คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดตำนานความรัก
ทุกสิ่งอย่างบทโลกล้วนก่อตัวมาจากความรักแทบทั้งสิ้น บทละครหลายเรื่องที่ถูกถ่ายทอดผ่านสายตามานักต่อนัก รักแสนหวาน รักขืนข่ม รักระทม รักสุข รักนิรันดร์ ไม่ว่าจะรักแบบไหน ก็ไม่ต่างอะไรจากสายลม ที่พัดผ่านไปได้ตลอด มีทุกข์ ก็ต้องมีสุข มีรักยอมมีอันพรากเป็นธรรมดา เป็นเองก็เป็นหนึ่งในหมู่คนเหล่านั้น ที่ผ่านเรื่องราวความรักมานักต่อนัก
นานแล้วที่ใจไม่ได้รับความรู้สึกที่อบอุ่น นานแล้วที่ใจไม่เคยได้รับความผูกพัน ร่างกายผมก็คอยแต่จะโรยราลงไปช้าๆ หลังจากที่ผมลาสิกขาบท ผมก็ปิดตัวเองมาตลอด ปิดจากโลกอันวุ่นวาย ปิดจากความรักทั้งปวง เพียงเพื่อจะใช้ชีวิตที่เหลือไปตามกรรมที่ผมได้ก่อไว้
ผมเคยเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง อยู่กับครอบครัวที่เข้มงวด ความกดดันรอบข้างมันบีบบังคับให้ผมต้องกลายเป็นคนที่คอยย้ำคิดย้ำทำ ความกดดันเหล่านั้นเป็นสาเหตุให้ผมกลายเป็นพวกหัวรุนแรง ผมมักจะระบยาอารมณ์ทุกครั้งที่ต้องถูกบีบบังคับจากสิ่งที่ผมไม่ชอบ ชีวิตของผมราวกับสิงร้ายที่ถูกจองจำรอวันที่จะออกมาขย้ำเนื้อสัตว์แสนหวานที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ยิ่งนานวันความขัดแย้งในตัวผมก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น ผมสับสน หาทางออกให้ตัวเองไม่ถูก จนในที่สุดผมก็ทำสิ่งหลายคนต้องการ นั่นก็คือการหรีออกจากบ้าน
ทางอันทอดยาว ถนนคอนกรีตที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดูขัดกับพื้นรวงข้าวสีทองที่อยู่รายล้อม ผมเดินไปไกลเท่าใดไม่มีใครรู้ มารู้ตัวอีกทีก็ถูกจับมันเอาไว้ เด็กๆจากหมู่บ้านข้างเคียง จับผมเปลือยกายพร้อมกับพันธนาการผมไว้ด้วยเชือกปอสากขนาดใหญ่ น้ำกลิ่นเหม็นคาวครุ้งปะทะเข้ากับจมูกผมเข้าอย่างจัง ผมสะดุ้งตื่นด้วยอาการผวาเล็กน้อย เด็กหญิงชายหลายคนหัวเราะคิดคักด้วยความสนุกสนาน เสื้อผ้าทุกชิ้นของผมถูกเผาไฟอยู่ข้างๆ กับต้นไม้ที่ใช้รัดตรึงร่างของผมเอาไว้ ผมอยากร้องไห้ แต่น้ำตามันกลับไม่ไหลออกมาดั่งใจ ความแค้น ความโกรธเกลียดทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นสึนามิใหญ่ที่พร้อมจะซัดเกาะทั้งเกาะให้จมหายไปได้ เด็กชายร่างใหญ่คนหนึ่งเด็ดกิ่งไม้จากต้นมะม่วงที่พวกมันใช้มัดผมผูกติดเข้าไว้ กิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยมดแดงขนาดใหญ่ ฟันอันแหลมคมของมันทำให้ผมมองเห็นได้อย่างชัดเจน พวกมันดูจะโกรธแค้นเป็นอย่างหนักที่ถูกรบกวนแบบนั้น เสียงแหลมเล็กถูกตะโกนดังมาจากด้านหลังของเด็กร่างใหญ่คนนั้น “ปล่อยมดใส่ตัวมันเลย” พร้อมกับเสียงเชียร์ เอาเลย! เอาเลย! ตามมาอย่างไม่ขาดสาย เจ้าเด็กนั่นฟาดกิ่งไม้กระแทกหน้าผมอย่างจัง มดนับร้อยค่อยๆแตกออกจากรังมุ่งตรงไปทั่วร่างกายอันเปลือยเปล่าของผม ผมกรีดร้องร้องด้วยความเจ็บปวดจนสลบไป
พีท! พีทลูกแม่เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมั้ยลูก แม่ขอโทษที่ทิ้งหนูไป แม่จำเป็นจริงๆ ....
