ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงตะวันริมธารใจ

    ลำดับตอนที่ #4 : ช่างไม่รู้อะไร

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 56


    หลังจากได้รับการต้อนรับจากหญิงสาวที่พบเจอที่ห้องเพื่อนสนิทอย่างดีมาก ร่างสูงก็สาวเท้าเดินอาดกลับมาที่ห้องเพื่อนอีกคนด้วยอารมณ์ขุ่นร้อนตามสภาพอากาศ แทนที่จะได้พบหน้าเพื่อนกลับพบคนรักไร้มารยาทของเหมชล เด็กสมัยนี้ก็จริงๆเลยใจเร็วเหลือเกินวัยเพิ่งเท่านี้อาจหาญมาอยู่กับผู้ชายนี่คงให้เพื่อนของเขาส่งเสียเลี้ยงดูสินะ

    ธามไท    ธารสิริ ชายหนุ่มเพียบพร้อมไปด้วยฐานะทางการเงินนึกดูแคลนเด็กสาว แม้จะเข้าใจว่ายุคสมัยนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่ไม่รักความสบาย ดูอย่างดารินทร์อดีตคนรักของเขานั่นสิ เธอยังทิ้งเขาไปเพื่อชื่อเสียงและเงินทองเพราะเห็นว่าเขาในขณะนั้นเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดา ไม่รู้ว่าเขาคือเจ้าของไร่องุ่นผู้ร่ำรวยเงินทอง

    ดารินทร์สาวหน้าหวานดวงตากลมโต บุคลิกโดดเด่นจนได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย หญิงสาวมาจากครอบครัวฐานะปานกลางทำงานพริตตี้สินค้าไปพร้อมกับการเรียนด้วย จนกระทั่งความสวยของเธอไปเข้าตาแมวมองจึงถูกชักชวนเข้าวงการบันเทิง และนั่นก็ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

    ความมีชื่อเสียงระดับนางเอกละครทำให้มีชายหนุ่มเข้ามามากมายและหลังจากที่เรียนจบสนุกกับการทำงานในวงการบันเทิงได้สองปีกว่าดารินทร์ก็ตัดสินใจลั่นระฆังวิวาห์กับไฮโซหนุ่มรูปหล่อกลายเป็นข่าวใหญ่ทางหน้าหนังสือพิมพ์ไปหลายวันติด ธามไทจมอยู่กับความเศร้านานหลายเดือนแต่ได้กำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนถึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง

    จนถึงตอนนี้ดารินทร์คงอยากจะฆ่าตัวเองตายทีเดียวเมื่อรู้ความจริง ว่าเขาคือขุมทรัพย์มหาศาลขนาดไหนหลังจากในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ธามไทประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และตอนนี้เขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวฐานะเท่าเทียมกัน ว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนทั้งสองฝ่าย

    ‘‘ไงครับพ่อพลเมืองดีหงุดหงิดอะไรมาวะทำหน้าเป็นตูดเชียว หลังจากช่วยคนตกตึกแล้วหายไปไหนมาล่ะ ฉันกลับมาที่ห้องนึกว่าแกจะตามกลับมาแล้วก็ไม่เห็นกลับมาสักที จนคิดว่าแกหนีกลับไร่ไปแล้วนะเนี่ย’’ เจตธวัชเอ่ยถามเพื่อนที่ทำหน้ายุ่งตั้งแต่เปิดประตูก้าวเดินเข้ามาในห้อง

                    ‘‘เปล่า แค่อากาศมันร้อน ก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อย เพิ่งมาจากห้องไอ้ชล’’

    ธามไทเดินเลยเพื่อนไปเปิดตู้เย็นหาน้ำมาดื่มดับกระหาย ก่อนเดินกลับมานั่งเอนกายลงบนโซฟากว้าง หยิบรีโมตแอร์ที่อยู่ใกล้มือมาปรับอุณหภูมิห้องเพื่อช่วยลดอุณหภูมิทางอารมณ์

                    ‘‘ไอ้ชลมันไม่อยู่ เห็นซันบอกว่าติดงานที่มหาลัย ดึกๆมันคงกลับมา’’

                    เจตธวัชพูดลอยๆให้ได้ยินก่อนปิดโน้ตบุคส่วนตัวลงหลังจากที่เพิ่งเช็คความเรียบร้อยของงานที่ลูกน้องส่งโปรเจ็คที่วางแพลนมาให้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์  สมัยนี้อะไรก็ง่ายไปหมดเพียงแค่คลิกเมาส์ไม่ว่าจะเป็นงานหรือการประชุมผ่านวิดิโอคอลที่ช่างรวดเร็วทันใจ

                     ‘‘อืม เห็นว่าอย่างนั้นล่ะเดินไปดูที่ห้องมาแล้ว เจอแฟนมันเปิดประตูรับหน้าแทน ฉันล่ะไม่ถูกชะตากับยายเด็กนี่เลย ไอ้ชลนี่ก็นะเดี๋ยวนี้หัดเลี้ยงต้อยคบเด็กมหาลัย ’’

    ในเมื่อรู้สึกไม่ชอบหน้าชะตาไม่ต้องกันธามไทก็คิดกับหญิงสาวที่เพิ่งพบหน้าได้ในทางไม่ค่อยดีนักได้ตลอดเวลา แต่เจตธวัชก็แจ้งข้อมูลที่แท้จริงให้

