fanfic:feline waylay [the tears of winter น้ำตาเหมันต์]
น้ำตาเหมันต์ น้ำตาพระเจ้า..... ทีผมเอาคืนบ้างนะ ...พระเจ้า!!
ผู้เข้าชมรวม
1,375
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
The tear of winter
..
..
.
ร่างหอบหวย... รวยระริน... กลิ่นคาวเลือด
ร่างแห้งเหือด ...ชีวัน ...พลันจางหาย
ร่างสิ้นสูญ ...อาดูร... ด้วยความตาย
ร่างมลาย... ตายสิ้น... ทุกอินทรีย์
ดังชีวัน... ลาแล้ว... ย่อมลาลับ
มิหวนกลับ...หลับไม่ฟื้น... มิอาจหนี
ดั่งสายธาร... ไหลผ่าน ...น่านนที
มิไหลย้อน... ดั่งชีวี... มิฟื้นคืน
........
.....
...
..
.
**เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิยายหลักทั้งสิ้น **
song--tears (เข้ากับชื่อเรื่อง เศร้าๆดี)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เกล็ดสีขาว....ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
หิมะ....สีขาวบริสุทธิ์
มันตกลงมาในมือของเขา...แล้วละลายไป
...ทิ้งไว้แต่น้ำใสๆราวกับน้ำตาของพระเจ้า
.
...น้ำตาของพระเจ้า....
.......
เสียงของประตูไม้โอ๊คแง้มเปิดแผ่วเบา....ตามมาด้วยร่างของใครบางคน..
...ใครบางคนที่ฝีเท้าเบายิ่งกว่าสายลม...
คนผมสีน้ำตาลที่อยู่ในห้อง พูดชื่อขึ้น ..โดยที่ไม่หันมามองเลยแม้แต่น้อย...
“ดาร์ค?” เด็กหนุ่มที่คลุมฮู้ดอยู่พยักหน้า...แล้วก็ถอดเสื้อคลุมโยนทิ้งไปบนเตียง
“แกรู้ได้ไงว่าเป็นฉัน...เฟล???” คนชื่อ..‘เฟล’หัวเราะหึหึในลำคอ ...ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ..ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องกลับหน้าตาเฉย
“แล้วเมื่อไหร่...แกจะเรียกฉันว่า เฟลลัน..” คนชื่อ ดาร์คขมวดคิ้ว...แล้วก็เถียงกลับ
“เรียกยาก” ว่าพลางกดรีโมตทีวีให้เปิดขึ้นมา...แล้วเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ... “แล้วแกรู้ได้ไง
?”
“หึ...ก็รักกันมาตั้งนาน” เฟลลันกล่าวกลั้วหัวเราะ....ก่อนจะเอียงคอหลบมีดที่ร่อนไปปัก.ฉึกที่ผนังพอดิบพอดีอย่างน่าหวาดเสียว...แต่มีหรืออย่างไอ้เฟลจะกลัว..
“ใช่ไหมจ๊ะ~.” นัยน์ตาสีอำพันกราดมองอย่างคาดโทษ ...ในมือมีมีดอีกเล่มที่เตรียมพร้อมจะขว้างไปเฉาะหัวคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ..
เฟลลันหัวเราะเบาๆ...แล้วเดินไป...ขยี้ผมสีดำสนิทที่ดูยุ่งๆไม่เป็นทรง ..ของคนตัวเล็กกว่า..ซึ่งเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็ยอมให้เล่นหัวแต่โดยดี..
....พลางนึงถึงดาร์ค..ตอนก่อนที่จะโดนเขาตัดผมให้...
...ผลลัพธ์
...ก็เลยไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่....
นึกไปพลางก็ยีหัวคนตรงหน้าไปเรื่อย..จนไม่ทันรู้ว่ามันรุนแรงเกินไปเสียแล้ว
.
“แล้วแกจะทึ้งให้มันหมดหัวเลยรึไง” เฟลลันหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง ...หัวของคู่กรณี...ที่โดนเขาทึ้งซะ ‘เละเทะ’ ของแท้
จากเส้นผมสีรัตติกาลที่ยุ่งไม่เป็นทรงอยู่แล้ว....เล่นกลายเป็นทรงผมที่ยุ่งยกกำลังสองชนิดที่ว่าต่อให้เหาเดินก็คงหลงทาง..
....อย่างนี้ไม่เรียกว่ายุ่ง ก็ โค-ตะ-ระ อภิมหายุ่งกันล่ะคราวนี้......
ดาร์คแยกเขี้ยววาววับ...ควงมีดในมือ....ก่อนจะปักฉึกลงบนโต๊ะ...
