ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงตะวันริมธารใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่1 พลเมืองดีผิดคิว

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 56


    รวิกานต์เดินลัดเลาะรอบตึกมาตามฟุตบาทเพื่อเดินทางกลับไปยังวีโอลาเรสซิเดนซ์คอนโดที่เธอพักอยู่กับเหมชล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเอกชนที่เธอทำงานนัก รวิกานต์จึงประหยัดค่ารถไปได้บ้าง เวลาไปทำงานก็เดินออกกำลังกายไปในตัว เมื่อเวลากลับก็แวะเดินดูสินค้าที่มาตั้งแผงริมฟุตบาทบ้างตามเรื่องตามราว ถ้าวันไหนหญิงสาวขึ้นเวรดึกรวิกานต์ก็จะให้เหมชลผู้เป็นพี่ชายพี่ชายขับรถไปส่ง ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับรวิกานต์จึงโทรบอกเหมชลเพื่อบอกว่าขอกลับไปที่ห้องก่อนโดยไม่รอ

    ‘‘พี่ชล ซันลงเวรบ่ายนะวันนี้ คงไม่รอกลับพร้อมพี่ชลนะคะ ซันจะเดินกลับเอง เย็นนี้พี่ชลอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ซันจะได้ทำไว้ให้’’ เธอถามไปอย่างนั้นพอเป็นพิธี เพราะจริงๆ แล้วรวิกานต์ไม่เก่งกาจเรื่องงานครัว เท่าที่ทำได้ก็มีแค่เมนูไข่ทั้งหลาย และอาหารจานด่วนอย่างง่ายๆพอให้ไม่อดตายเท่านั้นเอง

    เหมชลเองก็มักจะชอบค่อนขอดเธอเสมอว่า แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะขายออกเสียทีเพราะคนเป็นพี่ขี้เกียจทำงานหาเลี้ยง แต่เธอก็มีความสามารถในการยอกย้อนกลับไปได้ทุกทีว่าขายไม่ออกก็จะเกาะพี่ชายกินไปตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่

    ‘‘ไม่ต้องหรอกซัน วันนี้พี่มีงานเลี้ยงที่มหาลัย คงกลับดึกหน่อย สักเกือบเที่ยงคืน ซันอยู่คนเดียวได้นะ’’

    ‘‘อยู่ได้อยู่แล้วค่า พี่ชลพูดอย่างกับซันเป็นเด็กๆอย่างนั้นแหล่ะ ปีนี้ซันอายุยี่สิบสี่แล้วนะคะ ’’

    ‘‘เอ้า นี่แกอายุยี่สิบสี่แล้วเหรอ ฉันนึกว่าสิบสี่ซะอีก ’’

    เหมชลเบรกน้องสาวแทบหัวทิ่ม ทางกายภาพน่ะใช่ รวิกานต์โตเป็นสาวสะพรั่งแล้วหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาแต่นิสัยใจคอแม่คุณจะยังเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแถมใจร้อนไปไหนกันนักก็ไม่รู้

    ด้วยเหตุนี้คนเป็นพี่ชายอย่างเขาจึงทั้งห่วงและหวง

    ‘‘แรงมากค่ะพี่ชล พี่ชลพูดแบบนี้กับน้องได้ยังไงกันฮะ ’’ รวิกานต์งอน เหมชลหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจใหญ่ย้อนถามน้องสาวกลับไปบ้าง

    ‘‘พี่พูดเรื่องจริงแรงตรงไหน’’

    ‘‘ก็แรงสิ เห็นซันเป็นเด็กตลอดเวลาเลยนะ ตั้งแต่พ่อกับแม่ไม่อยู่เนี่ยพี่ชลก็กลายเป็นพ่อซันไปอีกคนแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ยคะ’’ หญิงสาวเย้าพี่ชายกลับไปเหมือนกัน

    เหมชลทำตัวเป็นคนมีอายุขึ้นทุกวันด้วยความเป็นห่วงราวกับว่าเธอเป็นลูกสาววัยรุ่นก็ไม่ปาน รวิกานต์ระบายรอยยิ้มสวยอวดลักยิ้มข้างแก้มขวา นึกถึงสมัยตอนเธอเรียนมัธยมเหมชลยังไม่มากมายขนาดนี้ แต่ก็มีบ้างที่เก๊กหน้าโหดข่มเขม่นเพื่อนวัยใสของหญิงสาวที่ชอบมาแวะเวียนขายขนมจีบแบบหยอกไก่เป็นประจำ

    ‘‘ไม่ต้องเลย พี่มีน้องสาวอยู่คนเดียวก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา หรือเราจะไม่อยากให้พี่ห่วงก็ได้นะ โอเค้ พี่จะไม่ตามไม่ถามเวลาแกจะไปไหน ทำอะไร ยังไง ไม่สนใจ ช่างหัวแก’’ 

    ชายหนุ่มทำสุ้มเสียงน้อยใจไม่ได้โกรธจริงจังแต่คนเป็นน้องสาวต้องรีบง้อ ทั้งๆที่รู้ว่าเหมชลก็แกล้งเรียกร้องความสนใจจากเธอไปอย่างนั้นเองไม่ได้น้อยใจจริงจังอะไรนัก

    ‘‘โอ๋ ๆๆ พี่ชลที่ เคารพร้าก อย่าเพิ่งใจน้อยน้อยใจสิคะ ยังไม่ได้หัวล้านซักหน่อย ซันล้อเล่นน่า ก็เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเองนะ พี่ชลมัวแต่มาเป็นห่วงซันอยู่แบบนี้แล้วจะมีเวลาที่ไหนไปหาว่าที่แม่ของลูกกันล่ะคะเนี่ย’’

    ‘‘ไม่รู้   ตอนนี้ยังไม่อยากมีใคร ยังไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอ ขอเรียนจบดอกเตอร์ก่อนค่อยหาแล้วกัน ดีไม่ดีพี่อาจจะอยู่เป็นโสดไปเลยก็ได้ รอเลี้ยงหลานจากซันไง’’

