คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : III Slam Dunk III ...6...
สาบานได้เลยว่าคังอินแคะขี้หูอย่างดีก่อนออกจากบ้าน แต่คำตอบของคิบอมจากการทาบทามแบบสายฟ้าฟาดของทงเฮ กลับส่งผลให้รุ่นพี่อย่างเค้าถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เป็นนายบ้าใบ้คิมยองอุนไปเกือบนาทีเต็มๆ
ใครก็ได้ช่วยบอกเค้าที! ว่าหูเค้าไม่ได้ฝาดหรือเฝื่อนกะทันหัน
เพราะคำตอบที่คิบอมให้มาก็คือ.......
“ อืม...ก็ได้ ”
ง่ายอย่างนั้นเลยรึ??? O___O?
ทีตอนเค้าไปชวนนี่แทบจะคุกเข่าลงกราบกรานขอร้อง
แต่คิบอมก็ปฏิเสธออกมาอย่างละมุ่นละม่อมทุกที....
แล้วไหงพอเป็นอีทงเฮเอ่ยปากขอ มันถึงได้ดูง่ายดายราวปอกกล้วยเข้าปากกันล่ะ??
กรุงง.... =____=?
“ อ้า~ พี่ได้ยินมั้ย!? ”
ทงเฮทำตาเป็นประกาย ชี้หน้าหล่อๆของคิบอมอย่างไร้มารยาท แล้วหันขวับมาให้คังอินช่วยยืนยันคำพูดที่ออกมาจากปากของคิบอมเมื่อครู่ว่าเป็นของแท้แน่นอน ไม่ได้มีคนมาเลียนเสียงคิบอมแล้วแอบพูดอยู่ข้างหลังแต่อย่างใด
“ ด...ได้ยินสิ ” ร่างใหญ่โตพยักหน้าตอบทั้งที่ตัวเขาเองก็แทบจะไม่เชื่อเหมือนกัน
โอ้ว...ไอ้จ๊อดและซาร่า ถ้าเค้ารู้ว่าอีทงเฮจะใช้ได้เรื่องถึงขนาดนี้
คังอินก็คงไม่ต้องบากหน้าไปทาบทามคิมคิบอมเป็นร้อยๆรอบหรอก!
....ก็แค่สั่งให้รุ่นน้องหน้าสวยไปยั่วนิดๆอ่อยหน่อยๆ
ทีนี้เค้าก็จะได้ซุปเปอร์รุคกี้มาไว้ในชมรมได้อย่างไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว วะฮะฮ่า ...!!!!
“ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ” ในระหว่างที่คังอินกำลังหัวเราะร่าในใจ ทงเฮก็หันกลับไปเอ่ยสำทับกับร่างสูงโย่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะกลัวว่าถ้าเกิดคิมคิบอมเล่นพลิกลิ้นขึ้นมาเมื่อไหร่ คนที่ซวยก็จะแต่เค้าเอง
“ อืม ”
“ สัญญานะ ”
“ อือ สัญญา... ” คิบอมผงกหัวยืนยันคำพูด แต่แค่นั้นยังไม่ทำให้ทงเฮเชื่อได้สนิทใจหรอก
ไม่เป็นไรหนุ่มหน้าหวานก็ฉวยเอามือของคิบอมขึ้นมากุมไว้ แล้วจับนิ้วก้อยของอีกฝ่ายมาเกี่ยวกับนิ้วเล็กๆของตน ออกแรงแกว่งมือไปมาซ้ายทีขวาทีเหมือนเด็กๆไม่มีผิด...... กรุทำได้แล้วววววว TwT
“ แต่มีข้อแม้ ”
เอี๊ยดดดดดดดด~
เสียงโก่งตัวเบรกของยินดีปรีดาของทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องดังขึ้น ทันทีที่ได้ยินคิบอมบอกว่า มีข้อแม้...
