คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความจริงและการแต่งตั้ง
ภายใต้ความมืดมิดที่ไร้ซึ้งแสงไฟ เสียงฝีเท้าเก้าเดินของเด็กคนหนึ่ง ดังขึ้นมาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ที่แห่งนี้คือที่ไหนกัน
คำถามมากมายที่ไม่สามารถหาคำตอบได้พุดเข้ามาอยู่ในหัวของเขาเต็มไปหมด
แล้วจู่ๆแสงสว่างเล็กๆที่เหมือนแสงไฟของหิ่งห้อยก็ปรากฏขึ้นมาข้างหน้าของเขา
คอสรีบวิ่งไปหาแสงนั้นอย่างไม่รอช้า เขาวิ่ง วิ่งแล้วก็วิ่งในหัวของเขามีเพียงความคิดที่จะออกไปจากความมืดแห่งนี้เท่านั้น
แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งไปนานซักแค่ไหน แสงนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ราวกับแสงนั้นไร้การมีอยู่
ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรคอสก็ยังคงวิ่งไปหาแสงนั้นต่อไป แม้ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหนหรือขาของเขาอ่อนล้าเพียงใด เขาก็ยังคงกัดฟันวิ่งต่อไปข้างหน้าโดยไม่หยุดพัก
“ทำไมถึงพยายามที่จะออกไปกันละ”
คอสเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากทางไหนก็ไม่รู้ เขาก็ค่อยๆหยุดวิ่งลงแล้วสอดส่ายสายตาเพื่อตามหาตนเสียง แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงก็ไม่เห็นสิ่งใดอื่นนอกเสียจากความมืดมิด และสิ่งที่ทำให้คอสต้องสนใจเสียงนั้นเป็นพิเศษก็เพราะเสียงที่เขาได้ยินนั้นมันคือเสียงของตัวเขานั้นเอง
“ก็เพราะว่าที่นี้คือที่ไหนก็ไม่รู้แถมยังมืดจนมองไม่ไรไม่เห็นอีก”คอสตะโกนตอบเสียงนั้นกลับไป
“ที่แห่งนี้ก็คือตัวของเจ้าไงละ”
เมื่อสิ้นเสียงปริศนาแสงที่เล็กประดุลหิ่งห้อยก็เริ่มขยายตัวออกกว้างกัดกินความมืดที่ปกคลุมออกไปจนหมด บังเกิดรูปร่างที่แท้จริงของสถานที่ที่แท้จริงแห่งนี้ออกมา
คอสถึงกับตาค้างพูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่ประจักแก่สายตา
เหล่าปีศาจมากมายต่างมารวมตัวกันอยู่ต่อหน้าของเขา หนำซ้ำยังนั่งคุกเข้าเพื่อแสดงความเคารพอีก และเมื่อลองมองสำรวจร่างกายของตนก็ยิ่งทำให้ต้องประหลาดใจเข้าไปใหญ่
ผ้าคลุมไหล่สีดำที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงทมิฬ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตรเสียมากกว่าความเจ็บปวดหรือทรมาน สีผมก็กลายมาเป็นสีดำสนิดเหมือนตอนที่สู้กับชายหัวสับปะรด และที่น่าตกใจที่สุดก็คือมงกุฎสีดำที่ห้อมล้อมไปด้วยอัญมณีทั้งเจ็ดสีประกอบไปด้วยสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง สีเทา สีเหลืองและสีขาว สาเหตุที่ทำทำให้คอสต้องตกใจมิใช่ราคาของมันแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมงกุฎนี้คือเครื่องหมายของราชาผู้ปกครองเหล่าปีศาจ และมันได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ตอนที่แต่งตั้งราชาองค์ปัจจุบัน มงกุฎที่สำคัญขนาดนี้ไม่น่าจะใช่สิ่งที่คู่ควรมาสวนอยู่บนหัวของเขาเลย
“พอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วสินะ”
คอสสะดุ้งตื้นขึ้นมานั่งอยู่กับที่ ร่างกายของเขาสั่นรัวไม่ยอมหยุด อัตราก็เต้นของหัวใจก็ถี่และแรงจนเขารู้สึกได้ทั้งๆที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักระยะอาการทุกอย่างของเขาก็กลับเข้าสู้ปกติ มีแต่เพียงเรื่องในความฝันเท่านั้นที่ยังไม่ได้ส่งกลับคืนสู่ห่วงแห่งนิทรา มันยังคงค้างฝันแน่นอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มไม่ไปไหน
เด็กหนุ่มค่อยๆเดินลงมาจากเตียงแต่ก็ทำได้ไม่คล้องตัวเท่าไรนัก เพราะผ้าพันแผลที่พันอยู่ทั่วร่างกายของเขาจนดูคล้ายมัมมี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เข้าสนใจที่จะถนอมร่างกายเอาไว้เลย
คอสเดินตรงไปที่ประตูอย่างยากรำบาก แต่เมื่อเขากำลังจะเปิดประตู เด็กสาวผมสีทองในชุดกระโปรงยาวสีครีมอ่อนก็ชิงเปิดประตูไปก่อน
“ทำไมนายมายืนอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปนอนพักบนเตียง”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ฉันก็แข็งแรงดีแล้ว”
“หายดีบ้าอะไรกันแผลนายเพิ่งจะปิดนะ แล้วถ้านายยังทำอะไรบ้าๆจนแผลเปิดอีกจะทำยังไง”
“ถึงเธอจะพูดยังไงคอสก็ไม่คิดจะกลับไปบนเตียงหรอก”
เสียงที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้นมาจากข้างหลังของเด็กสาว
เด็กหนุ่มผมสีเขียวที่มีขนาดร่างกายสูงกว่าคอสเล็กน้อย แล้วด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่คล้ายกับแกรรี่ยังกับแกะ ทำให้คอสรู้สึกสับสนว่าเด็กหนุ่มที่น่าจะมีอายุห่างจากเขาไม่มากนักคนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับแกรรี่เพื่อนของเขาหรือไม่
“นายคือแกรรี่รึเปล่า”
เด็กหนุ่มผมสีเขียวอมยิ้มออกมานิดๆ แล้วมองไปยังเนวที่ยืนอยู่ข้างหน้าตัวเขา
“ช่วยออกไปก่อนนะ”เมื่อเนวเดินออกไป เขาก็เดินพาคอสขึ้นไปนั่งบนเตียง “ขอโทษด้วยนะที่ต้องหลอกนายมาโดยตลอด ชื่อจริงๆของฉันคือคิด เป็นองครักษ์ของนาย เพื่อความสะดวกจึงต้องปลอมตัวเป็นเด็กที่คอยติดนายที่ชื่อแกรรี่ เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่หรือเปล่า”
คอสนั่งก้มหน้าไม่ตอบอะไรกลับไป ยิ่งทำให้แกรรี่ที่มีนามจริงว่าคิดน้ำตาคลออยู่ริมขอบตาจนเกินจะไหลออกมาแล้ว
“ไอ้บ้า!”คอสพุ่งตัวเข้าไปล็อคคอและยีหัวคิดซะยุ้งเหยิง “ไม่ว่านายจะเป็นใครหรือมีชื่อว่าอะไร ฉันไม่สน สำหรับฉันแล้วนายก็เป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดเสมอ”
น้ำตาของคิดในที่สุดเขาก็ไม่สามารถที่จะกลั้นมันไว้ได้ พร้อมๆกับเสียงสะอื้นราวกับเด็กๆร้องไห้ดังไปทั่วห้อง
“ฉันขอสาบานว่าฉันจะปกป้องนายและจงรักภักดีไปตลอดชั่วอายุของฉัน”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”
