คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: Caffeine - chp.02 ::
Caffeine chapter 2
13-02-13
นี่เป็นอาหารเย็นมื้อแรกที่มินฮยอนสวมมาดพ่อครัวทำให้กับคนตัวเล็กเพื่อเป็นการขอโทษเรื่องที่ตัวเองหายไปนานเกินสามชั่วโมงโดยไม่มีการโทรมารายงานคนที่ตอนนี้นั่งทานอาหารอยู่ตรงหน้าเขาเงียบๆ ที่จริงแล้วอาหารเย็นนี่ไม่ใช่อะไรที่ร่างสูงยกขึ้นมาเพื่อขอโทษหรอก เขาตั้งใจทำให้จงฮยอนเป็นคำขอบคุณที่เป็นธุระในเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้มากมายโดยไม่บ่นสักคำ อีกเหตุผลนึงคือเมื่อตอนกลางวันระหว่างที่เขาอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียวก็เดินสำรวจนู่นสำรวจนี่ในสตูดิโอไปเรื่อยๆ จนพอมาเปิดตู้เย็นก็ต้องขมวดคิ้วเพราะว่าในนั้นมีแต่อาหารแช่แข็งที่จงฮยอนซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วยัดๆใส่ไว้ทานเวลาหิวนอกจากนั้นก็มีน้ำขวดลิตรแช่อยู่ห้าขวด ไม่มีวี่แววว่าจะมีของสดอยู่ในตู้เย็นเลยสักนิด
นั่นทำให้เขาเริ่มเป็นห่วงนิสัยการกินของร่างบาง ตัวก็เล็กจนแทบจะปลิวไปกับลมได้อยู่แล้วขืนยังกินแต่อาหารพวกนี้อยู่มีหวังได้เป็นโรคขาดสารอาหารเข้าจริงๆแน่ และอีกอย่างเขาก็ต้องลงไปซื้อของใช้บางอย่างที่ขาดจึงเข้าไปบอกจงฮยอนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องว่าจะออกไปข้างนอก
มินฮยอนมั่นใจว่ากับแค่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆแค่นี้เขาคงไม่หลงทาง แต่ว่าของสดในห้างก็ราคาสูงกว่าของสดตามตลาดนัก เขาหาข้อมูลตลาดใกล้ๆจากโทรศัพท์มือถือและไปที่นั่นโดยที่หลงทางนิดหน่อยและไม่รู้ว่ามันจะไกลกับสตูดิโอของจงฮยอนขนาดนั้น แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ได้หลงถึงขนาดต้องตามให้ใครมารับ ไม่อย่างนั้นได้โดนอารอนฮยองล้อไปอีกนานแน่
อาหารเย็นที่เขาทำเป็นสลัดง่ายๆใส่เนื้อสัตว์เล็กน้อย และคนตัวเล็กก็ไม่ได้บ่นอะไรเรื่องอาหารจานนี้ที่เขาทำให้ทาน ติดแค่ว่ามีเวลาน้อยไปหน่อย ไม่อย่างนั้นบนโต๊ะคงจะมีอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกสองสามอย่าง ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เขาอ่านใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายไม่ออกอีกแล้ว
“ไม่ทานเหรอครับ” ชายหนุ่มถามเมื่อมองไปที่จานสลัดของจงฮยอนซึ่งเขี่ยผักสีแดงลูกเล็กออกมาไว้ที่ขอบจาน และถ้าทำได้จงฮยอนก็คงจะทิ้งมันลงถังขยะไปแล้ว
“นายกินเข้าไปได้ยังไงนั่นน่ะ” คนตัวเล็กถามกลับแล้วทำหน้าแหยงๆเมื่อเห็นอีกคนกินมันเข้าไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำไมทุกๆคนรอบตัวของจงฮยอนถึงไม่มีใครเกลียดมะเขือเทศเหมือนเขาเลยสักคนนะ
“มันก็ผักชนิดนึงนี่แหละครับ จงฮยอนลองกินดูสิ อร่อยจะตาย” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็ต้องหุบลงทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ฉันเกลียดมะเขือเทศ ของแบบนี้น่ะหายไปจากโลกให้หมดเลยก็ดี..”
