คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : III Slam Dunk III ...12...
ความโง่กับ ความงี่เง่า จริงๆแล้วมันมีเส้นคั่นอยู่บางๆนะรู้มั้ย?
แต่ก็ดันมีคนๆหนึ่งที่สามารถทำลายเส้นกั้นบางๆนั้นได้ด้วยสติปัญญาของเค้า แถมทำลายไม่พอยังผสมความโง่และความงี่เง่าได้อย่างกลมกลืนลงตัว ได้เป็นคำว่า ...โง่เง่า... อีกต่างหาก -*-
อีทงเฮ แกมันโคตรโง่เง่าจริงๆเลย ให้ตายสิ!! = __ =
สบถด่าตัวเองในใจเป็นพัลวัน ขณะที่กำลังสาวเท้าสั้นๆเหมือนฮอบบิท (แล้วกรูจะเป็นแซมหรือโฟรโดดีล่ะ?) เพื่อออกห่างจากคนที่เดินตามมาอย่างไม่ลดละให้ได้มากที่สุด
แต่ก็บอกไปแล้วไงว่าอีทงเฮ มันเป็นคนประเภทที่โง่เง่าเต่าเตี้ย (ทำไมต้องด่าปมด้วยวะ!) แถมยังไอคิวต่ำสุดๆ ดังนั้นจากการตั้งใจเดินหนีคิมคิบอมแบบให้ฟาร์ๆอะเวย์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เลยกลับกลายเป็นการเดินดุ่มๆคล้ายไล่ควายโดยไม่ดูทาง จนมารู้สึกตัวอีกที ก็อีตอนที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับกำแพงหนาที่สูงท่วมหัวจนหมดทางรอดนี่แหละ
กุงานเข้าเลยไงล่ะ แสรดดด....
“โว้ย ไอ้กำแพงบ้านี่!! ใครสร้างวะ พ่อจะไปตามฆ่าล้างเผ้าพันธุ์ แม่งเลย!!!”
ใครก็ตามที่เคยบอกว่าคนไอคิวต่ำจะมีอีคิวสูง ถ้ามาเจอกับคนที่ทั้งไอคิวและอีคิวมีลักษณะติดลบแบบอีทงเฮเข้าล่ะก็ ..สงสัยว่านักวิชาการทั้งหลายแหล่ คงจะต้องทบทวนทฤษฎีของตัวเองอีกรอบเป็นแน่แท้
เพราะ..อีทงเฮ อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวงของคำว่า ‘เป็นไปได้’
“หึ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูกดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทงเฮรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมองว่า คิบอมยืนอยู่ห่างจากเค้าไม่ถึงเมตรแน่ๆ
จริงๆ ถ้าขายาวก้าวนี้ก็อยากจะกระโดดปีนข้ามรั้งข้ามกำแพงออกไปอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าขาเค้า...เอ่อ...สมส่วน(?!)...อ่ะนะ ก็เลยต้องติดแหง็กอยู่อย่างนี้ไง -*-
เลวร้ายได้อีก ความสูงของกู T_T
ทงเฮถอนหายใจปลงตกในชีวิตของเสมิร์ฟตัวน้อย ก่อนจะก้มหน้ามองรองเท้าผ้าใบเน่าๆของตัวเองในขณะที่กำลังใช้สมองก้อนเท่ากำปั้น - -* เพียรหาทางที่จะทำให้ตัวเองรอดพ้นจากภัยคุกคามรูปหล่อ ที่ทำให้รู้สึกหน้าร้อน ใจเต้นอย่างนี้ เพื่อให้กับถึงบ้านที่มีเฮียยุนรอคอยอยู่โดยสวัสดิภาพได้
อา....นึกถึงเฮียยุน ก็พาลทำให้คิดไปถึงนิยาย Best Seller ของเฮียที่ทงเฮเคยแอบจิกมาอ่าน
เรื่องราวของสาวน้อยหน้าหวานและชายหนุ่มมาดขรึม ที่มีอยู่ฉากหนึ่งซึ่งเป็นฉากการตามง้องอนนางเอกของพระเอก และสุดท้ายนางเอกก็โง๊วโง่หนีมาจนมุมให้พระเอกปลุกปล้ำก่อนขอคืนดีซะได้
แล้วกรูกำลังจะกลายเป็นนางเอกโง๊วโง่หรือนี่~? T^T
คิดๆแล้ว ก็ได้แต่กระทืบเท้าเร่าๆ ร้องงึมงำขวัญผวาแบบรับไม่ได้สุดๆ ที่คนแมนๆอย่างอีทงเฮจะต้องมารับบทถูกปล้ำ ในสถานที่ลับตาคนเช่นนี้
เง้อ~ อย่างน้อยก็ขอเป็นบนเตียงก็ยังดีนะ ฮือๆ (ผิดจุดประสงค์แล้วเฟ้ย!!)
