คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ ๘
๘
“คุณรวีวิทไม่ต้องมาช่วยที่ร้านทุกวันก็ได้ครับ
ผมเกรงใจแย่เลย”
หลังจากที่กันต์พิมุกต์แต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเองไปฝั่งนั้นก็ยังจัดการกับชีวิตไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก
ทำให้หม่อมหลวงจิณภัทรจำต้องทำงานที่ร้านอยู่เพียงคนเดียว
จะว่าว่าทำคนเดียวก็เห็นว่าจะไม่ถูกเท่าไหร่
เพราะพอลูกมือคนเก่าไม่ว่าง
หม่อมจิณก็ได้ลูกมือคนใหม่ที่ดูแล้วหน่วยก้านดีกว่าคนเก่ามาช่วยแทน แถมลูกมือที่ว่ายังมียศถึงเรืออากาศโทเสียด้วย
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยครับ ผมเต็มใจ
อีกอย่างก็แค่ช่วยหยิบช่วยจับอะไรนิดหน่อยเองไม่เหนื่อยหรอกครับ ซ้อมบินในกรมเหนื่อยกว่านี้อีก”
นายทหารหนุ่มตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม
รวีวิทได้มีโอกาสสนิทชิดเชื้อกับคุณหม่อมตัวน้อยขึ้นมามากขึ้นกว่าเก่าก็ช่วงงานแต่งงานของเพื่อนสนิทนั่นแหละ
อีกฝ่ายเป็นเพื่อนเจ้าสาวส่วนเขาก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเลยพอได้คุยกันบ้างตามประสา
อย่างน้อยมันก็ทำให้รวีวิทไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกค้าประจำของร้านนี้เหมือนเคย
ขยับสถานะขึ้นมาได้นิดหน่อยหัวใจดวงโตของนายทหารสังกัดกองทัพอากาศก็พองคับอกแล้ว
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ
มานั่งพักสักหน่อยดีกว่าเดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้” คนตัวสูงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
มือใหญ่ละจากการเปิดประตูด้านหน้าร้านก่อนจะหมุนตัวไปนั่งรอที่เก้าอี้ตัวหนึ่งไม่ไกลจากบริเวณเดิมที่ตนอยู่มากนัก
ดวงตาตี่ๆตามแบบฉบับลูกชายคนจีนมองตามแผ่นหลังบางของคุณหม่อมเจ้าของร้านไปเสียจนลับสายตา
ก่อนที่เรียวปากบางจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างขวางในชนิดที่ว่าถ้าหากฆนากรหรือสมชายเห็นจะต้องได้เอ่ยล้อเขาแน่ๆ
เพียงแค่หายตัวมาที่ร้านขนมชื่อดังแถวราชดำเนินนี่บ่อยๆ
พวกทหารผู้น้อยมันก็ล้อเขาเสียลั่นค่ายแล้ว
ไม่ต้องถามถึงเพื่อนสนิททั้งสองหรอก
สองคนนั่นน่ะหัวโจกดีๆนี่เอง
“จิณ.. อ้าวคุณรวีวิทสวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณหม่อม”ยกมือขึ้นรับไหว้คนอายุน้อยกว่าอย่างเพื่อนสะใภ้อย่างรวดเร็วหลังจากที่ร่างน้อยหันมาเจอเขาที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
รอยยิ้มหวานๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก
เดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าพ่อทหารหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่ร้านขนมของเพื่อนสนิทเขาทำไม
ก็คงไม่แคล้วจะมาขายขนมนั่นแหละ
หากแต่คงไม่ใช่ขนมไทยหรอก
น่าจะเป็นพวกขนมจีบอะไรอย่างนี้เสียมากกว่า
“อ้าวมาเมื่อไหร่ นั่งก่อนสิแบม”
มือน้อยผายให้เพื่อนสนิทตัวเล็กนั่งลงก่อนจะหยิบยื่นแก้วน้ำที่ถือออกมาให้กับรวีวิทที่นั่งอยู่ด้วยกันไม่ไกลนัก
ดวงหน้าหวานของจิณภัทรประดับไปด้วยรอยยิ้มเชิงล้อเลียน
ตลอดหลายวันมานี้อดีตคุณชายตัวน้อยโทรศัพท์มาหาเขาที่วังเกือบจะทุกวันเกี่ยวกับเรื่องของคุณสามีตัวสูง
โดยหลักๆก็เรื่องการกระทำอันเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วชวนใจสั่นนั่นแหละ
“แล้วสรุปว่ายังไง เปิดใจให้คุณเขาบ้างหรือยัง??”
