไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรออกไป


    คุณหม่อมก็แค่กลัว..


    กลัวว่าถ้าหากคุณฆนากรกลับมาแล้วจะไม่เจอตนเองกับลูกก็เท่านั้น..


    “ชายสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”


    “...โธ่ ชาย..” ดวงหน้าหวานสวยของคนเป็นลูกพยายามเหลือเกินที่จะแสดงออกว่าตนไม่เป็นอะไร แต่กับคนที่อุ้มชูเลี้ยงดูมาตั้งแต่อยู่ในท้องมีหรือจะไม่รู้ว่าลูกเจ็บปวดแค่ไหน ราวกับว่านี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่มี อดีตหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ยอมเทหมดหน้าตัก เทความหวังทั้งหมดที่มีลงในการเดิมพันครั้งนี้


    หากเขากลับมาความหวังทั้งหมดจะกลับคืนสู่ตัวของผู้เดิมพัน


    แต่หากว่าไม่ กันต์พิมุกต์ก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกเลยในชีวิตนี้


    เขายอม..เพราะอย่างน้อยลูกก็ยังต้องได้เห็นหน้าพ่อสักครั้ง


    เขายอม..เพราะคนที่กำลังรอคือคนเดียวที่ได้ครอบครองหัวใจดวงน้อยดวงนี้


    “ได้โปรดเถอะครับหม่อมแม่ ถ้าเขากลับมาแล้วไม่เจอชาย จะทำอย่างไร” หม่อมมารตีไม่สามารถหาคำใดมาทักท้วงหรือทัดทานบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอได้อีก หัวใจคนเป็นแม่ต้องเข้มแข็งกว่าลูกเพื่อปกป้องและดูแลทายาทในสายเลือด แต่ยามเห็นลูกเป็นแบบนี้หัวใจของเธอก็เจ็บปวดไม่ได้ต่างกันเลย


    จะให้ยิ้มให้ทั้งที่ลูกร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดอย่างนี้ได้ยังไง


    จะไม่ให้ห่วงทั้งที่ลูกไม่มีใครสักคนให้เป็นหลักพึ่งพิงอย่างนี้ได้อย่างไร


    “ถ้าอย่างนั้น” สองแขนโอบกอดร่างน้อยของลูกเอาไว้ มือเรียวลูบลงไปบนแผ่นหลังบางอย่างเบามืออย่างที่ชอบทำเสมอเมื่อยามที่ลูกชายเหนื่อยล้าจนไม่มีแรงทำอะไร ไม่ว่าลูกจะเติบโตขึ้นมาเท่าไหร่ ในสายตาของคนเป็นแม่แกก็เป็นแค่เด็กน้อยตัวเล็กๆที่เคยโอบอุ้มสมัยวัยเยาว์เท่านั้น


    ในวันนี้แม้กันต์พิมุกต์จะเติบโตจนมีลูกเป็นของตนเองแล้ว


    แต่สำหรับหม่อมมารตี คุณชายก็ยังเป็นหม่อมตัวน้อยๆที่เคยออดอ้อนเธอในวัยเด็กอยู่ดี


    หากกันต์พิมุกต์จะยอมเดิมพันจนหมดหน้าตัก เธอเองก็จะลงเล่นกับเขาด้วย


    ถ้าไม่กลับมา..


    ทั้งลูกชายและตัวเธอเองก็คงจะหมดตัวด้วยกันทั้งคู่


    แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่!


    “แม่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกกับหลานของแม่เอง” เสียงหวานดังก้องไปทั่วห้องรับแขกแสนอบอุ่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองลูกแก้วเนื้อดีที่เหมือนกันราวกับถอดแบบออกมาด้วยความจริงจัง คุณชายตัวน้อยโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดาอย่างรวดเร็ว ซบดวงหน้าหวานลงกับอกนุ่มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงให้ความอบอุ่นแก่ลูกคนนี้เสมอ น้ำตาเม็ดเล็กกลิ้งไหลผ่านแก้มนวลตกลงบนเสื้อเนื้อดีของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์


    “ฮึก..หม่อมแม่”


    “หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้เลยนะชายกันต์พิมุกต์! จะให้หลานของแม่ออกมาขี้แยเหมือนเธอหรือไง!” ชี้นิ้วจิ้มหน้าผากบางของลูกด้วยรอยยิ้ม กันต์พิมุกต์พยายามสูดน้ำมูก เช็ดน้ำหูน้ำตาด้วยหลังมือสวยพลางส่งเสียงฮึ้บ! ออกมาเป็นเด็กๆ


