ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #5 : III Slam Dunk III ...5...

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 52









    เงียบกริบ....



    พอคิบอมพาคนจอมมารยามาส่งถึงโรงยิม ทุกอย่างก็เหมือนถูกกดปุ่มหยุดเวลาไว้ซะหมด


    เสียงลูกบาสกระทบพื้นไม้ขัดมันดังปึงปังหายไป
    เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากการเสียดสีของรองเท้าผ้าใบและพื้นสนามก็หยุดลง
    เสียงตะโกนด่า ตะโกนเชียร์ คุยเล่น อะไรทั้งหลายแหล่ก็หายเงียบเหมือนอยู่ในป่าช้า


    สายตาทุกคู่มองสองร่างที่เข้ามาใหม่อย่างตะลึงงันและแปลกใจสุดประมาณ




    ไอ้ตัวเล็กของชมรมมากับโกดมีนัมของโรงเรียน!!!!!!


    โอ้วว มายก๊อดเนส~ ...นอกจากมันจะสาวแตกภายในชั่วข้ามคืนแล้ว
    อีทงเฮยังพาสามีรูปหล่อ(โคตรๆ)มาเย้ยถึงในชมรมอีกแน่ะ!!




    พรุ่งนี้คงได้ยลหน้าทงเฮเวอร์ชั่นกระเตงลูกมาเลี้ยงแน่ๆ เชื่อสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!




    “ อ้ะ! พี่... ” ทงเฮร้องพลางส่งยิ้มแฉ่งอวดฟันขาว โบกไม่โบกมือเรียกหาคังอินเป็นการใหญ่หลังจากที่เลิกลั่กมองหาอยู่ไม่นานก็ พบกับเป้าหมายจนได้


    “ พี่คังอินค้าบบบ~ ” ส่งเสียงแหลมเฟี้ยวมาตั้งแต่หน้าประตูโรงยิม แต่พอเห็นรุ่นพี่ยืนนิ่งงันเพราะตะลึงกับการกลับมาของอีทงเฮที่พ่วงเอา คิมคิบอมมาด้วยแล้ว ร่างบางจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายลากผลงานชิ้นโบว์แดงที่มีดีกรีเป็นถึงหนุ่มสุด ฮอตของโรงเรียนไปหาคังอินด้วยตัวเองแทน



    ให้มันรู้ซะมั่ง ว่าคนอย่างทงเฮไม่มีทางโดนเฉดหัวออกจากชมรมเพราะทำเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่ได้หรอกน่า~



    “ ฮึ่ย~ อะไรอีกล่ะ!? ” ร่างบางหันกลับมาแว้ดใส่โกดมีนัมรูปหล่อ ทันทีที่ถูกดึงชายเสื้อในขณะกำลังก้าวไปหารุ่นพี่ที่ยืนอึ้งอยู่ตรงกลางสนาม


    “ ขา? ” คิบอมพูดสั้นๆ แต่พอเห็นทงเฮเอียงคอมองหน้าเค้างงๆ ไม่เก็ทสักกะนิดว่าคิบอมเอ่ยถึงขาอะไร?ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปใช้สายตาทอดมอง เท้าข้างที่ทงเฮบ่นว่าเจ็บนักเจ็บหนาแทน


    “ หายแล้วเหรอ? ”


    “ อะ....โอ๊ย~ พอนายทักมันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลยนะเนี่ย ” ทงเฮรีบกลับไปสวมบทบาทสตอเบอแหลแทบไม่ทัน มือข้างหนึ่งเอื้อมลงไปกุมเท้าทำหน้างอตัวงอ ก่อนจะเดินกะเผลกๆกลับมาเกาะแขนคิบอมซะเหนียวแน่นหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแก ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะเดินปร๋อไปหาคังอินอยู่หยกๆ


