คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความจริง...แค่ในเมื่อวาน
บ้านสีขาวที่เริ่มเก่าตามกาลเวลาที่ผ่านไป ผมริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช เพิ่งสำเร็จการศึกษามาจากประเทศฝรั่งเศส เพิ่งบินกลับมาประเทศไทยเพราะงานสำคัญของคนที่ผมรักมาที่สุด บ้านนี้หลังนี้มีกันที่มีทั้งความทรงจำที่ดี ความรักที่สวยงาม และความจริงแค่ในเมื่อวานหรือวันวาน...
อดีต
“พี่โน่เอามานี้นะ ริทยังเขียนไม่เสร็จเลย” สวัสดีคับ ผมชื่อริท และคนที่วิ่งไล่จับอยู่คือแฟนของผมเอง พี่โตโน่ ผมเป็นนักเขียนเกี่ยวกับความรักและตอนนี้ผมกำลังศึกษาที่มหาลัยแห่งหนึ่งและกำลังศึกษาคณะอักษรศาสตร์ ผมชอบเขียนเพราะมันทางเดียวที่ระยะความรู้สึกของผม
“เขียนอะไรล่ะ พี่ดูก่อนเพื่อเขียนไม่ดี บก.ไม่ให้ผ่าน” บังคับกันชัดๆ พี่โตโน่เขาทำงานเป็นบก.สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่ผมส่งต้นฉบับให้เขาพิมพ์ล่ะ แต่นี่ผมยังเขียนไม่เสร็จเลยจะขโมยไปอ่านได้ไง
“ได้ไงอ่ะ ยังเขียนไม่เสร็จเลยเอามาเลย ขี้โกงอ่ะ ถ้าไม่คืนมานะเดือนนี้ไม่ส่งต้นฉบับจริงๆด้วย” ขู่คับต้องขู่ งอนเลยล่ะกัน
“โกรธพี่เหรอ ขอโทษนะแค่อยากให้ผลงานริทออกมาดีๆอ่ะ ไม่อยากให้ใครว่าได้” พูดไม่พอยังเข้ามากอดผมอีก นี่ล่ะวิธีง้อของเขา ซึ่งทำให้ผมยิ้มและหายงอนได้ตลอดเวลา
“ก็พี่โน่อยากโกงริทก่อนทำไม ริทยังเขียนไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ” ผมแกล้งงอนต่อ ดัดนิสัยขี้แกล้งให้เข็ด
“โธ่ริทอ่ะ พี่ขอโทษนะ ยกโทษนะคับ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้แพ้ภัยตัว
“ริทยกโทษให้ตั้งแต่พี่โน่กอดริทแล้ว” ผู้ชายตรงหน้าทำยักษ์ใส่ผมอีก ดูสิดู เดี๋ยวพ่อก็โกรธต่อเลยนี่ ผมยิ้มให้พี่โน่ก่อนจะดึงสมุดที่ผมเขียนงานคืนมา
ฟอดดดดด
“เห้ย ขโมยหอมแก้มทำงี้ได้ไง” ผมหันไปถามพี่โน่ที่ยืนทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมอยู่ ก่อนจะเอาสมุดวิ่งไล่ฟาด...
