fanfic:feline waylay [the tears of winter น้ำตาเหมันต์] - fanfic:feline waylay [the tears of winter น้ำตาเหมันต์] นิยาย fanfic:feline waylay [the tears of winter น้ำตาเหมันต์] : Dek-D.com - Writer

    fanfic:feline waylay [the tears of winter น้ำตาเหมันต์]

    น้ำตาเหมันต์ น้ำตาพระเจ้า..... ทีผมเอาคืนบ้างนะ ...พระเจ้า!!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,375

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.37K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ค. 51 / 21:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    The tear of winter

    ..

    ..

    .

     

    ร่างหอบหวย... รวยระริน... กลิ่นคาวเลือด

    ร่างแห้งเหือด ...ชีวัน ...พลันจางหาย

    ร่างสิ้นสูญ ...อาดูร... ด้วยความตาย

    ร่างมลาย... ตายสิ้น... ทุกอินทรีย์

     

    ดังชีวัน... ลาแล้ว... ย่อมลาลับ

    มิหวนกลับ...หลับไม่ฟื้น... มิอาจหนี

    ดั่งสายธาร... ไหลผ่าน ...น่านนที

                                      มิไหลย้อน... ดั่งชีวี... มิฟื้นคืน

     

    ........

    .....

    ...

    ..

    .


    **เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิยายหลักทั้งสิ้น **

    song--tears (เข้ากับชื่อเรื่อง เศร้าๆดี)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เกล็ดสีขาว....ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

      หิมะ....สีขาวบริสุทธิ์

      มันตกลงมาในมือของเขา...แล้วละลายไป

      ...ทิ้งไว้แต่น้ำใสๆราวกับน้ำตาของพระเจ้า

      ….

      ...น้ำตาของพระเจ้า....

       

      .......

       

       

              เสียงของประตูไม้โอ๊คแง้มเปิดแผ่วเบา....ตามมาด้วยร่างของใครบางคน..

      ...ใครบางคนที่ฝีเท้าเบายิ่งกว่าสายลม...

              คนผมสีน้ำตาลที่อยู่ในห้อง พูดชื่อขึ้น ..โดยที่ไม่หันมามองเลยแม้แต่น้อย...

      ดาร์ค?เด็กหนุ่มที่คลุมฮู้ดอยู่พยักหน้า...แล้วก็ถอดเสื้อคลุมโยนทิ้งไปบนเตียง

      แกรู้ได้ไงว่าเป็นฉัน...เฟล??? คนชื่อ..เฟลหัวเราะหึหึในลำคอ ...ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ..ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องกลับหน้าตาเฉย

      แล้วเมื่อไหร่...แกจะเรียกฉันว่า เฟลลัน.. คนชื่อ ดาร์คขมวดคิ้ว...แล้วก็เถียงกลับ

      เรียกยาก ว่าพลางกดรีโมตทีวีให้เปิดขึ้นมา...แล้วเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ... “แล้วแกรู้ได้ไง?

      หึ...ก็รักกันมาตั้งนานเฟลลันกล่าวกลั้วหัวเราะ....ก่อนจะเอียงคอหลบมีดที่ร่อนไปปัก.ฉึกที่ผนังพอดิบพอดีอย่างน่าหวาดเสียว...แต่มีหรืออย่างไอ้เฟลจะกลัว..

      ใช่ไหมจ๊ะ~.นัยน์ตาสีอำพันกราดมองอย่างคาดโทษ ...ในมือมีมีดอีกเล่มที่เตรียมพร้อมจะขว้างไปเฉาะหัวคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ..

      เฟลลันหัวเราะเบาๆ...แล้วเดินไป...ขยี้ผมสีดำสนิทที่ดูยุ่งๆไม่เป็นทรง ..ของคนตัวเล็กกว่า..ซึ่งเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ยอมให้เล่นหัวแต่โดยดี..