แม่! แม่! เดี๋ยวก่อน แม่จำเป็นอะไร แม่ทิ้งหนูไปทำไม แม่ไม่รักหนูใช่มั้ย....
ผมผวาตื่นขึ้นมา พร้อมกับมีฝ่ามือนุ่มนวลลูบไล้ที่หน้าของผมเบาๆ
หนูไม่เป็นไรใช่มั้ยจ้ะ เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้มันแสบจริงๆเลย เสียงของสาวเจ้าของมืออันนุ่มนวลคู่นั้น บ่นกับการกระทำของกลุ่มเจ้าเด็กพวกนั้น
“นี่ก็อีกคนสินะที่หนีออกจากบ้านมาน่ะ เด็กๆเดี๋ยวนี้ช่างใจกล้ากันจริงๆเล้ย แต่ก็เอาเถอะฉันเองก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะ ว่าทำไมหนูถึงหนีออกจากบ้าน ดูสิเนี่ยแผลเต็มตัวไปหมด คงจะถูกที่บ้านตีเอาล่ะสิ เฮ้อ! พ่อแม่สมัยนี้ถ้าไม่รักลูกแล้วจะให้มันเกิดมาทำไมก๊านนน ฉันล่ะไม่เข้าใจ” พี่สาวคนนี้บ่นราวกับเจอเหตุการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
ผมรู้สึกชาที่อวัยวะเพศอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ผมพอใจ ผมเริ่มสับสนในใจขึ้นมาแล้ว นี่ตกลงผมเป็นอะไรไป
บาดแผลทั่วร่างกายเกิดจากการกระทำของแม่เลี้ยงทั้งสิ้น ท่านเฆี่ยนผมทุกครั้งหลังจากที่ทะเลาะกับพ่อ พ่อไม่เคยจะใส่ใจผมสักนิด กลับด่าผมตลอด ไอ้เด็กจรรไร ไอ้แหวกนรกมาเกิด ผมร้องไห้ทุกครั้งที่พ่อพูดแบบนั้น ตั้งแต่ที่แม่หนีไป ผมก็ถูกทำร้ายแบบนี้มาตลอด
เสื้อผ้าชุดใหม่ กับรองเท้าผ้าใบขาดๆ ถูกจัดเตรียมไว้ให้ผม เส้นผมที่เหนียวเกรอะกรังราวกับไม่เคยล้างนั้น ถูกสระอย่างดี พี่สาวอาบน้ำให้ผมราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ หล่อนเอามือถูไปถั่วร่างกายของผม ความเสียวซ่านค่อยๆแพร่ไปทั่วอณูของร่างกาย ใบหน้าที่สวยหวานปนกับรอยยิ้มที่แสนหวานทำให้จินตนาการของผมไปไกลเกินวัย พี่สาวค่อยถูตัวผมอย่างเบามือราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บอย่างนั้นแหละ มือของเธอล้วงต่ำไปท่อนร่างของร่างกายผม จนไปหยุดอยู่ที่อวัยวะเพศของผม เธอค่อยๆเปิดหนังที่หุ้มปลายออกมาอย่างเบามือ เพื่อขัดล้างสิ่งสกปรกข้างในให้ออกมา จนในที่สุดหนังหุ้มปลายของผมก็ถูกเปิดออกจนหมด มันเป็นความรู้สึกที่โล่งอย่างบอกไม่ถูก พี่สาวดูจะชำนาญเรื่องนี้เอามาก แกถึงได้ทำอย่างถนัดมือ ผมไม่ติดใจอะไรมากด้วยความที่ผมยังเป็นเด็กอยู่
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ก็ถูกนำมาวางต่อหน้าผม
“ดูเธอจะหิว พี่ก็เลยเอามาให้ กินพลางๆไปก่อนแล้วกันนะ พี่ขอตัวไปรับแขกก่อน”
