คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้น
ณ ที่พักในยามค่ำแห่งหนึ่ง
ปัง!
“ พี่ พี่ ดูซิ วันนี้รินจับตัวเคส* มาได้ด้วยหละ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอวด ๆ พร้อมกับมือเรียวที่ยกขึ้นสูง เผยให้เห็นเจ้าตัวเคสที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอย่างสงบ
[เคส* สัตว์ดุร้ายที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายหมูป่า]
“เป็นไงๆ”
เมื่อคนตรงหน้ายังคงเงียบอยู่ รินก็ยังไม่ละความพยายามที่จะยกมือให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็นชัดๆ อย่างที่เจ้าตัวต้องการจะบอกว่าให้คนตรงหน้าชมหน่อย คู่สนทนาก็คงจะรู้ทันจึงแกล้งเงียบไปซักพัก จนฝ่ายหญิงเริ่มงอน
และแล้วร่างบางที่กำลังจะเดินจากไปนั้นเอง
“อืม เก่งสิ รินของพี่เก่งที่สุดเลย”
ได้ยินเช่นนั้น คนที่กำลังจะหันหลังกลับก็หยุดชะงัก พร้อมกับดวงหน้างามที่หันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นพี่อย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ”
ปากก็ถามไปอย่างงั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าพูดอะไร แต่ดวงตาสีรัตติกาลที่พราวระยับอย่างคาดหวัง ก็สามารถทำให้ผู้เป็นพี่ต้องยอมทำตามแต่โดยดี ขาทั้งสองข้างของเขาจึงเริ่มขยับเข้ามาใกล้คนตรงหน้า พร้อมกับมือที่ยกขึ้นลูบเส้นผมที่มีสีรัตติกาล เช่นเดียวกับสีตาของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“พี่บอกว่ารินน่ะ เก่งมาก นี่ นี่” มือจากที่ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ในตอนนี้กลับกลายเป็นการขยี้หัวเธออย่างเมามันไปเสียแล้ว แต่ใช่ว่าคนตรงหน้าจะยอมให้แกล้งเสียเมื่อไหร่ พริบตาร่างบางก็หายไปจากคลองสายตาของเขา พร้อมกับซอสมะเขือเทศที่ถูกป้ายไว้ที่ใบหน้าของเขา ที่เขาจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม แต่แล้วถูกนำมาป้ายบนหบ้าเขาแค่เสี้ยววีนาที
ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ก็กลับกลายเป็นใบหน้านิ่งเฉยในทันที จนทำให้เด็กสาวเริ่มใจเสีย
‘หรือว่าเราทำอะไรผิดไป ปกติพอเราแกล้งกลับก็ไม่เห็นจะแสดงท่าทีว่าโกรธเลยนี่หน่า ออกจะขำด้วยซ้ำไป แล้วทำไม...’
เร็วเท่าความคิด ริมฝีปากก็เริ่มขยับอย่างร้อนรน
“เอ่อ...คือ...พี่...ริน”
“ริน”
“ค่ะ” เสียงที่ทรงพลังนั้น ทำให้รินเผลอตอบอย่างแข็งขันโดยไม่รู้ตัว
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย นั่งก่อนสิ...”
“นี่ มันอะไรกัน...ทำไมถึงยัง...คิดถึงเค้าคนนั้น”
ความทรงจำมากมายค่อยๆไหลผ่านเข้ามาและหายไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่แพขนตาค่อยๆถูกยกขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสที่ฉายแววแห่งความปวดร้าว
ร่างเล็กค่อยๆทรงตัวขึ้นอย่างช้าๆบนเตียง สัมผัสอุ่นๆที่ขาเมื่อแตะถึงพื้นทำให้เธอรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง ที่ไม่ใช่ความฝัน
....
“ฮาๆๆๆๆๆๆๆ”
“นี่”
“ฮาๆๆๆๆ...”
“นี่!!!!!” เสียงที่ดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมบลอนด์ ทำให้คนที่นั่งตรงข้ามเขาหยุดหัวเราะด้วยความตกใจ แต่
“
ก๊ากๆๆๆๆ” ตั้งแต่นั้นเอง เขาจึงคิดได้ว่าสิ่งที่จะทำให้เพื่อนเขาหยุดหัวเราะได้คงไม่มีในโลกนี้ เว้นแต่..
“เห้ย!!พี่สาวนายอยู้ข้างหลังน่ะ”
โครม
เมื่อเขาพูดจบ เพื่อนของเขาก็ตัวตรง แข็งทื่อพร้อมกับท่าคำนับที่สไลด์ไปกับพื้น!!!
“อาเจ๊ โปรดอย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมไม่ได้แอบนินทาว่าร้ายว่าอาเจ๊ทั้งป่าเถื่อน งี่เง่า ชอบใช้กำลัง แถมเป็นพวกแพ้คนรูปหล่อด้วยน้า เพราะงั้นอย่าทำไรผมเลยนะครับพี่สาวสุดสวาท”
ตามด้วยหน้าร้องไห้ขี้มูกโป่ง น้ำลายเยิ้มที่ขอความเห็นใจ กับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่พอหันไปมองใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
โครม!!!
“ไอโรคจิต” เสียงหวานมาจากเด็กสาวที่มาจากรุ่นเดียวกัน ชั้นเดียวกัน แถมยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กกับเพื่อนของเขาอีกด้วย
“ที่แท้ก็ใคร ยัยผู้หญิงโรคจิตชอบทารุณผู้...”