น้ำคำช่างแฝงความอำมหิตไว้จนมินฮยอนเริ่มกลัว เขาเข้าใจสีหน้าของคนตรงหน้าแล้วล่ะว่ากำลังไม่พอใจที่มีของที่ตัวเองเกลียดอยู่ในจานอาหาร ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคนรักไปจงเกลียดจงชังมะเขือเทศมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่แน่ๆมินฮยอนต้องเขียนตัวใหญ่ๆลงในสมองแล้วว่าจงฮยอนเกลียดมะเขือเทศ และอย่าได้ริอาจเอามันมาประกอบอาหารอีกเป็นอันขาด
คิมจงฮยอนพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะรวบช้อนส้อมวางไว้บนจาน สลัดที่หายไปเกือบหมดนั้นทำให้คนตัวเล็กอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอพูดถึงมะเขือเทศแล้วก็อดทำหน้าเบื่อหน่ายไม่ได้
“เมื่อก่อนก็เคยพยายามกินอยู่หรอก” เจ้าของดวงตาสีดำสนิทพูดพลางใช้ส้อมเขี่ยผักสีแดงลูกกลมๆที่น่าสงสารไปมาบนจาน “นายไม่รู้สึกบ้างเหรอว่ากินแล้วมันแหยะๆ แถมยังปวดหัวด้วย”
ร่างสูงส่ายหน้าตอบยิ้มๆแล้วก้มลงไปทานของตัวเองต่อพลางฟังคนรักพูดเรื่องการตีตัวเป็นศัตรูระหว่างตัวเองกับมะเขือเทศไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มส่งเสียงกลับไปเป็นครั้งคราวเมื่ออีกฝ่ายหยุดพูดเหมือนขอความเห็น และพยายามอย่างมากที่จะซ่อนรอยยิ้มเมื่อคนตัวเล็กเป็นฝ่ายเล่าเรื่องของตัวเองและแสดงความเป็นเด็กออกมาต่อหน้าเขา คงเป็นเพราะจงฮยอนแก่กว่าถึงสามปีคนๆนี้ก็เลยทำตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำ เป็นคนที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือยามเขาที่เด็กกว่าเดือดร้อน ร่างบางกดดันตัวเองไปโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงแล้วมินฮยอนไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนั้นเลย
มินฮยอนหลงรักจงฮยอนที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน..
มอคคาชิโน่ที่พูซาน.. ร้านกาแฟแห่งนั้นที่ทำให้เขาได้เจอกับจงฮยอน น่าเสียดายเหลือเกินที่สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแบบนั้นกลายเป็นสถานที่แบบอื่นที่ไม่ใช่มอคคาชิโน่อีกต่อไปแล้ว..
