คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ ๑๗
๑๗
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชีวิตของกันต์พิมุกต์กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
ตอนกลางวันไปทำงาน ตอนเย็นแวะไปหาหม่อมจิณเพื่อนรักที่ร้านขนมหวานและตอนค่ำก็ขับรถกลับมานอนที่บ้านในกรม
ทุกอย่างเหมือนเดิมจนน่าใจหาย ใครบางคนหลุดออกไปจากวงโคจรของชีวิตตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ไม่มีโทรศัพท์
ไม่มีจดหมาย
ไม่มีการติดต่อกลับมาเพื่อยืนยันว่าตนปลอดภัยเลยสักครั้งตั้งแต่ที่ฆนากรก้าวเท้าเดินออกไป
ข่าวคราวแถบชายแดนที่ได้ยินได้อ่านอยู่ทุกวันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยวูบโหวงคิดไม่ตกจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร
เป็นอย่างที่ราชนิกุลร่างบางคิดเอาไว้ไม่มีผิด ความสงบในช่องสองสัปดาห์แรกเป็นเพียงแค่ช่วงที่ทะเลสงบก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้าหาฝั่ง
สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเป็นเท่าตัวหลังจากสงบนิ่งจนทำให้ฝั่งของเราตายใจ
กองทัพอากาศได้ทำหน้าที่ของตนตามความรับผิดชอบโดยตรงเมื่อมีเครื่องบินต้องสงสัยลำหนึ่งล่วงล้ำเข้าสู่เขตน่านฟ้าของประเทศไทยเพื่อทิ้งระเบิดสร้างความเสียหายและคร่าชีวิตของชาวบ้านในหมู่บ้านอพยพบริเวณใกล้เคียงไปจำนวนมากมาย
เหตุการณ์น่าหวาดกลัวทำลายขวัญและกำลังใจจากคนที่นี่ไปจนหมดสิ้น
รวมถึงแบมแบมด้วย
เพราะเขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าคนที่คะนึงถึงอยู่ตลอดเวลาจะยังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่
แม้จะมีเพื่อนฝูงคอยอยู่ข้างๆ คอยชวนคุย
ชวนหาเรื่องทำเพื่อให้หยุดคิดถึงเรื่องนั้นไปบ้าง
แต่กันต์พิมุกต์ก็ยอมรับได้เต็มปากเลยว่ามันไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้เลย
จิณภัทรเองก็ห่วงรวีวิทไม่ต่างกันแต่ก็ยังพยายามจะมาคอยอยู่เป็นเพื่อน คอยมาชวนคุย
เห็นแก่ความพยายามของเพื่อน คุณชายตัวน้อยจึงจำต้องแสดงท่าทีว่ามีความสุขไปกับกิจกรรมเหล่านั้น
หากแต่ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวก็ยังเฝ้าคิดถึงอีกคนที่อยู่ไกลแสนไกลอยู่ดี
ความรู้สึกของคนรอมันทรมานมากแค่ไหน
หากไม่ได้มาประสบพบเจอด้วยตนเองก็คงจะไม่เข้าใจ
“คุณสร้อยได้ยินข่าวทหารเสียชีวิตที่ชายแดนบ้างไหมคะ??”
มือน้อยที่กำลังหยิบจับเอกสารประกอบการสอนอยู่ชะงักงันเพียงเพราะได้ยินเสียงหวานของอาจารย์ร่วมแผนงานเดียวกันเอ่ยถึงเรื่องราวข่าวสารที่เพิ่งจะอัพเดตออกผ่านวิทยุไม่นานมานี้
กันต์พิมุกต์ไม่ทันได้ฟังเพราะว่าติดสอน
มีคนมาพูดให้ฟังอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน..
อย่าถือโทษที่แอบฟังเลยนะครับ..
