ก็ว่าจะทำเป็นแกล้งเมินมอง ไม่เห็นแล้ว ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามานั่งที่โต๊ะแล้วเจอสายตาล้อเลียนของไอ้หมาจ่าฝูงที่ กำลังเตรียมเห่าเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ทนคำล้อแบบฟังหูซ้ายทะลุหูชวาไม่ไหว เพราะตรงกึ่งกลางระหว่างหูทั้งสองข้างมันมีสมองซึ่งทำหน้าที่ในการแปลข้อ ความคั่นอยู่ ทงเฮถึงต้องมานั่งสะกดอารมณ์ตัวเองอย่างในตอนนี้...
“ ว้าว!! ...วันนี้มีราชรถมาเกยซะด้วย~ ”
“ ......... ”
“ เท่านั้นไม่พอ....อีทงเฮยังเจ้าชายมาส่งถึงห้องอีกด้วยแน่ะ! ”
“ ......... ”
“ แล้วถ้าหูไม่ฝาด.... รู้สึกจะได้ยินแว่วๆว่าก่อนกลับเจ้าชายจะเสด็จมารับอีทงเฮไปชมรมด้วยกันหลังเลิกเรียน ”
“ ......... ”
“ โอ้~ ...แล้วในพระครรภ์มีพระโอรสหรือพระธิดาล่ะพะยะค่ะ? ”
แทบจะยังหมัดไว้ไม่อยู่ เมื่อทำเป็นหูทวนลมก็แล้ว แต่ปากพล่อยๆของชเวซีวอนก็ยังร่ายคำล้อไม่หยุด จนทงเฮไม่คิดจะทนมันอีกต่อไป ...ด่ากลับมันไปเลยแล้วกัน ไอ้ชั่ววววววว!!!
“ มึงอยากมีรอยตีนกูทาบบนหน้าแทนรอยตีนกาหรือไงห่ะ!! ”
“ ไม่นิ ” คนถูกถามส่ายหน้าพั่บๆ รังสีฆ่าฟันมันออกมาแล้วคับพี่น้อง เค้ากลั๊วกลัวนะเนี่ย~~
“ งั้นก็เลิกพูดจากวนส้น ...แล้วเอาหน้าบานๆของมึงออกไปให้พ้นๆโต๊ะกูด่วน ก่อนที่มันจะมีรอยไนกี้ของกูประดับอยู่บนหน้ามึง!!! ” พูดไม่พูดเปล่า ทงเฮยังใจดียกเท้าขึ้นมาโชว์ให้ดูอีกว่าเอาจริง
“ คนท้องนี่อารมณ์แปรปรวนจังเนอะ ฮยอคแจ~ ”
ก่อนจะไปตามคำขอ(!?) ยังไม่วายปากเปราะหันไปกวนร่างบางให้อารมณ์เสียหนักยิ่งกว่าเก่า จนฮยอคแจต้องช่วยเอ่ยปรามเพราะไม่อยากปวดหัวเพราะไอ้สองตัวนี่ทะเลาะกัน -*-
“ ก็อย่าไปฟังซีวอนมันสิ ทงเฮ มึงก็รู้ว่าถ้าวันหนึ่งมันไม่ได้เห่าแล้วเห็บจะขึ้นหัวมันน่ะ ” ชี้ไปที่หัวฟูๆของเพื่อนตัวสูง อุปโลกน์ให้ทงเฮเห็นขี้รังแคหรือเห็บอะไรก็ได้บนหัวซีวอนจริงๆ
“ พูดอย่างนี้ หาเรื่องหรือไง อีฮยอคแจ!! ” ซีวอนขึ้นเสียงใส่ในขณะที่ทงเฮยิ้มเยาะ เหอๆ ..ไอ้หมาหัวเน่า!! ฮยอคแจเข้าข้างชั้นน๊า~~ กร๊ากกกก
“ เปล่าหนิ ” ฮยอคแจโคลงหัวไปมา ไม่รู้ไม่ชี้
เกิดเป็นคนกลางระหว่างสองคนนี้นี่ลำบากสุดๆ ...เพราะไม่สามารถทำตัวให้เป็นกลางได้เลยสักนิด -*-
