คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ ๑๒
๑๒
หากจะถามว่าช่วงนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่
กันต์พิมุกต์คงตอบได้อย่างง่ายดายเลยว่าเขารู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนแปลกๆยามได้สบดวงตาสีเข้มของนายทหารหนุ่มผู้ซึ่งครองตำแหน่งสามีอย่างถูกต้องตามกฏหมายอยู่
อย่าว่าแต่หน้าร้อนแปลกๆเลย เพียงแค่อีกคนขยับปากพูดในหัวของเขามันก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยเสียจนมือไม้สั่น
ตั้งแต่วันนั้นทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมกับปกติ
ตื่นเช้ามาต่างคนก็ต่างไปทำงานตามปกติ
ตอนเย็นถ้าหากว่าฆนากรเลิกงานเร็วก็จะแวะไปรับภรรยาตัวน้อยจากที่ทำงาน ทุกอย่างมันปกติ
ปกติเหมือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ชวนใจสั่นนั่น
อดีตคุณชายตัวน้อยจำต้องหาผ้าพันคอมาพันรอบลำคอระหงส์อยู่เสียหลายวันด้วยเหตุจากรอยยุงกัดที่ไม่ยอมจะจางหายลงไปง่ายๆเสียที
ตัวการก็ได้แต่ยกยิ้มล้อเลียน
เขาล่ะเกลียดฆนากรนัก
เกลียดใบหน้าหล่อเหลาที่ชอบผินมามองให้เขาใจสั่น
เกลียดดวงตาคมที่ชอบจ้องริมฝีปากเสียจนแบมแบมต้องรีบงับปากตัวเองแทบไม่ทัน
เกลียดที่ไม่ว่าอีกคนจะทำอะไรก็มีผลต่อหัวใจเขาได้แทบจะทุกอย่าง
“คุณหม่อมทำอะไรหรือคะ”
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นบ้านตรงหน้าโซฟาตัวใหญ่อย่างนอบน้อม
ดวงตาคู่สวยช้อนมองผ้าผืนใหญ่ในมือน้อยๆของเจ้านายด้วยความสนใจ
กันต์พิมุกต์ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากก่อนจะยื่นผ้าเนื้อดีบริเวณที่ปักเรียบร้อยแล้วให้อีกคนได้ดู
หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น
มือเรียวแตะลงบนผ้านุ่มอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าตนจะเป็นสาเหตุให้ผ้าผืนสวยนี่ชำรุดไปเสียก่อน
ลายการปักที่แสนประณีตตามแบบชาววังปรากฏแก่สายตาเด็กหญิงโดยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้สัมผัสและจับต้องแบบนี้
คุณหม่อมตัวน้อยวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มมือของสาวใช้ตัวเล็กอย่างเอื้อเอ็นดู
ไม่บ่อยนักที่จะมีคนสนใจในกิจกรรมแสนน่าเบื่อนี้ ลองเขาเอาผ้าไปให้หญิงบิ๋มปักดูสิ
รายนั้นจะวิ่งหนีแทบไม่คิดชีวิตเชียวล่ะ
ไม่รู้ว่าจะไม่ชอบอะไรงานบ้านงานเรือนนักหนา
ทีพอเห็นคนงานมาก่อนสร้างบ้านข้างๆกลับรีบชวนคุณข้าหลวงออกไปดู แล้วถามว่าคุณข้าหลวงเข้าใจอะไรไหมล่ะเวลาที่เจ้านายบอกว่า
‘เราว่าแปลนมันไม่งามเลย
ใช้เหล็กแบบนั้นจะมั่นคงหรือ’ ลำบากสาวใช้คนสนิทที่ต้องพยักหน้าเออออไปยังอย่างนั้นทั้งที่งงงวยเสียตั้งแต่คำว่าแปลนแล้ว
เห็นรายนั้นบอกว่าตนเองมีความฝันอยากจะเป็นคนสร้างบ้านขึ้นมาเอง
ไม่รู้หรอกว่าน้องจะทำได้อย่างที่พูดไหม
