ตอนที่ 28 : EP26: ดูหนังกันสามคน
KRIST PART
“น้องเฟียตวันนี้อยากไปไหนมั้ยครับ วันนี้ลุงจะตามใจเฟียตทั้งวันเลย ดีมั้ย?” หลังทานข้าวเสร็จคุณลุงคนโปรดของน้องเฟียตเอ่ยขึ้น
“จริงหยอคับ คุณลุงจะตามใจเฟียตทั้งวันจริงๆหยอคับ” เจ้าตัวเล็กของผมก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเชียว วิ่งเข้าไปเกาะแขนอ้อนใหญ่
“จริงๆสิครับ ไหนน้องเฟียตอยากไปไหน ทำอะไรกันดีเอ่ย”
“เฟียตอยากไปดูหนัง เราไปดูหนังที่โรงกันได้มั้ยคับ” ลูกหันมามองผมด้วยสายตาอ้อนๆ
“ได้ครับ ป่ะ งั้นไปเตรียมตัวกันเลยนะ” เฟียตพยักหน้าหงึกๆตอบรับพลางสิ่งเข้ามาอ้อนผมต่อ
“หม่าม๊าาา ไปดูหนังกันนะคับ นะค้าบบ น้าาาาา” เจ้าตัวยุ่งเข้ามากอดผมแน่นมากพร้อมกับลุ้นในคำตอบของผม กลัวผมจะปฎิเสธ
“ครับ”
“ห๊าาา หม่าม๊าพูดจริงใช่มั้ย ม๊าจะไปดูหนังในโรงกับเฟียตจริงๆนะ”
“จริงครับ” ผมยิ้มพลางลูบหัวลูกน้อยเพื่อตอกย้ำให้ลูกรู้ว่าผมพูดจริง
“เย้!”
ทุกคนอาจจะงงใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมเฟียตถึงดีใจขนาดนั้น ผมไม่เคยพาเฟียตไปดูหนังในโรงเลย
เพราะว่าอะไรน่ะหรอ...ก็เพราะว่าโรงหนังเป็นสถานที่ที่เป็นความทรงจำของผมกับพี่สิงโตนั่นเอง ช่วงที่เราอยู่ด้วยกัน โรงหนังเป็นสถานที่ที่เราไปเดท และใช้เวลาด้วยกันมากที่สุดรองมาจากคอนโดพี่สิงโต เพราะทั้งผมและพี่สิงเป็นคนทำงานในธุรกิจแวดวงหนัง โดยเฉพาะพี่สิงที่เป็นผู้กำกับ ดังนั้นพี่เขาจะดูหนังทุกชนิด เรียกได้ว่าแทบจะทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ และพี่เขามักจะลากผมไปเป็นเพื่อนเสมอ มันมีความทรงจำมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นตอนเราทะเลาะกันเรื่องรสป๊อปคอร์น จับมือกันทั้งเรื่องตอนดูหนังรักโรแมนติก แอบหลับซบไหล่พี่สิงบ้างเวลาโดนลากไปดูหนังแนวแอบสแตรกที่ผมไม่เก็ท นั่งร้องไห้คอยให้พี่สิงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาเวลาหนังเศร้า หรือแม้กระทั่งยืมมือพี่สิงมาปิดตาตัวเองไว้เกือบจะทั้งเรื่องเมื่อดูหนังผี จนผมไม่เคยคิดย่างกรายเข้าไปอีกหลังจากวันที่พี่สิงโตทิ้งผมไป ไม่ว่าเฟียตจะชวนยังไง ผมก็จะหาซื้อแผ่นมาเปิดดูกับเค้าที่บ้านแทน เพราะผมกลัว กลัวจะคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นจนทนไม่ไหว แล้วเผลอร้องไห้ต่อหน้าลูก
แต่คราวนี้คนที่เคยเป็นแค่ความทรงจำกลับมายืนต่อหน้าผมอีกครั้ง ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วล่ะ...มั้ง
เฟียตเลือกดูเรื่องที่เอาการ์ตูนมาทำเป็นหนังอย่างหมีพูห์ เจ้าตัวแสบดูตื่นเต้นมาก ขณะที่ผมรอตั๋วหนังที่พี่สิงอาสาไปต่อแถวซื้อให้พร้อมกับเฟียตที่ตัวติดคุณลุงตลอดเวลา สปอยกันเข้าไป อีกหน่อยผมต้องโดนลูกเมินใส่แน่ๆ
“หม่าม๊าาาา ไปเร็วว เข้าโรงกันนน” ได้ตั๋วแล้วลูกชายผมก็ยิ้มร่าโชว์ตั๋วหนังขึ้นมา
“อ่ะ แม่ลูกยืนรอลุงตรงนี้แป๊ปนึงนะครับ เดี๋ยวขอไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นก่อน น้องเฟียตเอาน้ำกับป๊อปคอร์นรสอะไร?”
“เฟียตไปด้วยย”
“อ่ะโอเค งั้นเราไปเลือกกัน คริสยืนรอนี่อีกแป๊ปนะ”
“ครับ”
ระหว่างยืนรอโทรศัพท์ผมก็สั่นจากข้อความแจ้งเตือนไลน์
พี่ภู : บ่ายนี้พี่ว่าง กำลังจะเข้าไปหานะ คริสกับเฟียตอยากไปไหนมั้ย? :)
Krist : บ่ายนี้ผมไม่ว่างอ่ะครับพี่ภู ไว้เจอกันวันหลังนะ ขอโทษนะครับ
ผมจ้องมองโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกผิดต่อพี่ภู ขอโทษนะครับพี่ภู...
