คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เธอคือใคร???
ปี๊นๆๆ ปี๊นนนนนน~
เสียงบีบแตรดังอื้ออึง ท่ามกลางสายตาของคนทั้งสีแยก สายตาทุกๆคู่จับจ้องเพียงรถกระบะคันเก่าซอมซ่อที่เหมือนจะเสียอยู่กลางสีแยก คนขับรถเจ้าปัญหาเดินลงมาแสดงกริยาที่เห็นได้ชัดว่าหัวเสียอย่างมาก และตามมาด้วยเพื่อนสาวที่นั่งมาข้างๆ เธอมีสีผมและลักษณะการแต่งตัวที่โดดเด่นกว่าใคร
“บ้าจัง แกจะมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ยไอ้แก่”คนขับรถหน้าเหวี่ยงเตะล้อรถระบายอารมณ์
“ไหนบอกว่าเช็คสภาพรถมาแล้วไง”เพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆกอดอกถาม ถึงเธอจะกลับมาจากอเมริกาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ชชินกับสภาพอากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าวของเมืองไทย แม้ว่าจะเป็นบ้านเกิดของเธอก็เถอะ
“ก็เช็คมาแล้ว แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้แก่มันจะทำพิษกลางสีแยกแบบนี้”
“ขอโทษนะครับมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”ตำรวจที่โบกรถอยู่แถวๆนั่นวิ่งมาดูเหตุการณ์ที่ทำให้รถทั้งสีแยกติดแหง่ก
“รถเสียครับ”เจ้าของรถตอบอย่างไม่สบอารมณ์ คิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“คืออย่างนี้ค่ะ รถมันเกิดดับนะค่ะรบกวนคุณตำรวจช่วยเข็นไอ้แก่เข้าข้างทางทีได้ไหมค่ะ”เพื่อนสาวหันไปพูดกับคุณตำรวจก่อนที่เพื่อนเจ้าอารมณ์จะเหวี่ยงใส่คุณตำรวจผู้น่าสงสาร
“ครับๆๆ”
ทำไมนะทำไมลูกชายของพ่อเลี้ยงณรงค์ต้องมาเข็นรถเก่าๆเสียๆกลางสี่แยกด้วยเนี่ย=[]=^ ร่างบางคิดอย่างขัดใจแต่ก็ต้องช่วยเพื่อนและคุณตำรวจเข็นไอ้แก่เข้าข้างทางอยู่ดี คอยดูนะถ้ากลับไปเชียงใหม่เมื่อไหร่ฉันจะเอาแกขายเป็นเศษเหล็กไปเล๊ย!!
“ขอบคุณมากค่ะ”นทยกมือไหว้คุณตำรวจตามมารยาทไทยที่ถูกสอนสั่งมาจากครอบครัวของเพื่อนซี้
“เป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วครับที่ต้องบำบัดทุกบำรุงสุขให่กับประชาชน”
เธอยิ้มแหย่ๆให้กับคุณตำรวจเจ้าสำนวนแล้วหันไปคุยกับเพื่อนสนิทซี้ปึกที่ยืนข่มอารมณ์อยู่ข้างกระบะคันเก่าคันเดิม
“เอ่อ...เอายังไงต่อดี”
“นั่นดิ”เรืองริทตอบเป็นคำถาม ทั้งคู่ยืนงงกับสภาพตอนนี้ที่เป้นอยู่ เรื่องนี้มันเริ่มจากอะไรกันแน่นะ...คงเริ่มจากที่นทอยากเที่ยว และริทก็อยากไปให้ไกลจากพ่อแม่และพี่ชายจอมบ่นที่พยายามจะจับคู่ริทกับนทให้แต่งงานกัน หลังจากที่ความคิดทั้งสองบรรจบกันได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ริทกับนทก็พากันแพ็กกระเป๋าแล้วออกเดินทางจากเชียงใหม่มาผจญภัยในกรุงเทพ แถมยังแอบฉก’ไอ้แก่’รถกระบะท้ายไร่ส้มมาอีก และผลสรุปก็คือ ทั้งคู่ยืนหน้านิ่วกันกลางสีแยกเพราะไอ้รถเก่าๆมันดันตายสนิท