    ตอแหลได้โล่เลย อีทงเฮเอ๋ย .... -*-


    “ เจ็บจัง~ ..นายช่วยพยุงชั้นไปหาพี่คนโน้นหน่อยสิ ”


    ทงเฮพยักเพยิดหน้าสวยๆไปทางคังอิน แล้วส่งสายตาวิบวับเหมือนนางเอกการ์ตูนสาวน้อยให้กับชายหนุ่มที่ตนใช้เป็น ไม้ค้ำอยู่ย โดยไม่ลืมของแถมเป็นยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าให้อีกหนึ่งไหโตๆ


    ลูกล้อลูกชนคุณเธอแพรวพราวซะเหลือเกิน....


    “ หึ ” คิบอมไม่ได้ว่าอะไรกับอาการสำออยแบบไม่เนียนของร่างบาง ร่างสูงเพียงหัวเราะหึพร้อมกับมุมปากที่เหยียดออกบางๆ จะว่าเป็นยิ้มก็คงไม่เหมือนเท่าไหร่นัก


    “ พี่คังอินน่ะเหรอ? ”


    “ อือ~ ”


    “ แล้วไหนว่าถ้าชวนชั้นเข้าชมรมไม่ได้ นายก็จะโดนพี่คังอินไล่ออกจากชมรมไงล่ะ? ”


    เกือบจะดีใจอยู่แล้วเชียว! ที่ได้ยินประโยคยืดยาวจากปากของคิมคิบอมถ้าใจความของประโยคนั้นจะไม่ทำให้ ทงเฮตระหนักได้ถึงช่องโหว่รูกว้างที่เค้าลืมนึกถึงไปในการตอแหลสดนี้


    ลืมไปว่าเล่าเรื่องทั้งหมดให้หมอนี่ฟังไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว....นายนี่มันโง่เง่าจริงๆ อีทงเฮ!!!


    “ ก..ก็ พี่คังอินเค้าพูดเล่น เค้าไม่ไล่ชั้นออกจริงๆหรอกน่า ” ทงเฮโกหกได้ไม่เนียนเอาซะเลย แถมยังพ่วงอาการเบือนหน้า หลบเลี่ยงสายตาที่เหมือนจะส่องทะลุถึงหัวใจของคิบอมอีกต่างหาก


    ถ้าตาไม่บอดหูไม่หนวกแล้วล่ะก็ เป็นใครเค้าก็ต้องรู้กันทั้งนั้นแหละว่า...ทงเฮน่ะโกหก!


    “ เหรอ~ ” คิบอมลากเสียงยานคางพร้อมกับค่อยๆโน้มตัวลงมาจ้องหน้าทงเฮอย่างคาดคั้น ร่างสูงก้าวเข้าหาทงเฮ ในขณะที่เจ้าตัวเล็กค่อยๆกระถดถอยหนีอย่างขลาดกลัว


    “ อะ..อืม ” ถ้าทงเฮผงกหัวแรงๆคงจะชนโป๊กเข้าให้กับใบหน้ารูปไข่ที่ก้มต่ำมาจนห่างกันไม่ ถึงคืบแน่ๆ ร่างบางจึงทำได้แต่ร้องอืมรับในลำคอ ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมามองหน้าคิบอมด้วยซ้ำ!!


    .

    .

    .



    “ อะแฮ่ม!!! ”


    เสียงกระแอมไอแบบจงใจ๊จงใจขัดคอดังขึ้น เพื่อให้คนทั้งสองเริ่มรู้ตัวสักทีว่าพวกเค้าไม่ได้อยู่กันแค่สองคนในโลกใบ นี้นะ แต่ยังมีคิมยองอุนยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อีกคน


    เพราะฉะนั้นช่วยหันมาสนใจคนอื่นเค้าซะบ้างเซ่ว้อยยย~!!


