ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rolling Back (FIC EXO- Kris X Suho)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 55


    สดชื่น..นั้นเป็นความรู้สึกแรกที่จุนมยอนรู้สึกเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าแบบนี้  พอแก่ตัวลงมาทุกๆวันก็ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้  มันมีแต่ความปวดเมื่อยทั่วร่างกาย  แต่วันนี้รู้สึกสดชื่นจริงๆ

    ลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปเอาหนังสือพิมพ์ที่มาส่งทุกเช้าตรงช่องรับจดหมาย  เดินเข้าครัวเปิดแก๊สต้มน้ำร้อน  หยิบแว่นสายตาที่วางไว้หลังตู้เย็นมาใส่เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์รอระหว่างรอน้ำที่ต้มเดือด

    “เอ๋..ทำไมมันลายๆ”  ถอดแว่นออกมาก่อนจะเอาเสื้อเช็ดเลนส์เมื่อเห็นว่าแว่นที่ใส่แล้วปกติจะเห็นตัวหนังสือชัดแจ๋ว  มาวันนี้กลับใส่แล้วเห็นภาพเบลอไปหมด

    “เฮ้ย!”  เอามือขยี้ตาไปมา  ก่อนจะเบิกตากว้างจ้องมองตัวหนังสือตรงหน้า  เมื่อเห็นว่าสายตาที่ปราศจากเลนส์แว่นนั้นมองเห็นชัดแจ๋วเหมือนสมัยหนุ่มๆไม่มีผิด

    เสียงร้องหวีดจากกาน้ำร้อนร้องลั่นเตือนว่าน้ำที่ต้มไว้นั้นเดือดแล้ว  จุนมยอนพักความสงสัยเรื่องสายตาไว้  ลุกขึ้นไปปิดแก๊สแล้วเทน้ำร้อนใส่แก้วที่ใส่ผงกาแฟไว้รออยู่แล้ว  หยิบช้อนมาคนเพื่อให้ผงกาแฟละลายเข้ากับน้ำร้อน

    “ร้อนๆๆๆ”  เพราะแรงที่ใช้คนมากไปจนน้ำร้อนกระฉอกจากแก้วหกใส่มือ  เขารีบวิ่งเอาน้ำแข็งในตู้เย็นมาถูหลังมือบริเวณที่โดนน้ำร้อนลวก  ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผิวหนังที่เคยเหี่ยวย่นไปตามอายุกลับเรียบตึงและไร้ริ้วรอย

    เร็วเท่าความคิด..เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะร้องลั่นออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงา

    ภาพของชายหนุ่มวัยแรกรุ่น  ผมสีดำสนิทยิ่งขับให้ผิวที่ขาวใสนั้นดูขาวเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นไปอีก

    “นี้มันเกิดอะไรขึ้น..ทะ..ทำไม..”  รู้สึกงงจนแทบจะเป็นลมเมื่อพบว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองนั้นกลับไปเป็นเด็กมอปลายอีกครั้ง

     

     

    “อะไรนะเก็บดวงวิญญาณมาผิด!”  ไคโพล่งออกมาอย่างตกใจหลังจากได้ยินคำบอกกล่าวของหัวหน้าหน่วย  เขาเพิ่งจะกลับมานอนพักได้ยังไม่ถึงชั่วโมง  หัวหน้าของเขาก็บุกมารบกวนเวลาพักผ่อนแถมยังเอาข่าวร้ายมาฝากถึงบ้าน

    “ก็ใช่น่ะสิดวงวิญญาณที่ต้องเก็บน่ะคือ  วิญญาณของคิมจุนมยอน  คนแก่อายุห้าสิบสามปี  แต่ที่นายเก็บมานั้นมัน  โดคยองซู  เด็กอายุสิบแปด!