“อีทงเฮ”
ตกใจแทบร้องกรี้ดสาวแตก เมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบสุดหูรูด ทันทีที่ลมหายใจร้อนๆปะทะเข้าที่ใบหูเล็กด้วยการขานเรียกชืท่อเค้าเสียงสยิวกิ๊ว ทงเฮก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคิมคิบอมได้ก้าวเข้ามาคร่อมร่างเค้าไว้ให้ติดกับกำแพงด้วยแขนทั้งสองข้างเสียแล้ว!!
โฮกกกกกกกก ไอ้คิมคิบอม นี่เมิงก็เคยอ่านนิยายเฮียยุนมาใช่มั้ยเนี่ย?!
ฉากนั้น.....ลอกกันมาเดี๊ยะๆเลย อ๊ากกกกกกก~~
กู่ร้องในใจ แถมยังเหงื่อไหลเหมือนเขื่อนแตก ก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายเต้นตุบตับเหมือนกำลังแด๊นซ์เพลงซอรี่ซอรี่กันอย่างเมามัน แต่หารู้ไม่ว่าเมิงกำลังจะทำให้เจ้าของร่างตายเร็วขึ้นนะ -*- มายฮาร์ท...
“ถ..ถอยไปนะ” ร้องขู่แบบติดอ่าง คนฟังคงกลัวตายหรอก
“แล้วก็เลิกคร่อมชั้นซักที ..มัน..อ..อึด..อัด”
ทงเฮหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่า เพราะอาจทำให้ได้เปรียบกว่าการหันหลังให้ศัตรู -*- พลางเอ่ยเสียงเขียวใส่คิบอมแต่หน้าแดงแจ๋ ดูน่ารักน่าแกล้งเหลือเกินในสายตาของคนมอง...
“หนีชั้นทำไม?”
“ปะ..เปล่าหนีสักหน่อย” โกหกคำโต พลางก้มหน้างุดๆ เหมือนจะพยายามหาทางดำดินหนีคิบอมไปให้ได้
“โกหก..”
“ไม่ได้โกหก!”
“งั้นทำไมถึงไม่รอกลับพร้อมชั้น?”
“แล้วทำไมชั้นต้องรอนายด้วยล่ะ” แกล้งโง่ถามกลับเพื่อว่าอีกฝ่ายจะเกิดอาการอึ้งแดกเหมือนเค้าบ้าง
“นายกลับบ้านได้เองหรือไง ..ขาเจ็บไม่ใช่เหรอ?” น๊อคเอาท์...ตายไปเลยดีกว่ามั้ย กรู~
ฟังประโยคหลังแล้วทงเฮก็เหนื่อยใจแสนสาหัส กับการโกหกที่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่จะเนียนสมบทบาทของตัวเอง เหมือนเป็นโรคความจำสั้น(แต่รักชั้นยาว) เดี๋ยวแกล้งเจ็บ เดี๋ยวก็ลืมเจ็บ...
ไม่รู้ว่าคิบอมจะนึกสงสัยให้ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของทงเฮมั่งมั้ยนะ?