หลังจากมิตรภาพน้ำตาแตกของเด็กหนุ่มทั้งสองเจ็บลงประตูห้องก็ถูกเปิดออก โดยคอสที่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผนที่พับไว้เฉพาะส่วนที่เป็นแผลใหญ่ๆ และก็เพิ่งได้ปิดปากแผลไปไม่นานมานี้ ทำให้เขาเดินได้คล่องจนเกือบเหมือนคนปกติ
คิดที่เป็นผู้พันผ้าพันแผลให้เดินตามคอสออกมาติดๆด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เรากำลังจะไปที่ไหนกัน แกรไม่สิ คิด”
“นายตามมาก่อนเดี๋ยวก็รู้เอง”
ถึงแม้ว่าคอสจะสงสัยมากแค่ไหนแต่ก็ต้องเก็บมันเอาไว้เพราะรู้นิสัยของคิดดี ถึงเขาจะถามอะไรไปก็คงไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่เป็นแน่
และการเดินทางของทั้งสองที่เดินต่อไปเรื่อยโดยไม่มีการพูดจาอะไรใดๆทั้งสิ้น
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่ซึ่งก็ทำให้คอสรู้แน่เลยว่าหลังประตูบานนี้ต้องเป็นจุดหมายที่พวกเขากำลังเดินทางอยู่เป็นแน่
“คอส”คิดตีหน้าเครียด “หลังประตูบานนี้จะทำให้นายได้รู้ถึงความจริงของนายที่พวกฉันปิดนายไว้มาตลอด แต่หากนายเปิดเข้าไปแล้ว ชีวิตของนายจะต้องพบเจอกับปัญหามากมายไม่รู้จักหมดสิ้น จะเปิดประตูหรือจะกลับไปก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาย”
“ถึงฉันจะไม่ได้เข้าใจอะไรมากเท่าไรนักหรือก็คือไม่เข้าใจเลยซักนิด”คอสหันหน้าไปหาคิด “
คอสหันหน้าไปส่งยิ้มให้คิดก่อนที่จะเดินตรงไปผลักประตูให้เปิดออกอย่างไม่ลังเลใจซักนิด
แอด
เสียงประตูที่ถูกฝ่ามือของคิดผลักออกไป ค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
หลังประตูบานนั้นสิ่ง คอสไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดได้เลย สิ่งเดียวที่เขาเห็นได้ก็คือความมืดที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง
เรื่องในความฝันของคอสเอยู่ๆก็โผล่เข้ามาอยู่ในหัวของเขา ราวกับสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้เป็นไปตามกับสิ่งที่เขาพบเจอในความฝันทุกประการ เว้นแต่เพียงเสียงปริศนาที่เหมือนกับเสียงของเขาที่ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
แสงไฟอ่อนๆจากเปลวเทียนเริ่มลุกโชนขึ้นมาเป็นทาง ตรงดิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงปลายเท้าของเด็กหนุ่ม
“ขอต้อนรับสู่การเป็นหัวหน้าของพวกเรา”
เสียงที่ไม่รู้ว่าดังขึ้นมาจากที่ไหนแต่ก้องกังวานควบคู่ไปกับเสียงตบมือที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งงาน
คอสเดินตรงเข้าไปตามทางของแสงเทียนจนมาหยุดอยู่หน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นต้นเสียงที่พูดไปเมื่อซักครู่
ชายผู้นี้มีเรือนผมสีม่วงอ่อนกับนัยน์ตาสีเขียว และใบหน้าที่คุ้นตาเมื่อว่าชายผู้นี้กับคอสเคยเจอกันมาก่อนที่ไหนซักแห่ง
ชายผู้นั้นยื่นมือของเขาไปแตะที่อกข้างซ้ายของคอส แต่แล้วอยู่ดีๆมือข้างนั้นก็เปล่งแสงสีทองออกมา
