ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #11 : III Slam Dunk III ...11...

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 52


     

     

     

    Slamdunk ...11...

     

     

     






    “ โอ๊ะ! ” แทบจะปล่อยลูกบาสหลุดออกจากมือ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่คังอินอยากจะวิ่งโร่ไปหยิบมือถือมาถ่ายวิวัฒนาการมิวเตชั่นของอีทงเฮเสียจริงๆ



    อุวะ!
    เมื่อวานอุ้มท่าเจ้าหญิง
    วันนี้ให้ขี่หลังเหมือนพระนางในเรื่องออทั่มอินมายฮาร์ท




    แล้วพรุ่งนี้คิมคิบอมจะมาส่งอีทงเฮในรูปแบบไหนอีกกันหนอ?





    “ พี่! ” พอไอ้ตัวเล็กมันเห็นเพื่อนๆพี่ๆซ้อมบาสกันอยู่ มันก็กระโดดลงจากหลังของโกดมีนัมรูปหล่อทันที แถมยังวิ่งโร่เข้ามาหาคังอินแบบลืมแอคติ้งขาเดี้ยงเพราะความจำมันเป็นปลาทองซะอีก …เห็นอย่างนั้นแล้ว คังอินก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าคิบอมสนใจอะไรในตัวของคนป้ำๆเป๋อๆอย่างอีทงเฮกัน?



    โง่ก็ที่หนึ่ง
    ขี้โวยวายก็ครองอันดับท็อป
    เรื่องความซื่อบื้อล่ะก็ไม่เคยเป็นรองใคร
    แถมความคิดที่ว่าตัวเองแมนก็ยังมีจนโอเวอร์โหลดเกินตัวอีก -*-



    ตั้งแต่รู้จักรุ่นน้องคนนี้มาเป็นปี คังอินก็ยังมองหาข้อดีของอีทงเฮไม่ได้สักข้อ!




    “ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ....พี่ ” ทงเฮรีบมากระซิบแก้ไขความเข้าใจของกัปตันทีมเสียก่อน ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา “ ผมต้องแกล้งเจ็บให้หมอนั่นพามา เพราะเดี๋ยวมันไม่เนียน ”




    เออ....แล้วไอ้ที่วิ่งแถ่ดๆมาหาชั้นนี่ก็เนี๊ยน..เนียนเนอะ -*-




    “ อืม ” เพราะขี้เกียจล้อ เดี๋ยวมันงอแงโวยวาย คังอินเลยร้องอืมไปแทนคำตอบ


    ร่างหนาหันไปสั่งสมาชิกคนอื่นๆให้เลิกสนใจความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพราะอีทงเฮและคิมคิบอมเป็นต้นเหตุแล้วบอกให้ซ้อมกันต่อไป....อย่าอู้! ก่อนจะพาตัวเองไปยืนอยู่ตรงหน้าของซุปเปอร์รุคกี้ที่เค้าหมายตาเอาไว้อย่างคิมคิบอมโดยมีทงเฮเดินตามมาติดๆเหมือนลูกหมีโคอาล่า


    “ สวัสดีครับ พี่ ” คิบอมทักขึ้นอย่างมีมารยาท


    “ นายไปเปลี่ยนเสื้อไปห้องชมรมก่อนสิ เดี๋ยวเราจะแบ่งทีมเล่นกัน ”


    คิบอมพยักหน้ารับด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้สงสัยหรือซักถามอย่างอื่นที่นอกเหนือไปจากคำสั่งของหัวหน้าชมรม ก่อนจะเดินจากไปอย่างว่าง่าย


    “ พี่ขี้โกง! ” จู่ๆไอ้ตัวกะเปี๊ยก มันก็ร้องว่าเค้าขึ้นมา พอหันไปมองมันก็ทำหน้าหาเรื่องใส่เค้าซะงั้น


    ....ขยันโวยวายจริงๆเว้ยเฮ้ย!!


    “ อะไรอีกล่ะ ” คังอินถามเสียงเนือยๆ มือใหญ่เอื้อมไปคลึงต้นคอตัวเองเพื่อให้ผ่อนคลาย จะได้ไม่โมโหกับคำพูดง้องแง้งไร้สาระของรุ่นน้องจอมดื้อ


    “ ทีตอนผมเข้าชมรมใหม่ๆ พี่ไม่เห็นให้ผมเล่นแบ่งทีมมั่งเลย ” ทำปากบู้ๆ หน้าเบี้ยวๆ ให้รุ่นพี่ตัวโตรู้ว่า ทงเฮน่ะโคตรจะน้อยอกน้อยใจแค่ไหนกับความไม่เท่าเทียมที่ได้รับระหว่างตัวเองกับคิมคิบอม




    อย่าให้ชาติหน้าเค้าเกิดมาสูงเหมือนเหยาหมิงล่ะกัน!!
    ถึงตอนนั้นถึงมาอ้อนวอน บีบน้ำตาขอร้องให้เค้าเข้าชมรมยังไง



    ....อีทงเฮก็จะไม่มีวันใจอ่อนโดยเด็ดขาด!!!




    “ คนอื่นก็ไม่ได้เล่นนิ ” คังอินหมายถึงสมาชิกชมรมคนอื่นๆที่เป็นปีหนึ่งทุกคน


    “ แล้วทำไมหมอนั่นได้เล่นเลยล่ะ!? ”


    “ ก็มันเก่ง ”


    “ หมอนั่นเก่งตรงไหน ...พี่รู้ได้ไงว่ามันเก่ง? ”


    “ เอ้า!! ไอ้นี่อยู่ดีๆก็อยากรู้ซะงั้น ”


    “ ผมอยากรู้พี่ก็ตอบๆมาเหอะน่า ” แน่ะ....มันใช้เสียงสูงโซปราโน่ขู่ประธาน มีงี้ด้วยเรอะ! -*-


    “ ก็ตอนมอต้น.....คิบอมมาช่วยลงแข่งแทนสมาชิกที่บาดเจ็บ ตอนแรกชั้นก็กลัวอยู่หรอกว่าจะเก่งไม่เท่าไอ้ซองแจแล้วพาให้ทีมแพ้ แต่ที่ไหนได้ หมอนั่นเก่งกว่าซองแจตั้งไม่รู้กี่เท่า! ”


    ทงเฮทำตาโตฟังที่คังอินเล่า แม้ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ..ก็ต้องเชื่อ เมื่อมันออกมาจากปากของคิมยองอุน ผู้ที่คอยแต่จิกด่าทงเฮประจำและไม่เคยเอ่ยชมใครให้ได้ยินมาก่อน


    “ จริงเหรอพี่ ”


    “ ก็จริงน่ะสิ จะโกหกให้แกสูงขึ้นหรือไง ” โหย...แม่งด่าปมด้อยอย่างนี้ มาซิตอัพแข่งกันมั้ยล่ะ พี่!! รับรองร้อยทั้งร้อยมาอีทงเฮคนนี้จะต้องชนะใสๆ


    “ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ”


    “ เพราะระบบของโรงเรียนเราเป็นแบบเลื่อนขึ้น ไอ้การนักเรียนที่เข้ามาตอนไฮสคูลอย่างแกจะไม่ค่อยรู้เรื่องราววีรกรรมของคิบอมอย่างที่คนเค้ารู้กันทั้งโรงเรียน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอก ” ทงเฮพยักหน้าแกนๆ ก่อนที่จะหูผึ่งฟังใจความสำคัญที่คังอินจะเล่าต่อ


    “ แล้วหลังจากแม๊ตซ์นั้น ชั้นก็เลยพยายามชวนหมอนั่นเข้าชมรมแต่ก็ถูกปฏิเสธมาเรื่อย... ”


    “ หมอนั่นเก่งกว่าพี่ด้วยหรือเปล่า? ” สวนทะลุขึ้นมากลางปล้องเพราะไอ้ตัวอยากรู้อยากเห็นมาสะกิดเรียกยิกๆในใจ


    “ คิบอมน่าจะไวกว่าแล้วก็ชู้ตแม่นกว่านะ แต่ถ้าเรื่องพละกำลังกับการป้องกันวางแผน .....ชั้นก็ต้องเจ๋งกว่าอยู่แล้ว! ” คังอินวิเคราะห์ด้วยความเป็นกลาง เลยไม่ทันสนใจปากบางๆที่ขมุบขมิบบ่นเป็นเชิงว่า