    หม่อมมารตียิ้มกว้างสร้างความสดใสให้กับบ้านที่เคยเศร้าหมองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาไม่น้อย เธอโอบกอดลูกชายของตนเองเอาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าเด็กดื้อตาใสของเธอจะเติบโตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ตาหนูจะออกมาดื้อเหมือนเจ้าลูกชายคนนี้หรือไม่กันนะ


    หากออกมาแบบนั้นมีหวังหัวหงอกหัวดำที่วังไม่ต้องเป็นอันได้ทำอะไรกันแน่ๆ รังแต่จะคอยมาเอาใจคุณหนูคนเล็กเสียจนหัวหมุนกันไปข้างหนึ่งเป็นแน่


    คุณชายตัวน้อยกอดหม่อมแม่ของตนจนพอใจจึงถอนตัวออกมา ดวงตากลมสุกสกาวที่วันนี้หลงเหลือเพียงความอ่อนล้าจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นมารดาก่อนที่ริมฝีปากจะยกขึ้นน้อยๆเป็นรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่หม่อมมารตีเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคนยิ้มรู้สึกเช่นไร


    มือเรียวยกขึ้นลูบหลังมือของมารดาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานออกไปราวกับเสียงกระซิบ


    “หม่อมแม่กลับไปที่วังเถิดครับ ถ้าหม่อมแม่มาอยู่ที่นี่ใครจะดูแลท่านพ่อกับน้องหญิง” ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่กันต์พิมุกต์ก็ยังเป็นคุณชายคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เป็นหม่อมราชวงศ์ตัวน้อยซึ่งแบกรับทุกอย่างเอาไว้บนไหล่บางนั้นเพียงเพราะเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน


    ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร่างน้อยนี่ก็จะคิดถึงคนอื่นก่อนตนเองเสมอ นึกไปเสียมากมายว่าคนอื่นๆจะเป็นเช่นไรแต่กลับไม่เคยนึกสักครั้งว่าแล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไร ครั้งนี้ก็เช่นกัน ห่วงคนที่วังสารพัดว่าจะไม่มีคนดูแล ทั้งที่ตนเองนั่นแหละน่าห่วงที่สุด ลำพังแค่กำลังท้องก็หนักเอาการอยู่แล้ว ยังจะมาเรื่องที่ฆนากรยังไม่กลับมาอีก


    ตัวก็เล็กแค่นี้จะแบกเรื่องทุกอย่างเอาไว้คนเดียวได้อย่างไรกัน


    “ที่นู่นยังมีข้าหลวงมากมาย แต่ที่นี่สิชาย..”


    “ชื่นจะดูแลชายเอง หม่อมแม่อย่าเป็นกังวลเลยครับ” เอ่ยตอบกลับไปอย่างมั่นใจเสียจนหม่อมมารตีได้แต่ส่ายหน้าในความดื้อของลูก ลองมาอ้อนมาพูดแบบนี้ใครเขาจะกล้าขัด ห่วงหรือก็แสนห่วง แต่หากจะให้ทิ้งคนที่วังมาก็ดูจะเป็นเรื่องยากอย่างที่ลูกชายพูดจริงๆ


    หญิงบิ๋มหรือก็อย่างนั้น..


    หนักใจเสียจริง


    “แม่ไม่เคยขัดชายได้สักครั้ง ครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้นอีกถูกไหม”คุณชายตัวน้อยยิ้มเผล่ให้กับผู้เป็นมารดา มือนิ่มขยับกระชับมือเรียวของหม่อมมารตีให้แน่นขึ้น บอกว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆ กันต์พิมุกต์เชื่อว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในบ้านหลังนี้เขาจะไม่เป็นอะไร ความอบอุ่นของฆนากรที่ยังลอยวนเวียนอยู่ในอากาศจะทำให้เขาและลูกในท้องปลอดภัย


    แบมแบมเชื่อแบบนั้นเพราะฆนากรไม่เคยทอดทิ้งเขาเลยสักครั้ง


    ไม่ว่าตัวจะอยู่ไกลกันแค่ไหน แต่หัวใจของผู้เป็นสามีไม่เคยทอดทิ้งให้เขาอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังเลย


    “หม่อมแม่เคยขัดชายนะครับ”


    “หืม?” หญิงสาววัยกลางคนขมวดคิ้วมองดวงหน้าผ่องของลูกชาย กันต์พิมุกต์ส่งยิ้มหวานยามที่ดวงตากลมทอดมองรูปวันงานแต่งงานที่ฆนรุจอัดใส่กรอบมาให้เป็นของขวัญงานแต่งอันถูกแขวนเอาไว้ที่ห้องโถงกลางบ้านหลังน้อย ริมฝีปากสีซีดขยับเป็นคำพูดทั้งที่ลูกแก้วคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม


    จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าบ่าวในรูป จ้องมองด้วยแววตาที่คุณชายตัวน้อยไม่รู้เลยว่ามันอัดแน่นไปด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นออกมาขนาดไหน กันต์พิมุกต์อบอุ่นหัวใจเพียงแค่ได้มองหน้าของคนที่เป็นเจ้าของอวัยวะเท่ากำปั้นที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอก


    อวัยวะที่ถูกเรียกว่าหัวใจ..


    “หม่อมแม่เคยขัดตอนที่ชายปฏิเสธการแต่งงาน”


    “...” หม่อมมารตีขบเม้มริมฝีปากของตนแน่น นึกย้อนไปถึงวันนั้นทีไรความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาทุกที เธอจำต้องยัดเยียดสิ่งที่ลูกไม่ต้องการให้กับคนที่แบกรับทุกอย่างด้วยตัวเล็กๆนั่นมาตั้งแต่เกิด กันต์พิมุกต์เป็นคนที่ไม่เคยปฏิเสธความประสงค์อะไรของบิดามารดาเลย สิ่งใดที่อาสาทำแทนพี่ ทำแทนน้องได้ เด็กชายตัวขาวในวันนั้นไม่เคยลังเลที่จะเอื้อนเอ่ยเสนอตัวขอทำแทน


    ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ลูกชายของเธอปฏิเสธ และอ้อนวอนขอร้องให้ผู้เป็นบิดามารดาเปลี่ยนใจ


    อิสรภาพของแบมแบมถูกริบไปในวันนั้น หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกแช่แข็งเมื่อต้องยอมรับความจริงว่าขนาดคู่ชีวิตที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนถึงวันสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้มีโอกาสเลือก ชีวิตที่ถูกจับให้อยู่ในกรอบทองมาตลอดจำต้องอยู่ในนั้นต่อไป


    เสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหร่ไม่อาจนับได้กับเรื่องที่ว่านั่น ประท้วงก็แล้ว อ้อนวอนก็แล้ว สุดท้ายเขาก็คือโรจนรัตติกรผู้ต้องอดทนยอมทำตามสัญญาอยู่ดี


    เพราะเลือกไม่ได้


    เพราะไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร แม้กระทั่งยศนำหน้าชื่อที่หวงแหนก็ต้องสูญไปตามความต้องการของคนอื่น ความเจ็บช้ำในวันวานไม่เคยจางหายแต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่าง


    ความรู้สึกขอบคุณ..


    “แต่หากวันนั้นหม่อมแม่ไม่ขัด ชายก็คงจะไม่ได้มีวันนี้” หยาดน้ำใสไร้สีร่วงหล่นจากดวงกลมกลิ้งผ่านแก้มนวลลงมาอีกครั้ง หากแต่ในครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจ แต่เป็นน้ำตาที่แสดงความขอบคุณ ขอบคุณคนตรงหน้านี้เหลือเกิน


    ขอบคุณที่ท่านพ่อกับหม่อมแม่เลือกสิ่งๆนี้ให้กับเขา เลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่แบมแบมคงจะหาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว


    ขอบคุณที่ทำให้ได้เจอกับฆนากร เจอกับผู้ชายคนหนึ่งผู้ซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเองมาโดยตลอด นายทหารผู้ใช้ความอบอุ่นของตนละลายน้ำแข็งที่คอยเกาะกุมหัวใจดวงน้อยดวงนี้ ทำให้คุณชายตัวเล็กหลุดออกจากกรอบที่เคยขังตัวเองเอาไว้ ความน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่มีโอกาสจะได้แสดงความเห็นหรือเลือกทางเดินของตนเองมลายหายไปเพียงเพราะถูกทำให้เป็นคนพิเศษคนหนึ่งของเขา เป็นคนแรกที่ฆนากรเป็นห่วงและถามหา


    ความรู้สึกแบบนี้คือสิ่งที่คุณชายตัวบางไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง


    เขาไม่ใช่หม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์ผู้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างในนามของราชนิกุลในสายราชสกุลโรจนรัตติกร หากแต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีคุณค่าให้ใครบางคนมารัก กันต์พิมุกต์ได้เห็นเงาของตนเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ก้าวเดินออกมาจากวังหลังใหญ่