ทุกครั้งที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยหรือเวลาที่ซีวอนและทงเฮทะเลาะกัน ฮยอคแจต้องเลือกด่าใครไปสักคนเพื่อให้หยุดการโต้เถียงนั้นก่อนที่หูของเค้า จะหนวก ซึ่งคราวนี้ฮยอคแจเลือกซีวอน เนื่องจากเล็งเห็นว่าถ้าไปเข้าพวกกับซีวอน แล้วช่วยกันล้อทงเฮอีก มีหวังเจ้าตัวเล็กคงโวยวาย อารมณ์เสีย จนในที่สุดก็ล้มเลิกการปฏิวัติตัวเองให้เป็นอุเคะ เพราะอับอายอย่างหนักแน่ๆ
....และที่สำคัญ ฮยอคแจยังอยากดูวิวัฒนาการของ ‘อะมีบ้าอุเคะ’ ในตัวของทงเฮอยู่น่ะซี้~ คึคึ > <
“ เออ...เห็นไอ้หมวยมันดีกว่าชั้นใช่มั้ย? ...ก็ดี ”
ซีวอนใช้สายตาตัดพ้อร่างผอมบางชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่คนตัวใหญ่ขึ้ใจน้อยจะเดินปึงปังออกไปนอกห้องโดยมีเสียงใสๆของทงเฮตาม สรรเสริญส่งท้าย
“ เฮ้ย!! เรียกใคร หมวย วะ!!! ไอ้ซีว๊อนนนนนน~~ กลับมาเคลียร์กับกูให้รู้เรื่องนะ!!!! ” ตั้งท่าจะลุกตามไปหาเรื่องต่อ จนฮยอคแจต้องจับไหล่เล็กเอาไว้แล้วกดให้นั่งลงที่เดิม
“ พอได้แล้วน่า ทงเฮ ”
“ อะไรกัน ” ทำท่าฟึดฟัดก่อนกระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้ตามแรงกดของมือฮยอคแจ
“ เอาน่าๆ ” ลูบหลังเพื่อให้อารมณ์ของเพื่อนรักเย็นลงแม้เซลเซียสหนึ่งก็ยังดี
“ เออ...ว่าแต่เรื่องเมื่อเช้า มันเป็นไปได้ยังไงน่ะ ทงเฮ~? ”
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างซีวอนกับฮยอคแจแล้ว วิธีในการจับสังเกตทงเฮนั้น....แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ในขณะที่ซีวอนมีวิธีจับพิรุธทงเฮ ได้จากน้ำเสียง ท่าทาง และสีหน้า
ฮยอคแจก็จะสามารถคอยตะล่อมให้ทงเฮเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นได้ด้วยการ พยายามป้อนคำถามที่ไม่ทำให้คนตอบลำบากใจ และเป็นประเด็นที่อีฮยอคแจอยากรู้ด้วยเช่นกัน
เรื่องใช้ไม้อ่อนน่ะ ขอให้เบอกเถอะ ฮยอคแจถนัดนัก!
“ มึงอย่าเข้าใจผิดนะ กูรับรองว่า อีทงเฮคนนี้ยังแมนเต็มขั้นนะเฟ้ย ” ตบอกแห้งๆของตัวเองเพิ่มดีกรีความเชื่อมั่นในสายตาของเพื่อนรัก
โอ๊ย~ เชื่อตายหอง..เลยล่ะ ไอ้ปลาบู่ = =
“ รู้แล้วๆ แต่ว่าตกลงแผนมึงสำเร็จใช่มั้ย ...ไอ้แผนยั่วสะท้านปฐพีอะไรนั่น ” ทงเฮขมวดคิ้วแล้วค้านเสียงแข็งกับชื่อแผนที่ฮยอคแจพูดผิด
“ อือๆ เหมือนกันนั่นแหละ ” ฮยอคแจรีบเออออพยักหน้าไปตามเรื่อง กูล่ะปวดกบาล...