ใบหน้าหวานสวยของกันต์พิมุกต์ส่ายไปมาพรืดใหญ่ เรียวปากสีธรรมชาติขบเม้มเข้าหากันแน่น
ดวงตากลมสั่นระริกราวกับคนที่กำลังปกปิดความผิด
อาการแบบนี้ก็คงไม่แคล้วเปิดใจให้เขาไปแล้วแต่ยังไม่อยากยอมรับก็เท่านั้นแหละ
“เขามีคนรักอยู่แล้วจิณจะให้เราเปิดใจให้เขาทำไมกัน”
“…” รวีวิทขมวดคิ้วมุ่น
เขาไม่ยักรู้ว่าเพื่อนสนิทมีคนรักอยู่แล้ว
ถ้าจะบอกว่าคนรักเก่าก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะพิมพ์ดาวคนรักของฆนากรสมัยเรียนนายร้อยก็แต่งงานจนลูกโตไปแล้วด้วยซ้ำ
มาร์คมีคนรักคนไหนของมันอีกวะ..
เห็นช่วงนี้รักอยู่แค่คนเดียว
ก็คนที่นั่งเม้มปากอยู่ตรงหน้าเขานี่..
ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณหม่อมจะน้อยใจทำไม??
คิดแล้วก็ได้แต่พยายามเงี่ยหูฟังคนตัวเล็กทั้งสองพูดกันต่อไป
นี่ไม่ได้จะสอดรู้สอดเห็นอะไรหรอกนะ
เขาก็แค่อยากจะรู้เฉยๆว่านายทหารที่วันวันสนใจอยู่แต่กับเครื่องบินหรือไม่ก็การออกบินตามหน้าที่มันไปซุกคนรักเอาไว้ที่ไหน
เห็นวันวันเข้าเวร ทำภารกิจแล้วก็กลับบ้าน ถ้าฆนากรยังจะมีเวลาไปหาคนรักคนอื่นนอกจากคุณหม่อมได้อีก
รวีวิทนี่ยอมใจมันเลยนะ เจ้าชู้ได้โล่ห์จริงๆ
“เฮ้อ.. ถามเขาแล้วหรือยังไง
ถึงมาคิดเอาเองว่าเขามีคนรักอยู่แล้วแบบนี้น่ะแบม”
“…”มือเรียวของราชนิกุลหนุ่มจับกันเอาไว้แน่น
อยากจะถามออกไปจะตายจิณไม่รู้หรือไง แต่เพราะกลัวหัวใจตัวเองเหลือเกิน
ไม่รู้ว่ามันจะพร้อมรับฟังคำตอบของอีกคนได้หรือไม่
กันต์พิมุกต์เลยเลือกที่จะไม่ถามและพยายามจำกัดความรู้สึกของตนเองเอาไว้เพียงเท่านี้
เขามาทำดีด้วยก็ดีตอบแต่พยายามไม่เอามาเป็นความหวั่นไหวให้หลงรักเขาได้ง่ายๆ
การห้ามใจไม่ให้หลงรักสามีของตัวเองนี่มันไม่ง่ายเลยนะ
มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
น้ำตาเม็ดโตเอ่อคลอขึ้นมาเสียจนกลายเป็นม่านน้ำตาบังคาดดวงตาคู่สวยเอาไว้
หม่อมหลวงจิณภัทรยกมือขึ้นลูบหัวไหล่บางของเพื่อนเบาๆ
“เรารู้ว่าแบมกลัว”
“…”
“แต่ตอนนี้แบมเป็นภรรยาของคุณฆนากรเขานะ
ถามเขาเถอะ อย่างน้อยก็ให้มั่นใจจะได้จัดการกับความรู้สึกของตัวเองถูก”
“…”
“คุณฆนากรอาจจะแค่ซื้อผ้าลายดอกไม้นั่นไปตัดชุดให้คุณนายนวลแม่ของเขาก็ได้”
รวีวิทกำลังรู้สึกว่าคนสองคนตรงหน้าของเขากำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป
แถมยังเข้าใจผิดไปไกลชนิดที่อาจทำให้ขาเตียงสั่นคลอนได้ทั้งที่แต่งงานกันไปไม่กี่อาทิตย์แบบนี้
มือใหญ่วางแก้วน้ำที่ดื่มหมดแล้วลงข้างลำตัว
“ขอโทษนะครับ”
เอ่ยขัดขึ้นไปกลางวงเสียจนคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วช้อนตาขึ้นมามอง
ในขณะที่จิณภัทรก็ชะงักมือที่กำลังลูบไหล่ปลอบโยนเพื่อนไป
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถามว่ารวีวิทมีอะไร