“เป็นอะไรไป ขมวดคิ้วทำไม” เสียงของจงฮยอนดังขึ้นเรียกสติของเขาหลังจากเผลอคิดถึงที่ทำงานเก่าและบ้านเกิดไปครู่หนึ่ง คนตัวเล็กมองหน้าเขาพร้อมกับเอียงศีรษะนิดนึงโดยที่ไม่รู้ตัว รวมถึงสายตาที่มองมาทำให้ฮวังมินฮยอนหลุดยิ้มออกไปจนได้
“เปล่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับเอื้อมมือไปยกจานของอีกคนมารวมกับของตัวเองที่เพิ่งทานเสร็จแล้วลุกขึ้นยกมันไปล้างที่อ่างด้านในบาร์ ฝ่ายจงฮยอนก็กลายเป็นคนที่เปลี่ยนมาขมวดคิ้วเองซะอย่างนั้น คนตัวเล็กก้าวยาวๆเพื่อให้เดินทันมินฮยอนแล้วแทรกตัวไปขวางหน้าคนรักไว้ ดวงตาสีดำจ้องคนตัวสูงกว่าราวกับจะเค้นเอาคำตอบให้ได้
“เมื่อกี้เป็นอะไรรึเปล่า ปวดหัวไม่สบายตรงไหน หรือยังไม่ชินกับที่นี่” คำถามที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงนั้นรัวมาทีเดียวจนชายหนุ่มไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนิ่มของอีกฝ่ายแล้วย่อตัวลงมาให้หน้าของเขากับจงฮยอนอยู่ในระดับเดียวกัน
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ” บาริสต้าหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ก่อนจะพูดเสริมเมื่อคนรักอ้าปากจะพูดแทรก ”จงฮยอนอย่าทำหน้าแบบนี้ มันน่ารักเกินไปรู้ไหมครับ”
คนถูกหยอดได้แต่นิ่งอึ้งเพื่อประมวลผลหลังจากสิ้นคำ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปัดมือหนาออกจากศีรษะของตัวเองแล้วพูดเสียงดัง
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาจับ!! โดยเฉพาะเด็กอย่างนายน่ะ!!”
ไม่ทันที่มินฮยอนจะได้พูดแก้ตัวคนตัวเล็กกว่าก็เดินหายเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูดังปังใหญ่ ชายหนุ่มยืนมองตามอึ้งๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยโดนดุใส่แบบนี้ เขาน่ะโดนอยู่บ่อยๆไป ทั้งจิกกัดทั้งต่อว่าตรงๆก็โดนมาหมดแล้ว เพราะว่าเขาชอบแกล้งคนตัวเล็กๆคนนี้ ซึ่งทุกครั้งมันก็เป็นเพียงการกระทำแก้เขินของอีกคน หากครั้งนี้มันแปลกไป มินฮยอนยอมรับว่าคนที่เด็กกว่าไปจับหัวคนแก่กว่านั้นไม่ดี แต่การที่จงฮยอนถึงกับตะโกนเสียงแข็งใส่แบบนี้..
คำพูดของคังดงโฮลอยเข้ามาในหัวแทบจะทันที และนั่นทำให้มินฮยอนเข้าใจทุกอย่าง
“เจอาร์ไม่ชอบให้ใครถูกตัวมัน นายก็ระวังไว้ด้วยล่ะ คบกันแล้วก็ใช่ว่ามันจะยอมให้หรอกนะ”
จริงอย่างที่คังดงโฮพูด หลังจากที่เขาฉวยโอกาสจูบจงฮยอนไปเมื่อเดือนก่อนแล้วก็ไม่มีวันไหนที่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกันอีกเลย ก็จะมีวันนี้นี่แหละที่เขาเผลอเอามือไปจับศีรษะของอีกฝ่ายเข้าแล้วก็โดนโกรธ
มินฮยอนถอนหายใจหนักแล้วเริ่มลงมือล้านจาน ความรักเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะเข้าใจ เขากับจงฮยอนมีอะไรที่แตกต่างกันมากมายเหลือเกิน ทั้งอุปนิสัยที่จงฮยอนเป็นคนนิ่งๆไม่พูดจาแต่ด่าเจ็บ ส่วนเขาที่ร่าเริงพูดมากแถมยังชอบแกล้งให้อีกฝ่ายเขินหนักๆเพราะเห็นว่ามันน่ารักดี แต่ที่ฮวังมินฮยอนเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ ทั้งความคิดเห็นต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของความรักด้วย
บาริสต้าหนุ่มวางจานใบสุดท้ายลง ถอดถุงมือล้างจานออกแล้วแขวนมันไว้ที่เดิม มินฮยอนมองไปรอบๆสตูดิโอที่กว้างจนคงมีใครหลายคนอิจฉาการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มันกว้างและสะดวกสบายมากก็จริงแต่มันก็เงียบเหงา ถ้าเป็นตัวเขาเองแล้วเขาอยากอยู่ในที่แคบๆหากเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและญาติมิตรมากกว่า ทำไมคนรักของเขาถึงได้เลือกที่จะอยู่คนเดียวแบบนี้นะ ไม่เหงาบ้างหรืออย่างไร...
นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มินฮยอนกับจงฮยอนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“แค่ปรับตัวเข้าหากัน คงไม่อยากเท่าไหร่หรอกมั้ง” ร่างสูงพึมพำก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง
จงฮยอนละสายตาจากภาพวาดตรงหน้ามามองแผ่นกระดาษเล็กๆที่ถูกสอดเข้ามาทางช่องประตูห้องร่างแบบแล้วกลอกตาขึ้นมองเพดานเซ็งๆ คงไม่เป็นใครคนอื่นไปได้นอกจากมินฮยอน นึกแล้วก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกหลังจากวาดนู่นนี่ให้ลืมเรื่องเมื่อสักครู่อยู่นาน
จริงๆจงฮยอนก็ทบทวนตัวเองและหายโกรธไปนานแล้ว เขากับมินฮยอนมีอุปนิสัยต่างกันเยอะเกินไป การจะเข้าใจกันได้น่ะมันไม่ง่ายและมินฮยอนก็ไม่ใช่คนมีพลังจิตจะมานั่งอ่านอารมณ์อินดี้ของเขาออก ความรักความเข้าใจมันต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่ใครต่อใครบอกไว้
ถึงกระนั้นช่างปั้นตุ๊กตาก็จงใจไม่สนใจกระดาษแผ่นนั้นจนผ่านไปเกือบสิบนาทีถึงได้วางดินสอลงและเดินไปหยิบมันขึ้นมาอ่านจนได้
‘จงฮยอนผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ’
ประโยคนี้ถูกเขียนซ้ำๆจนเต็มไปทั่วหน้ากระดาษแผ่นนั้น จนคนเห็นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้าโง่เอ๊ย.. ฉันไม่ใช่อาจารย์ของนายนะ” จงฮยอนพลิกกระดาษกลับหลังเมื่อเห็นว่ายังมีอะไรต่อ และพบกับอีกข้อความหนึ่ง
‘หายโกรธผมแล้วใช่ไหม^^ ถ้าอย่างนั้นก่อนนอนอย่าลืมดื่มนมนะครับ ผมอุ่นไว้ให้ที่ครัวแล้ว ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย’
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่กับผนังห้องที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในนี้ได้นานขนาดนี้ จงฮยอนส่ายศีรษะก่อนจะเปิดประตูออก แต่ทันทีที่หมุนลูกบิดและดึงประตูเข้าหาตัวร่างของคนที่นั่งพิงประตูอยู่ก็หงายหลังตามมาด้วยซะอย่างนั้น
“โอ๊ยย จงฮยอนอ่า”
“ทำไมมานั่งตรงนี้?” ช่างปั้นตุ๊กตาถามเสียงเรียบ ก้าวข้ามตัวยาวๆที่นอนเป็นจระเข้ขวางคลองของอีกคนออกมาแล้วเดินตรงไปที่ครัวเล็กๆในห้องนั่งเล่น ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อพบกับเครื่องทำกาแฟเล็กๆสองเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆบนบาร์ที่เคยว่างโล่ง