“ ก็สำเร็จอ่ะนะ ” พูดเสียงอ่อยๆ ดูเหมือนไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ที่แผนสำเร็จอย่างปากว่า จนฮยอคแจนึกสงสัย
“ แล้วทำไม............. ” ไม่ต้องรอให้ถามจนจบประโยค ทงเฮก็รู้ได้ว่าสิ่งที่ฮยอคแจอยากรู้คืออะไรเพราะเดาได้จากสีหน้าที่เต็ม เปี่ยมไปด้วยความเจือกที่มีอยู่เต็มพิกัดในตัวฮยอคแจ ดังนั้นทงเฮจึงยอมเล่าเหตุการณ์หลังจากที่แยกกันกับพวกซีวอนและฮยอคแจเมื่อ เย็นวานให้ฟังโดยไม่ลืมที่จะพูดถึงแผนการอันใหม่ของยุนโฮอีกด้วย
“ อ๋อ~ ”
ฮยอคแจลากเสียงอ๋อยาวๆ ทำปากเป็นรูปตัวโอหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจนครบถ้วนกระบวนความ
“ อย่างนี้นี่เอง ” พยักหน้ากับตัวเองพลางประมวลความคิดให้เข้าที่เข้าทางและเริ่มใช้ลางสังหรณ์ในการเดาเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“ อะไร? ” ทงเฮหันมาถามคนที่ทำหน้าเหมือนผู้บรรลุธรรม
“ กูว่ามึงน่าจะทำให้คิบอมหลงรักได้จริงๆนะ ” ทงเฮทำตาโต ครางแบบไม่ค่อยเชื่อที่ฮยอคแจพูด
“ ก็ดูสิ....ขนาดมึงขาเจ็บ เค้ายังมารับมึงถึงบ้านโดยที่พี่คังอินไม่ได้เอ่ยปากขอร้องเลยไม่ใช่หรือไง ...อย่างนี้มันมีลุ้นสุดๆเลยนะเว้ย! ”
ฮยอคแจฉีกยิ้มจนเห็นเหงือกแดงแจ๋ เอาล่ะ....เรื่องเริ่มจะสนุกแล้วสิ!!
“ มึงคิดงั้นเหรอ ” กำลังใจเริ่มมาเมื่อเพื่อนการันตีว่าคิบอมอาจจะมีใจให้ ..ไม่อยากจะเชื่อว่าแกล้งแอ๊บแค่วันเดียว คิบอมจะคิดสปาร์คอะไรกับเค้าเร็วขนาดนั้น
ถ้าทงเฮเป็นปลากัดคงได้ท้องกับคิบอมจริงๆอย่างที่ซีวอนมันว่านั่นแหละ -*-
“ ก็เออน่ะสิ ” เอ่ยสำทับ ยิ่งเห็นทงเฮมีความเชื่อค่อนมาทางเค้าแล้ว ยิ่งเป็นการง่ายเข้าไปใหญ่ที่ฮยอคแจจะเป่าหูเจ้าปลาน้อยให้คล้อยตามได้ง่ายๆ
“ นั่นสินะ ” รอยยิ้มน่ารักปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานของทงเฮ ...ก็เราอุตส่าห์เล่นละครซะแนบเนียนขนาดนั้นนี่นะ คงเป็นธรรมดาแหละที่คิบอมจะหลงกล
...เรานี่มันอัจฉริยะจริงๆเลยน๊า~~ คึคึ
“ นี่...” ระหว่างที่กำลังนึกชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ เสียงเรียกโดยไม่ระบุชื่อผู้สื่อสารก็ดังขึ้น เป็นผลให้ฮยอคแจและทงเฮต้องหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง
คนที่ปรากฏในจอเรตินาคือหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งทงเฮเคยไปขอความช่วยเหลือ ในเรื่องข้อมูลของคิมคิบอมเอาไว้ และตอนนี้หล่อนก็ยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าเค้า
...ชิมแชอึน...
“ มีอะไรหรือ แชอึน? ” เอียงคอน้อยๆพลางเอ่ยปากถามถึงจุดประสงค์ที่หล่อนมายืนจังก้า ส่งสายตาสื่อความหมายแปลกๆให้แก่ทงเฮและฮยอคแจในขณะนี้
“ ตามชั้นมาหน่อยสิ อีทงเฮ ”
“ ชะ...ชั้นเหรอ? ” ชี้หน้าตัวเองให้แน่ใจว่าแชอึนไม่ได้ตามตัวผิดคน
ถ้าเรียกชื่อทงเฮ แต่หมายถึงคนหน้าไก่ผสมลิงอย่างอีฮยอคแจก็แย่น่ะสิ -*- เราออกจะหล่อกว่าแท้ๆ..