      ....พลางนึงถึงดาร์ค..ตอนก่อนที่จะโดนเขาตัดผมให้...

      ...ผลลัพธ์

      ...ก็เลยไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่....

      นึกไปพลางก็ยีหัวคนตรงหน้าไปเรื่อย..จนไม่ทันรู้ว่ามันรุนแรงเกินไปเสียแล้ว

      ….

      แล้วแกจะทึ้งให้มันหมดหัวเลยรึไง เฟลลันหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง ...หัวของคู่กรณี...ที่โดนเขาทึ้งซะ เละเทะของแท้

                  จากเส้นผมสีรัตติกาลที่ยุ่งไม่เป็นทรงอยู่แล้ว....เล่นกลายเป็นทรงผมที่ยุ่งยกกำลังสองชนิดที่ว่าต่อให้เหาเดินก็คงหลงทาง..

      ....อย่างนี้ไม่เรียกว่ายุ่ง ก็ โค-ตะ-ระ อภิมหายุ่งกันล่ะคราวนี้......

                  ดาร์คแยกเขี้ยววาววับ...ควงมีดในมือ....ก่อนจะปักฉึกลงบนโต๊ะ...

                  อะ..เอาน่า...เดี๋ยวฉันสระผมให้แกเลยก็ได้ ...เอ้าเฟลลันพูดหน้าระรื่น...ทำเป็นไม่สนใจนัยน์ตาสีอำพันที่ดูเหมือนจะเขมือบคนได้ทั้งประเทศ..

                  เรื่องสิ...”ดาร์คแย้งทันควัน...เรื่องอะไร...เขายังจำความแสบสันต์ครั้งที่แล้วได้อย่างดี...พลางเดินไปเปิดประตูออกอีกครั้ง

                  เฮ่ย!! นั่นแกจะไปไหนนักฆ่าเบือนนัยน์ตามาสบนักลอบฆ่า...ก่อนจะตอบออกไป

                  ก็แค่....ไปรับงานเพิ่มพอตัดบทจบก็ปิดประตูทันที..ไม่เปิดช่องว่างให้เฟลลันได้เถียงเลยแม้แต่น้อย... ‘นักลอบฆ่าอ้าปากจะเถียง...แต่แล้วก็รีบสาวเท้าตามไป

       

       

      ...

      แกร่ก...แอ๊ด...

                  ประตูไม้โอ๊คสลักเสลาสวยงามถูกผลักเปิดขึ้นช้าๆ..พร้อมกับร่างเล็กที่เพรียวประดุจแมว...ย่างกรายเข้ามา

                  ดาร์ค...มารับงานเพิ่มรึ?นัยน์ตาสีนิลเลิกขึ้นมาจากกองเอกสาร...ริมฝีปากหยักลึกบ่งบอกถึงความมีสเน่ห์ยกขึ้นเล็กน้อย...มือทั้งสองข้างละจากเอกสารมาประสานกันอยู่ตรงหน้า

                  งานนี้...ยากหน่อยนะเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ตอบอะไร...เจ้านายก็พูดต่ออย่างใจเย็น..

                  ยากหรือง่ายก็ได้ทั้งนั้นนัยน์ตาสีอำพันเชยมาสบ ...แล้วตอบกลับไป..

       

              หึตกลงว่ารับ?ดาร์คพยักหน้าแทนคำตอบ...ผู้มีศักดิ์เป็นนายหัวเราะหึๆ...แล้วขยิบตาให้มาร์เชลที่ยืนอยู่ข้างๆ...เป็นเชิงรู้กัน....

                  ประวัติของเหยื่อค่ะใบหน้าสีขาวซีดจนแทบจะดูไร้เลือดฝาด ...ขานรับกับนัยน์ตาสีโลหิตและโครงหน้าที่เรียบเฉย ...เมดสาวค่อยสาวเท้าใกล้เข้ามาแล้วส่งประวัติให้อย่างสุภาพ..ก่อนจะเดินกลับไปที่เดิม..