“อ...เอ่อ...ก..ก็เจ็บ แต่...ว่า” งือ~ ได้ผิดศีลข้อสี่เป็นรอบที่ร้อยอีกแล้ว กรู T^T แต่แม่งยังคิดหาวิธีผิดศีลไม่ได้เลยง่ะ สงสัยต้องโทรถาม bug 1113 เสียก่อนล่ะมั้ง ถึงจะได้ตอบคำถามคุณชายคิมแกได้
“แต่ว่าอะไร”
“ค...คือว่า.....ก็เจ็บไง...แต่ที่รีบเดินเพราะว่าจะรีบไปหาหมอน่ะ อือ~” ทอดเสียงอ่อนๆอ่อยๆ พลางทำสีหน้าบูดเบี้ยวเหยเกเหมือนโดนฟันขาขาดก็ไม่ปาน
ทงเฮทำเป็นย่อตัว กุมขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วฝืนยิ้มเหมือนคนดี พร้อมบอกผ่านสายตาที่ยอมเงยขึ้นมาสบกับตาคิบอมว่าเค้าไม่เป็นไร วางใจ และปล่อยกูไปที่ชอบๆเสียทีถอะ ปิ๊งๆ
“งั้นเหรอ...”
“อืม” กระมิดกระเมี้ยน บิดตัวเล็กน้อย พลางยกมืออีกข้างวางบนไหล่หนาเพื่อพยุงตัว โฮกกก ออสการ์..รอท่านทงเฮคนนี้ก่อน ปีหน้า..เคทก็เคทเหอะวะ เดี๋ยวจะสอยให้ร่วงให้ดู!!
“งั้นก็ไปกันเถอะ!”
สิ้นคำของคุณโกดมีนัม รถยนต์ยี่ห้อหรูที่ทงเฮจำได้ไม่เคยลืมเลือนว่ามันเป็นคันเดียวกันกับที่เค้าหย่อนก้นนั่งมาโรงเรียนในตอนเช้ากับคิบอม ก็ขับผ่านถนนหลังโรงเรียน ตัดสนามหญ้าที่ปักป้ายว่า ‘ห้ามเดินลัดสนาม’ มาหยุดอยู่ไม่ไกลกับที่พวกเค้ายืนคุยกันอยู่พอดิบพอดี
โอ้ว มายก๊อด นี่มันฟิคหรือการ์ตูนวะเนี่ย
โอเว่อร์ได้อีก พ่อคุณชาย!!! =[]=’’
“อะ....เอ่อ” ในระหว่างที่กำลังทำเสียงเอ่ออ่า ลุงคนขับรถก็ก้าวลงมาตะเบ๊ะใส่พวกเค้า ก่อนร้องรายงานคุณชายรูปหล่อด้วยเสียงก้องกังวานทรงพลัง แม้จะยืนอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตรก็ตาม
“รถพร้อมแล้วครับ คุณชาย”
“ขอบคุณมากครับ”
ทงเฮเหลือบตามองคนมีมารยาท พูดขอบคุณคุณลุงคนขับแล้วอ้าปากเหวอ
ไม่ทราบว่าพี่แกมีโทรจิต เทเลพาธี ส่งถึงกันหรืออย่างไร?
ทำไมถึงได้สื่อสารได้แม้จะไม่มีมือถืออย่างนี้?!
“ด...เดี๋ยวก่อน” ทงเฮขืนตัวไว้เต็มแรง ตอนที่คิบอมเปลี่ยนอิริยาบถจากการคร่อมร่างเค้า มาเป็นการจับข้อมือแล้วจูงให้เดินเข้ารถแทน
ว๊อซ แฮปเปนนิ้งวะ??
ช่วยบอกกระผมก่อน เพราะกระผมไม่มีโทรจิตเหมือนพวกคุณๆนะขอรับ -*-
“จะพาชั้นไปไหน” คิบอมหันมามองเค้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับ
“ก็หาหมอไง” ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อยากจะแกล้งทำเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอให้มันสมองคิดอีกที อีทงเฮก็รับรู้ได้ว่า ถ้าเป็นลมแล้วไซร้ สถานที่ที่คิบอมจะพาเค้าไปก็ยิ่งไม่พ้นคำว่า...โรงพยาบาลอย่างแน่นอน!
“เอ่อ แต่ชั้นนัดหมอประจำไว้แล้ว ..ม...ไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลนะ คือชั้นไม่ชอบไปโรงพยาบาล ..อ่า..”