“ ใช่ ” แชอึนพยักหน้า หล่อนสยายผมที่ดัดเป็นลอนไปข้างหลังแล้วเอ่ยต่อ
“ ที่สวนหลังโรงเรียนนะ ...แล้วชั้นจะรอ ” ริมฝีปากเคลือบลิปสีมันวาวเอ่ยชวนจนทงเฮทำหน้าเหรอ เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกจู่โจมโดยหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมห้องที่เห็น หน้าค่าตากันมานาน...
“ อะ...อือ ” พอได้คำตอบที่พอใจ หล่อนก็สะบัดหน้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยทิ้ให้คนที่ถูกตามตัวยังงงไม่หายว่าถูกเรียกไปพบที่หลังสวนของโรงเรียน เพื่ออะไรกันแน่
..หรือหล่อนคิดจะมาสารภาพรัก!!???
ทงเฮเบิกตาโตเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ใช่สิ!
เรียกไปพบ...
สวนหลังโรงเรียน...
จดหมาย...
สารภาพรัก...!!
โป๊ะเชะเลยนี่นา!!!
เฮ้อ~...เกิดเป็นคนหล่อนี่มันลำบากจริงๆเลยนะเนี่ย (เหรอ?)
“ เฮ้ย มึงยิ้มไร ” ฮยอคแจแทบจะใช้ส้นพระบาทาสะกิดเพื่อน เมื่อเห็นว่าอีทงเฮกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“ ก็คนมันเสน่ห์แรงอ่ะ ยิ้มไม่ได้หรือไง ”
“ ถุย!! ” ทงเฮเบี่ยงตัวหลบ คิดว่าอาจไม่ปลอดภัยแม้ฮยอคแจจะตั้งใจให้เป็นแค่เสียงสบถ แต่มันก็อาจมันสิ่งแปลกปลอมเล็ดรอดออกมาจากปากของอีฮยอคแจก็ได้นี่นะ
“ อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้สึกตัว! ”
“ รู้สึกสิ ” พยักหน้าด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมจนแทบล้น
“ มึงรู้สึกอะไร? ” ฮยอคแจถามกลับเพราะคาดว่าทงเฮกำลังพูดและคิดไปกันคนละเรื่อง
“ ก็แชอึนมาตามกูไปสารภาพรักไง ” ยักคิ้วให้เพื่อนที่ได้แต่อ้าปากค้าง
มึงใช้สมองส่วนไหนคิดครับเนี่ย!!??? ไก่เครียดดดดด
“ แต่กูคงตอบปฏิเสธไปอ่ะนะ เพราะคิดกับเธอแค่เพื่อนเอง ” แสร้งทำคอตก แต่ในใจนังหมวยมันกำลังลิงโลด กู่ร้อง บอกว่า ....กูป๊อบไงครับ เพื่อน วะฮะฮ่า
“ เอิ่ม... ” ไม่พูดจะเริ่มพูดยังไงดีให้ปลาบู่น้อยมันเข้าใจสถานะของตัวเองในขณะนี้
“ มึงไม่เห็นสายตาที่แชอึนมองมึงเมื่อกี้เหรอ ”
“ เห็นสิ ” ทงเฮพยักหน้าแล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ เค้ามองกูด้วย....ความรัก~ ”
=______________=
โอ....ฮยอคแจอยากจะเป็นลม...
นี่มึงแปลสัญญาณไฟแค้น ไฟริษยาในตาผู้หญิง เป็นไฟรัก ไฟพิศวาสในตัวมึงได้ยังไงกันห่ะ ไอ่หมวย!!!
“ ทำไมมึงต้องทำหน้าเหมือนกูพูดผิดด้วยล่ะ ”
“ ก็เพราะมึงพูดผิดน่ะสิ! ” พอฟังเพื่อนมีความคิดตรงกันข้าม ทงเฮก็ทำปากจู๋...ส่งเสียงจุ๊ๆ เหมือนกับว่า ฮยอคแจไม่ได้เข้าใจคนที่กำลังมีความรักซะบ้างเลย
“ คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์คนมาสารภาพรักอย่างมึง ก็คงต้องอิจฉากูเป็นธรรมดา ”
สาบานได้เลยว่า ถ้าไม่ติดเรื่องที่ฮยอคแจยังเป็นห่วงสวัสดิภาพของยัยหมวยคนนี้อยู่ล่ะก็.... เค้าคงไม่ลังเลที่จะปล่อยให้อีทงเฮหลงงมงายอยู่กับโลกแห่งความฝันที่เจ้าตัว สร้างขึ้นเองต่อไปอย่างแน่นอน!
