ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The real or the dream

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 54


    จุดเริ่มต้น

              ณ ที่พักในยามค่ำแห่งหนึ่ง

    ปัง!

                “ พี่ พี่ ดูซิ วันนี้รินจับตัวเคส* มาได้ด้วยหละ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอวด ๆ พร้อมกับมือเรียวที่ยกขึ้นสูง เผยให้เห็นเจ้าตัวเคสที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอย่างสงบ

                [เคส* สัตว์ดุร้ายที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายหมูป่า]

            “เป็นไงๆ”

                เมื่อคนตรงหน้ายังคงเงียบอยู่ รินก็ยังไม่ละความพยายามที่จะยกมือให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็นชัดๆ อย่างที่เจ้าตัวต้องการจะบอกว่าให้คนตรงหน้าชมหน่อย คู่สนทนาก็คงจะรู้ทันจึงแกล้งเงียบไปซักพัก จนฝ่ายหญิงเริ่มงอน

    และแล้วร่างบางที่กำลังจะเดินจากไปนั้นเอง

    “อืม เก่งสิ รินของพี่เก่งที่สุดเลย”

    ได้ยินเช่นนั้น คนที่กำลังจะหันหลังกลับก็หยุดชะงัก พร้อมกับดวงหน้างามที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นพี่อย่างรวดเร็ว

    “เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ”

    ปากก็ถามไปอย่างงั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าพูดอะไร แต่ดวงตาสีรัตติกาลที่พราวระยับอย่างคาดหวัง ก็สามารถทำให้ผู้เป็นพี่ต้องยอมทำตามแต่โดยดี ขาทั้งสองข้างของเขาจึงเริ่มขยับเข้ามาใกล้คนตรงหน้า พร้อมกับมือที่ยกขึ้นลูบเส้นผมที่มีสีรัตติกาล เช่นเดียวกับสีตาของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน

    “พี่บอกว่ารินน่ะ เก่งมาก นี่ นี่” มือจากที่ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ในตอนนี้กลับกลายเป็นการขยี้หัวเธออย่างเมามันไปเสียแล้ว แต่ใช่ว่าคนตรงหน้าจะยอมให้แกล้งเสียเมื่อไหร่ พริบตาร่างบางก็หายไปจากคลองสายตาของเขา พร้อมกับซอสมะเขือเทศที่ถูกป้ายไว้ที่ใบหน้าของเขา ที่เขาจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม แต่แล้วถูกนำมาป้ายบนหบ้าเขาแค่เสี้ยววีนาที

    ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ก็กลับกลายเป็นใบหน้านิ่งเฉยในทันที จนทำให้เด็กสาวเริ่มใจเสีย

    หรือว่าเราทำอะไรผิดไป ปกติพอเราแกล้งกลับก็ไม่เห็นจะแสดงท่าทีว่าโกรธเลยนี่หน่า ออกจะขำด้วยซ้ำไป แล้วทำไม...

    เร็วเท่าความคิด ริมฝีปากก็เริ่มขยับอย่างร้อนรน

    “เอ่อ...คือ...พี่...ริน”

    “ริน”

    “ค่ะ” เสียงที่ทรงพลังนั้น ทำให้รินเผลอตอบอย่างแข็งขันโดยไม่รู้ตัว

    “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย นั่งก่อนสิ...”

    นี่ มันอะไรกัน...ทำไมถึงยัง...คิดถึงเค้าคนนั้น

    ความทรงจำมากมายค่อยๆไหลผ่านเข้ามาและหายไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่แพขนตาค่อยๆถูกยกขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสที่ฉายแววแห่งความปวดร้าว

    ร่างเล็กค่อยๆทรงตัวขึ้นอย่างช้าๆบนเตียง สัมผัสอุ่นๆที่ขาเมื่อแตะถึงพื้นทำให้เธอรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง ที่ไม่ใช่ความฝัน

    ....

     

    ฮาๆๆๆๆๆๆๆ

    นี่

    ฮาๆๆๆๆ...

    นี่!!!!!” เสียงที่ดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมบลอนด์ ทำให้คนที่นั่งตรงข้ามเขาหยุดหัวเราะด้วยความตกใจ แต่

                “… ก๊ากๆๆๆๆตั้งแต่นั้นเอง เขาจึงคิดได้ว่าสิ่งที่จะทำให้เพื่อนเขาหยุดหัวเราะได้คงไม่มีในโลกนี้  เว้นแต่..

                เห้ย!!พี่สาวนายอยู้ข้างหลังน่ะ

            โครม

                เมื่อเขาพูดจบ เพื่อนของเขาก็ตัวตรง แข็งทื่อพร้อมกับท่าคำนับที่สไลด์ไปกับพื้น!!!

            อาเจ๊ โปรดอย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมไม่ได้แอบนินทาว่าร้ายว่าอาเจ๊ทั้งป่าเถื่อน งี่เง่า ชอบใช้กำลัง แถมเป็นพวกแพ้คนรูปหล่อด้วยน้า เพราะงั้นอย่าทำไรผมเลยนะครับพี่สาวสุดสวาท

            ตามด้วยหน้าร้องไห้ขี้มูกโป่ง น้ำลายเยิ้มที่ขอความเห็นใจ กับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่พอหันไปมองใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์

                โครม!!!

                ไอโรคจิตเสียงหวานมาจากเด็กสาวที่มาจากรุ่นเดียวกัน ชั้นเดียวกัน แถมยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับเพื่อนของเขาอีกด้วย

                ที่แท้ก็ใคร ยัยผู้หญิงโรคจิตชอบทารุณผู้...

