คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ::Chapter 3:: ง้อ?
3
ง้อ?
8.00 น. วันที่สองนับจากวันจับฉลาก ณ โรงเรียนแสงอุษา
=_= สีหน้าไม่สู้ดีของฉัน
-_- สีหน้าอันตึงเครียดของทุกคน
^_^ สีหน้าของเจ้าเพนและเจ้าโทบิที่ดูจะสนุกกับเรื่องนี้ซะเหลือเกิน
-_-^ ส่วนหน้านี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากนายท่านซาโซริสุดที่รัก นี่เขาจะกินตับฉันมั๊ยเนี่ยTT^TT
ตอนนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังจุดกึ่งกลางหน้ากระดานดำซึ่งเป็นที่ยืนประจำของหัวหน้าห้องอย่างเพน เพนยิ้มกว้างอย่างภูมิใจราวกับการที่ได้เป็นหัวหน้าห้องนั้นเปรียบเสมือนการได้รับเลือกเป็นนายกฯก็ไม่ปาน ตอนนี้สายตาฉันได้แต่มองไปรอบๆห้องก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่นายท่านซาโซริที่นั่งแผ่จิตสังหารรุนแรงอยู่ริมห้อง เล่นเอาเห็นแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว ให้ตายเหอะ เขาไปกินรังแตนมาจากไหนกันนะTT^TT?
“วันนี้ฉันมีข่าวดีจะบอกพวกนายทุกคน^: :^” เพนเปิดประเด็น
“นายจะพาพวกเราไปเลี้ยงหมูกระทะเหรอ ขอบใจมาก *O* ” ฮิดันตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงหมูกระทะ คาคุสึที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปนั่งนับเงินต่อ
“ไม่ใช่ ลองเดาเป็นอย่างอื่นสิ^: :^”
“ไม่รู้ขี้เกียจเดาแล้ว นี่ คาคุสึ เค้าอยากกินไอติมอ่า~ ” ฮิดันทำหน้ามุ่ยแล้วหันไปออดอ้อนคาคุสึที่นั่งนับเงินอยู่
“คุณอิทาจิไม่เดากับเขาบ้างหรือครับ?” คิซาเมะหันไปยิ้มให้อิทาจิที่นั่งจิ้มไอโฟนอยู่
“ไม่จำเป็น” อิทาจิพูดเรียบๆแล้วจิ้มไอโฟนต่ออย่างไม่สนใจใคร
“พวกนายนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ งั้นฉันจะเฉลยล่ะนะ ข่าวดีที่ฉันจะบอกก็คือ...”
ตึง!!
เพนที่กำลังจะอ้าปากพูดยังรีบหุบปาก ฮิดันที่ปกติพูดไม่หยุดกลับเงียบสนิท ทุกคนในห้องที่เมื่อกี้ยังคุยเล่นกันเสียงดัง บัดนี้เหลือแต่เพียงความเงียบทะลวงกระเพาะอาหารเท่านั้น
ทุกสายตาต่างกวาดตาไปมองเจ้าของเสียงทุบโต๊ะนั้น... นายท่านซาโซริ!?
“อะไรน่ะ ทุบโต๊ะซะเสียงดัง มีปัญหาอะไรรึไง?” คาคุสึละสายตาจากปึกเงินในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองนายท่านซาโซริ
“เออ!! ฉันมีปัญหา!! แล้วแกจะทำไมฉัน!!??” นายท่านซาโซริหันมามองคาคุสึด้วยสายตาขวางๆ
“เฮ้ย! อยากมีเรื่องรึไงวะ!?” คาคุสึดูท่าจะทนกับคำพูดชวนท้าต่อยของนายท่านไม่ไหวจึงลุกพรวดขึ้นมาประชันหน้า
“เออสิ จะเอาเหรอวะ!!??” นายท่านซาโซริยิ้มที่มุมปาก “ก็ดีเหมือนกัน เผื่อมีใครตายไปซักคนอาจไม่ต้องเล่นเกมงี่เง่านั่น”
“นายท่าน!! พูดอะไรออกมาน่ะ!!”
ฉันลุกพรวดขึ้นบ้างเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป นายท่านที่ฉันเคารพรักและนับถือมาตลอดหายไปไหน? แล้วผู้ชายอารมณ์ร้ายนี่เป็นใคร 007ปลอมตัวมารึยังไง?
“อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรเดอิดาระ!!” นายท่านหันมาตะคอกใส่ฉัน เล่นเอาตัวหดเหลือเท่านิ้วแม่โป้งเท้า
“นายน่ะมันไม่เคยเข้าใจอะไรซักอย่าง ความรู้สึกฉันนายยังไม่เข้าใจเลย!!”
“ฉันไม่พูดกับนายแล้ว อยากจะบอกข่าวดงข่าวดีหรือเรื่องบ้าเรื่องบออะไรก็เชิญต่อเถอะ ฉันขี้เกียจจะฟังแล้ว!!”
ว่าจบก็กระแทกเท้าปึงปังออกไปจากห้อง ฉันที่ได้แต่ล้มลงแล้วนั่งหน้าซีดเป็นไก่ตุ๋นโสมยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเบาๆ รู้สึกได้ว่าในตามันร้อนผ่าวไปหมด เหมือนน้ำใสๆอุ่นๆจะเอ่อล้นขึ้นมา ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นมีแต่ภาพของเจ้าโทบิที่วิ่งเข้ามานั่งกับพื้น จับมือและจ้องหน้าฉันที่เปื้อนหยาดน้ำตา
“โทบิ... ฉันผิดอะไร...”
“รุ่นพี่ครับ... รุ่นพี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย”
“ถ้าฉันไม่ได้ผิด แล้วนายท่านจะโกธรฉันทำไม...”
พอพูดถึงนายท่านก็แทบจะกลั้นไม่อยู่ เหมือนอะไรซักอย่างในตัวจะพลั่งพลูออกมา
“คุณซาโซริเขาคงกำลังอารมณ์ไม่ดีน่ะครับ รุ่นพี่อย่าคิดมากนะ”
“โทบิ ถามอะไรอย่างสิ...”
“แน่นอนครับ ถามมาเลย ผมยินดีจะตอบ”
“สำหรับนาย ฉันสำคัญมากถึงขนาดที่นายจะต้องมานั่งปลอบฉันแบบนี้เลยเหรอ?”
โทบิมองฉัน ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าแต่ฉันก็รู้ได้ว่าเจ้าเด็กบ้าสวมหน้ากากตรงหน้ากำลังยิ้มให้ฉัน
“สำหรับผม...”
“...”
“รุ่นพี่เป็นที่หนึ่งทุกครั้งเวลาผมคิดหรือทำอะไร”
“...”
“รุ่นพี่เป็นคนที่ผมคิดว่าผมอยากเป็นบ้าง”
“...”
“รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่อย่าร้องไห้เลยนะ เพราะอย่างสุดท้ายที่ผมจะบอก...”
“...โทบิ?”
“ผมอยากเห็นรุ่นพี่ยิ้มหรือหัวเราะมากกว่ารุ่นพี่ที่นึ่งซึมเศร้าหรือร้องไห้แบบนี้”
ฉันมองเจ้าเด็กบ้าตรงหน้า เจ้าเด็กบ้าที่ฉันปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวด้วยมาตลอด เจ้าเด็กบ้าที่ฉันคิดว่ามันทำตัวไร้สาระและน่ารำคาญเป็นที่สุด แต่ในนอนนี้ เจ้าเด็กบ้าคนนั้นกลับเป็นคนแรกที่เข้ามาปลอบโยนฉันที่นั่งร้องไห้และโศกเศร้าอยู่ตรงนี้ กลับเป็นคนที่ทำให้ฉันได้รู้ถึงอะไรหลายๆอย่างมากมาย วินาทีนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันควรทำอะไรมากกว่าการที่จะมานั่งร้องไห้อยู่แบบนี้
“ขอบใจนะโทบิ ฉันไม่ร้องไห้แล้ว ขอมือฉันคืนเถอะนะ”
ฉันว่าพลางปาดน้ำตาและยิ้มให้คนตรงหน้า
“ก็ตามไปซะสิ”
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียง อิทาจิที่นั่งจิ้มไอโฟนอยู่ไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน
“ต่อให้ฉันไม่บอกนายก็คงจะตามไปอยู่ดีจริงมั๊ย?”
