คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :: Caffeine - chp.03 ::
Caffeine chapter 3
13-02-18
กลิ่นหอมของกาแฟลอยมาเตะจมูกของคิมจงฮยอนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องของตัวเอง ปลุกให้คนที่ยังงัวเงียอยู่ตื่นเต็มตาได้เป็นอย่างดี เวลาเจ็ดโมงเช้าแบบนี้หากเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนเขายังคงซุกตัวอยู่บนเตียงรอเวลาที่อยากตื่นจริงๆอยู่แบบนั้น แต่ว่าวันนี้เขามีงานใหญ่ที่ต้องไปทำ วันสุดท้ายที่จะเข้าไปตรวจความเรียบร้อยทั้งหมดในมอคคาชิโน่เพื่อการเปิดให้บริการในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้
“อรุณสวัสดิ์ครับจงฮยอน ผมกะว่าถ้ายังไม่ตื่นอีกสิบนาทีจะเข้าไปปลุกแล้วนะเนี่ย” มินฮยอนพูดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากเครื่องบดกาแฟพร้อมกับรอยยิ้มประจำตัว ก่อนจะหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินประโยคคำตอบของคนรัก
“อย่ามาทะลึ่ง” คนตัวเล็กกว่าตอกกลับพร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นมาอ่านข่าวประจำวันแล้วสบถออกมาเบาๆเมื่อได้เห็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งบนหน้าแรก
บริษัทคู่แข่งของตระกูลคิมได้พื้นที่หน้าหนึ่งไปอีกแล้วสำหรับงานแถลงข่าวตุ๊กตารุ่นใหม่ ช่วงที่เขาไม่อยู่เกาหลีรายได้ของบริษัทก็ลดลงไปไม่น้อยเพราะไม่มีคอลเล็คชั่นตุ๊กตากระเบื้องในชื่อของเจอาร์ออกมาเลย ถึงแม้จะมีแบบที่คนอื่นทำแต่ก็ขายได้ไม่ดีเท่า อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทคู่แข่งแย่งกลุ่มลูกค้าไปอีก ถึงเขาจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องผลประโยชน์มากเท่าไหร่ แต่มันก็น่าแค้นตรงที่ตุ๊กตากระเบื้องของบริษัทคู่แข่งนั่นมีรูปแบบเหมือนกับตุ๊กตาของเขาทุกกระเบียด ไม่มีอะไรที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเลยสักนิด การที่ถูกมองว่า ‘แบบไหนก็เหมือนกัน’ ทำให้ลูกค้าที่ไม่ได้คำนึงถึงคุณค่าและรอไม่ไหวหันไปหาทางนั้นกันหมด การกระทำแบบนี้ทำให้จงฮยอนรู้สึกว่าคนพวกนั้นมองไม่เห็นคุณค่าของศิลปะของเขาเอาเสียเลย
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ หน้าเครียดเชียว” เมื่อผละออกมาจากหนังสือพิมพ์ก็พบกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของฮวังมินฮยอนที่เพิ่งจะวางกาแฟร้อนลงบนโต๊ะ ร่างบางส่ายหน้าเป็นคำตอบ กลัวว่าถ้าบอกไปแล้วจะเผลอเล่าจนหมดแล้วมินฮยอนก็จะคิดมาก รวมไปถึงคนอื่นๆที่มอคคาชิโน่ด้วย
“เดี๋ยวขอฉันหาแบบงานที่ร่างเก็บไว้แป๊บนึงแล้วค่อยออกไปนะ คิดว่าจะหาเวลาเข้าไปหาพี่สาวที่บริษัทซะหน่อย” เขาบอกพร้อมกับพับหนังสือพิมพ์ไว้แบบเดิม อย่างน้อยเอาแบบร่างของตุ๊กตากระเบื้องตัวใหม่ไปให้พี่จองอาพิจารณาก็ยังดีกว่าอยู่นิ่งๆแล้วเจ็บใจอยู่แบบนี้
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ตอนนี้จงฮยอนต้องทานนี่ก่อนนะ” ร่างสูงตอบพร้อมกับวางถ้วยที่เพิ่งยกมาจากด้านในครัวสองถ้วยลงบนโต๊ะอาหาร
“อะไรน่ะ” คนตัวเล็กถามเมื่อตรงหน้ามีข้าวต้มหมูร้อนๆวางอยู่หนึ่งถ้วย ข้างๆมีอเมริกาโน่ควันกรุ่นและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว
“อาหารเช้าไงครับ ทานกันก่อนออกไปเน๊อะ ผมซื้อของเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว กะว่าจะแสดงฝีมือให้ทานซะหน่อย” มินฮยอนบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อคนตรงหน้าเพียงแค่ยกกาแฟขึ้นมาดื่มช้าๆเท่านั้น
“ฉันไม่ชอบกินข้าวเช้า มันอึดอัดท้อง” จงฮยอนพูดแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ทำท่าจะเดินไปที่ห้องทำงาน ร่างบางพยายามไม่แสดงอารมณ์ร้ายออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายมากนักเพราะไม่อยากผิดใจกันเพราะเรื่องเล็กๆเหมือนเมื่อวาน แต่แล้วขาเรียวก็ต้องหยุดชะงักเพราะสัมผัสหนึ่ง
เขาถูกมินฮยอนกอด!?