ทงเฮยิ้มค้าง แม้แต่มือเรียวที่กำลังแกว่งไกวด้วยอารมณ์เบิกบานสุดๆก็มีอันต้องสะดุดกึกเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอประโยคปราบมารอย่างนี้เข้าจังๆ
“ หะ....? ”
“ จนกว่าขาจะหาย ”
“ ว่าไงนะ!? ” คังอินช่วยถามซ้ำให้โดยที่ทงเฮไปต้องเอ่ยปากขอเองเพราะเค้าก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ ผมจะเข้าชมรม จนกว่าขาของเค้าจะหายแล้วกลับไปเล่นบาสได้เหมือนเดิม ถือว่าเป็นการรับผิดชอบที่ทำเค้าขาเจ็บไงล่ะครับ รุ่นพี่ ” คิบอมยังสติลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งต่อไป แต่ช่วยเหลือบมาดูจอมมารยาที่หน้าซีดเป็นปลาต้มหน่อยเถอะพ่อคุณ
นอกจากอาการขาเจ็บแบบเฟคๆแล้ว ต่อมาอีทงเฮอาจจะพ่วงอาการเป็นลมน็อคเอ๊าท์เพราะข้อแม้อันสุดแสนจะทิ่มแทงใจของคิมคิบอมก็เป็นได้!
“ แปลว่านายไม่ได้จะอยู่เป็นสมาชิกถาวรหรอกเหรอ? ”
คังอินกำลังทำตัวเป็นโทรโข่งความคิดให้ทงเฮได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากที่มองสีหน้าของรุ่นน้องจอมยุ่ง ก็คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่า มันกำลังอยู่ในช่วงอึ้งแดก....!!
“ คิดว่าไม่นะครับ ”
“ อะไรกัน!!! ถ้าชั้นหายวันพรุ่งนี้นายก็จะลาออกวันพรุ่งนี้เลยหรือไง!!??? ” ทงเฮแทรกขึ้นมาด้วยอาการสติแตก ความอ่อนหวานชดช้อยเมื่อครู่หายวับไปภายในพริบตาเหมือยถูกปิดสวิตซ์
“ ก็คงงั้น ” คำตอบของคิบอมทำให้ร่างเล็กแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่
อย่างนี้มันไม่เห็นจะมีประโยชนี้สักนิดที่ทงเฮจะต้องอุทิศตัวเพื่อชมรม
เพราะถึงแม้จะเอาตัวคิบอมเข้าชมรมมาได้โดยไม่ถูกไล่ออก
แต่เค้าก็ต้องมารับบทหนักเล่นเป็นคนขาเดี้ยงอย่างนี้อยู่ทุกวี่ทุกวันอย่างนั้นหรือ???
มันก็ไม่ได้เล่นบาส เหมือนกับตอนที่เค้าถูกเฉดหัวออกจากชมรมนั่นแหละวะ!!!!!!
“ ไม่ได้นะ ...ไม่ได้ๆๆๆๆๆ ” ร้องกระจองอแงเหมือนเด็กเล็กๆไม่มีผิด
“ ทำไมล่ะ? ”
“ ก็....ก็ .... ”
มาอีกแล้วคับ พอเจอคิบอมยิงคำถามนี้เข้าใส่แบบจวนตัว ทงเฮก็ออกอาการเป็นปลาลิ้นตันขึ้นมาทันที
“ ก็ชั้น..ชั้นเห็นว่านาย...เล่นบาสแล้วเท้ เท่ห์~ เสียดายแทนเลยนะเนี่ยที่นายไม่ยอมเอาความสามารถเท่ห์ๆแบบนั้นมาออกใช้บ่อยๆน่ะ ” กระแซะเบียดตัวเข้าไปประจบเป็นการใหญ่ คนตัวเล็กยิ้มเผล่เอาใจ นี่ถ้าลงไปเลียแข้งเลียขาคิบอมได้ ทงเฮก็คงทำไปแล้ว!!
“ ถ้านายเข้าชมรมบาสแบบถาวร นายก็จะได้โชว์พาวไง สาวงี้ติดตรึม เชื่อเด้~ ” ยกนิ้วโป้งอวดอ้างสรรพคุณที่ว่าเล่นบาสแล้วจะสาวรักสาวหลง ประหนึ่งเสกน้ำมันพรายเข้ากระแสเลือดเลยทีเดียว
คิบอมเหล่มองคนที่กำลังโฟ่น้ำลายแตกฟองเป็นฝ่อดๆ เรื่องที่ว่าเล่นบาสแล้วสาวรักอย่างนั้นสาวหลงอย่างนี้ จากนั้นพอทงเฮยอมหยุดพักหายใจ ร่างสูงจึงเอ่ยถามเสียงเรี๊ยบ เรียบ อย่างเช่นเคยว่า.....