ซึ่งแน่นอนว่าเขามี มีเยอะเสียด้วยล่ะ
“ถ้าคุณหมายถึงผ้าลายดอกกุหลาบสีชมพู
ผมว่าคุณสองคนกำลังเข้าใจผิดนะครับ” กันต์พิมุกต์เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
เท่าที่จำได้ตั้งแต่มาที่นี่เขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องลายของผ้าเลย
จะว่าจิณภัทรบอกก็คงจะไม่ถูกนักเพราะหม่อมเพื่อนสนิทก็รู้เพียงว่าเป็นผ้าลายดอก
หากแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นดอกอะไร
“ชะ ใช่ครับ ผ้าลายดอกกุหลาบ”
“งั้นคุณหม่อมสบายใจเถอะครับ
เพื่อนของผมมันรักคุณหม่อมแค่เพียงคนเดียว ทั้งก่อนแต่งงานจนถึงตอนนี้”
“…”
“ผ้าที่ว่านั่นน่ะ
มาร์คมันเพียงซื้อไปจับของขวัญที่สโมสรก็เท่านั้นเองแหละครับ
มันไม่ได้ซื้อไปให้คนรักอะไรอย่างที่คุณหม่อมเข้าใจหรอก”
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้คุณหม่อมของนายทหารหนุ่มกำลังรู้สึกอย่างไร
รอยยิ้มกว้างขวางปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบางสวยในแบบที่ไม่เกรงกลัวว่าเพื่อนจะเอ่ยล้อ
จะล้อก็ล้อไปเถอะในเมื่อตอนนี้เขาดีใจเกินกว่าที่จะมาคิดถึงเรื่องอะไรแบบนั้น
เรื่องคนรักของฆนากรมันเหมือนตะกอนขุ่นมัวที่อยู่ด้านล่างของแก้วน้ำ
ตะกอนที่พร้อมจะทำให้น้ำในแก้วขุ่นขึ้นมาได้อีกเพียงแค่เราเขย่าแก้วนั่นเบาๆ
มันเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ตอนก่อนแต่งงาน จนวันที่เขามาขอแต่งงาน แม้จะปลื้มใจแค่ไหนในห้วงความคิดลึกๆมันก็ย้อนกลับไปถึงเรื่องคนรักของเขาอยู่ดี
จวบจนถึงทุกวันนี้
กันต์พิมุกต์ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า
เขารู้สึกมีความสุขไม่เต็มที่ จะรักก็รักไม่ได้แต่จะไม่รักก็ไม่ได้เหมือนกัน
“ขะ ขอบคุณครับ ขอบคุณคุณรวีวิทนะครับ”
คุณหม่อมตัวน้อยยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้นายทหารหนุ่มเพื่อนสนิทของสามีอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าข้าวของที่หอบมาจากบ้านขึ้นมาในอ้อมแขน
ช่วงขายาวก้าวเดินออกไปจากร้านขนมของเพื่อนเพื่อเรียกรถรับจ้างกลับไปที่บ้าน
การกระทำทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของคนทั้งคู่ที่ยังนั่งเคียงข้างกันอยู่ในร้านขนมเป็นอย่างดี
จิณภัทรหันไปมองชายหนุ่มข้างกายพร้อมกับส่งยิ้มไปให้
“คุณนี่ช่วยคนเก่งจังนะครับ ทั้งช่วยผมเรื่องที่ร้าน แถมยังช่วยแบมเรื่องคุณฆนากรอีก”
“นั่นสิครับผมถนัดช่วยคน
ผมช่วยได้มากกว่านี้อีกนะครับ ถ้าคุณหม่อมจะเต็มใจให้ผมช่วยน่ะ”
สงสัยว่าวันนี้จิณภัทรคงจะต้องช่วยอุดหนุนขนมจีบที่รวีวิทนำมาขายแทบทุกวันเสียแล้วล่ะ
“ผมน่ะเต็มใจสิครับมีคนมาช่วยทั้งที
คุณรวีวิทเองเถอะครับ..”