    ‘‘ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญพี่ชลรอไปเลยค่ะ ตลอดชีวิต เพราะซันก็จะขอใช้สิทธิ์อำนาจแห่งความโสดอยู่ในมือเหมือนกัน แต่ตอนนี้ซันขอวางสายก่อนนะ เดี๋ยวรถราแถวนี้จะเข้ามาสอยคนน่ารักซะก่อนได้กลับถึงห้อง แค่นี้นะคะอาจารย์เหมชล’’

    คุยโทรศัพท์แต่สายตาหญิงสาวก็มองรถที่วิ่งสวนไปมาอย่างระแวดระวังเพราะถนนสายนี้รถพลุกพล่านเนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมือง

     ‘‘จ้า ยายตัวแสบน้องรัก เดินระวังรถด้วยล่ะ เพราะพี่ล่ะกลัวจริงจริ๊ง ว่ารถเค้าจะบุบสลายตรงไหนหรือเปล่าถ้าวิ่งมาพุ่งชนแกเข้า’’

    ชายหนุ่มเห็นช่องทางจึงได้โอกาสแขวะน้องสาวไปหนึ่งแผลพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างสะใจแล้วเหมชลก็รีบชิ่งตัดสายโทรศัพท์หนีหายไปทันทีจนรวิกานต์แหวใส่ไม่ทัน

    ‘‘แค่นี้นะ’’                                                                              

    ‘‘พี่ชล !  บ้า’’

    จะเอาคืนก็ไม่ทันแล้วเพราะพี่ชายสายน้ำสุดหล่อวางสายไปแล้วเหลือเพียงเสียงสัญญาณที่ขาดหายไป รวิกานต์ส่ายหน้าทั้งฉุนทั้งยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะเดินต่อไปจนถึงวีโอลาเรสซิเดนซ์ เธอกับพี่ชายชอบแขวะกันเล่นแบบนี้ประจำตั้งแต่เล็กจนโต

    รวิกานต์พักอยู่บนชั้นสิบเก้าบนคอนโดหรูกับพี่ชายของเธอ เหมชล  หรือ พี่ชลที่แสนใจดีและตามใจเธอไปเสียทุกเรื่อง หญิงสาวให้ความเคารพรักพี่ชายคนนี้มากเพราะครอบครัวเหลือกันเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น

    หลังจากพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดเสียชีวิตหมดทิ้งที่ดินเอาไว้ให้สองพี่น้องเป็นมรดกคนล่ะครึ่ง เหมชลก็รับหน้าที่ส่งเสียรวิกานต์จนจบปริญญาตรีด้านพยาบาลศาสตร์พร้อมทั้งส่งตัวเองเรียนปริญญาโทไปด้วยในขณะนั้น เหมชลตัดสินใจขายที่ดินเพื่อเอาไว้เป็นเงินเก็บรอจนถึงเวลาจึงจะแบ่งกันกับน้องสาว

    โชคดีที่โรงพยาบาลบำรุงพัฒน์ที่ถือว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงพอสมควรตอบรับเธอเข้าทำงาน หลังจากที่ทำงานกับโรงพยาบาลของรัฐบาลมานานปีแต่อยู่ไกลจากที่พักมาก

    เหมชลซื้อห้องชุดที่วีโอลาเรสซิเดนซ์ต่อจากเพื่อนอีกคนในราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว เพราะเพื่อนสนิทเจ้าของคนเก่าจะกลับไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวที่ต่างจังหวัด  ชายหนุ่มอยู่กับรวิกานต์เพียงสองคนพี่น้องที่วีโอลาเรสซิเดนซ์มานานเกือบห้าปีแล้ว

    อันที่จริงรวิกานต์ก็ไม่ค่อยได้กลับมาที่ห้องนักเพราะต้องฝึกงานตามโรงพยาบาล จนเรียนจบปริญญาตรีแล้วหญิงสาวก็ยังอยู่หอพักของทางโรงพยาบาลที่จัดไว้ให้ หลังจากใช้ทุนหมดแล้วหญิงสาวจึงได้ย้ายมาอยู่กับเหมชลแบบถาวร พี่ชายสายน้ำของรวิกานต์เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งสอนเกี่ยวกับสาขาวิชาพฤกษศาสตร์แถมเป็นว่าที่ดอกเตอร์หนุ่มอนาคตไกลในวัยเพียงยี่สิบแปดเท่านั้น

     

    เสียงลิฟต์บ่งบอกชั้นสุดท้ายรวิกานต์รีบสาวเท้าออกจากลิฟต์ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของคอนโดสุดหรูย่านใจกลางเมือง   รวิกานต์ชอบวิวบนที่สูงอาจเพราะความเคยชินที่ต้องอยู่บนยอดตึกหลายสิบชั้น หญิงสาวชอบมายืนมองดวงอาทิตย์ที่ความหมายพ้องกับชื่อเธอ ทั้งชื่อเล่น และชื่อจริงตอนลาลับขอบฟ้า

    บนดาดฟ้าอีกด้านหนึ่งถูกเนรมิตให้เป็นสวนขนาดเล็กโดยฝีมือของพี่ชายเธอเองที่ มีความคิดเสนอกับคุณแก้วกานดาเจ้าของวีโอลาเรสซิเดนซ์ว่าอยากยกธรรมชาติมาไว้บนที่สูงบ้างเพื่อความแปลกใหม่  ส่วนอีกฝั่งเป็นร้านอาหารสุดหรูที่ผู้คนนิยมพาคู่รักมารับประทานอาหารและชมวิวกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนบนยอดตึกสูงแห่งนี้

    ภาพบุรุษเพศร่างสูง หน้าตาหล่อจัด ริมฝีปากหยักนั้นได้รูปกับคางเรียวและใบหน้าคมสัน ผิวสีแทนกร้านกรำแดด เขาสวมเสื้อยืดสีเทาที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นทำให้เขาดูเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว แต่ทว่าแววตาคมนั้นเรียบเฉย กำลังก้าวเดินออกไปช้าๆ บริเวณดาดฟ้าของตึกสูงหกสิบชั้น ใครได้ตกลงมามีหวังร่างแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แต่ขณะนี้ผู้ชายคนนั้น เขากำลังจะทำอย่างนั้น ทำอย่างที่เธอกำลังคิด รวิกานต์ไม่รอช้าเธอรีบเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปหาทันทีที่เขากำลังจะก้าวขาลงไป

    ‘‘คุณ! กำลังจะทำอะไรลงไป’’   

    ชายหนุ่มหันไปตามเสียงตะโกนของรวิกานต์พร้อมมองหน้าเธอด้วยความงุนงง ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน  

    ‘‘ใจเย็นๆนะคะ’’ รวิกานต์ค่อยๆ หว่านล้อมชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยจิตสำนึกมนุษยธรรมของคนทั่วไปและจรรยาบรรณของคนที่เคยเรียนวิชา จิตวิทยามาในสาขาพยาบาลศาสตร์ทำให้คนในวิชาชีพอย่างเธออยู่เฉยไม่ได้

    ในเมื่อการช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนใดเป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำ

    ผู้ชายคนนั้นมองหญิงสาวด้วยสายตาว่างเปล่า เขาไม่อยากเสียเวลาจึงไม่ให้ความสนใจเธอนัก แต่ค่อยๆก้าวออกไปข้างหน้าทีละก้าว รวิกานต์ยังคงส่งเสียงตามหลังมาเพื่อเตือนสติชายหนุ่ม

    ‘‘ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ถ้าคุณมีปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจอะไรคุยกับฉันก่อนก็ได้ค่ะ ฉันยินดีจะเป็นคนที่ช่วยรับฟังคุณทุกเรื่อง ’’

    ‘‘คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย ผมไม่เห็นเข้าใจ แต่ทางที่ดีผมว่าอย่าเพิ่งมายุ่งกับผมตอนนี้เลยนะ ’’    ชายหนุ่มเลิกคิ้วสงสัยในขณะที่รวิกานต์ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ

     ‘‘ก็คุณกำลังจะกระโดดลงไป คุณคงจะผิดหวังในเรื่องความรักสินะ แต่ทำไมต้องมาหนีปัญหาด้วยการจบชีวิตตัวเองลงแบบนี้ล่ะคะ’’  

      คนที่ผ่านไปผ่านมาสะดุดตาเดินเข้ามาสังเกตการณ์  รวิกานต์หวาดเสียวระทึกสุดชีวิต  แต่ยังใจร่มสู้พยายามหว่านล้อมเขาอีกครั้งเพื่อเรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืนมา บรรดาไทมุงเริ่มทยอยเข้ามาและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ไปต่างๆนาๆ

     ‘‘หน้าตาก็หล่อไม่น่าคิดสั้นเลยเนอะ บอกได้สองคำ เสียดาย’’

     ‘‘ใช่ๆ ถึงจะแต่งตัวดูบ้านๆไปหน่อย แต่หล่อได้ใจเลยว่ะแก๊ ’’

    ฝ่ายรวิกานต์ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมชายคนนั้นโดยที่ตัวเองก็ตื่นเต้นแข้งขาสั่นพึ่บพั่บ ก็ใครจะไม่นึกกลัวบ้างในเมื่อความสูงของตึกที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังเหมือนนั่งรถไฟเหาะ

    ‘‘อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งสวยงามอีกตั้งมากมายที่คุณอาจจะยังไม่เคยได้เห็น คุณไม่นึกเสียดายบ้างเหรอที่ต้องพลาดโอกาสดีๆ อีกหลายอย่างในชีวิต ไหนจะครอบครัวคุณ ยังมีพ่อแม่ พี่น้องของคุณที่เขารักคุณนะคะ’’

    หญิงสาวพยายามหาเหตุผลร้อยแปดมาหว่านล้อมเผื่อคนที่กำลังสิ้นไร้หนทางจะตาสว่างมองเห็นความเป็นจริงของชีวิตว่า ยังไงก็ไม่มีใครรักและหวังดีกับเราเท่าครอบครัวของเราเอง 

                    ‘‘โอ๊ย พอสักที เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว คุณผู้หญิง ผมไม่อยากจะฟังคุณพล่ามอะไรตอนนี้ คุณนี่จุ้นจ้านเจ๋อไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ แต่ก็จริงอย่างที่คุณว่ามานั่นล่ะ ผมเห็นด้วยกับคุณ และผมคิดว่าคนที่ตกลงไปติดแถวซอกตึกนี้คงคิดที่จะอยากมีชีวิตอยู่เพื่อดูสิ่งสวยงามบนโลกนี้เหมือนกัน ’’ชายหนุ่มอธิบายพร้อมสายตาสีหน้าเรียบเฉย

    รวิกานต์หยุดนิ่งเรียกสติกลับมาครู่หนึ่งกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้

    เธอปล่อยสัตว์ปีกตัวเบิ้มเข้าให้แล้ว ยังจะมีอะไรที่ หน้าแตก มากกว่านี้ได้อีกไหม 

    ‘‘แต่ถ้าอยากจะช่วยอยากทำความดีนักก็มานี่เลย มาช่วยกันส่งเชือกลงไปให้คนตกตึก เอ้า ยืนเฉยอยู่ทำไมเล่า อยากช่วยก็รีบๆเข้ามา เร็ว เห็นไหมมีคนกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ ’’    เมื่อเขาเห็นหญิงสาวหน้าซีดตกใจจึงเปลี่ยนลดระดับความคุกรุ่นด้วยการผ่อนน้ำเสียงให้นุ่มนวลลงคล้ายจะคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้นมาบ้าง