                  ขอให้พ้นจากสายตาพระเจ้าโชคดีชายหนุ่มเสริมเบาๆ...เมื่อเห็นว่าดาร์คทำท่าจะจากไป..

                  เช่นกัน..”

       นักฆ่า แค่นเสียงตอบ.... ก่อนจะพลิกประวัติ มองผ่านๆพร้อมกับเดินจากไป...

      ..

      ...

      ......

      เป็นไงเจ้าของนัยน์ตาสีกลางคืนที่ยืนรอยู่ด้านหน้าประตูเอ่ยถาม..แน่นอนว่า..เขามีมารยาทพอจะไม่เข้าไปรบกวนเวลาที่ดาร์คพูดกับ.....เจ้านาย

      ยังไม่ได้อ่านดาร์คว่าพลางเปิดประวัติ...อ่าน...

       

      ....บาทหลวง วาร์เรียน เดอร์ราคูร์...

      ....อายุ 50 ปี อาศัยอยู่ที่วิหารเซนต์เวคัส..

      ...บาทหลวงชื่อดัง เคร่งศาสนาเป็นที่สุด สวดมนต์เป็นประจำอย่างน้อยวันละ2เวลา เป็นที่นับถือของคนหมู่มาก ..

       

      นัยน์ตาสีอำพันแลเห็นรูปของชายแก่ อ้วนลงพุง ทำหน้าเรียบสนิทอยู่ให้รูปหน้ากระดาษนั้น

      ....แต่ว่า...

      ...เขาจะต้องเข้าไปเก็บเจ้านั่นในโบสถ์...

      ....

      ดาร์ค.. เสียงของเฟลลันกระชากสติที่หลุดลอยกลับมาที่เดิม ฉันว่าแกยกเลิกงานเหอะ ..

      ….ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่ถูกกับพระเจ้า....

      ....ถึงแม้จะรู้...

      ...แต่นั่นมันงาน

      ..

      ไม่.. นัยน์ตาสีอำพันดูดื้อดึงอย่างที่เห็นอยู่บ่อยๆ กราดไปสบ ทำให้เฟลลันลอบถอนหายใจเบาๆ ฉันจะทำเองเฟล...นี่งานฉันแกไม่เกี่ยว   

      ..

      ก็ได้ๆ แกจะลงมือเมื่อไหร่เจ้าของนัย์ตาสีกลางคืนยกมือยอมแพ้...รอฟังคำตอบ

      วันนี้

      เฮ่ย!!!” เฟลลันเบิ่งตาโต...เหมือนจะไม่เชื่อ ล้อเล่นรึไง ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วนะ เว้ย

      เรื่องของฉันคนตัวเล็กตอบปัดๆก่อนจะสะบัดก้นเดินออกไปอย่างไม่แยแส...ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างหลังตะโกนตาม เรียกให้คนที่เดินล่วงหน้าไปแล้วชะงักกึก

      รอเดี๋ยว แล้วแกรู้รึไงว่าไอ้วิหารบ้านั่นมันอยู่ที่ไหน?

       

      ......

      ++++++++++++++++++++++++++++++++

      ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด

              หิมะสีเทากำลังพร่างพราย

       

      กลิ่นน้ำหอมจากแอร์รถยนต์โชยฟุ้งบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของรถ ภายในตัวรถมีร่างของคนสองคนนั่งอยู่..

      ดาร์คกัดริมฝีปากเบาๆ ลูบเบาะสีดำสนิทของรถสุดหรูที่ เฟลลัน งัดมาจากข้างถนน ตอนนี้เขาสองคนนั่งรถเรื่อยๆมาตามท้องถนน...ที่ย้อมไปด้วยสีของหิมะที่ร่วงโรย

      ….