“ กูไม่ได้อิจฉา ”
“ แต่แอบเคืองนิดๆชิมิล่า~ ” ดูดู๊ดู ..ดูมันทำ -*- น่าเตะให้ความกะล่อนหลุดออกจากร่างเตี้ยๆของมันม้ากมาก
“ กูไม่ได้อิจฉาหรือเคืองมึงทั้งนั้นแหละ ” ฮยอคแจพูดเสียงเข้มขึ้น “ ที่กูบอกมึงก็เพราะกูหวังดีหรอกนะ ”
“ บอกอะไร? ”
“ ก็แชอึนน่ะ เค้าไม่ได้อยากเรียกมึงไปสารภาพรักหรอก ”
“ ซี้ซั้วต่า ” ทงเฮล้งเล้ง เริ่มใช้ภาษาบรรพบุรุษมาพูดกับฮยอคแจ “ มึงมั่วล่ะ ไอ้ไก่ ”
“ กูไม่ได้มั่ว กูพูดจริง ” ทำหน้าเครียดๆ จะได้ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
“ มึงก็รู้ว่ายัยนั่นเป็นสาวก คิมคิบอม ” ชื่อนี้ทำให้คนเคยกร่าง หน้าตึงขึ้นมาทันที
“ แล้วถ้าเป็นมึง หากคนที่มึงชอบดันมีไอ้ฟายตัวไหนก็ไม่รู้ เดินมาโรงเรียนด้วยกัน แถมยังมาส่งกันถึงห้อง แบบมึงกับคิบอมอีก เป็นมึง....มึงจะแค้นไอ้ฟายตัวนั้นมั้ย??? ”
เปรียบเทียบซะทงเฮเกือบมีเขางอกขึ้นมาบนหัว...
ร่างบางทำเสียงฮึดฮัด ในขณะที่คิดตามที่ฮยอคแจพูด และสุดท้ายทงเฮก็สามารถตระหนักได้ถึงความหมายที่ฮยอคแจต้องการจะสื่อกับเค้า
“ มึงหมายความว่า.... ” กลืนน้ำลายหนึ่งเอื๊อก ก่อนเอ่ยเรื่องสยองขวัญ
“ แชอึนจะเรียกกูไปตบเหรอ? ”
แค่เห็นฮยอคแจพยักหน้าช้าๆ ความผยองว่าตัวเองหล่อเร้าใจก็ลดลงฮวบฮาบ อยู่ในจุดที่ติดลบ
...ไม่สารภาพรักไม่พอ ยังเรียกกูไปตบอีกรึนี่ -*-
“ ทำไงดีวะ ไอ้ไก่ กูไม่ไปดีมะ ” เขย่าแขนเพื่อนรัก จอมวางแผนไม่แพ้เฮียยุน ให้ช่วยคิดช่วยจัดการ
“ มึงไม่ไปก็ได้ ”
“ จริงดิ? ”
“ แต่เตรียมตัวโดนขโมยมือถือ หนังสือเป็นรู ตะปูในซองจดหมาย กระถางต้นไม้หล่นใส่กบาล สมุดการบ้านหาย ม้วยมลายตายศพไม่สวยล่ะ! ”
=______________=
โอเค.....ร่ายมาเป็นกลอนอย่างนี้ ตกลงคือต้องไปใช่มะ?
“ มึง....แล้วกูจะทำยังไงดีวะ จิกหัวตบคืน กูก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษน่ะสิ ” ฮยอคแจเหล่มองคนที่กำลังนั่งถูมือไปมา ประมาณว่าเตรียมพร้อม วอร์มอัพเดอะแฮนด์ ...แล้วนี่หรือคือสุภาพบุรุษที่มันว่า.....?