“ข้าวเช้าสำคัญนะครับ อีกอย่างจงฮยอนน่ะผอมจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่กินให้มากกว่านี้แล้วจะมีอะไรให้ผมกอดล่ะครับ?” มินฮยอนกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วกระซิบข้างใบหูนิ่ม เขาเผลอถูกเนื้อต้องตัวจงฮยอนไปแบบไม่ทันคิดอีกแล้วสิ แต่ว่าถึงตอนนี้จะรู้สึกตัวแล้วแต่มินฮยอยก็ยังไม่อยากปล่อยร่างผอมบางนี้ไปไหนเลย ตัวเล็กของจงฮยอนแบบนี้ช่างกอดถนัดดีเหลือเกิน
ฝ่ายคนถูกกอดเองก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะความตกใจที่ถูกจู่โจมกะทันหัน เขาไม่เคยโดนใครกอด ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่สาว หรือแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างคังดงโฮ แต่ตอนนี้เขากลับถูกคนที่เพิ่งคบกันมาได้แค่เดือนเดียวกอด สติที่เคยมีอยู่ทุกขณะหลุดลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกทีเมื่ออยู่ใกล้คนอย่างฮวังมินฮยอน ร่างบางปล่อยให้ตนถูกกอดแบบนั้นนานจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคลายอ้อมกอดออกมาเอง
“จงฮยอนครับ..” มินฮยอนถามขึ้นเบาๆ ระเบิดจะลงรึเปล่านะ.. แต่คนตัวเล็กก็ยังคงยืนนิ่ง จนเขาต้องเรียกอีกครั้ง “จงฮยอน”
“อะ..อะไร” เจ้าของชื่อหันกลับมาพร้อมกับอากัปกิริยาแปลกๆที่เห็นแล้วต้องหลุดยิ้ม คำพูดที่ติดอ่าง ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลานั้นขึ้นสีแดงเรื่อลามไปจนถึงหู แววตาที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งกลับสั่นไหวซะจนอดสงสารปนเอ็นดูไม่ได้
“ทานข้าวก่อนนะครับคนเก่ง เดี๋ยวค่อยไปทำงานนะ” บาริสต้าหนุ่มยิ้มแล้วพาคนรักมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม หนนี้คนตัวเล็กไม่พูดอะไรสักคำนอกเสียจากนั่งทานอาหารเช้าที่ตนบอกว่าไม่อยากทานอยู่เงียบๆอย่างโดยดี มินฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ทานข้าวต้มไปมองหน้าคนที่ยังเขินไป ขนาดตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกก็ว่าน่ารักแล้ว แต่เมื่อได้มาอยู่ใกล้กันตลอดเวลาแบบนี้คิมจงฮยอนยิ่งน่ารักกว่าเดิมเป็นร้อยเป็นพันเท่า ปากที่พูดจิกกัดต่อว่าที่ปิดเงียบเวลาถูกทำให้เขินยิ่งทำให้เขาอยากหยอดใส่คนๆนี้ตลอดเวลา
กว่าคิมจงฮยอนจะกลับมาเป็นปกติก็เมื่อตอนที่เดินเข้ามาในมอคคาชิโน่นั่นเอง คนตัวเล็กถามถึงความพอใจของเจ้าของร้านอย่างอารอนซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้แน่ใจว่างานของตนออกมาดีที่สุดแล้ว ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าอารอนมีความสุขกับร้านกาแฟแห่งนี้มากๆ เขาก็ยิ่งพอใจ
“อรุณสวัสดิ์ฮะคุณเจอาร์” เจ้าของชื่อหันกลับมาตามต้นเสียงทันที ที่นี่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่เรียกเขาด้วยชื่อในวงการแบบนี้ ริมฝีปากบางขยับยิ้มเมื่อได้เห็นหน้าของตุ๊กตากระเบื้องที่มีชีวิต