    ‘‘เอ่อ ค่ะ ๆ ’’ รวิกานต์รับคำ

    เจ้าของร่างสูงผิวคล้ำค่อยๆยื่นมือลงไปให้เขาจับและช่วยยึดร่างนั้นขึ้นมาโดยมีรวิกานต์คอยช่วยเขาอีกแรงจนสามารถช่วยคนงานขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางเสียงปรบมือของคนในบริเวณนั้นและฝั่งของทางร้าน Good    Feeling

    ‘‘ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้พวกคุณทั้งสองคนผมคงได้เป็นผีเฝ้าตึกนี้ไปแล้ว’’คนงานละล่ำละลักขอบคุณคนทั้งสอง พลเมืองดีฝ่ายชายวางสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยเสียงนุ่มอย่างเอื้ออาทร

    ‘‘ไม่เป็นไรหรอกครับลุง แต่คราวหน้าคราวหลังระมัดระวังหน่อยก็ดีนะครับ การทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้เราต้องดูความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลักด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าเอาตัวเองไปลุย เดี๋ยวลุงกลับบ้านเถอะครับ เย็นมากแล้ว ส่วนคุณ ’’ พลเมืองดีปากร้ายหันกลับมาเปิดฉากสนทนากับรวิกานต์ทันที

    ‘‘ขอถามอะไรหน่อยนะครับ คุณคิดว่าผมหน้าตาดีไหม’’

    คำถามนี้ทำเอารวิกานต์อึ้งคำรบสองแต่ก็ไม่มากเท่ากับการปล่อยไก่มาเดินเล่นเพ่นพ่านเมื่อก่อนหน้านั้น ได้แต่มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจแถมยังไม่มีกะใจตอบคำถามนอกจาก

    จ้องหน้าเพื่อพิจารณาให้ชัดๆ

    ‘‘เอ่อ คุณถามทำไมคะ ฉันก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี’’ หญิงสาวตอบชายหนุ่มแก้เก้อ รวิกานต์ยอมรับว่า ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี แต่เรื่องอะไรจะชมให้เขายิ่งได้ใจล่ะ ไม่มีทางอย่างแน่นอน

     ‘‘ไม่กล้าตอบสินะ ไม่เป็นไร ผมยอมรับนะว่าผมหน้าตาดี’’

    รวิกานต์อึ้งคำรบสามไปกับประโยคนั้น

    ห๊ะ คนอะไรหลงตัวเองชะมัด บ้ามั้ย แต่ก็แอบคิดในใจ ผู้ชายคนนี้จะมามุกไหนกัน อาจจะสร้างความน่าประทับใจในรูปแบบใหม่งั้นหรือ เพราะผู้ชายส่วนมากเท่าที่เคยมาขายขนมจีบให้เธอส่วนมากก็ใช้ มุกเสี่ยวๆ ทั้งนั้น

    ผู้ชายคนนี้มาแปลกแหวกแนว

    ‘‘และคนแบบผมก็ไม่เคยคิดสั้นถึงขนาดจะฆ่าตัวตายด้วย คราวหน้าคราวหลังนะ ถ้าเจอเหตุการณ์อะไรที่ฉุกเฉิน ลองหยุดนิ่งทำสมาธิสักพัก ตั้งสติให้มาก แล้วก็ใช้มือแหวกตาดูซะบ้างนะคุณ ไม่ใช่อยากเป็นพลเมืองดีแล้วไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่ใจเย็นรอให้เหตุการณ์นาทีฉุกเฉินผ่านไปเหมือนผมหรอก เขาอาจจะต่อว่าคุณมากกว่านี้ก็ได้โทษฐานจุ้นจ้านไม่เลือกเวล่ำเวลา ’’

    เสียงของเขาดังชัดพอที่เธอได้ยินชัดเจน แต่ดูเหมือนรวิกานต์จะหูอื้อ ตาลาย ขึ้นมากะทันหันอีกแล้ว จากที่ได้แต่อึ้งและทึ่งไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง วินาทีนั้น รวิกานต์รู้แค่ว่า อยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นให้ได้

    เพราะผู้ชายคนนี้ ปากเสียมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ในเมื่อเธอมีน้ำใจ แม้ก่อนหน้านั้นเธอจะไม่ได้ทันเห็นว่าความจริงเป็นอย่างไรแต่เขาก็ไม่น่ามาต่อว่าเธอหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วอย่างนี้

    เพราะมันทำให้ อาย มากขึ้นจากที่ก็อับอายขายหน้าคนแถวนั้นอยู่แล้ว

    ‘‘นี่ คุณ แล้วฉันจะรู้ไหม คนไม่รู้นี่ผิดมากเหรอคะ ฉันเห็นคุณทำหน้าเวรี่แซดซะ เดินเหม่อออกไปอย่างนั้นก็คิดว่าคุณจะคิดสั้นทำอะไรแบบนั้นน่ะสิ’’

    ชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้ ผู้หญิงปากเก่งเซ่อซ่านี่ ใคร ยุ่งไม่เข้าเรื่องแล้วยังกล้ามายืนเถียงเขากลับฉอดๆ ทั้งๆที่ตัวเองเจ๋อเพราะความเข้าใจผิด

    ‘‘โอ๊ย คนอย่างผมเนี่ยนะ จะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะเรื่องความรัก คุณอ่านปากผมนะ ไม่ มี ทาง ผมไม่อับจนหนทางจนต้องทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นหรอก สวยน้อยแล้วยังจะสายตาไม่ดีอีก คุณนี่ชอบคิดเองเออเองนะ กระต่ายตื่นตูม’’

    ‘‘ฉันเป็นคนไม่ใช่กระต่าย อ้อ แล้วก็อีกอย่างนะ กรุณาอย่ามาดูถูกในความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือคนอื่นของฉัน ถึงแม้บังเอิญจริงๆยังไงก็ตาม ซึ่งฉันอาจจะเข้าใจผิดอะไรไปบ้าง แต่คุณไม่น่ามาต่อว่าฉันแบบนี้ ฉันถามจริงๆเถอะ คุณยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ยเนี่ย ’’

    ‘‘เป็น ลูกผู้ชายเต็มตัวด้วย ทำไมหรือ ’’ ผู้ชายเต็มตัวเริ่มยื่นใบหน้าคมถมึงถึงจ้องเธอในระยะประชิด ความตื่นเต้นทำให้หญิงสาวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ รังสีความมีอำนาจบางอย่างแผ่รัศมีออกจากผู้ชายหน้าบึ้งคนนี้

    ‘‘ก็นั่นแหล่ะ ก็..’’