“…”
“เดินเข้ามาแล้วก็อย่าหายไปง่ายๆก็แล้วกัน”
หมายถึงเดินเข้ามาในชีวิตของผมแล้ว ก็อย่าหายหน้าหายตาออกไปจากชีวิตของผมง่ายๆก็แล้วกัน
“วันนี้วันสำคัญอะไรหรือเปล่าครับพี่สะใภ้
ทำไมถึงได้ทำอาหารเยอะแยะขนาดนี้” ฆนรุจเอ่ยถามกับคุณหม่อมตัวเล็กที่กำลังลงมือทำอาหารอยู่ในครัวด้วยรอยยิ้มราวกับว่ามีความสุขนักหนาที่ได้ทำอาหารเย็นให้ทุกคนได้ทานกัน
กันต์พิมุกต์หันตัวมาเผชิญหน้ากับนักธุรกิจหนุ่มก่อนจะยกมือกระพุ่มไหว้เขาตามประสาคนที่อายุน้อยกว่า
ช่วงนี้ฆนรุจเกร็งน้อยลงแล้ว อาจจะเพราะเจอหน้ากันทุกวันหรือเพราะอะไรสักอย่าง
ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี มันทำให้อดีตคุณชายรู้สึกว่าเข้ากับทุกคนได้มากขึ้น
“เปล่าหรอกครับ ก็แค่อยากจะทำก็เท่านั้น”
ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับทำให้น้องชายของสามีขมวดคิ้วได้หนักว่าเดิม
วันนี้พี่สะใภ้ดูมีความสุขแปลกๆ
แม้จะไม่ได้บอกออกมาว่าดีใจเรื่องอะไร
แต่สังเกตจากใบหน้าหวานสวยที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลานั่นก็ได้ ไม่รู้สิ
สำหรับฆนรุจแล้วเขารู้สึกเหมือนพี่สะใภ้กำลังเปล่งออร่าแห่งความสุขออกมาอย่างไรก็ไม่รู้
มีโอกาสพิเศษแน่ๆ เขายืนยันกับตัวเองได้เลย
ไม่ใช่แค่เพราะอยากทำอย่างที่อีกคนบอกหรอก
“ฮ่าๆ อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมจะรอดูก็แล้วกันว่าเพราะแค่อยากจะทำจริงๆหรือเปล่า” หลังจากพูดจบน้องชายคนเล็กของบ้านก็ขอตัวเอาของไปเก็บและอาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย วันนี้ที่สำนักงานของห้างมีเรื่องตึงเครียดจากการที่ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งถอนหุ้นและลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อหลายเดือนก่อน เห็นทีว่าหลังจากอาหารค่ำเขาคงต้องขอพูดคุยเรื่องนี้กับป๊าและพี่ชายเสียแล้ว
ปล่อยเอาไว้นานก็เกรงว่าปัญหาใหญ่จะตามมาทีหลัง
ฆนากรกลับถึงบ้านในเวลาใกล้ค่ำจวนจะถึงเวลาของอาหารเย็น
ร่างสูงโปร่งดูเหนื่อยอ่อนจากการซ้อมบินประกอบกับที่ช่วงนี้ได้นอนน้อยเหลือเกิน เขาได้หลับแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวันด้วยซ้ำ
ใครจะไปคิดกันล่ะว่าคุณหม่อมที่กิริยามารยาทเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้แบบนั้นจะนอนได้ไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย
ไม่ใช่ไม่เรียบร้อยเพราะนอนดิ้นถีบเขาหรอก นอนดิ้นน่ะดิ้นจริง
แต่เวลาดิ้นเนี่ยชุดนอนมันเปิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ กว่าที่เขาจะดึงลงมาปิดและข่มใจนอนหลับได้ก็กินเวลาไปเกือบจะค่อนคืน
ช่วงนี้ถึงได้อ่อนเพลียขนาดนี้ไง
“คุณจะอาบน้ำก่อนหรือทานข้าวเลยครับ??”