ปัจจุบัน
โต๊ะตัวนี้ ที่ตรงนี้ ที่เดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม ยกเว้นความสัมพันธ์ของผมกับเขา ผมดึงผ้าสีขาวที่คลุมกรอบรูปบานใหญ่ที่ห้องรับแขก ทำให้ผมยิ้มระบายออกมา รูปของผมกับเขายังอยู่ ผมนั่งลงบนโซฟาสีทองหรู บ้านหลังนี้ผมกับเขาตั้งใจซื้อเพื่อเป็นเรือนหอของเรา แต่ตอนมันไม่มีแล้วคำว่าเรา ผมหยิบสมุดที่วางบนโต๊ะรับแขกมาอ่านที่วางทับด้วยแหวนทองคำขาวเรียบๆ ความทรงจำที่สวยงามที่มันซื้อกลับคืนมาไม่ได้ ผมเปิดอ่านทีละหน้า ลายมือของผมกับเขาที่ช่วยกันความทรงจำของเรา ผมรักเขามาก รักที่สุด แล้วทำไมผมถึงได้นั่งจมปลักแบบนี้ล่ะ เหอะ ก็เมื่อสี่ปีก่อนสิคับ เขาประกาศว่ากำลังปลูกต้นรักกับดาราสาวคนนึง รักกันมากถึงกับยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมทิ้งแม้กระทั่งสัญญาที่เขาให้กับผม สัญญาที่หลอกผมมาตลอด มันทำให้ผมต้องหนีไปถึงฝรั่งเศส เราเลิกกันมั๊ย ผมตอบไม่ได้หรอก เขาไม่เคยพูดกับผมว่าเราเลิกกัน เขาไม่เคยแม้จะตามหาว่าผมหายไปไหน ไม่เคยแม้จะโทรหา ผมสลัดความเศร้าทิ้ง ก่อนจะเดินออกไปที่สวนกุหลาบ ผมและเขาชอบดอกกุหลาบมาก เมื่อซื้อบ้านหลังนี้เราเลยเลือกที่จะปลูกดอกกุหลาบ เมื่อก่อนมันสดใสเพราะมีคนค่อยดูเอาใจใส่แต่ตอนนี้กลับแห้งเหี่ยวไปตามเวลา ผมยิ้มให้มันเล็กๆก่อนจะคิดถึงอดีต...
อดีต
“อยากบอกว่ารัก รักเธอเหลือเกินแม้วันเดือนล่วงเลยพ้นเป็นปี แต่คืนนี้จะบอกเธอนะคน อยากให้เชื่อฉันคนนี้ ฉันรักเธอ” ผมยืนมองคนตรงที่เล่นกีต้าร์ให้ผมฟังในวันเกิดของตัวเอง ไม่ต้องมีเค้ก ไม่ต้องหรูหรา แต่ทุกอย่างมาจากความรักก็พอแล้ว
“ขอบคุณนะพี่โน่ เป็นวันเกิดที่ริทแฮปปี้มากเลย ขอบคุณนะคับ” ผมพูดขอบคุณเขา ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อผม มันมากมายเหลือเกิน
“ริท แต่งงานกับพี่นะ” ช็อคคับ ผมยืนอึ้งกับประโยคเมื่อกี้ ก่อนจะตะลึงกับการกระทำของเขา จู่ๆเขาก็หยิบแหวนมาสวมให้ผม
“ขอบคุณนะพี่โน่ ริทรักพี่ที่สุดเลย” ผมโผลเข้ากอดเขา ผมไม่อยากเชื่อว่าผมจะรักใครได้มากเท่าเขาขนาดนี้
.
..
...