    “ ว่าแต่แกเถอะมามัวอู้อะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ ” ทงเฮเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าอย่างไม่เข้าใจ ไอด๊อนท์อันเดอร์สแตนท์ = =? จวบจนมองตามมือคังอินที่ชี้ไปยังกองลูกบาสที่วางสุมอยู่ในตะกร้าเหล็ก ใบหน้าของทงเฮกับยับย่นจนไม่เหลือเค้าความน่ารักอีกต่อไป









    โอ้ โน่ววววววววววววว~~~ T [] T










    “ พี่อย่าบอกนะว่า......... ” ปากแดงห่อเป็นรูปตัวโอแล้วเม้มกลับจนเป็นเส้นขาว


    “ ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยน่า ” มือหนาวางบนไหล่เล็กแล้วยิ้มกว้างจนตาหยีเอาใจรุ่นน้องที่เริ่มเบะปากและน้ำตาปริ่ม


    “ พี่ใจร้าย~ ” ทงเฮลากเสียงยาวเหยียดแบบสุดทน นี่ถ้าการลงไปนอนกองกับพื้นแล้วดิ้นปัดๆเหมือนเด็กอายุสามขวบจะทำให้คังอินเห็นใจเค้าได้ ทงเฮก็จะทำ ...ถึงมันจะดูงี่เง่าไปหน่อยก็เถอะ


    “ กลัวแกว่างงานเกินไปต่างหาก ไหนๆแกก็เล่นไม่ได้อยู่แล้วนี่ ”


    พูดพลางเหล่มองข้อเท้าของจอมยุ่งอันดับหนึ่งของชมรมเพื่อเตือนสติว่าทงเฮจะต้องแกล้งทำเป็นเจ็บขาต่อไป ก่อนจะวิ่งเหยาะๆกลับเข้ากลางสนามแล้วเริ่มซ้อมกันอย่างดุเดือด


    “ เหอะ! ” ทงเฮพ่นลมหายใจสั้นๆ แล้วกระแทกส้นเท้า เดินลิ่วไปในทิศทางที่มี ‘งานประจำ’ ของเค้ารออยู่


    นั่งขัดปนสาปแช่งรุ่นพี่(ให้อ้วนจนเล่นบาสไม่ไหว)ไปได้สักพัก รองเท้าสำหรับใส่เล่นกีฬาก็เข้ามาอยู่ในระยะรัศมีการมองเห็น พอเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ รังสีของไอ้คุณโกดมีนัมก็ฉายแสงบาดตา ประหนึ่งเป็นนักบาสเอ็นบีเอ จนทงเฮนึกหมั่นไส้


    “ ทำอะไรอยู่ ” อ้าว ไอ้นี่ ....ถามแบบนี้ จะให้ทงเฮสุดหล่อตอบว่าขี้อยู่งั้นรึ!?


    “ ขัดบาส ” เลือกตอบสั้นๆเลียนแบบมันบ้าง ให้รู้สึกซะมั้งว่าเวลาโดนถามคำตอบคำมันเป็นยังไง


    “ เอาให้เงาๆล่ะ ”
    อยากจะเขวี้ยงบาสในมือใส่หัวมัน


    ‘แม่ง...อ้าปากพูดกะกูทีก็กวนตีนเลยนะมรึง!! ลูกบาสบ้านป้อมึงสิ ถึงจะขัดด้วยกีวี่แล้วขึ้นเงาได้ ไอ้บ้า!! คนกำลังโมโหกรุ่นๆอยู่ ยังมีหน้านิ่งๆมากวนอารมณ์ให้ขุ่นหนักกว่าเดิมอีก อีทงเฮจะบร้าตายยยย’


    ร้องด่าคนตัวสูงในใจ พร้อมหยุดอยู่ในท่าง้างเตรียมขว้างเต็มที่ แต่ก็ต้องยั้งมือไว้เมื่อเหลือบไปเห็นรุ่นพี่ตัวโตมองมาทางพวกเค้า



    .....เดี๋ยวจะว่าอีทงเฮคนนี้รังแกเด็กปั้นของแกอีก เชอะ!~



    “ เสร็จแล้วหรือ คิบอม ” คังอินตะโกนมาจากทางฝั่งซ้ายของโรงยิม “ ถ้าเสร็จแล้วก็มานี่เลย เอ้า! ไอ้มินโฮ แกไปพักได้แล้ว และก็เอาปลอกแขนให้คิบอมใส่ด้วยล่ะ ”


    “ อืม ” คนถูกสั่งก้มหัวรับอย่างว่าง่าย แล้ววิ่งช้าๆมาหยุดตรงหน้าคิบอมและทงเฮ ก่อนจะถอดปลอกแขนสีแดงออก ส่งให้คนตัวสูงรับช่วงต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ


    “ อ่ะนี่.... ” ชายหนุ่มยื่นปลอกแขนสีแดงให้คิบอม เป็นการแบ่งแยกระหว่างทีมแดงและทีมขาว คิบอมก็รับไปใส่แบบไม่มีอิดออด แต่ทงเฮที่มองอยู่ ก็เผลอปล่อยน้ำลายให้หยดติ๋งๆเพราะความอิจฉาตาร้อน




    ฮึ่ย!!! ทำไมกูไม่เคยได้มั่งวะ!!!!




    “ นายเป็นเซ็นเตอร์แทนชั้นนะ ” คิบอมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปประจำที่ตรงกึ่งกลางสนามบาส


    “ หมอนั่น ...รู้จักกับพวกพี่ด้วยเหรอ? ”


    ทงเฮถามมินโฮที่นั่งพักเช็ดเหงื่ออยู่ใกล้ๆ เพราะไม่เห็นว่ากัปตันทีมอย่างคังอินจะมีท่าทีเดินไปแนะนำคิบอมให้ใครรู้จักเลยสักคน ซึ่งมันผิดวิสัยของคนที่เข้ามาใหม่ชัดๆ!


    “ อือ ก็เคยเล่นด้วยกัน ไม่ต้องแนะนำหรอก ใช้บาสนี่แหละทำความรู้จักแทน ” มินโฮไหวไหล่ แต่ลืมนึกไปว่าสิ่งที่ตัวเองพูดจะกลายเป็นเชื้อเพลิงโหมกระพือไฟริษยาในตัวของรุ่นน้องอย่างทงเฮได้


    คนตัวเล็กพึมพำเป็นคำสบถบางอย่างที่เค้าจับใจความไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไปขัดลูกบาสต่อเหมือนเป็นหน้าที่สำคัญระดับชาติก็ไม่ปาน.....
    ‘ก็แหงล่ะ ตัวขนาดพี่จะวิ่งเร็วกว่าคิมคิบอมได้ไง!?’

    หลังจากนั่งขัดบาสจนเสร็จไปไม่กี่ลูก เสียงฮือฮาที่เกิดขึ้นตรงกลางสนามเป็นสิ่งเบนความสนใจของทงเฮให้ออกจากลูกบอลสีส้มๆที่อยู่ในมือได้อย่างง่ายดาย


    -สวบ-


    ภาพที่เห็นคือ ..การหลบหลีกเลี้ยงลูกให้ผ่านฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว บวกกับท่าแสลมดังค์สวยงามในแบบที่ทงเฮไม่มีทางทำได้ (อย่าถามว่าทำไม -*-)


    ทั้งหมดทั้งปวงที่ได้เห็นมากับตาตอนนี้ ไม่ว่าจะใส่อคติลงไปแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้ทงเฮปฏิเสธความจริงได้เลยว่า...

     

    คิบอมเท่สุดยอด!!! >[ ]




    “ หมอนั่นเก่งจริงๆ ” คนข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ทงเฮได้แต่กัดปาก ข่มความหมั่นไส้คนหล่อเอาไว้ในใจ ทั้งที่อยากจะบอกกับคุณพี่มินโฮเหลือเกินว่า ฝีมืออย่างคิมคิบอม ก็ไม่เห็นจะดีเด่ตรงไหน แต่ถ้าพูดไปก็แสดงให้เห็นว่าเค้าอิจฉาหมอนั่นน่ะสิ -*-


    -สวบ-


    คราวนี้มาในท่าชู้ตสามคะแนนที่แม่นยำราวจับวาง
    หลายคนในทีมส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่ปีนี้เริ่มมีหวังในการชิงแชมป์ขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ชมรมบาสของโรงเรียนไม่เคยซิวรางวัลใดๆได้เลย แม้แต่ในการแข่งขันกระชับมิตรเล็กๆ


    “ นี่ ” ทงเฮหันไปมองหน้าคนที่กระทุ้งสีข้างเรียกเบาๆ แต่แรงกระทุ้งไม่ได้เบาตามน้ำเสียงเล้ยยย T^T แม่ง....กระดูกซี่โครงเกือบหักแน่ะ!!