รับแขก คำพูดที่ฟังดูแปลกๆ ทำไมต้องรับแขก ที่บ้านพี่สาวก็ไม่เห็นมีโต๊ะรับแขกเลย ดูจากบ้านแกแล้วก็ไม่น่าจะมีใครมาหาได้เลย ไม่นานนักชายร่างอ้วนดูภูมิฐานก็เดินผ่านหน้าผมไปยังห้องนอนของพี่สาว ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพี่สาวก็ลงมาหาผมเพียงลำพังไม่ได้มีชายผู้นั้นเดินตามมาด้วย ผมถามพี่สาวว่า ชายคนนั้นเป็นใคร แกก็ตอบมาหน้าตาเฉยว่าเป็นลูกค้า “ลูกค้าอะไรหรอครับ ทำไมต้องไปห้องนอนด้วยล่ะ แล้วนี่เค้าไปไหนแล้วล่ะพี่สาว” ผมยิงคำถามออกมาด้วยความไม่รู้ตามประสาของเด็กๆ พี่สาวไม่ตอบได้แต่ทำหน้าตาที่ไร้อารมณ์แล้วมองมาที่ผม
“ไม่นานเธอจะรู้เอง” พี่สาวพูดออกมาด้วยเสียงที่เรียบเฉย ฟังดูขาดซึ่งชีวิตชีวา
คืนนั้นผมนอนค้างที่บ้านของพี่สาว ผมได้แต่คิดถึงแม่ แม่ที่ผมไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ามาก่อน ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็รุ่งสางแล้ว เมื่อแสงแดดในยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดออกไว้ส่องมายังผม
พี่สาวเองดูท่าว่าจะตื่นไปตั้งแต่เช้าแล้ว ที่นอนถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย บ้านที่สะอาด หอมไปด้วยกลิ่นของดอกกุหลาบที่ปลูกอยู่รายล้อมบ้าน ให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมาก ราวกับเดินอยู่ในสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน
“นี่! เจ้าหนู มีชื่อหรือเปล่าเราน่ะ” พี่สาวร้องถามผมขณะกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้า
“ครับ ผมมีชื่อ ผมชื่อพีทฮะ พีรสกุล สุขสุนธรธาดา” ผมตอบพี่สาวกลับไป
“ชื่อเพราะดีนี่หน่า พี่เรียกเราว่าพีทแล้วกันนะ ส่วนพี่ชื่อต้นอ้อ พี่อยูบ้านนี้กับน้องสาวชื่อทรายน่ะ ทรายเค้าไปในเมืองกับลุงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว บ่ายๆนี่คงกลับมาน่ะ”
“พี่อ้อ! หนูกลับมาแล้ว”
“ทราย ทำไมกลับมาเร็วจังเลย มาหาพี่หนอ่ยเร็ว มาให้พี่กอดให้ชื่น..หน่อยเร๊ว”
“จ้า! แล้วเด็กค้นนั้นคือใครอ่ะพี่อ้อ รึว่า...ทำไมพี่ไม่บอกหนูล่ะว่า มีน้องแล้วหนูจะได้ไม่มาอยู่กับพี่ หนูโกรธแล้วด้วย”
ผมอดอมยิ้มกับความน่ารักของทรายไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ผมก็รู้ทันทีเลยว่า เธอคือคนที่ใช่สำหรับผม
ความคิดเห็น