ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IRC project 2.0] Life of Pine ชีวิตไม่อัศจรรย์ของไพน์

    ลำดับตอนที่ #1 : -•ปฐมบท•-

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 57




    -•ปฐมบท•-

     

                อากาศยามดึกสงัดบนยอดเขาช่างเย็นยะเยือก เสียงหวีดหวิวของสายลมกับยอดไม้เสริมความวังเวงได้เป็นอย่างดี แต่เงาจันทร์ก็เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่เดินเท้าอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ใบหน้าเรียวได้รูปของเจ้าหล่อนเข้ากันได้ดีกับเรือนผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลังที่รับกับนัยน์ตาสีเดียวกัน

                แกรบๆ ฝีเท้าแผ่วเบาเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าของเสียงเยื้องย่างอย่างช้าๆพลางสอดส่องมองซ้ายขวาเพื่อตามหาบางสิ่ง พลันสายตาก็ถูกดึงดูดโดยสิ่งที่ตนพยายามตามหามาเสียนาน...น้ำนมราชสีห์ ปลายใบแหลม โคนใบสอบเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบหยักฟันเลื่อย !  เว้นเสียอย่างเดียวปกติแล้วน้ำนมราชสีห์น่าจะขึ้นแถวๆต้นไม้ซึ่งมีอายุหนึ่งพันปีขึ้นไป แต่นี่กลับอยู่โดดๆ? แม้นไม่แน่ใจแต่ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคือสมุนไพรที่ชื่อน้ำนมราชสีห์แน่นอน เธอไม่รอช้าเมื่อสิ่งที่ตามหาอยู่ตรงหน้า ขาทั้งสองข้างจึงรีบเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันพร้อมกับ...

                โครมร่างของเธอกระเด็นถอยไปอย่างแรงหลังชนเข้ากับเขตแดนที่มองไม่เห็นเข้าอย่างจัง คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นพลางสงสัยว่าใครกันที่อุตริมากางเขตแดนป้องกันในป่าดิบเขาเช่นนี้

                เวทมนตร์เอ๋ยจงหายไป มนต์สลายเวทถูกร่ายขึ้นเป็นอันดับแรก อักขระเวทสีม่วงปรากฏขึ้นก่อนจะค่อยๆขยับไปสัมผัสแนวเขตแดน

                .....แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อเขตแดนซึ่งหมายความว่านี่เป็นเขตแดนที่แข็งแกร่งเอาเรื่องทีเดียว

                สายลมเอ๋ยจงโบกสะบัดเวทธาตุลมถูกร่ายต่อมาเพื่อหวังทำลายเขตแดน แต่ก็ไม่ประสบผล

                ผืนดินเอ๋ยจงสั่นสะเทือน และเป็นเฉกเช่นเดิมแม้จะร่ายมนต์ไปอีกกี่สิบชุดก็ตาม จนหญิงสาวเริ่มท้อจากการสูญเสียพลังเวทไปมากมาย

              ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆเธอได้แต่คิดในใจ พลันลมหนาวที่สุดก็พัดผ่านทำให้เธอตัวสั่น

                ไฟเอ๋ยจงลุกโชน มนต์บทไฟสร้างดวงไฟเล็กๆขึ้นมาให้ความอบอุ่นแก่เธอ พลันแสงสีเขียวก็ค่อยๆปรากฏขึ้นและลอยสลายหายไปซึ่งนั่นหมายถึง เขตแดนกำลังพังทลาย เธอจึงได้ทีร่ายเวทไฟต่อไป

                ไฟเอ๋ยจงลุกโชน

                เพล้ง เสียงสัญญาณที่แสดงว่าเขตแดนพังทลายลงโดยสมบูรณ์ดังขึ้นพร้อมสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเขตแดน... เบื้องหน้าหญิงสาวนั้น ไม่ดีมีเพียงน้ำนมราชสีห์ที่เธอปรารถนา !!!

              ว่ากันว่าต้นไม้ที่อาบแสงจันทร์มากกว่าพันหมื่นราตรีจะค่อยๆสะสมพลังเวทของดวงจันทร์จนกระทั่งสามารถใช้เวทมนตร์ด้วยตนเองได้... อยู่ๆเรื่องราวเก่าๆที่คุณย่าเคยพูดเอาไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว

                หรือต้นไม้พวกนี้กำลังปกป้องเด็กคนนี้เธอคิดในใจเมื่อเบื้องหน้าของเธอปรากฏภาพของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลกำลังหลับใหลไร้สติ เบื้องหลังของเขาคือต้นสนขนาดมหึมาซึ่งน่าจะอายุเกินหนึ่งหมื่นปี

                ท่านคงจะเป็นห่วงเด็กคนนี้ แต่เขาเป็นมนุษย์ ขอท่านจงให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์เถิด ข้าจะดูแลเขาอย่างดีเมื่อพูดจบหญิงสาวก็ดับไฟที่ก่อลงแต่ก็ยังไร้สัญญาณใดๆจากสิ่งรอบข้าง เธอตัดสินใจก้าวเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่ม พลันแสงสีเขียวก็ปรากฏและแปลเปลี่ยนเป็นจี้ไม้รูปหัวใจ

