คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : :: Caffeine - chp.05 ::
Caffeine chapter 5
13-03-02
ผ่านมาสองเดือนแล้วกับการใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโซลของฮวังมินฮยอน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ด้วยดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เขาเริ่มรู้จักถนนหนทางและการใช้รถไฟใต้ดินเดินทางไปไหนต่อไหนมากขึ้นทำให้ไม่ต้องขอติดรถคนรักไปๆมาๆ แต่จริงๆแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะพวกนั้นมากนักหรอก เพราะสตูดิโอของจงฮยอนที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้อยู่ห่างจากมอคคาชิโน่ไม่เท่าไหร่ เพียงแค่เดินก็สามารถไปถึงได้โดยง่ายและประหยัดค่าเดินทางได้มากโข ถึงบางครั้งเขาจะแอบคิดถึงรถจักรยานยนต์คู่ใจที่ตอนนี้จอดนิ่งสนิทอยู่ที่บ้านที่พูซานบ้างก็ตาม
“พ่อเอารถผมไปขี่เล่นบ้างก็ได้ บอกคุณย่าทีว่าเดี๋ยวผมจะโทรไปหาใหม่.. ฮะ.. ขอบคุณฮะพ่อ” มินฮยอนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหันมาให้ความสนใจกับกระดาษจำนวนมากที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะทานข้าวที่ตอนนี้แปรสภาพมาเป็นโต๊ะทำงานของจงฮยอนชั่วคราว ชายหนุ่มหยิบสีไม้ขึ้นมาระบายตามเส้นที่คนรักวาดเอาไว้ ถึงแม้ใจจะจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้ามากแค่ไหนแต่เขาก็อดเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงสายตาของอีกคนหนึ่ง
“ผมหล่อมากถึงขนาดต้องจ้องไม่วางตาแบบนั้นเลยเหรอครับ”
“อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักนายน่ะ” ร่างบางแขวะทันทีที่จบประโยคของคนรัก และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มเผล่ตอบกลับไปก่อนจะก้มลงไประบายสีต่อ
จงฮยอนวางดินสอลงแล้วเท้าคางมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันอยู่เฉยๆ วันนี้มินฮยอนได้เข้างานกะบ่ายจึงมีเวลามานั่งช่วยงานเขาในตอนสายแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าเรียกว่าช่วยดีหรือเปล่าเพราะช่างปั้นตุ๊กตาเองก็ยังแอบเป็นห่วงงานของตัวเองที่กำลังถูกระบายสีอยู่ในเงื้อมมือของมินฮยอน ถึงแม้จะเคยถูกเอางานง่ายๆแย่งไปทำหลายครั้งแล้วก็เถอะ
“ที่บ้านนายอยู่กันกี่คน” คำถามของร่างบางทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่บ่อยนักที่จงฮยอนจะเป็นคนถามเรื่องส่วนตัวของเขาก่อน
“ห้าคนครับ แต่ในละแวกนั้นก็ยังมีญาติๆอยู่อีก” มินฮยอนตอบตามความจริง เป็นปกที่คนอยู่นอกเมืองหลวงแบบเขาจะมีเครือญาติกว้าง
“งั้นก็ครอบครัวใหญ่สิ” เมื่อได้คำตอบจากคนรักแล้วช่างปั้นตุ๊กตาก็เงียบไป มือเล็กก็ทำงานของตนต่อ นั่นทำให้ร่างสูงได้โอกาสอู้โดยไม่รู้ตัว ดวงตาเรียวจับจ้องคนตัวเล็กกว่าซึ่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่แบบนั้น
จงฮยอนคงถามขึ้นมาเพราะเห็นว่าเมื่อสักครู่เขาคุยโทรศัพท์อยู่กับคนที่บ้านนานเกินไปหน่อย ทำยังไงได้.. ห่างบ้านมาไกลขนาดนี้มันก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา แม้จะไม่ได้แสดงอาการโฮมซิกออกมามากนักหนาก็ตามที ถึงจะผ่านมาสองเดือนแล้วแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีเขาก็อยากกลับบ้านเสียเฉยๆ
แต่คนตรงหน้านี่ล่ะ.. ไม่คิดถึงบ้านบ้างหรือไง?
