ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction] Nu'est :- Caffeine (Minhyun x Jr)

    ลำดับตอนที่ #4 : :: Caffeine - chp.04 ::

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 56




    Caffeine chapter 3
    13-02-18
      


     

                    เพื่อน..
     

                    ไม่ใช่เลย สำหรับมินฮยอนและจงฮยอนในตอนนี้ความสัมพันธ์มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร หากแต่บาริสต้าหนุ่มกลับเลือกที่จะไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นใครและเกี่ยวข้องกับจงฮยอนแบบไหน ดังนั้นถ้าเกิดตอบตรงเกินไปออกไปล่ะก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก มันอันตรายเหลือเกินสำหรับความสัมพันธ์ของเขากับจงฮยอน
     

                    มินฮยอนไม่อยากไว้ใจคนรวย..
     

                    “ผมฮวังมินฮยอนครับ คุณคือ..”
     

                    เบี่ยงประเด็นด้วยคำถาม.. เขาเพิ่งเห็นข้อดีของสิ่งที่นักแสดงในภาพยนตร์ชอบทำก็วันนี้เอง หญิงสาวยิ้มบางๆเหมือนจะรู้ว่าคนตรงหน้าตั้งใจ
     

                    “ฮเยริน พี่สาวของเจอาร์เขาน่ะ เรียกเรนะก็ได้ ทีนี้จะตอบได้รึยังว่าเธอเป็นใคร” เธอยังคงไล่บี้ รู้สึกสนุกกับกี่แกล้งเจ้าเด็กตัวสูงคนนี้เข้าแล้วล่ะ จริงๆก็พอจะดูออกอยู่หรอกว่าเขาเป็นอะไรกับน้องชายคนเล็กของเธอตั้งแต่มีคนเข้าบอกในห้องทำงาน จงฮยอนไม่เคยพาใครเข้ามาในบริษัทแบบนี้ สงสัยแม้แต่คนที่กำลังทำล่อกแล่กอยู่ตรงหน้าเธอก็ยังไม่รู้ตัวเลยล่ะมั้งว่าตัวเองพิเศษแค่ไหน
     

                    “เอ่อ..” มินฮยอนอึกอัก เจอแบบนี้เข้าคนไหลได้เรื่อยแบบเข้าก็ไปไม่ถูก เพราะทั้งไม่อยากทรยศต่อความรู้สึกของตัวเองและทั้งไม่อยากให้คนรักต้องเดือดร้อน
     

                    “พี่ฮเยรินเข้ามาผิดห้องรึไงครับ”
     

                    สวรรค์มาโปรด! เสียงของจงฮยอนที่ดังขึ้นพร้อมกับขาเล็กๆที่ก้าวเข้ามาในห้องนั้นทำให้ฮวังมินฮยอนอยากจะก้มเก้าสิบองศาขอบคุณสักสิบครั้ง คนผมดำปรายตามองคนรักที่ตอนนี้ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่ข้างตุ๊กตากระเบื้องของเขานิดนึงแล้วมองไปที่พี่สาวของตน
     

                    “ถ้าผมจำไม่ผิดห้องทำงานของพี่อยู่อีกชั้นนึง” จงฮยอนเสริมด้วยประโยคที่เต็มไปด้วยเจตนาไล่อย่างชัดเจน หากเป็นฮเยรินเมื่อสามปีก่อนเธอคงกลัวจนหงอและรีบออกไปไกลๆแล้ว แต่ว่าคงไม่ใช่กับตอนนี้ ตอนที่น้องชายของเธอเริ่มอ่อนโยนลงอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ทำให้เธอรู้ว่าจริงๆแล้วภายใต้คำพูดอันร้ายกาจนั้นมันไม่มีอะไรเลย หรือว่าที่เป็นแบบนี้ต้องขอบใจเจ้าเด็กตัวสูงคนนี้กันนะ..
     