“ แล้วเคยไปเห็นชั้นเล่นตอนไหนล่ะ หืม...? ”
“
”
=____________=;;;
โอเค ...-*- ทงเฮยอมรับว่าเค้าพลาดไปเรื่องที่เผลอเล่าเรื่องทั้งหมดให้คิบอมฟังตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก
แต่ไม่คิดว่าเป็นความผิดของคิบอมบ้างหรือไง....?
ทำไมความจำดีจังคับพี่!!!!
กินปลาโอเมก้าสามทุกวันหลังอาหารหรือไงห๊าาาาา~!!!!!!
“ ว่าไง? ” แทบจะวาดมุมปากเป็นรอยยิ้มขบขัน ถ้าทงเฮตาไม่ฝาด เค้าสาบานได้เลยว่าเค้าเพิ่งเห็นคิมคิบอมยิ้มเมื่อกี้นี้เอง!!
“ นึกไม่ออกเหรอ? ”
“ เอ่อ..... ” นี่เค้าแกล้งเป็นโรคเอ๋อเลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องอยู่ตอบคำถามของพ่อคุณทูนหัวอีก
ทงเฮกัดปากขมวดคิ้วในท่าประจำ
เอาวะ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ กุก็จะเนียนซะอย่าง...
ใครจะทำไม???????
“ ก็ตอนนั้นไง นี่นายจำไม่ได้เหรอ โธ่~ ” แถเท่านั้นที่ครองโลก อย่าว่าแต่คิบอมเลยที่งง คังอินเองก็งงไม่แพ้กันหรอก ...งงว่ามันพูดเรื่องอะไร???
“ ทำหน้าอย่างนั้นแปลว่าจำไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ย ...นายนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ แค่นี้ก็จำไม่ได้ แย่ๆ.... ” ทงเฮส่ายหน้าคล้ายระอากับความจำปลาทองของคิบอมซะเหลือเกิ๊น
“ แต่จะยังไงก็เถอะ เค้าว่ากันว่าเล่นกีฬาเป็นยาวิเศษนะ... นายจะไม่ลองสมัครเป็นสมาชิกถาวรหน่อยเหรอ เผลอๆเรียนจบอาจได้ซิกแพ็คกลับบ้านไปอวดพ่ออวดแม่ด้วยไง! ”
ว่าไปนั้น ถ้าเล่นบาสแล้วมันจะได้กล้ามท้องหกลูกจริงๆ จนป่านนี้ทงเฮก็คงได้เลี้ยงลูกแฝดหกอยู่กับบ้านแล้วล่ะ ...คังอินร้องค้านในใจ -*- (แม้แต่ตัวกัปตันยังมีแต่วันแพ็คแบบโลๆเล้ยยย~)
“ ไม่เป็นไร ” แปลโค้ดลับจากปากคิบอมได้ว่า ....หยุดพล่ามเสียทีเถอะ ต่อให้ชักแม่น้ำฮวงโห เจ้าพระยา อเมซอน มิสสิซิปปี้ มารวมกับแม่น้ำฮันได้ คำพูดของทงเฮก็ทำให้เค้าเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก!
“ ง่ะ... ”
“ เอางี้ล่ะกัน ” คังอินโพล่งขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์
“ นายก็เข้าชมรมแทนทงเฮไปก่อน แล้วถ้าขาหมอนั่นหายเมื่อไหร่ ค่อยตัดสินใจอีกที ...ไม่แน่นะถึงตอนนั้นจริงๆ นายอาจจะติดใจจนไม่อยากออกแล้วก็ได้หนิเนอะ ”
“ ครับ ” เชื่อได้เลยว่าคิบอมไม่ได้เห็นด้วยอย่างที่คังอินพูดหรอก ร่างสูงก็แค่ครางรับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดกันอีกเท่านั้น
“ เอาล่ะ....เข้าใจแล้วพรุ่งนี้ก็อย่าลืมมาชมรมด้วยล่ะกัน ส่วนเรื่องเอกสารแล้วก็ชุดซ้อมพี่จะจัดการให้นายเอง ไม่ต้องห่วง เอาแต่ตัวมาก็พอ ”
“ ครับ ”
“ นี่ก็เย็นมากแล้ว พี่ว่าวันนี้พวกนายก็กลับไปก่อนดีกว่านะ ” ร่างหนาเงยหน้ามองออกไปนอกโรงยิม เห็นเห็นแสงสีส้มๆที่จับตรงขอบฟ้า ก็เดาเวลาได้ลางๆโดยไม่ต้องอาศัยนาฬิกา
“ แล้วผมล่ะ พี่!! ” ทงเฮร้องท้วง
“ ก็นายขาเจ็บอยู่นี่นา หรือว่าหายแล้ว...? ” ทอดเสียงท้ายประโยคให้คนตัวเล็กไม่กล้าตอบว่า ‘หาย’ ปากอิ่มแดงเม้มเข้าหากัน ก่อนจะยอมส่ายหน้าให้รู้ว่า ขายังไม่หายดี...