“อะ..เอาน่า...เดี๋ยวฉันสระผมให้แกเลยก็ได้ ...เอ้า” เฟลลันพูดหน้าระรื่น...ทำเป็นไม่สนใจนัยน์ตาสีอำพันที่ดูเหมือนจะเขมือบคนได้ทั้งประเทศ..
“เรื่องสิ...”ดาร์คแย้งทันควัน...เรื่องอะไร...เขายังจำความแสบสันต์ครั้งที่แล้วได้อย่างดี...พลางเดินไปเปิดประตูออกอีกครั้ง
“เฮ่ย!! นั่นแกจะไปไหน” นักฆ่าเบือนนัยน์ตามาสบนักลอบฆ่า...ก่อนจะตอบออกไป
“ก็แค่....ไปรับงานเพิ่ม” พอตัดบทจบก็ปิดประตูทันที..ไม่เปิดช่องว่างให้เฟลลันได้เถียงเลยแม้แต่น้อย... ‘นักลอบฆ่า’อ้าปากจะเถียง...แต่แล้วก็รีบสาวเท้าตามไป
...
แกร่ก...แอ๊ด...
ประตูไม้โอ๊คสลักเสลาสวยงามถูกผลักเปิดขึ้นช้าๆ..พร้อมกับร่างเล็กที่เพรียวประดุจแมว...ย่างกรายเข้ามา
“ดาร์ค...มารับงานเพิ่มรึ?”นัยน์ตาสีนิลเลิกขึ้นมาจากกองเอกสาร...ริมฝีปากหยักลึกบ่งบอกถึงความมีสเน่ห์ยกขึ้นเล็กน้อย...มือทั้งสองข้างละจากเอกสารมาประสานกันอยู่ตรงหน้า
“งานนี้...ยากหน่อยนะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ตอบอะไร...เจ้านายก็พูดต่ออย่างใจเย็น..
“ยากหรือง่ายก็ได้ทั้งนั้น”นัยน์ตาสีอำพันเชยมาสบ ...แล้วตอบกลับไป..
“หึ
ตกลงว่ารับ?” ดาร์คพยักหน้าแทนคำตอบ...ผู้มีศักดิ์เป็นนายหัวเราะหึๆ...แล้วขยิบตาให้มาร์เชลที่ยืนอยู่ข้างๆ...เป็นเชิงรู้กัน....
“ประวัติของเหยื่อค่ะ”ใบหน้าสีขาวซีดจนแทบจะดูไร้เลือดฝาด ...ขานรับกับนัยน์ตาสีโลหิตและโครงหน้าที่เรียบเฉย ...เมดสาวค่อยสาวเท้าใกล้เข้ามาแล้วส่งประวัติให้อย่างสุภาพ..ก่อนจะเดินกลับไปที่เดิม..
“ขอให้พ้นจากสายตาพระเจ้า
โชคดี” ชายหนุ่มเสริมเบาๆ...เมื่อเห็นว่าดาร์คทำท่าจะจากไป..
“เช่นกัน..”
‘นักฆ่า’ แค่นเสียงตอบ.... ก่อนจะพลิกประวัติ มองผ่านๆพร้อมกับเดินจากไป...
..
...
......
“เป็นไง” เจ้าของนัยน์ตาสีกลางคืนที่ยืนรอยู่ด้านหน้าประตูเอ่ยถาม..แน่นอนว่า..เขามีมารยาทพอจะไม่เข้าไปรบกวนเวลาที่ดาร์คพูดกับ.....เจ้านาย
“ยังไม่ได้อ่าน” ดาร์คว่าพลางเปิดประวัติ...อ่าน...
....บาทหลวง วาร์เรียน เดอร์ราคูร์...
....อายุ 50 ปี อาศัยอยู่ที่วิหารเซนต์เวคัส..
...บาทหลวงชื่อดัง เคร่งศาสนาเป็นที่สุด สวดมนต์เป็นประจำอย่างน้อยวันละ2เวลา เป็นที่นับถือของคนหมู่มาก ..
นัยน์ตาสีอำพันแลเห็นรูปของชายแก่ อ้วนลงพุง ทำหน้าเรียบสนิทอยู่ให้รูปหน้ากระดาษนั้น
....แต่ว่า...
...เขาจะต้องเข้าไปเก็บเจ้านั่นในโบสถ์...
....
“ดาร์ค..” เสียงของเฟลลันกระชากสติที่หลุดลอยกลับมาที่เดิม “ฉันว่าแกยกเลิกงานเหอะ .. ”
.ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่ถูกกับพระเจ้า....
....ถึงแม้จะรู้...
...แต่นั่นมันงาน
..