                    “พี่ก็แค่อยากรู้จักเพื่อนของเจอาร์ทุกคนเท่านั้นเอง เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่เพื่อนนะ” สิ้นคำมินฮยอนเห็นว่าดวงตาสีดำสนิทนั้นสั่นไหวราวกับลังเลอยู่แค่จังหวะหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปเรียบเฉยแบบเดิม ฮเยรินเห็นดังนั้นจึงยิ้มนิดๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป และไม่วายทิ้งระเบิดไว้เสียด้วย “ปิดพี่ไม่ได้หรอกนะเจอาร์ อย่าลืมกลับบ้านบ้างล่ะ”

     



     

                    ในรถคันหรูที่เพิ่งขับออกมาจากตึกสูงนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลยสักนิด จงฮยอนขับรถไปตามทางเรื่อยๆ ส่วนมินฮยอนก็เหลือบมองหน้าคนข้างๆเป็นระยะ คังดงโฮเคยบอกว่าจงฮยอนไม่ถูกกับครอบครัว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนรักของเขาถึงย้ายออกมาอยู่คนเดียวนอกบ้าน แต่ดูจากบทสนทนาเมื่อสักครู่แล้วมันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายถึงขนาดที่เขาคิดไว้ จงฮยอนปากร้ายอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แถมคุณพี่สาวเองก็เหมือนจะไม่ถือสาอะไรด้วย
     

                    “งานเป็นยังไงบ้างครับ” มินฮยอนตัดสินใจถามทำลายความเงียบขึ้น เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ยิ่งถ้าเขาไม่เริ่มก่อนมีหรือที่จงฮยอนจะพูด ฝ่ายคนตัวเล็กก็เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อสิ้นเสียงก่อนจะพูดออกมา
     

                    “นายจะตอบพี่ฮเยรินยังไง”
     

                    “ห๋า”
     

                    “นายจะตอบพี่ฮเยรินยังไงถ้าฉันไม่เข้าไป”
     

                    คนตัวเล็กกว่าถามทั้งๆที่ตายังคงมองถนนข้างหน้าที่เต็มไปด้วยรถรา ใบหน้านั้นเรียบเฉยหากแต่หัวใจดวงน้อยๆนั้นเต้นเสียจนแทบจะหลุดออกมาจากอก มินฮยอนคงไม่รู้ว่าคนรักของตนต้องเตรียมใจมากแค่ไหนกว่าจะถามประโยคที่ติดค้างนี้ออกมาได้ ถึงอย่างไรก็ตามคิมจงฮยอนก็เป็นคนคิดมาก แม้จะรู้ว่าทำอีกฝ่ายถึงไม่ตอบฮเยรินไปตรงๆว่าระหว่างพวกเขาคืออะไร แต่ในใจก็ยังกลัวอยู่ไม่น้อย
     

                    กลัวว่ามินฮยอนจะเปลี่ยนใจ กลัวว่าคำว่ารักนั้นมินฮยอนจะพูดออกมาเล่นๆ
     

                    สำหรับจงฮยอนแล้วเรื่องนี้ละเอียดอ่อนเหมือนแก้วบางๆที่พร้อมจะแตกอยู่ตลอดเวลา การที่คนอย่างเขายอมให้บาริสต้าหนุ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแบบนี้ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวไม่น้อยเลย เพราะมินฮยอนเป็นคนปากหวาน เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายทำให้จงฮยอนกลัวอยู่เสมอว่าความรักที่รวดเร็วครั้งนี้จะล้มเหลว ดังนั้นแม้ปากจะพูดว่าเชื่อใจ แต่จริงๆแล้วเขาก็ปฏิเสธความคิดของตัวเองไม่ได้เลย
     

                    “ผมเป็นแฟนจงฮยอน” มินฮยอนพูดขึ้น พอดีกับที่รถติดไฟแดงทั้งสองจึงหันมาสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสีดำสนิทมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เต็มไปด้วยความจริงจังของอีกคนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “และจงฮยอนก็น่าจะรู้ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงอึกอัก”
     

                    น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดของมินฮยอนทำให้ร่างบางต้องหันมาแสร้งทำเป็นให้ความสนใจกับการขับรถมากกว่า โชคดีที่ตอนนี้สัญญาณไฟเปลี่ยนแล้วเขาจึงออกรถอีกครั้ง
     

                    “ฉันรู้” จงฮยอนตอบเสียงเบาราวกับต้องการปิดบทสนทนา แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมหยุด
     

                    “ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจงฮยอนถึงจะเชื่อใจผมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมอยากให้จงฮยอนรู้ว่าผมไม่ใช่คนเลวๆที่เห็นความรักเป็นของเล่น” บาริสต้าหนุ่มยังคงจ้องไปที่คนข้างตัวซึ่งทำเป็นไม่สนใจ แต่เขาก็รู้ว่าจงฮยอนกำลังฟังอยู่ทุกคำ “ผมเคยมีแฟนมาก่อนแล้วหลายคน แต่เชื่อผมเถอะ ผมไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกพวกเธอ เรื่องนี้ถามเร็นก็ได้”
     