“ งั้นวันนี้แกก็กลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาใหม่ เข้าใจ๊!? ”
“ แต่ว่า.... ” กำลังจะค้านแต่คังอินก็หันไปฝากฝังเค้าไว้กับคิบอมเสียแล้ว
“ คิบอม...พี่วานนายไปส่งทงเฮหน่อยได้มั้ย? ขามันเจ็บแบบนี้พวกพี่ก็ไม่ว่างไปส่งมัน ไหนๆช่วยพามาแล้วก็ช่วยพามันกลับบ้านด้วยล่ะกันนะ ”
“ ครับ ” ราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกบรรลุแต่คำว่า ‘ครับ’ เข้าไปในสมอง
ทงเฮเกิดอยากจะอาละวาดให้สมอารมณ์ที่พุ่งสูงปรี้ดทะลุเพดานโรงยิมซะเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่านอกจากจะไม่ทำให้เกิดผลดีอะไรแล้ว หนำซ้ำอาจจะเป็นเหตุให้เค้าถูกเตะโด่งออกมาโทษฐานทำตัวงี่เง่าไร้สาระได้อีก ร่างบางเลยได้แต่ทำหน้างอเป็นจวักให้รู้ว่าเค้าโมโหจัดเท่านั้น
“ ผมยังไม่อยากกลับ! เดี๋ยวผมโทรเรียกให้ฮยอคแจมารับก็ได้ แต่ผมอยากจะอยู่คุยกับพี่ก่อน!! ” พูดกับรุ่นพี่เสียงแข็งก่อนจะปรายตามองไปที่อีกคนแล้วเอ่ยปากบอกแกนๆ
“ ส่วนนายน่ะกลับไปได้เลย ไม่ต้องลำบากไปส่งชั้นหรอก ”
“ จะเอาอย่างนั้นก็...ตามใจ ” คิบอมไม่ใช่คนประเภทง้อคนอยู่แล้ว ถ้าทงเฮพูดเองว่าไม่ เค้าก็ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะไปขัดข้องความต้องการของเจ้าตัว
“ ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ รุ่นพี่ ” โค้งทำความเคารพตามอาวุโส ก่อนจะหันหลังเดินไปซะเฉยๆ ไม่มีหรอก ไอ้ที่ว่าจะฝากบอกที่ตัวเองล้มทับ(!?)ว่า ‘นายน่ะก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน ฉันเป็นห่วง’
พูดอะไรประมาณนั้นสักนิดก็ยังดี...
=________=
เอ๊ะ!! แล้วนี่เค้ากำลังคาดหวังอะไรจากคิมคิบอมอยู่ล่ะเนี่ย!!???
“ แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่? ” คังอินนั่นเองเป็นคนทำลายความน้อยเนื้อต่ำใจแบบเคะๆของทงเฮจนสามารถกลับเข้าสู่สภาวะปลาปิรันย่าไม่เลือกเพศได้อีกครั้ง
“ ก็จะอะไรอีกล่ะ เรื่องที่พี่ไม่ยอมรักษาสัญญาไง!!! ” แยกเขี้ยวใส่ ถ้าเป็นไปได้อยากจะกระโดดงับหัว รุ่นพี่เจ้าปัญหานัก แง่ง!!