    ‘‘เฮ้ย ไอ้บ้านั่นมันน้องสาวไอ้ชล อ้อแต่แกไม่เคยเห็นซันนี่หว่าเพราะช่วงนั้นเขาอยู่แต่หอพักในวิทยาลัย เด็กพยาบาลไม่ค่อยได้เจอโลกภายนอกเท่าไหร่หรอก แต่จำได้ใช่ไหมว่าไอ้ชลเคยบอกว่าที่ไปวิทยาลัยพยาบาลบ่อยๆน่ะ มันไปหาน้องมัน ไม่ได้ไปจีบสาวแถวนั้น’’

    วิศวกรหนุ่มอธิบายให้เพื่อนได้เข้าใจว่าคนที่ธามไทพบที่ห้องเดิมของตัวเองเป็นน้องสาวของเพื่อนคนสนิท และชีวิตของหญิงสาวสมัยที่ยังไม่ทันได้เรียนจบออกมาเจอโลกภายนอก

    ธามไททำหน้าไม่อยากเชื่อ แถมยังวิพากษ์วิจารณ์หญิงสาวให้เจตธวัชฟัง 

    ‘‘ฉันว่าปากอย่างยายนี่น่าจะเป็นพญามารซะมากกว่านะ’’

    ภาพเด็กสก๊อยคนนั้นสวมชุดพยาบาลสีขาว ธามไทแทบนึกไม่ออกว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ยายเด็กนั่นท่าทางอย่างกับเด็กวัยเพิ่งพ้นมัธยมปลายมาหมาดๆ มากกว่าพยาบาลแสนเรียบร้อย

    ‘‘เดี๋ยวๆ ฉันจะไปฟ้องไอ้ชล ว่าแกว่าน้องสาวสุดสวาทใจขาดดิ้นของมัน แล้วว่าแต่ที่ไม่ถูกชะตาเพราะเรื่องบนดาดฟ้าอ่ะเหรอ จะไปอะไรกับน้องมาก แค่เขาเข้าใจผิดแค่นั้นน่ะ ’’เจตธวัชชี้หน้าเย้าแหย่

    ‘‘นี่แกเห็นด้วยเหรอ อืมๆ ช่างเถอะ ว่าแต่ยายเนี่ยเป็นพี่น้องคลานตามกันมาของไอ้ชลจริงๆเหรอ พ่อแม่ไอ้ชลเก็บลิงเก็บค่างที่ไหนมาเลี้ยงหรือป่าววะเนี่ย ทำไมหน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลยวะ อ้ออีกอย่าง นิสัยด้วย’’

    พลางนึกไปถึงดวงหน้าใสแววตาดื้อรั้นของเธอคนนั้นแล้วเกิดอาการหมั่นไส้ซะดื้อๆ  เด็กคนนั้นไม่มีเค้าหน้าเหมือนเหมชลสักอย่าง  ยิ่งลักษณะการพูดจายิ่งหนักทำให้แตกต่างกันกับเหมชลขึ้นไปอีก  

    ‘‘ท่าทางเด็กนั่นจะเป็นคนดื้อรั้นเอาแต่ใจมากว่ะเจต’’

    ‘‘ปาก ไอ้ธามปาก ไอ้รอตไวเลอร์ แว้งกัดน้องเขาไปเรื่อยนะ ซันเขาออกจะหน้าตาดี ตัวเล็กหน้าใส ออกแนวน่าทนุถนอมจะตาย หนุ่มๆที่บริษัทฉันถามหากันตรึม ฉันเคยพาเพื่อนที่บริษัทมากินข้าวบนดาดฟ้าแล้วเจอยายซันเข้าเขาถามกันใหญ่ แต่สุดท้าย ก็แห้วทุกรายตามระเบียบ และที่สำคัญ แกก็รู้ดีนี่ว่าไอ้ชลมันหวงน้องมาก’’

                    ประกายตาชื่นชมพยาบาลสาวรุ่นน้องของเพื่อนทำเอาธามไทเผลอแสดงสีหน้าเอือมหมั่นไส้หญิงสาว  ไม่รู้จะปลื้มอะไรกันนักหนา  ไอ้หนุ่มพวกนั้นก็เหมือนกัน

     เส้นประสาทจอตามีความผิดปกติหรืออย่างไร

    ‘‘น้องไอ้ชลมีอะไรให้น่าเป็นห่วง ยายนั่นน่ะมีปากเป็นอาวุธ ท่าทางแสบเอาเรื่องไม่เบา ไม่มีใครกล้าฝ่าด่านเข้ามาจีบให้เมื่อยหรอกน่า โอ๊ย พอๆ เดี๋ยวพูดมากไปจะโดนแกด่าอีก ยิ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์น้องสาวไอ้ชลอยู่’’

    ‘‘อ้าว ก็แน่นอน น้องสาวเพื่อนก็เหมือนน้องสาวเรา ฉันน่ะเห็นน้องเขามาตั้งแต่เด็ก ซันน่ะเป็นเด็กดี อีกอย่างฉันก็เป็นลูกคนเดียวไม่มีน้องสาว ฉันก็เลยถูกชะตากับซันเป็นพิเศษหน่อย นี่ดีนะที่คุณสาแฟนฉันเขาเข้าใจแล้วไอ้ชลมันก็ไม่หวงเพราะมันรู้ว่าฉันรักน้องมันเหมือนน้องสาวของฉันจริงๆ ’’

    ‘‘พูดถึงไอ้ชลฉันเองก็ลืมโทรบอกมันก่อน ลืมไปเลยว่าอาจารย์เหมชลคงจะยุ่งๆ’’

    ธามไทพูดถึงเหมชลแล้วยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ชายหนุ่มเข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเหมชล มารู้จักกับเหมชลและเจตธวัชเพราะทั้งสามหนุ่มอยู่ชมรมฟุตบอลของมหาวิยาลัย และมีเหตุการณ์วัดใจความเป็นลูกผู้ชายที่ทำให้สนิทกันมาจนทุกวันนี้

