คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การทดสอบและเพื่อนใหม่ 30%
เด็กหนุ่มเดินมุ่งหน้าตรงไปยังจุดทดสอบที่ห้อมล้อมไปด้วยคนมากมายจนตัวเขานั้นไม่สามารถที่จะเบียดเข้าไปข้างในได้เลย เขาได้แต่เดินไปเดินมาพยายามหาจุดที่จะแทรกเขาไปข้างใน
“นี่นายนะเป็นคนไทยใช่หรือเปล่า”เด็กหนุ่มรีบกระโดดออกมาทันที เมื่อได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเขาพูดขึ้นที่ข้างหู
“นะ นายคิดจะทำอะไร”เรฟถามขึ้นหร้อมกับนำมือมากุมไว้ที่หูข้างที่เด็กหนุ่มคนนั้นพูดใส่
เด็กหนุ่มคนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั้น กับท่าทางที่ตื่นตระหนกของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และนั้นก็ทำให้เรฟรู้สึกอายเป็นอย่างมาก
“ขอโทษๆ ฉันไม่คิดว่านายจะตกใจขนาดนั้น”เด็กหนุ่มพูดไปหัวเราะไป
“ไม่คิดก็หัดคิดสิ เล่นมาพูดข้างหูแบบนี้ เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้น”เรฟพูดกลับไปอย่างหัวเสีย”
“ก็ขอโทษอยู่นี่ไง อย่าบ่นมากเลยนะ มาดีกันดีกว่า”เด็กหนุ่มยื่นมือมาหาเรฟ “ฉันชื่อเคียว ยินดีที่ได้รู้จัก”
เรฟทำหน้างงๆ ก่อนที่จะยื่อมือไปจับมือของเคียว
“ฉันเซเรฟ แต่ไม่ขอยินดีที่ได้...”
ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้พูดจนจบ เคียวก็ปล่อยมือที่จับอยู่กับเรฟออก ก่อนจะมาปั้นหน้ายิ้มที่ทำให้รู้สึกอยากจะเอาเท้าไปละเลงเหยียบเล่นบนหน้า
“ยิ้มเข้าไว้สิเซเรฟ อย่างทำหน้าเซ็งแบบนั้นเดี๋ยวหน้าก็แก่เร็วหรอก”เคียวพูดขึ้นพร้อมกับตบบ่าของเรฟ
“มีใครเคยบอกว่านายบ้าบางหรือเปล่า”
เคียวเริ่มทำหน้าเครียดเหมือนกับเขาจะไม่พอใจกับคำถามของเรฟ และนั้นก็ทำให้ผู้ถามรู้สึกไม่ดีไปด้วย
“ฉันคิดแล้ว ไม่มีนะ”เคียวตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่จริงจัง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้ม
“ห๊ะ!”เรฟที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง จ้องมองไปยังใบหน้าของเคียวตาไม่กระพริบ “นี่นายจะบ้าหรือเปล่า มีใครที่ไหนเอาเรื่องแบบนี่มาคิดจริงจังกันบ้าง”
“ก็ฉันไง”เคียวชี้นิ้วไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของตน
“ถึงนายจะดูบ้าๆ”เรฟถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา “แต่ฉันก็บ้าพอที่จะเป็นเพื่อนกับนาย”
เด็กหนุ่มทั้งสองจับมือกันอีกครั้งเพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรให้แก่กันและกัน
“เอาล่ะ มาว่ากันเรื่องบททดสอบนี้กันดีกว่า”
ทันทีที่เคียวได้เข้าเรื่องการทดสอบ ใบหน้าของทั้งคู่ และบรรยากาศโดยรอบก็เริมตึงเครียดขึ้นมาทันที
“แล้วเราจะฝ่าผู้คน...”
“ไม่”เคียวผู้แทรกขึ้นมา “นายลองคิดดูให้ดีๆนะ จำนวนคนมากมายที่กำลังเบียนกันจนแน่น กับเวลาการทดสอบที่มีอยู่อย่างจำกัด คิดว่ามันสมเหตุสมผมกันเหรอ”
“มันก็...”เรฟลองคิดภาพตามหลักเหตุและผล ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่เข้ากัน เหมือนที่เคียวได้บอกไว้จริงๆ
“ผู้คนมากมายนั้นต้องเป็นตัวล่อแน่นอน สิ่งที่เราต้องหาก็คือเส้นทางที่จะพาเราไปยังสถานที่ทดสอบของจริง”
ดวงตาของเรฟเปิดกว้าง หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
“แล้วเส้นทางนั้นอยู่ไหนกันล่ะ”
“เรื่องนั้น”เคียวฉีกยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ “ถ้าฉันรู้เราคงไม่ได้รู้จักกัน”
แปะ!
เรฟตบหัวของเคียวอย่างรวดเร็ว ความตื่นเต้นที่เขานั้นเคยมีแทบจะหายไปจนหมดสิ้น
“นายมาตบฉันทำไมเนี่ย”
“นายนั้นแหละ ทำเท่รู้หมดทุกอย่าง แล้วมาจบด้วยการบอกว่าไม่รู้ ฉันอุส่ามีอารมณ์ร่วมไปด้วยแล้วนะ ไอ้บ้า”เรฟตะคอกใส่เคียวอย่างหัวเสีย
“แล้วฉันไปบอกนายตั้งแต่เมื่อไรว่ารู้ นายนั้นแหละที่บ้า คิดเองเออเองแล้วมาโทษฉัน”เคียวรีบเถียงกับไป
“นี่แกหาว่าฉันบ้าเหรอ”
“ก็เออสิ ถ้าไม่ใช่แก แล้วจะมีใครที่เป็นบ้ากันล่ะ”
เรฟกัดฟันด้วยอารมณ์ที่เสียแบบสุดๆแต่ แล้วจู่ๆน้ำตาของเคียวก็เริ่มไหลออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่บ่งบอกถึงความสุข
“นะ นายเป็นอะไร”
“เปล่าๆ”เคียวยังคงหัวเราะต่อไปไม่หยุด เหมือนกับน้ำตาของเขาที่ไม่ว่าจะปาดออกเท่าไรก็ไม่หมด “ฉันก็แค่รู้สึกสนุกนะ เพิ่งเคยได้เถียงเริ่องไร้สาระแบบนี่กับใครเป็นครั้งแรกนะ”
เรื่องในอดีตช่วงวัยเด็กของเรฟทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของชายที่อยู่ตรงหน้าได้ทันที ความรู้สึกโดดเดียวอ้างว้างเต็มไปด้วยความเหงานั้นเป็นยังไง แต่ตัวของเขานั้นยังมีเฟที่คอยมาเล่นกับเขาตอนเลิกเรียน แต่นั้นมันก็ไม่สามารถช่วงให้ความเหงาหายไปได้ แล้วเคียวล่ะ เด็กหนุ่มคนนี้ต้องทดสู้ความความรู้สึกแบบนั้นมานานแค่ไหนกัน
ความคิดเห็น