“ลองโทรหาพี่ชายมั้ย”นทออกความเห็น พี่ชายที่เธอว่านั้นหมายถึงพี่ชายจอมบ่นของริทเอง
“ไม่มีทาง ถ้าเราโทรไปพี่รุจต้องมาลากเราสองคนกลับไปหมั้นกันแน่”ริทบ่นงุบงิบ “นท ตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่เท่าไหร่”
“ตอนนี้หรอ...”นทเปิดกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายติดตัวมาด้วยดู “ประมาณสองพันได้”
“อืม”ริทลูบคางเหมือนใช้ความคิด แววตาหวานส่อแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“ทำสายตาแบบนี้มันใช่เรื่องดีไหมเนี่ย”นททักอย่างรู้ทัน
“ก็...ไม่ดีแล้วก็ไม่ร้าย”
“แล้วมันคืออะไรล่ะ”นทถามด้วยความอยากรู้ ริทกระซิบข้างหูเพื่อนสาวเบาๆ พอเล่าแผนการทั้งหมดจบเท่านั้นแหละ นทก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มแบบที่ใครเห็นก็ต้องกลัว กลัวความคิดพิเรนๆของคู่หูตัวป่วนสองคนนี้
“ตามนั้นนะ”
“ตานนั้นเลย”
ถนนทูเวย์มันจะมีสองเลนส์ที่วิ่งสวนกันไปมา แน่ล่ะขณะที่คนๆหนึ่งกำลังคิดแต่จะทำเรื่องสนุกๆก็มีอีกคนที่นั่งเครียดกับงานกองโตที่รุมเร้า ภาคินนั่งหลับตาพิงเก้าอี้พนักสูงอย่างเซ็งๆ เส้นเลือดในสมองมันเต้นตุบๆราวกับจะเบิด บ่าทั้งสองข้างหนักอึ้งและปวดเมื่อยเนื่องจากการนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน
“คุณโตโน่ครับ”ผู้มาเยือนส่งเสียงเบาๆอย่างเกรงใจ
“หืม...มีงานอะไรอีกล่ะ”บอสใหญ่ลืมตาขึ้นมองลูกน้องคนสนิท ที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดคนสำคัญ
“เย็นนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในเครือครับ”ผู้เป็นลูกน้องโค้งให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนจะถอยออกไป
“ขอบใจมากดิว”ร่างสูงเอ่ยอย่างล้าๆ นี่เค้าไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนะ เพราะงานพวกนี้มันรัดตัวแน่นจริงๆ ถ้าเป็นไปได้เค้าอยากกลับไปเป็นคนธรรมดาๆที่ไม่ต้องมาดูแลกิจการของครอบครัว เค้าอยากจะใช้ชีวิตในแบบที่เค้าอยากจะเป็นมากกว่า ร่างสูงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย เมื่อไหร่กันที่เค้าจะได้โบยบินออกไปจากกระจกหนานี่เสียที
กริ๊งงงง~
“สวัสดีครับ”
[สวัสดีครับคุณภาคิน]เสียงของล้อๆของคู่สนทนาดังขึ้น ถึงแม้จะเป็นคำทักทายที่สุภาพแต่ก็แฝงความขี้เล่นไว้เสมอ
“มีอะไรว่ะไอ้กัน”
[โห่พี่ อย่าทำเสียงเข้มดิ นี่น้องนะครับไม่ใช่คู่แข่งทางธุระกิจ]นภัทรตอบกลับมา
“แล้วมีอะไรล่ะ”
[เย็นนี้จะชวนมาดื่ม คลายเครียดกันหน่อย ได้ข่าวว่าไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว]
“แทนที่แกจะมาช่วยฉันทำงาน แต่แกกลับชวนฉันไปเที่ยวนี่นะ”
[แล้วพี่จะมาไหมล่ะ]
“เย็นนี้ฉันติดประชุม...”