    ‘‘อาจารย์หนุ่มหน้าตาดี นักศึกษาสาวๆคงอยากลงเรียนวิชาที่อาจารย์เหมชลสอนในคณะนี้ใจแทบขาด’’  

    เจตธวัชสมทบก่อนชวนไปเที่ยวสังสรรค์เพราะนานทีปีหนธามไทจะได้เข้ามาในเมืองกรุง เพราะตั้งแต่เรียนจบแยกย้ายกันไปธามไทก็ตั้งใจทำงานช่วยครอบครัวบริหารงานที่ไร่และเพิ่งจะเปิดรีสอร์ตไปเมื่อปีที่แล้ว ระยะหลังๆนี้การงานเข้าที่เข้าทางธามไทจึงมีเวลาเข้ามาสังสรรค์กับเพื่อนได้ตลอด

                    ‘‘งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันโทรบอกมันให้มันมาที่ห้องเราดีกว่า จะได้อุ่นเครื่องกันก่อนไง แล้วพรุ่งนี้เราสามคนไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นดีมั้ยวะ รำลึกความหลังกันสักครั้งที่สุราเมรยะ’’

                    คนถูกชวนทำหน้าเหลือเชื่อว่าเวลาผ่านมาตั้งหลายปี ตั้งแต่สมัยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง จนเรียนจบสำเร็จการศึกษาทำงานกันแล้ว เกือบสิบปีร้านเหล้าที่ชอบไปนั่งสังสรรค์กันก็ยังอยู่ กิจการรุ่งเรืองขนาดนั้นเลยหรือ

                    ‘‘อ้าว ตั้งกี่ร้อยปีผ่านมาแล้ว จนป่านนี้แล้วร้านนี้ยังไม่เจ๊งอีกเหรอวะ’’

                    ‘‘ปากหมา อย่ามาแช่งแหล่งบันเทิงเริงใจของฉันสิวะ ไม่ไปสุราเมรยะ ก็ไปปล่อยแก่ที่ Divasแล้วกัน มีอยู่สองที่ ให้เลือกเอาเองว่าชอบแบบไหน ถ้าชอบนั่งดริงค์แบบชิลๆก็สุราเมรยะ แต่ถ้าอยากไปหลีหญิงก็อย่างหลัง’’

                    เจตธวัชแนะนำทำตาล่อกแล่กอย่างผู้ชำนาญการ อันที่จริงจุดประสงค์ก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะไปใช้สายตาคุมคามเพศตรงข้ามเหมือนอย่างที่ปากว่า แต่เมื่อเพื่อนมาทั้งทีก็เลยอยากพาไปเปิดหูเปิดตาสัมผัสกับสิ่งสวยๆงามๆเพื่อนเป็นยาชูกำลังให้หัวใจ ก็ในเมื่อนายน้อยแห่งไร่ธารสิริชีวิตเหี่ยวแห้งมาตั้งนานหลายปี กะพาไปเผื่อได้เจอแม้ใกล้จะแต่งงานแล้วก็เถอะยังมีเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนงานแต่งอีกตั้งหลายเดือนถ้าคิดจะทำ

                    ‘‘แล้วแต่เจ้ามืออย่างแกกับไอ้ชล’’

                    ธามไทเออออแบบไม่คิดแถมบังคับกลายๆว่าให้คนชวนเป็นเจ้ามือ เข้ามาเมืองหลวงทั้งทีก็ต้องให้บรรดาเจ้าถิ่นเลี้ยงดูปูเสื่อตามธรรมเนียม

                    ‘‘เออ เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงยาดอง ม้ากระทืบโรง ซอยแปดใกล้ๆกับคอนโด หรือจะลองกิน โด่ไม่รู้ล้มดูล่ะ  ’’ เจตธวัชเอ่ยประชดที่ธามไทมัดมือชกให้เพื่อนเลี้ยงอย่างหมั่นไส้

                    ‘‘ก่อนอื่นฉันจะกระทืบแกให้จม ไอ้เจต’’   ว่าแล้วก็สาวปลายเท้าเข้าหาเพื่อนอย่างรวดเร็วอีกฝ่ายหัวเราะร่วนพร้อมหมุนตัวหลบทันที ธามไทกับเจตธวัชวิ่งไล่เตะไล่ตีกันเป็นเด็กอยู่นานก็พากันหอบเหนื่อยเจตธวัชทิ้งตัวลงบนโซฟากว้าง ส่วนธามไทนอนแผ่หลาที่พื้นพรมนุ่ม

     

                    ธามไทยืนเหม่อมองวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครก่อนจะทอดถอนลมหายใจ กลับไปรับช่วงต่อกิจการของที่บ้านหลังเรียนจบก็นานกว่าห้าปีแล้วที่นี่ยังเหมือนเดิม เพียงแต่ความเจริญมีมากขึ้นรถรายังเต็มท้องถนนในเวลาทำงานโดย เฉพาะย่านใจกลางเมืองแถวนี้ มองไปฝั่งโน้นก็เป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มาฝั่งนี้ก็เป็นโรงพยาบาล ตึกระฟ้าถัดไปไม่ไกลก็คือสถานที่ทำงานของเจตธวัช

                    ‘‘คิดอะไรอยู่วะ ธาม ’’เหมชลเดินเข้ามาแตะบ่าเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี

                    ‘‘ก็เรื่อยเปื่อย คิดถึงสมัยพวกเราอยู่มหาลัยตอนนั้นเฮไหนเฮนั่น เมาเละจนแทบจะลุกไปเรียนไม่ไหว’’