“ไม่..” นัยน์ตาสีอำพันดูดื้อดึงอย่างที่เห็นอยู่บ่อยๆ กราดไปสบ ทำให้เฟลลันลอบถอนหายใจเบาๆ “ฉันจะทำเองเฟล...นี่งานฉันแกไม่เกี่ยว”
..
“ก็ได้ๆ แกจะลงมือเมื่อไหร่” เจ้าของนัย์ตาสีกลางคืนยกมือยอมแพ้...รอฟังคำตอบ
“วันนี้”
“เฮ่ย!!!” เฟลลันเบิ่งตาโต...เหมือนจะไม่เชื่อ “ ล้อเล่นรึไง ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วนะ เว้ย”
“เรื่องของฉัน” คนตัวเล็กตอบปัดๆก่อนจะสะบัดก้นเดินออกไปอย่างไม่แยแส...ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างหลังตะโกนตาม เรียกให้คนที่เดินล่วงหน้าไปแล้วชะงักกึก
“รอเดี๋ยว แล้วแกรู้รึไงว่าไอ้วิหารบ้านั่นมันอยู่ที่ไหน?”
......
++++++++++++++++++++++++++++++++
ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด
หิมะสีเทากำลังพร่างพราย
กลิ่นน้ำหอมจากแอร์รถยนต์โชยฟุ้งบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของรถ ภายในตัวรถมีร่างของคนสองคนนั่งอยู่..
ดาร์คกัดริมฝีปากเบาๆ ลูบเบาะสีดำสนิทของรถสุดหรูที่ เฟลลัน ‘งัด’ มาจากข้างถนน ตอนนี้เขาสองคนนั่งรถเรื่อยๆมาตามท้องถนน...ที่ย้อมไปด้วยสีของหิมะที่ร่วงโรย
.
“ถึงแล้ว” เสียงของเฟลปลุกเขาขึ้นจากภวังค์....มองไปตรงหน้ามีโบสถ์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่
เขาลงจากรถ...รองเท้าผ้าใบเหยียบลงไปในพื้นหิมะที่เริ่มหนา...ทำให้เกิดความหนาวเย็น
...ทั้งที่ใส่รองเท้าผ้าใบ?...
คนตัวเล็กทำเป็นไม่ใส่ใจ ...คว้าฮู้ดขึ้นคลุมหัวเพื่อป้องกันไม่ให้หัวเปียกแล้วเดินไปข้างหน้า
หิมะสีขาวปลิวมากระทบใบหน้า..จากนั้นก็ละลายเป็นน้ำเย็นๆ
...หิมะ?...น้ำตา?...
...พระเจ้ากำลังร้องไห้??...
นัยน์ตาสีอำพันกระจ่างวูบ
เขากำลังจะฆ่าบาทหลวง...
...บาทหลวงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า....
...แต่ถึงจะรู้...มันก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี...เพราะมันคือ ‘งาน’ ของเขา
อีกอย่าง....
ริมฝีปากแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวโผล่มาจากมุมปาก
...บางทีพระเจ้าก็สมควรจะต้องเจ็บปวดเสียบ้าง..
...แล้วร่างที่เพรียวดุจแมวก็กระโดดแผล็วไป..ท่ามกลางสายลมหนาว...
.
หิมะยังคงโปรยปราย..เขาสังเกตได้จากกระจกสีที่บุรอบหน้าต่าง..มีเสียงเครื่องยนต์รถอยู่ข้างนอกดังแว่วมา ..แสดงว่าเฟลมันยังจอดรอเขาอยู่...นึกแล้วก็ทำให้อุ่นใจประหลาด.. ร่างเล็กแฝงตัวอยู่ในความมืด แลเห็นเป้าหมายอยู่ตรงหน้า...
...ดูเหมือนว่ามันกำลัง...สวดภาวนาอะไรสักอย่าง...
นัยน์ตาสีอำพันหรี่ลงอย่างใช้ความคิด
...ทำอย่างไรดีน้า จะฆ่าเจ้านี่ ให้มันสนุกๆ..
ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มหยัน
...ทีผมเอาคืนบ้างนะ...พระเจ้า...
...
บาทหลวงในอาภรณ์สีขาวสะอาด นั่งคุกเข่าอยู่บนแผ่นหินเย็นเยียบ..สองมือกุมเข้าด้วยกัน..แล้วก็ท่องบทสวดสรรเสริญพระเจ้าไปในเวลาเดียวกัน
...หากแต่..ทั้งที่เขาหลับตาอยู่...
...จิตใจมันกลับระแวง..เหมือนมีใครบางคนตามมา...
...
ปากก็พึมพำสวดไปเรื่องหากแต่จิตสัมผัสถึงไอสังหารร้ายแรงไปผุดพรายขึ้นมาในบรรยากาศโดยรอบ
...ปีศาจ...