              ตู้มยังไม่มีเวลาให้เธอได้สงสัยอะไร เสียงระเบิดจากที่ไกลๆก็ดังขึ้น

                พวกเมโทรโปลิสกำลังไล่ลาเด็กคนนี้อยู่เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวของเธอ

                พาเขาหนีไปทางทิศเหนือ ซึ่งเธอมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของตัวกลางเป็นแน่ แต่คำถามในใจเธอตอนนี้คือ แล้วจะให้แบกเจ้าหนูนี่ไปยังไง

     

     

                แฮ่กๆ เสียงหอบเป็นหลักฐานอย่างดีว่าต้นไม้รกทึบประกอบกับเส้นทางที่ลาดชันทำให้หญิงสาวประคองกึ่งลากเด็กหนุ่มอย่างยากลำบาก แต่เธอก็มิอาจหยุดพักได้เมื่อรู้ดีแก่ใจว่าเบื้องหลังของเธอคือชาวเมโทรโปลิสซึ่งหมายเอาชีวิตเด็กหนุ่มอยู่ เหงื่อที่ชุ่มไปทั้งร่างพร้อมกับดวงตาที่เริ่มปรือสื่อถึงขีดกำจัดของร่างกายที่กำลังจะถึงในไม่ช้า ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกถึงสัญญาณตอบรับจากร่างที่ไร้สติข้างๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆปรือขึ้นและมองเธออย่างสับสน

                เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ยหญิงสาวเอ่ยปากถามเด็กหนุ่ม และได้รับเพียงการพยักหน้าเบาๆ

                ข้าเจอเจ้าสลบอยู่ใต้ต้นสนยักษ์บนเขา แล้วมีพวกเมโทรโปลิสตามมา เจ้าไปทำอะไรพวกนั้นกัน เธอถามคำถามที่สงสัยมานานต่อเด็กหนุ่มตรงหน้า

                “ข้า...ข้าจำอะไรไม่ได้เลยแต่ก็มิได้รับสิ่งใดเพิ่มเติม

                “ลองนึกดูดีๆสิเด็กหนุ่มส่ายหัวพลางทำหน้าเบ้แบบคิดหนัก

                “ข้าขอโทษข้าจำไม่ได้จริงๆ”         

              “แกรบและเสียงรองเท้าเหยียบใบไม้แห้งก็ตัดบทการสนทนาของทั้งคู่แบบทำให้ลืมหายใจเลยทีเดียว ทั้งคู่มองตากันก่อนหญิงสาวจะทำมือชี้ลงพื้นเป็นสัญญาณให้นั่งลงเพื่อหลบซ่อนภายใต้แนวไม้ใหญ่ ในหัวหญิงสาวเต็มไปด้วยความคิดว่าจะทำยังไงถึงจะช่วยเจ้าหนูนี่และตัวเองให้รอด ก่อนการบริกรรมคาถาจะเริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

                ไฟเอ๋ยจงลุกโชน

     

     

                จากหนึ่งต้นลามไปอีกหนึ่งต้น ผืนป่าแห่งนี้กำลังจะแปลเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง ใบหญ้าที่ถูกเผาไหม้ส่งเสียงดีดเปรี้ยะตลอดเวลาคลอเคล้าเสียงโหวกเหวกโวยวายของเหล่าเมโทรโปลิสผู้ตามล่าเด็กหนุ่มหญิงสาวใช้โอกาสชุลมุนนี้ลากเด็กหนุ่มไปอย่างไร้ทิศทาง

                โอ้ยเด็กหนุ่มร้องเมื่อหน้าคะมำลงไปจูบพื้นดิน

                กับดักของพวกมัน!!” หญิงสาวคิดในใจเมื่อสังเกตเห็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มล้มลง... โซ่ตรวนหนาที่รัดเข้ากับข้อเท้าของเด็กหนุ่มอยู่

                หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!”  โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงแหบห้าวของชาวเมโทรโปลิสก็ดังขึ้นเบื้องหลัง

                ยกมือขึ้น แล้วหันมาทางนี้ชายร่างยักษ์ตะโกนพลางหันปืนเลเซอร์ไปยังทั้งคู่

                “สายลมเอ๋ยจง...” หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาแต่ก็ไม่อาจหลอกตาชายหนุ่มผู้ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน        

              “วิ๊งแสงสีแดงทะลุผ่านท้องของหญิงสาวพร้อมกับร่างของเธอที่ล้มลงต่อหน้าเด็กหนุ่ม

                ไม่น่าแส่หาเรื่องแท้ๆ

              “ไฟเอ๋ยจงลุกโชนเสียงบริกรรมคาถาของหญิงสาวกลับไม่ได้มาจากหญิงสาวแต่เป็นเด็กหนุ่มลึกลับผู้อยู่ใต้ต้นสน ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มร่างยักษ์พลันลุกเป็นไฟในเสี้ยววินาที ดวงหน้าหวาดกลัวในตอนแรกของเด็กหนุ่มบัดนี้กลายเป็นใบหน้าเรียบเฉยที่แม้ราชสีห์ยังหวาดเกรง

     

                                        ..TBC..

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×