ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบรรดาศักดิ์ | MarkBam (THAI)

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ ๑๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.44K
      249
      9 ก.ค. 59

    ลงครั้งแรก 9 กรกฏาคม 2559

    ๑๒

     

    หากจะถามว่าช่วงนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ กันต์พิมุกต์คงตอบได้อย่างง่ายดายเลยว่าเขารู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนแปลกๆยามได้สบดวงตาสีเข้มของนายทหารหนุ่มผู้ซึ่งครองตำแหน่งสามีอย่างถูกต้องตามกฏหมายอยู่ อย่าว่าแต่หน้าร้อนแปลกๆเลย เพียงแค่อีกคนขยับปากพูดในหัวของเขามันก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยเสียจนมือไม้สั่น


    ตั้งแต่วันนั้นทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมกับปกติ ตื่นเช้ามาต่างคนก็ต่างไปทำงานตามปกติ ตอนเย็นถ้าหากว่าฆนากรเลิกงานเร็วก็จะแวะไปรับภรรยาตัวน้อยจากที่ทำงาน ทุกอย่างมันปกติ ปกติเหมือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ชวนใจสั่นนั่น อดีตคุณชายตัวน้อยจำต้องหาผ้าพันคอมาพันรอบลำคอระหงส์อยู่เสียหลายวันด้วยเหตุจากรอยยุงกัดที่ไม่ยอมจะจางหายลงไปง่ายๆเสียที


    ตัวการก็ได้แต่ยกยิ้มล้อเลียน เขาล่ะเกลียดฆนากรนัก


    เกลียดใบหน้าหล่อเหลาที่ชอบผินมามองให้เขาใจสั่น


    เกลียดดวงตาคมที่ชอบจ้องริมฝีปากเสียจนแบมแบมต้องรีบงับปากตัวเองแทบไม่ทัน


    เกลียดที่ไม่ว่าอีกคนจะทำอะไรก็มีผลต่อหัวใจเขาได้แทบจะทุกอย่าง


    “คุณหม่อมทำอะไรหรือคะ” หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นบ้านตรงหน้าโซฟาตัวใหญ่อย่างนอบน้อม ดวงตาคู่สวยช้อนมองผ้าผืนใหญ่ในมือน้อยๆของเจ้านายด้วยความสนใจ กันต์พิมุกต์ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากก่อนจะยื่นผ้าเนื้อดีบริเวณที่ปักเรียบร้อยแล้วให้อีกคนได้ดู


    หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น มือเรียวแตะลงบนผ้านุ่มอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าตนจะเป็นสาเหตุให้ผ้าผืนสวยนี่ชำรุดไปเสียก่อน


    ลายการปักที่แสนประณีตตามแบบชาววังปรากฏแก่สายตาเด็กหญิงโดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้สัมผัสและจับต้องแบบนี้ คุณหม่อมตัวน้อยวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มมือของสาวใช้ตัวเล็กอย่างเอื้อเอ็นดู ไม่บ่อยนักที่จะมีคนสนใจในกิจกรรมแสนน่าเบื่อนี้ ลองเขาเอาผ้าไปให้หญิงบิ๋มปักดูสิ รายนั้นจะวิ่งหนีแทบไม่คิดชีวิตเชียวล่ะ


    ไม่รู้ว่าจะไม่ชอบอะไรงานบ้านงานเรือนนักหนา ทีพอเห็นคนงานมาก่อนสร้างบ้านข้างๆกลับรีบชวนคุณข้าหลวงออกไปดู แล้วถามว่าคุณข้าหลวงเข้าใจอะไรไหมล่ะเวลาที่เจ้านายบอกว่า เราว่าแปลนมันไม่งามเลย ใช้เหล็กแบบนั้นจะมั่นคงหรือ ลำบากสาวใช้คนสนิทที่ต้องพยักหน้าเออออไปยังอย่างนั้นทั้งที่งงงวยเสียตั้งแต่คำว่าแปลนแล้ว


