ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic.Naruto]Akatsuki House เกมป่วนหัวใจ ฉบับไฮสคูล!!

    ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 3:: ง้อ?

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 54


    3

    ง้อ?

     

    8.00 น. วันที่สองนับจากวันจับฉลาก ณ โรงเรียนแสงอุษา

    =_= สีหน้าไม่สู้ดีของฉัน

    -_- สีหน้าอันตึงเครียดของทุกคน

    ^_^ สีหน้าของเจ้าเพนและเจ้าโทบิที่ดูจะสนุกกับเรื่องนี้ซะเหลือเกิน

    -_-^ ส่วนหน้านี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากนายท่านซาโซริสุดที่รัก นี่เขาจะกินตับฉันมั๊ยเนี่ยTT^TT

    ตอนนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังจุดกึ่งกลางหน้ากระดานดำซึ่งเป็นที่ยืนประจำของหัวหน้าห้องอย่างเพน เพนยิ้มกว้างอย่างภูมิใจราวกับการที่ได้เป็นหัวหน้าห้องนั้นเปรียบเสมือนการได้รับเลือกเป็นนายกฯก็ไม่ปาน ตอนนี้สายตาฉันได้แต่มองไปรอบๆห้องก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่นายท่านซาโซริที่นั่งแผ่จิตสังหารรุนแรงอยู่ริมห้อง เล่นเอาเห็นแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว ให้ตายเหอะ เขาไปกินรังแตนมาจากไหนกันนะTT^TT?

    “วันนี้ฉันมีข่าวดีจะบอกพวกนายทุกคน^: :^” เพนเปิดประเด็น

    “นายจะพาพวกเราไปเลี้ยงหมูกระทะเหรอ ขอบใจมาก *O* ” ฮิดันตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงหมูกระทะ คาคุสึที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปนั่งนับเงินต่อ

    “ไม่ใช่ ลองเดาเป็นอย่างอื่นสิ^: :^

    “ไม่รู้ขี้เกียจเดาแล้ว นี่ คาคุสึ เค้าอยากกินไอติมอ่า~ ” ฮิดันทำหน้ามุ่ยแล้วหันไปออดอ้อนคาคุสึที่นั่งนับเงินอยู่

    “คุณอิทาจิไม่เดากับเขาบ้างหรือครับ?” คิซาเมะหันไปยิ้มให้อิทาจิที่นั่งจิ้มไอโฟนอยู่

    “ไม่จำเป็น” อิทาจิพูดเรียบๆแล้วจิ้มไอโฟนต่ออย่างไม่สนใจใคร

    “พวกนายนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ งั้นฉันจะเฉลยล่ะนะ ข่าวดีที่ฉันจะบอกก็คือ...”

     

    ตึง!!

     

    เพนที่กำลังจะอ้าปากพูดยังรีบหุบปาก ฮิดันที่ปกติพูดไม่หยุดกลับเงียบสนิท ทุกคนในห้องที่เมื่อกี้ยังคุยเล่นกันเสียงดัง บัดนี้เหลือแต่เพียงความเงียบทะลวงกระเพาะอาหารเท่านั้น

    ทุกสายตาต่างกวาดตาไปมองเจ้าของเสียงทุบโต๊ะนั้น... นายท่านซาโซริ!?

    “อะไรน่ะ ทุบโต๊ะซะเสียงดัง มีปัญหาอะไรรึไง?” คาคุสึละสายตาจากปึกเงินในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองนายท่านซาโซริ

    “เออ!! ฉันมีปัญหา!! แล้วแกจะทำไมฉัน!!??” นายท่านซาโซริหันมามองคาคุสึด้วยสายตาขวางๆ

    “เฮ้ย! อยากมีเรื่องรึไงวะ!?” คาคุสึดูท่าจะทนกับคำพูดชวนท้าต่อยของนายท่านไม่ไหวจึงลุกพรวดขึ้นมาประชันหน้า

    “เออสิ จะเอาเหรอวะ!!??” นายท่านซาโซริยิ้มที่มุมปาก “ก็ดีเหมือนกัน เผื่อมีใครตายไปซักคนอาจไม่ต้องเล่นเกมงี่เง่านั่น”

    “นายท่าน!! พูดอะไรออกมาน่ะ!!”

    ฉันลุกพรวดขึ้นบ้างเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป นายท่านที่ฉันเคารพรักและนับถือมาตลอดหายไปไหน? แล้วผู้ชายอารมณ์ร้ายนี่เป็นใคร 007ปลอมตัวมารึยังไง?