ผมกับเขาทุ่มเทกับการงานแต่งมาก ผมใช้เวลาทุกๆเย็นที่เลิกเรียนออกแบบการ์ด คอนเซ็ปงาน ส่วนเขาพยายามเคลียร์งานให้เสร็จ วันนี้เหมือนกันผมนั่งออกแบบการ์ดอยู่ใต้ตึกคณะของผมเพื่อรอเขามารับ ก่อนที่เพื่อนของผมจะรีบวิ่งมาพร้อมกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
“ริท เห็นข่าวของแฟนริทหรือยัง” อ้น พูดพร้อมกับส่งหนังสือพิมพ์มาให้ผม ผมรับมาก่อนจะอ่านทุกบรรทัด ทุกตัวหนังสือ ทุกสระและวรรณยุกต์
‘โตโน่ ภาคิน บก.ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งประกาศปลูกต้นรักกับดาราสาว ที่คบหากันมาระยะหนึ่งแต่ไม่ได้เปิดเผย’
ผมปาหนังสือพิมพ์ทิ้ง ก่อนปล่อยน้ำตาล้นทะลักออกมา คบหากันมาระยะหนึ่งนั้นเหรอ แล้วมันนานแค่ไหน พอๆกับผมหรือป่าว สามปีที่คบกัน ใช่หรือป่าว ผมไม่ดีตรงไหน ผมทำอะไรผิด ทำไมเขาทำกับผมอย่างนี้ งานแต่งเราล่ะยังเหมือนเดิมมั๊ย ยังเหมือนเดิมหรือป่าว
“ริท กูขอโทษ นักข่าวมันอาจจะใส่สีตีไข่ก็ได้นะมึง อย่าร้องไห้ดิ กูใจไม่ดีนะนี่” อ้นมันพูดกับผมพร้อมกับกอดผม อย่างน้อยก็ยังมีมันที่ไม่ทิ้งผม ผมรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรออกไปเขาแต่ก็ปิดเครื่อง โอเคปิดเครื่องไม่เป็นไร
“งั้นริทกลับบ้านนะ ยังไงพรุ่งนี้เจอกัน” ผมบอกอ้นแค่นี้ก่อนจะรีบเก็บข้าวของแล้วสะพายเป้เดินออกไป ผมไม่จิตใจไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ ผมเดินไปเรื่อยๆ สักที่ ที่ไหนก็ไม่รู้ สายตาของผมดันไปสะดุดกับหนุ่มสาวคู่นึงที่นั่งดินเนอร์กันมีความสุข ผู้ชายคนนั้นผมจำได้ดี ขึ้นใจเลยล่ะ เขาคิดคนที่ผมรักมากที่สุด ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่เขาคบมาระยะหนึ่ง ผมยืนมองภาพนั้น ใช่สินะผู้ชายมันต้องคู่กับผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายกับผู้ชาย ปล่อยน้ำตาก่อนจะรีบเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ปิดเครื่องเพราะแบบนี้เหรอ กินข้าวกับคนอื่นทั้งๆที่นัดผมไว้ จะแต่งงานกับผมทั้งๆที่มีใครอีกคน ผมรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าก่อนจะโทรบอกพ่อกับแม่ว่าพรุ่งนี้จะไปหาที่ท่านฝรั่งเศส ผมหาผ้าสีขาวมาคลุมเฟอร์เนอร์เจอร์ที่บ้านหลังนี้ไม่ฝุ่นเกาะ เพื่อเขาจะใช้เป็นเรือนหอ ผมเขียนเรื่องราวในวันนี้ที่ผมเจอมาและคำยินดีให้กับเขาแล้วก็ผู้หญิงคนนั้น โดยไม่ลืมที่จะถอดแหวนคืนเขา....