                    ‘‘ก็.. อะไร ’’ เขาถามต่อ รวิกานต์เริ่มไปไม่ถูก

                    ‘‘อ้าว แบตหมดแล้วเหรอ ทำไมไม่พูดต่อล่ะ แหม ผมกำลังตั้งใจฟังตั้งใจลุ้นอยู่ว่าคุณจะปากเก่งได้ได้สักแค่ไหนกันคุณผู้หญิง ’’ เขาเลิกคิ้วถามเสียงสูง รวิกานต์มองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากคล้ายจะหยันนั้นเธอก็ได้แต่กำมือแน่น เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ

    พูดจาออกมาแต่ละคำ สุนัขไม่รับประทานจริงๆ ให้ตาย

    ‘‘ก็เป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่สุภาพบุรุษไงเข้าใจไหม ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ฉันรีบไม่มีเวลาว่างมาเถียงกับผู้ชายปากเสียอย่างคุณ ไอ้คนบ้า ’’  

    พูดจบหญิงสาวก็ก้าวเดินดุ่มๆออกจากบริเวณนั้นอย่างหัวเสีย ด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ของคนอยู่เบื้องหลังที่พูดกลั้วหัวเราะก็ดังตามมาเข้าหูให้หงุดหงิดมากขึ้นอีกเท่าตัว

    ‘‘ผมไม่รับฝากไว้นานนะครับ รีบๆมาเอาคืนด้วยล่ะ ถ้าได้เจอกันอีกนะ ’’

     

    รวิกานต์ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง อันที่จริงเป็นเพราะไม่รู้จะสรรหาประโยคเจ็บแสบที่ไหนไปเถียงสุภาพบุรุษที่รวิกานต์เห็นจากการกระทำแล้วว่าเป็นบุรุษที่ไม่สุภาพเอาเสียเลย เธอได้แต่บ่นพึมพำไปตลอดทางอย่างเจ็บใจที่ไม่รู้จะเอาคืนทางวาจาอย่างไรดี

                     ‘‘ซวยเลย ซวยๆๆ จะทำดีทั้งที หน้าแตกไม่พอ ยังโดนนายพลเมืองดีปากเสียว่าให้อับอายขายหน้าคนแถวนั้นอีก หน้าตาก็หล่อแต่ปากตำแย ที่บ้านไม่มีใครหยอกหรือไงถึงได้มากัดมั่วซั่ว ไอ้บ้าเอ๊ย อย่าได้ไปเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลฉันนะ แม่จะจัดให้หายไปจากโลกนี้เลยเชียว อ๊าย แล้วพี่เจตจะเห็นมั้ยล่ะเนี่ย’’

    หญิงสาวหันรีหันขวางท่าทางมีพิรุธแล้วก็ต้องชะงักแล้วส่งยิ้มแหยๆหัวเราะแห้งให้กับคนที่เธอเพิ่งจะบ่นถึงเมื่อสักครู่เพราะเจตธวัชได้มามายืนปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเธอเรียบร้อยแล้ว

                    ‘‘ไงจ๊ะ สาวน้อยพลเมืองดี’’ ได้แต่แค่นยิ้มส่งกลับไปให้กับคำทักทายแกมล้อเลียนของเขา              

    ‘‘พี่เจต อย่าแซวสิคะ ซันอายแทบแย่ ใครจะไปรู้ว่านายนั่น   ’’ เธอจงใจใช้คำนี้เพราะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม ‘‘นายคนนั้น เขาจะช่วยเหลือคนเหมือนกันล่ะคะ’’

    ‘‘ทำ ดีไม่ต้องอายใคร เคยได้ยินประโยคนี้ไหม ไอ้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นซันอาจจะเข้าใจผิดอะไรไปบ้าง ก็ไม่เห็นต้องไปใส่ใจเลย เราได้ช่วยเหลือเขาก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว จริงไหม’’

    หญิงสาวพยักหน้ายิ้มรับเขายีหัวโคลงศีรษะเธอเล่นพร้อมส่งสายตาเอ็นดูเหมือนกับรวิกานต์เป็นน้องสาวของตัวเอง สายตาที่ปราศจากความรักใคร่แบบหนุ่มสาว

                    ‘‘แล้ววันนี้ ทำไมได้กลับมาก่อนไอ้ชลล่ะ ปกติพี่น้องคู่นี้ตัวติดกันอย่างกับอะไร ไอ้จงอางหวงน้องยิ่งกว่าจงอางหวงไข่อย่างอาจารย์เหมชลมันยอมปล่อยให้ซันกลับมาเองได้ยังไงเนี่ย’’ในบรรดาเพื่อนด้วยกันต่างก็รู้ดีว่าเหมชลขึ้นชื่อลือชามากเรื่องหวงน้องสาว

    ‘‘วันนี้พี่ชลติดงานที่มหาลัยค่ะ’’

    ‘‘อ้าวเหรอ เฮ้อ เสียดายจริง อุตส่าห์จะมีเซอร์ไพรส์ซะหน่อย’’