ร่างน้อยที่เพิ่งจะนึกถึงวิ่งออกมาจากหลังประตูบานใหญ่เมื่อได้ยินเสียงของรถที่แล่นเข้ามาจอด
ฆนากรขมวดคิ้วเล็กน้อย
วันนี้คุณหม่อมมาแปลกแฮะ
ปกติก็มักจะเดินมารับเขาทุกวัน
แต่ก็ไม่ได้มาทั้งที่อารมณ์ดีผิดปกติแบบนี้
อยากจะรู้นักว่าใครเอาอะไรให้คุณหม่อมกินเสียจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหรือเปล่า
“ครับ??”
“จะอาบน้ำก่อนหรือจะกินข้าวเย็นก่อนครับ
ผมทำอาหารไว้ให้แล้ว” เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม
ไม่ได้โมโหแต่อย่างใดที่อีกคนฟังเขาไม่รู้เรื่องเสียจนต้องถามซ้ำขึ้นมาอีกรอบ
“กะ กินข้าวก่อนเลยก็ได้ครับ”
“งั้นมาครับเดี๋ยวผมเอาหมวกกับกระเป๋าไปเก็บให้บนห้อง”
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
ผึ่บ!!
ไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธอะไรมือน้อยก็คว้าหมวกและกระเป๋าที่ฆนากรถือเอาไว้ไปไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งขึ้นไปบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว
ทหารหนุ่มได้แต่งงงวยแต่เพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานจนไม่มีแรงจะคิดอะไร ช่วงขายาวภายใต้ชุดเครื่องแบบทหารอากาศจึงก้าวเดินไปยังห้องอาหารแทน
อีกสักพักเดี๋ยวคุณหม่อมก็ลงมาจากข้างบนเองนั่นแหละ
“ทำไมดูเพลียขนาดนั้นล่ะลูก
เรื่องหลานแม่ก็แซวไปอย่างนั้นไม่ได้รีบร้อนอะไรนะ”
ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร
คุณนายนวลผู้ซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วก็อดจะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
ช่วงนี้ฆนากรดูขอบตาช้ำๆเหมือนคนไม่ได้นอน
ไปทำงานกลับมาที่บ้านก็ดูเพลียกว่าปกตินัก
เพราะเป็นห่วงเธอถึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
แม้มันจะดูเป็นคำถามที่ละลาบละล้วงไปหน่อยก็เถอะ
ด้วยความที่เป็นลูกครึ่ง พ่อเป็นพ่อค้าชาวอเมริกาทำให้คุณนายนวลค่อนข้างจะเป็นคนเปิดเผยกว่าหญิงสาวชาวไทยปกติในพระนครนัก
นั่นทำให้ทุกคนในโต๊ะพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมนายหญิงของบ้านถึงเลือกจะถามออกมาตรงๆแทนที่จะใช้คำพูดอ้อมค้อมสักหน่อย
“เรื่องงานที่กรมน่ะครับ ช่วงนี้เหมือนจะมีข่าวเรื่องการบุกรุกแถบชายแดน”
“…”
“ผมล่ะกลัวนักว่าจะกลายมาเป็นสงคราม
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องหลานของคุณแม่หรอกครับ”
ใช่สิ..
จะเกี่ยวกับเรื่องหลานของคุณแม่ได้ยังไง แค่เขยิบเข้าไปนอนกอด
ฆนากรยังไม่กล้าจะทำเลย
“สงครามเลยหรอลูก!” เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ประเทศไทยค่อนข้างจะเป็นเมืองที่รักสงบ ไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะสร้างสงครามกับใคร
ส่วนมากจะใช้วิธีถอยคนละก้าวหรือไม่ก็ประนีประนอมกันแทน
และถ้าหากว่าจะกลายมาเป็นสงครามจริงๆ คุณนายนวลก็อดจะห่วงลูกชายคนโตไม่ได้
เพราะรู้ดีว่าฆนากรจะต้องอาสาไปเป็นทหารชุดรบกับอีกฝ่ายแน่ๆ บุตรชายของเธอเป็นพวกยึดมั่นใจคำปฏิญาณ
เป็นชายชาติทหารที่เกิดมาเพื่อเป็นทหารจริงๆ เรื่องรักชาติยิ่งชีพอะไรพวกนี้ต้องยกให้เขาเลย
“พูดถึงเรื่องสงครามอะไรกันหรือครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครั..”