สองเดือนที่ผ่านมาจงฮยอนอยู่กับเขาทุกวัน แถมยังเกือบตลอดเวลา มีบ้างที่เขาต้องไปทำงานส่วนจงฮยอนก็อยู่ที่สตูดิโอ แต่คนตัวเล็กก็ไม่มีวี่แววจะออกไปไหนเลยสักนิด เอาแต่นั่งทำงานหลังขดหลังแข็งอยู่ในห้องทำงานได้ทั้งวัน เคยได้ยินว่าบ้านหลังใหญ่ของจงฮยอนอยู่แถบชานเมืองโซล ซึ่งมันก็ใกล้แค่นี้แท้ๆแต่ทำไมจงฮยอนถึงไม่กลับไปหาพ่อแม่บ้างนะ
“เบื่อรึไงนายน่ะ ไม่ทำแล้วก็ส่งมาฉันจะได้ทำต่อ” เมื่อสิ้นคำช่างปั้นตุ๊กตาก็เอื้อมมือมาหมายจะหยิบกระดาษแผ่นที่อยู่ตรงหน้าคนรักไปแต่กลับถูกคนมือไวคว้ามือไว้ก่อนจะส่งยิ้มเผล่
“เปล่านะครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆเอง” มินฮยอนแก้ตัวเมื่อร่างบางดึงมือตัวเองออกจากมือของเขาอย่างเร็ว
อีกแล้ว...
มินฮยอนไม่เคยจับมือของจงฮยอนได้เกินสิบวินาที อย่าว่าแต่จับมือเลย แค่ถูกเนื้อต้องตัวสักนิดนึงยังไม่ได้..
“แต่ตอนนี้นายต้องเลิกแล้วล่ะ ไปทำงานของนายซะไป” บาริสต้าหนุ่มปกปิดความสงสัยทางสีหน้าพร้อมๆกับที่อีกฝ่ายเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง คนตัวเล็กรวบกระดาษทั้งหมดมารวมไว้เป็นตั้งเดียวเพื่อเคลียร์โต๊ะอาหารให้โล่งเหมือนเดิม มินฮยอนมองดูการกระทำนั้นอยู่นานก่อนจะตัดสินใจถามสิ่งที่ตัวเองค้างคาในอยู่ออกไป
“จงฮยอนครับ”
“หือ”
“จงฮยอนอยู่กับผมตลอดเลย ไม่กลับบ้านบ้างเหรอครับ” เจ้าของชื่อชะงักไปนิดนึงเพราะคำถามของคนรัก ใจนึงของมินฮยอนก็กลัวว่าจะถูกโกรธที่ถามอะไรไม่เข้าเรื่องออกไป แต่เขาอยากรู้จริงๆว่าบ้านของจงฮยอนเป็นยังไงกันแน่คนๆนี้ถึงไม่อยากกลับไปนัก มีบ้านให้กลับแต่ไม่อยากกลับมันคงแย่น่าดู..
หลังจากคิดคำตอบอยู่นานร่างบางก็เอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่ยังก้มหน้าจัดของอยู่
“คนเราถ้าจะเลือกอะไรบางอย่าง ก็ต้องเลือกสิ่งที่ตัวเราคิดว่าดีกับตัวที่สุดจริงไหม มันก็เหมือนบ้านของฉันกับสตูดิโอนี่นั่นแหละ” จงฮยอนตัดสินใจจบประโยคแค่ตรงนี้เพราะไม่อยากให้เจ้าคนตรงหน้าทำตัวน่าหมั่นไส้กับคำพูดที่เหลือของตน
‘แล้วฉันรู้สึกว่าเวลาอยู่กับนายแล้วฉันสบายใจ..’
เพราะอยู่กับมินฮยอนแล้วบางทีก็ถูกเอาอกเอาใจจนอดทำตัวแง่งอนไปตามประสาลูกคนเล็กไม่ได้ จงฮยอนไม่เคยถูกใครเอาใจ ไม่เคยแง่งอนใส่ใคร ไม่เคยเขินใครจนต้องปิดประตูหนี มินฮยอนเป็นคนแรกในชีวิตที่เข้ามาทำทุกอย่างที่จงฮยอนโหยหามาตลอดโดยไม่เคยเรียกร้องจากใคร เป็นคนแรกที่เข้ามาปั่นป่วนในความคิดเสมอ
เป็นคนแรก..ที่คิมจงฮยอนยอมให้เข้าใกล้มากขนาดนี้..
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็จงฮยอนคงจะเหงาน่าดู”
‘ใช่.. เหงาแทบตายเลยล่ะบ้านแบบนั้น..’