    ได้ใช้ชีวิตที่เป็นคนถูกดูแลหลังจากที่พยายามทำตัวเป็นผู้นำและดูแลคนอื่นมาโดยตลอด


    ฆนากรสอนให้เขารู้จักการแสดงความอ่อนแอออกมาบ้างในยามจำเป็น สอนให้เขาร้องไห้ออกมาบ้างหากว่ามันอัดอั้นจนเกินไป เหมือนภูเขาแห่งยศศักดิ์ที่เคยแบกเอาไว้ถูกวางทิ้งลงไป ณ ที่ใดสักที่หนึ่ง ผู้เป็นสามีสอนให้กันต์พิมุกต์เข้มแข็งที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะทำได้


    หากเป็นเมื่อก่อนคุณชายร่างบางคงจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ต้องเสียของรักของตนไป


    แต่ในวันนี้เขากลับภาคภูมิใจเหลือเกินที่ในวันนั้นเป็นคนบอกลาฆนากรและบอกให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด คนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองได้มากขนาดนี้ด้วยเหตุผลอะไรกัน


    สำหรับแบมแบมเขาคงบอกได้ว่าเพราะนี่คือความรัก เขาจึงตัดสินใจแบบนั้น


    แม้จะเสียใจ แม้จะเศร้าใจและว้าเหว่เพียงใด แต่ถ้าให้ย้อนกลับไปตัดสินใจได้อีกครั้งเขาก็คงจะทำเหมือนเดิม


    อยากให้เขาคนนั้นกลับมาหาใจแทบขาด แต่ก็อยากให้เขากลับมาด้วยความภาคภูมิใจกับเส้นทางที่เลือกเดินมาตลอดชีวิต


    หากฆนากรปลอดภัยและยังอยู่ที่นี่แต่ไร้ซึ่งความภูมิใจในการทำหน้าที่ของตนเอง เขาคงจะไม่รู้สึกดีที่เลือกอีกคนมาเป็นคู่ชีวิตได้มากมายขนาดนี้


    ต่อให้เจ็บปวดหรือหัวใจแตกสลายมากกว่าที่กำลังเป็น กันต์พิมุกต์ก็ยังคงรู้สึกภูมิใจเช่นเดิมที่เลือกรักผู้ชายคนนี้


    “ขอบคุณที่ทำให้ชายได้เจอสิ่งที่ดีที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตของชายนะครับหม่อมแม่”


    “...” หม่อมมารตีสะอื้นเสียจนแผ่นหลังบอบบางไหวสั่น ความรู้สึกผิดในหัวใจค่อยๆสลายหายไปด้วยคำพูดของลูกชาย


    “หากหม่อมแม่กับท่านพ่อรู้สึกผิดต่อชายเรื่องที่บังคับให้ชายแต่งงาน”


    “...”


    “ชายขอให้อย่าคิดเช่นนั้นเลยครับ” มือนุ่มปาดเช็ดน้ำตาเม็ดโตออกจากปรางค์นุ่มของผู้เป็นแม่ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีไปให้อีกคนได้รับรู้


    “นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่หม่อมแม่กับท่านพ่อเลือกให้ชาย วันนั้นชายอาจจะต้องแต่งงานกับเขาเพียงเพราะสัญญาของเสด็จปู่”


    “...”


    “แต่ในวันนี้ วันที่ชายนั่งอยู่เพื่อรอเขาตรงนี้..”


    “...”


    “..ชายทำมันเพราะหัวใจของชายเอง ชายทำเพราะชายรักเค้าครับหม่อมแม่” ร่างนุ่มนิ่มถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของผู้เป็นแม่อีกครั้ง ร่างบอบบางทั้งสองปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันตามแต่ที่ใจต้องการ เสียงของเข็มนาฬิกาดังขึ้นเป็นระยะๆตามการทำงานของมัน


    สายลมเย็นๆพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดค้างเอาไว้รับลม ดวงหน้าหวานซบลงกับไหล่แคบของมารดาราวกับต้องการจะพักผ่อนอยู่ตรงนี้ อยากจะหลับตาแล้วพักพิงอยู่แค่กับไหล่ของมารดาเช่นนี้


    เพล้ง!!!


    ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ กรอบรูปขนาดใหญ่หล่นร่วงลงกับพื้นอย่างแรงจนกระจกใสแตกละเอียด ร่างบอบบางดีดตัวออกจากอ้อมแขนอบอุ่นก่อนจะลุกขึ้นยืนเสียจนเต็มความสูง กายบางเขยิบเข้าหาสิ่งของที่ตกลงมาแตกด้วยหัวใจที่ไหววูบ


    มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องบอบบางของตนราวกับกำลังปลอบประโลมเด็กน้อยในครรภ์ไม่ให้ตื่นตกใจ


    ไม่มีอะไรหรอก..