แต่หน้าที่สำหรับคนเป็นพี่คือการให้กำลังใจ
คุณหม่อมตัวน้อยจึงมักจะบอกกับน้องสาวคนเล็กของตัวเองเสมอว่า
‘บ้านที่หญิงสร้างต้องเป็นบ้านที่งามที่สุดแน่ๆเชียวค่ะ’ คนถูกชมยิ้มออกมาเสียจนแก้มแทบแตก
คนเป็นพี่เลยอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงหอมแก้มน้องแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยว
จะว่าไปแล้วก็คิดถึงหญิงบิ๋ม
ตั้งแต่แต่งงานออกมาก็ยังไม่ว่างจะกลับไปที่วังเลย เจอกันที่มหาวิทยาลัยก็แค่ช่วงพักจากการเรียน
ถึงน้องจะบอกว่าท่านพ่อกับหม่อมแม่สบายดีแต่ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองก็ยังไม่สบายใจ
สงสัยว่าอาทิตย์หน้าถ้าหากว่าคุณสามีว่างคงจะต้องชักชวนให้อีกฝ่ายขับรถกลับวังไปเสียหน่อยแล้ว
“ปักไปทำไมหรือคะ ผ้าแบบเดิมก็สวยอยู่แล้ว” แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าผ้าที่ปักออกมานั้นช่างงดงามไร้ที่ติ
หากแต่เนื้อผ้าโดยแท้ของมันก็สวยงามเช่นกัน
ถึงจะไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนกับที่ถูกปักแต่ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไร
อดีตหม่อมราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์วางผ้าผืนสวยลงอย่างเบามือที่ข้างกาย
“ชื่นว่าเค้กมันอร่อยหรือไม่”
“อร่อยสิคะ คุณโจอี้เคยซื้อมาฝาก
คนที่บ้านใหญ่แย่งกันแทบแย่”
หญิงสาวตอบออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้
คุณฆนรุจมักซื้อของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาฝากคนที่บ้านเสมอ ขนมไทยบ้าง คุ้กกี้บ้าง
รวมไปถึงเค้กปอนด์ใหญ่ก็เคยหอบกลับมา บรรดาคนรับใช้ต่างก็แย่งกันเป็นพัลวันเพราะของที่ว่านั่นค่อนข้างที่จะราคาแพง
คนชนชั้นแบบพวกเธอหากินได้ไม่บ่อยเท่าไหร่นัก
หากมีโอกาสเลยพยายามจะกอบโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ชื่นว่าเค้กที่มีหน้ากับไม่มีหน้าอันไหนมันน่ากินกว่ากัน??”
“อันที่มีหน้าสิคะ!!” โพล่งออกมาเสียงดังอย่างรวดเร็ว
ถ้าเลือกได้ใครกันจะไปอยากกินเค้กหน้าโล้นๆ
“อ้าวทำไมล่ะ
ถ้ามันรสชาติเหมือนกันทำไมถึงไม่เลือกอันที่ไม่มีหน้า”
“โธ่คุณหม่อม
คนเราเวลาเห็นอันไหนมันสะดุดตากว่าก็ต้องเลือกอันนั้นสิคะ”
คนเป็นเจ้าหน้าพยักหน้ารับฟังความคิดเห็นของสาวใช้ตัวน้อย
ชื่นขมวดคิ้วเสียจนหน้าตาดูยุ่งเหยิงไปหมด
เมื่อกี๊คุยกันเรื่องผ้าอยู่ เหตุใดคุณหม่อมถึงพาพูดเลยไปเรื่องเค้กเสียได้ล่ะ
“ดูทำหน้าเข้า กำลังจะอธิบายให้ฟังอยู่นี่ไง”
“…” เด็กสาวยกยิ้มหูตั้งหางกระดิก
อย่างน้อยคุณหม่อมก็ไม่ปล่อยให้เธองงเป็นไก่ตาแตกอยู่แบบนี้ล่ะนะ
“ของบางอย่างมันดูมีคุณค่าในตัวของมันอยู่แล้ว”
“…”
“แต่บางทีมันก็ต้องการความโดดเด่น
ความเป็นเอกลักษณ์”
ระบายยิ้มอ่อนโยนเสียจนบรรยากาศรอบข้างเหมือนมีกลีบกุหลาบลอยพริ้วไปทั่ว