     ‘‘เซอร์ไพรส์อะไรกันคะ’’ รวิกานต์เบิกตากว้างแปลกใจ

     ‘‘ก็เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของพวกพี่เขามาจากต่างจังหวัดพอดีน่ะสิ ก็ไอ้ธามคนที่เป็นเจ้าของห้องคนเก่าของซันกับไอ้ชลไง’’

                    ‘‘ใครคะ ไม่ยักกะรู้จัก แต่เคยได้ยินชื่อเหมือนกันค่ะ เพราะพี่ชลพูดถึง แต่ซันนึกไม่ออก ไม่เคยเห็นหน้า’’

    รวิกานต์ทำหน้าพยายามนึก เพื่อนพี่ชายมีไม่กี่คนที่สนิทสนมกันจริงจัง เท่าที่จำได้แม่นก็มีพี่นฤพลสุดหล่อที่เคยเป็นปลื้มในความใสอยู่พักหนึ่งแบบแฟนคลับปลื้มดาราคนโปรด  และอีกคนก็เจตธวัชที่อยู่ในหัวใจตลอดมา  นฤพลเป็นเจ้าทางเมืองเหนือหน้าตาผิวพรรณดี สะอาดสะอ้าน 

                    ‘‘อ้อ ลืมไปๆ ซันไม่เคยเห็นไอ้ธามมันหรอก ตอนนั้นซันอยู่แต่หอพักในวิทยาลัยแล้วพวกพี่กับไอ้ชลก็ยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กัน อีกอย่างไอ้ธามนี่มันโลกส่วนตัวสูง พอดีมันเข้ามาคุยงานแถวนี้มันเลยแวะเข้ามาคงจะค้างกับพี่น่ะ ’’

                    เจตธวัชยังไม่เผยให้รวิกานต์รู้ว่าผู้ชายที่เธอเจอบนดาดฟ้าคือใครเพราะไม่อยากให้บรรยากาศการสนทนาเริ่มหมองเพราะเข้าใจของอารมณ์รวิกานต์ตอนนี้ดี รอให้หญิงสาวเย็นลงกว่านี้จะดีกว่าค่อยแนะนำให้คนทั้งสองได้รู้จักกัน

                    ‘‘เหรอคะ’’

                    ‘‘ก็ใช่น่ะสิ แล้วจะทำหน้าสงสัยทำไม’’รวิกานต์ยังทำสีน้าตีมึนไม่เลิกจนเขาต้องถามด้วยความข้องใจ

    ‘‘เปล่า เห็นคบหากันอยู่สองคนซันก็เลยคิดว่าไม่มีใครอยากคบพวกพี่แล้วต่างหากล่ะ ’’   ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ

    ‘‘โห ดูถูก หน้าตาดี มนุษย์สัมพันธ์เยี่ยมอย่างพวกพี่ ไม่อยากจะคุยว่าสมัยเรียนสาวๆนี่กรี๊ดนักล่ะ โดยเฉพาะไอ้ธาม’’

    ‘‘ที่กรี๊ดเพราะเหยียบเท้าเค้าหรือเปล่าคะ ’’

    ถามเจตธวัชกลับไปแบบนี้เพราะสงสัยว่าในกลุ่มนี้ยังจะกล้ามีใครที่จะรูปร่างหน้าตาดูดีเหนือกว่านฤพลได้อีก แต่เท่าที่เคยเห็น เทียบกับนฤพลแล้วตายสนิททุกรายแม้กระทั่งโตมร เพราะรายนั้นหล่อแต่ดำคล้ำ

    ‘‘ซัน ก็ว่าไปนู่น เพื่อนพี่คนนี้เขาหล่อจริงอะไรจริง บ้านก็รวยมีสวนองุ่นนับร้อยไร่ ไหนจะรีสอร์ตสุดหรูริมเชิงเขาที่อยู่ติดกับไร่องุ่นนั่นอีก ได้ข่าวว่าตอนนี้มันก็กำลังจะแต่งงานนะกับลูกสาวเศรษฐีในจังหวัดเดียวกันนั่นแหล่ะจ้ะ พี่ล่ะดีใจมากเลยนะซัน เพราะตั้งแต่มันอกหักคราวนั้น มันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนก็นึกว่ามันจะครองตัวเป็นโสดจนแก่ ที่ไหนได้เผลอแปบเดียว จะแต่งงานซะแล้ว ’’

    ชายหนุ่มดีใจราวกับว่าจะเป็นงานของตัวเองจนรวิกานต์อดถามถึงเรื่องส่วนตัวของเขาบ้างไม่ได้ ทั้งที่รู้ทั้งรู้เต็มอกว่ามันเจ็บปวดเธอก็ยังอยากจะรู้ความเป็นไปของเขาอยู่ดี

    ‘‘เพื่อนพี่เจตจะแต่งงาน แล้วพี่เจตล่ะคะเมื่อไหร่จะมีข่าวดีเหมือนเขาบ้าง’’

    ‘‘โอ๊ยยังหรอก พี่ยังไม่พร้อม’’ เขาส่ายหัวไปมายิ้มอ่อนโยน

    ‘‘เดี๋ยวก็เหมือนพี่ชลหรอกค่ะ รายนั้นเห็นบอกถ้ายังไม่จบดอกเตอร์คงยังไม่มองใคร ดีไม่ดีซันอาจจะไม่มีวันได้เลี้ยงหลานก็ได้ค่ะ’’

    ‘‘ถ้าอย่างนั้นซันก็มีแฟนเองสิ ’’ผู้มีประสบการณ์แนะนำ

    ‘‘โอ๊ย! ไม่ล่ะค่ะพี่เจต ซันว่าซันอยู่เป็นโสดแบบนี้ดีแล้วค่ะ สบายใจแล้วก็ไม่ปวดหัวด้วยว่าจะต้องมานั่งจับผิดหรือทะเลาะกัน ’’   