    ก็แค่กรอบรูปที่หล่นลงมาแตกก็เท่านั้น


    “คุณหม่อมถอยออกมาเถอะค่ะ” ใบหน้าหวานส่ายไปมาน้อยๆปปฏิเสธคำพูดของสาวใช้คนสนิท


    “ชื่นไปเอาถังขยะมาให้ฉันที” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อไม่อาจหักห้ามความกลัวในหัวใจได้ ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองไปยังกรอบรูปที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น


    รูปแต่งงานร่วงลงมาแตกเช่นนี้คงไม่ใช่ลางดีแน่


    กายบางทิ้งตัวนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ประครองเศษแก้วขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


    “เดี๋ยวชื่นเก็บเองดีกว่าค่ะ”


    “เลื่อนถังขยะเข้ามาเถอะ” หญิงสาวเขยิบถังขยะเข้าหาเจ้านายตามคำสั่งโดยไม่ลืมจะตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงมองดวงหน้าหวานนั้นไปด้วย มือของคุณหม่อมสั่นไหวพอๆกับลูกแก้วคู่สวยคู่นั้น ไม่บอกก็รู้ว่าคงใจเสียไม่น้อย แต่ที่ฝืนทำอยู่แบบนี้คงแค่ต้องการปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นอะไร


    พยายามจะคิดว่าทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ


    ก็แค่ลมพัดแรงไปหน่อยก็เท่านั้น


     


    บรื๊นนน!!


    เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดหน้าตัวบ้านอย่างรวดเร็วเรียกความสนใจจากทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี


    “นายสนไปเปิดประตูพาแขกเข้ามาที” นายสนผู้นั่งรออยู่ตรงประตูบ้านจำต้องน้อบรับคำสั่งจากหม่อมมารตีแต่โดยดี กายโปร่งลุกขึ้นเสียจนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเท้าออกไปยังบริเวณหน้าบ้านเพื่อเปิดประตูเชิญแขกให้เขามาด้านในตามคำสั่งของผู้เป็นนาย


    กายสมส่วนในชุดเครื่องแบบของทหารอากาศยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น


    “เชิญด้านในเลยครับคุณ” กวาดมือเชื้อเชิญผู้มาใหม่ให้เดินเข้าไปในบ้านซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตามก่อนจะรุดเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยความกังวลใจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน


    “นายทหารมาน่ะครับ” มือน้อยชะงักงันกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เรียวปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม


    มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ


    มันไม่มีอะไรอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ..


    “คุณฆนา..”


    “สวัสดีครับคุณหม่อม ผมชื่อสมชายเป็นนายทหารรุ่นน้องของคุณฆนากร” ชายหนุ่มแนะนำตนเองคร่าวๆโดยไม่ต้องรอให้ใครสั่งด้วยความร้อนใจ กายแกร่งสมส่วนยืนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก ดวงตาคู่สวยสั่นระริกเมื่อมองเห็นว่าภรรยาของเพื่อนสนิทผู้พี่กำลังกระทำสิ่งใดอยู่


    “ผมขอโทษที่ต้องกลับมาพร้อมกับข่าวร้ายเช่นนี้”


    “...” หัวใจคนเราจะอดทนกับความเจ็บปวดได้มากขนาดไหนกันเชียว


    “เครื่องบินของคุณฆนากรโดนยิงจนระเบิดที่กลางป่า ไม่สามารถนำศพออกมาจากตัวลำได้ทัน เราเอากลับมาได้แค่แหวนแต่งงานที่กระเด็นตกอยู่ที่ข้างเครื่องเท่านั้น”


    “...”


    “คุณฆนากรเสียชีวิตแล้วครับ..!”


     

    นั่นสิ.. จะอดทนได้มากแค่ขนาดไหนกันนะ..


     

    ไม่กลับมาหาตาหนูสักหน่อยหรือครับ.. จะไม่กลับมารับขวัญลูกของคุณสักหน่อยเลยหรือ


     

    “ตาชาย!!!!”


     

     

    TALK

    หลังจากที่หายไปตั้งหนึ่งวัน เราเอาตอนที่ 18 มาลงให้แล้วนะคะ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ขอบคุณที่อยู่เฝ้ามองความรักของเขาสองคนมาด้วยกันนะคะ เจอกันที่ได้ที่ #จสบดศ เหมือนเดิมค่ะ ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×