    “ พี่!!! ” เป็นครั้งแรกที่ทงเฮดีใจเวลาที่เห็นหน้าอ้วนๆ(!?)ของคังอิน เจ้าตัวเล็กรอดหลบจากการคุกคามทางสายตาของคิบอมไปเกาะอยู่ที่หลังของคังอิน รวดเร็วปานลิงวอก


    “ กำลังจะเดินไปหาพี่อยู่พอดี ”


    “ เออ ”


    “ แล้วพี่เดินมาหาผมทำไมเนี่ย? ”


    “ เพราะชั้นคิดว่าถ้าไม่เดินมาหาแกเอง ชาตินี้ก็คงต้องยืนรออยู่ตรงนั้นแหละ ” คังอินว่าตามจริง เพราะไม่งั้นสองคนนี่คงอยู่ในโลกส่วนตัวไม่เลิก แล้วปล่อยให้เค้าและสมาชิกคนอื่นๆในชมรมยืนเอ๋ออยู่กับที่น่ะสิ


    ดังนั้นคังอินเลยหันไปส่งซิกให้ลูกทีมที่เหลือซ้อมกันต่อไป ในขณะที่ตัวเองก็นำพาร่างอันใหญ่โตมาหยุดอยู่ตรงหน้าของผู้มาใหม่ทั้งสองนี่ ไงล่ะ


    “ อะไรกัน ก็กำลังจะเดินไปหาอยู่แล้ว ไม่ได้ให้พี่ยืนรอซะหน่อย ” ทงเฮทำหน้าบู้บี้พลางกระซิบบอกกับคังอินเสียงเบา


    “ อ้อ! พี่ๆ ผมพาคิมคิบอมมาให้แล้วนะ ” สะกิดไหล่หนา ชี้ชวนให้ดูพ่อมหนุ่มรวยแก้มที่ยืนทำมาดนิ่งอยู่ตรงหน้าก่อนจะโม้แตกจนลืม พูดเรื่องสำคัญไป


    “ เห็นแล้ว ตาไม่ได้บอด ”


    “ เป็นโมฆะนะ เรื่องนั้นอ่ะ ”


    “ เรื่องอะไร? ” คังอินถามกลับ น้ำเสียงไม่บ่งบอกว่าลืมจริงๆหรือแกล้งลืมให้ทงเฮหน้าง้ำกันแน่


    “ พี่ลืมได้ไง! ก็เรื่องที่พี่จะไล่ผมออกถ้าผมเอาคิมคิบอมเข้าชมรมไม่ได้ไงเล่า!! ”


    แทบจะแยกเขี้ยวตะโกนใส่หูรุ่นพี่ ยังดีที่เหลือบไปเห็นบุคคลที่สามยืนอยู่ ทงเฮเลยกดเสียงให้ต่ำลงเป็นการพูดเสียงรอดไรฟันแทน


    “ อ๋อ อืม~ ”


    “ ตกลงว่าไม่ไล่ออกแล้ว ...ใช่มั้ย? ”


    “ เดี๋ยวดูก่อน ” คำตอบของร่างหนา ทำให้ทงเฮขมวดคิ้วไม่พอใจ ปากแดงๆตั้งท่าจะท้วงขึ้นมาทันที


    “ ไหนพี่สัญญาว่า..... ”


    “ ว่าไง ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ คิบอม ”


    คังอินปัดเสียงแมงหวี่แมลงวันของทงเฮที่คอยกระซิบอยู่ด้านหลังด้วยการเอ่ย ทักคิบอมที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าแทน ทำเอาคนที่กำลังอ้าปากจะค้านต้องรีบหุบกลับ ทำหน้าเป็นปลาทองอมฟองอากาศแก้มตุ่ย


    “ ครับ ”


    “ เปลี่ยนใจหรือยังล่ะ? ” ร่างหนาหมายความถึงเรื่องที่เคยไปทาบทามคิบอมให้เข้าชมรม แต่ต้องคว้าน้ำเหลวกลับมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง


    “ คิดว่ายังนะครับ ” คิบอมตอบอย่างไว้เชิง


    “ แล้วลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ล่ะคิบอม ถ้านายไม่ได้อยากจะมาสมัครเข้าชมรมพี่ ”


    “ พาเค้ามาส่งครับ ”


    ร่างสูงใช้นัยน์ตาคมกริบทอดมองร่างเล็กที่หลบอยู่หลังคังอินแทนการชี้ตัว


    ...มันเป็นสายตาที่ทำให้แก้มของทงเฮร้อนวูบวาบขึ้นมา จนเจ้าตัวต้องสะบัดหัวไล่มันออกไปเป็นพัลวัน


    “ พามันมาส่งทำไม ทงเฮมันมีขามันเดินเองได้นิ ” คังอินแกล้งว่าไปตามเนื้อผ้า พลางหันไปมองรุ่นน้องจอมแสบที่ยังเกาะแน่นเป็นปลิงอยู่ด้านหลังอย่างเอือมๆ


    “ ผมขาเจ็บนะพี่!! เค้าเดินชนผมล้ม ต้องรับผิดชอบพาผมมาส่งที่ชมรมสิ ” ทงเฮเถียง


    “ ขาเจ็บ? ” คังอินใช้น้ำเสียงแบบที่สื่อว่าที่ทงเฮพูดไม่น่าจะใช่เรื่องจริง


    ....ในเมื่อตะกี้นี้ยังวิ่งปร๋อมาหลบหลังเค้าอยู่เลยนี่นา~


    “ ใช่ ”


    “ แล้วหายยัง ”


    “ ก็......... ” ทงเฮนึกใคร่ควรว่าจะตอบพี่ชายตัวโตไปว่าอย่างไรดี “ เดี๋ยวก็คงหายล่ะมั้ง ”


    “ แล้วเดินยังไงไม่ดูทาง ” คังอินจงใจตำหนิรุ่นน้องของตัวเองมากกว่าจะหันไปตำหนิคนที่ทงเฮกล่าวอ้างว่า เป็นคนที่เดินชนให้เค้าล้ม ....ความยุติธรรมอยู่ตรงส่วนไหนของตัวรุ่นพี่คนนี้กันนะ!!!!


    “ ผมดูทางนะพี่ แต่หมอนั่นต่างหากที่ไม่ดู ”


    ร่างบางเถียงเอาความดีเข้าตัว แถมยังป้ายความผิดไปให้คิบอมอย่างหน้าตาเฉย


    “ งั้นเหรอ~ ”


    “ ก็ใช่น่ะสิ ” ทงเฮพยักหน้าฉุนๆ


    แต่ทำไมฟังเสียงคังอินแล้วไม่รู้สึกว่าคนๆนี้กำลังเข้าข้างอีทงเฮเลยนะ!!


    “ ยังไงก็เถอะ ขอบใจนายมากนะคิบอมที่พาเจ้าตัวยุ่งมาส่งถึงชมรม ” แทนที่จะต่อว่า คังอินกลับหันไปขอบอกขอบใจคิบอมแทนเสียนี่ รุ่นพี่ตัวโตจะรู้มั้ยนะว่ากำลังทำให้ทงเฮน้อยใจอย่างแรง!!!!!


    “ ผมไม่ใช่ตัวยุ่งนะ!! ” ตะเบ็งเสียงสวนขึ้นมาหน้าแดงก่ำ ทั้งโมโหทั้งอายที่ถูกคังอินหักหน้าจนไม่มีชิ้นดี


    “ เออๆ แกน่ะมันตัวดี ” คำแก้ต่างไม่ช่วยให้อารมณ์ขุ่นมัวขอทงเฮดีขึ้นเลย


    คนตัวเล็กผละออกมาจากหลังของรุ่นพี่ มายืนทิ้งน้ำหนักตรงขาข้างที่อ้างว่าไม่ได้เจ็บปวดอย่างงอนๆ พร้อมทั้งกอดอกจ้องหน้ากัปตันทีมบาสเขม็ง