    รวิกานต์ร่ายเหตุผลของการอยู่เป็นโสดด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่ประกายตาใสยังจ้องมองเจตธวัชอย่างมีความหมายลึกซึ้งทว่าชายหนุ่มกลับมองไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาเศร้านั้น ดูเหมือนว่าการแอบรักใครสักคนสามารถทำให้ทั้งมีความสุขและเจ็บปวดได้พร้อมกัน    

    ‘‘โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่กลับห้องก่อนนะ’’

    ‘‘ค่ะ’’ชายหนุ่มหันหลังกำลังจะก้าวออกไป แต่พอคิดว่ารวิกานต์อยู่ที่ห้องเพียงคนเดียวเธอคงจะเหงาเพราะปกติหญิงสาวจะกินข้าวเย็นพร้อมกันกับเหมชลจึงหันกลับมาอีกครั้ง

    ‘‘เอ้อซัน’’   

    ‘‘อะไรคะ’’

    ‘‘วันนี้ซันมากินข้าวเย็นที่ห้องพี่สิ จะได้รู้จักกับไอ้ธามเพื่อนพวกพี่ด้วยเพราะกลุ่มพี่ขาดมันคนเดียวนี่ล่ะที่ซันยังไม่เคยเจอ เพราะว่ามันไม่เคยไปเยี่ยมซันวิทยาลัยพยาบาลเหมือนพวกพี่กับพวกเด็กเหนือ’’ เขาเอ่ยชวนหญิงสาว

    ‘‘โอ๊ย ไม่ล่ะค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า เชิญพี่เจตกับเพื่อนตามสบายเลยค่ะ ซันไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของหนุ่มๆ จะกลับห้องไปคงต้มบะหมี่กิน แล้วก็นอนพัก เพิ่งจะลงเวรมาเพลียมากๆ’’

    เธอเล่าพร้อมแสดงท่าทางอ้าปากหาวหวอดบ่งบอกถึงความง่วงจัดจนเจตธวัชอมยิ้มให้กับความเปิดเผยเป็นธรรมชาติแบบไม่ห่วงสวยของรวิกานต์

    ‘‘งั้นพี่ไปนะ จะกลับไปจัดการอาหารเย็นรอเพื่อน จริงๆก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ซื้อมาจากร้านหน้าปากซอย เข้าอุ่นในไมโครเวฟก็เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ’’ เจตธวัชเล่าเองหัวเราะเอง

    ‘‘ค่ะ ’’รวิกานต์ทำได้ได้แค่มองตามเขาที่เดินไปจนลับตาอุตส่าห์แอบปลื้มเพื่อนสมัยมัธยมของพี่ ชายมาตั้งนานแต่ชายหนุ่มก็ยังมองเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวของเหมชลและ น้องสาว ของตัวเขาเองอยู่เสมอ

                    เจตธวัชเป็นเด็กต่างจังหวัดที่บ้านพอมีฐานะเรียนจบมัธยมมาพร้อมกับพี่ชายของรวิกานต์เข้ามาเรียนต่อในเมืองหลวงพร้อมกันทำให้ทั้งสองเป็นเพื่อนรัก หญิงสาวปลื้มเจตธวัชมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น เขาทำงานเป็นวิศวกรกับบริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีเวลามาสนใจเด็กกะโปโลน้องสาวของเหมชลได้เพราะในเวลานี้ เขามีคนรักอยู่แล้ว

    อลิสา นางแบบสาวคู่รักของเขากำลังโด่งดังและมาแรงในวงการแฟชั่นเมืองไทย เธอเทียบอลิสาไม่ติดตั้งแต่หน้าตายันความสูงที่มีอยู่น้อยนิดของตัวเอง รวิกานต์จึงได้แต่ลงและยังคงแอบรักเจตธวัชไปข้างเดียวเท่านั้น           

    บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในถ้วยสีขาวถูกเปิดจานที่ครอบไว้ส่งกลิ่นหอมแตะจมูก เมนูอาหารง่ายๆที่ไม่ต้องใช้เวลามากมายในการปรุงรส เพียงแค่แกะออกจากซองหย่อนลงถ้วยเปิดน้ำร้อนเทลงปิดฝาไว้สักพักก็พร้อมให้อุ่นท้องได้เลย เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นพร้อมกับบะหมี่คำแรกถูกกลืนเข้าปาก  รวิกานต์วางตะเกียบก่อนลุกเดินไปเปิดประตูรับ

    ‘‘อะไรกันคะพี่ชล ไหนบอกว่าคืนนี้กลับดึกไงคะ กุญแจก็มีจะแกล้งเคาะประตูให้ซันเดินมาเปิดให้เหนื่อยทำไมเนี่ย เอ๊ะ!หรือว่าลืม อายุยังไม่ทันสามสิบเลยขี้ลืมซะแล้ว อ้าว! คุณ’’

    หญิงสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือ ชายหนุ่มร่างสูงหล่อเข้มที่เธอเพิ่งเจอบนดาดฟ้าเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนี้เอง พลเมืองดีที่ต่อว่าเธอทำให้เธอหน้าแตกอับอายคนแถวนั้น แต่แปลกใจ เขามาที่ห้องเธอทำไม

    ‘‘เธอ!’’  นายคนนั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน

     ‘‘เธออยู่ห้องนี้เหรอ’’ เขาถามอย่างแปลกใจ เคยได้ยินว่าเพื่อนมีน้องสาว แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักสักครั้งตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงตอนนี้ จำได้แค่ว่า เจตธวัชเคยพูดผ่านโสตประสาทหูเอาไว้ว่า น้องสาวของเหมชลอยู่หอพักที่ใกล้ที่ทำงานและหญิงสาวมีอาชีพเป็น พยาบาล

    แต่สภาพแบบนี้ แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ไม่น่าจะใช่

    ‘‘ก็ใช่น่ะสิ ฉันยืนอยู่ในอาณาเขตห้องนี้ฉันก็ต้องเป็นอะไรกับเจ้าของห้องนี้สิ ถามอะไรแบบไม่ใช้สมองคิดเลยนะ แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรแถวนี้อีก ’’