                    .. ไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกงั้นเหรอ.. ไม่อยากฟังเลยสักนิด.. เรื่องแฟนเก่าของมินฮยอน.. เรื่องพวกนั้นเขาไม่อยากรู้ถึงได้ไม่เคยถาม ไม่อยากได้ยินมินฮยอนพูดถึงคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนนอก.. คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเจ็บปวด รู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
     

                    “ผมจะไปจากจงฮยอน ก็ต่อเมื่อจงฮยอนเป็นคนไล่ผมเอง”
     

                    นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่มินฮยอนพูดก่อนจะเงียบไปจนกระทั่งขึ้นมาถึงสตูดิโอ..





     

     

                    แกร๊ก!
     

                    เสียงดินสอตกกระทบกับพื้นดังขึ้นหลังจากโดนปาใส่ผนังห้องไปสดๆร้อนๆ ช่างปั้นตุ๊กตาที่ยังคงยกแขนค้างไว้ถอนหายใจเบาๆ บรรยากาศอึมครึมก่อตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากบทสนทนานั้นจบลง ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วเขากับมินฮยอนก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากคุยกับใครก่อน จงฮยอนคิดว่ามินฮยอนคงโกรธที่เขาถามอะไรโง่ๆแบบนั้นออกไป เพราะหลังจากนั้นคนพูดมากอย่างมินฮยอนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แม้แต่ยิ้มยังไม่ยิ้มเลย
     

                    กระวนกระวาย
     

                    ใช่.. ตอนนี้คิมจงฮยอนกำลังกระวนกระวายมากกว่าที่เคยเป็นครั้งไหนๆ ปกติมีแต่คนอื่นที่อึดอัดเขา แต่ครั้งนี้เองที่เขาเป็นฝ่ายเกลียดความรู้สึกอึดอัดแบบนี้ อึดอัดจนไม่เป็นอันทำอะไร ขนาดเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อที่จะทำงานและหนีหน้าคนที่อยู่ข้างนอกงานก็ยังไม่เดินสักนิดทั้งๆที่ควรจะรีบทำได้แล้ว
     

                    ดินสอที่ถูกปาออกไปกลิ้งกลับมาหาเจจ้าของที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากระดานไม้ จงฮยอนก้มลงไปเก็บมันขึ้นมามอง ไส้ดินสอนั้นหักเพราะแรงกระแทกจนต้องเหลาใหม่ คนตัวเล็กส่ายศีรษะกับการกระทำชั่ววูบของตนแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบคัตเตอร์ที่อยู่ในลิ้นชักขึ้นมาเหลาดินสอให้ใช้ได้เหมือนเดิม แต่แล้วเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้มือที่จับคัตเตอร์อยู่ออกแรงพลาดไปบาดนิ้วมืออีกข้างหนึ่ง
     

                    “โอ๊ย!” ช่างปั้นตุ๊กตาเผลอร้องขึ้นเบาๆพร้อมกับทิ้งคัตเตอร์ลงพื้นทันที และน่าแปลกที่เสียงแค่นี้ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินจนรีบเปิดประตูผางเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาตเหมือนที่เคย
     

                    “เกิดอะไรขึ้นครับจงฮยอน!?” มินฮยอนก้าวยาวๆจนเกือบจะวิ่งเข้ามาหาคนรักทั้งๆที่ห้องก็ไม่ได้กว้างมากมาย คนตัวเล็กส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วรีบเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาซับเลือด
     

                    “ไม่เป็นไรๆ เลือดคงหยุดไหลแล้ว” ร่างบางตอบพร้อมกับกดแผลเพื่อซับเลือดที่ไหลออกมาให้หมด ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นคัตเตอร์ที่อยู่บนพื้น แค่นี้เขาก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว มือหนาค่อยๆดึงทิชชู่ที่เปรอะเลือดออกเพื่อดูแผล ถึงแม้จะไม่ลึกเท่าไหร่และเลือดหยุดไหลแล้วแต่อย่างน้อยก็ต้องล้างแผลและทายาเพื่อป้องกันเชื้อโรคบ้างล่ะ ก็ใบมีดดำเพราะไส้ดินสอเสียขนาดนั้น
     