    “ เฮ้อ~ ” คังอินถอนหายใจเหนื่อย คร้านจะเถียงเอาความกับรุ่นน้องจอมดื้ออย่างทงเฮ ร่างหนาเลยหันมาขอบใจคิบอมอีกครั้งในฐานะที่ถูกลูกน้องในชมรมไปทำความเดือด ร้อนให้


    “ ไม่เป็นไรครับ ” คิบอมโค้งตัวด้วยความสุภาพ


    “ งั้นผมไปนะครับ รุ่นพี่ ”


    “ อืม... แล้วเจอกันตอนที่นายเปลี่ยนใจนะ คิบอม ”


    คังอินยังหวังไม่เลิกที่จะได้ตัวเจ้าชายผู้เก่งกาจไปเสียทุกด้านอย่าง คิมคิบอมมาไว้ในชมรม แต่ร่างสูงเพียงแค่เหยียดยิ้มบางๆให้เป็นการตอบแทนความหวังของคังอินเท่า นั้น



    และความหวังของคังอินก็หายไปเพราะรอยยิ้มนั่นทันที....





    หายไปพร้อมๆกับ
    ‘ความหวัง’ ของทงเฮ!!!!!!






    “ อ๊ะ!! ” นัยน์ตาเรียวรีเบิกกว้างด้วยอารามตกใจ ก่อนที่ทงเฮจะลำดับเรื่องทั้งหมดแล้วประมวลผลในสมองเสร็จ ร่างบางก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเค้ากำลังถลาไปดึงชายเสื้อของโกดมีนัมรูปหล่อ เข้าเสียแล้ว


    ปฏิกิริยาทางกายของทงเฮเร็วกว่าที่สมองจะสั่งการซะอีก!!!!


    “ หืม....?? ” คิบอมเอี้ยวตัวกลับมามองร่างเล็กที่เตี้ยกว่าเค้าเกือบสิบเซนต์ ส่งเสียงครางในลำคอเป็นเชิงถามรอบที่ล้านแปดจนทงเฮเบื่อฟัง แต่ก็ต้องฟังอยู่ดี และไม่ใช่ต้องฟังอย่างเดียว


    ทงเฮต้องตอบเหตุผลของการกระทำนี้ด้วย!!


    “ ยะ...อย่าเพิ่งไป...สิ ” ลิ้นมันจุกปากเพราะหนุ่มหน้าหวานกำลังลนลานได้ที่


    สมองเท่าเม็ดถั่วเขียวของทงเฮเพียรงัดแงะเอาความฉลาดเจ้าเล่ห์อย่างที่พี่ยุ นโฮมี ให้ออกมาจากส่วนซอกหลืบที่มันเข้าไปหลบอย่างมิดชิด แต่จนแล้วจนรอดทงเฮก็คิดหาคำแก้ตัวดีๆไม่ได้สักกะข้อ


    เค้ารู้แต่เพียงว่า ถ้าปล่อยคิมคิบอมไปก็เท่ากับปล่อยโอกาสที่เค้าจะกลับเข้าชมรมได้อย่างภาคภูมิไปด้วย



    โฮกกกกกกกกกกกกกก
    ไม่มีทางซะหรอก ....!!!



    “ ทำไมล่ะ? ” คิบอมเอ่ยถามเสียงนิ่งตามแบบฉบับ


    “ นั่นสิ ไปรั้งคิบอมไว้ทำไมเนี่ย ทงเฮ~ ” คังอินช่วยเสริมด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน


    “ แล้วเท้าหายเจ็บแล้วหรือไง ถึงได้วิ่งไปดึงเค้าอย่างนั้นน่ะ!? ”


    “ หะ...... ” กำลังจะอ้าปากตอบว่า ‘หายดีแล้ว!!’ แต่ว่าไอ้ความฉลาดที่เมื่อกี้วิ่งไปหลบอยู่ในสมองซีกไหนก็ไม่รู้ของทงเฮ มันก็กลับพุ่งหลาวมานั่งอยู่ตรงที่เดิมของมันอีกครั้งได้ด้วยคำพูดของคังอิน




    ใช่สิ!!! เรื่องข้อเท้าเค้าไง!!!!!