ร่างบางได้แต่ตอบอยู่ในใจพร้อมกับใบหน้าที่หมองลงเล็กน้อย ใครจะเข้าใจ ตอนเด็กมีพ่อแม่ที่ดุด่าอยู่ตลอดเวลาแต่พอเขาโตแล้วก็กลับเข้ามาทวงถามประโยชน์จากลูกที่พวกเขาไม่เคยใส่ใจ ถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวสองคนที่ประเสริฐราวนางฟ้าส่วนเขาไม่ต่างอะไรกับกรวดดิน สถานที่ที่ไม่เคยได้รู้สึกได้ถึงความรักพรรค์นั้นต่อให้พังทลายไปต่อหน้าต่อตาก็ไม่เสียใจ บรรยากาศแบบนั้นสำหรับจงฮยอนก็แค่เติบโตขึ้นมาอยู่ในสังคมแบบนี้ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“เดี๋ยววันนี้ฉันไปที่ร้านด้วยนะ” จงฮยอนเปลี่ยนเรื่องอีกครั้งเพราะถ้าหากพูดเรื่องเดิมต่อก็ยิ่งนึงถึงตัวเองตอนเด็กที่น่าสังเวชใจ ช่างปั้นตุ๊กตาไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้จักอดีตของตัวเองมากนักเพราะกลัวถูกมองว่าเป็นพวกคนมีปัญหา
กลัวมินฮยอนจะรำคาญคนอย่างเขาแล้วจากไป..
“ไปสิครับ จงฮยอนไม่ได้ไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านหลายวันแล้วด้วย” มินฮยอนตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง เขาชอบให้จงฮยอนออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างไม่ใช่เอาแต่อุดอู้อยู่ในสตูดิโอแบบนี้ ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นแล้วเดินไปหาคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่หน้าประตู มือหนาคว้าลูกบิดก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เดินไปนะครับ”
จงฮยอนเบ้หน้านิดๆเมื่อเจ้าของคนรักโลกเข้าเส้นพูดประโยคนี้ออกมา จริงอยู่ที่มันไม่เปลืองพลังงานแถมยังรักษาสิ่งแวดล้อมได้นิดนึงเพราะร้านกาแฟก็อยู่ใกล้แค่นี้ แต่มันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ทำเหมือนเขาเป็นลูกคุณหนูเดินไม่เป็นแบบนั้น
“ผมกำลังคิดว่าจะซื้อจักรยานล่ะ” มินฮยอนพูดขึ้นมาระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินไปตามฟุตบาท วันนี้เป็นวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่ปลอดโปร่ง ท้องฟ้าสดใสแต่ก็มีเมฆลอยมากำบังแดดอยู่เนืองๆทำให้เหมาะแก่การเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง
“เงินเยอะนักรึไงนายน่ะ เดินๆไปเถอะใกล้แค่นี้เอง” จงฮยอนเงยหน้าขึ้นไปพูดกับคนรัก คำปรามของคนตัวเล็กให้ความรู้สึกโดนดูถูกอยู่นิดๆเสมอแต่มินฮยอนก็ชินไปแล้วว่านี่แหละเป็นสไตล์ของอีกคนจึงได้แต่หัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าแบบนี้ล่ะจงฮยอนกำลังเป็นห่วงเขาอยู่
“ผมน่ะเดินได้อยู่แล้ว แต่เวลาจงฮยอนมาด้วยอยากปั่นจักรยานมากกว่าไง”
“จะว่าฉันขาสั้นเดินตามนายไม่ทันต้องปั่นจักรยานเอารึไงเฮอะ”
คนร้อนตัวพูดเสียงดังขึ้นทันทีทั้งที่ร่างสูงยังพูดไม่จบ มินฮยอนอึ้งไปนิดนึงก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังจนคนที่เดินสวนมาตกใจอยู่สองสามคน กว่าจะหยุดได้ก็ต้องเจอหยิกท้องแรงๆจากคนตัวเล็กกว่านั่นแหละ จงฮยอนอยากจะเล่นบทงอนนักแต่เจ้าบาริสต้านี่ไม่รับมุกเอาซะเลยแถมยังหัวเราะดังขนาดนั้นอีก มันน่าไหมล่ะ!
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลั้นยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะเอาเรื่องของร่างบางที่เขาเห็นทีไรก็คิดว่ามันน่ารักไปซะทุกครั้ง บาริสต้าหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง
“ก็ผมเป็นคนปั่นให้จงฮยอนซ้อนไง เวลาไปไหนมาไหนผมรบกวนจงฮยอนตลอด ถ้าเป็นจักรยานล่ะก็จงฮยอนไว้ใจผมได้เลยครับ” มินฮยอนก้มลงมายิ้มหวานให้คนที่กำลังจะงอน ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเมื่อเขาพูดจบ มีเพียงใบหน้าของอีกคนที่ขึ้นสีระเรื่อดูน่ารักมากกว่าครั้งไหนๆ แถมนัยน์ตาสีดำสนิทก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจจ้ำพรวดเดินนำหน้าชายหนุ่มไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
‘เฮ้อ.. เห็นแล้วอยากจะคว้าเข้ามาก่อนแน่นๆซะที’
“จงฮยอนรีบเดินเกินไปแล้วนะครับ ผมตามไม่ทัน!” เสียงตะโกนจากด้านหลังทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งแล้วรีบจ้ำต่อทันที ไม่ใช่เพราะอยากหนีเจ้าคนหน้าด้านที่อยู่ข้างหลัง แต่เป็นเพราะสายตาแปลกๆของเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่มองมาทางเขาต่างหาก!