    เห็นรายนั้นบอกว่าตนเองมีความฝันอยากจะเป็นคนสร้างบ้านขึ้นมาเอง ไม่รู้หรอกว่าน้องจะทำได้อย่างที่พูดไหม แต่หน้าที่สำหรับคนเป็นพี่คือการให้กำลังใจ


    คุณหม่อมตัวน้อยจึงมักจะบอกกับน้องสาวคนเล็กของตัวเองเสมอว่า บ้านที่หญิงสร้างต้องเป็นบ้านที่งามที่สุดแน่ๆเชียวค่ะ คนถูกชมยิ้มออกมาเสียจนแก้มแทบแตก คนเป็นพี่เลยอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงหอมแก้มน้องแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยว


    จะว่าไปแล้วก็คิดถึงหญิงบิ๋ม ตั้งแต่แต่งงานออกมาก็ยังไม่ว่างจะกลับไปที่วังเลย เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็แค่ช่วงพักจากการเรียน ถึงน้องจะบอกว่าท่านพ่อกับหม่อมแม่สบายดีแต่ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองก็ยังไม่สบายใจ สงสัยว่าอาทิตย์หน้าถ้าหากว่าคุณสามีว่างคงจะต้องชักชวนให้อีกฝ่ายขับรถกลับวังไปเสียหน่อยแล้ว


    “ปักไปทำไมหรือคะ ผ้าแบบเดิมก็สวยอยู่แล้ว” แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าผ้าที่ปักออกมานั้นช่างงดงามไร้ที่ติ หากแต่เนื้อผ้าโดยแท้ของมันก็สวยงามเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนกับที่ถูกปักแต่ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไร อดีตหม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์วางผ้าผืนสวยลงอย่างเบามือที่ข้างกาย


    “ชื่นว่าเค้กมันอร่อยหรือไม่”


    “อร่อยสิคะ คุณโจอี้เคยซื้อมาฝาก คนที่บ้านใหญ่แย่งกันแทบแย่” หญิงสาวตอบออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ คุณฆนรุจมักซื้อของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาฝากคนที่บ้านเสมอ ขนมไทยบ้าง คุ้กกี้บ้าง รวมไปถึงเค้กปอนด์ใหญ่ก็เคยหอบกลับมา บรรดาคนรับใช้ต่างก็แย่งกันเป็นพัลวันเพราะของที่ว่านั่นค่อนข้างที่จะราคาแพง คนชนชั้นแบบพวกเธอหากินได้ไม่บ่อยเท่าไหร่นัก หากมีโอกาสเลยพยายามจะกอบโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


    “ชื่นว่าเค้กที่มีหน้ากับไม่มีหน้าอันไหนมันน่ากินกว่ากัน??”


    “อันที่มีหน้าสิคะ!!” โพล่งออกมาเสียงดังอย่างรวดเร็ว ถ้าเลือกได้ใครกันจะไปอยากกินเค้กหน้าโล้นๆ


    “อ้าวทำไมล่ะ ถ้ามันรสชาติเหมือนกันทำไมถึงไม่เลือกอันที่ไม่มีหน้า”


    “โธ่คุณหม่อม คนเราเวลาเห็นอันไหนมันสะดุดตากว่าก็ต้องเลือกอันนั้นสิคะ” คนเป็นเจ้าหน้าพยักหน้ารับฟังความคิดเห็นของสาวใช้ตัวน้อย


    ชื่นขมวดคิ้วเสียจนหน้าตาดูยุ่งเหยิงไปหมด เมื่อกี๊คุยกันเรื่องผ้าอยู่ เหตุใดคุณหม่อมถึงพาพูดเลยไปเรื่องเค้กเสียได้ล่ะ


    “ดูทำหน้าเข้า กำลังจะอธิบายให้ฟังอยู่นี่ไง”


    ” เด็กสาวยกยิ้มหูตั้งหางกระดิก อย่างน้อยคุณหม่อมก็ไม่ปล่อยให้เธองงเป็นไก่ตาแตกอยู่แบบนี้ล่ะนะ


    “ของบางอย่างมันดูมีคุณค่าในตัวของมันอยู่แล้ว”