    “ นี่นายคิมคิบอม ” เปลี่ยนกลับไปเป็นอีทงเฮเวอร์ชั่นหวานจ๋อยเหมือนมีสองบุคลิกในคนๆเดียว หนุ่มหน้าสวยแจกยิ้มเรี่ยราดแล้วเริ่มปฏิบัติการ ‘ยั่ว’ อีกรอบ


    “ ข้อเท้าชั้นยังไม่หายเจ็บเลยนะ คิดว่าแค่เดินมาส่งแล้วก็ทิ้งชั้นได้อย่างนั้นหรือไง หืม...? ” กรีดเสียงตัดพ้อได้ราวกับนางร้ายในละครเวลาที่คิดจะมอมเหล้าพระเอกยังไงยั้ง งั้น -*-


    “ แล้วจะให้ทำยังไง ” คิบอมถามกลับ


    “ ก็นายต้องรับผิดชอบสิ! ”


    “ แต่งกันเลย เป็นไงล่ะ ”
    นั่นไม่ใช่เสียงคิบอม แต่เป็นเสียงของกัปตันทีมบาสที่เอ่ยแซวผ่านริมฝีปากที่ขยับขมุบขมิบโดยไร้ เสียง เพราะหมั่นไส้อาการเจ้ามารยาของทงเฮเหลือทน



    ว่าแต่ใครไปเสี้ยมสอนให้มัน ‘ยั่ว’ ล่ะเนี่ย???



    “ รับผิดชอบยังไง? ”


    หว่านล้อมจนถึงจุดที่ต้องการ ร่างบางลอบยิ้มร้ายโดยไม่ให้ใครเห็น แต่จะบอกไปตรงๆก็กลัวว่าคิบอมจะปฏิเสธกลับมาอีก คราวนี้ทงเฮจึงเริ่มตะล่อมด้วยการชักแม่น้ำฮันทั้งห้าเสียก่อน


    “ นายก็รู้ว่าชั้นข้อเท้าแผลงใช่มั้ย ”


    “ จะให้พาไปหาหมอ? ” คิบอมเดาส่ง


    “ โอ๊ย~ หมอเหมออะไรไปต้องไปหาหรอกมั้ง เมื่อกี้ยังเห็นเดินเหินได้”


    ทงเฮตวัดสายตาไปจ้องรุ่นพี่ที่นอกจากมือไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำอย่างขุ่น เคือง พร้อมกับพยายามส่งซิกให้หยุดพูดอะไรไร้สาระไปด้วย ....แต่มีหรือที่คังอินจะเข้าใจคำใบ้ที่รุ่นน้องคนสวยส่งมา



    ถ้าหมีมันเข้าใจภาษามนุษย์เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละที่คังอินจะเข้าใจความหมายสายตาของทงเฮ!!



    “ แต่คราวนี้ผมเจ็บจริงๆนะ!!! ”


    “ ก็เห็นเหมือนไม่เจ็บนี่ ”


    “ แต่-ผม-เจ็บ! ” พูดช้าๆ เน้นคำหลังที่ว่า ‘เจ็บ’ จนคังอินขี้เกียจจะเถียงต่อเพราะเดี๋ยวมันจะไม่จบ


    “ เออ เจ็บก็เจ็บสิ ”


    “ เพราะฉะนั้น............. ” ทงเฮยิ้มพอใจกับการอ่อนข้อของคังอินแล้วจึงหันกลับมาต่อรองกับคิบอมต่อ









    “ นายต้องเข้าชมรม เพื่อเล่นบาสแทนชั้น คิมคิบอม!!!!!!! ”






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×