แก้ตัวสุดฤทธิ์ ขอเพียงอย่างเดียวคือการที่จะทำให้คิบอมไม่พาเค้าไปโรงพยาบา เพราะถ้าได้ตรวจกันจริงๆแล้ว ...ความลับ(?) เรื่องที่เค้าไม่ได้เป็นอะไรนั้น คงจะแตกไปพร้อมๆกับการที่เค้าถูกพี่คังอินเฉดหัวออกจากชมรมแน่ๆ T^T
“งั้นก็ไปหาหมอของนาย”
“อา...นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย!” ทงเฮร้องเสียงหลง และมันทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เพราะหมอประจำตัวชั้นน่ะ ไม่ชอบคนแปลกหน้า ถ้าเกิดนายไปหาด้วยกัน เค้าต้องไม่ยอมรักษาชั้นแน่ๆเลย” พูดแล้วทำหน้าสลดหดหู่ เหมือนชีวีจะดาวดิ้นเสียให้ได้
“อืม......” คิบอมนิ่งไปสักพัก
“งั้นก็ไปหาหมอที่บ้านชั้นก็แล้วกัน!”
พอได้ยิน ทงเฮก็ทำตาโตเท่าเลขศูนย์ที่ติดเป็นตัวแดงแจ๋ในสมุดพก กำลังจะละล่ำละลักเอ่ยค้าน คนตัวโตก็ใช้วิธีเบสิคจัดการเค้า ด้วยการอุ้มขึ้นพาดบ่าแกร่ง ก่อนจะจับอีทงเฮยัดลงไปในเบาะหลัง แล้วตามเข้ามานั่งคุมอีกด้าน พร้อมกับเอ่ยปากสั่งลุงคนขับที่กระโดดเข้ามานั่งประจำที่อย่างรวดเร็วให้ออกรถ โดยไม่สนใจสีหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษข้อสอบของทงเฮก่อนส่งอาจารย์เลยแม้แต่น้อย
“น...นาย”
“.......” คิบอมเหล่มองมาทางขวามือของตัวเอง ที่มีทงเฮนั่งอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลานีโม่ถูกจับขังในโหลแก้ว แล้วรอจังหวะให้คนขี้โวยวายเอ่ยต่อ
“ไหนบอกว่าพี่คังอินใช้นายให้มาตามชั้นไง”
ทงเฮก็ยังเป็นทงเฮอยู่วันยังค่ำ ..คนตัวเล็กยังสามารถเสาะหาข้ออ้าง ข้อแก้ตัว ข้อโต้แย้ง เพื่อมาใช้งัดข้อกับอีกฝ่าย ในขณะที่ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันได้เสมอ
“.......”
“แล้วนายหนีซ้อมมาได้ไง จริงมั้ย? พี่คังอินไม่ชอบคนที่ไม่มีความรับผิดชอบหรอกนะ จะบอกให้”
“.......”
“เออ แถมชุดนักเรียน แล้วก็กระเป๋านักเรียนของนาย ก็ยังอยู่ที่ล็อคเกรอ์ชมรมเลยไม่ใช่เหรอ? ไม่คิดจะไปเอากลับหรือไงกัน?”
“.......”
“แล้วก็นะ.......”
“ลุงจางครับ ผมขอโทรศัพท์หน่อย”
ออกปากขอปุ๊บ โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เอี่ยมก็ปรากฏบนมือทันทีเหมือนเสกได้ ทงเฮทำหน้างงๆเล็กน้อยตอนที่เห็นคิบอมกดมือถือ แล้วรอเสียงสัญญาณสักพัก ไม่นานเค้าก็กรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพ
“ครับพี่..”
“เจอแล้วครับ”
“เห็นบ่นว่าเจ็บขา..”