    “แต่บางทีมันก็ต้องการความโดดเด่น ความเป็นเอกลักษณ์” ระบายยิ้มอ่อนโยนเสียจนบรรยากาศรอบข้างเหมือนมีกลีบกุหลาบลอยพริ้วไปทั่ว ลมฤดูหนาวพัดผ่านมาแผ่วๆทำให้กลุ่มผมนุ่มสลวยบิดพริ้วไปตามแรง คุณหม่อมตอนนี้ราวกับนางฟ้านางสวรรค์สักองค์ผู้กำลังโปรดมนุษย์ธรรมดาอย่างเธออยู่ เอื้อนวจีไปพร้อมกับภาพความงามของธรรมชาติเบื้องหลัง


    ชื่นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้านายหนุ่มของเธอจึงตกหลุมรักคนตรงหน้าเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวยหวานนั่นคราแรก


    เพราะน่ารักบริสุทธิ์เยี่ยงนี้ หากปล่อยให้หลุดมือไปคงเป็นผู้ชายที่โง่เต็มที


    ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังอ่อนหวานอ่อนโยนได้ไม่เท่าคุณหม่อมเลย มุมเข้มแข็งสมบุรุษก็มีให้เห็น คุณหม่อมไม่เคยยอมให้เธอทำงานหนักๆอะไรเพียงคนเดียว อ้างว่าอย่างไรเสียตนก็เป็นผู้ชายย่อมมีพละกำลังมากกว่าหญิงสาวอย่างเธออยู่แล้ว ชื่นมารับใช้อยู่ที่นี่นั้นสบายกว่าที่บ้านใหญ่นัก


    คุณหม่อมเอื้อเอ็นดูเธอราวกับว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา งานการหรือก็ลงมือช่วยเหลือเสียจนเธอแทบไม่ต้องทำอะไร หน้าที่ของเธอในทุกวันนี้คงมีเพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเจ้านายร่างบางยามที่คุณฆนากรไม่อยู่ก็เท่านั้นแหละ


    แต่มุมอ่อนหวาน ทำอาหาร ทำงานบ้านงานเรือนสมตำแหน่งศรีภรรยาก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง


    คุณหม่อมคือผู้ผสมผสานทั้งความเข้มแข็ง ความอ่อนโยน และความอ่อนหวาน เข้าด้วยกันได้อย่างพอดิบพอดี ไม่มีอะไรมากหรือน้อยจนเกินไป


    “ฉันก็แค่ทำให้ผ้าผืนนี้มันดูน่ามองขึ้นจากการปักเพิ่มลงไปก็เท่านั้นเอง”



    “เหมือนกับที่พ่อครัวลงครีมตกแต่งบนหน้าเค้กนั่นแหละ”


    “แล้วนี่จะปักไปทำอะไรหรือคะ” กันต์พิมุกต์หยิบผ้าผืนสวยขึ้นมาปักอีกครั้ง รอยยิ้มอ่อนหวานมีความสุขประดับขึ้นที่ริมฝีปากคู่สวย ดวงตากลมทอประกายส่องแสงแห่งความอบอุ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว


    “ปักไปทำผ้าปูที่นอนน่ะ ชื่นหยิบปลอกหมอนตรงนั้นไปลองใส่หมอนในห้องให้ฉันที อยากจะรู้ว่ามันพอดีกับที่วัดมาหรือไม่” ตอบรับก่อนจะชี้นิ้วไปทางผ้าสีเดียวกันแบบเดียวกันที่บรรจงปักลวดลายลงไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวพยักหน้ารับคำตามหน้าที่ก่อนจะช้อนผ้าผืนสวยที่ถูกพับเอาไว้เสียเรียบร้อยขึ้นมาแนบอก


    เรียวขายาวก้าวเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว


    คุณชายตัวเล็กมองตามหญิงสาวไปจนสุดสายตาเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้สะดุดอะไรจนหน้าคว่ำไปก่อนก็สบายใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานที่ค้างเอาไว้อยู่ให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อให้ทันเจ้าของบ้านอีกคนกลับมาถึงบ้าน


    “คุณจะชอบมันไหมนะ..