    “อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรเดอิดาระ!!” นายท่านหันมาตะคอกใส่ฉัน เล่นเอาตัวหดเหลือเท่านิ้วแม่โป้งเท้า

    “นายน่ะมันไม่เคยเข้าใจอะไรซักอย่าง ความรู้สึกฉันนายยังไม่เข้าใจเลย!!

                     “ฉันไม่พูดกับนายแล้ว อยากจะบอกข่าวดงข่าวดีหรือเรื่องบ้าเรื่องบออะไรก็เชิญต่อเถอะ ฉันขี้เกียจจะฟังแล้ว!!

    ว่าจบก็กระแทกเท้าปึงปังออกไปจากห้อง ฉันที่ได้แต่ล้มลงแล้วนั่งหน้าซีดเป็นไก่ตุ๋นโสมยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเบาๆ รู้สึกได้ว่าในตามันร้อนผ่าวไปหมด เหมือนน้ำใสๆอุ่นๆจะเอ่อล้นขึ้นมา ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นมีแต่ภาพของเจ้าโทบิที่วิ่งเข้ามานั่งกับพื้น จับมือและจ้องหน้าฉันที่เปื้อนหยาดน้ำตา

    “โทบิ... ฉันผิดอะไร...”

    “รุ่นพี่ครับ... รุ่นพี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย”

    “ถ้าฉันไม่ได้ผิด แล้วนายท่านจะโกธรฉันทำไม...”

    พอพูดถึงนายท่านก็แทบจะกลั้นไม่อยู่ เหมือนอะไรซักอย่างในตัวจะพลั่งพลูออกมา

    “คุณซาโซริเขาคงกำลังอารมณ์ไม่ดีน่ะครับ รุ่นพี่อย่าคิดมากนะ”

    “โทบิ ถามอะไรอย่างสิ...”

    “แน่นอนครับ ถามมาเลย ผมยินดีจะตอบ”

    “สำหรับนาย ฉันสำคัญมากถึงขนาดที่นายจะต้องมานั่งปลอบฉันแบบนี้เลยเหรอ?”

    โทบิมองฉัน ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ฉันก็รู้ได้ว่าเจ้าเด็กบ้าสวมหน้ากากตรงหน้ากำลังยิ้มให้ฉัน

    “สำหรับผม...”

    “...”

    “รุ่นพี่เป็นที่หนึ่งทุกครั้งเวลาผมคิดหรือทำอะไร”

    “...”

    “รุ่นพี่เป็นคนที่ผมคิดว่าผมอยากเป็นบ้าง”

    “...”

    “รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่อย่าร้องไห้เลยนะ เพราะอย่างสุดท้ายที่ผมจะบอก...”

    “...โทบิ?”

    “ผมอยากเห็นรุ่นพี่ยิ้มหรือหัวเราะมากกว่ารุ่นพี่ที่นึ่งซึมเศร้าหรือร้องไห้แบบนี้”

    ฉันมองเจ้าเด็กบ้าตรงหน้า เจ้าเด็กบ้าที่ฉันปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวด้วยมาตลอด เจ้าเด็กบ้าที่ฉันคิดว่ามันทำตัวไร้สาระและน่ารำคาญเป็นที่สุด แต่ในนอนนี้ เจ้าเด็กบ้าคนนั้นกลับเป็นคนแรกที่เข้ามาปลอบโยนฉันที่นั่งร้องไห้และโศกเศร้าอยู่ตรงนี้ กลับเป็นคนที่ทำให้ฉันได้รู้ถึงอะไรหลายๆอย่างมากมาย วินาทีนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันควรทำอะไรมากกว่าการที่จะมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้

    “ขอบใจนะโทบิ ฉันไม่ร้องไห้แล้ว ขอมือฉันคืนเถอะนะ”

    ฉันว่าพลางปาดน้ำตาและยิ้มให้คนตรงหน้า

    “ก็ตามไปซะสิ”

    ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง อิทาจิที่นั่งจิ้มไอโฟนอยู่ไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน

    “ต่อให้ฉันไม่บอกนายก็คงจะตามไปอยู่ดีจริงมั๊ย?”