                    กลุ่มเพื่อนของธามไทและเหมชลมีกันห้าหนุ่มเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยกันทั้งหมด สองรายแรกนฤพลกับโตมรมาจากเชียงรายทั้งคู่จบจากมัยธยมศึกษาโรงเรียนเดียวกันและเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ชั้นประถม

    นฤพลกับโตมรสนิทกันแต่นิสัยต่างกันลิบลับเพราะคนแรกลื่นเหมือนปลาไหลชุบน้ำมันด้วยความที่หน้าตาออกแนวหล่อใสตามแบบฉบับหนุ่มเหนือ ส่วนโตมรรูปร่างสูงใหญ่กว่านฤพลและมีผิวกายสีเข้ม

    เจตธวัชรู้จักกับเหมชลมาก่อนสมัยมัธยมอยู่ห้องเดียวกันทำกิจกรรมไปมาหาสู่ก็จริงแต่ไม่สนิทมากเพิ่งจะมาสนิทกันตอนเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนธามไทเข้ามาในกลุ่มท้ายสุด

     ‘‘แต่ตอนนี้ พวกเราก็ผ่านมาได้ เรียนจบทำการทำงานหมดแล้ว และที่สำคัญแกก็กำลังจะแต่งงานมีเมียเป็นคนแรกของกลุ่ม ว่าแต่เมื่อไหร่จะพาว่าที่เจ้าสาวมาเปิดตัวกับพวกฉันสักทีวะ’’

    เหมชลเปิดประเด็นถึงว่าที่เจ้าสาวของเพื่อน เจตธวัชหน้าตาตื่นเต้นอยากเห็นว่าที่เพื่อนสะใภ้ ได้ยินมาว่ามารดาของธามไทเลือกเฟ้นสุดๆ

                    ‘‘เอาไว้พวกแกไปเที่ยวที่ไร่สิ คงได้เห็น ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน’’

                    ได้ยินแบบนี้เหมชลกับเจตธวัชต่างมองตากันเองพร้อมจ้องหน้าธามไทที่ยิ้มเรียบๆ ราวกับว่าการแต่งงานไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตแม้แต่น้อย แต่คนเป็นเพื่อนต่างก็คิดตรงกันว่าคนสองคนที่ไม่เคยพบเจอหน้า ไม่มีแม้คำว่ารักกันแต่กำลังจะร่วมหอลงโรงใช้ชีวิตสร้างครอบครัวด้วยกันนั้น จะเป็นไปได้อย่างไร

                    ‘‘อ้าว จะแต่งงานยังไงไม่เคยเห็นหน้ากัน ว่าแล้ว ทำไมสีหน้าคนจะแต่งงานถึงเป็นแบบนี้’’

                    ‘‘แบบนี้ แบบไหนกัน’’ ยังไม่วายมีกะใจกวนน้ำให้ขุ่นในสายตาเพื่อนเข้าไปอีก

                    ‘‘ก็ ท่าทางเฉยๆ มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึกแบบนี้ยังไงเล่า นี่ถ้าแกไม่เป็นคนบอกฉันเอง ว่าจะแต่งงานปลายปีนี้ฉันคงคิดว่าแกอกหัก คำพูดกับสีหน้ามันคนละฟีลลิงซะขนาดนั้น ถามจริง เกิดอะไรขึ้นถึงนึกอยากจะแต่งงานขึ้นมา’’

                    ‘‘ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อแม่เจ้าสาวกับพ่อแม่ฉันสนิทกัน แม่ฉันก็เป็นปลื้มผู้หญิงคนนั้น ทุกคนในครอบครัวเห็นพร้อมว่าเขาเหมาะสมกับฉัน ฉันเองก็ตามใจแม่น่ะเหตุผลพอไหม’’ว่าที่เจ้าบ่าวทำหน้าทองไม่รู้ร้อนตอบเพื่อนก่อนจะหันไปรินเหล้าที่โต๊ะมาจิบนั่งเอนกายทอดอารมณ์

                    ‘‘นี่น่ะเหรอ เหตุผลของแกไอ้ธาม มีอยู่แค่ แม่แกปลื้ม ความเหมาะสม ตอบได้กวนตีนมาก นี่แกอย่าบอกนะ ว่าแกเต็มใจแต่งงานทั้งๆที่ยังลืมยายดารินทร์เค้าไม่ได้’’ เหมชลที่จริงจังกับชีวิตถึงกับมึนเมื่อเจอเหตุผลง่ายๆของธามไท

    ขนาดตัวเขาเองที่คิดเสมอว่าการแต่งงานคือเรื่องสำคัญน้อยที่สุดรองจากเรื่องงานที่เขายกให้เป็นที่หนึ่งแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะสะกิดรอยแผลเป็นในหัวใจของธามไทเข้าไปอีก ด้วยความปากไว

                    ‘‘เปล่าเลยชล ชื่อนี้ตายไปจากใจฉันนานแล้ว’’

    ธามไทปฏิเสธเพื่อนทันควันเสียงดังฟังชัด เขาลืมเธอได้แล้วจริงๆ แถมยังพาลเฉยชากับผู้หญิงเกือบทั้งโลกถ้าไม่ใช่ญาติสนิท ตั้งแต่เลิกรากับดารินทร์คราวนั้นก็หันมาสนใจงานในไร่หนักขึ้น ไม่ได้มองใครอีกจนมารดาต้องเจ้ากี้เจ้าการจัดแจงหาคู่ครองให้