    “ น้ำลายหกแล้ว ทงเฮ ”



    “ อ๊ะ! ” ร้องอย่างตกอกตกใจแล้วรีบยกเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก


    “ พี่อ่ะ! ” เมื่อสำรวจดูแล้วไม่ยักจะมีของอย่างที่คนข้างตัวว่า ทงเฮเลยได้แต่ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้รุ่นพี่ชมรมบาสอย่างมินโฮ


    “ ฮ่าๆ ” คนตัวโตหัวเราะร่วนพลางตบไหล่ทงเฮด้วยความเอ็นดูจนแทบหลุด


    “ ล้อเล่นหรอกน่า ก็อยากทำตาเยิ้มมองคิบอมเองทำไมล่ะ หึหึ ” หัวเราะมีเลศนัย เพราะตอนนี้ใครๆก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆระหว่างซุปเปอร์รุคกี้ของชมรมกับตัวสำรองตลอดกาลอย่างทงเฮ ที่ถึงไม่พูดไม่บอก ก็รับรู้ด้วยท่าทางและการแสดงออกของคนทั้งสอง ว่าต้องเป็นมากกว่าเพื่อนธรรมดาแน่ๆ


    “ ไม่ได้ทำสักหน่อย ” คนตัวเล็กเถียงคอเป็นเอ็น ขณะที่มือก็ขัดลูกบาสแก้เขินปนโมโห โหยย เกลียดเสียงหัวเราะแบบรู้ทันของพี่มินโฮเป็นบ้า!


    “ เออๆ ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ ” ยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ทงเฮรู้ว่าคนตัวโตไม่มีทางเชื่ออย่างที่พูดเมื่อกี้หรอก


    “ แต่เป็นไงบ้างล่ะ เห็นคิบอมเล่นแล้วอึ้งไปเลยงั้นเหรอ? ”


    “ ก็งั้นๆแหละ พี่เล่นดีกว่าอีก ”


    “ ฮ่าๆ ขอบใจที่ชมวะ ” มินโฮหัวเราะร่าแก้เขินที่ถูกชม ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมคนตัวเล็กจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ให้รุ่นน้องต้องตีหน้าบู้ใส่เพราะรุ่นพี่กำลังทำให้เค้าหมดหล่อด้วยทรงผมกระเซอะกระเซิงน่ะสิ







    ปึง!!!!!!!!!








    กำลังอ้าปากจะร้องห้ามพี่มินโฮอยู่แล้วเชียวว่าอย่าแกล้งเล่นหัว ไม่งั้นพ่อจะกัดมือให้เป็นรอยเขี้ยว


    แต่วัตถุกลมๆ สีส้ม ขนาดเท่าศีรษะคนที่ลอยมาด้วยแรงขว้าง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งผ่านระหว่างหน้าของทงเฮและมินโฮ จนสุดท้ายไปตกกระทบกับผนังโรงยิมจนเกิดเสียงดังปัง ก็ทำให้ไม่มีเสียงใดๆหลุดรอดออกจากปากแดงๆของทงเฮเลยสักแอะ รวมถึงบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในโรงยิมอีกด้วย


    แม่ง....กะฆ่ากูให้ตายด้วยบาสหรือไงวะ!!



    ตาเฉี่ยวตวัดมองชายหนุ่มที่วิ่งเหยาะๆเข้ามาหา พลางยกมือขึ้นเชิงขอโทษ แบบไม่ได้ตั้งใจอะไรเทือกนั้น และมันคงจะแนบเนียนกว่านี้ ถ้าหากคิบอมไม่ได้พูดพร้อมกับทำหน้านิ่งอย่างที่กำลังเห็นอยู่


    “ โทษที มือลื่น ”
    งั้นถ้ามือกูจะลื่นไปตบกบาลเมิงบ้าง คงไม่ผิดใช่มั้ยฟระ ไอ้ฟายยยยยย!!!!


    สบถด่าในใจ แต่ดันแสดงออกทางสีหน้าไปจนหมดไส้หมดพุง คิบอมเห็นอย่างนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เหมือนว่าทำไมเหรอ มีปัญหาอะไรอีกหรือไง ...ก็ขอโทษแล้วนี่


    “ ไม่เป็นไรๆ ” คนที่ตอบกลับไม่ใช่ทงเฮ แต่เป็นมินโฮที่อมยิ้มน้อยๆแล้วตอบรุ่นน้องอย่างคนอารมณ์ดีอยู่เป็นนิตย์ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เค้าเข้าใจเหตุผลในการกระทำของคิบอมมากกว่า


    ถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาเล่นกับแฟนต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เค้าก็คงทำแบบเดียวกับคิมคิบอมนั้นแหละ หึหึ



    มันคงดูน่าหมั่นไส้สินะ......เค้าก็ลืมคิดไป เพราะเล่นกับทงเฮอย่างนี้ประจำ จนลืมตัวดันไปเล่นให้แฟนเค้าเห็นเสียอีก ก็เลยโดนแก้เผ็ดด้วยวิธีขว้างบอลใส่ให้แยกกัน



    อืม....ขี้หึงใช่ได้เลยนะ คิมคิบอมคนนี้ ^^

     

     

    “ ไม่เป็นไรได้ไงพี่! ถ้าเบี้ยวมาทางพี่หรือทางชั้นอีกไม่กี่เซ็น มีสิทธิ์น็อคเอาท์ตายคากองลูกบาสกันเลยนะ!!! ” คนขี้โวยวายพูดกับรุ่นพี่ แต่ตาก็ยังไม่ยอมละไปจากคนที่ยืนค้ำหัวอยู่


    ฮึ่ย!! อยากจะเอาลูกบาสปาหน้า ให้ดั้งหักจริงๆนะ ให้ตายสิ!


    “ ไม่หรอกน่า~ แล้วอีกอย่างคิบอมก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุใช่มั้ย คิบอม? ” หันไปถามคนตัวสูงที่ยืนนิ่งไม่ยอมตอบคำถามที่เค้าแกล้งถามไป



    ก็แน่ล่ะ........คิบอมไม่ตอบหรอก เพราะมันไม่ใช่อุบัติเหตุ

    แต่เป็นเป็นการจงใจของแท้เลยต่างหาก!




    “ เฮ้~ คิบอม กลับมาซ้อมต่อได้ยัง ” เสียงของคังอินที่ตะโกนมา ทำให้คิบอมต้องหันไปพยักหน้าแกนๆกับกัปตัน ก่อนจะหันกลับมาแบมือตรงหน้าทงเฮ ให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว งุนงง ไม่เข้าใจว่ามันจะมาเอาอะไรกับเค้าอีก


    “ อะไร ”


    “ ขอบาสหน่อย ”


    “ ก็ไปหยิบเองดิ ” บุ้ยใบ้ไปทางข้างหลังที่มีลูกบาสที่คิบอมขว้างมานอนกลิ้งหลุนๆอยู่ แต่คนตัวโตกลับส่ายหน้าแล้วพูดต่อ


    “ เอาอันนั้น ” ชี้ไปที่ลูกบาสในอ้อมกอดของทงเฮที่เพิ่งจะขัดเสร็จหมาดๆ เฮ้ย....อันนี้เพิ่งจะขัดซะใหม่เอี่ยมอ๋อง เพราะฉะนั้น กูหวงนะ ขอบอก...ไม่ให้แกเอาไปเล่นให้มันสกปรกหรอกเฟ้ย!!!


    ร้องตอบคิบอมในใจ แล้วก็นึกอยากจะแลบลิ้นปลิ้นตาแถมให้อีกสักหนึ่งที แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอากัปกิริยาอย่างนั้น ควรจะสงวนไว้ให้เฉพาะสาวน่ารักๆเค้าทำเถอะ ชายชาตรี อกหนึ่งศอกครึ่งอย่างอีทงเฮ ไม่ทำให้คิมคิบอมได้เอามาล้อเป็นปมด้อยให้โง่หรอก!