“อรุณสวัสดิ์เร็น ไม่ได้เจอกันนานเลย” คนผมดำเอ่ยตอบพลางพิศดูชเวมินกิที่เขาไม่ได้พบมาเกือบสองอาทิตย์เพราะเจ้าเพื่อนตัวแสบไปลากเด็กหนุ่มออกจากพูซานมากกที่โซลทันทีที่เรียนจบ ไม่รู้ว่าจะรีบอะไรกันนักกันหนา แต่เมื่อได้มาเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกพอใจในการกระทำของเพื่อนสนิทแล้ว มินกิที่ก่อนหน้านี้ผอมจนตัวแทบปลิวไปกับลมได้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ คงเพราะโดนขุนมาดีแน่ๆ
“แล้วแบคโฮมันล่ะ” จงฮยอนถามถึงเพื่อนบ้าง รายนี้เขาก็ไม่ได้เจอมันนานพอๆกับที่ไม่ได้เจอมินกินั่นแหละ
“แบคโฮไปทำงานฮะ กว่าจะไล่ไปได้แทบแย่แน่ะ” เร็นตอบปนบ่นก่อนจะก้มลงไปเปิดตู้เก็บของที่จงฮยอนออกแบบมาไว้ให้อยู่ตรงด้านล่างของเค้าท์เตอร์เพื่อประโยชน์ใช้สอยให้มากที่สุด
“ได้ยินแล้วน่ากลื้มแทนปะป๊ามันจริงๆ ลูกชายไปทำงาน” ช่างปั้นตุ๊กตาหัวเราะเบาๆในขณะที่มองตามการกระทำของคนตัวเล็กกว่าที่ยังหาของที่ต้องการไม่เจอซะที “ทำอะไรน่ะเรา”
“หาแป้งมาทำไวท์ไทเกอร์เก็บไว้ฮะ เพราะวันเปิดร้านช่วงเช้าผมมีธุระนิดหน่อยกลัวว่าจะทำไม่ทัน คุณเจอาร์เคยบอกผมว่าอยากดูผมทำเค๊ก ไปในครัวด้วยกันมั้ยฮะ” มินกิเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับถุงแป้งและส่วนผสมอื่นๆที่หาเจอจนได้
สรุปว่าหลังจากนั้นทั้งวันมินฮยอนก็แทบจะไม่ได้คุยกับคนรักเลยเพราะจงฮยอนถูกเพื่อนตัวดีของเขาลากไปอยู่ในครัวเล็กๆด้านใน ส่วนเขาเองก็ถูกจับไปแจกใบปลิวโฆษณาร้านกับอารอนและลูกจ้างใหม่คนอื่นๆจนเย็น ชายหนุ่มปวดขาซะจนบ่นอุบตลอดทางที่นั่งอยู่ในรถของคนรัก ดีที่อารอนเสนอตัวเลี้ยงมื้อเย็นก่อนออกมาจากร้าน ไม่อย่างนั้นคงมีเสียงบ่นหิวดังเสริมขึ้นมาอีกเป็นแน่
“บ่นเป็นตาแก่เลยนะนายน่ะ” จงฮยอนพูดขำๆพลางเลี้ยวรถเข้าไปในอาคารที่เขาคุ้นเคย ร่างบางจอดรถในที่ประจำของตนพร้อมกับที่คนดูแลลานจอดรถวิ่งเข้ามาหาเจ้านายพอดี คนๆนั้นมองมินฮยอนด้วยสายตาแปลกๆราวกับว่ากลัวเขาไปทำอะไรคุณหนูคนเล็กของพวกตนอย่างนั้นแหละ
“จะรออยู่ที่นี่หรือจะขึ้นไปด้วยกัน” ช่างปั้นตุ๊กตาถาม เหมือนกับว่าไม่รู้เลยสักนิกว่าตอนนี้คนรักของตนกำลังโดนเพ่งเล็งจนน้ำลายหนืดคอไปหมด แล้วแบบนี้ฮวังมินฮยอนจะตอบเป็นอย่างอื่นได้หรือ นอกจากคำว่า
“ผมไปด้วย”
ภายในบริษัทผลิตตุ๊กตารายใหญ่ของประเทศนั้นไม่แตกต่างกับบริษัททั่วไปเลยเพราะที่นี่คือฝ่ายบริหาร จริงๆแล้วบริษัทมีโรงงานอยู่ที่ชานเมืองอีกหลายแห่งเพื่อเป็นที่สำหรับผลิตตุ๊กตาออกมาตามคำสั่งซื้อเป็นรอบ ระหว่างทางที่เดินตามหลังจงฮยอนมานั้นร่างสูงก็ได้ยินเสียงซุบซิบอยู่ตลอด ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดีจนต้องถอนหายใจ ไม่รู้ว่าพนักงานในบริษัทนี้หวงเจ้านายมากเกินไปหรือเกลียดเจ้านายกันแน่นี่สิ มินฮยอนส่ายหน้าปลงๆ คนในเมืองใหญ่ช่างน่ากลัวจริงๆ
“นายรออยู่ในนี้ก่อน เดี๋ยวฉันมา” จงฮยอนหันมาบอกคนรักหลังจากเดินนำเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ชายหนุ่มยิ้มแหยๆรับเพราะไม่อยากอยู่คนเดียวจนร่างบางหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินออกไป
มินฮยอนมองไปรอบๆ รู้ได้โดยสัญชาติญาณของตัวเองว่านี่คงเป็นห้องทำงานของจงฮยอนที่คงไม่ค่อยได้ถูกใช้งานสักเท่าไหร่ เห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีสถานะที่แตกต่างกับคนรักอย่างสิ้นเชิง หรือจะพูดให้ชัดๆนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวยที่เห็นได้ชัดเจน ห้องนี้เป็นห้องขนาดกำลังดีที่ตกแต่งอย่างลงตัว มีตุ๊กตากระเบื้องขนาดต่างๆประดับอยู่เป็นตัวแทนของแต่ละคอลเล็คชั่น ร่างสูงเดินไล่ดูตุ๊กตาตัวแรกที่ถูกนำออกมาจำหน่ายในชื่อของเจอาร์เมื่อสิบปีก่อน
งดงาม.. หากแต่เศร้าเหลือเกิน ใบหน้าของตุ๊กตาเหล่านั้นช่างเศร้าสร้อย ซึ่งนั่นสะท้อนเรื่องราวของจงฮยอนที่เขาเคยได้ยินมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ช่างปั้นตุ๊กตาคนนี้ใส่ความรู้สึกไปในงานแต่ละงานได้อย่างชัดเจนราวกับกระจกเงา ถึงงานเหล่านั้นจะมีแบบที่เป็นคนจริงๆ แต่เมื่อมองลึกเข้าไปแล้วมินฮยอนก็สัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวในดวงตาของตุ๊กตาเหล่านี้
“ตัวนี้เหมือนเร็นเลยนี่” ชายหนุ่มโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเพราะเร็นไม่เคยบอกว่าตนเคยมาเป็นแบบตุ๊กตากระเบื้องให้จงฮยอน ส่วนตุ๊กตาตัวที่วางตกแต่งไว้ในมอคคาชิโน่นั่นเขาก็เพียงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่มันหน้าเหมือนกับเพื่อนของเขา มินฮยอนยืดตัวขึ้นและหันหลังกลับเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก
“มาแล้วเหรอครับจง...”
ผู้มาใหม่ทำให้ฮวังมินฮยอนกลืนคำที่กำลังจะพูดลงคอ หญิงสาวร่างบอบบางและเรือนผมสีน้ำตาลทองที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องยกยิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหวานหู
“ตัวถัดมานั่นคือตุ๊กตากระเบื้องยิ้ม จำได้ว่าขายดีมากๆเลยล่ะเพราะเป็นคอลเล็คชั่นที่เจอาร์ฉีกเอกลักษณ์ของตัวเอง” เธอสาวเท้าเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเมื่อจบประโยค รอยยิ้มของเธอช่างแสดงความเป็นมิตรนัก แต่มินฮยอนก็ไม่ค่อยอยากจะไว้ใจสักเท่าไหร่ และแล้วเธอก็พูดออกมาอีกครั้ง
“สวัสดี เธอเป็นเพื่อนใหม่ของเจอาร์เหรอ”
________________________________________________________________________________________________________________________________
13-02-18
ตอนที่สามมาแล้ว ช่วงนี้ปิ่นแอบเหนื่อยค่ะ สอบปลายภาคแล้วอาจจะมาอัพครั้งหน้าช้าหน่อยนะคะขอโทษด้วย ^^"
ตอบคุณfah_salin แหะๆ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามนะคะ เห็นแบบนี้แล้วก็ปลื้มใจมีกำลังใจแต่งต่อขึ้นเยอะเลย ส่วนคู่เจเร็นปิ่นคงไม่สามารถจริงๆค่ะ เนื่องจากปิ่นมองจงฮยอนน้อยเป็นเคะไม่ออกแล้ว พักหลังมานี่คุณเธอเค้าง้องแง๊งเกินไป -/////-
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ^^
ความคิดเห็น