สองคนนั้นเดินกลับมาแล้ว เฟียตเดินถือแก้วน้ำหมีพูห์สุดน่ารักอยู่ในมือ ส่วนผู้ใหญ่อีกคนมือข้างนึงถือถังป๊อปคอร์นซึ่งแน่นอนว่าเป็นลายหมีพูห์เข้าชุดกับแก้วอีกใบในมืออีกข้าง
“อ่ะ น้ำสไปร์ทของคริส” คนตรงหน้ายื่นแก้วน้ำมาให้ผม เขายังคงจำได้ว่าผมชอบกินสไปร์ท
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มตอบกลับไปพร้อมเอื้อมมือไปรับ
“ส่วนป๊อปคอร์นเป็นฮาฟคาราเมลฮาฟชีสนะ เพราะน้องเฟียตบอกจะกินคาราเมล พี่เลยสั่งชีสมาด้วย พี่ยังจำได้นะ ทุกๆอย่าง...ที่คริสชอบ”
“อ่า...ครับ” สบตาคู่คมมตรงหน้าแล้วก็เริ่มหน้าร้อนๆ หน่อยๆ
“ขะ เข้าโรงกันเถอะครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพร้อมหลบสายตาที่คู่ผมมักพ่ายแพ้เสมอที่ทอดมองมา
“หึๆ ไปสิครับ ไปกันครับน้องเฟียต”
SINGTO PART
ผมพาสองแม่ลูกมาดูหนัง น้องเฟียตดูตื่นเต้นมากๆ แอบมากระซิบขอบคุณผมด้วย บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ดูหนังในโรง ผมแอบแปลกใจหน่อยๆ ว่าทำไมคริสถึงไม่เคยพาลูกมา
ผมเลือกซื้อที่นั่งโซฟาแบบ Honeymoon seat ข้างหลังสุดแบบที่เมื่อก่อนผมชอบมาดูกับคริส และมันกว้างพอสำหรับผู้ใหญ่สองและเด็กเล็กอีกหนึ่งคน เราให้เฟียตนั่งตรงกลาง ขนาบข้างด้วยผมกับคริส แต่ซักพักเจ้าตัวเล็กก็บ่นหนาว พร้อมกับพยายามซุกตัวเบียดแม่ของเขา หนักเข้าก็เริ่มจะปีนขึ้นตัก ผมเห็นดังนั้นจึงอุ้มเฟียตมานั่งบนตักตัวเอง พร้อมขยับเข้าไปชิดแม่ของลูกเพื่อส่งไออุ่นให้คนแม่ด้วย รายนี้ก็ขี้หนาวพอกัน ลูกต้องได้แม่เขามาแน่ๆในเรื่องนี้ หลังจากหายหนาวแล้วเฟียตก็กลับไปตั้งใจดูหนังมากๆ ปากเล็กๆก็เคี้ยวป๊อปคอร์นอย่างเอร็ดอร่อย ผมยิ้มอย่างเอ็นดู พลางหันไปมองคนข้างๆที่ตาจ้องจอเหมือนกัน แต่มือสองข้างเริ่มถูกันไปมา คงจะหนาวจริงๆนั่นแหละ ไม่เคยจะเข็ดเลยนะ รู้ว่าตัวเองขี้หนาวก็ไม่ยอมเตรียมเสื้อคลุมหรือใส่เสื้อผ้าหนาๆมา เตรียมมาให้แต่ของลูก จริงๆเล้ยยย เมื่อก่อนเคยเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
ผมเลยเอื้อมไปกุมมือคนข้างๆไว้ คริสสะดุ้งหันมาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับจะชักมือออก
“ปล่อย” ผมอ่านปากเค้าได้แบบนั้น แต่ผมไม่ปล่อยหรอก พลางก้มลงไปกระซิบข้างหูเค้า
“จับไว้แบบนี้ จะได้ไม่หนาวไงครับ”
ใช่ครับ ด้วยความที่เขาเป็นคนขี้หนาวมาก เมื่อก่อนเวลาดูหนังด้วยกัน เขามักจะมามุดอยู่ในอ้อมแขนผมเสมอ แต่ในวันนี้บนตักผมมีลูกน้อยจับจองไปแล้ว เพราะฉะนั้นดึให้เขามานั่งเกยผมมากขึ้น พร้อมกับกระชับมือน้อยให้แน่น หวังว่าจะช่วยให้คุณแม่คนเก่งอุ่นได้นะ :)
writer talk: มาแล้วค่ะ มาพร้อมกับ 1,000 fav พอดีเลย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกความคิดเห็น และทุกกำลังใจด้วย ร้ากกกก
ดีใจไปกับเฟี๊ยต รอคอยวันที่ครอบครัวจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อีกครั้งนะคะ
ด่วนนะคะตั้งตารอเข้ามาดูทุกวันเลยค่ะ
สู้ๆนะคะ
รู้สึกมีความสุขไปกับตัวเล็ก แม้หม่าม้าจะกล้า ๆ กลัว เปิดใจเพียงครึ่ง ซึ่งก็เป็นธรรมดาของคนเคยเจ็บ ได้แต่หวังว่าคุณพ่อ จะประคับประคอง อดทน และไม่ทอดทิ้งให้ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง หม่าม้าก็ต้องพยายามเปิดใจ ยอมรับความผิดพลาดของพี่เขาที่มันแก้ไขไม่ได้แล้ว แล้วเริ่มสร้างความทรงจำใหม่ด้วยกัน
เชื่อว่าพี่ภูคงเสียใจไม่น้อยกับความคาดหวัง แต่ก็เชื่ออีกว่าพี่ภูจะอิ่มเอมใจที่ได้เห็นคนที่รักทั้งสองคนมีความสุขอย่างแท้จริง
ปล.สงสารพี่ภูบอกความจริงพี่ภูไปเถอะนะ ปล่อยไว้แบบนี้เหมือนให้ความหวังอยู่ เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก