ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IRC project 2.0] Life of Pine ชีวิตไม่อัศจรรย์ของไพน์

    ลำดับตอนที่ #2 : -•บทที่หนึ่ง•- สวนสมุนไพรวูดวาร์ด

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 57


            

                แสงจันทร์สาดส่องทางเกวียนโล่งซึ่งลาดยาวไปสุดสายตา ต้นสนสาม

    ใบส่ายไปมาหยอกล้อกับสายลมหวีดหวิวดังเป็นจังหวะ

                กึก กึก กึก ล้อของเกวียนจักรไอน้ำขับซึ่งเคลื่อนโดยพลังเวทแห่งไฟส่งเสียงเมื่อกระทบกับพื้นดินมาแต่ไกลโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ บ้าน ซึ่งแม้แต่ตอนนี้คนขับเองยังมิทราบได้ว่ามันคือที่ไหน ดวงตาสีเขียวมรกตเหม่อลอยอย่างว่างเปล่า เขาจะมีบ้านและครอบครัวรออยู่ที่ไหนซักแห่งหรือเปล่านั่นคือสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังคิดก่อนจะได้สติกลับมาจากเสียงเรียก ชื่อ ที่เขาพึ่งได้รับมา

                ไพน์หญิงสาวผู้ขานชื่อเปิดผ้าปิดส่วนที่เป็นโดมของเกวียนออกมา ไพน์...ที่มีความหมายว่าต้นสน เนื่องจากเธอพบเขาใต้ต้นสนยักษ์ที่ปกป้องเขานั่นเอง

                มีอะไรหรือท่านโดโรธีเด็กหนุ่มเอียงคอเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเพียงเรียกชื่อแต่ไม่เอ่ยคำใดต่อ

                เจ้ามีความทรงจำตั้งแต่ตอนไหนหรอเธอเกริ่นเพื่อที่จะถามถึงต้นสนซึ่งสามารถสนทนากับเธอได้

                ตอนที่ข้าลืมตามาพบท่าน...กระมังแต่คำตอบที่ได้ทำให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะถามเรื่องนั้นไป

                ว่าแต่แผลท่านหายดีแล้วหรือ

                หายดีก็แย่แล้ว ลองให้ข้ายิงเจ้าซักรูไหมล่ะโดโรธีว่าพลางกุมบริเวณผ้าที่พันรอบแผลไว้อย่างลวกๆ รู้สึกได้ถึงเนื้อที่สั่นดังตุ่บตุ่บ แต่ก็กัดฟันทนความปวดร้าวนั้น

                หึหึเด็กหนุ่มได้แต่หัวเราะในลำคอ แม้แผลจะลึกเอาการแต่ก็ไม่โดนจุดตาย หากได้สมุนไพรชั้นดีแม้แต่รอยแผลเป็นก็คงไม่เหลือ

                เจ้ารู้ไหมเกวียนเล่มนี้พ่อข้าสร้างขึ้นมาสำหรับพวกเราโดยเฉพาะหญิงสาวขึ้นเรื่องใหม่

                ท่านต้องการหมายความว่าอะไรซึ่งเด็กหนุ่มไม่เข้าใจในประโยคของเธอ เขาทำได้เพียงเอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงว่าไม่เข้าใจในประโยคนั่นจริงๆ

                เกวียนจักรไอน้ำเล่มนี้น่ะมีเพียงพวกเราเผ่าสปิริตเท่านั้นที่ขับเคลื่อนมันได้นะ

                เผ่าสปิริต?

                พวกเราไม่ได้ใช้เวทมนตร์แบบคนในเมือง ที่เราทำได้คือสื่อสารกับธรรมชาติเท่านั้น

                แล้วข้า...?

                ไม่ว่าเจ้าเป็นใครเจ้าต้องมีเลือดของพวกเราไหลเวียนอยู่เป็นแน่ เจ้าหล่อนยิ้มให้กับคำพูดสุดท้ายของตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่ได้มีเพียงเธอและหลานที่เป็นชาวสปิริตสองคนสุดท้าย  

     

     

                พรรณไม้แปลกตาจำนวนมากขึ้นหนารกทึบ เบื้องหน้าของทั้งคู่คือประตูไม้เก่าแต่ยังคงทนทาน รอยสลักเล็กๆแม้จะจางแต่ก็ยังเหลือเค้าลางของคำว่า สวนสมุนไพรวูดวาร์ด

                ก๊อกๆๆ หญิงสาวเคาะประตูทันที่ที่ทั้งคู่ก้าวขึ้นมาอยู่หน้าประตู

                ท่านอา!!” เด็กชายตัวเล็กความสูงประมาณหน้าอกของไพน์เจ้าของเรือนผมสีทองประกายกับนัยน์ตาสีเขียวเปิดประตูออกและร้องตะโกนเมื่อเห็นร่างอาสาวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีชาด

                อย่าโวยวายไปน่าฟรานซิสขอยาสมานแผลกับยาฆ่าเชื้อทีเด็กชายที่กำลังตกใจรีบวิ่งหายไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะสนใจเด็กหนุ่มแปลกหน้า

                พาข้าไปที่โซฟาเธอว่าพลางชี้ไปที่โซฟาอันโตบุนวมหลากสีซึ่งไพน์ก็ทำตามอย่างดี

                ข้าบอกแล้วว่าที่นั่นอันตรายเด็กชายที่วิ่งกลับมาพร้อมกับลากกระเป๋าขนาดเกือบเท่าตัวพูดอย่างหงุดหงิด

                เจ้าก็รู้ว่าร้านของเราติดตัวแดงมาหลายเดือนแล้วฟรานซิส

                ท่านอาคิดว่าสมุนไพรใหม่ๆจะช่วยอะไรได้ในเมื่อฝั่งตรงข้ามแทบจะมีสมุนไพรหายากทุกชนิด

                ข้าเลยต้องไปสรรหาสมุนไพรที่เจ้าหล่อนไม่มีไงล่ะเธอกล่าวถึงอะแมนด้า นอร์การ์ด แห่งทุ่งหมอก หญิงสาวลึกลับผู้มาพร้อมกับสมุนไพรหายากซ้ำยังคุณภาพดีมากมายในราคาที่สมเหตุสมผล

                ว่าแต่เจ้านี่มันเป็นใครเด็กชายเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าไม่มีทางที่อาสาวจะยอมแพ้

                เขาช่วยข้าไว้ รีบทำแผลเถอะน่าแม้วาจาจากเด็กชายจะไม่ค่อยน่าฟังสำหรับไพน์ แต่ฝีมือการทำแผลของเด็กที่ถูกเรียกว่าฟรานซิสนั้นกลับสุดยอดจนเขาก็อดแอบปลื้มไม่ได้

                หน้าท่านอาซีดมาก ข้าว่าข้าจะไปเก็บสมุนไพรบำรุงโลหิตฟรานซิสเสนอเมื่อใบหน้าที่เคยแดงปลั่งกลับซีดเซียวไร้ซึ่งเลือดฝาด ริมฝีปากอิ่มกลับแห้งกร้านบวกกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนเพลีย

                ข้าไม่เป็นไรหรอกฟรานซิสเธอตอบกลับอย่างเหนื่อยอ่อน

              ครับท่านอา ขอท่านจงพักผ่อนเสียเถิดและฟรานซิสก็ตอบแค่เพื่อให้อาของเขาสบายใจ

     

     

                เสียงร้องประหลาดดังขึ้นไม่ขาดสายตั้งแต่เด็กหนุ่มทั้งคู่เดินผ่านประตูสวนหลังบ้านออกมา ไพน์เหลียวมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวงในเสียงคำรามต่ำๆที่ต่อเนื่องจนน่าผิดสังเกตในขณะที่เด็กชายอีกคนกลับไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไร

                เจ้ารออยู่ที่บ้านก็ได้นะเด็กชายเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ว่าเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีท่าทีเลิ่กลั่ก

                นั่นเสียงอะไรเด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

                เสียงมอนสเตอร์แถวนี้แหละ ข้ารู้สึกว่าช่วงนี้พวกมันดูจะหัวเสียกว่าปกติ

                แล้วเจ้าไม่กลัว?

                ที่นี่มีเขตอาคมคุ้มครองอยู่ เจ้าพวกนั้นเข้ามาไม่ได้หรอก อีกอย่างสมุนไพรบำรุงเลือดก็ไม่ได้อยู่ไกลเท่าไหร่

                ...ความเงียบก่อตัวขึ้นในขณะที่ทั้งคู่เดินตามทางเดินเปลี่ยวไปเรื่อยๆ แสงไฟจากบ้านหลังน้อยค่อยๆหายไปจนฟรานซิสใช้เวทเพื่อจุดไฟขึ้นมาส่องทาง

                ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร

                ข้าไพน์ ท่านโดโรธีเป็นคนตั้งให้ข้าเพราะข้าจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง

                ข้าฟรานซิส วูดวาร์ด หลานชายของโดโรธี ยังไงก็ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยท่านอาไว้

                แกรบเสียงเหยียบใบไม้แห้งที่ไม่ได้เกิดจากทั้งคู่ทำให้พวกเขาทั้งสองสะดุ้งและหันไปทางต้นเสียง พุ่มฮีเธอร์ไหวเล็กน้อยเป็นสัญญาณของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สามารถทำลายอาคมคุ้มกันเข้ามาได้ ด้วยสัญชาตญาณทำให้เด็กหนุ่มไม่รอช้าคว้าข้อมือของเด็กชายและออกวิ่งให้ห่างจากบริเวณนั้นให้ไกลที่สุด

     

     

                แฮ่กๆ เสียงหอบของเด็กชายและอัตราเร็วที่ลดลงทำให้เด็กหนุ่มต้องชะลอความเร็ว

                เจ้าคิดว่าอาคมผิดพลาดหรือเปล่าเด็กหนุ่มถามเมื่อไม่เห็นท่าทีใดๆของสัตว์ร้ายที่อาจจะตามมา

                โดโรธีเสริมมนต์ให้กำแพงลมทุกอาทิตย์ เหตุผลเดียวที่มันฝ่ามาได้คือระดับที่ต่างกัน

                แปลว่ามันต้องระดับสูงมาก? ที่บ้านหลังนั้นได้ลงอาคมไว้หรือเปล่า?คำถามของเด็กหนุ่มทำเอาเด็กชายแทบคลั่ง เขาลืมไปได้อย่างไรว่าที่นั่นไม่มีการป้องกันใดๆเลย ขาทั้งสองข้างจึงออกวิ่งต่อทั้งๆที่ความปวดร้าวแล่นเข้ามา

                เจ้าไหวรึเปล่าฟรานซิส

                ไม่ไหวก็ต้องไหว

              ฮื่ออออเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังก้องทำให้ทั้งคู่หยุดนิ่งมองพุ่มไม้สูงเบื้องหน้าที่สั่นระรัว ก่อนสิ่งมีชีวิตสีชาดสูงเกือบสองเมตรรูปร่างคล้ายกระต่ายจะกระโดดออกมา ผิวหนังที่ดูเหมือนจะถูกถลกออกไปเหลือเพียงมัดกล้ามเนื้อที่ถูกฉีกออกจนเห็นถึงเส้นเลือดและเครื่องในที่ออกมาสู่ภายนอกอย่างน่าขนลุก

              เดธแรบบิท!!” สิ้นคำขานชื่อของเด็กชาย สัตว์ประหลาดยักษ์ก็พุ่งเข้าใส่เด็กชายอย่างไม่รีรอ     โครมแต่กลับชนได้เพียงกำแพงน้ำแข็งของเด็กชายที่สร้างขึ้นมาตามสัญชาติญาณ แต่มันก็ไม่สะเทือนร่างยักษ์นั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

                ไฟเอ๋ยจงลุกโชนเด็กหนุ่มร่ายมนต์ที่จดจำมาจากโดโรธี ไฟดวงใหญ่ถูกจุดขึ้นและถาโถมเข้าใส่ร่างน่าเกลียดนั่นอย่างกระหน่ำ แต่ช่างน่าผิดหวังเมื่อไฟค่อยๆมอดดับอย่างไม่ทิ้งร่องรอยใดๆบนร่างนั่นสร้างเพียงความงุนงงให้เด็กชายเมื่อเด็กหนุ่มใช้เวทมนตร์ที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ใช้ได้

                ไฟเอ๋ยจงลุกโชนเวทเดิมถูกร่ายอีกครั้งและผลก็ยังคงเป็นเฉกเช่นเดิม ร่างยักษ์ไม่รอให้การร่ายครั้งที่สามสมบูรณ์ มันพุ่งเข้าชาร์ตเด็กหนุ่มเต็มที่จนกระเด็นไปหลายเมตร

                ไพน์!!”

                มันมีจุดอ่อนไหมฟรานซ์

                ปอด ต้องแทงปอดของมันให้ทะลุ นึกได้ดังนั้นเด็กชายจึงเสกแท่งน้ำแข็งแหลมคมขึ้นมาในมือ

                เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไง?

                วันนี้คงไม่มีเวลาให้สอนเด็กชายว่าพร้อมตั้งท่าเสกหอกน้ำแข็งขึ้นมาอีกเล่ม แต่เจ้ายักษ์ไม่รอให้ทำอย่างนั้น ร่างยักษ์กระโดดขึ้นไปเกือบสามเมตรหวังจะลงมาทับเด็กชายที่กำลังหลับตาเพื่อจินตนาการรูปร่างของอาวุธ แต่ก็ทำไม่สำเร็จเมื่อเด็กหนุ่มกระโดดมาผลักเด็กชายให้ออกจากรัศมีของร่างยักษ์ได้อย่างเส้นยาแดงผ่าสิบหก

                เจ้านี่ไม่ให้เวลาพวกเราจริงๆด้วยสิ เด็กหนุ่มพูดพร้อมหยิบหอกเล่มแรกที่เด็กชายเสกขึ้นมา

                ดูซิว่าข้าจะทำอะไรได้บ้าง

              ไม้เอ๋ยจงเติบโตรากไม้เลื้อยทำผืนดินสั่นไหวตอบรับคำร้องขอของเด็กหนุ่ม เถาวัลย์หนาพันเกี่ยวรอบร่างยักษ์แน่นเสียจนไม่อาจแม้แต่จะขยับ มือขวาของเด็กหนุ่มกำหอกน้ำแข็งแน่น เท้าทั้งสองเยื้องย่างเข้าไปใกล้ร่างยักษ์เบื้องหน้าดั่งเพชรฆาต ก่อนจะปลายแหลมจะปักลงไปอย่างพอดีที่ปอดพองโตทั้งสองของมัน

     

     

    สามเดือนผ่านไป

                กริ๊ง กริ๊งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ทั้งสามที่กำลังระดมสมองสะดุ้ง โดโรธีเป็นผู้ลุกเดินมายกหูขึ้น

                สวนสมุนไพรวูดวาร์ดค่ะ อะไรนะคะครัสตี้ดราก้อนขอยกเลิกออเดอร์ล่าสุด ค่ะ ค่ะโทรศัพท์ถูกวางลงแล้ว มีเพียงใบหน้าเศร้าสร้อยที่แย่ลงกว่าเก่า

                ตอนนี้ออเดอร์สุดท้ายของเราถูกยกเลิกแล้วโดโรธีพูด

                เราลองปรุงยากันไหมฟรานซิสลองเสนอทางเลือกที่จะพยุงให้ร้านสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

                ล่าสุดที่เจ้าลองปรุงยาสมานแผล ยาของเจ้าทำให้เนื้อเทียมละลายเจ้าจำได้ไหมฟรานซิสแต่เธอไม่เห็นด้วยเมื่อเด็กชายมีประวัติที่ไม่ดีเท่าไหร่กับการผสมยา

                เจ้าเห็นว่ายังไงไพน์

                ข้า... ข้าชอบอาหารของฟรานซ์ ทำไมไม่ลองเปิดร้านอาหารแทนล่ะแม้เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่กลับทำให้ทั้งคู่หลุบตาต่ำ เมื่อเงินที่กู้มานั้นมากมายเกินกว่าจะขอเพิ่มได้อีก

                เมื่อวานอยู่ๆก็มีจดหมายวางอยู่บนโต๊ะข้า มันเขียนว่าถ้าข้าเข้ากองกำลังพิเศษจะให้เงินมากพอที่จะเปิดภัตตาคารเล็กๆได้แม้สิ่งตอบแทนจะดีมากเพียงใด แต่ข้อแลกเปลี่ยนของมันทำให้ทั้งสามน้ำลายหนืดคอ

     

     

                เปลวเทียนบนโต๊ะเขียนหนังสือให้แสงสลัวกับเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่กำลังใช้นัยน์ตาสีเขียวมรกตอ่านจดหมายตอบรับการเข้ากองกำลังพิเศษที่กล่าวว่ามีงบสนับสนุนมากเสียจนเปลี่ยนขอทานให้กลายเป็นเศรษฐีได้

              ครืดพลันเสียงบานประตูที่เปิดออกทำให้เด็กหนุ่มหันไปมองและพบใบหน้าที่คุ้นเคยของเด็กหนุ่มอีกคน เรือนผมสีทองประกายเฉกเช่นอาสาวของเขารับกันอย่างดีกับนัยน์ตาสีเขียวหยกที่ได้จากมารดา

                ว่าไงฟรานซิสเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยเมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าก้าวผ่านประตูเข้ามา

                เจ้าจะไปจริงๆหรอไพน์

                ข้าตัดสินใจแล้วฟรานซ์

                เราอาจจะเจอทางออกที่ดีกว่านี้

     

              เราหาทางออกกันมาสามเดือนเต็มแล้ว พอเถอะนะ ข้าไม่ได้ไปตลอดกาลเสียหน่อย

     

     

                เด็กหนุ่มจากไปแล้ว... เขาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ทิ้งไว้เพียงเงินสามล้านเหรียญทองที่สามารถเปิดภัตตาคารในเมืองได้จริงๆพร้อมกับกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆหนึ่งแผ่น

     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×