“ ตรงไหน? ” คังอินถามพาซื่อ
“ พี่บอกว่าถ้าผมพาคิบอมเข้าชมรมได้ พี่จะไม่ไล่ผมออกไงล่ะ!! ”
“ ก็ไม่ไล่ออกแล้วไง ”
“ จริงง่ะ!? ”
“ อืม.....ถ้าตราบใดที่คิบอมยังอยู่ในชมรมอ่ะนะ ” โฮกกกกกกก ไม่รู้ว่าวันนี้เฮียยุนอยากกินอุ้งตีนหมีหรือเปล่า เพราะตอนนี้ทงเฮกำลังอยากเลื่อยขาหมีไปให้เฮียต้มกินชะมัด!!!
“ แปลว่า ชีวิตผมต้องผูกติดกับหมอนั่นไงเรอะ! ”
“ ก็คงงั้นแหละ ” ยักไหล่หนาๆแบบว่าช่วยไม่ได้
“ พี่ไม่ได้ฟังที่คิบอมพูดถึงเรื่องข้อแม้หรือไง ถ้าขาผมหายหมอนั่นก็จะออกจากชมรมนะ!! ” ชี้เน้นๆที่ไปขาข้างที่อ้างว่าเจ็บปวดเจียนตายตอนที่หกล้ม
“ ก็อย่าหายสิ ” อุ๊ยต๊ายตาย ว่าง่ายแต่ทำยากนะนั่น
“ มันจะเป็นไปได้ไงกัน!!!! ” ใบหน้าสวยหวานเริ่มพองลมพร้อมจะเปลี่ยนสปีชี่เป็นปลาปักเป้าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า .... โมโหเว้ย!!!
“ เป็นไปได้สิ ตราบเท่าที่แกนอนยันนั่งยันว่าแกยังไม่หาย พี่เชื่อว่ายังไงคิบอมคงไม่กล้าอุ้มแกไปให้หมอเอ็กซเรย์หรอกน่า ”
กำลังจะอ้าปากเถียง แต่พอเห็นสายตารู้ทันที่ทอดมองมาของคังอิน ทงเฮก็เข้าใจในทันทีว่ากัปตันทีมคนนี้ดูแผนการทั้งหมดออกตั้งแต่แรกอย่างไม่ต้องสงสัย
“ พี่รู้ว่าผมแกล้งเจ็บ...? ” ทงเฮครางงุนงง แผนออกจะเนี้ยบขนาดนี้ ทำไมคังอินถึงยังจับได้อีกล่ะ???
“ อือ ” พยักหน้าให้ ใจจริงอยากจะตอบไปยาวๆว่า ‘ใครไม่รู้ก็ควายเรียกพี่แล้วล่ะ ไอ้น้องเอ้ยยย’ แต่ก็ไม่อยากพูดเพราะเค้าแน่ใจว่าคิบอมไม่ใช่ควาย แต่เหตุใดจึงเล่นไปตามบทของทงเฮ อันนี้ก็สุดจะเดา...
“ แล้วพี่ว่าหมอนั่นจะรู้ป่ะ??? ” ถึงจะคิดว่าคิบอมรู้ แต่คังอินก็ยังไม่อยากทำลายความหวังลมๆแล้งๆของทงเฮที่เจ้าตัวเข้าใจว่าหลอกคิบอมได้สำเร็จ ร่างหนาจึงเอ่ยอ้อมแอ้มตอบออกไป...