    “ ทงเฮ ส่งบาสให้คิบอมสักทีสิ ” มินโฮร้องเตือนคนตัวเล็กให้มอบวัตถุในครอบครองแก่นักกีฬาหน้าใหม่ตัวเก็งอย่างคิบอมสักที มิเช่นนั้นอาจจะโดนคังอินเดินมาด่าได้ โทษฐานเล่นตัวจนเกินหน้าที่ -*-


    “ พี่อ่า~ ”


    “ ทำไมล่ะ ”


    “ ชั้นเพิ่งขัดลูกนี้เสร็จเอง พี่เห็นเงาแวบๆนี่มั้ย? ” พยายามเอาบาสส่องกับสปอร์ตไลท์ในโรงยิม อุปทานว่ามีแวงระยิบระยับออกมาจากบอลเหมือนในการ์ตูน


    “ จะบ้าเหรอ บาสมันจะขึ้นเงาได้ไง สงสัยโดนพี่คังอินใช้มากจนเพี้ยนไปแล้วสิเราน่ะ เฮ้อ~ ”


    “ ชั้นไม่ได้เพี้ยนนะ ”


    “ เออๆ ช่างเถอะ ส่งบาสให้คิบอมได้แล้ว ” ทงเฮเม้มปาก โธ่เอ๊ย ไม่อยากให้มันเลยอ่ะ ทำไงดี ลูกนี้เพิ่งขัดเสร็จด้วย จะว่าทงเฮขี้งกขี้หวงก็ไม่ได้นะ มันก็เหมือนเวลาที่ล้างรถจนสะอาด แล้วมีเพื่อนมาขอยืมใช้รถไปออกต่างจังหวัดนั้นแหละ ....เป็นพี่ พี่จะเพื่อนยืมไปหรือไงเล่า!!!


    หันซ้ายหันขวาเพราะจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับสถานการ์ที่โดนบีบบังคับเช่นนี้ จะว่าไปแล้วมันก็ความผิดคิมคิบอมนั่นแหละ ...ใช้ลูกเก่าต่อไปก็หมดเรื่อง ทำไมถึงชอบทำให้เค้าลำบากใจด้วยก็ไม่รู้ ไอ้บ้านี่! -*-


    “ อ..เอ่อ...รอแป๊บนะ ” บอกคุณโกมีนัมรูปหล่อไปแบบนั้น ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วข้ามไปเก็บบาสลูกที่คิบอมขว้างมาทางด้านหลัง เดินถือมาหยุดตรงหน้าของชายหนุ่ม โดยมีม้านั่งตัวเก่าขวางกั้นเค้ากับคิบอมไว้ แล้วทงเฮก็................















    จุ๊บ~~















    ริมฝีปากอิ่มจรดลงบนลูกบาส ก่อนจะยื่นให้กับร่างสูงพร้อมรอยยิ้มหวานบาดใจคนมอง ถึงจะรู้ว่าที่ทงเฮทำไปเพราะมีแผนอะไรสักอย่างอยู่ในใจก็เถอะ แต่เห็นแล้วมันก็อดคิดไม่ได้เลยว่า......


    .....น่ารักดี!!!!



    “ เอาลูกนี้ไปเล่นแทนนะ คิบอมอา~ เราลงคาถาเอาไว้แล้ว รับรองชู้ตลงทุกลูก เชื่อสิ ” พูดจบก็เอื้อมไปคว้ามืออีกฝ่ายให้มารับลูกบาสลงอาคมด้วยรอยจูบขอตัวเองไป โดยไม่ลืมมารยาเล่มที่แปดสิบเก้า รอยยิ้มพิฆาต! จนคิบอมหมดสิทธิ์ที่จะทักท้วงใดๆ


    “ ทำไมอ่ะ ไม่อยากได้ลูกนี้เพราะเราจูบมันเหรอ~? ” เอียงคอน้อยๆพอน่ารัก คิ้วเรียวย่นเข้าหากันกลางหน้าผาก แล้วกัดปากน้ำตาซึม เหมือนเด็กสาวน้อยใจแฟนไม่ผิดเพี้ยน



    แต่ต่างกันตรงที่......ทงเฮใส่ความกระแดะไปมากกว่าเด็กสาวทั่วไปถึงสิบเท่า!!!!!!




    เพราะฉะนั้นหากคิบอมยังคงดื้อด้านดึงดันจะเอาบาสลูกใหม่ โดยเมินเฉยต่อความแฮ่ดของทงเฮ ถึงตอนนั้นเค้าคงจะเอาหัวโหม่งลูกบาส ตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นคนตัวสูงๆ คงจะง่ายเสียกว่า พิชิตใจพ่อสุดหล่อคนนี้ซะล่ะมั้ง!?


    “ เปล่า ”


    “ งั้นเอาลูกนี้ไปใช้นะ ”


    “ อืม... ” ว่าง่ายเกินคาด! จนทงเฮทำตาโตตอนที่เห็นคิบอมเดินหันหลังกลับไปประจำที่บนสนาม โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกวนส้นเท้าทงเฮอะไรอีกเลย


    แหม๊!! ไอ้บทจะง่ายเมิงจะเล่นง่ายซะจนกูงงเลยนะ ไอ้หล่อนี่!!!


    ทงเฮยักไหล่น้อยๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งข้างอีมินโฮเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายโดนแซวจากรุ่นพี่จนได้


    “ โห...หวานกันจนมดขึ้นเลยน๊า~ ” มีแอ็คติ้งเพิ่มเติมด้วยการทำเป็นตบแปะๆไปตามแขนและขาให้รุ่นน้องอย่างทงเฮเหลือบมองด้วยความหมั่นไส้นิดๆ


    “ ระวังจะเป็นเบาหวาน ตายเอานะ พี่ขอเตือน หึหึ ” ทงเฮไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเริ่มเข้าใจถึงความไร้ประโยชน์ในการโวยวายไม่มีที่สิ้นสุด สู้เฉยๆเงียบๆไปจะดีกว่า เดี๋ยวพี่เค้าก็น้ำลายหมดปาก เลิกแซวไปเองนั่นแหละ (เพิ่งจะรู้เรอะ)


    “ อ๋า....นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ”


    นั่นประไร....พอฝอยจะปากแห้ง ก็เพิ่งจะมานึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับแฟนเอาไว้ อีมินโฮจึงรีบกระวีกระวาดวิ่งไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อกลับ โดยที่ทงเฮมารู้ทีหลังว่า ที่คิบอมได้เล่นแทนในตำแหน่งของพี่แกในวันแรกก็เพราะพี่มินโฮไปขอเลิกชมรมเร็วกว่ากำหนดกับคังอินไว้ล่วงหน้านั่นเอง


    ทงเฮมองตามแผ่นหลังของรุ่นพี่ไปจนสุดสายตา ก่อนจะกลับมาสู่โลกปัจจุบันของเค้าซึ่งหมุนรอบพระอาทิตย์สีส้มๆลูกกลมๆ และยังคงต้องขัดๆวนๆถูๆหาเลขเด็ดกันต่อไป เผื่อว่าจะถูกหวยกับเค้าสักที

      

     

     “ ทงเฮอา~ ” นั่งจงกรรมทำสมาธิกับการทำควาสะอาดลูกบาสไปได้อีกสักพัก โดยพยายามไม่เหลือบตาขึ้นมามองท่าเท่ห์ๆ หน้าหล่อๆของสมาชิกใหม่ให้เกิดความอิจฉาตาร้อน แต่พอได้ยินเสียงคุ้นๆดังขึ้นเหนือหัวเท่านั้นแหละ ทงเฮก็รีบเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยสายตาและสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายเต็มที


    “ อะไร... ” ตอบทั้งที่หน้าจะลงไปเลียลูกบาสอยู่รอมร่อ คังอินทำเมินกับน้ำเสียงห้วนๆ เพราะเห็นว่าไอ้ตัวดีมันงอนกู่ไม่กลับซะแล้ว...แค่ใช้ให้ขัดลูกบาสเองนะ


    “ วันนี้เราได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ เดี๋ยวชั้นจะแนะนำให้แกรู้จัก ”


    “ ก็แล้วแต่พี่เถอะ ถึงพี่จะแนะนำให้ชั้นรู้จักคุณผู้จัดการคนใหม่...แต่ยังไงชั้นก็ไม่ได้เล่นบาสอยู่ดีไม่ใช่เหรอ? ” แน่ะ...มันมีย้อนด้วยเว้ยเฮ้ย -*-


    “ เอาน่า~ แกก็ดูหลัก ดูเทคนิคการเล่นของคนที่เค้าเก่งๆไปพลางๆก่อนสิ ” คังอินตบไหล่ในขณะที่ทงเฮทำหน้าสุดเซ็งตอบกลับ


    “ ดูจนเบื่ออออออออออออออ ” แอบพูดออกมาโดยไม่มีเสียง ระหว่างที่คังอินหันไปเรียกคนที่จะแนะนำให้ทงเฮรู้จักให้เดินมาหา




    “ นี่ซองมิน ผู้จัดการคนใหม่ที่มาแทนยอนฮาที่ลาออกไป ”





    “ ยินดีที่ได้รู้จัก ” น้ำเสียงหวานจ๋อยทำให้คนตัวเล็กยอมเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการคนใหม่ ทั้งที่ตอนแรกอุตส่าห์ตั้งปณิธานไว้ว่าจะทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่พอมาเห็นคุณผู้จัดการหน้าสวยเต็มตา ไอ้ที่คิดไว้ก็ถูกเบียดแซะตกร่องเหวลึกด้วยรอยยิ้มบาดใจของคุณเธอทันที




    โอ้ แม่เจ้า!!!!!
    น่ารักสุดยอดดดด (ประโยคนี้คุ้นๆวะ กร๊ากกก~)





    “ ส่วนคนนี้อีทงเฮ เป็นตัวสำรองของทีมแต่ตอนนี้เค้าบาดเจ็บอยู่ ยังไงก็ฝากช่วยดูแลด้วยล่ะ ”


    “ ฮะ....พี่ ” ซองมินพยักหน้ารับยิ้มซื่อ เมื่อพี่คังอินฝากฝังให้ช่วยดูแลคนที่หล่อที่สุดในชมรม(เหรอ?)อย่างอีทงเฮคนนี้ เหอๆ กูนี่ป๊อบเหลือหลายจริง...จริ๊งงงง (ตรงไหน?)