                    ‘‘ออกแนวประชดชีวิตหรือเปล่า การแต่งงานมันหมายความถึงทั้งชีวิตแกเลยนะเว้ย ธาม ’’ เจตธวัชทั้งวิจารณ์และแย้งขึ้นบ้างให้เพื่อนคิดถึงหัวใจตัวเอง

                    ‘‘ช่างปะไร ความรักน่ะตายไปจากใจฉันตั้งนานแล้วตั้งแต่ผู้หญิงที่ชื่อดารินทร์ทำกับฉัน ตอนนี้เห็นว่ากลายเป็นแม่ม่ายสามีหย่าเป็นไปแล้วนี่’’

                    ‘‘ไอ้บ้า ยายดาต่างหากที่ฟ้องหย่าสามี แฟนฉันก็รู้จักดาเขา เห็นว่าที่หย่ากันน่ะ เพราะยายจับได้ว่าสามีเป็นไฮโซเก๊ไม่มีสมบัติเหลือ’’ เจตธวัชเอ่ยถึงนักธุรกิจหนุ่มอดีตสามีของดารินทร์ที่โดนสื่อเปิดเผยเรื่องโดนฟ้องล้มละลายเมื่อปีก่อน

                    ‘‘พอๆ แกเลิกพูดถึงข่าวแม่คนนี้ได้แล้ว รำคาญหู ก่อนที่ฉันจะเซ็งไปมากกว่านี้ ว่าแต่แกเถอะไอ้เจตเมื่อไหร่จะแต่งงานแต่งการสักที’’ธามไทวกกลับไปถามถึงอนาคตเพื่อนบ้าง

                    ‘‘โอ๊ย ยังหรอก อีกนาน บ้านไม่ได้รวยเหมือนแกนี่หว่า ฉันขอเวลาสร้างตัวอีกสักพัก อีกอย่างสาเขาก็ยังสนุกกับงานในวงการอยู่ คงอีกสักสองสามปี งานนี้ต่อให้แกก่อนว่ะ’’

                    เจตธวัชกับอลิสาคบกันมานานกว่าห้าปีแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะแจกการ์ดสีหวานก็จริง แต่วิศวกรหนุ่มกับนางแบบสาวก็ยังคงรักกันแนบแน่น ไม่มีข่าวรักร้าวตามเวลาเลขอาถรรพ์ถือเป็นคู่ที่เพื่อนรอคอยกันที่สุด

                    ‘‘อย่าให้นานนักนะโว้ย เดี๋ยวได้อยู่เป็นปู่มหาลัยเหมือนไอ้ชลมัน’’ พลางแขวะหนุ่มโสดไม่เลิก

    ‘‘ใช่ อยู่มานานจนชักจะสงสัยว่ามันเป็นเกย์ซะละเนี่ย แต่งตัวก็เนี้ยบนิ้งเกิ๊น ปากคอก็ใช่ย่อยมันเข้าข่ายชัดๆเลย แล้วตกลงว่าเป็นหรือเปล่าคะ พี่ชลขา ’’

                    ธามไทกับเจตธวัชกอดกันกลมล้อเลียนเหมชลอย่างเข้าขา

    ‘‘กวนตีนละ ๆ พวกแกสองตัว ’’ หนุ่มเจ้าสำอางอย่างเหมชลแว้ดใส่เพื่อน สองหนุ่มประสานเสียงหัวเราะดังลั่น ก่อนทั้งห้องจะวุ่นวายเละเทะเมื่อเหมชลขว้างปาข้าวของใส่เพื่อนปากดีอย่าง เจตธวัชกับธามไท เรื่องราวมากมายในระยะเวลาหลายปีพรั่งพรูออกมาล้วนแต่เป็นเรื่องราวในสมัย ห้าปีก่อนแทบทั้งนั้น

     

                    ‘‘อะไรนะคะ แม่ พ่ออยากจะให้นิ่มย้ายกลับไปทำงานที่สระบุรีแล้วแต่งงานกับลูกชายคุณลุงสุชาติ กับป้าเต็ม นี่มันสมัยไหนแล้วคะแม่’’

                    แพทย์หญิงนิมา   ศิณวรพันธ์  อุทานเสียงดังใส่โทรศัพท์เมื่อทราบถึงความต้องการของผู้เป็นพ่อจากคุณเรไรมารดาว่าอยากให้หญิงสาวทำเรื่องย้ายงานกลับไปประจำที่ต่างจังหวัดและแต่งงานกับผู้ชายที่ท่านได้เลือกเอาไว้ให้แล้ว

                    ‘‘อย่าเพิ่งโวยวายสิลูก พ่อเรากับทางนั้นเขาสัญญากันเอาไว้ แล้วอีกอย่างฝ่ายโน้นลูกชายเขาตกลงจะแต่งงานกับนิ่มแล้วนะลูก รอก็แต่นิ่มคนเดียว’’

                    ‘‘นิ่มขอปฏิเสธค่ะ ยังไงนิ่มก็ไม่แต่ง ’’ นิมายืนกรานกับมารดา ไม่มีทางที่เธอจะตกลงปลงใจแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนแม่ที่ยังไม่เคยรู้จักเด็ดขาด  

                    ‘‘ทำไมกันล่ะลูก นิ่มมีเหตุผลอะไร’’

                    ‘‘แม่คะ ถ้านิ่มบอกความจริงแม่ไป แม่อย่าโกรธนิ่มนะ นิ่มชอบผู้หญิงค่ะ แล้วอย่างนี้นิ่มจะไปแต่งงานกับผู้ชายได้ยังไงกันคะ มันทำใจลำบากมากนะคะแม่ ’’นิมาพูดไปอย่างไม่ทันคิดอะไร ใจพยายามเอาตัวรอดสถานเดียว ไหนๆก็ชอบมีคนเข้าใจว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ผิดแปลกธรรมชาตินัก สมองก็เลยสั่งการให้ปากไวตอบผู้ให้กำเนิดไปแบบนั้น