“ครับ ผมจะพาเค้าไปเอง”
“ครับ ..สวัสดีครับ”
พูดจบ คิบอมก็กดวางสาย ในขณะที่ทงเฮคันปากยิบๆ อยากจะถามออกไปว่าคิบอมพูดกับใคร และคุยกันเรื่องอะไร ทำไมถึงได้ยินแต่คำว่า..ครับๆ แล้วก็ ครับๆ เหมือนคนงกค่าโทรศัพท์อย่างนั้น -*-
“เมื่อกี้.....” แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นปลา คิบอมเอ่ยตอบทันทีโดยไม่ต้องฟังคำถามให้จบด้วยซ้ำ
“พี่คังอิน”
“น...นายรู้เบอร์พี่คังอินด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้”
“แล้วนายโทรหาพี่เค้าได้ไงอ่ะ”
“มิสคอล” พูดเบาๆแล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ทงเฮดูสายที่ไม่ได้รับประมาณสี่ถึงห้าสายในเครื่องมือสื่อสารขนาดจิ๋ว ซึ่งมันก็เป็นเบอร์ของกัปตันชมรมบาสอย่างคังอินจริงๆนั่นแหละ และนั่นยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่ร่างบางขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
“พี่คังอินรู้เบอร์มือถือลุงจางได้ยังไงกัน?”
“นี่ของชั้น”
“ห...หา” ทงเฮร้องเสียงหลง แต่ยังไม่วายถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ
“ของๆนายไม่ได้อยู่ในล็อคเกอร์ชมรมหรือไง”
“.......” สำหรับปัญหานี้ คิบอมไม่ได้ตอบ แต่กลับกลายเป็นลุงจางซู คนขับรถหน้าแป้นเหมือนอาแป๊ะร้านขายของชำ ที่เป็นคนตะโกนตอบแทนเจ้านายหนุ่มจากเบาะด้านหน้า
“อ๋อ~ ลุงเป็นคนไปเอามาให้คุณชายเองล่ะครับ คุณหนู ฮ่าๆ” ตบท้ายด้วยการหัวเราะแบบคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิตย์ ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้ทงเฮหายงงเลยว่า คิมคิบอมไปนัดแนะกับคนขับรถของตัวเองเอาตอนไหน?
“ละ....แล้วพี่คังอินเค้าว่าอะไรชั้นหรือเปล่า?” เขยิบเข้าไปถามอย่างพรั่นพรึงในคำตอบของคิบอมเหลือหลาย แต่พอเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆ ทงเฮก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก ค่อยหายใจคล่องปอดขึ้นมาหน่อย -*- อย่างน้อยเรื่องที่เค้าหนีออกมาก่อนถึงเวลาเลิกก็คงไม่เป็นไรแล้วสินะ เฮ้อ~~
“แค่บอกว่า ‘พรุ่งนี้เจอดีแน่ อีทงเฮ’ แค่นี้เอง...”
กะว่าจะแกล้งให้กระวนกระวายเล่นเท่านั้น แต่พอหันไปมองคนข้างตัวอีกที คิบอมก็ถึงกับต้องกลั้นยิ้มเสียจนปวดแก้มไปหมด
เพราะอีทงเฮ...หน้าซีดเผือด ยกมือขึ้นมาทาบแก้ม แล้วอ้าปากค้างพร้อมจะสครีมให้ดังลั่นรถ เป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว
!!!!
ดูกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ .....หึ หึ
*+*+*+*+*+*+*+*+*
หัวใจเกือบวายตาย.. เพราะไอ้คำทิ้งท้ายที่สุดแสนจะสยองขวัญยิ่งกว่าดูหนังเรื่องเฟรดดี้ปะทะเจสัน ทำให้ทงเฮถึงกับตาเหลือก วิญญาณล่องลอยไปทักทายกับท่านพญายมเป็นการฝากเนื้อฝากตัวก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกันฉันท์เพื่อนสนิท ด้วยฝีมือของรุ่นพี่ในชมรมในวันรุ่งขึ้น
แต่เมื่อคิบอมยอมเฉลยให้ฟังว่าล้อเล่น เค้าก็แทบอยากจะกระโดดเข้าไปบีบคอไอ้คุณโกดมีนัมจอมปลิ้นปล้อน (ด่าเค้าได้เนอะ) เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดตรงที่ว่ารถมันเบรกตัวโก่งเสียงดังเอี๊ยดเหมือนจงใจให้ทงเฮถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตเสียก่อน เค้าเลยไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
“อ๊ะ!!” พระเจ้า...ใครก็ได้บอกทีว่าช็อตนี้มันอยู่ในหนังเรื่องไหนบ้าง? O__O
ไอ้การที่นางเอกโผเข้าไปซบอกพระเอกเพราะรถเบรกน่ะ ร้อยทั้งร้อยฉากแบบนี้มันจะต้องมีซัมติงรองเกิดขึ้นอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ อย่างเช่น....
กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านระหว่างสายตา จนปะทะกัน เกิดการช็อตเปรี๊ยะๆ
อาการต่อมา...คือความร้อนแล่นผล่านไปทั่วร่างโดยเฉพาะตรงใบหน้า ประหนึ่งนักฟุตบอลวิ่งรอบสนาม ตอนที่ซัลโวลูกเข้าประตู ซึ่งทงเฮก็ไม่เคยเข้าใจกีฬาชนิดนนี้เลยจริงๆ ว่าเมิงจะวิ่งทำด๋อยอะไรนักหนา ..ดูแล้วหมั่นไส้จริงๆ -*-
ถัดไปคือ อาการหน้าแดง ประจานตัวเองว่า กูเขิน =///= พลางหลบสายตาคมๆที่จ้องมองมาเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้น อาจมีการได้เสียบนรถเกิดขึ้นได้ (โฮกกกกก)
สุดท้ายคือ มือของพระเอกที่จะเอื้อมมาช้อนคางนางเอกขึ้น (ซึ่งทำไมถึงไม่เคยจิกผมนางเอกขึ้นมั่งก็ไม่อาจทราบได้) พร้อมกับใบหน้าหล่อๆที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ให้นางเอกรู้สึกเหมือนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่ง ‘จูบ’ กันนั่นแหละ...
อร๊าซซซซซซซซ~~
แล้วคิดว่าคนเท่ห์ๆอย่างอีทงเฮ จะยอมให้เหตุการณ์เหมือนละครน้ำเน่าอย่างนั้น เกิดขึ้นกับตัวเองหรือไง?
...ไม่มีทางซะหรอก ขอบอก =[]=
“นาย...”
“.....” ตะครุบปิดปากตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว แถมยังเม้มปากแน่น ไม่ยอมที่จะสูญเสียเฟริทคิสให้แก่คิมคิบอมโดยเด็ดขาด!!
“อีทงเฮ......”
“
” อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงแข็งซะให้ยาก ยังไงเค้าก็ไม่หลงเคลิ้มไปเหมือนนางเอกโง่ๆหรอก เฮอะ!
“เมื่อไหร่จะลุกซักที”
“ห่ะ...” เมื่อกี้เหมือนฟังไม่ค่อยชัด O___o ว่าไงนะ!? อะเกน พลีสสส...
“หรือคิดจะปล้ำชั้น?”
“ไม่!!!”
เป็นปฏิกิริยาตอบกลับแบบอัตโนมัติ ก่อนจะมาตระหนักได้ถึงท่าล่อแหลมที่ดูเหมือนกับเค้ากำลังนั่งคร่อมตัวคิบอมไว้อยู่ โดยสองแขนวาดโอบรอบคอคนตัวสูงไว้อย่างแนบแน่น ทั้งๆที่คิบอมไม่ได้จับต้องร่างกายของเค้าแต่อย่างใด ...ชายหนุ่มเพียงนั่งมองอีทงเฮด้วยใบหน้าเรียบเฉย มีแค่สายตากลับไหวระริกเท่านั้น
และมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ฝ่ายถูกลวนลาม แต่เป็นฝ่ายไปลวนลามเค้าเอง ผละออกจากอีกคนแทบจะทันที พลางถอยกรูดไปติดกับประตูอีกด้านที่ตรงข้ามกับคิมคิบอม
“อ่ะ!!!.........”