ลมฤดูหนาวพัดผ่านมาแผ่วๆทำให้กลุ่มผมนุ่มสลวยบิดพริ้วไปตามแรง คุณหม่อมตอนนี้ราวกับนางฟ้านางสวรรค์สักองค์ผู้กำลังโปรดมนุษย์ธรรมดาอย่างเธออยู่
เอื้อนวจีไปพร้อมกับภาพความงามของธรรมชาติเบื้องหลัง
ชื่นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้านายหนุ่มของเธอจึงตกหลุมรักคนตรงหน้าเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวยหวานนั่นคราแรก
เพราะน่ารักบริสุทธิ์เยี่ยงนี้
หากปล่อยให้หลุดมือไปคงเป็นผู้ชายที่โง่เต็มที
ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังอ่อนหวานอ่อนโยนได้ไม่เท่าคุณหม่อมเลย
มุมเข้มแข็งสมบุรุษก็มีให้เห็น คุณหม่อมไม่เคยยอมให้เธอทำงานหนักๆอะไรเพียงคนเดียว
อ้างว่าอย่างไรเสียตนก็เป็นผู้ชายย่อมมีพละกำลังมากกว่าหญิงสาวอย่างเธออยู่แล้ว
ชื่นมารับใช้อยู่ที่นี่นั้นสบายกว่าที่บ้านใหญ่นัก
คุณหม่อมเอื้อเอ็นดูเธอราวกับว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา
งานการหรือก็ลงมือช่วยเหลือเสียจนเธอแทบไม่ต้องทำอะไร
หน้าที่ของเธอในทุกวันนี้คงมีเพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเจ้านายร่างบางยามที่คุณฆนากรไม่อยู่ก็เท่านั้นแหละ
แต่มุมอ่อนหวาน ทำอาหาร
ทำงานบ้านงานเรือนสมตำแหน่งศรีภรรยาก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
คุณหม่อมคือผู้ผสมผสานทั้งความเข้มแข็ง
ความอ่อนโยน และความอ่อนหวาน เข้าด้วยกันได้อย่างพอดิบพอดี
ไม่มีอะไรมากหรือน้อยจนเกินไป
“ฉันก็แค่ทำให้ผ้าผืนนี้มันดูน่ามองขึ้นจากการปักเพิ่มลงไปก็เท่านั้นเอง”
“…”
“เหมือนกับที่พ่อครัวลงครีมตกแต่งบนหน้าเค้กนั่นแหละ”
“แล้วนี่จะปักไปทำอะไรหรือคะ”
กันต์พิมุกต์หยิบผ้าผืนสวยขึ้นมาปักอีกครั้ง
รอยยิ้มอ่อนหวานมีความสุขประดับขึ้นที่ริมฝีปากคู่สวย ดวงตากลมทอประกายส่องแสงแห่งความอบอุ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ปักไปทำผ้าปูที่นอนน่ะ
ชื่นหยิบปลอกหมอนตรงนั้นไปลองใส่หมอนในห้องให้ฉันที อยากจะรู้ว่ามันพอดีกับที่วัดมาหรือไม่”
ตอบรับก่อนจะชี้นิ้วไปทางผ้าสีเดียวกันแบบเดียวกันที่บรรจงปักลวดลายลงไปเรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวพยักหน้ารับคำตามหน้าที่ก่อนจะช้อนผ้าผืนสวยที่ถูกพับเอาไว้เสียเรียบร้อยขึ้นมาแนบอก
เรียวขายาวก้าวเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว
คุณชายตัวเล็กมองตามหญิงสาวไปจนสุดสายตาเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้สะดุดอะไรจนหน้าคว่ำไปก่อนก็สบายใจ
ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานที่ค้างเอาไว้อยู่ให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อให้ทันเจ้าของบ้านอีกคนกลับมาถึงบ้าน
“คุณจะชอบมันไหมนะ..”