    กันต์พิมุกต์อาจจะไม่รู้ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าผ่านมือของคุณหม่อม หรือคุณหม่อมตั้งใจจะเอามาให้ย่อมเป็นของที่นายทหารหนุ่มชอบที่สุดเสมอ



     

    ฆนากรหงุดหงิดไม่น้อยกับงานที่เขาได้รับทราบมาในวันนี้ เรื่องราวทุกอย่างมันเริ่มจะชัดเจนขึ้นเสียจนน่ากลัว เขาไม่เคยเกรงกลัวหากจะต้องเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งแผ่นดินและเอกราชของประเทศชาติ ไม่เคยวิตกหากจะต้องขึ้นไปบนเครื่องบินรบแล้วขับออกไปต่อสู้กับใครก็แล้วที่บังอาจบุกรุกหรือคิดปองร้ายประเทศไทย


    หากแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเก่า..


    เขาไม่ได้หวาดกลัว หากแต่กำลังเป็นห่วงใครบางคนเสียมากกว่า


    ชีวิตที่เคยมีแต่ครอบครัวกับประเทศชาติไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพียงแค่ใครบางคนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


    ไม่อาจะนิ่งนอนใจได้ว่าอีกคนจะอยู่ต่อไปอย่างไร จะทนได้ไหมหากวันหนึ่งเขาต้องขับเครื่องบินออกไปแล้วไม่ขับกลับมาอีก


    หัวใจดวงน้อยจะเจ็บปวดเพียงไร หากโดนทำร้ายด้วยความตายที่ไม่มีใครหนีพ้น ความตายที่อาจจะพรากชีวิตของเขาไปเมื่อไหร่เวลาไหนก็ไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้


    “เฮีย ผมว่าคุณหม่อมจะเข้าใจ” มือใหญ่ของสมชายวางลงบนไหล่กว้างของเพื่อนสนิทรุ่นพี่ก่อนจะตบลงเบาๆให้อีกคนเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีใครขัดคำสั่งได้ หากถูกเรียกตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไรก็ต้องรีบมารายงานตัวและรับภารกิจ ฆนากรเคยเลือกชีวิตนี้ด้วยตัวของเขาเองและไม่เคยเสียใจเลยที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ในจุดๆนี้


    แต่เขากำลังรู้สึกผิด รู้สึกผิดเหลือเกินที่ดึงอีกคนเข้ามาลำบาก เข้ามาเอาความสุขของตัวเองแขวนไว้บนเส้นด้ายพร้อมกันกับชีวิตของเขา


    หากชีวิตของมาร์คดับสิ้น ความสุขของคุณหม่อมก็คงจะมลายหายไปพร้อมๆกัน


    “กูกลัวว่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่กูกลัวที่จะต้องขับเครื่องบิน”



    “ขับเพื่อนที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์กับกูที่สุด”



    “กูกลัวว่ากูจะไม่ได้กลับมา..


    ช่างเป็นประโยคที่อ่อนแรงที่สุดเท่าที่เคยออกจากปากของเพื่อนสนิทรุ่นพี่คนนี้ สมชายได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีใครอยากให้มันเป็นอย่างนี้หรอก ไม่ว่าจะใคร อยู่ในตำแหน่งหน้าที่อะไรในประเทศ ก็ไม่มีประสงค์จะให้เกิดสงครามด้วยกันทั้งนั้น ทหารอาจจะต้องลำบากหน่อยเพราะเป็นเหมือนรั้วของชาติ


    รั้วที่ต้องไม่ยอมให้ศัตรูเข้ามาในชาติของเราได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยลมหายใจก็ตาม


    ฆนากรละจากเพื่อนสนิทและทุกคนในกรมออกมาจากห้องประชุม พุ่งตรงไปยังรถคันใหญ่ของตนที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว มือใหญ่สั่นไหวยามที่พยายามจะเสียบกุญแจลงไป หัวใจของเขากระตุกวูบ คำพูดของท่านนายพลยังก้องอยู่ในหูไม่จางหาย