                    ‘‘หา อะไรนะ โอยฉันจะเป็นลม หายาดมยาหอมมาให้ฉันที ’’เหมือนฟ้าผ่ากลางใจ สิ้นเสียงของนิมาผู้เป็นบุตรสาว คุณเรไรลมจับ สาวใช้ที่บ้านต้องรีบเข้ามาประคองร่างที่กำลังโงนเงนไม่ให้ล้มพับลงไป

                    ‘‘คุณนาย คุณนายขา’’ เสียงเดือน สาวใช้ที่ร้องเรียกขณะวิ่งเข้ามาประคองร่างองคุณนายเรไรผู้เป็นมารดาของเธอ

                    ‘‘แม่คะ  แม่ ’’ สายหลุดไปแล้วหญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงมารดา แต่มารดาได้ยินแบบนี้แล้วคงล้มเลิกการแต่งงานได้กระมัง

                    ‘‘ขอโทษนะคะแม่ นิ่มไม่รู้จะทำยังไง ก็นิ่มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ’’นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์ผู้เคร่งขรึมแล้วแพทย์สาวก็ยิ้มออก

    นิมาเจอเขาครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนคราวที่เข้าทำงานในโรงพยาบาลเดียวกันกับรวิกานต์โดยชายหนุ่มตามมาทำหน้าที่สารถีรับส่งน้องสาว รวิกานต์เป็นรุ่นน้องเธอสามปีเห็นจะได้ ด้วยความที่ประสานงานกันบ่อยทำให้เธอสนิทกับรวิกานต์มาก

                    มโนภาพวันวานเหล่านั้นก็ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของแพทย์สาว ในฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้ววันนั้นเป็นวันแรกที่นิมาเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลบำรุงพัฒน์  ระหว่างที่เธอกำลังจอดรถเตรียมจะเข้าไปรายงานตัว  นิมาหอบแฟ้มประวัติและเอกสารต่างๆเยอะแยะ หญิงสาวเดินชนกับสุภาพบุรุษคนหนึ่งโดยบังเอิญ  แฟ้มตกกระจัดกระจายเขาก้มเก็บของช่วยเธอ ทำให้มองเห็นหน้ากันชัดเจน ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งไม่ผอมจนเกินไป ใบหน้าคมดูสวยราวกับผู้หญิง แต่นิมาสัมผัสได้ว่าเขาไม่น่าใช่แนวนั้น

                    เวลาเขายิ้มดวงตาเรียวคู่นั้นช่างมีเสน่ห์  ชายหนุ่มเป็นคนตาไม่คมแต่ประกายของดวงตาเวลาที่ยิ้มทำให้โลกสดใส เขาดูเป็นคนใจเย็น อ่อนโยน นิมาได้แต่มองตามหลังอย่างประทับใจ  

                    หลังจากที่ขึ้นไปบนวอร์ดนิมาก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกสามคนที่เพิ่งเข้ามาพร้อมกัน  นวิยาพยาบาลที่อายุมากกว่าเพิ่งลาออกจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย  ส่วนอีกสองสาวตัวเล็กที่อายุน้อยกว่าเธอถึงสามปีก็เพิ่งย้ายมาจากโรงพยาบาลของรัฐหลังจากที่ใช้ทุนหมด  พิมพัชร์  และรวิกานต์

                    รวิกานต์มีส่วนคล้ายกับบางคนที่นิมาเพิ่งพบ ดวงตาเรียวเล็กเวลายิ้ม และนิมาก็ต้องดีใจมากเมื่อทราบว่าผู้ชายที่เธอพบเมื่อเช้านี้ที่ลานจอดรถเขาเป็นพี่ชายของเพื่อนร่วมงานคนใหม่  ถามไปถามมาก็ทราบว่าพักคอนโดที่เดียวกันอีกอะไรจะบังเอิญเหมาะเจาะได้ขนาดนี้

                    ผู้ชายหน้าสวยคนนั้น ชื่อเหมชล  เขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ท่าทางหวงน้องสาวมาก ซึ่งความสนิทสนมของนิมากับรวิกานต์ก็บังเอิญไปขัดตาทำให้เขาดูไม่ค่อยชอบหน้าเธอนัก หญิงสาวพยายามหาสาเหตุ ตั้งข้อสังเกตเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าทำไมเหมชลไม่อ่อนโยนกับเธอเหมือนวันที่เจอกันครั้งแรก

                    พยายามสร้างความสนิทสนมเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล  เหมชลมีท่าทีเฉยเมยยังไม่พอเขาแทบจะเกลียดหน้าเธอด้วยซ้ำเท่าที่จับความรู้สึกได้ผ่านทางแววตา นี่เธอทำอะไรผิดไปโดยที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่า นิมาสำรวจตัวเองแล้วก็คิดว่าไม่มี หรือว่าเธอจะไม่สวย นั่นก็ไม่ใช่แน่ในเมื่อหน้าตาเธอก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้ขนาดนั้น  หรือว่าเธอทอดสะพานให้เขาเกินไปจนออกนอกหน้า ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกันถึงจะประทับใจเขา แต่เธอก็ไม่คิดที่จะจีบผู้ชายก่อน