กันต์พิมุกต์อาจจะไม่รู้ว่าอะไรก็แล้วแต่ถ้าผ่านมือของคุณหม่อม
หรือคุณหม่อมตั้งใจจะเอามาให้ย่อมเป็นของที่นายทหารหนุ่มชอบที่สุดเสมอ
ฆนากรหงุดหงิดไม่น้อยกับงานที่เขาได้รับทราบมาในวันนี้
เรื่องราวทุกอย่างมันเริ่มจะชัดเจนขึ้นเสียจนน่ากลัว
เขาไม่เคยเกรงกลัวหากจะต้องเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาเอาไว้ซึ่งแผ่นดินและเอกราชของประเทศชาติ
ไม่เคยวิตกหากจะต้องขึ้นไปบนเครื่องบินรบแล้วขับออกไปต่อสู้กับใครก็แล้วที่บังอาจบุกรุกหรือคิดปองร้ายประเทศไทย
หากแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเก่า..
เขาไม่ได้หวาดกลัว
หากแต่กำลังเป็นห่วงใครบางคนเสียมากกว่า
ชีวิตที่เคยมีแต่ครอบครัวกับประเทศชาติไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพียงแค่ใครบางคนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ไม่อาจะนิ่งนอนใจได้ว่าอีกคนจะอยู่ต่อไปอย่างไร
จะทนได้ไหมหากวันหนึ่งเขาต้องขับเครื่องบินออกไปแล้วไม่ขับกลับมาอีก
หัวใจดวงน้อยจะเจ็บปวดเพียงไร
หากโดนทำร้ายด้วยความตายที่ไม่มีใครหนีพ้น
ความตายที่อาจจะพรากชีวิตของเขาไปเมื่อไหร่เวลาไหนก็ไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้
“เฮีย ผมว่าคุณหม่อมจะเข้าใจ”
มือใหญ่ของสมชายวางลงบนไหล่กว้างของเพื่อนสนิทรุ่นพี่ก่อนจะตบลงเบาๆให้อีกคนเชื่อมั่นในตนเอง
ไม่มีใครขัดคำสั่งได้ หากถูกเรียกตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ทำอะไรก็ต้องรีบมารายงานตัวและรับภารกิจ
ฆนากรเคยเลือกชีวิตนี้ด้วยตัวของเขาเองและไม่เคยเสียใจเลยที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ในจุดๆนี้
แต่เขากำลังรู้สึกผิด
รู้สึกผิดเหลือเกินที่ดึงอีกคนเข้ามาลำบาก
เข้ามาเอาความสุขของตัวเองแขวนไว้บนเส้นด้ายพร้อมกันกับชีวิตของเขา
หากชีวิตของมาร์คดับสิ้น
ความสุขของคุณหม่อมก็คงจะมลายหายไปพร้อมๆกัน
“กูกลัวว่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่กูกลัวที่จะต้องขับเครื่องบิน”
“…”
“ขับเพื่อนที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์กับกูที่สุด”
“…”
“กูกลัวว่ากูจะไม่ได้กลับมา..”
ช่างเป็นประโยคที่อ่อนแรงที่สุดเท่าที่เคยออกจากปากของเพื่อนสนิทรุ่นพี่คนนี้
สมชายได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีใครอยากให้มันเป็นอย่างนี้หรอก ไม่ว่าจะใคร อยู่ในตำแหน่งหน้าที่อะไรในประเทศ
ก็ไม่มีประสงค์จะให้เกิดสงครามด้วยกันทั้งนั้น
ทหารอาจจะต้องลำบากหน่อยเพราะเป็นเหมือนรั้วของชาติ
รั้วที่ต้องไม่ยอมให้ศัตรูเข้ามาในชาติของเราได้
ต่อให้ต้องแลกด้วยลมหายใจก็ตาม
ฆนากรละจากเพื่อนสนิทและทุกคนในกรมออกมาจากห้องประชุม
พุ่งตรงไปยังรถคันใหญ่ของตนที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
มือใหญ่สั่นไหวยามที่พยายามจะเสียบกุญแจลงไป หัวใจของเขากระตุกวูบ
คำพูดของท่านนายพลยังก้องอยู่ในหูไม่จางหาย
คำพูดที่เป็นเหมือนประกาศิตให้ทุกคนต้องเตรียมเอ่ยล่ำลาครอบครัวเพื่อก้าวสู่สนามรบและทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเมื่อถึงเวลาของตนเอง
ท่านหวังว่าทุกคนจะกลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
แต่ไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าความหวังนั้นจะเป็นจริง
มาร์คแค่กำลังภาวนา
ภาวนาให้เขาได้กลับมาพร้อมกับเพื่อนๆ กลับมาหาภรรยาและครอบครัวที่เขารัก
“โถ่เว้ย!!”