    คำพูดที่เป็นเหมือนประกาศิตให้ทุกคนต้องเตรียมเอ่ยล่ำลาครอบครัวเพื่อก้าวสู่สนามรบและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเมื่อถึงเวลาของตนเอง


    ท่านหวังว่าทุกคนจะกลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าความหวังนั้นจะเป็นจริง


    มาร์คแค่กำลังภาวนา ภาวนาให้เขาได้กลับมาพร้อมกับเพื่อนๆ กลับมาหาภรรยาและครอบครัวที่เขารัก


    “โถ่เว้ย!! ทุบลงไปแรงๆบนพวงมาลัยเมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี เขาควรจะบอกคุณหม่อมว่ายังไง เขาควรจะลาทุกคนอย่างไร มาร์คไม่รู้ ตอนนี้เขามืดแปดด้านไปหมด คนที่รับประกันไม่ได้แม้กระทั่งความปลอดภัยของตัวเองควรจะทำอย่างไรให้ทุกคนสบายใจ


    เขาควรจะทำยังไงดี


    ใช้เวลาสักพักกว่าที่นายทหารหนุ่มจะจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองได้ รถยนต์คันเก่งเคลื่อนออกจากลานจอดรถเพื่อมุ่งหน้ากลับไปบ้าน บ้านที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจะปลอดภัยและอบอุ่นเสมอหากว่าได้กลับไป บ้านที่มีหัวใจทั้งดวงรอคอยอยู่


    บ้านที่มีคุณหม่อม..



     

    “คุณฆนากรกลับมาแล้วค่ะคุณหม่อม” ดวงตากลมตวัดไปตำหนิร่างน้อยของหญิงสาวที่วิ่งตึงตังเข้ามาตามตนถึงในห้องนอนเสียจนหญิงสาวได้แต่ยิ้มแหยๆ เธอก็หลงลืมไปว่าคุณชายเกิดและเติบโตมาในวัง คงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักที่เธอมีกิริยามารยาทไม่ต่างจากม้าดีดกะโหลกเยี่ยงนี้


    ก็คนมันรีบนี่นา


    อดตื่นเต้นไม่ได้หรอกว่าคุณฆนากรจะทำหน้ายังไงหากได้เข้ามาเห็นของขวัญที่คุณหม่อมใช้เวลาแทบจะทั้งวันในการทำขึ้นมาให้


    “ไหนหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดใหม่อีกทีซิ”


    “คือ.. คือคุณ” ผ่อนลมหายใจเข้าปอดแรงๆไล่ความเหนื่อยจากการที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา กันต์พิมุกต์ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากระหว่างที่กอดอกรอว่าสาวใช้คนสนิทต้องการจะพูดออกมาว่าอะไร เมื่อกี๊หรือก็ได้ยินแว่วๆฟังไม่ค่อยถนัดนักว่าใครมา


    “คุณฆนากร..


    “คุณหม่อมครับ..” เสียงเรียกของคนมาใหม่ทำให้คุณหม่อมตัวน้อยถึงบางอ้อก็คราวนี้ เด็กสาวคงต้องการจะวิ่งเข้ามาบอกว่าเจ้านายอีกคนของตนกลับมาแล้ว แต่เพราะหอบเหนื่อยจากการวิ่งสุดท้ายก็เลยรายงานไม่ทันมันเสียอย่างนั้น มือน้อยวางลงบนกลุ่มผมของหญิงสาวเบาๆก่อนจะรุดตัวออกไปหาสามีที่วันนี้จำต้องออกไปทำธุระที่กรมอย่างเร่งด่วนทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ


    ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนแรงเสียจนภรรยาได้แต่ยกมือขึ้นรับหมวกและกระเป๋าหิ้วมาถือเอาไว้เองก่อนจะส่งไปให้กับสาวใช้ที่ค่อยๆเดินตามออกมาวานให้อีกคนเอาไปเก็บไว้ในห้องให้ที มือเล็กเลื่อนไปแตะซับเหงื่อที่หน้าผากของคนเป็นสามีออกให้อย่างแผ่วเบา แตะเข้าที่ลำแขนแกร่งให้เดินไปทิ้งตัวนั่งคุยกันดีๆที่เก้าอี้นอกชาน  ซึ่งฆนากรก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย


    “สวัสดีครับ” ยกมือกระพุ่มไว้ทำความเคารพเฉกเช่นที่เคยทำทุกวัน


    “อ๊ะ!!” ร่างน้อยถูกดึงให้จมไปกับอกแกร่งอย่างแรง ความอบอุ่นที่แสนคุ้นชินในวันนี้กลับดูร้อนขึ้นมาจนสัมผัสได้ มือนุ่มลูบลงไปที่แผ่นหลังกว้างเบาๆ ไม่รู้หรอกว่าอีกคนเป็นอะไรและทำไมถึงได้ตัวสั่นเช่นนี้ แต่หากฆนากรต้องการกำลังใจหรือคำปลอบโยน ภรรยาคนนี้ก็พร้อมจะมอบให้ได้เสมอ


    “เป็นอะไรครับ” อ้อมแอ้มถามเสียงเบาพลางซบหน้าลงกับไหล่ของอีกคนไปด้วย


    “...”


    “บอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร”



    “ผมอยู่ตรงนี้นะ ผมอยู่ตรงนี้เสมอไม่ว่าคุณจะเครียดกับเรื่องอะไรก็ตาม..”


    “ถ้าผมตาย..


    “...” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเพียงแค่ได้ยินคำพูดสามพยางค์ของคนเป็นสามี มือเรียวชะงักไปเล็กน้อย  หยาดน้ำใสไร้สีรื้นขึ้นมาเอ่อคลออยู่ที่กระบอกตาอย่างรวดเร็ว


    ทำไมถึงพูดเรื่องตาย


    “ถ้าวันนึงผมไม่ได้กลับมาหาคุณ คุณจะทำยังไง”



    “คุณจะลืมผมหรือเปล่า...” ความอุ่นชื้นที่ไหล่บอบบางบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกคนกำลังปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มสากไม่ต่างกัน ทั้งสองร่างตระคองกอดกันในความเงียบ กอดให้แน่นที่สุดราวกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้กอดกัน กอดให้ตัวเองไม่ต้องเสียดายหากว่าวันหนึ่งจะต้องสูญเสียอ้อมกอดแข็งแรงนี้ไป


    “ลืม ฮึก.. ลืมได้ก็บ้าแล้วครับ”


    “...”


    “ผมใช้หัวใจจำคุณ ผมไม่ได้ใช้สมองเสียหน่อย” สายลมแผ่วๆพัดมากับความมืดหลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้า แสงไฟนอกชานสีส้มอ่อนทำให้ภาพนี้ดูเป็นภาพที่แสนอบอุ่นหากทว่ามันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ความเงียบที่มีเพียงเสียงสะอื้นกรีดแทงเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจเสียจนร้าวระบมไปทั้งอก


    ดวงตาคู่สวยหลับลง ไม่คิดไม่ฝันว่าอีกคนจะถามออกมาเยี่ยงนี้


    ฆนากรคงกำลังกังวลและวิตกไม่น้อย ความเข้มแข็งของชายชาติทหารกำลังสั่นคลอนเพียงเพราะความหวาดกลัวอะไรบางอย่าง


    “อย่าห่วงเลยครับ คุณเป็นสามีเพียงคนเดียวของผม”



    “ทั้งวันนี้ วันพรุ่งนี้ และตลอดไป” มือใหญ่ลูบเรือนผมนุ่มมืออย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสีชาขบเม้มเข้ากันแน่นยามที่พยายามจะสั่งให้น้ำตาเจ้ากรรมมันหยุดไหลไปเสียที อ้อมแขนแข็งแรงคลายออกเพื่อให้ฆนากรสามารถใช้ดวงตาของตนจับจ้องใบหน้าหวานสวยของภรรยาได้