ไม่ทันจะคว้าอะไรไว้ยึดร่างกายไม่ให้ร่วงลงพื้น เนื่องจากคุณลุงจางซูผู้แสนดี แกได้ทำหน้าที่ตามอาชีพของตนเอง ด้วยการจอดรถและลงมาเปิดประตูให้แก่ผู้เป็นนาย แต่อนิจจาแกมาเปิดได้ประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่ทงเฮกระเด้งถอยหลังมาอีกฟากของประตู
ผลก็คือ...ร่างที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นคอนกรีต และเสียงหล่นดังตุ้บ ทำเอาคนเจ็บน้ำตาคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่
ฮือ~~ ทำไมกุซวยอย่างนี้วะ T^T กลับไปเค้าจะฟ้องเฮียยุนเลย คอยดู~ ฮือ~
“อ่ะ คุณหนูครับ ลุงขอโทษ” รีบเข้ามาช่วยพยุงหนุ่มน้อยหน้าหวาน เพื่อนคุณชายด้วยความรู้สึกผิดล้นปรี่
“ลุงไม่ได้ตั้งใจน่ะครับ”
“ม...ไม่เป็นไรครับ ลุง ...ผมผิดเองที่ไม่ระวัง” เอ่ยมึนๆ จะต่อว่าคนที่ไม่ตั้งใจก็กระไรอยู่ เพราะทงเฮไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ ดังนั้นเรื่องแบบนี้ถือว่าเค้าฟาดเคราะห์เองล่ะกัน (ด้วยการเอาหัวฟาดพื้น?)
“ลุกไหวมั้ยครับเนี่ย?” คิมจางซูทำหน้าลำบากใจ เนื่องจากเห็นคุณหนูตัวเล็กยังทำหน้าอึนๆอยู่
“หวะ...” กำลังจะตอบว่าไหว ทั้งที่ร่างกายร้องประท้วง แต่แล้วร่างของทงเฮก็ลอยหวืดจากพื้นด้วยแรงอุ้มของคุณชายที่ก้าวลงมาจากรถตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้
“น...นาย”
“ลุกไม่ไหว ก็อย่าฝืนเลย” ใช้น้ำเสียงเหมือนดุเด็กน้อย แต่ทว่ากลับอ่อนโยนจนทงเฮเถียงไม่ออก
“เดี๋ยวผมจะพาเค้าเข้าบ้านเองครับลุง ส่วนของที่เหลือฝากพวกเธอยกไปด้วยนะ” เพิ่งจะสังเกตว่ามีสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามายืนก้มหน้า รับคำสั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ทงเฮก็ขี้เกียจจะใช้สมองคิดในตอนนี้
อา.....ปวดหัวจัง~
ว่าแล้วก็ซุกหัวทุยๆที่เจ็บแปล๊บๆไปบนอกกว้าง จะว่าอ้อนก็ยอมวะ! ก็มันเจ็บจริงๆนิ T_T
“ปวดมากงั้นเหรอ” คิบอมถามเค้าระหว่างทางที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน
“อือ”
“เดี๋ยวเรียกลุงหมอให้ด้วยนะ มุนอา”
“ม...ไม่เอา หมอ” คนป่วยร้องงอแง...ถึงสมองจะกระทบกระเทือนแค่ไหน แต่สัญชาตญาณดิบมันก็ร้องออกมาว่า ห้ามเจอหมอ!!
“ไม่เอาหมอ?” คิบอมทวนคำ พลางมองอีทงเฮที่เปลี่ยนจากตัวป่วนเป็นเด็กขี้อ้อน ซึ่งมันก็ดุ........
น่ารักดี....
“อือ” ขยับหัวขึ้นลงตรงอกเสื้อของอีกฝ่าย ยืนยันว่าจะไม่ยอมไปหาหมอเด็ดขาด
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”
คิบอมถามเพรานึกเป็นห่วงร่างบาง และทงเฮก็ตอบข้อสงสัยปนห่วงใยของคิบอมว่า...
“นายไง
..”
“หืม??”
“นายจะเป็นคนที่ทำแผลให้ชั้นแทนหมอไง!!!”