ทุบลงไปแรงๆบนพวงมาลัยเมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี
เขาควรจะบอกคุณหม่อมว่ายังไง เขาควรจะลาทุกคนอย่างไร มาร์คไม่รู้
ตอนนี้เขามืดแปดด้านไปหมด
คนที่รับประกันไม่ได้แม้กระทั่งความปลอดภัยของตัวเองควรจะทำอย่างไรให้ทุกคนสบายใจ
เขาควรจะทำยังไงดี
ใช้เวลาสักพักกว่าที่นายทหารหนุ่มจะจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองได้
รถยนต์คันเก่งเคลื่อนออกจากลานจอดรถเพื่อมุ่งหน้ากลับไปบ้าน
บ้านที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจะปลอดภัยและอบอุ่นเสมอหากว่าได้กลับไป
บ้านที่มีหัวใจทั้งดวงรอคอยอยู่
บ้านที่มีคุณหม่อม..
“คุณฆนากรกลับมาแล้วค่ะคุณหม่อม”
ดวงตากลมตวัดไปตำหนิร่างน้อยของหญิงสาวที่วิ่งตึงตังเข้ามาตามตนถึงในห้องนอนเสียจนหญิงสาวได้แต่ยิ้มแหยๆ
เธอก็หลงลืมไปว่าคุณชายเกิดและเติบโตมาในวัง คงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักที่เธอมีกิริยามารยาทไม่ต่างจากม้าดีดกะโหลกเยี่ยงนี้
ก็คนมันรีบนี่นา
อดตื่นเต้นไม่ได้หรอกว่าคุณฆนากรจะทำหน้ายังไงหากได้เข้ามาเห็นของขวัญที่คุณหม่อมใช้เวลาแทบจะทั้งวันในการทำขึ้นมาให้
“ไหนหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดใหม่อีกทีซิ”
“คือ.. คือคุณ”
ผ่อนลมหายใจเข้าปอดแรงๆไล่ความเหนื่อยจากการที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
กันต์พิมุกต์ยกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากระหว่างที่กอดอกรอว่าสาวใช้คนสนิทต้องการจะพูดออกมาว่าอะไร
เมื่อกี๊หรือก็ได้ยินแว่วๆฟังไม่ค่อยถนัดนักว่าใครมา
“คุณฆนากร..”
“คุณหม่อมครับ..”