“ก็รอจงฮยอนออกจากห้องมาดื่มนมน่ะสิ ที่ผมทำไว้มันเย็นหมดแล้ว” มินฮยอนเดินตามมาพร้อมกับตอบคำถาม มือหนาจัดแจงเตรียมอุปกรณ์อย่างเชี่ยวชาญ
“เอาเข้าไมโครเวฟอุ่นก็กินได้แล้วจะรอทำไม” จงฮยอนขมวดคิ้วพลางมองตามการกระทำของอีกคนอย่างสนใจ
“อย่าบอกนะครับว่าจงฮยอนทำแบบนั้นทุกครั้งที่ผมบอกให้ดื่มนมก่อนนอนน่ะ ผมบอกแล้วไงว่าให้ใส่กาเซรามิคอุ่นกับเตาไฟฟ้า” บาริสต้าตัวสูงหันมามองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่ไหวไหล่ไม่สนใจแล้วตอบกลับมาสั้นๆ
“ยุ่งยาก”
มินฮยอนทำคอตกก่อนจะเทนมที่เย็นชืดในแก้วลงไปในกาเซรามิคสีขาวที่ขโมยมาจากร้านมอคคาชิโน่แล้วทำในสิ่งที่เรียกว่าอุ่นนมในแบบที่พนักงานร้านกาแฟเขาทำกัน
“ต่อไปผมจะทำให้เองนะ มีแฟนเป็นบาริสต้าทั้งทีทำแบบนั้นได้ยังไง” คนเป็นบาริสต้าพูดพร้อมกับกดปิดเครื่องเมื่ออุณหภูมิได้ที่ ชายหนุ่มรินนมลงในแก้วใบเดิมแล้วส่งให้คนตัวเล็กข้างๆ จงฮยอนรับมันมาแล้วยกดื่มช้าๆ กลิ่นหอมของนมและความนุ่มละมุนจากการอุ่นโดยใช้ไอร้อนช่างแตกต่างกับการเอาเข้าไมโครเวฟอย่างที่เขาทำอย่างสิ้นเชิง กรรมวิธีที่ถึงแม้จะยุ่งยากและรอนอน หากแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีแบบนี้ก็น่าพอใจ
“มันดีกว่าใช่ไหมครับ” มินฮยอนถามหลังจากที่เขาทำความสะอาดเครื่องเสร็จ ร่างบางพยักหน้ารับแล้วดื่มต่อจนหมดแก้วก่อนจะส่งให้อีกคนเอาไปล้าง
จงฮยอนเริ่มดื่มนมก่อนนอนตั้งแต่เริ่มคุยกับมินฮยอน ก่อนหน้านี้เขานอนหลับไม่ค่อยสนิท เมื่อเผลอพูดให้มินฮยอนรู้เข้าก็โดนจ้ำจี้จ้ำไชให้ดื่มนมอุ่นก่อนนอนเพราะจะทำให้หลับสบาย ตอนแรกก็ไม่เชื่อเท่าไหร่เพราะมันเป็นสิ่งที่เด็กๆทำกัน แต่พอได้ลองแล้วก็ต้องติดใจ มันช่วยได้จริงๆ
“แปรงฟันนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้เราต้องไปที่ร้านแต่เช้านะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเดินมาส่งคนรักที่หน้าห้องนอน ฝ่ายคนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงกว่าพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ ท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้มินฮยอนอยากจะคว้าเอวบางนั่นเข้ามากอดแน่นๆเสียเหลือเกิน
“ไม่ต้องกำชับขนาดนั้นก็ได้ ฉันแก่กว่านายหลายปีอยู่อย่าลืมนะเจ้าเด็กบ้า”
“ก็จงฮยอนตัวเล็กๆน่ารัก”
‘ปัง!!!’
เมื่อโดนหยอดเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันช่างปั้นตุ๊กตาจึงแก้เขินด้วยการปิดประตูปังใหญ่ใส่บาริสต้าหน้าด้านที่ยืนยิ้มอยู่ที่เดิม มินฮยอนหัวเราะร่าจนคนในห้องนึกอยากจะออกมาต่อยหน้าสักสองสามหมัด แต่เมื่อคิดอีกทีแล้วการที่ไม่ออกมาจะยังดีซะกว่า เมื่อได้ยินเสียงเดินจากไปจงฮยอนจึงทรุดตัวนั่งลงบนเตียง
สำหรับเขาวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่วุ่นวายเหลือเกิน ตั้งแต่เช้ามาก็ไปรับมินฮยอนที่ท่ารถ ไปดูมอคคาชิโน่ที่เตรียมเปิดให้บริการ ทำงานของตัวเองไปได้นิดหน่อย แล้วก็พาบาริสต้าตัวยุ่งนั่นมาอยู่ที่นี่ แต่ที่เหนื่อยอยู่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเหนื่อยที่ต้องวิ่งวุ่นไปทั้งวัน หรือเหนื่อยที่ทำตัวปึงปังเพราะเขินคนตัวสูงคนนั้นกันแน่ จงฮยอนส่ายศีรษะแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม และไม่ทันที่จะได้ไล่คนๆนั้นออกจากหัวเพื่อที่จะพักผ่อน เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้น
‘ฝันดีนะครับจงฮยอน’
ข้อความสั้นๆจากเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยทำให้ช่างปั้นตุ๊กตายิ้มออกมาบางๆ รู้สึกตลกทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแค่นี้มินฮยอนก็ยังคงส่งข้อความมาแบบนี้เหมือนทุกวันตั้งแต่วันที่เริ่มคบกัน นิ้วเรียวกดส่งข้อความที่มีเนื้อหาคล้ายกันออกไปอย่างคุ้นชิน
‘ฝันดีเจ้าเด็กน้อย’
เมื่อข้อความถูกส่งออกไปเรียบร้อยแล้วจงฮยอนจึงกดปิดโทรศัพท์แล้ววางมันไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะหลับตาลง มืออีกข้างเลื่อนไปปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ใกล้เตียง และแล้วห้องๆนี้ก็ถูกความมืดปกคลุมอีกครั้ง แต่ความมืดในวันนี้กลับไม่เหมือนความมืดของวันก่อนๆที่ผ่านมา คนตัวเล็กรู้สึกดีอย่างปฏิเสธไม่ได้เมื่อรู้ว่าตนไม่ต้องอยู่คนเดียวในสตูดิโอแห่งนี้อีกแล้ว จงฮยอนผล็อยหลับไปพร้อมกับคำขอหนึ่งที่อยู่ในใจ คำขอที่ออกมาจากหัวใจที่เคยอ้างว้างของตัวเอง
‘อยากให้ระหว่างคิมจงฮยอนกับฮวังมินฮยอนในตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม’
________________________________________________________________________________________________________________________________
13-02-13
จงฮยอนน้อยไม่ชอบมะเขือเทศ -/////-
แม้แต่ตัวจริงก็ยังไม่ชอบ เป็นอะไรที่ปิ่นไม่เอามาลงในฟิคไม่ได้
เพราะปิ่นเองก็ไม่ชอบมะเขือเทศเหมือนกัน ฮ่าๆ ดังนั้นที่แต่งมานี่ก็เอามาจากความรู้สึกตัวเองล้วนๆค่ะ
ฮ่าๆๆ ดีใจที่มีคนไม่ชอบอะไรเหมือนกับเราจังเลย
เอ็มวียอโบเซโยของเด็กๆออกแล้วนะคะ คนอ่านที่น่ารักทุกคนได้ดูกันแล้วรึยังเอ่ย
ปรากฏว่าไม่ใช่รักสามเศร้าอย่างที่ปิ่นคิดไว้แต่แรกแม้แต่น้อยนิด มันหกเศร้าเลยต่างหาก
เสียใจTT สงสารเด็กๆ แต่โดยรวมแล้วปิ่นชอบนะคะ เป็นเอ็มวีที่สวยมากๆ
เพลงก็เพราะ ฉากก็สวย งืออ ขอให้น้องดังเป็นพลุแตก
จริงๆแล้วปิ่นจะอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะแต่เน็ตหอน่าเกลียดมาก
ขนาดตอนนี้ปิ่นอัพอยู่ตอนกลางวันยังแย่เลย เพลียกับมันเหลือเกิน -__-
ตอบคอมเม้นท์ดีกว่าา
GUFGIF - อัพเรียบร้อยแล้วค่า ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^
NoeyNT - ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่าาา ^^
'จั๊ดง่าว - รับทราบค่า มาอัพแล้วนะคะ ^^
ความคิดเห็น