“ยังไงหรือคะคุณภา”
“ได้ข่าวว่าวันนี้มีทหารเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกสามรายน่ะค่ะ
เหมือนว่าเครื่องบินขับไล่จะโดนลอบยิง” ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้น
หัวใจดวงน้อยในอกเต้นช้าลงราวกับกำลังจะหยุดการทำงาน เรือนกายบอบบางลุกขึ้นจนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเท้าไปยังเจ้าของบทสนทนาทั้งสอง
ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
สั่นไหวแตกร้าวยามจับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงสาวแล้วเอ่ยถามเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยินหากไม่ตั้งใจฟังดีๆ
“ขะ ขอโทษครับ”
“อ้าว อาจารย์หม่อม”
ภาวิณีช้อนดวงตาคู่สวยมองอาจารย์หม่อมคนใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาเริ่มทำงานในปีการศึกษานี้ก่อนจะยกยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งไปให้
แบมแบมหน้าซีดเผือดจนน่าตกใจ
ร่างน้อยไม่ได้ส่งยิ้มกลับไปอย่างที่ควรจะเป็นทั้งที่ถ้าเป็นเวลาปกติเธอผู้นั้นคงได้มีโอกาสชื่นชมรอยยิ้มหวานสวยนั้นไปแล้ว
มือเรียวที่สั่นไหวแตะเข้าที่พนักพิงของเก้าอี้เพื่อพยุงร่างของตนไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้น
แบมแบมกำลังหวาดกลัว
กลัวเหลือเกินว่าเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้น
รู้ว่าอาจจะตื่นตูมไปเอง
รู้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้
แต่ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของเหล่าทหารเขาก็มักจะต้องรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง
หลายวันมานี้รั้วของชาติสูญสิ้นชีวิตกันเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ทุกครั้งก็จะเป็นเพียงทหารพรานที่อยู่ใกล้จุดระเบิดและโดนลูกหลงเท่านั้น
หากแต่ในวันนี้กลับเป็นทีของทหารอากาศที่เครื่องบินขับไล่ถูกยิง
ไม่ให้คิดในแง่ร้ายก็คงจะไม่ได้
แต่ก็ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่เขาคิดเลย
อย่าเป็นเช่นนั้นเลย..
“เรื่องทหารที่เครื่องบินถูกยิง”
“...”
“ช่วยอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียดหน่อยได้ไหมครับ”
“ตายจริง ดิฉันก็ลืมไปว่าสามีของอาจารย์หม่อมเป็นหนึ่งในหน่วยที่ต้องไปรบด้วย” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของตนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่สมควรจะพูดถึงเรื่องไม่ดีในสถานที่นี้ สถานที่ที่มีภรรยาของหนึ่งในทหารกล้าที่ลงไปแถบชายแดนนั่งรวมอยู่ด้วย
แต่ในเมื่ออาจารย์หม่อมอุตส่าห์เดินมาขอให้เล่า
เธอจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน
“ในข่าวบอกว่าวันนี้มีเครื่องบินขับไล่ของทางฝั่งเราโดนยิงจนหายออกไปจากเขตควบคุมน่ะค่ะ
เหมือนว่าจะตกแล้วก็ระเบิดทันทีในป่าลึก
ทำให้ไม่สามารถทราบชื่อหรือนามสกุลของผู้เสียชีวิตทั้งสามคนได้”
“...”
“ในข่าวเหมือนจะบอกว่าเป็นเครื่องบิน เอฟเอฟ
แปดแปดอะไรนี่แหละค่ะ ดิฉันก็ฟังไม่ถนัด”
หวังว่าคงไม่ใช่ F-86F ที่ฆนากรเคยเล่าให้ฟังหรอกนะ
หวังว่าผู้เป็นสามีคงไม่ใช่ผู้โชคร้ายหนึ่งในนั้นหรอกนะ..
“ตายแล้วอาจารย์หม่อม!!”
“คุณหม่อม!!”
ร่างสูงโปร่งของอาจารย์หนุ่มพุ่งเข้าหาร่างบอบบางของอดีตหม่อมราชวงศ์กันต์พิมุกต์อย่างรวดเร็ว
ปล่อยหนังสือเล่มใหญ่ที่ยืมมาลงกับพื้นไม่ได้สนใจว่าเจ้าหนังสือเล่มหนานั่นจะเสียหายจนโดนห้องสมุดปรับหรือไม่เพื่อโอบประครองร่างน้อยไม่ให้ล้มลงไปกระแทกกับกระเบื้องจนอาจจะบาดเจ็บเอาได้
ดวงตากลมปิดลงสนิทไม่รับรู้อะไรอีกแล้วต่อจากนี้
กายบอบบางถูกยกขึ้นแนบอกกว้างอย่างเร่งรีบ
ช่วงขายาวรุดเดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลนัก
“อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะครับคุณหม่อม”
อย่าเพิ่งเป็นอะไรเลยนะครับ..