    “ งั้นเดี๋ยวซองมินช่วยทงเฮขัดลูกบาสไปก่อนนะ พี่จะไปซ้อมกับพวกนั้นต่อ ” สั่งงานเสร็จปุ๊บ คนตัวโตก็เดินอาดๆกลับไปยังกลางสนามเพื่อฝึกซ้อมต่อ ปล่อยทิ้งให้ทงเฮอยู่กับซองมินตามลำพังเพื่อสร้างความสนิทสนม


    “ นายอยู่ปีอะไรเหรอ? ” พอซองมินทรุดตัวลงนั่งข้างๆทงเฮที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างสนาม หนุ่มน้อยหน้าละอ่อนก็รีบชวนคุยทันที


    “ เราอยู่ปีสอง แล้วทงเฮล่ะ? ”


    “ ปีสองเหมือนกันเลย งั้นเราขอเรียกซองมินเฉยๆนะ ”


    “ อือ~ ” ร่างเล็กพยักหน้าตกลงให้ทงเฮสามารถเรียกชื่อเค้าได้อย่างสนิทสนม “ เราก็จะเรียกทงเฮเฉยๆเหมือนกัน ”


    “ อืม ได้สิ ” ยิ้มหวานเพราะส่วนใหญ่ชื่อของทงเฮน้อยคนนักที่จะเรียกด้วยน้ำเสียงสุภาพน่าฟังแบบซองมิน ...ไม่ไอ้ทงเฮ ก็ไอ้เชี่ยทงเฮ แม่งเปลี่ยนนามสกุลซะเลยดีมั้ยวะเนี่ย -*-


    “ เราช่วยนะ ” ซองมินยื่นมือมาหมายจะช่วยร่างบางทำงาน ทงเฮมองมือขาวงงๆอยู่สิบวิ ก็บังเกิดความปลาบปลื้มปิติในใจ


    ฮือ~ ขอบคุณพระเจ้า ที่ประทานนางฟ้ามาให้ผมในนรกแห่งนี้ TvT


    “ ขอบใจ ” ว่าแล้วก็ส่งวัตถุในมือให้ซองมินพร้อมผ้าเสร็จสรรพ ก่อนจะสาธิตวิธีเช็ดจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านงานนี้มาอย่างโชกโชน และโชกเลือด


    “ จับลูกอย่างนี้นะ แล้วค่อยๆเช็ดแบบนี้ ลูกจะได้ไม่หล่น แล้วก็จะเช็ดเสร็จเร็วขึ้นด้วย ” ซองมินพยักหน้าตามคำสอนแล้วปฏิบัติตามแบบไม่มีบิดพลิ้ว ทงเฮก็เพิ่งจะได้ลิ้มรสการมีรุ่นน้องให้สอนงานก็ตอนนี้เอง (สอนงานผู้จัดการนะเฟ้ย ไม่ได้สอนเค้าเล่นบาส จะปลื้มหาพระแสงอะไร?)


    “ ทำไมซองมินถึงมาเข้าชมรมบาสล่ะ? ” เริ่มชวนคุยไต่ถามเชิงลึก เพราะสังเกตดูจากท่าทางเรียบร้อย บวกกับหน้าตาเด็กเรียนอย่างซองมิน ไม่น่าจะคลั่งไคล้จนมาเข้าชมรมประเภทกีฬาได้เลย น่าจะไปอยู่ชมรมการเรือนเสียมากกว่า


    “ อ๋อ~ เรื่องนั้นก็เพราะ........... ”


    “ .... ”


    ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบของเพื่อนใหม่อย่างอีซองมิน เสียงฮือฮาที่เกิดขึ้นอีกรอบตรงกลางสนาม ไม่บอกก็รู้ว่าคงเป้นไอ้คิบอมนั่นแหละ โชว์เท่ห์อีกแล้วล่ะสิ -*-


    -สวบ-


    ท่าทางการเล่นที่เหมือนพ่อแม่เปิดการแข่งขันเอ็นบีเอให้ดูตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ทงเฮต้องนั่งกัดปาก อย่าเผลอกรีดร้องคลั่งไคล้มันให้ได้ใจเชียว เดี๋ยวจะหาว่าอีทงเฮใจง่าย....


    “ คิบอม... เก่งจังเลยเนอะ ”
    คนข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม จนทงเฮแทบจะอัดอั้นความหมั่นไส้ในอกตัวเองตาย เพราะใครๆก็ชมแต่หมอนี่จนเค้านึกเคือง


    อย่าให้ถึงทีกรูเล่นโชว์มั่งล่ะกัน....พ่อจะซัดลูกให้เข้าห่วงด้วยท่าตีลังการม้วนหลังให้ดูเป็นขวัญตา!


    ระหว่างที่ทงเฮกำลังวาดฝันท่าดังค์ตัวเองตาลอยเหมือนคนไร้สติ รุ่นพี่ร่างหนาก็หันไปสั่งให้หยุดการซ้อม เพื่อพักผ่อนและทานน้ำเป็นเวลาสิบนาที


    “ ซองมินขอน้ำหน่อยสิ ” รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนถามหาน้ำจากคนตัวขาวที่นั่งอยู่ข้างทงเฮ ซองมินร้องบอกว่าให้รอแป๊บนึง ก่อนที่จะเดินไปทางโต๊ะที่วางกระติกน้ำใกล้ๆม้านั่ง แล้วไปยืนแจกน้ำแจกผ้าเย็นอยู่ตรงนั้น


    “ แกก็ไปช่วยซองมินด้วยสิ ”


    คังอินเดินมาสั่งด้วยเหงื่อพราวเต็มหน้า ทงเฮที่ทำเถียงจะเถียง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเพราะเถียงยังไงก็แพ้คำสั่งคังอินอยู่วันยังค่ำ ร่างบางเลยจำใจต้องเดินเอือยๆไปทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ทั้งที่ตัวเองไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าตำแหน่งของเค้าถูกสับเปลี่ยนจากตัวสำรอง...เป็นผู้ช่วยผู้จัดการชมรมไปตั้งแต่เมื่อไหร่!!


    “ ซองมินขอผ้าหน่อยสิจ้ะ ”



    “ ทงเฮ แกเลือกขวดน้ำที่มันเย็นๆกว่านี้ไม่ได้หรือไง ”



    “ เหนื่อยจังเลยน๊า~ ถ้าได้ซองมินมาช่วยนวดคงดีไม่น้อย ”



    “ เฮ้ย! ไอ้ทงเฮ..แกมาช่วยนวดเข่าให้หน่อยสิวะ ท่าทางจะเป็นตะคริว ”



    ประโยคคำพูดที่ใช้ระหว่างทงเฮและซองมินแตกตางกันราวสวรรค์กับนรก หน้ามือกับส้นตีน
    คนตัวเล็กเบ้หน้า อยากจะสาปแช่งให้พวกขี้ม่อทั้งหลายเป็นใบ้เหมือนคิมคิบอมไปเสียให้หมด


    อีธ่อ~ ทำไมทีกะกูล่ะพูดยังกะอีทงเฮเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพวกมัน แต่กับซองมินล่ะเหมือนขอร้องให้เจ้าหญิงมาเสริฟน้ำ


    ฮึ่ย!! ใช่เซ่~ ก็กูมันไม่ได้น่ารักเหมือนซองมินนี่!!!