    ฉันมองหน้าอิทาจิ พยักหน้าแล้วออกตัววิ่งตามไป

     

    ตึกๆๆๆๆๆ

     

    อยู่ที่ไหนกันนะ ที่ๆนายท่านน่าจะอยู่ ฉันวิ่งตามหาไปทั่ว หาแล้วหาอีก จนสุดท้ายฉันก็เจอ... ในห้องดนตรีที่มีเสียงเพลงไพเราะดังออกมา

    ฉันเหลือบมองผู้ชายผมสีแดงที่กำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนเปียโนผ่านทางประตูกระจก ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูและย่างก้าวเข้าไปด้วยตีนที่เรียกว่าแมว คิดจะทำให้ตกใจเล่น เผื่อเขาจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แต่ช้าแต่...

    “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?” นายท่านซาโซริหยุดเป่าขลุ่ยในมือ หันขวับมามองฉันที่ค้างอยู่ในท่าแมวกำลังจะขโมยปลาทู

    “เอ้อ... คือว่า...”

    นายท่านไม่ฟังภาษาติดอ่างของฉันแม้แต่น้อย เขาหันไปเตรียมจะเป่าขลุ่ยต่อราวกับฉันเป็นแค่เศษนาโนโมเลกุลก็ไม่เทียมเท่า ฉันที่เห็นดังนั้นจำปฏิบัติการ“ง้อ”ด้วยสำเนียงมารยาร้อยเล่มเกวียน เอ้ย ฟังลื่นหูเป็นที่สุด

    “ตัวเอง... จ๋า?”

    เสียงหวานดุจไข่มุกของพอลล่าในโฆษนาหมึกย่างยังมิอาจเทียบน้ำเสียงหวานน้ำผึ้งของฉันได้ แต่ผลลัพท์ก็เหมือนเดิม แถมเขายังเริ่มเป่าเพลงหนูมาลีแล้วอีกต่างหาก ในเมื่อพูดหวานๆแล้วไปฟัง ก็เอาห้าวๆไปเลยแล้วกัน

    “เฮ้ย คนมาง้ออ่ะ ฟังหน่อยสิวะ=()=

    ฉันว่าพลางเอาศอกเขี่ยๆที่ไหล่ของเขา นายท่านซาโซริหันมามองฉันตาขวางแล้วสบถดังๆหนึ่งที

    “บ้านพ่อนายเขาง้อกันแบบนี้รึไง!?”

    ทำไมต้องว่าเตี่ยหนูด้วยอ่ะTT^TT

    “โถ่ แค่ล้อเล่นเอง ไปกินรังแตนมารึไงเนี่ย-O-

    “ถ้านายอุตส่าห์วิ่งมาหาฉันถึงนี่เพราะแค่จะถามว่าฉันกินรังแตนแทนข้าวมั๊ยก็กลับไปหาเจ้าหัวส้มนั่นเถอะ”

    “ทำไมอารมณ์ร้ายจัง ทนฟังไม่ได้”

    “ก็ไม่ต้องฟัง!!” นายท่านตั้งท่าจะเป่าขลุ่ยต่อ

    “นายท่าจะระบายความโกธรผ่านขลุ่ยให้ผมฟังเหรอ?”

    -_-

    “ฮั่นแน่ะ! แอบขำใช่ม๊า~

    ฉันเอานิ้วจิ้มๆไหล่นายท่านอย่างล้อเล่น

    “จะบ้าเรอะ ฉันโกธรนายอยู่นะ เล่นกับหมาแล้วหมาเลียปากแบบนี้ไม่น่าคุยด้วยเลย!!

    “แล้วหายโกธรรึยังล่ะ”

    ฉันจ้องนายท่านด้วยแววตาลูกหมาน้อย

    “ม...ไม่มีทาง!!

    นายท่านกำลังจะเป่าขลุ่ยต่ออีกแล้ว ไม่สนแล้วเฟ้ย ไม่หายก็ไม่ต้องหาย ฉันไปเองก็ได้>O<!!

    “งั้นไปดีกว่า ขี้เกียจง้อแล้ว” ว่าจบก็เตรียมหมุนตัวออกจากห้อง

    “เดี๋ยว!” นายท่านเลิกเป่าขลุ่ยแล้วหันมามองฉัน

    “อะไรอีก กะจะไม่กวนแล้วนะเนี่ย-O-

     

    “ห...หายก็หาย ฉันหายโกธรนายแล้ว” นายท่านตะโกนลั่น หน้าแดงถึงใบหู

     

    ฉันมองหน้าเขา ทำไมนะ? เขาดูหน้าแดงจัง? เอ๊ะ หรือเขาจะชอบฉัน? โฮ๊ะ ฉันเป็นผู้ชายนี่หว่า สงสัยจะคิดไปเองมั๊ง? เนอะ^O^?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×