“ คงไม่รู้หรอกมั้ง ไม่งั้นเค้าจะยอมแกเรอะ นั่นเค้าโกดมีนัมเชียวนะเว้ย ”
“ โกดมีนัมก็โกดมีนัมสิ ยังไงก็แพ้ทางผมอยู่ดี ” ทงเฮคุยโอ่ จมูกยืดยาวสูงเสียดฟ้าเป็นพิน็อคคิโอ
“ เออ...ว่าจะถามตั้งนานแต่คิบอมอยู่เลยไม่มีโอกาสถาม ” รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ทงเฮจะตัวลอยเพราะความภูมิใจหลอกๆ คังอินเหล่มองรุ่นน้องหัวจรดเท้าแล้วเอ่ยปากต่อ “ ใครบอกให้แกเปลี่ยนสไตล์การพูดการแต่งตัววะ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนแทบจำไม่ได้ ”
พูดไม่พูดเปล่า คุณพี่ยังจับตัวทงเฮหมุนซ้ายหมุนขวา ดูการเปลี่ยนแปลงอย่างถี่ถ้วนอีกด้วย
“ เฮียผมเอง..... แต่ก็ไม่ค่อยชอบหรอก มันไม่ใช่ตัวเอง ”
แหม...ปากก็ว่าไม่ชอบ ไม่ใช่ตัวเอง แต่เล่นซะเหมือนเชียวนะ -*-
“ อ้อ~ ” คังอินครางแบบขอไปที จะให้เชื่อว่าอีทงเฮไม่ได้ซุกซ่อนความเป็นอุเคะไว้ในสายเลือดก็คงจะยากส์ ดูจากหน้าตาท่าทางเมื่อครู่นี้แล้ว ฟันธงได้เลยว่า อีกไม่นานสัญชาตญาณความเป็นเคะของมันคงจะถูกปลุกให้ตื่นในอีกไม่ช้านี้หรอก
“ อ่ะ! พี่อย่ามาทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะ เรายังไม่เคลียร์เรื่องที่ตกลงกันเลย ”
ดูเหมือนจะเพิ่งระลึกได้ว่า ยังไม่ได้เม้งแตกเรื่องที่คังอินจะให้เขาแกล้งทำเป็นเจ็บต่อไปเพื่อให้ได้คิบอมมาไว้ในชมรม ทงเฮเลยรีบวกกลับเข้าเรื่องอีกรอบ
“ ถ้าผมแกล้งเจ็บขาต่อไปเรื่อยๆ ถึงผมจะไม่ถูกไล่ออก แต่ก็ไม่ได้เล่นบาสน่ะสิ ”
“ แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ ” นั่งเฉยๆ ขัดลูกบาส งานสบายจะตาย
“ ก็ผมอยากเล่น!!! ” ทงเฮเอ่ยเสียงกร้าว เท่าที่คุยกันมาตั้งแต่เมื่อวาน คังอินไม่รู้ความต้องการของเค้าเลยหรือไงว่าอยากจะได้ลงสนามไปเล่นเจ้าลูกกลมๆสีแสดนี่แค่ไหน
“ อ๋อ ” พยักหน้าหงึกๆ กลัวโดนมันสะบัดครีบใส่เพราะไม่ได้ดั่งใจจึงรีบเอ่ยต่อ
“ เอาอย่างนี้ ระหว่างที่คิบอมยังอยู่ในชมรมเรา แกก็ค่อยๆตะล่อมทำให้คิบอมเปลี่ยนใจอยู่แบบถาวรสิ ” รั้งคอน้องตัวกระเปี๊ยกมากระซิบ แต่ด้วยพลังแขนเหนือมนุษย์ของคังอินทำให้ทงเฮรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบคอยังไงยังงั้น -*-
“ พี่พูดเหมือนมันง่าย เพราะพี่ไม่เจออย่างผม! ” ทงเฮเบ้ปากพลางเบี่ยงหลบออกจากวงแขนของคนตัวโตกว่า “ แค่กว่าจะพาหมอนั่นมาเหยียบที่พื้นโรงยิมได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเสียเหงื่อไปกี่หยด กี่ลิตรแล้ว ”
มีการทวงค่าเหนื่อยให้น่าเห็นใจ เป็นหยาดเหงื่อแรงงานที่ดูยังไง้ทงเฮก็ไม่มีหยดน้ำเม็ดโตๆเกาะอยู่ตามใบหน้าหรือร่างกายให้เห็นเลยสักนิด
“ แล้วตกลงจะเอายังไงล่ะ? ”
“ พี่ก็รักษาคำพูดสิ ...ผมพาเข้าชมรมได้แล้วไง พี่ห้ามไล่ผมออกแล้วก็ต้องให้ผมลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย! ” ไอ้สัญญาข้อหลังกะทำเนียนเผื่อว่าคังอินอาจจะเป็นคนความจำสั้น
“ เฮ้ย! มั่วแล้วๆ ...จำไม่ยักได้ว่าเคยสัญญากับแกว่าจะให้เล่นเป็นตัวจริงนะ ” ร่างหนาโวยวาย
“ เออ นั่นแหละ ผมหมายถึงให้ผมลงซ้อมบาสในสนาม ไม่ใช่ขัดลูกบาสตรงอยู่ข้างสนาม ”
“ แต่ที่ตกลงกันไว้มันไม่ใช่อยู่แบบชั่วคราวแบบนี้นี่ ” คังอินร้องท้วงเมื่อเห็นว่าข้อแลกเปลี่ยนช่างไม่ยุติธรรมกับเค้าเอาเสียเลย
“ แล้วพี่จะเอายังไง!? ”
สองสายตาประสานกันแบบไม่มีใครยอมหลบ เพราะถ้าหลบตาก็หมายถึงการปราชัย แต่ท้ายที่สุดคังอินก็ยอมลงให้ก่อน ทงเฮกำลังจะผยองได้ใจแล้วเชียว ถ้าในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา รอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเจ้าเล่ห์ของหมีตัวอ้วน จะเป็นฝ่ายกำชัยชนะไปอย่างหมดจดพร้อมด้วยคำพูดที่ว่า.....