    “ ขอน้ำหน่อยสิ ”
    กำลังฮึดฮัดอยู่คนเดียว น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ทงเฮจำได้ดีดังขึ้น และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการก้มน้ำก้มตาแจกจ่ายน้ำแล้วก็พบกับหน้าคุณโกดมีนัมรูปหล่อที่เค้าลงทุนใช้มารยาเข้าแลกเพื่อให้ได้ตัวมา


    เออ เห็นว่าเหนื่อยหรอกนะ จะหยิบให้ได้ก็...
    พูดกับตัวเองในใจ แล้วล้วงมือไปคว้าหาขวดน้ำที่เย็นที่สุดจากก้นถัง เพื่อยื่นให้กับคนตัวสูง


    “ จะเอาผ้าเย็นด้วยมั้ย? ” เอียงคอถามคนที่เดินมาถามหาน้ำจากตัวเอง แต่พอเห็นคิบอมส่ายหน้า มือเล็กก็จัดส่งขวดน้ำเย็นเจี๊ยบไปให้อย่างที่ถูกร้องขอ


    “ ขอบใจ ” คิบอมกล่าวสั้นๆ ก่อนเดินไปเปิดขวดทานน้ำอยู่ไม่ไกลด้วยความกระหาย ทงเฮมองตามคิบอมตาจิกๆ ด้วยความหมั่นไส้ที่ขนาดท่ากินน้ำมันยังหล่อเกินหน้าเกินตา


    ...สาธุ ขอให้มันสำลักน้ำตาย ไม่ก็จุกจนเล่นต่อไม่ไหวด้วยทีเถิ๊ดด~~


    “ นี่มึง สติหลุดไปดาวไหนอยู่เนี่ย เมื่อไหร่จะส่งน้ำมาให้ชั้นสักทีวะ ” คนที่รอรับน้ำจากมือที่ส่งค้างเอ่ยเตือนทงเฮที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปชั่วขณะให้วิญญาณกลับเข้าร่าง


    “ อะ...เออ ” มือขาวจัดส่งให้ตามคำเรียกร้อง ...ก็แค่ช้านิดหน่อย ทำไมต้องดุกันด้วยวะ กุไม่ใช่คนรับใช้เมิงนะเฟ้ย!! จะได้สั่งปุ๊บได้ปั๊บน่ะ -*-


    “ เอาผ้าเย็นมาด้วยดิ แหม...ทีสามีล่ะทำเป็นถามว่าจะเอามั้ยคะ ที่รัก~ ..แต่ทีคนอื่นเนี่ย เม้มปากสนิทเหมือนเป็นใบ้มาสามชาติเศษเชียวนะเมิง ” โฮกกกก พูดจาหมาไม่แดกอย่างนี้ น่าจะเอาไปอนุรักษ์ไว้ในสวนสัตว์เหมือนชเวซีวอนเสียจริงๆ


    ทงเฮถลึงตาดุๆใส่เพื่อนรุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิทกันอย่าง ปาร์คยูชอน
    ก่อนจะเหลือบมองสีหน้าของคนที่ยังคงยืนดื่มน้ำอยู่ไม่ไกล ...ไม่รู้ว่าคิบอมจะได้ยินที่ไอ้คุณพี่เชี่ยปาร์คยูชอน(หลายสรรพนาม)แซวหรือเปล่า


    “ หึ... ”


    “ ...!!!.... ”



    สาบานได้ว่าอีทงเฮไม่ได้ตาฝาด O___O
    เพราะเค้าเพิ่งเห็นคิบอมอมยิ้มบางๆในขณะที่กำลังเหล่มองมาทางพวกเค้าเหมือนกัน...!!!!



    อ๊ากกกกก~!!
    หมอนั่นกำลังยิ้มเยาะเค้าอยู่หรือ?



    ทงเฮทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าหล่อๆไปแทรกไว้ตรงส่วนไหนของโรงยิมดีแล้ว!



    “ เอาล่ะ ” เสียงจากคังอินทำให้หลายคนที่กำลังพักอยู่หันไปมองเป็นตาเดียว


    “ ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็ซ้อมต่อ ” มีเสียงบ่นขรมว่ายังไม่ถึงสิบนาที โดยเฉพาะเสียงบ่นเหมือนกระบือร้องไห้ของคุณพี่ปาร์ค แต่พอเจอสายตาพิฆาตของคิมยองอุนที่พร้อมจะอัดพวกขี้บ่นให้ได้พักสมใจอยาก เฮียแกจึงต้องยอมเดินกลับเข้าสนามอย่างเลี่ยงไม่ได้


    “ พี่คังอินนี่เข้มงวดจังเลยเนอะ ” ซองมินหันมากระซิบกับทงเฮที่เริ่มเอาน้ำในถังมากินเอง


    “ ประจำแหละ ” ตอบซองมิน แต่สายตากลับจดจ้องไปยังคนที่วิ่งช้าๆไปยังตำแหน่งของตัวเอง


    คิมคิบอม! นายกล้าหัวเราะชั้นแบบนี้ได้ยังไง!!


    ก่นด่าคนตัวสูงในใจ อยากจะเขวี้ยงขวดน้ำในมือไปให้โดนหัวมันนัก แต่ถ้าทำอย่างนั้นมีหวังอีทงเฮคงจะถูกพี่คังอินจับตีก้นลาย ทงเฮเลยได้แต่หงุดหงิดกับตัวเองที่เป็นอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆมันก็รู้สึกเหมือนหน้ามันร้อนผ่าวคล้ายจะเป็นไข้ จนต้องรีบหลบกลับบ้านให้ได้เร็วที่สุด


    ...ไม่งั้นไอ้อาการร้อนๆตรงแก้มอย่างนี้คงไม่หายแน่ๆ ถ้าไม่รีบกลับไปถามวิธีแก้จากเฮียยุนโฮ ToT


    “ อ้าว! จะไปไหนล่ะทงเฮ..? ” คนน่ารักร้องถามเพื่อนใหม่ที่เดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่คิบอมวางทิ้งไว้ที่ม้านั่งก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นมาสะพาย


    “ ก...กลับบ้าน ” เห็นซองมินทำท่าจะซักต่อ ทงเฮเลยต้องขยายความเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ “ วันนี้หมอนัดให้ไปตรวจขาน่ะ คงต้องกลับเร็วหน่อย ”


    “ อืม...แต่หน้าของทงเฮก็แดงๆด้วยนะ ยังไงก็ไปหาหมอตรวจโรคด้วยแล้วกัน เผื่อจะเป็นไข้ ”


    ซองมินบอกด้วยความเป็นห่วง ทงเฮก็ได้แต่พยักหน้ารับแกนๆ ก่อนจะยกมือบ๊ายบายซองมิน แล้วก็รีบเผ่นออกมาโดยไม่ทันได้อยู่ฟังที่ซองมินถามว่าจะให้ช่วยพยุงไปหรือไม่

     

     

    ร่างบางเดินก้มหน้าก้มตาเตะฝุ่นมาเรื่อย ขณะที่กำลังนึกทบทวนอารมณ์ตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น...


    ทำไมถึงโกรธคิบอมทั้งที่หมอนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
    ทั้งๆที่น่าจะร้องด่าคนพูดอย่างปาร์คยูชอนมากกว่า....แต่พอเห็นรอยยิ้มแปลกๆของคิบอมที่ทงเฮไม่เคยเห็นแบบนั้น มันก็พาลทำให้รู้สึกกึ่งโมโหกึ่งอาย จนไม่รู้จะจัดการทำอารมณ์ของตัวเองยังไงดี...


    “ โว้ย!! ไม่คิดแล้ว แม่ง! ปวดหัว ” จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา ระบายกับดินฟ้าอากาศ


    “ เรื่องไร มึง ” เป็นเสียงของอีฮยอคแจที่ถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี ด้านข้างคนตัวผอมมีร่างสูงใหญ่ของชเวซีวอน เพื่อนปากสุนัข อยู่ติดกันเหมือนปาท่องโก๋


    “ พวกมึงมาได้ไงวะ?! ” ฮยอคแจอ้าปากกำลังจะตอบคำถามเพื่อนรักว่าเดินมาหาเพราะเป็นห่วง แต่กลับถูกคนข้างตัวชิงตอบแทนเสียก่อน


    “ คลานสี่ขามามั้ง...ถามโง่ๆ ก็ต้องเดินมาสิ ”


    “ อย่ากวน กูอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวมีเตะ ”


    “ กลัวตายล่ะ ตัวมึงก็แค่เนี๊ยะ สูงเท่าไหล่กูรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วมาทำเป็นซ่าส์ ” เห็นเพื่อนสองคนตั้งท่าจะตีกัน ฮยอคแจก็ต้องถอนหายใจจนหน้าเหี่ยว =___=



    ...นี่ถ้ากูต้องไปฉีดกลูต้าไธโอนเพราะหน้ากูดำคร่ำเครียดล่ะก็... กูจะมาเก็บเงินพวกมึง!!