“ก็สามีของหนูน่ะสิลูก
กลัวว่าจะเกิดสงครามแถบชายแดน”
“หือ สงครามหรือครับ”
คนตัวเล็กเอียงคอมองสามีที่นั่งอยู่ข้างกัน
ฆนากรที่ตอนแรกว่าจะปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแต่โดนแม่ขัดเล่าไปเสียหมดจำต้องยอมรับความจริงโดยการพยักหน้าตอบกลับไป
“คุณต้องไปรบกับเขาไหมครับ??” ถามออกไปเสียงแผ่ว
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตากลมสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ฆนากรเห็นแบบนั้นเลยวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆผมก็คงต้องไป ผมเป็นทหารนี่ครับหน้าที่ของผมคือรักษาเอกราชและความปลอดภัยให้กับคนในชาติ”
หัวใจดวงน้อยไหววูบ
พอให้นึกภาพฆนากรต้องไปออกรบจริงๆมือไม้มันก็สั่นไปหมด
แค่ไปบินลาดตระเวนตอนนั้นเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้เลย
แล้วถ้าไม่ใช่แค่การลาดตระเวนแต่คือการไปรบจริงๆ
กันต์พิมุกต์จะอดทนและยอมรับได้ไหม
ชีวิตของฆนากรไม่ได้ต่างอะไรจากการถูกแขวนเอาไว้บนเส้นด้ายเลย
เราไม่อาจรู้ได้ว่าเส้นด้ายเส้นนั้นมันจะขาดลงเมื่อไหร่
หรือขาดลง ด้วยฝีมือของใคร..
“คุณโอเคไหม เสียใจหรือเปล่าที่ต้องแต่งงานกับนายทหารที่แม้แต่ชีวิตก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะปลอดภัยกลับมาแบบนี้”
ราวกับคนทุกคนบนโต๊ะหายไป
ราวกับมีเพียงฆนากรและภรรยาของเขา ณ
ที่แห่งนี้เท่านั้น
กันต์พิมุกต์ส่ายหน้าแม้จะหวาดกลัวเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ในเมื่อเลือกแล้ว
เขาก็คงจะต้องเดินไปตามที่เลือกเอาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“จะเสียใจทำไมครับ คุณไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”
“…” ฆนากรยกยิ้ม
อย่างน้อยคุณหม่อมก็ไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับเขา
“ทานข้าวเถอะครับ
ผมอุตส่าห์ตั้งใจทำไว้รอคุณกลับบ้านเลยนะ”
ดวงหน้าหวานผินไปมองเด็กรับใช้ในบ้านก่อนจะพยักหน้าให้เธอเบาๆเพื่อบอกให้ตักข้าวให้ทุกคนได้แล้ว
มือน้อยวางลงบนมือใหญ่ของอีกคนข้างที่วางไว้บนโต๊ะกินข้าวอย่างแผ่นเบา
ก่อนจะช้อนดวงตาที่ยังคงสั่นระริกมองใบหน้าคร้ามแดดของสามี
เขาตัดสินใจแล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
ผมเป็นภรรยาทหารนะ จะเข้มแข็งน้อยกว่าทหารอย่างคุณได้ยังไง”
TALK
ใครที่กลัวดราม่าเรื่องมือที่สามไม่ต้องกลัวกันไปนะคะ คุณฆนากรเค้ามั่นคงมากจริงๆ 555
เจอคอมเม้นตอนที่แล้วมันช่างตรงอะไรกับบทนี้ซะจริง 55555 ถือว่าเดาเก่งมากค่ะ หรือคุณมีญาณบอกเรามานะ!! ใครรอคุณญาณภัทรอยู่รอก่อนนะคะ ค่าตัวพี่เค้าแพงมากจริงๆ ส่วนใครคิดถึงคู่หม่อมจิณตอนนี้เราเอามาฝากแล้วววว
ตอนนี้จริงๆชื่อตอนคือ "การกลับมาของผ้าลายดอกในตำนาน" 5555
ติดสกรีมฟิคได้ที่เดิมใน #จสบดศ นะคะ (มีความอ่านและRTเพลินมากจริงๆ ขอบคุณทุกคนค่ะ)
ปล.เราจะอัพเรื่องนี้ตอนกลางวันแต่เอาไปฝากรีในทวิตตอนกลางคืนนะคะ ไม่ต้องตกใจกันไปนาา ^^
ความคิดเห็น