“ แล้วนายมีสิทธิ์ต่อรองหรือไง อีทงเฮ!! ”
*
.
“ ชักช้านะมึง ” พอเดินเอื่อยๆออกมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน เสียงคุ้นๆของเพื่อนซี้ก็ดังขึ้น
คิบอมหยุดยืนในระยะที่ห่างจากคยูฮยอนไม่กี่ก้าว ริมฝีปากบางได้รูปเหยียดยิ้มอย่างที่น้อยคนนักจะเคยเห็น ระหว่างที่เหลือบมองร่างสูงโปร่งของคยูฮยอนที่ยืนกอดอกพิงประตูรถในท่าที่สาวๆหลายคนเห็นแล้วต้องมีเคลิ้ม
“ กูรอจนลิ้นห้อยเป็นหมาหอบแดด มึงไปส่งเค้าถึงพูซานเลยหรือไง ทำไมช้าจังวะ!? ” เปรียบทียบซะเกือบจะเห็นภาพ คิบอมสันนิษฐานว่าที่คยูฮยอนหงุดหงิดหัวเสีย สาเหตุที่หนึ่งคงเป็นเพราะเค้ามาช้า ส่วนสาเหตุที่สองก็คงจะหนีไม่พ้น ความอยากรู้อยากเห็นที่เขียนแปะอยู่บนหน้าผากของเจ้าตัวนั่นเอง
“ ไหนว่าจะกลับก่อน... ”
“ คิดว่ากูจะพลาดเรื่องของมึงหรือไง ” เริ่มอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยร่างสูงจึงเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรักแล้วกระซิบถามด้วยความสงสัยที่ค้างคามาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
“ มึงมีซัมติงรองอะไรกับเค้าเหรอวะคิบอม กูเห็นธรรมดามึงไม่เคยสนใจใครขนาดนี้มาก่อนเลยนิ ”
“ แล้วทำไมกูต้องบอกมึงด้วย ไอ้คยู ”
“ ...มึงรู้มั้ย? คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ภาษาท้องถิ่นเค้าเรียกว่า ..... ”
“ เสือก!! ” ตอบเองโดยไม่ต้องให้เพื่อนด่ากระทบ “เออ กูรู้ครับ ไอ้คุณคิบอม ไม่ต้องย้ำ! ” -*-
คยูฮยอนคลายวงแขนออกจากรอบคอของเพื่อนทันทีที่โดนด่าทางอ้อม
ขอโทษนะครับ ถึงจะหล่อ แต่กูจะงอนเป็นนะโว้ยยย~!!!