      ถึงแล้วเสียงของเฟลปลุกเขาขึ้นจากภวังค์....มองไปตรงหน้ามีโบสถ์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่

      เขาลงจากรถ...รองเท้าผ้าใบเหยียบลงไปในพื้นหิมะที่เริ่มหนา...ทำให้เกิดความหนาวเย็น

      ...ทั้งที่ใส่รองเท้าผ้าใบ?...

      คนตัวเล็กทำเป็นไม่ใส่ใจ ...คว้าฮู้ดขึ้นคลุมหัวเพื่อป้องกันไม่ให้หัวเปียกแล้วเดินไปข้างหน้าหิมะสีขาวปลิวมากระทบใบหน้า..จากนั้นก็ละลายเป็นน้ำเย็นๆ

      ...หิมะ?...น้ำตา?...

      ...พระเจ้ากำลังร้องไห้??...

      นัยน์ตาสีอำพันกระจ่างวูบเขากำลังจะฆ่าบาทหลวง...

      ...บาทหลวงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า....

      ...แต่ถึงจะรู้...มันก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี...เพราะมันคือ งานของเขา

      อีกอย่าง....

      ริมฝีปากแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวโผล่มาจากมุมปาก

      ...บางทีพระเจ้าก็สมควรจะต้องเจ็บปวดเสียบ้าง..

      ...แล้วร่างที่เพรียวดุจแมวก็กระโดดแผล็วไป..ท่ามกลางสายลมหนาว...

      .

                 

       

                  หิมะยังคงโปรยปราย..เขาสังเกตได้จากกระจกสีที่บุรอบหน้าต่าง..มีเสียงเครื่องยนต์รถอยู่ข้างนอกดังแว่วมา ..แสดงว่าเฟลมันยังจอดรอเขาอยู่...นึกแล้วก็ทำให้อุ่นใจประหลาด.. ร่างเล็กแฝงตัวอยู่ในความมืด แลเห็นเป้าหมายอยู่ตรงหน้า...

      ...ดูเหมือนว่ามันกำลัง...สวดภาวนาอะไรสักอย่าง...

      นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงอย่างใช้ความคิด

      ...ทำอย่างไรดีน้า จะฆ่าเจ้านี่ ให้มันสนุกๆ..

      ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มหยัน

      ...ทีผมเอาคืนบ้างนะ...พระเจ้า...

      ...

      บาทหลวงในอาภรณ์สีขาวสะอาด นั่งคุกเข่าอยู่บนแผ่นหินเย็นเยียบ..สองมือกุมเข้าด้วยกัน..แล้วก็ท่องบทสวดสรรเสริญพระเจ้าไปในเวลาเดียวกัน

      ...หากแต่..ทั้งที่เขาหลับตาอยู่...

      ...จิตใจมันกลับระแวง..เหมือนมีใครบางคนตามมา...

      ...

      ปากก็พึมพำสวดไปเรื่องหากแต่จิตสัมผัสถึงไอสังหารร้ายแรงไปผุดพรายขึ้นมาในบรรยากาศโดยรอบ

      ...ปีศาจ...

      เป็นชื่อแรกที่เขาคิดถึง..มันอาจต้องการบ่อนทำลายพระเจ้า

      ….

      เขาได้ยิน...เสียงของบางอย่าง..ข้างหลัง...ไม่ใกล้ ...หากแต่ไม่ไกล ..เขาสัมผัสได้...

                  แต่ว่า....มันเป็นใครกัน….

       

      ......

                 

      ......

                     

                          หิมะสีขาวปลิวลงมาจากท้องฟ้า..แล้วตกเฉียดหน้าคนที่กำลังยืนพิงรถสีดำสนิทอยู่

                  เจ้าของนัยน์ตาสีกลางคืน..ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ แล้วถอนหายใจยาวเกิดไอสีขาวลอยวนเวียนในอากาศ ก่อนจะสะดุดกึก ด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์

                  ใช่..มันขโมยรถผม จับมันเลยครับคุณตำรวจ!!” พร้อมกับตำรวจที่กรูกันเข้ามาหวังจะจับตัวเขาเข้าตาราง

                  ...เฟลลันกระโดดขึ้นรถ..แล้วขับออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยความมืดมิด..นัยน์ตาสีกลางคืนเหลือบไปมองโบสถ์ที่ดาร์คเข้าไปตั้งนานสองนาน

                  ...หวังว่ามันจะไม่โดนพระเจ้าเล่นงานเอานะ...