“ กูมีวิธีที่ดีกว่านั้นเหอะ ” จู่ๆก็เหมือนมีความฉลาดแล่นเข้ามาในหัวของฮยอคแจอย่างรวดเร็ว
มีอยู่สินะ....วิธีที่เค้าเรียกว่า ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’ น่ะ
“ อะไรๆ ”
“ มึงก็ไปตามที่แชอึนนัดนั่นแหละ ” ทงเฮร้องอืมในลำคอเสียงหงอยๆ
“ แล้วถ้าเกิดโดนตบขึ้นมาจริงๆ มึงก็อย่าไปตอบโต้ล่ะ ทำตัวน่าสงสารให้เหมือนดาวพระศุกร์เข้าไว้ ร้องห้ามได้แต่อย่าปัดป้องล่ะมึง ”
“ อ้าว...งี้กูก็เจ็บอ่ะดิ ” ทงเฮขมวดคิ้วร้องค้าน ...เรื่องอะไรจะยอมเจ็บตัวฟรีๆล่ะ
“ เจ็บแป๊บเดียว...แต่เดี๋ยวก็มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยมึงเองแหละ ”
“ ใคร ”
“ ก็คิมคิบอม เป้าหมายมึงไงล่ะ ”
“ หา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
ทงเฮร้องเสียงดังจนฮยอคแจต้องคว้าคอมันมา เอากำปั้นอุดปากมันไว้ จะได้ไม่เป็นที่รำคาญของเพื่อนร่วมห้อง
“ มึงร้องหาเตี่ยมึงเรอะ ”
“ ก็มึงเรียกหมอนั่นมาทำไมเล่า ” งัดมือของฮยอคแจที่พยายามจะปิดปากของตัวเองออก พลางถามด้วยความไม่เข้าใจในแผนของเพื่อนตัวบาง
“ มึงเคยอ่านการ์ตูนเปล่าล่ะ ” ทงเฮสั่นหัวพั่บๆ อย่างน้อยเค้าก็ไม่เคยอ่านพวกการ์ตูนตาหวานของเด็กผู้หญิงหรอกน่า
“ ฉากยังงี้ ...นางเอกมันต้องโดนรังแกก่อนสักสิบนาที จนพระเอกเข้ามาช่วยนี่แหละ มันถึงจะเกิดเป็นความรัก~ ”
“ ก่อนจะเกิดเป็นความรัก กูคงปากแตก กบาลแยกเป็นสองซีกแล้วล่ะ ”
“ ชิส์ ” ฮยอคแจจิ๊ปาก เพราะถูกคนตัวเล็กร้องขัด “ เออ ถ้างั้นมึงก็ไปให้พวกผู้หญิงรุม โดยไม่ต้องมีใครมาช่วยแล้วกัน ”
ปล่อยตัวเพื่อน แล้วหันหน้าออกทางหน้าต่าง กอดอกแบบกูงอนมึง ทราบแล้วเปลี่ยน...ให้ทงเฮหน้าเสีย เพราะอับจนหนทาง และในที่สุดก็ต้องง้อฮยอคแจ เนื่องจากไม่มีแผนที่ดีกว่านี้แล้วอยู่ดี
“ อ่า~ ไอ้ไก่ ...หัวก็ไม่ได้ล้าน ไม่ได้เถิกเหมือนชเวซีวอน ทำไมมึงขี้ใจน้อยยังงี้ว้า~ ” เข้าไปเกาะออเซาะเพื่อนด้วยท่วงท่าที่ใส่จริตมารยาอย่างที่ยุนโฮเคยสอนเข้า ไป แล้วมีหรือฮยอคแจจะไม่ใจอ่อน กับไอ้หน้าง้ำๆ ปากงอนๆ ตาปริบๆ และน้ำเสียงหวานๆนี่
“ กูเปล่า ” เล่นตัวพอเป็นพิธี “ แต่มึงเถียงแผนกูอ่ะ ”
“ ไม่เถียงแล้วก็ได้ ...อย่างอนดิ ”
“ ตกลงคือมึงจะทำใช่มั้ย? ”
คำถามที่ทำให้ทงเฮต้องคิดหนัก แต่พอเหลือบไปมองหน้าขาวๆของฮยอคแจ ไอ้คำว่า ‘ไม่อยากทำ’ ...ทงเฮก็ต้องเหยียบมันให้จมดิน เพราะคิดๆดูแล้ว นี่ก็คงเป็นหนทางที่ดีที่สุดอย่างที่ฮยอคแจว่าไว้จริงๆ
“ เออ ”
หนทางการเล่นบาสของอีทงเฮ ทำไมมันโรยด้วยตะปูและใบมีดอย่างนี้ฟร้า~~~~
TBC.
คอมเม้นท์สั้นๆ แต่เป็นกำลังใจใหญ่หลวงให้สำหรับคนแต่งนะค่ะ ^^
แล้วเจอกันพาร์ทหน้าคะ
ความคิดเห็น