    กันต์พิมุกต์ยังคงยิ้ม ยิ้มให้เขาทั้งๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา


    ใช้ความอ่อนโยนปลอบโยนความเปราะบางจากความเข้มแข็ง โอบประครองกันและกันไปด้วยความเข้าใจ


    “เป็นทหารทำไมขี้แยจังครับ” นิ้วน้อยๆเกลี่ยเข้าที่ปลายจมูกของอีกคนเบาๆ มาร์คยกยิ้มก่อนจะใช้อวัยวะเดียวกันปัดผ่านปลายจมูกของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้


    “แล้วทำไมเป็นภรรยาทหารที่ขี้แยล่ะครับ”


    “ฮื่ออ..กลับบ้านมาเหนื่อยๆไปดูอะไรที่ทำให้หายเหนื่อยดีไหม”


    “หืม” ครางเสียงต่ำในลำคอยามที่โดนมือน้อยของภรรยาลากให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามกันเข้าไปในบ้าน มาร์คขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะต้องยกยิ้มขึ้นมาเสียจนกว้างขวางเมื่อได้เห็นชุดเครื่องนอนอันใหม่สีฟ้าสดใสปักลายดอกไม้น่ารักๆ ซึ่งถ้าให้เดา


    คนทำให้ก็คงจะน่ารักไม่แพ้ผ้าปูที่นอนตรงหน้านี้หรอก


    “งามครับ”



    “งามเหมือนคนทำเลย”


    ฟอด!


    สูดความหอมบริสุทธิ์จากแก้มนุ่มเข้าไปแรงๆหนึ่งที คนถูกชมตีลงไปเบาๆบนลำแขนแข็งแรงที่โอบรอบเอวตนเอาไว้


    นายทหารที่ทำหน้าเศร้าสร้อยเมื่อสักครูนี้หายไปไหนกันนะ


    “ผมซื้อมาเถอะครับ”


    “คุณคิดว่าคุณหลอกอะไรผมได้อีกหรือ ผมจะบอกให้นะ ว่าในชีวิตนี้คุณหลอกผมได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ” ดวงตาคู่สวยช้อนมองดวงตาของคนพูด เฝ้ารอให้อีกคนเอื้อนเอ่ยบอกกันว่าอะไรที่เขาเคยหลอกให้เชื่อ


    เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยนี่นา


    มีแต่คนเข้าใจผิดไปเองจนเรียกชื่อเขาผิดนั่นแหละ


    พูดได้เต็มปากว่ายังแอบงอนมาจนถึงทุกวันนี้


    “หลอกให้ผมรักจนหัวปักหัวปำไปไหนไม่รอดแบบนี้ไง”


    “ฮื่ออ..” แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก ฆนากรช้อนร่างน้อยขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนจะก้าวเดินไปยังเตียงนอนหลังใหญ่และวางอีกคนลงอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสีชาประทับลงบนหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนอย่างเต็มเปี่ยม


    “สงสัยว่าเราต้องทดสอบผ้าปูที่นอนใหม่กันหน่อยแล้วล่ะคนดี..”


    “อื้อ..!!!



     

     

     

    TALK

    ตัด!  555555 เจอกรรไกรได้ในตอนหน้านะครับผมมม สรุปแล้วเราจะทำรูปเล่มเรื่องนี้นะคะ ใครที่สนใจเตรียมตัวเก็บเงินกันไว้ได้เลย ^O^

    ด้วยรัก จุ๊บบบ

    ปล.ไม่ไล่หนูชื่นกันนะคะทุกคน ไรท์สงสาร 5555555555555

    ปล.2 ไม่ต้องตามหาที่อยู่มาเผาบ้านเราที่เราตัดไว้แค่นี้นะ เดี๋ยวตอนหน้าเค้าเอากรรไกรมาให้ ^O^

    ดราม่ากำลังจะมาเพราะเรื่องดำเนินมาใกล้จะจบแล้ว เตรียมตัวกันนะคะ ติดสกรีมฟิคได้ที่ #จสบดศ เช่นเคย ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×