“ขายาวนักก็ตามมาเองก็แล้วกัน!” คนตัวเล็กบ่นอุบทั้งๆที่เดินไม่สนใจใคร จนในที่สุดมินฮยอนก็เดินตามมาจนทันพร้อมกับยักคิ้วกวนๆให้คนรักหนึ่งที มือเล็กฟาดเผี้ยะเป็นอัตโนมัติ
“จงฮยอนอ่า...” เสียงออดอ้อนราวกับเด็กโดนทำโทษดังขึ้นอีกครั้ง สายตาคนอื่นๆที่มองมาก็ช่างเอ็นดูทั้งสองคนเหลือเกินจนช่างปั้นตุ๊กตาหน้าแดงหนักกว่าเก่า และเมื่อเห็นว่ากำลังแกล้งสนุกมินฮยอนจึงเล่นต่อเนื่อง “จงฮยอนใจร้าย.. ผมเจ็บนะ..”
“ฮวังมินฮยอน! เสียงดังคนมองหมดแล้วเห็นไหม!?” ร่างบางเอ็ด คิ้วเรียวขมวดมุ่นบ่งบอกว่าเอาจริง การเล่นของชายหนุ่มจึงถูกหยุดไว้แค่นี้ พอดีกับที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าร้านกาแฟมอคคาชิโน่แล้วด้วย เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อจงฮยอนผลักประตูเข้าไปตามด้วยร่างสูงของบาริสต้าตัวแสบประจำร้าน ช่างปั้นตุ๊กตายิ้มรับให้กับควักยองมินที่ทักทายตนทันทีเมื่อเห็นหน้า
“งานหนักเหรอครับช่วงนี้ ไม่ค่อยได้มาเลย” เจ้าของร้านที่ควบตำแหน่งบาริสต้าไปด้วยยิ้มกว้างให้กับผู้มีบุญคุณคสำคัญของร้านกาแฟร้านนี้
“ก็หนักอยู่ครับคุณอารอน มีรายละเอียดที่ต้องแก้เยอะไปหมดเลย” คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงงานที่ยังกองอยู่บนโต๊ะนั่นก่อนจะหันไปพยักหน้ารับเมื่อมินฮยอนเดินมาขอตัวเข้าไปทำงานด้านใน
ตอนนี้โต๊ะในร้านเต็มทั้งหมดเพราะเป็นช่วงพักกลางวัน แต่ก็ไม่เป็นผลกับจงฮยอนสักเท่าไหร่เพราะเก้าอี้ตัวประจำหน้าเค้าท์เตอร์ก็ยังว่างอยู่เหมือนทุกครั้ง บรรยากาศในมอคคาชิโน่ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับที่พูซานเลย กลิ่นกาแฟยังหอมกรุ่นไปทั่วร้าน เพลงป๊อบฟังสบายที่ถูกเปิดคลอ ทั้งหมดล้วนเป็นบรรยากาศผ่อนคลายชวนให้อยากนั่งไปเรื่อยๆ และยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดไม่ได้เลยจากบาริสต้าตัวสูงที่มีรอยยิ้มกวนประสาทที่สุดในโลกอย่างฮวังมินฮยอนคนนี้ไปไม่ได้
กาแฟแก้วใหญ่ถูกวางลงบนเค้าท์เตอร์หน้าคนตัวเล็กที่กำลังก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์รายวันที่วางไว้น่าร้าน ก่อนที่เสียงทุ้มที่เขาคุ้นชินจะดังขึ้น
“อเมริกาโน่ร้อนๆครับจงฮยอน”
________________________________________________________________________________________________________________________________
13-03-02
สอบเสร็จแล้วค่ะ มาอัพฟิคได้แล้ว มีเวลาแต่งฟิคแล้วด้วย ^^
ช่วงนี้มีฟิคน้องๆออกมาเต็มเลย โดยเฉพาะฟิคแบคเร็น
ส่วนตามเรียลริตี้ปิ่นฟินมินเจเป็นพิเศษ ฮี่ๆๆ
คงมาอัพได้บ่อยขึ้นแล้วก่อนฝึกงาน ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และยอดวิวด้วยนะคะ^^
ตอบคอมเม้นท์ดีกว่า
always : ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ วันนี้มาอัพแล้วค่ะ ขอโทษด้วยที่หายไปนานค่ะ
แทกุกเอลฟ์ : คนแต่งก็เขินค่ะ -///////-
My not : โนดราม่าจริงๆค่ะเรื่องนี้ ปิ่นแต่งคลายเครียดค่ะ แหะๆๆ
ความคิดเห็น