    ‘‘ฉันเป็นเจ้าของห้องคนเก่าเป็นเพื่อนกับเหมชลที่อยู่ห้องนี้ แล้วเธอล่ะเป็นใคร’’

    รวิกานต์ใช้สายตาไล่มองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อืมรูปร่างเขาสูง เธอยืนตรงยังแค่หัวไหล่เขาเท่านั้นใบหน้าคมคายสะดุดตา และสีผิวเข้มที่เธอไม่ชอบนักหนา จมูกโด่งรับกับเรียวปากหยักได้รูป และส่วนที่เด่นที่สุดของผู้ชายคนนี้คือ ดวงตาสีนิลคู่นั้น

    ก็ดูหล่ออยู่หรอกนะ แต่ลักษณะการแต่งตัวแฝงกลิ่นอายคาวบอยอย่างกับจะไปขุดดินดายหญ้าที่ไหนของนายคนนี้แล้วจากคะแนนเต็มสิบ เธอไม่ให้ แถมติดลบไปอีกร้อยเพราะความดำและปากเสีย  แทบไม่อยากเชื่อเหมชลมีเพื่อนปากร้ายแบบนี้ได้ยังไงกันนะ

    หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาหมั่นไส้เต็มทน

     ‘‘อยากรู้ไปทำไม ฉันจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ ว่าแต่คุณเถอะเป็นเพื่อนพี่ชลจริงรื้อ ’’ รวิกานต์ถามกวนยวนโมโห และในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็กำลังใช้ความพยายามสะกดกลั้นอารมณ์กรุ่นไม่น้อย

    ‘‘ก็เพื่อนน่ะสิ แล้วตกลงชลอยู่ไหม’’เขาตัดสินใจเอ่ยถามยังวางมาดวางท่าเก๊กตีหน้าเคร่งขรึมไม่เลิก ชายหนุ่มปราดสายตาคมดุสำรวจประเมินหญิงสาวน้อยหน้าใสที่ยืนตรงหน้าเช่นกัน

    แต่งตัวอย่างกับ*สก๊อย

    เสื้อยืดกับกางเกงสั้นกุดโชว์เรียวขาแบบนี้น่ะหรือที่ผู้หญิงสมัยนี้นิยมกัน ขาน่ะก็สวยอยู่หรอก แต่ เอิ่ม ขาเนี่ยจะสั้นไปไหน ยายเตี้ยเอ๊ย ใบหน้านวลนั้นก็ใสอยู่หรอก ไสหัวไป เพราะลักษณะนิสัยที่บ่งบอกว่า เป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ คำพูดจาไม่มีความนุ่มนวลเอาเสียเลย เห็นแบบนี้แล้วไม่ชอบใจ

    โดยเฉพาะดวงตาเรียวสองชั้นหลบในคู่นั้น หางตาออกเฉียงบ่งบอกถึงความรั้นร้ายที่มากพอตัว

    ‘‘เขายังไม่กลับหรอกค่ะ ติดงานที่มหาวิทยาลัย วันนี้คงจะกลับดึก คุณมีธุระอะไรก็ฝากฉันเอาไว้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ชลกลับมาแล้วฉันจะบอกเขาให้ ’’

    ‘‘ไม่เป็นไร เดี๋ยววันหลังฉันจะมาใหม่ เพราะฉันคงอยู่ที่นี่อีกหลายวัน’’ชายหนุ่มสะบัดเสียงไม่รับความหวังดีจากรวิกานต์อย่างถือตัว

    ‘‘อ๋อ..ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ จะไปกินข้าว คุณรบกวนเวลาอาหารของฉันมามากพอแล้ว สวัสดีค่ะ ’’หญิงสาวตอบกลับไปทันทีด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกันกับธามไท พร้อมปิดประตูเสียงดังใส่หน้า ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้ง

    ‘‘เอ่อ เดี๋ยวสิ เธอ เธอ ’’

    รวิกานต์ปิดประตูแล้วเดินตรงกลับไปที่ครัวจัดการบะหมี่ในถ้วยต่อ โดยไม่สนใจว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องจะรู้สึกอย่างไร ผู้ชายคนนั้นก็แค่เพื่อนพี่ชายนิสัยแย่ ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทดีด้วยเพราะเขาไม่ใช่แขกสำคัญของเธอ

    ‘‘อ้าว ยายนี่ เสียมารยาทปิดประตูใส่แขกอย่างนี้ได้ยังไง’’   ชายหนุ่มหงุดหงิด ใจนึกมอบตำแหน่งชนะเลิศมารยาทยอดแย่ให้ รู้สึกไม่ปลื้มแฟนเพื่อนคนนี้เอาเสียเลย

    เหมชลก็เป็นคนที่ฉลาด จบการศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แถมมีดีกรีเป็นว่าที่ดอกเตอร์ ทำไมหาแฟนได้แค่นี้ มีแฟนทั้งทีก็ทำเอาตัวเองหมดสง่าราศี เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรมาเทียบได้กับเหมชลเลยแม้แต่น้อย

    *สก๊อย คือวัยรุ่นหญิงที่มักนั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ของเด็กแว้น ลักษณะการแต่งตัว มักใส่เสื้อยืดขนาดเล็กรัดตัว หรือเสื้อสายเดี่ยว เสื้อกล้าม เกาะอก ใส่กางเกงขาสั้นเอวต่ำ มักแต่งใบหน้าให้ขาว ส่วนริมฝีปากจะทาสีแดงจัด มีหวีกับโทรศัพท์มือถือ เป็นเครื่องประดับประจำตัว ส่วนใหญ่บริเวณน่องขาและหน้าแข้งของสก๊อยมักมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากท่อไอเสียลวกหรือเกิดเนื่องจากอุบัติเหตุจากมอเตอร์โซค์ล้ม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×