ทงเฮบอกด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นอีกนิด โดยมีคิบอมทำหน้าฉงนใส่ ...หารู้ไม่ว่าเป็นแผนที่คนตัวเล็กเพิ่งคิดขึ้นได้สดๆร้อนๆในใจเมื่อกี้นี้เอง
เพราะหน้าเฮียยุนแว๊บมาตอนที่หัวกระแทกหรอกนะ ถึงนึกขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณปากห้อยๆของเฮียจริงๆ ที่ทำให้ทงเฮได้งัดแผนการอ่อยเหยื่อที่เฮียสั่งสอนขึ้นมาใช้
พลิกวิกฤตให้เป็น....โอกาส....
เปลี่ยนสถานการณ์ ‘แย่ๆ’ ให้กลายมาเป็นสถานการณ์ ‘ยั่วๆ’ ยังไงล่ะ วะฮะฮ่าๆๆ
“ชั้นเนี่ยนะ?” คิบอมทวนคำ
“อือ ใช่” ทงเฮครางอืมตอกย้ำว่าคิบอมเข้าใจไม่ผิดหรอก แต่เหลือบเหลือบไปเห็นสีหน้าแบบเดาไม่ถูกว่าคิดอะไรอยู่ของคนตัวโต ทงเฮเลยแกล้งถามออกไปด้วยเสียงอ้อนๆ
“ไม่ได้เหรอ”
ช้อนสายตาขึ้น โดยใช้มารยาเล่มเกวียนที่ร้อยยี่สิบเก้า ‘อ้อนเท่านั้นที่ครองโลก!’
ถ้าคิบอมยังบอกว่าไม่อีก ก็คงใจจืดใจดำเกินไปแล้วววววว...
“.......” ร่างสูงเงียบไปครู่นึง ไม่รู้จะใช้สมองประมวลผลอะไรนักหนา กะอีแค่ทำแผลให้แค่นี้ คิดเหมือนส่งไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิกก็ไม่ปาน -*-
“มุนอา...” ชายหนุ่มเรียกชื่อสาวใช้ที่เดินตามมาข้างหลังอย่างเงียบๆ “ไม่ต้องโทรเรียกลุงหมอแล้วล่ะ”
“ค่ะ”
“เอาของทั้งหมดไปวางที่ห้องรับแขก แล้วไปเตรียมเครื่องมือปฐมพยาบาลให้เรียบร้อย”
“ค่ะ” หล่อนรับคำสั่งด้วยหางเสียงเพราะๆเพียงคำเดียว ซึ่งทงเฮจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าหากคำสั่งต่อไปของคิบอม หล่อนจะไม่รับมันมากระทำตาม
“เสร็จแล้วเอาเข้าไปให้ชั้นในห้องนอนด้วยล่ะ
.”
“ค่ะ” ชำเหลืองมองเจ้านายสลับกับแขกของคุณชาย แล้วทำสีหน้าปุเลี่ยนๆ ..เห็นอย่างนั้นแล้ว ทงเฮก็รู้สึกอยากจะเลิกแผนการทั้งหมดขึ้นมากะทันหัน...
...แค่ทำแผลทำไปต้องเข้าไปทำในห้องนอนด้วยไม่ทราบ =[]=!?
โว้ยยยย แล้วกรูจะได้ออกมา โดยยังคงความเวอร์จิ้นไว้ได้มั้ยล่ะ!!???
ไอ้จ๊าดหง่าวเอ๊ยยยยย!!!!
TBC.
การเมืองวุ่นวาย อ่านฟิคให้สบายใจดีกว่านะคะ ^ ^
ปล. ฟิค Hapiness ยังเหลืออีกประมาณ สิบกว่าเล่มนะคะ สนใจซื้อ เมล์มาบอกชื่อและจำนวนเล่มพร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ nut_buff@hotmil.com แล้วเราจะส่งเมล์เรื่องการโอนไปอีกทีนะคะ (โอนก่อมีสิทธิ์ได้ก่อน จนกว่าฟิคที่เหลือจะหมดนะคะ ^ ^)
ปล2. สำหรับคนสั่งรอบนี้ยังได้พวงกุญแจเหมือนเดิมเน้ แต่หลังจากนี้เราจะไม่แถมพวงกุญแจแล้วนะคะ
ความคิดเห็น