                    “ไม่ระวังเลย ไปล้างแผลก่อนดีกว่าครับ” บาริสต้าหนุ่มพูดก่อนจะพาคนตัวเล็กออกมาที่อ่างล้างจาน น้ำเย็นๆที่รดลงบนแผลทำให้คนซุ่มซ่ามเบ้หน้านิดๆเพราะความแสบ ก่อนจะถูกจับไปทายาแล้วปิดพลาสเตอร์ มินฮยอนยิ้มนิดๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วยังเห็นคนรักเบ้หน้าอยู่แบบนั้น ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปเป่าลมเบาๆที่แผล
     

                    “ฟู่! หายไวๆนะครับ”
     

                    “ทำเป็นเด็กไปได้” จงฮยอนรีบดึงมือกลับทันทีเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก่อนจะชะโงกไปดูที่บาร์เล็กๆเมื่อได้กลิ่นกาแฟ “ทำอะไรไว้น่ะ”
     

                    “ลองชงคาปูชิโน่สูตรใหม่ที่คิดได้ครับ แต่ก็ไม่ได้เรื่องหรอก” มินฮยอนไหวไหล่พร้อมกับเดินไปเทกาแฟที่ตัวเองบอกว่าไม่ได้เรื่องลงอ่างไป จริงๆแล้วเขาพลาดตรงที่ไม่ได้ชิมความหวานของน้ำเชื่อมวานิลลาที่เพิ่งซื้อมาก่อนจะใส่ลงไปในเท่านั้นเอง อีกอย่างถึงเอาไว้จงฮยอนก็ไม่ดื่มอยู่ดี ยิ่งเขายิ่งแล้วใหญ่ ดื่มกาแฟมากๆมีหวังตาค้างตายพอดี เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เป็นบาริสต้าแท้ๆ อยู่กับกาแฟมาตั้งห้าหกปีแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาทนคาเฟอีนได้เลย
     

                    “กินไม่ได้ถึงขนาดทิ้งเลยเหรอ เสียดายนะนั่น” ช่างปั้นตุ๊กตาขมวดคิ้ว มินฮยอนจะรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าฝีมือการทำกาแฟของตัวเองอร่อยกว่ากาแฟที่เขาเคยไปสั่งตามโรงแรมหรูๆเสียอีก
     

                    “ตอนแรกก็กะจะทำให้จงฮยอนนั่นแหละครับ แต่มันหวานมากเลย จงฮยอนคงไม่ชอบ” บาริสต้าหนุ่มรู้ดีหลังจากเคยมีบทเรียนเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว นั่นทำให้เขาไม่อยากจะเสี่ยงอีก การที่ได้เห็นคนไม่แม้แต่จะแตะกาแฟที่เขาตั้งใจทำให้มันเจ็บปวดไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่าคิมจงฮยอน
     

                    แต่ก็ยังดีนะที่แคฟเฟ่รอยัลแก้วนั้นจงฮยอนดื่มจนหมด
     

                    มินฮยอนยกยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่เขาขอคบกับช่างปั้นตุ๊กตาตรงหน้า รสหวานปนขมที่รู้สึกได้ในวันนั้นเขายังคงจำได้ดี และตอนนี้ก็ชักอยากจะสัมผัสริมฝีปากนุ่มที่เขาเคยจูบในวันนั้นขึ้นมาเสียแล้วสิ ..
     

                    “ยิ้มอะไร” จงฮยอนขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆคนที่ตัวเองคิดว่ากำลังโกรธเขาอยู่ก็ยิ้มออกมา แถมยังเป็นยิ้มที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ด้วย แต่โชคดีที่ฮวังมินฮยอนหยุดแผนการร้ายในหัวไว้ได้ทันก่อนที่จะได้กระทำจริง ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ถูกไล่ออกจากสตูดิโอนี่ไปอยู่ที่อื่น เขายังไม่ค่อยอยากจะล่วงเกินคนตัวเล็กๆคนนี้มากนัก เขาแค่อยากจะให้จงฮยอนมั่นใจว่าตัวเขาน่ะไม่ใช่คนประเภทที่ชอบลวนลามคนอื่นไปมั่วๆแน่นอน อีกอย่างจงฮยอนเองก็ยังไม่ค่อยให้เขาถูกเนื้อต้องตัวเท่าไหร่ด้วย ดูอย่างเมื่อสักครู่ที่ดึงมือกลับไปนั่นสิ
     