เป็นชื่อแรกที่เขาคิดถึง..มันอาจต้องการบ่อนทำลายพระเจ้า
.
เขาได้ยิน...เสียงของบางอย่าง..ข้างหลัง...ไม่ใกล้ ...หากแต่ไม่ไกล ..เขาสัมผัสได้...
แต่ว่า....มันเป็นใครกัน
.
......
......
หิมะสีขาวปลิวลงมาจากท้องฟ้า..แล้วตกเฉียดหน้าคนที่กำลังยืนพิงรถสีดำสนิทอยู่
เจ้าของนัยน์ตาสีกลางคืน..ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ แล้วถอนหายใจยาวเกิดไอสีขาวลอยวนเวียนในอากาศ ก่อนจะสะดุดกึก ด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์
“ใช่..มันขโมยรถผม จับมันเลยครับคุณตำรวจ!!” พร้อมกับตำรวจที่กรูกันเข้ามาหวังจะจับตัวเขาเข้าตาราง
...เฟลลันกระโดดขึ้นรถ..แล้วขับออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยความมืดมิด..นัยน์ตาสีกลางคืนเหลือบไปมองโบสถ์ที่ดาร์คเข้าไปตั้งนานสองนาน
...หวังว่ามันจะไม่โดนพระเจ้าเล่นงานเอานะ...
แล้วก็จดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถ...พลางกดที่ปัดน้ำฝนเพื่อให้เห็นทางชัดขึ้น
....หิมะยังคงโปรยปราย...
...........
นักฆ่าก้าวออกมาจากที่ซ่อน...ควงมีดในมืดด้วยท่าทีสบายๆ ..ก่อนจะปักฉึกลงที่หลังของผู้เคราะห์ร้าย ด้วยความเร็วที่สายตายังจับภาพไม่ทันด้วยซ้ำ
ฉึก...พร้อมกับโลหิตสีแดงที่พุ่งทะลัก..ถึงกระนั้นเจ้าบาทหลวงคนนั้น ส่งเสียงร้องโอดโอย...หากแต่เบือนดวงตามาสบเขา
...นัยน์ตาสีอำพันปรากฏแววขัดใจ ก่อนจะกระชากมีดออก เรียกให้เลือดสีแดงสดโพยพุ่งออกมาจากบาดแผล..
..แต่...
จู่ๆสร้อยรูปไม้กางเขนคว่ำของเขาก็ร้อนขึ้นมา....ร้อน....เหมือนมีไฟมาลน
ปัง
หูของเขาแว่วเสียงปืน..พร้อมกับความเจ็บที่กระชากหัวไหล่จนแทบจะหลุด
ตำรวจมากมายกรูกันเข้ามา.. ไม่รู้หมือนกันว่าอะไรดลใจเขา...ให้ฉุกคิด
หรือว่า...
...พระเจ้า...
เลือดอุ่นๆซึมออกมาจากแขน ก่อนจะไหลไปหยดบนพื้น..กระสุนไม่ฝังใน แต่ก็เจ็บเอาเรื่อง..นักฆ่าสบถอุบก่อนจะซ่อนตัวอยู่หลังเสาหินอ่อนสีขาวที่ตั้งอยู่
เขาทรุดตัวลงนั่ง...แล้วสายตาก็ไปปะทะกับไม้กางเขนสีเงินแวววาวอยู่ด้านหน้า....
......พระเจ้า...
...บางที..
เเต่เเล้วสติก็พร่าเลือนไป....
เสียงเครื่องยนต์เเว่วมาในโสตประสาท ...กับร่างของใครบางคนปรากฏท่ามกลางสติอันเลือนราง
......
นัยน์ตาสีอำพันลืมขึ้นในความมืด ความเจ็บปวดที่ไหล่แล่นจี๊ด จนด้านชาเทบจะขยับไม่ได้...มีเพียงแสงจันทร์ที่อยู่ริมหน้าต่างห้องที่เป็นแสงสว่าง
...
มีเสียงกรนของใครบางคนอยู่ข้างเตียงของเขา...เหมือนว่ามันเฝ้าเขาจนหลับไป
.....
คนป่วยยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปวางบนหัวของคนที่หลับไม่รู้เรื่อง แล้วขยี้ เหมือนมันชอบทำกับเขาทุกวัน
..เอาคืน ชอบมายุ่งไม่เข้าเรื่องกับงานคนอื่น..
...นัยน์ตาสีอำพันเบือนไปมองนอกหน้าต่าง...แล้วล้มตัวลงนอน
....หิมะยังคงโปรยปราย...
To be continue in feline waylay
ผลงานอื่นๆ ของ ((สาวกหัวโขมย)) ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ((สาวกหัวโขมย))
ความคิดเห็น