ปัจจุบัน
ก็แค่ความทรงจำถูกมั๊ยคับ ผมรวยล้นฟ้ายังไงก็ซื้อเมื่อวานกลับมาไม่ได้ ผมรีบเดินไปข้างหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงรถจอด รถเบนซ์สีดำ ทะเบียนเดียวกันกับเมื่อสี่ปีก่อน จอดซ้อนรถมินิคูเปอร์ของผม รถของเขา เขากลับมาที่นี่ เขากลับมาทั้งๆที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขานี่นะ ตลกล่ะ ผมเดินไปหน้าบ้านก่อนจะมองเขาที่ไข้ประตูเข้ามา ดูเหมือนเขาจะตกใจไม่น้อยที่เจอผมอยู่ที่นี่
“สบายดีนะคับ” ผมเลือกที่จะถามเขาก่อนเพื่อให้ไม่เราดูอ่อนแอ่ แต่ในใจผมที่ร้องไห้เต็มที่แล้ว
“ริท ยังอยู่ที่นี่เหรอ” ยังอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขาไม่เคยมาตามหาผมจริงๆล่ะ เลยไม่รู้ว่าผมออกจากบ้านหลังนี้ไปนานแล้ว
“เพิ่งมาจากฝรั่งเศสนะคับ คุณไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยเหรอ ไม่สิต้องถามว่ายังจำผมได้อยู่เหรอ” ผมกลั้นใจถาม ทั้งๆที่คำตอบอาจจะออกมาว่า ไม่หรือใช่ ก็ตามเถอะ
“จำได้สิ แต่พี่ไม่ได้มาบ้านนี้หลายปีแล้ว” ฉึก มีดที่แทงหัวใจผมอยู่แล้วมันเหมือนโดนตอกให้ลึกกว่าเดิม
“ใช่ ริทจำได้ว่าคุณเคยขอริทแต่งงาน อีกอาทิตย์เดียวจะถึงงานแต่งของเรา คุณก็หายลับไปในกลีบเมฆราวกับโดนนางเมฆลาลักพาตัวไป พร้อมกับทิ้งระเบิดลงมาใส่ผมจังๆกับข่าวที่ว่าคุณกำลังคบกับดาราสาวคนนึง คุณเชื่อมั๊ยว่าผมไม่จิตใจจะทำอะไร ไม่มีแรงแม้จะหายใจ เมื่อคนที่รักมากหักหลัง วันนั้นนะผมโทรหาคุณจนโทรศัพท์แทบไหม้ แล้วผมก็เดินไปเจอคุณกับเธอกำลังนั่งกินข้าวกัน ส่วนผมนะเหรอกินน้ำตาแทนข้าว ผมกลับมาบ้านเพื่อรอคุณอธิบายแต่ก็ไม่มีแม้เงาของรถ ผมเลยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ฝรั่งเศส ผมคืนแหวนคุณไปแล้วนะ ผมถอดไว้ในบ้านไปเอาคืนสิ” ผมพูดความในใจทั้งหมดของผมออกมาให้เขาฟัง ก่อนจะเดินหนีแต่เขากลับคว้าข้อมือผมไว้
“เดี๋ยวสิริท ฟังพี่อธิบายก่อนได้มั๊ย ฟังความจริงจากปากพี่ได้มั๊ย พี่ก็ทรมานไม่ต่างจากริทหรอกนะ ริทรู้มั๊ยว่าพี่โดนพ่อบังคับให้ทำทุกอย่าง พี่อยากจะกลับมาหาริทแต่พ่อเขาก็ล็อคตัวพี่ไว้ พี่ยังรักริทนะ รักเหมือนเดิม” ผมสะบัดมือเขาออก ผมดีใจนะที่เขาพูดออกมาแบบนั้นแต่มันยังเชื่อได้หรือป่าว ผมไม่มั่นใจ
“คุณคิดว่าความจริงของพินอคคิโอ้ใครจะกล้าเชื่อ ผมเองยังไม่กล้าเชื่อคำของคุณเลย ยังเย็นนี้เราเจอกันที่งานแต่งนะ”
.
..
...