            โครม (รอบ 2 )

            ใครโรคจิตกันย่ะ เดี๋ยวปัด... ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดชวนสยอง เขาจึงคิดว่าควรจะทำอะไรซักอย่างก่อนที่เพื่อนของเขาจะต้องไปนอนหลับยาว ในห้องส่วนตัว(ก็โรงศพนั่นแหละ- -)

            เห้ยๆเดี๋ยวก่อนๆ เชอรินอย่าไปถือสาเจ้าโรคจิตนั่นเลยนะ ถึงมันจะทั้งโง่ บ้า ไม่มีสมองยังไงแต่เขาเป็นเพื่อนสุดเลิฟของเรานะ

            โครม (รอบ 3) แต่ทว่าครานี้มาจากท่านเพื่อนสุดเลิฟผู้มีผมสีเขียวมรกต รับกันกับนัยน์ตาสีเดียวกัน

                แกไม่ต้องมาพูดสวยหรูเลย เจ้าบ้า ริก ถ้าไม่ใช่เพราะนายฉันก็ไม่ต้องโดนยัยนี่ทำมิดีมิร้ายหรอก!!”

                โครม (รอบที่ 4)

                เส้นผมสีม่วงสะบัดพลิ้วไปตามแรงเหวี่ยง นัยน์ตาสีเดียวกันบ่งบอกถึงความหงุดหงิด ถูกส่งไปยัง  คาร์ล อย่างไม่ปิดบัง

                นายอยากเข้าห้องส่วนตัวมาใช่ไหม หา!!!”

            ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย

     

            เห้ย กว่าจะแยกพวกนายสองคนออกจากกันได้นะ ฉันนี่แหละจะตายก่อนคนแรก เออว่าแต่ไอตอนต้นนี่แกขำอะไรมิทราบถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของริกทำให้คาร์ลรู้สึกผิดนิดหน่อย จึงยอมตอบออกไปโดยดีว่า

                อ้ออันอะอกอี้ เหมือนเอื่องใออิยายอาม่า(ดราม่า)อี้อันเอยอ่านเอี้ยบเอย(ก็มันตลกนี่ เหมือนเรื่องในนิยายดราม่าที่ฉันเคยอ่านเปี๊ยบเลยเสียงอูอี้ที่ถูกปล่อยออกมา ทำให้คนบนโต๊ะอาหารขำได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเชอรินด้วยแล้ว เธอจึงกระแอ่มไอนิดหน่อย ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนว่า

                เรื่องอะไรหรอลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ?”

            “…อืม ก็เป็นเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากน่ะนะ เธอเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทน มีพรสวรรค์ และพยายามเอาชนะโชคชะตาของตนเอง ด้วยวิธีการที่จะทำให้ผู้คนยอมรับในตัวเธอ จนในที่สุดเธอก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เธอปราถนา แต่ก็เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดโศกนาฏกรรมที่ตามมาหลังจากนั้นน่ะ แถมคนรักของเธอก็ยังตายตามไปอีก...เหมือนกับสูญเสียทุกอย่าง เมื่อหยุดถึงตรงนี้ บรรยากาศอึมครึมก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในโต๊ะอาหาร จนในที่สุดเชอรินก็ตัดสินใจพูดว่า

                แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อละ

            หลังจากนั้น ก็เป็นกระดาษเปล่า...แหะๆ

            หา กระดาษเปล่านี่นะ!!” เสียงเชอริน กับคาร์ล ประสานกันด้วยความผิดหวัง

                ก็ในนั้นมันเขียนถึงแค่นั้นนี่ จะให้ฉันทำยังไงเล่าริกแย้ง

                มันอาจจะพิมพ์ขาดก็ได้มั้ง ทำไมไม่ไปลองถามที่ร้านหนังสือที่ซื้อมาดูละเชอรินแสดงความคิดของเธอ เพราะหากมันพิมพ์ขาดจริง ก็เป็นหน้าที่ของสำนักพิมพ์ที่จะต้องรับผิดชอบสิ ไม่ใช่ให้มันค้างคาอยู่อย่างนี้น่ะ

                แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ซื้อละ...

            แล้วนายไปขโมยเขามาหรือไงคาร์ลพูดส่งๆ เพราะไงๆก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่คุณชายริกผู้สมบูรณ์แบบจะไปโขมยของใคร เห็นอย่างนี้แต่เป็นถึงทายาทของเจ้าของโรงแรมระดับ10 ดาว กับ สายการบินอีก4-5แห่งอีกด้วย เรียกได้ว่า perfect ทุกอย่างเลย ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล แถมยังเรียนเก่งระดับแถวหน้า ถ้าไม่นับว่านิสัยมันกวนตีนแค่ไหนน่ะนะ

                นายรู้ได้ไงอะ พูดยังไม่พอ  ยังทำท่าแปลกใจ เหมือนจะสื่อว่า โง่อย่างนายไม่น่ารู้ได้เลยนะเลย

                ทันใดนั้นเส้นอารมณ์ก็ขาดผึง อย่างสุดจะทน

                นายขโมยตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าบ้า นี่มันอาชญากรรมเลยนะ อาชญากรรมนี่นายคิดจะไปขโมยโดยไม่ชวนเพื่อนเลยช่ายม้ายยยยยยยย

            โครม (รอบที่....)

            นายถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ รีบๆไปเลยไป ชิ่วๆ ว่าแต่ริกนายเนี่ยน้า...

            ก็ตอนนั้นเด็กข้างบ้านฉันท้าฉันก่อนนี่หน่า ไม่งั้นเขาก็คิดว่าฉันไมกล้าพอนะสิ ก็เลยแข่งกันว่าใครจะโขมยในที่ยากกว่ากัน

                แล้วนายไปที่...

            ก็หอตำราต้องห้ามนะสิ

            ว่ายังไงนะ!!!”

                 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×