แบมแบมไม่สามารถตอบตนเองได้ว่าที่นี่ที่ไหน เขารู้เพียงแค่ว่ามันเป็นป่ารกทึบที่มีแต่ต้นไม้สูงจนเหนือศีรษะ
เท้าเปลือยเปล่าก้าวเดินไปข้างหน้าทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะเดินไปไหน
ดวงตากลมกวาดมองไปรอบกายเพื่อหาใครสักคนที่เขาอาจจะขอความช่วยเหลือได้บ้าง
บู้ม!
เสียงระเบิดก้องกังวาลดังขึ้นที่มุมหนึ่งของป่าใหญ่แห่งนี้
ร่างน้อยๆสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวแต่นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาได้ยินหลังจากที่โผล่มาอยู่ที่นี่
กายบางในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้นที่ชอบใส่เป็นประจำพยายามเหลือเกินที่พาตนเองเดินไปตามที่มาของเสียง
ยิ่งใกล้กลิ่นไหม้ก็ยิ่งชัดเจน
‘อย่าไป’ ใครบางคนกำลังตะโกนบอกเขาอย่างนั้น
กันต์พิมุกต์กวาดตามองรอบกายอีกครั้งเพื่อหาคนพูด
หากแต่ทุกอย่างก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม
ยังคงไม่มีใครเช่นเคย
‘พี่บอกอยู่นี่อย่างไรว่าอย่าเข้าไป’
‘ฮึก.. พี่ พี่มาร์ค’
จำได้แล้ว เขาจำเสียงทุ้มต่ำแหบแห้งนั้นได้แล้ว
หากแต่มองไม่เห็น และไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าคนพูดอยู่ส่วนไหนของป่าใหญ่แห่งนี้
‘คุณหม่อมถอยออกมา ถอยออกมาเชื่อพี่’ ใบหน้าหวานส่ายไปมา
น้ำตาเม็ดโตเปรอะไปทั่วแก้มนวล สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าไม่ควรเชื่อฆนากร
เขาไม่ควรจะเดินถอยกลับออกมาอย่างที่อีกคนว่า
‘เชื่อพี่เถอะคนดี อย่าเดินเข้าไป’ ซากเครื่องบินที่กำลังถูกเผาไหม้ปรากฏแก่สายตาทันทีที่เดินผ่านหญ้ารกครึ้มสูงเท่าอกเข้ามาได้สำเร็จ
มือน้อยยกขึ้นปิดริมฝีปากของตนเองเอาไว้ ดวงตากลมเบิกกว้าง
มือใหญ่ของใครบางคนพาดออกจากหน้าต่างที่แตกละเอียด
ก้านนิ้วเรียวยาวที่แสนคุ้นเคยยังคงถูกประดับเอาไว้ด้วยแหวนวงหนึ่ง
แหวนที่กันต์พิมุกต์เป็นคนสวมให้กับเขาด้วยมือของตนเอง
‘มะ ไม่!’