[ว้า~ แย่จัง]
“ถ้าเสร็จเร็วจะไปล่ะกันนะ”
[เยส!! ผมว่าแล้วว่าพี่ต้องพูดอย่างนี้ เย็นนี้เจอกันนะครับพี่ชาย]
“เออ ไอ้น้องชาย”เค้าวางโทรศัพท์ราคาแพงลงบนโต๊ะทำงานแล้วกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป
20.30
บรรยากาศยามค่ำคืนบนท้องถนนในกรุงเทพ แสงไฟจากทั้งเสาไฟ และแสงไฟหน้ารถทำให้ความมืดมิดดูไร้ความหมาย ไหนจะแสงไปจากร้านรวงข้างทาง ราวกับกรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ ผมเอนตัวพิงเบาะรถเบนซ์คันงามที่ราคาแพงแสนแพงอย่างสบายใจ การประชุมเมื่อเย็นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะมีพวกเรื่องมากบางคนที่วุ่นวาย แต่สุดท้ายก็จบลงเรียบร้อย ผมปิดเปลือกตาลงให้พ้นจากแสงไฟที่ส่องเข้ามา ความเครียดหลายๆอย่างเริ่มเบาบางลงบ้าง แต่ผมก็ยังมีอีกความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ มันเป็นช่องว่างช่องไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกขาดอะไรบางอย่างไป แล้วอะไรล่ะที่คนเพรียบพร้อมมีทุกอย่างแบบผมขาดหายไป เงินทอง รถหรูๆ ผู้หญิงสวยๆ ผมก็มีทุกอย่างครบแล้วทั้งนั้น แล้วตอนนี้ผมขาดอะไรไปนะ
“ถึงแล้วครับ”เสียงเรียกของดิวทำให้ผมตื่นจากห้วงความนึกคิด ประตูรถเปิดออกโดยเจ้าน้องชายตัวแสบของผมนั่นเอง
“แหม่พี่ชาย หมดสภาพเลยนะวันนี้”หน้าเข้มๆแฝงไปด้วยความทะเล้นของกันทำให้ผมนึกเรื่องเครียดๆได้อีกหลายเรื่อง แต่ก็ช่างเถอะผมกำลังมาพักผ่อนนิ
“ก็นิดหน่อย ฉันมันคนมีงานมีการทำ ไม่ใช่คนว่างงานอย่างนาย”
“โห่ๆๆ มาถึงก็บ่นๆๆ เข้าไปนั่งฟังเพลงข้างในก่อนมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมสั่งเครื่องดื่มให้ วันนี้ผมเลี้ยงเอง”กันผายมือให้ผมเข้าไปในสถานบริการยามค่ำคืนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ผมมองบาร์ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กของกันอย่างพินิจพิจรณา เพราะตั้งแต่เกิดผมไม่เคยกันทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลยนอกจากที่นี่
“ดูท่าจะไปได้สวย”ผมชมน้องชายอย่างจริงใจ แต่จะดีกว่านี้ถ้ากันยอมไปทำงานที่บริษัท
“แน่นอน”กันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ดื่มไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวผมจะไปดูทางนู้นแป๊บ”กันว่าแล้วผละจากผมเดินไปทางสแตนด์เล็กๆที่อยู่เหนือฟลอร์เล็กน้อยก่อนจะหยิบกีตาร์ตัวเก่งมาไล่นิ้วลงบนสายเบาๆเป็นท่วงทำนองหวานซึ้ง
ช่วงชีวิตที่เคยรักใคร ไม่เคยล้อเล่นกับหัวใจ
แต่ว่าทุกคน เข้ามาคบกัน ไม่นานเขาก็ไป
แต่ละครั้งก็คอยทุ่มเท แต่สุดท้ายก็ยังเสียใจ
เจ็บจนคุ้นเคย แต่ไม่ชอบเลย ที่ต้องไม่เหลือใคร
เสียงร้องเพราะๆทำให้บรรดานักท่องเที่ยวยามราตรีเคลิ้มไปกับเพลง คำถามที่มันวนเวียนอยู่ในหัวผมย้อนกลับมาอีกครั้ง และยังย้ำถามอยู่อย่างนั้นซ้ำๆว่าชีวิตผมขาดอะไรไป อะไรกันแน่ที่ผมไม่มี
ดั่งฟ้า จะแค่เพียงต้องการแกล้งกัน
ให้ฉัน ต้องพบเจอแต่เจ็บความช้ำใจ
จนไม่รู้ว่า รักแท้หน้าตาเป็นเช่นไร
ก็ยังไม่พบเจอใคร ที่รักกันจริงสักที
จะมีไหมซักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร
ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้
จะมีไหมซักใจ จะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที
นั่นสินะ เธอคือใคร?
แล้ว’เธอ’อยู่ที่ไหน...
หรือว่าเธอ...ไม่เคยมี
คนอย่างผมไม่ควรเอาเวลามาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก ผมควรจะคิดว่าผมจะทำยังไงให้บริษัทของผมครอบครองพื้นที่ในตลาดทั้งในและต่างประเทศให้มากที่สุด ผมควรจะกำจัดคู่แข่งทางธุรกิจด้วยวิธีไหน ผมสลัดความคิดไร้สาระพวกนั่นออกจากหัว
ให้มันได้อย่างนี้สินะ...ไอ้โตโน่เอ๊ย!!
ความคิดเห็น