เสียงเรียกของคนมาใหม่ทำให้คุณหม่อมตัวน้อยถึงบางอ้อก็คราวนี้
เด็กสาวคงต้องการจะวิ่งเข้ามาบอกว่าเจ้านายอีกคนของตนกลับมาแล้ว แต่เพราะหอบเหนื่อยจากการวิ่งสุดท้ายก็เลยรายงานไม่ทันมันเสียอย่างนั้น
มือน้อยวางลงบนกลุ่มผมของหญิงสาวเบาๆก่อนจะรุดตัวออกไปหาสามีที่วันนี้จำต้องออกไปทำธุระที่กรมอย่างเร่งด่วนทั้งที่เป็นวันหยุดแท้ๆ
ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนแรงเสียจนภรรยาได้แต่ยกมือขึ้นรับหมวกและกระเป๋าหิ้วมาถือเอาไว้เองก่อนจะส่งไปให้กับสาวใช้ที่ค่อยๆเดินตามออกมาวานให้อีกคนเอาไปเก็บไว้ในห้องให้ที
มือเล็กเลื่อนไปแตะซับเหงื่อที่หน้าผากของคนเป็นสามีออกให้อย่างแผ่วเบา
แตะเข้าที่ลำแขนแกร่งให้เดินไปทิ้งตัวนั่งคุยกันดีๆที่เก้าอี้นอกชาน ซึ่งฆนากรก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
“สวัสดีครับ” ยกมือกระพุ่มไว้ทำความเคารพเฉกเช่นที่เคยทำทุกวัน
“อ๊ะ!!” ร่างน้อยถูกดึงให้จมไปกับอกแกร่งอย่างแรง
ความอบอุ่นที่แสนคุ้นชินในวันนี้กลับดูร้อนขึ้นมาจนสัมผัสได้
มือนุ่มลูบลงไปที่แผ่นหลังกว้างเบาๆ
ไม่รู้หรอกว่าอีกคนเป็นอะไรและทำไมถึงได้ตัวสั่นเช่นนี้ แต่หากฆนากรต้องการกำลังใจหรือคำปลอบโยน
ภรรยาคนนี้ก็พร้อมจะมอบให้ได้เสมอ
“เป็นอะไรครับ”
อ้อมแอ้มถามเสียงเบาพลางซบหน้าลงกับไหล่ของอีกคนไปด้วย
“...”
“บอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร”
“…”
“ผมอยู่ตรงนี้นะ
ผมอยู่ตรงนี้เสมอไม่ว่าคุณจะเครียดกับเรื่องอะไรก็ตาม..”
“ถ้าผมตาย..”
“...”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเพียงแค่ได้ยินคำพูดสามพยางค์ของคนเป็นสามี
มือเรียวชะงักไปเล็กน้อย หยาดน้ำใสไร้สีรื้นขึ้นมาเอ่อคลออยู่ที่กระบอกตาอย่างรวดเร็ว
ทำไมถึงพูดเรื่องตาย
“ถ้าวันนึงผมไม่ได้กลับมาหาคุณ คุณจะทำยังไง”
“…”
“คุณจะลืมผมหรือเปล่า...” ความอุ่นชื้นที่ไหล่บอบบางบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกคนกำลังปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มสากไม่ต่างกัน
ทั้งสองร่างตระคองกอดกันในความเงียบ
กอดให้แน่นที่สุดราวกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้กอดกัน
กอดให้ตัวเองไม่ต้องเสียดายหากว่าวันหนึ่งจะต้องสูญเสียอ้อมกอดแข็งแรงนี้ไป
“ลืม ฮึก.. ลืมได้ก็บ้าแล้วครับ”
“...”
“ผมใช้หัวใจจำคุณ ผมไม่ได้ใช้สมองเสียหน่อย”
สายลมแผ่วๆพัดมากับความมืดหลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้า
แสงไฟนอกชานสีส้มอ่อนทำให้ภาพนี้ดูเป็นภาพที่แสนอบอุ่นหากทว่ามันกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย
ความเงียบที่มีเพียงเสียงสะอื้นกรีดแทงเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจเสียจนร้าวระบมไปทั้งอก
ดวงตาคู่สวยหลับลง
ไม่คิดไม่ฝันว่าอีกคนจะถามออกมาเยี่ยงนี้
ฆนากรคงกำลังกังวลและวิตกไม่น้อย
ความเข้มแข็งของชายชาติทหารกำลังสั่นคลอนเพียงเพราะความหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