      แล้วก็จดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถ...พลางกดที่ปัดน้ำฝนเพื่อให้เห็นทางชัดขึ้น

       

                  ....หิมะยังคงโปรยปราย...

      ...........

      นักฆ่าก้าวออกมาจากที่ซ่อน...ควงมีดในมืดด้วยท่าทีสบายๆ ..ก่อนจะปักฉึกลงที่หลังของผู้เคราะห์ร้าย ด้วยความเร็วที่สายตายังจับภาพไม่ทันด้วยซ้ำ

      ฉึก...พร้อมกับโลหิตสีแดงที่พุ่งทะลัก..ถึงกระนั้นเจ้าบาทหลวงคนนั้น ส่งเสียงร้องโอดโอย...หากแต่เบือนดวงตามาสบเขา

      ...นัยน์ตาสีอำพันปรากฏแววขัดใจ ก่อนจะกระชากมีดออก เรียกให้เลือดสีแดงสดโพยพุ่งออกมาจากบาดแผล..

      ..แต่...

      จู่ๆสร้อยรูปไม้กางเขนคว่ำของเขาก็ร้อนขึ้นมา....ร้อน....เหมือนมีไฟมาลน

       

      ปังหูของเขาแว่วเสียงปืน..พร้อมกับความเจ็บที่กระชากหัวไหล่จนแทบจะหลุด

      ตำรวจมากมายกรูกันเข้ามา.. ไม่รู้หมือนกันว่าอะไรดลใจเขา...ให้ฉุกคิด

      หรือว่า...

      ...พระเจ้า...

       

      เลือดอุ่นๆซึมออกมาจากแขน ก่อนจะไหลไปหยดบนพื้น..กระสุนไม่ฝังใน แต่ก็เจ็บเอาเรื่อง..นักฆ่าสบถอุบก่อนจะซ่อนตัวอยู่หลังเสาหินอ่อนสีขาวที่ตั้งอยู่

      เขาทรุดตัวลงนั่ง...แล้วสายตาก็ไปปะทะกับไม้กางเขนสีเงินแวววาวอยู่ด้านหน้า....

      ......พระเจ้า...

      ...บางที..

       

      เเต่เเล้วสติก็พร่าเลือนไป....

       

      เสียงเครื่องยนต์เเว่วมาในโสตประสาท ...กับร่างของใครบางคนปรากฏท่ามกลางสติอันเลือนราง

       

      ......

       

      นัยน์ตาสีอำพันลืมขึ้นในความมืด ความเจ็บปวดที่ไหล่แล่นจี๊ด จนด้านชาเทบจะขยับไม่ได้...มีเพียงแสงจันทร์ที่อยู่ริมหน้าต่างห้องที่เป็นแสงสว่าง

      ...

      มีเสียงกรนของใครบางคนอยู่ข้างเตียงของเขา...เหมือนว่ามันเฝ้าเขาจนหลับไป

      .....

      คนป่วยยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปวางบนหัวของคนที่หลับไม่รู้เรื่อง แล้วขยี้ เหมือนมันชอบทำกับเขาทุกวัน

      ..เอาคืน ชอบมายุ่งไม่เข้าเรื่องกับงานคนอื่น..

      ...นัยน์ตาสีอำพันเบือนไปมองนอกหน้าต่าง...แล้วล้มตัวลงนอน

       

      ....หิมะยังคงโปรยปราย...

       

      To be continue in feline waylay

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×