    “ หยุดกัดกันสักสามนาที พวกมึงจะลงแดงตายหรือไงวะ หรือจะไปตีฝีปากกับช่างกล กูก็ไม่ว่านะ กูจะได้เรียกรถร่วมกตัญญูมารอเก็บศพพวกมึงทีเดียวไปเลย ดีมะ? ” นานๆอีฮยอคแจจะปากจัดสักที แต่ตอนนี้ไม่ไหวล่ะ ขอสักหน่อยเถอะ!


    “ ก็ดูมันดิ ฮยอคแจ มันเริ่มก่อน ” ชี้หน้าฟ้อง ...อย่านึกว่ามึงสูงแล้วกูจะจิ้มตามึงไม่ถึงนะ ไอ้ชเวซีวอน


    “ มึงก็รู้ว่ากูปากอย่างนี้ มึงก็อย่าพาลดิ ” ซีวอนแถ เมื่อฮยอคแจตวัดตามองมาทางเค้าเพราะเห็นด้วยกับที่ทงเฮเอ่ยฟ้อง “ อารมณ์เสียมากจากไหน ก็ไปลงที่นั่นสิวะ จะมาลงกะกูเพื่ออออ?? ”


    “ ทำไม!? กูจะลงที่ไหนก็เรื่องของกู ”


    “ เฮ้อ~! เชิญพวกมึงทะเลาะกันไปพลางๆนะ กูจะกลับบ้านล่ะ บาย ” ฮยอคแจกระชับสายสะพายเป้ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินหนีให้มันเถียงกันไปเอง เพราะขี้เกียจเคลียร์ให้


    แค่เรื่องสอบอาทิตย์หน้าก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว อย่าหาเรื่องมาใหกูเครียดอีกเลย เดี๋ยวกูไม่หล่อ!


    “ ฮยอคแจ!/ฮยอคแจอา~ ”
    สองเสียงประจานเรียกชื่อเค้า พร้อมกับแขนสองข้างที่ถูกรั้งไว้จากคนทั้งสองคน


    “ มึงจะทิ้งกูให้โดนหมาในปากไอ้วอนรุมกัดจนน่วมไม่ได้นะ! ”


    “ ไหนว่าจะไปติวกันที่บ้านชั้นไงล่ะ ”


    “ เออ ” ฮยอคแจตอบสั้นๆ ไม่เจาะจงว่าตอบใคร เพราะเหนื่อยใจเกินกว่าจะตอบใครสักคนเป็นประโยคยาวๆ


    “ นี่พวกมึงจะไปติวกันที่บ้านไอ้วอนเหรอ!? ” ทงเฮถามพลางทำตาโต


    “ ช่ายยยยย~ ” ซีวอนอมยิ้มเพราะรู้สึกเหนือกว่านิดหน่อยที่ฮยอคแจยอมไปติวกับเค้าโดยไม่มีทงเฮติดสอยห้อยท้ายไปด้วยเหมือนเคย



    อึนซีเฮน่ะ...ชั้นไม่ยอมให้เป็นแค่อึนเฮหรอกนะ บอกไว้ก่อน...




    “ พวกมึงทิ้งกูได้ไงอ่ะ?! ” ทงเฮทำเสียงน้อยใจแบบสุดๆ ปากอิ่มแดงเริ่มเบะเหมือนจะร้องไห้ที่ถูกทิ้ง



    อะไรกัน!?
    ทำไมพวกมันถึงชอบทิ้งเค้าอยู่เรื่อย

    ขอบอกไว้เลยว่า อีทงเฮคนนี้น่ะ......งอนวะ!!!

    งอนโคตรรรรรรรรร




    “ ก็มึงไม่ไปเองนี่นา ” ซีวอนว่าพลางยักไหล่เพราะทงเฮไม่ยอมตกลงกับเค้าเอง ในขณะที่ฮยอคแจตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปหลังเลิกเรียน


    “ ก็มึงบอกว่าจะต้องไปโบสถ์กับมึง ถ้าจะให้มึงติวให้ ”


    “ แล้วมันเสียหายตรงไหนมิทราบ ...ไปโบสถ์เนี่ย ” ซีวอนกอดอกถามทงเฮที่อึกอักไม่ยอมตอบ


    “ มันก็................. ” ทงเฮนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพราะการไปโบสถ์มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ที่ทงเฮคิดว่ามันเสียหายก็เพราะต้องไปกับ ชเวซีซอน ไอ้มนุษย์ของพระผู้เป็นเจ้าต่างหากล่ะ!


    “ เอาน่า ” ฮยอคแจตบไหล่เพื่อนตัวเล็ก “ ไปโบสถ์ก็ถือซะว่าไปทำบุญ ”


    “ แต่กูไม่อยากไปนี่ ” อ้อนครับ อ้อน... คนเดียวในโลกที่ทงเฮรู้สึกว่าอ้อนได้ คือ ฮยอคแจ


    ถึงทงเฮจะมีพี่ชายเป็นตัวเป็นตนอยู่อย่างยุนโฮแล้วก็ตาม แต่ในความรู้สึกของเค้า...เฮียยุนน่ะพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้หรอก -*- นอกจากจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องมืด แต่งนิยายไปวันๆ พอตะคอกใส่เข้าหน่อยก็หงอตัวลีบตัแบนเหมือนปรสิต ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ที่ทงเฮพูดจาไม่เพราะและชอบแอบเข้าไปอ่านนิยายอีโรติกต้นฉบับที่ยุนโฮปริ๊นท์เก็บไว้ในห้องทำงาน


    แต่ฮยอคแจให้ความรู้สึกที่ต่างกันกับเฮียยุน เพราะฮยอคแจจะมีทั้งด้านที่อ่อน ยอมลงให้ทงเฮ และด้านที่แข็ง เป็นที่พึ่งในยามยากของทงเฮได้อย่างไม่มีที่ติ


    ส่วนซีวอนน่ะเหรอ???


    ช่างแม่งหัวมันเถอะ....!!!
    พึ่งได้หรือพึ่งไม่ได้ ทงเฮก็ไม่ยอมลงทุนอ้อนให้มันหัวเราะเยาะเอาได้หรอก!




    “ แล้วมึงจะสอบผ่านได้ไง ”


    “ ไม่รู้ ”


    “ มึงก็รู้ว่ากูติวให้มึงไม่ได้ ” ฮยอคแจออกตัว ซึ่งทงเฮเห็นด้วย เพราะไม่งั้นพวกเค้าคงไม่ต้องไปสอบซ่อมพร้อมกันหรอก -*-


    “ กูติวให้ได้ ถ้ามึงขอร้องกูดีๆ ” คนถือไพ่เหนือกว่าเอ่ยขึ้น ทำให้ทงเฮตวัดตามองชเวซีวอนอย่างแค้นเคือง อย่าให้ถึงทีกูบ้างล่ะกัน!


    “ ซีวอน ....มึงก็ช่วยเพื่อนหน่อยสิวะ ” ฮยอคแจช่วยพูดให้ แต่คนตัวสูงกลับส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้มขำอีทงเฮที่กำลังพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของฮยอคแจ ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่ปากแข็งไม่เข้าท่า


    “ ช่วยแน่ ถ้ามันไม่ทำตัวให้กูหมั่นไส้อย่างนี้ ”


    “ โหย ทำเหมือนมึงไม่เคยพูดอ้อนบาทากูงั้นแหละ ”


    สงครามดูเหมือนจะเริ่มขึ้นอีกรอบและฮยอคแจก็จะเหนื่อยที่จะปรามไอ้สองตัวนี้อีกรอบ ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อทงเฮจากใครคนหนึ่งเข้าเสียก่อน


    “ อีทงเฮ!!! ”
    ทั้งสามคนหันไปมองชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินเข้ามาหาโดยที่ยังอยู่ในชุดซ้อมบาส และตามใบหน้ายังมีเหงื่อไคลไหลมาตามไรผมและขมับ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าว่าจะเช็ดมันออกแต่อย่างใด


    “ หายไปไหนมา? พี่คังอินให้มาตาม ” ฮยอคแจมองหน้าคิมคิบอมด้วยความแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นคิบอมพูดและอีทงเฮกำลังปิดปากเงียบไม่ยอมตอบ