“พี่มาร์ค!!” เสียงแหบแห้งของคนที่หลับใหลไปหลายชั่วโมงตะโกนขึ้นมาอย่างดังในห้องพักฟื้น
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ความรู้สึกสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิตยังคงไม่จางหายไปไหน มันยังอยู่ที่เดิม
อยู่ในหัวใจที่กำลังเต้นช้าลงของเขา
เพดานสีขาวสะอาดตาบวกกับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์บอกได้เป็นอย่างดีว่าที่นี่คือที่ไหน
ร่างบอบบางถูกจัดให้นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องพักฟื้นชั่วคราว มือข้างซ้ายถูกเข็มเจาะเอาไว้เพื่อให้น้ำเกลือจากอาการขาดสารอาหารและพักผ่อนไม่เพียงพอที่กำลังเผชิญอยู่
ร่างกายที่แสนอ่อนล้าไม่อาจจะพยุงร่างของตนให้ลุกขึ้นนั่งได้
คนตัวเล็กจึงทำได้แค่นอนนิ่งอยู่บนเตียงและปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตไหลลงอาบแก้ม
ความหวาดผวาและความหวาดกลัวทำให้แบมแบมไม่กล้าจะกวาดตามองรอบห้องแห่งนี้
เขากลัวว่าจะมีนายทหารสักคนอยู่ที่นี่
กลัวเหลือเกินว่าพวกเขาเหล่านั้นจะถูกส่งมาเพื่อแจ้งข่าวการสูญเสีย
รับไม่ได้
หากเป็นเช่นนั้นหัวใจดวงนี้คงยอมรับไม่ได้
“พี่ชาย..” เสียงหวานของน้องปลุกให้แบมแบมกลับเข้าสู่โลกของความจริง มือน้อยกอบกุมมือเรียวสวยของผู้เป็นพี่เอาไว้
ลูบเบาๆให้อีกคนผ่อนคลายลง ไม่รู้หรอกว่าเหตุใดพี่จึงเป็นลมล้มพับไปเช่นนี้
เธอบังเอิญเจอกับอาจารย์ญาณภัทรเข้าพอดีระหว่างจะนำรายงานมาส่งที่ห้องพักอาจารย์เลยได้ติดรถมาด้วยเนื่องจากเห็นว่าคนที่อาจารย์หนุ่มอุ้มมาคือพี่ชายของตนเอง
เวลานั้นหม่อมราชวงศ์กานต์นพิศคิดไม่ออกหรอกว่าควรจะทำอะไรบ้าง
เธอทำได้แต่โอบประครองร่างของพี่เอาไว้จนถึงที่นี่ รู้สึกตัวอีกทีอาจารย์หนุ่มก็ช้อนอุ้มร่างของพี่ใส่เตียงให้พยาบาลเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินและพาทุกคนมารอที่นี่
ที่ห้องพักฟื้นชั่วคราวนี่เสียแล้ว
หมอบอกว่าพี่ชายร่างกายอ่อนเพลียมาก
ต้องให้น้ำเกลือสักขวด ถ้าอาการดีขึ้นก็คงจะกลับบ้านได้
“หญิง..”
“ค่ะ หญิงเอง” ตอบไปด้วยรอยยิ้มสดใสที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
พี่ชายเรียกเธอหากแต่ดวงตาคู่สวยคู่นั้นกลับเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล ราวกับพี่ชายอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
อยู่ในโลกส่วนตัวที่กั้นเธอออกจากโลกของเขาโดยสมบูรณ์ หญิงสาวได้แต่มองผู้เป็นพี่ชายของตนอยู่อย่างนั้น
หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดไม่ต่างกันเมื่อต้องมาเห็นคนที่ตนรักเจ็บปวดเช่นนี้
พี่ชายไม่เคยอ่อนแอ
พี่ชายไม่เคยร้องไห้ให้เธอเห็น
แต่วันนี้พี่ชายกำลังเจ็บปวด
เจ็บจนไม่สามารถใช้ความเข้มแข็งเย็นชาปิดบังความอ่อนแอนั้นเอาไว้ได้อีก
นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่เธอได้เห็นน้ำตาของพี่ชาย
น้ำตาที่ราวกับเป็นน้ำกรดราดรดใส่ใจของผู้ที่ได้พบเห็น
เรียวปากสีซีดพึมพำอยู่กับตนเองด้วยคำพูดเพียงไม่กี่พยางค์
มีแค่คำว่าคุณฆนากร และพี่มาร์คเท่านั้นที่หลุดออกมา น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นช่างน่าสงสารนัก
อ้อนวอนขอร้องใครสักคน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาจะยอมรับและทำตามที่เราต้องการหรือไม่
“พี่มาร์ค.. พะ พี่”
ญาณภัทรนั่งรอสองพี่น้องอยู่ที่หน้าห้องพักฟื้นมาสักพักใหญ่ๆแล้ว
ชายหนุ่มกระดกกาแฟเข้าไปสองแก้วเต็มๆด้วยความเป็นห่วงร่างบางของคนที่อยู่ในห้อง
อยากจะเดินเข้าไปดู อยากจะเดินเข้าไปถามว่าเป็นเช่นไรบ้าง
หากแต่ก็ทำเยี่ยงนั้นไม่ได้
ความรู้สึกส่วนหนึ่งบอกว่านั่นไม่ใช่ที่ของเขา
เขาไม่ใช่คนที่สมควรจะเข้าไปนั่งอยู่ตรงนั้น
เพราะเช่นนั้นเขาจึงยังนั่งอยู่ตรงนี้
นั่งรออยู่เงียบๆหน้าห้องพักฟื้นเพื่อรอให้คนทั้งสองออกมาพร้อมกับบอกเขาว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแล้ว
คุณหม่อมไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจจะแค่อ่อนเพลียแต่ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ
“ขอโทษนะคะ คุณใช่ญาติของคุณกันต์พิมุกต์หรือเปล่าคะ??”
พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเขาด้วยรอยยิ้ม ญาณภัทรชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเลือกส่ายหน้าตอบกลับไป
“ผมแค่เป็นคนพาเขามาส่งโรงพยาบาลน่ะครับ
คุณพยาบาลมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอดีคุณหมอจะแจ้งข่าวดีกับคนไข้น่ะค่ะ
ดิฉันคิดว่าคุณเป็นเอ่อ.. สามี เลยอยากให้เข้าไปฟังข่าวดีด้วยกัน”
ญาณภัทรยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง ชายหนุ่มยืนยันว่าจะขอนั่งรออยู่ตรงนี้ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำดีๆของคุณหม่อม
ดวงตาคู่สวยราวกับรัตติกาลอันมืดมิดจับจ้องบานประตูของห้องพักฟื้นนิ่ง
ถึงไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน
แต่ผมก็อยากให้คำว่าคุณพ่อของแกเป็นของคุณแค่คนเดียวนะคุณฆนากร
รีบๆกลับมาหาลูกของคุณได้แล้ว
“ทานน้ำสักหน่อยนะคะพี่ชาย”
หลอดพลาสติกถูกจับใส่ลงไปในแก้วน้ำก่อนที่คนเป็นน้องจะประครองไปจ่อให้ถึงริมฝีปากสีซีดราวกับกระดาษนั่น
คนตัวเล็กอ้าปากงับหลอดตามความต้องการของน้อง ดูดน้ำเข้าสู่ร่างกายได้ไม่กี่อึกก็เบี่ยงหน้าหนี
มือเรียวยกขึ้นโบกปัดเล็กน้อยเป็นเชิงว่าพอแล้ว เขาไม่อยากกินอะไรในตอนนี้
คุณหญิงจำใจต้องวางแก้วน้ำในมือลงกับโต๊ะข้างเตียงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมของเธอ
“โธ่..พี่ชาย”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เอ่ยบอกว่าตนไม่เป็นอะไรทั้งที่ยังปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่อย่างนั้น
คุณหญิงจับมือบอบบางของพี่เอาไว้
มันเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันกับพี่ได้ว่าเธอยังอยู่ตรงนี้
อยู่ตรงนี้ที่เดิมเสมอและไม่เคยทิ้งพี่ไปไหนเลย
ชายหนุ่มสัมผัสกับความรู้สึกเป็นห่วงของน้องได้ และเขาก็ขอบคุณน้องหญิงเหลือเกินที่อุตส่าห์มานั่งเฝ้าเขาอยู่แบบนี้
แต่หัวใจดวงน้อยมันเจ็บปวดเกินกว่าจะเยียวยาได้ในตอนนี้
มันไม่พร้อมรับการรักษาจากใครหรืออะไรทั้งนั้น
กันต์พิมุกต์ไม่อาจหาหนทางที่จะทำให้ใจดวงน้อยเจ็บปวดน้อยลงไปกว่านี้ได้เลย
แม้จะยังไม่มีคนยืนยันแน่ชัด
แต่จากข้อมูลก็สามารถสรุปว่าเป็นฆนากรได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
70เปอร์เซ็นต์ที่ทหารผู้เสียชีวิตคนนั้นจะเป็นเรืออากาศโทฆนากร
วิรุฬห์ธนกิจ
แล้วจะให้เขาทำอย่างไรได้บ้าง
จะให้เขายังยิ้มและทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งที่หัวใจมันร้าวไปแล้วทั้งดวงแบบนี้ได้อย่างไร
ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องพักฟื้นถูกเคาะส่งสัญญาณขออนุญาตอยู่สองสามครั้งก่อนจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของพยาบาลสาวคนหนึ่ง
เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปาก ร่างสูงโปร่งของนายแพทย์เฉพาะทางคนหนึ่งเดินตามเข้ามา
เขาเองก็มีสีหน้าแจ่มใสไม่แพ้กัน
ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง
สำรวจอาการเบื้องต้นของคนไข้อีกครั้งว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
และเมื่อเห็นว่าคนไข้ดูโอเคขึ้นกว่าตอนที่มามากแล้ว ชายหนุ่มจึงเปิดประเด็นขึ้นมา
“จากที่หมอตรวจร่างกายของคุณ หมอว่าช่วงนี้คุณคงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอใช่ไหมครับ”
ร่างน้อยพยักหน้าตอบรับคำนั้นอย่างจำยอม
ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีอารมณ์อยากอาหารเท่าไหร่นัก นั่งกินข้าวไปได้คำสองคำก็รู้สึกอิ่มเลยวานให้ชื่นช่วยนำไปเก็บที
“พักผ่อนก็น้อยด้วยถูกไหมครับ”
“ครับ..” จะข่มตาหลับลงได้ยังไง
เจ้าของดวงใจเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้
“จากนี้ไปหมอขอให้คุณเลิกทำแบบนั้นนะครับ
ข้าวน่ะถึงจะไม่อยากกินก็พยายามกินหน่อย เรื่องที่เครียดอยู่ก็พยายามคิดให้น้อยลงบ้าง”
“...”
“นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ”
“...”
กันต์พิมุกต์นอนฟังคำของนายแพทย์หนุ่มเงียบๆ
รับฟังแต่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะทำได้หรือไม่
แต่เขาจะพยายามก็แล้วกัน
“จากนี้ไปคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะครับ น้องในครรภ์ของคุณแม่อายุได้
9 สัปดาห์แล้ว” มือเรียวที่วางอยู่ข้างตัวชะงักไปด้วยความตกใจ
ดวงตาคู่สวยช้อนมองใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอ
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าลงอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าผลที่ออกมาไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน
“ทำอะไรนึกถึงลูกในท้องด้วยนะครับ”
กันต์พิมุกต์กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ
ตั้งครรภ์กับคนที่ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้อยู่ที่ชายแดน
สัมผัสแสนอบอุ่นที่แตะผ่านหน้าท้องบอบบางในวันนั้นชัดเจนขึ้นอีกครั้งในความรู้สึก
หยาดน้ำใสไร้สีกลิ้งผ่านแก้มนวลลงมาเมื่อคนเป็นแม่ไม่อาจหักห้ามความอิ่มเอมและเจ็บปวดไปพร้อมกันในหัวใจของตนได้
มือเรียวยกขึ้นแตะที่หน้าท้องบาง
หนูมาเกิดแล้วอย่างนั้นหรือครับลูก..
ลูกที่คุณเฝ้ารอ แกมาหาพวกเราแล้วนะครับคุณฆนากร..
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวเลยนะครับ
ส่วนเรื่องนอนโรงพยาบาลหมอว่าคุณแม่นอนพักที่นี่อีกสักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านจะดีกว่า”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
เป็นหม่อมราชวงศ์กานต์นพิศที่เอ่ยขอบคุณนายแพทย์เจ้าของไข้เพราะดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอจะปิดการรับรู้ทุกอย่างไปตั้งแต่ที่รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในร่างกายของตนแล้ว
คนที่รอมานานเขามาเกิดแล้ว
คุณพ่อของหนูจะกลับมาหาหนูใช่ไหมครับคนดีของแม่
เขาจะกลับมาหาแม่กับหนูใช่ไหม..
“ฮึก.. ตาหนูของแม่”
กลับมานะพี่มาร์ค
กลับมาหาลูกของเรานะครับ..
TALK
หลานมาแล้ววววว ไหนใครรอหลานอยู่บ้างเอ่ย
เจอกันได้ที่ #จสบดศ เหมือนเดิมนะครับผมมม
J
ความคิดเห็น