งานแต่งงาน
บรรยากาศภายในดูโรแมนติก เพราะดอกกุหลาบสีขาว สีชมพู และสีแดงที่ตกแต่งไว้ ผมยืนอยู่หน้างาน ถามว่าจะถ่ายรูปมั๊ย ขอบอกว่าไม่เด็ดขาด เขาเชิญผมมาร้องเพลง ผมมีหน้าที่แค่นั้นอีกอย่างแค่อยากจะยินดียินร้ายกับเขาเท่านั้น
“คุณริทคะ พร้อมแล้วคะ” ทีมงานคนหนึ่งบอกผม ว่าได้เวลาร้องเพลงแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกผมทั้งหมด มันไม่ได้เพลงหวานอะไรมากมาย แต่เพลงที่บอกเล่าความทรงจำผมกับเขาได้ดีเลยทีเดียว
“คนบางคน เพียงชั่วคืนกลับลืมเลือน คนบางคน เพียงพบใครก็แปรเปลี่ยน คนบางคน นานเท่าไรยังวนเวียน กับวันที่ดี ที่เคยรักใครสักคน คนที่แม้วันนี้จะเหลือแค่เพียงความทรงจำ”
ผมหันไปมองตาเขา เขาคือคนที่ลืมเลือนเรื่องทั้งหมดของเราและเขาก็เปลี่ยนเพราะผู้หญิงคนนั้น ส่วนผมกับมีเขาวนเวียนในสมองตลอดเวลาคิดมันไปเองทุกวันว่าเรายังรักกัน สุดท้ายมันก็คือความทรงจำ
“เธอเป็นเพียงความจริง แค่ในเมื่อวาน ที่มันยังเลือนลางในใจของฉัน เป็นเพียงภาพในอดีต ที่ฉันยังกอดเก็บเอาไว้ ไม่ใช่ความรักทำเราเสียใจ แต่เป็นเพียงเราเองไม่ทิ้งไม่ยอมปล่อยมันให้ไป รู้ แต่ยังไม่เข้าใจ ทำไมมันยังรักเธอ”
เขาคือความจริงของผมแต่มันเป็นความจริงในวันวาน แล้วที่ผมเสียใจยันทุกวันนี้เพราะอะไรนะเหรอ เพราะผมยังรักเขาอยู่ไงผมรักเขาแค่ฝ่ายเดียว ถ้าผมยอมปล่อยอดีตไป ผมก็ไม่นั่งเจ็บ ผมกลั้นน้ำตาแล้วร้องเพลงจนจบ ผมได้รับเสียงปรบมือมากมาย ผมโค้งขอบคุณก่อนจะเดินลงจากเวที ผมทนไม่ได้ล่ะ น้ำตามันไหลออกมาเหมือนบ่อน้ำตาผมแตกก็ว่าได้
“ลุงขอบคุณนะริทที่มางานให้ลุง” เรียกกูมาตอกย้ำอ่ะดิ ผมแสร้งยิ้มก่อนจะรีบวิ่งออกไปจาก โดยมีเขาเองวิ่งตามผมมา...
Aon Part
สวัสดีคับผมชื่ออ้น ผมเป็นเพื่อนริท ผมรักริทมาก แต่ริทกลับรักพี่โตโน่มาก ผมเลยไม่ห้าม อยู่ข้างๆมันล่ะมีความสุขที่สุด ว่าแต่มันวิ่งไปไหน พี่โตโน่ก็วิ่งตามมันไปด้วย ผมเหรอไม่เสือกก็ไม่ได้แล้วล่ะ ผมรีบวางแก้วเหล้าก่อนจะวิ่งตามเขาไป ก่อนจะหยุดยืนฟัง
“ตามมาทำไม กลับไปสิ เมียคุณรออยู่” ริทมันตวาดพี่โน่ ส่วนพี่โน่ก็พยายามกอดมัน
“ไม่นะริท พี่รักริท พี่จะไปกับริท ริทไปไหนพี่ก็จะไปด้วย” ริทมันผลักพี่โน่ออกก่อนจะวิ่งขึ้นรถของมัน โดยพี่โน่ก็เปิดประตูข้างๆเข้าไปนั่งด้วย ผมก็รีบขับมอไซต์ของตัวเองตามไป ดูๆแล้วก็ต้องทะเลาะกันตลอดแน่ เพราะริทขับรถส่ายตลอด ผ่าไฟแดงบ้าง แต่ข้างหน้าสิบล้อ