    “ อ้าว นี่ชมรมยังไม่เลิกเหรอ? ” คนตัวผอมถามเพื่อนตัวเล็กที่เหมือนโดนเย็บปากปิดสนิท ไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบ ตั้งแต่คิบอมเดินเข้ามาหา แถมยังรีบวิ่งมาหลบหลังเค้าอีก


    ....เป็นอะไรวะเนี่ย เพื่อนกู -*-


    “ ก็เพราะโดดอย่างนี้น่ะสิ พี่คังอินถึงจะเฉดหัวมึงออกจากชมรมเอาน่ะ ” คนล้มแล้วไม่กระทืบซ้ำ ก็คงไม่ใช่วิสัยสุภาพบุรุษอย่างชเวซีวอน ยิ่งทงเฮไม่ยอมปริปากแต่ทำหน้าโมโหพร้อมจะวีนเค้าทุกเมื่อด้วยแล้ว ซีวอนยิ่งแกล้งปากเสียหนักเข้าไปใหญ่


    “ ซีวอน! ” ฮยอคแจช่วยปรามคนตัวโตที่ได้แต่ยักไหล่แบบขอไปที


    “ คิมคิบอม ” ซีวอนเรียกชื่ออีกคนที่ไม่ได้สนิท “ ได้ข่าวว่าพี่คังอิน หวังปั้นนายให้เป็นซุปเปอร์รุคกี้ของทีมบาสโรงเรียนนี่ ”


    คิบอมเหล่มองคนที่กำลังพูดกับเค้า โดยไม่ได้ตอบอะไร เพราะไม่เคยชินกับการพูดกับคนแปลกหน้า


    “ แล้วยังงี้ พวกตัวสำรองที่หวังตำแหน่งตัวจริงก็ต้องตกกระป๋องเพราะนายน่ะสิ! ”


    พูดพร้อมกับส่งสายตาเยาะๆไปให้แก่ทงเฮที่ทำหน้าอมลมไม่พอใจแบบสุดๆ ก่อนที่จะทนไม่ไหว ร่างเล็กเดินกระทืบเท้าด้วยแรงโทสะจ้ำอ้าวหนีคำพูดถากถางของซีวอนไปอย่างรวดเร็ว แถมยังไม่ยอมหันกลับมาร่ำลาเพื่อนๆอีกต่างหาก


    “ เอ้า! พูดแค่นี้ทำเป็นงอน ” มองตามเพื่อนตัวเล็กที่เดินปึงปังจากไป ก่อนหันมาเอียงคอถามโกดมีนัมรูปหล่อของโรงเรียน “ แล้วไม่ตามมันไปล่ะ? ”



    “ ..... ” คิบอมเลิกคิ้วมองหน้าซีวอน ไร้คำตอบจากปากได้รูป นอกจากการวิ่งเหยาะๆตามทงเฮไป โดยมีรอยยิ้มกว้างของชเวซีวอนส่งท้ายอยู่ข้างหลัง


    “ เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปติวกันได้แล้วล่ะ ” จับมือขาว คิดจะจูงให้ฮยอคแจเดินตาม แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดมันออกเสียก่อน พอหันไปมองซีวอนก็เห็นฮยอคแจยืนทำหน้าบึ้งตึงใส่เค้าเป็นของรางวัล



    วะ!! ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปจริงกู!




    “ อะไรอีกล่ะ? ”


    “ มึงแกล้งทงเฮมันทำไม ” ซีวอนถอนหายใจ ...เวลาฮยอคแจดุเค้าเรื่อทงเฮ มันเหมือนพวกแม่ๆที่คอยแต่ปกป้องลูกตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวลูกนั้นเป็นฝ่ายผิดหรือถูกเลยไม่ใช่หรือ?


    “ ก็มันน่าหมั่นไส้ ”


    “ พวกแล้งน้ำใจ ” คำปรามาสไม่ได้ทำให้ซีวอนเจ็บปวดสักนิด ชายหนุ่มอมยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มตรงข้างแก้มแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากค้วามือฮยอคแจมากุมไว้แล้วพาเดินกลับบ้านตัวเองอีกครั้ง


    “ มึงอย่าดื้อน่า~ ” น้ำเสียงเหนื่อยใจดังออกมาเมื่อยังรู้สึกได้ถึงแรงขืนตัวของฮยอคแจ


    “ กูอุตส่าห์ช่วยให้มันได้ไปเคลียร์กับคิมคิบอมสองคนแล้วนะ! ”


    “ หา!!! ”


    “ ก็มันอารมณ็เสีย ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเอี้ยอะไร แต่คิดดูสิ...ตอนที่คิบอมเดินมาหาน่ะ ธรรมดามันต้องพูดเป็นต่อยหอยไม่ใช่หรือไง? ”


    ฮยอคแจพยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์อันชาญฉลาดของซีวอน


    “ แต่มันกลับงับปากไม่ยอมพูด เพราะฉะนั้นที่มันอารมณ์ไม่ดี ก็คงหนีไม่พ้นคิมคิบอมนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ! ”


    “ เออ...จริง ” ในที่สุดฮยอคแจก็ยอมรับและเห็นพ้องกับความเห็นของซีวอน ทำให้ใบหน้าขาวเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาทันตาเห็น


    “ กูเลยแกล้งพูดให้มันเดินหนี คิบอมจะได้ตามไปง้อไอ้หมวยได้ถนัดหน่อยไงล่ะ ”


    “ โห..ไม่เคยคิดเลยนะว่ามึงจะฉลาดขนาดนี้ ” คำชมเหมือนกำลังถูกหลอกด่ายังไงมิทราบ แต่ซีวอนก็ขี้เกียจจะด่าตามนิสัยปากไม่อยู่สุขให้เกิดศัตรูทั้งสองด้าน เพราะฉะนั้นฮยอคแจเลยรอดตัวจากการถูกกัดแขวะไปอย่างหวุดหวิด


    “ ว่าแต่จะไปกันได้หรือยัง ”


    “ อะ..เออ...ก็ไปสิ ”


    พอตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อย ซีวอนก็ทำท่าจะจับมือฮยอคแจมาจูงเหมือนจูงลูกสุนัขเดินเล่นอีกรอบ แต่การขืนตัวรอบสองทำให้ซีวอนต้องหันไปมองฮยอคแจอย่างเคืองๆ


    “ อะไรอีกล่ะ? ”


    “ ค่อยไปติวพรุ่งนี้ได้ป่ะมึง ”


    “ ทำไม? ” กอดอก รอฟังคำตอบที่อาจทำให้อารมณ์หงุดหงิดเพราะคนๆเดียวคลายตัวลง


    “ กูอยาก........... ”


    “ อยากอะไร?? ” คาดคั้นถามฮยอคแจที่ทำหน้าเหมือนกำลังต่อสู้กับสำนักด้านดีของตัวเองอยู่


    “ กูอยาก...................... ”


    “ ..................... ”


    .


    .


    .


    “ อยากไปดูไอ้หมวยมันถูกง้อวะ!! ”



    พอได้ยินความต้องของฮยอคแจจนจบ ซีวอนก็ถึงกับกลั้นไม่อยู่ ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะขำความอยากรู้อยากเห็นของฮยอคแจ


    ....ก็นึกว่าจะเบี้ยวเราแล้วซะอีก....


    “ ขำไรวะ กูแอบไปดูมันไม่ได้หรือไง ”


    “ ได้ ”


    “ งั้นไปติววันอื่นแทนนะ ”


    “ ก็ได้ ”


    “ งั้นมึงกลับบ้านไปก่อนนะ วันนี้ ”


    “ ไม่!! ” ซีวอนปฏิเสธ ทำให้ฮยอคแจเอียงคอมองด้วยความงุนงงสงสัย


    “ อ้าว...ทำไมวะ!? ”


    “ เพราะกูจะไปกับมึงด้วย!!! ” ฮยอคแจพยักหน้าตามใจคนตัวโตกว่า


    สรุปแล้วเส้นทางที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปก็ไม่ใช่บ้านของซีวอนอย่างที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก


    แต่เป็นทางที่อีทงเฮเพิ่งงอนตุ๊บป่องเดินหนีไปและคิบอมวิ่งตามไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง





    งานนี้ล่ะสนุกแน่!!!!








    TBC. 






    ปล. ใครที่ได้รับฟิคแล้ว อย่าลืมมาทิ้งคอมเม้นท์ไว้ให้หน่อยนะคะ  ^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×