“ในที่สุดก็ถึงเวลานี้จนได้นะคอส ไม่สิ”ชายหนุ่มถอยมือของเขาออกมาจากอกของเด็กหนุ่ม แล้วแสงสีทองนั้นก็หายไป เขาค่อยๆย่อตัวลงไปนั่งคุกเขากับพื้น “ท่านฮาเดส บุตรชายขององค์ราชาองค์ก่อน”
นี้คือเรื่องจริงงั้นเหรอ
ถึงในตอนแรกเขาจะเตรียมใจกับเรื่องที่น่าปวดหัวเอาไว้แล้วมากมาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการกระทำแบบนั้นจะไม่ช่วยอะไรเลย ความสับสนที่มีอยู่ในตอนนี้มันมีอยู่มากมายจนแทบจะทะลักออกมา
“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”เด็กหนุ่มระเบิดเสียงแห่งความสับสนออกมา “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
“ก็ตามที่ข้าพูดไปนั้นแหละ ท่านคือบุตรชายของราชาองค์ก่อน มีพระนามว่าฮาเดส”
“แล้วแน่ใจได้ไงว่าเป็นผม”
“สีผมของท่านเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างดีเส้นผมสีขาวที่คอยผนึกพลังปีศาจของท่านเอาไว้ และที่ทำให้แน่ใจที่สุด นั้นก็เพราะข้ากับคิดเป็นคนพาตัวท่านมาแล้วคอยดูแลท่านมาตลอด”
นี่คงเป็นครั้งแรกๆที่สมองของเด็กหนุ่มต้องใช้ความคิดมากมายถึงขนาดนี้ เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
คอสนิ่งเงียบอยู่ได้ซักระยะแต่แล้วจู่ๆก็หัวเราะออกมาซะดังลั่นเหมือนกับคนบ้า
“แบบนี้นี่เอง ปริศนาที่คาใจก็ไขออกหมดแล้ว”คอสยังคงหัวเราะต่อไปไม่หยุด “เรื่องนี้มันบ้าจริงๆเลยนะ”
คอสเริ่มใช้มือทั้งสองตบหน้าตัวเองเบาๆเป็นการเรียกสติกลับมา แล้วถอนหายใจออกเล็กน้อย
“ท่านคงเข้าใจแล้วสินะ”
“ถึงจะไม่เข้าใจอะไรมากเท่าไร แต่ผมเชื่อใจคุณครับ”คอสส่งยิ้มหวานๆไปให้กับชายหนุ่ม “คุณแมรี่”
รอยยิ้มเล็กๆจากชายหนุ่มปรากฏออกมาจากใบหน้าที่เรียบๆไร้อารมณ์ใดๆของเขา และหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ข้าหลอกเจ้ามาโดยตลอด หญิงอ้วนแมรี่ก็คือข้าเอง”
“โรคจิต!”
คอสกำมือของตนเองหลวมๆแล้วใส่แรงทั้งหมดของร่างกายที่มีเหวียงเข้าไปต่อยที่ใบหน้าของชายหนุ่มจนเขาล้มกลิ้งไปห้าตลบ
“ขอเอาคือเรื่องต่างๆที่เคยแกล้งแล้วกัน แล้วก็....”คอสเงียบไปพักหนึ่ง “ผมจะทำได้รึเปล่า การเป็นหัวหน้า ผมจะเปลี่ยนแปลงเดธเวิลด์ให้เป็นไปตามแบบที่องค์ราชา ไม่สิแบบที่พ่ออยากให้เป็นได้รึเปล่า”
“แน่นอนข้าเชื่อว่าถ้าเป็นท่านต้องทำได้”
คอสปาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มเป้าตาก่อนที่มันจะไหลหลั่งออกมา
“นับแต่นี้ต่อไปผมขอละทิ้งชื่อคอส เด็กผู้ชายผู้ไร้สิ่งพลังใดๆ จากเมืองทราค มาเป็นชื่อที่ผู้เป็นบิดาที่ให้กำเนิดตั้งขึ้นมา มีนามว่าฮาเดส”
เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังก้องไปหมดกับการยอมตกลงขึ้นเป็นหัวหน้าของพวกเขา
ถึงคอสจะไม่สามารถมองเห็นผู้คนเหล่านั้นได้เพราะอยู่ในความแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงรอยยิ้มและความดีใจมากมายที่พวกเขาส่งมาให้
“ขอจบการดำเนินงานเพียงเท่านี้ แยกยายกันได้”
ความคิดเห็น