“อย่าห่วงเลยครับ คุณเป็นสามีเพียงคนเดียวของผม”
“…”
“ทั้งวันนี้ วันพรุ่งนี้ และตลอดไป”
มือใหญ่ลูบเรือนผมนุ่มมืออย่างแผ่วเบา
ริมฝีปากสีชาขบเม้มเข้ากันแน่นยามที่พยายามจะสั่งให้น้ำตาเจ้ากรรมมันหยุดไหลไปเสียที
อ้อมแขนแข็งแรงคลายออกเพื่อให้ฆนากรสามารถใช้ดวงตาของตนจับจ้องใบหน้าหวานสวยของภรรยาได้
กันต์พิมุกต์ยังคงยิ้ม
ยิ้มให้เขาทั้งๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ใช้ความอ่อนโยนปลอบโยนความเปราะบางจากความเข้มแข็ง
โอบประครองกันและกันไปด้วยความเข้าใจ
“เป็นทหารทำไมขี้แยจังครับ”
นิ้วน้อยๆเกลี่ยเข้าที่ปลายจมูกของอีกคนเบาๆ
มาร์คยกยิ้มก่อนจะใช้อวัยวะเดียวกันปัดผ่านปลายจมูกของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้
“แล้วทำไมเป็นภรรยาทหารที่ขี้แยล่ะครับ”
“ฮื่ออ..กลับบ้านมาเหนื่อยๆไปดูอะไรที่ทำให้หายเหนื่อยดีไหม”
“หืม” ครางเสียงต่ำในลำคอยามที่โดนมือน้อยของภรรยาลากให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามกันเข้าไปในบ้าน
มาร์คขมวดคิ้วมุ่น
ก่อนจะต้องยกยิ้มขึ้นมาเสียจนกว้างขวางเมื่อได้เห็นชุดเครื่องนอนอันใหม่สีฟ้าสดใสปักลายดอกไม้น่ารักๆ
ซึ่งถ้าให้เดา
คนทำให้ก็คงจะน่ารักไม่แพ้ผ้าปูที่นอนตรงหน้านี้หรอก
“งามครับ”
“…”
“งามเหมือนคนทำเลย”
ฟอด!
สูดความหอมบริสุทธิ์จากแก้มนุ่มเข้าไปแรงๆหนึ่งที
คนถูกชมตีลงไปเบาๆบนลำแขนแข็งแรงที่โอบรอบเอวตนเอาไว้
นายทหารที่ทำหน้าเศร้าสร้อยเมื่อสักครูนี้หายไปไหนกันนะ
“ผมซื้อมาเถอะครับ”
“คุณคิดว่าคุณหลอกอะไรผมได้อีกหรือ ผมจะบอกให้นะ
ว่าในชีวิตนี้คุณหลอกผมได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”
ดวงตาคู่สวยช้อนมองดวงตาของคนพูด
เฝ้ารอให้อีกคนเอื้อนเอ่ยบอกกันว่าอะไรที่เขาเคยหลอกให้เชื่อ
เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยนี่นา
มีแต่คนเข้าใจผิดไปเองจนเรียกชื่อเขาผิดนั่นแหละ
พูดได้เต็มปากว่ายังแอบงอนมาจนถึงทุกวันนี้
“หลอกให้ผมรักจนหัวปักหัวปำไปไหนไม่รอดแบบนี้ไง”
“ฮื่ออ..”
แก้มนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก
ฆนากรช้อนร่างน้อยขึ้นมาในอ้อมแขนก่อนจะก้าวเดินไปยังเตียงนอนหลังใหญ่และวางอีกคนลงอย่างแผ่วเบา
ริมฝีปากสีชาประทับลงบนหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนอย่างเต็มเปี่ยม
“สงสัยว่าเราต้องทดสอบผ้าปูที่นอนใหม่กันหน่อยแล้วล่ะคนดี..”
“อื้อ..!!!”
TALK
ตัด! 555555
เจอกรรไกรได้ในตอนหน้านะครับผมมม
สรุปแล้วเราจะทำรูปเล่มเรื่องนี้นะคะ ใครที่สนใจเตรียมตัวเก็บเงินกันไว้ได้เลย ^O^
ด้วยรัก จุ๊บบบ
ปล.ไม่ไล่หนูชื่นกันนะคะทุกคน ไรท์สงสาร
5555555555555
ปล.2
ไม่ต้องตามหาที่อยู่มาเผาบ้านเราที่เราตัดไว้แค่นี้นะ
เดี๋ยวตอนหน้าเค้าเอากรรไกรมาให้ ^O^
ดราม่ากำลังจะมาเพราะเรื่องดำเนินมาใกล้จะจบแล้ว
เตรียมตัวกันนะคะ ติดสกรีมฟิคได้ที่ #จสบดศ เช่นเคย ^^
ความคิดเห็น