“ รู้ว่าเสือกแล้วยังจะถามอีก ” โกดมีนัมรูปหล่อแหย่กลับ เพราะคยูฮยอนกำลังงอนได้น่าถีบดีแท้
“ ก็กูอยากรู้ว่ามึงกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ ”
เพราะความที่สนิทกันมานาน ทำไมคยูฮยอนจะดูไม่ออกล่ะว่าคิบอมกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ที่มาเซ้าซี้อย่างนี้ ก็แค่อยากจะได้ยินคำยืนยันความคิดของตนจากปากของคิบอมชัดๆเท่านั้นแหละ
“ ไม่ได้วางแผนทำอะไรสักหน่อย ” สาบานมาซิ ว่าที่พูดมาน่ะไม่ได้สตอ = =
แค่มึงอ้าปากกูก็เห็นไปถึงลิ่นปี่มึงแล้วววว!!!! (โอ้ว....สำนวนชายโจ -*-)
“ อ๊ะๆ อย่ามาแหลกับกูซะให้ยาก..... ถ้ามึงไม่ได้คิดวางแผนอะไรจริงๆ แล้วทำไมถึงยอมพาเค้าไปส่งชมรมทั้งๆที่มึงก็รู้ว่าเค้าแกล้งทำล่ะ ” เป็นอีกครั้งที่ไม่มีคำตอบหลุดรอดออกมาจากปากของคนถูกถาม
คิบอมอมยิ้มจนเต็มแก้ม ในขณะที่นัยน์ตากำลังส่อประกายขบขันเมื่อนึกถึงวงหน้าขาวๆของคนที่เค้าเพิ่งพาไปส่งถึงที่ เพียงเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุทำให้คนตัวเล็กเท้าแผลง
“ ก็แค่สนุกดีเวลาที่เห็นคนเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไปๆมาๆน่ะ ”
“ แค่นั้น??? ” คยูฮยอนย้อนถามเสียงสูง ให้ตายก็ไม่เชื่อหรอกว่า คิบอมแค่เห็นว่ามันสนุก
เพราะขนาดเค้าเอง ยังหาความสนุกจากอารมณ์แปรปรวนลมเพลมพัดของทงเฮไม่ได้เลยสักกระผีก!!
“ อืม....แค่นั้นแหละมั้ง ” คำว่ามั้ง หมายถึงยังไม่แน่ใจ แสดงว่าคิบอมยังอาจจะสนใจอะไรอย่างอื่นในตัวทงเฮอีกล่ะมั้ง (!?)
“ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเค้าน่ารักหรือไง? ” ยักคิ้วหลิ่วตา ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนซี้แบบรู้ทัน
ก็มันน่าคิดมั้ยล่ะ....คนที่หน้าตาน่ารักแม้ในยามที่ห้าวสุดใจอย่างเมื่อวาน แต่วันนี้กลับตัวกลับใจมาเป็นสาวน้อยแอ๊บแบ๊วออดอ้อนคิบอมทั้งด้วยน้ำเสียงและแววตา
...ถ้าไม่รักไม่หลง ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแล้ว!!
“ เรื่องนั้น........ ” หยุดเป็นจังหวะยาว ให้คยูฮยอนต้องลุ้นรอคอยาวเป็นยีราฟด้วยความตื่นเต้น
“ อย่ายุ่งกับเด็กกูล่ะกัน!!!! ”
พูดจบ คิบอมก็ก้าวไปเปิดประตูรถที่จอดเทียบรอนายน้อยมานานสองนาน ก่อนจะแทรกตัวลงไปนั่งข้างหลังอย่างถือสิทธิ์ แม้จะไม่ใช่รถของตัวเองก็ตาม ปล่อยทิ้งให้คยูฮยอนยืนประมวลความคิดอยู่ราวสามวิ แล้วจึงรีบกระโดดเข้าตามไป
“ เดี๋ยวไปส่งกูที่บ้านด้วยนะ มึงบอกลุงจางซูแล้วใช่มั้ยว่าให้กลับไปก่อน ”
คิบอมชิงพูดขึ้นมาก่อนคยูฮยอนจะได้ตั้งคำถามอีกครั้ง แล้วเสียงหัวเราะถูกอกถูกใจก็ดังขึ้น โดยเจ้าของเสียงใช้มือตบเข้าที่บ่าเพื่อนรักเบาๆ ก่อนเอ่ยตอบว่า........
“ อย่าห่วงเลยครับ คุณคิมคิบอม กระผมไม่ยุ่งกับเด็กของคุณหรอกค้าบบบบบบบบ ” ล้อเลียนเสียงดังลั่นระหว่างที่รถยนต์คันหรูค่อยๆเลื่อนตัวออกจากบริเวณโรงเรียนไปอย่างไม่รีบร้อน
คิบอมเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่คยูฮยอนกลับกลั้นยิ้ม กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ไปตลอดทาง
เป็นคนที่คิบอมสนใจน่ะ ก็ดีอยู่หรอก
หากทว่า สิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้นอกจากเค้าก็คือ........
คิบอมน่ะ ชอบแกล้งคนที่ตัวเองหลงรักน่ะเซ๋~~!!!!!!
TBC.
ความคิดเห็น