“ริท มองทาง ริทสิบล้อ ริท” ผมตะโกนบอกริท แต่ไม่ได้ผล
ปิ๊น ปิ๊น โครม
ผมกดแตร่แล้ว แต่ริทไม่หยุด ภาพตรงหน้ามองเหรอ รถมินิคูเปอร์ของริทลอยกระเด็นไปอีกฝั่งของถนนก่อนจะกระแทกก๊อปปี้กับตู้โทรศัพท์ ผมจอดรถก่อนจะวิ่งไปดู สภาพริทกับพี่โน่อย่าให้ผมบอกเลย ตายร้อยเปอร์เซ็นต์เอาเถอะ ตัวริทมีแต่เลือด ไหนจะหัวที่แตก แก้มที่มีรอยกระจกบาด ส่วนพี่โน่เหรอเลือดไหลออกมาจากดูก็รู้ว่าอวัยวะภายในต้องช้ำ ไหนจะเศษกระจกที่ปักตามแขนขาและลำตัวอีก ผมยืนสลดอยู่ก่อนจะโทรหาหน่วยกู้ชีพ กู้ยังไงก็ไม่ฟื้น เอาว่ะเป็นคนไม่สมหวัง ถ้าเป็นผีแล้วไม่สมหวังอีกนะพ่อจะตามไปด่าท่านยมล่ะเอาสิ เมื่อหน่วยกู้ชีพมาก่อนรีบนำตัวทั้งคู่ส่งโรงบาล ผมและครอบครัวพี่โน่ก็ตามไปติดๆ ผมโทรหาพ่อกับแม่ริทแล้วว่าให้ทำใจเพราะยังไงโอกาสรอดสูง ทางนั้นเองก็ฝันว่าลูกชายมาหาเพื่อลาไปอยู่กับตัวเองรัก เขาก็ทำใจได้แล้วบ้าง ทางบ้านพี่โน่นี่สาหัส แม่ทำใจไม่ได้ ส่วนเจ้าสาวนี่ไม่ต้องพูด เจ้าสาวคืนเดียว ไม่นานหนักหมอก็ออกมาทำสลดๆตามสูตรเขาล่ะ
“หมอเสียใจด้วยคับ ทางทีมแพทย์ของเราพยายามเต็มทีแล้ว คุณภาคินเองได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงอวัยวะภายในช้ำและพังทั้งหมด ส่วนคุณเรืองฤทธิ์หมอพยายามสุดๆแล้วแต่คนไข้ขาดเลือดเยอะบวกกับตับที่โดนแรงกระแทกเลยทำให้คนไข้เสียชีวิต หมอเสียใจด้วยนะคับ” ผมไม่พูดเยอะ เดินเข้าไปหาศพของริทที่ใบหน้าเขียวช้ำ พี่โน่ก็ไม่ต่างกันเท่าไรแต่เยอะกว่าก็ตรงที่มีรอยบาดนี่ล่ะ ผมลูบหัวริทก่อนจะยิ้มให้ ริทยังไงก็เป็นริท เขาก็คือผู้ชายตัวเล็กๆที่น่ารัก จะทำอะไรก็น่ารัก เขาอ่อนต่อโลกแต่เขาก็เข้มแข็งมากเช่นกัน
“ริท แกหลับให้สบายนะ แกใช้ชีวิตกับพี่โน่ให้มีความสุขนะเว้ย แกกับพี่โน่เจ็บมามากแล้ว ครั้งนี้แกกับพี่โน่เจ็บเป็นครั้งสุดท้ายนะเว้ย ยังไงก็มาหาฉันบ้างนะ อยากได้อะไรก็บอกนะเว้ย แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่นะ ยังไงฉันก็รักแกนะริท”
ผมพูดเสร็จก็ยกผ้าขาวคลุมให้ริทกับพี่โน่ ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้น ความรักของริทกับพี่โน่นะมันบรรยายไม่ถูก ถ้าริทมันลดทิฐิและยอมฟังพี่โน่ มันกับพี่โน่ก็คงไม่เจอจุดจบ แต่อย่างว่ามันก็ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของที่หักหลังมันหรอก ยังไงเรื่องของริทกับพี่โน่ก็คือ ความจริง...แค่ในเมื่อวาน
ความคิดเห็น