โครม (รอบ 2 )
“ใครโรคจิตกันย่ะ เดี๋ยวปัด...” ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดชวนสยอง เขาจึงคิดว่าควรจะทำอะไรซักอย่างก่อนที่เพื่อนของเขาจะต้องไปนอนหลับยาว ในห้องส่วนตัว(ก็โรงศพนั่นแหละ- -)
“เห้ยๆเดี๋ยวก่อนๆ เชอรินอย่าไปถือสาเจ้าโรคจิตนั่นเลยนะ ถึงมันจะทั้งโง่ บ้า ไม่มีสมองยังไงแต่เขาเป็นเพื่อนสุดเลิฟของเรานะ”
โครม (รอบ 3) แต่ทว่าครานี้มาจากท่านเพื่อนสุดเลิฟผู้มีผมสีเขียวมรกต รับกันกับนัยน์ตาสีเดียวกัน
“แกไม่ต้องมาพูดสวยหรูเลย เจ้าบ้า ริก ถ้าไม่ใช่เพราะนายฉันก็ไม่ต้องโดนยัยนี่ทำมิดีมิร้ายหรอก!!”
โครม (รอบที่ 4)
เส้นผมสีม่วงสะบัดพลิ้วไปตามแรงเหวี่ยง นัยน์ตาสีเดียวกันบ่งบอกถึงความหงุดหงิด ถูกส่งไปยัง คาร์ล อย่างไม่ปิดบัง
“นายอยากเข้าห้องส่วนตัวมาใช่ไหม หา!!!”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”
“เห้ย กว่าจะแยกพวกนายสองคนออกจากกันได้นะ ฉันนี่แหละจะตายก่อนคนแรก เออว่าแต่ไอตอนต้นนี่แกขำอะไรมิทราบ” ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของริกทำให้คาร์ลรู้สึกผิดนิดหน่อย จึงยอมตอบออกไปโดยดีว่า
“อ้ออันอะอกอี้ เหมือนเอื่องใออิยายอาม่า(ดราม่า)อี้อันเอยอ่านเอี้ยบเอย(ก็มันตลกนี่ เหมือนเรื่องในนิยายดราม่าที่ฉันเคยอ่านเปี๊ยบเลย”เสียงอูอี้ที่ถูกปล่อยออกมา ทำให้คนบนโต๊ะอาหารขำได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเชอรินด้วยแล้ว เธอจึงกระแอ่มไอนิดหน่อย ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนว่า
“เรื่องอะไรหรอลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ?”
“
อืม ก็เป็นเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากน่ะนะ เธอเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทน มีพรสวรรค์ และพยายามเอาชนะโชคชะตาของตนเอง ด้วยวิธีการที่จะทำให้ผู้คนยอมรับในตัวเธอ จนในที่สุดเธอก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เธอปราถนา แต่ก็เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดโศกนาฏกรรมที่ตามมาหลังจากนั้นน่ะ แถมคนรักของเธอก็ยังตายตามไปอีก...เหมือนกับสูญเสียทุกอย่าง” เมื่อหยุดถึงตรงนี้ บรรยากาศอึมครึมก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในโต๊ะอาหาร จนในที่สุดเชอรินก็ตัดสินใจพูดว่า
“แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อละ”
“หลังจากนั้น ก็เป็นกระดาษเปล่า...แหะๆ”
“หา กระดาษเปล่านี่นะ!!” เสียงเชอริน กับคาร์ล ประสานกันด้วยความผิดหวัง
“ก็ในนั้นมันเขียนถึงแค่นั้นนี่ จะให้ฉันทำยังไงเล่า” ริกแย้ง
“ มันอาจจะพิมพ์ขาดก็ได้มั้ง ทำไมไม่ไปลองถามที่ร้านหนังสือที่ซื้อมาดูละ” เชอรินแสดงความคิดของเธอ เพราะหากมันพิมพ์ขาดจริง ก็เป็นหน้าที่ของสำนักพิมพ์ที่จะต้องรับผิดชอบสิ ไม่ใช่ให้มันค้างคาอยู่อย่างนี้น่ะ
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ซื้อละ...”
“แล้วนายไปขโมยเขามาหรือไง” คาร์ลพูดส่งๆ เพราะไงๆก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่คุณชายริกผู้สมบูรณ์แบบจะไปโขมยของใคร เห็นอย่างนี้แต่เป็นถึงทายาทของเจ้าของโรงแรมระดับ10 ดาว กับ สายการบินอีก4-5แห่งอีกด้วย เรียกได้ว่า perfect ทุกอย่างเลย ทั้งหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล แถมยังเรียนเก่งระดับแถวหน้า ถ้าไม่นับว่านิสัยมันกวนตีนแค่ไหนน่ะนะ
“นายรู้ได้ไงอะ” พูดยังไม่พอ ยังทำท่าแปลกใจ เหมือนจะสื่อว่า ‘โง่อย่างนายไม่น่ารู้ได้เลยนะ’เลย
ทันใดนั้นเส้นอารมณ์ก็ขาดผึง อย่างสุดจะทน
“นายขโมยตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าบ้า นี่มันอาชญากรรมเลยนะ อาชญากรรมนี่นายคิดจะไปขโมยโดยไม่ชวนเพื่อนเลยช่ายม้ายยยยยยยย”
โครม (รอบที่....)
“นายถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ รีบๆไปเลยไป ชิ่วๆ ว่าแต่ริกนายเนี่ยน้า...”
“ก็ตอนนั้นเด็กข้างบ้านฉันท้าฉันก่อนนี่หน่า ไม่งั้นเขาก็คิดว่าฉันไมกล้าพอนะสิ ก็เลยแข่งกันว่าใครจะโขมยในที่ยากกว่ากัน”
“แล้วนายไปที่...”
“ก็หอตำราต้องห้ามนะสิ”
“ว่ายังไงนะ!!!”
ความคิดเห็น