                    ได้แต่ส่งผ่านความรู้สึกดีดีผ่านทางแววตาที่คอยเฝ้ามองเขาเวลาที่ชายหนุ่มมาส่งรวิกานต์ ผ่านมาเกือบสองปีนิมาสนิทกับรวิกานต์มากแทบจะตัวติดกัน สองสาวรักกันมากราวกับเป็นพี่น้อง มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังตลอด เธอให้ใจน้องสาวคนนี้และน้องสาวคนนี้ก็ให้ใจเธอ ระบายยิ้มบนใบหน้าสวยเมื่อนึกถึงน้องสาวต่างสายเลือดก่อนหยิบโทรศัพท์มากดโทรหารวิกานต์

       

                    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกรวิกานต์ให้ต้องค่อยๆลืมตางัวเงียควานหาเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้ข้างหมอน ก่อนจะพลิกตัวให้อยู่ในท่านอนเท้าคางเคยหมอนกดรับโทรศัพท์บนเตียงนอนในตอนบ่ายโมงกว่า

                    ‘‘สวัสดีค่ะ พี่นิ่ม ’’ รวิกานต์กรอกเสียงงึมงำ คนฟังก็รับรู้ได้ว่าคู่สนทนายังไม่ตื่นดีนัก

                    ‘‘ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีพี่ว่าจะชวนซันไปเดินดูหนังสือด้วยกันซักหน่อยน่ะ ว่างหรือเปล่า แล้วตอนเย็นเราก็ไปกินหมูกระทะแถวนี้’’

                    ‘‘หมูกระทะเหรอ ’’   เอามือปิดปากหาวได้ไม่นานรวิกานต์ตาสว่างทันทีเมื่อเจอมุขนี้ของนิมา ของมันๆ หมูสามชั้นเอย มันหมูเอย ชอบนักล่ะ

                    ‘‘ตกลงค่ะซันไปด้วยไปกี่โมงคะ พี่นิ่ม’’

                   ‘‘พี่ลงเวรสี่โมงกว่า เดี๋ยวกลับไปรับซันที่วีโอลาเลยแล้วกัน’’

                    ‘‘ค่ะๆ เดี๋ยวซันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจะลงไปรอที่ชั้นหนึ่งเลย’’

                    ‘‘โอเคๆ งั้นเจอกันจ้ะ เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะ’’แล้วรวิกานต์ก็ล้มตัวลงนอนต่อ

    หนึ่งชั่วโมงถัดมารวิกานต์ถึงได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปกับนิมา แพทย์สาวรุ่นพี่ เพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทที่สุดในโรงพยาบาล นิมาเป็นพี่สาวใจดีของเธอ รวิกานต์หวังอยู่ลึกๆเสมอว่าเหมชลจะมองนิมาบ้างเพราะเธอคิดว่า นิมานั้นมีใจให้พี่ชายสายน้ำของเธอ

    แต่พี่ชลนี่สิ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ทึ่มจริงๆ

                    ‘‘แต่งตัวสวยเชียว จะไปไหนล่ะยายตัวแสบ’’

                    ชื่นชมความงามของคนเป็นน้องสาวก่อนถามเข้าประเด็นสาเหตุของการลุกขึ้นมาแต่งตัวสวย  ลองแม่คุณทูนหัวของเขาเธอได้แต่งตัวแบบจัดเต็มแบบนี้แล้วแสดงว่ารวิกานต์วันนี้ไม่อยู่ติดห้องชัวร์

                    ‘‘อ๋อ พอดีว่าจะไปดูหนังสือกับพี่นิ่มแถวนี้แหล่ะค่ะ พี่ชลจะไปด้วยกันกับเราไหมคะ’’

    แค่ได้ยินยินชื่อนิมาเท่านั้นเหมชลก็สีหน้าเปลี่ยนหันไปมองทีวีกดรีโมทเปลี่ยนช่องพร้อมปฏิเสธคำชวนของน้องสาวทันทีแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความเพลียหลังจากที่เพื่อนโทรตามให้ไปสังสรรค์จนเกือบสว่างถึงได้ลากสังขารคลำทางกลับมาห้องตัวเองถูก

                    ‘‘ไม่ล่ะ ซันไปเถอะพี่เหนื่อย อยากนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องมากกว่า เมื่อคืนไปกินเหล้าต่อที่ห้องไอ้เจตแล้วคุยกันกับพวกนั้นจนถึงตีสอง พอดีเพื่อนพี่มาจากสระบุรีน่ะ’’

                    ‘‘อ๋อ นายหน้าโหดคนนั้นน่ะเหรอคะ’’ รวิกานต์เสียงสูงขึ้นจมูกฟุดฟิดทันทีเมื่อรู้ว่าที่พี่ชายพูดหมายถึงใคร

                    ‘‘เพื่อนพี่หน้าโหดตรงไหน มันออกจะหล่อ’’ เหมชลยังมีกะใจเถียงแทนให้เพื่อนด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์

                    ‘‘แหว่ะหล่อตรงไหน เมื่อวานเขามาถามหาพี่ชล หน้างี้โหดอย่างกะอะไร ถามจริงเหอะเพื่อนพี่ชลเนี่ย สมัยประถมได้ผ่านการเรียนวิชาสังคมศึกษามาบ้างหรือเปล่าคะ ถึงได้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับใคร’’

    ตั้งใจพูดถึงฝ่ายตรงข้ามในแนวไม่ปลื้มเต็มที่ ก็คนไม่ชอบขี้หน้าให้มาชื่นชมก็ไม่ไหว

                    ‘‘โห เล่นแรงเชียวนะ ให้มันน้อยๆหน่อย เขาอายุมากกว่าแกตั้งหลายปี เพิ่งเจอกันแกยังไม่รู้จักนิสัยมันจริงๆอย่าเพิ่งไปตัดสินสิ เพื่อนพี่นิสัยดีทุกคนขอการันตี โดยเฉพาะไอ้ธาม’’ เหลชลปรามน้องสาว