ฉันมองหน้าอิทาจิ พยักหน้าแล้วออกตัววิ่งตามไป
ตึกๆๆๆๆๆ
อยู่ที่ไหนกันนะ ที่ๆนายท่านน่าจะอยู่ ฉันวิ่งตามหาไปทั่ว หาแล้วหาอีก จนสุดท้ายฉันก็เจอ... ในห้องดนตรีที่มีเสียงเพลงไพเราะดังออกมา
ฉันเหลือบมองผู้ชายผมสีแดงที่กำลังนั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนเปียโนผ่านทางประตูกระจก ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูและย่างก้าวเข้าไปด้วยตีนที่เรียกว่าแมว คิดจะทำให้ตกใจเล่น เผื่อเขาจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แต่ช้าแต่...
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?” นายท่านซาโซริหยุดเป่าขลุ่ยในมือ หันขวับมามองฉันที่ค้างอยู่ในท่าแมวกำลังจะขโมยปลาทู
“เอ้อ... คือว่า...”
นายท่านไม่ฟังภาษาติดอ่างของฉันแม้แต่น้อย เขาหันไปเตรียมจะเป่าขลุ่ยต่อราวกับฉันเป็นแค่เศษนาโนโมเลกุลก็ไม่เทียมเท่า ฉันที่เห็นดังนั้นจำปฏิบัติการ“ง้อ”ด้วยสำเนียงมารยาร้อยเล่มเกวียน เอ้ย ฟังลื่นหูเป็นที่สุด
“ตัวเอง... จ๋า?”
เสียงหวานดุจไข่มุกของพอลล่าในโฆษนาหมึกย่างยังมิอาจเทียบน้ำเสียงหวานน้ำผึ้งของฉันได้ แต่ผลลัพท์ก็เหมือนเดิม แถมเขายังเริ่มเป่าเพลงหนูมาลีแล้วอีกต่างหาก ในเมื่อพูดหวานๆแล้วไปฟัง ก็เอาห้าวๆไปเลยแล้วกัน
“เฮ้ย คนมาง้ออ่ะ ฟังหน่อยสิวะ=()=”
ฉันว่าพลางเอาศอกเขี่ยๆที่ไหล่ของเขา นายท่านซาโซริหันมามองฉันตาขวางแล้วสบถดังๆหนึ่งที
“บ้านพ่อนายเขาง้อกันแบบนี้รึไง!?”
ทำไมต้องว่าเตี่ยหนูด้วยอ่ะTT^TT
“โถ่ แค่ล้อเล่นเอง ไปกินรังแตนมารึไงเนี่ย-O-”
“ถ้านายอุตส่าห์วิ่งมาหาฉันถึงนี่เพราะแค่จะถามว่าฉันกินรังแตนแทนข้าวมั๊ยก็กลับไปหาเจ้าหัวส้มนั่นเถอะ”
“ทำไมอารมณ์ร้ายจัง ทนฟังไม่ได้”
“ก็ไม่ต้องฟัง!!” นายท่านตั้งท่าจะเป่าขลุ่ยต่อ
“นายท่าจะระบายความโกธรผ่านขลุ่ยให้ผมฟังเหรอ?”
“-_-”
“ฮั่นแน่ะ! แอบขำใช่ม๊า~ ”
ฉันเอานิ้วจิ้มๆไหล่นายท่านอย่างล้อเล่น
“จะบ้าเรอะ ฉันโกธรนายอยู่นะ เล่นกับหมาแล้วหมาเลียปากแบบนี้ไม่น่าคุยด้วยเลย!!”
“แล้วหายโกธรรึยังล่ะ”
ฉันจ้องนายท่านด้วยแววตาลูกหมาน้อย
“ม...ไม่มีทาง!!”
นายท่านกำลังจะเป่าขลุ่ยต่ออีกแล้ว ไม่สนแล้วเฟ้ย ไม่หายก็ไม่ต้องหาย ฉันไปเองก็ได้>O<!!
“งั้นไปดีกว่า ขี้เกียจง้อแล้ว” ว่าจบก็เตรียมหมุนตัวออกจากห้อง
“เดี๋ยว!” นายท่านเลิกเป่าขลุ่ยแล้วหันมามองฉัน
“อะไรอีก กะจะไม่กวนแล้วนะเนี่ย-O-”
“ห...หายก็หาย ฉันหายโกธรนายแล้ว” นายท่านตะโกนลั่น หน้าแดงถึงใบหู
ฉันมองหน้าเขา ทำไมนะ? เขาดูหน้าแดงจัง? เอ๊ะ หรือเขาจะชอบฉัน? โฮ๊ะ ฉันเป็นผู้ชายนี่หว่า สงสัยจะคิดไปเองมั๊ง? เนอะ^O^?
ความคิดเห็น