                    “เปล่าครับ” มินฮยอนส่ายหน้า แต่รอยยิ้มก็ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น “จงฮยอนหิวรึเปล่า ตอนก่อนออกมาจากมอคคาชิโน่ก็ทานไปนิดเดียวเอง”
     

                    จงฮยอนน่ะกินเท่าแมวดม หรือจะพูดแบบจริงจังก็คือกินน้อยกว่าแมวดมเสียอีก ไม่ว่ามื้อไหนๆก็ทานน้อยจนเขาตกใจ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นคนอิ่มง่ายขนาดนี้ก็ตอนมาเจอคนตัวเล็กคนนี้นี่แหละ ฝ่ายช่างปั้นตุ๊กตาเมื่อถูกถามแบบนี้แล้วก็นิ่งไปนิดนึง
     

                    “ฉันนึกว่านายจะโกรธหรือรำคาญฉันอะไรทำนองนั้นซะอีก” ร่างบางพูดอุบอิบแต่ก็ดังพอให้คนตรงหน้าได้ยิน ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกทึ่งปนดีใจที่จงฮยอนสนใจอากัปกิริยาของเขาถึงขนาดนี้ นี่มันเหนือความคาดหมายชัดๆ ทั้งที่คิดว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนเหมือนทุกทีแล้วแท้ๆ แต่เมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
     

                    “ถามว่าโกรธไหมผมก็ไม่ถึงกับโกรธหรอกครับ แค่ไม่พอใจเล็กๆมากกว่าล่ะมั้ง” มินฮยอนตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของคนรักก็ต้องรีบพูดต่อ “แต่ผมไม่คิดอะไรแบบนั้นนานหรอก จริงๆนะ ผมเข้าใจจงฮยอนนะ”
     

                    “อะ..อือ” ฝ่ายช่างปั้นตุ๊กตาก็ถึงกับสะอึกไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังชายหนุ่มพูดจบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกแบบนี้เลยแท้ๆไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ตัดพ้อน้อยใจหรือต่อว่าตนแรงแค่ไหน แต่แค่มินฮยอนเป็นคนพูดแค่นี้ก็ทำให้เขาไม่สบายใจขึ้นมาได้ง่ายๆเลยทีเดียว หรือว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขา รักฮวังมินฮยอนไปแล้วรึเปล่านะ..
     

                    ขอบคุณที่มินฮยอนเป็นคนที่เปลี่ยนเรื่องเก่ง ไม่อยากนั้นจงฮยอนคงอึกอักอยู่อีกนาน ชายหนุ่มบอกว่าจะทำแซนด์วิชหรืออะไรง่ายๆให้คนตัวเล็กทานเผื่อหิว ซึ่งร่างบางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธไปแม้ว่าจะยังไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด ช่างปั้นตุ๊กตากำลังคิดในแง่บวกไว้ที่อย่างน้อยมินฮยอนก็พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้าง ไม่ใช่เป็นฝ่ายที่คอยรับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขาอยู่แค่ฝ่ายเดียว
     

                    ถ้าค่อยๆปรับตัวเองให้เข้าหาอีกคนได้แบบนี้ มันก็คงจะดีใช่ไหม...




      

    ________________________________________________________________________________________________________________________________


    13-02-23

    มาอัพก่อนจะไม่ได้อัพจนกว่าจะสอบเสร็จแน่ะค่ะ
    มีเรื่องน่าดีใจ ยอดวิวเกินหนึ่งร้อยแล้ว ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ^^
    อย่างที่เคยบอกไว้ค่ะ กำลังใจแต่งต่อนี่มาจากคอมเม้นท์กับยอดวิวทั้งนั้นเลย
    ต้องขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ^^


    ตอบคอมเม้นท์ดีกว่า

    My Not  : ขอบคุณค่าาาา มาตอยแล้วเน๊อะ ปิ่นแต่งเรื่องนี้สนองกิเลสตัวเองค่ะ อยากได้ฟิคใสๆ โนดราม่า ฮ่าๆๆ
    NoeyNt : ฮวังทำตัวนาเขินเน๊อะ เป็นใครใครก็เขิน น่าจับตีก้น ฮ่าๆ ขอบคุณมากๆนะคะ^^
    fah_salin : ขอบคุณค่ะ^^ มาอัพต่อแล้วนะ ติดคาเฟอีนไปของฮวังกับเจจงไปด้วยกันนะคะ


    แล้วเจอกันตอนหน้านะคะทุกคน^^

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×