                    ‘‘เหรอคะ’’รวิกานต์ก็ลอยหน้ากวนถามอย่างรวน จนเหมชลเริ่มจับความรู้สึกน้องสาวได้ว่าไม่ชอบหน้าธามไทเพื่อนของเขาพอสมควร ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันแท้ๆ

                    ‘‘เอ้า ก็มันจริงนี่ ไอ้ธามมันนิสัยดีออก ทำไมมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า’’

                    ‘‘ก็เมื่อวานเขา’’   

    กำลังจะหลุดปากเล่าอยู่แล้ว แต่รวิกานต์ก็หยุดปากได้ทันเดี๋ยวเหมชลได้หัวเราะกันพอดีว่าเธอเป็นพลเมืองดีผิดคิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปผิดคิวต่อหน้านายคนนั้น แถมเธอและนายหน้าบึ้งผิวเข้มยังปะทะคารมเพราะเรื่องเล็กน้อยที่เกิดจากความเข้าใจผิดของเธอ

    แต่ก็นั่นล่ะ แค่เรื่องเข้าใจผิด ก็ไม่น่าถึงกับมาว่ากันให้สูญเสียความมั่นใจแบบนี้

                    ‘‘มันอะไร’’เหมชลละสายตาจากทีวีมาจ้องหน้าน้องสาวทันที ชายหนุ่มเล็งเห็นความไม่ลงรอยของเพื่อนและน้องสาวชัดเจน ธามไทและรวิกานต์อุปนิสัยปากไวใจร้อนพอกัน

                    ‘‘ก็เมื่อวานเขามาถามหาพี่ชล ถามอย่างกับจะกินหัวซันอย่างงั้นแหล่ะ’’

                    ‘‘อ้าว นึกว่ามันมาหลีแกซะอีก แค่นี้เนี่ยนะ ที่แกบอกว่าเพื่อนพี่มนุษยสัมพันธ์แย่ เท่าที่ฉันนั่งฟังแกเล่ามาพี่ยังมองไม่เห็นเลยว่าไอ้ธามมันนิสัยแย่ตรงไหน’’สองมาตรฐานเข้าข้างเพื่อนรักเต็มที่

                    ‘‘ทุกตรง’’ รวิกานต์ลอยหน้าลอยตาเถียงอย่างดื้อรั้น

                    เหมชลมองอย่างแปลกใจเพราะปกติรวิกานต์สนิทกับเพื่อนในกลุ่มของเขาแทบจะทุกคนโดยเฉพาะเจตธวัช ยกเว้นธามไทซึ่งทั้งสองคนไม่เคยโคจรมาพบกันสักครั้งเพราะเวลาที่ชายหนุ่มไปเยี่ยมรวิกานต์มักจะไปกับเจตธวัชบ่อยๆ ส่วนนฤพลและโตมรก็นานครั้ง

                    ‘‘พอๆ เลยยายซัน เรานี่ก็เกินไปเห็นพี่ตามใจทุกอย่างก็เลยเป็นซะแบบนี้ ยังไม่ทันได้รู้จักเพื่อนพี่ดีพอก็ไปมองเขาในแง่ร้ายซะแล้ว นี่จะบอกให้นะ ’’

    ยังไม่ทันที่เหมชลจะได้สรรเสริญคุณงามความดีของเพื่อนรักให้น้องสาวฟังเสียงโทรศัพท์ของรวิกานต์ก็ดังขึ้นมาก่อน สายจากนิมานั่นเอง

    ‘‘ค่า ไม่อะไรกับเพื่อนพี่ชลแล้วก็ได้ค่ะ เพราะพี่นิ่มมาถึงแล้ว ซันไปก่อนนะคะ’’หยิบโทรศัพท์มากดรับด้วยน้ำเสียงดี๊ด๊าน่าหมั่นไส้

                    ‘‘ค่ะพี่นิ่ม ซันกำลังจะลงไป เจอกันข้างล่างค่ะ ค่า’’หญิงสาวเดินตัวปลิวเริงร่าคุยโทรศัพท์ออกไป อาการรีบร้อนลงไปหานิมาของรวิกานต์นั้นทำให้เหมชลนึกหมั่นไส้แพทย์สาวคนสนิทของรวิกานต์ที่ชื่อนิมานั้นตงิดๆ

    เหมชลมองตามน้องสาวอย่างอ่อนใจ เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่ารวิกานต์จะเป็นพวกหญิงรักหญิง พักนี้เห็นตัวติดกันกับนิมาตลอดมันเกินกว่า เพื่อนร่วมงานธรรมดา หนำซ้ำนิมายังดูห้าวๆ เธอดูเอ็นดูน้องสาวของเขาแถมทนุถนอมน้องสาวเขาอย่างกับอะไรดี นึกภาพเวลาสองสาวเดินด้วยกัน รวิกานต์ตัวเล็กกว่านิมา มันดูเหมือน เลสเบี้ยน

    ไม่ได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง 

    เหมชลเป็นบุคคลประเภทไม่ชอบบุคคลเบี่ยงเบนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กะเทยน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พวกผู้หญิงที่มีใจรักการเป็นทอมนี่สิ เขารับไม่ได้ เกิดมาบอบบางทำเข้มอยากจะเป็นผู้ชายถ้าเขานิสัยแย่กว่านี้คงจะกระทืบให้หายซ่าไปแล้ว ผู้ชายอะไรมีประจำเดือน

    นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ชอบหน้านิมานัก 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×