    ดีโอที่ยืนอยู่ข้างหลังสองคนอย่างเงียบๆ  ได้แต่สอดส่องสายตามองไปมาระหว่างยมทูตตัวสูงและหัวหน้ายมทูตตัวเล็ก  ที่ทั้งสองทำหน้าเครียดเหมือนยมโลกกำลังจะระเบิด

    “เด็กคนนี้..”  หัวหน้ายมทูตลู่หานชี้ไปที่ดีโอ  ก่อนจะหันกลับมาหาไคแล้วพูดต่อว่า

    “อายุขัยของเด็กคนนี้ยังไม่หมด”

    “อะไรนะครับ!”  ดีโอเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัย  ถ้ายังไม่หมดอายุขัยงั้นก็หมายความว่าเขายังไม่ถึงเวลาตายน่ะสิ

    “หมายความว่านายยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตายไงเด็กน้อย”  ลู่หานอธิบาย

    “แล้วทำไมวิญญาณผมถึงออกจากร่างล่ะ”

    “นั้นเพราะร่างกายนายอยู่ในภาวะครึ่งเป็นครึ่งตาย..แต่ในเมื่อยังไม่หมดอายุไขเดี๋ยววิญญาณก็จะกลับเข้าร่างคืนได้เหมือนเดิม  แล้วนายก็จะลืมเรื่องที่วิญญาณนายหลุดออกมาจากร่าง”  ยมทูตไคที่นั่งหน้าเครียดอยู่อธิบาย

    “งั้นก็หมายความว่าผมก็กลับเข้าร่างแล้วไปใช้ชีวิตต่อได้น่ะสิ”  ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจเมื่อรู้ว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตต่ออีกครั้ง  แต่คำพูดของยมทูตทั้งสองคนที่เอ่ยออกมาพร้อมกันทำให้รอยยิ้มกว้างนั้นหุบลงทันที

    “ไม่ได้!

    ไคมองวิญญาณที่ทำหน้าจ่อยพลางขมวดคิ้วอย่างเห็นใจก่อนจะอธิบายต่อ

    “วิญญาณของมนุษย์ที่อยู่ในโลกหยางนั้นจะมีพลังหยางเป็นหลัก  แต่เมื่อใดที่วิญญาณข้ามประตูมิติเข้าสู่โลกหยินแล้วนั้น  วิญญาณจะเปลี่ยนเป็นมีพลังหยินเป็นหลักแทน  หมายความว่าวิญญาณของนายตอนนี้เต็มไปด้วยพลังหยิน  การจะใส่ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยพลังหยินเข้าไปในกายเนื้อของมนุษย์เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้  เว้นแต่..

    “เว้นแต่จะเอาดวงวิญญาณอื่นที่เต็มไปด้วยพลังหยางมาแลกแทน”  ลู่หานต่อประโยคของไคจนจบ 

    “สรุปคือต้องมีคนตายเพื่อแลกกับการที่จะทำให้ผมกลับเข้าร่างได้งั้นเหรอ”  ดีโอถามออกไปเพื่อตรวจสอบว่าเขาเข้าใจถูกต้องรึเปล่า  ยมทูตทั้งสองพยักหน้า

    “แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก..ใช่ว่าดวงวิญญาณจะสามารถแลกเปลี่ยนพลังหยินหยางกันได้ง่ายๆ”  หัวหน้ายมทูตบอก  เดินไปตบไหล่ของวิญญาณที่น่าสงสารอย่างปลอบใจแล้วส่งยิ้มให้

    “ในกรณีของนาย..วิญญาณของคิมจุนมยอนเท่านั้นที่สามารถแลกเปลี่ยนพลังหยินหยางกับนายได้”

    “คิมจุนมยอนงั้นเหรอ..เขาเป็นใครครับ”

    “เป็นวิญญาณที่ฉันต้องไปเก็บแต่ดันเก็บวิญญาณนายแทนมาไงล่ะ..พูดง่ายๆคือนายเป็นคนตายแทนคิมจุนมยอนดังนั้นมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยนายได้”  ไคอธิบาย  ก่อนจะส่งสายตาไปถามหัวหน้าตัวเองเป็นเชิงว่าแล้วจะทำไงต่อ

    “ไค..นายอยากได้เวลาพักผ่อนเยอะๆไหม”  ไคเลิกคิ้วมองหัวหน้าตัวเองที่จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องพูดคุยขึ้นมาซะงั้น  ก่อนจะพยักหน้าตอบ  ตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นยมทูตก็แทบจะไม่ได้นอน  เวลาพักผ่อนคืออะไรที่มีค่าที่สุดแล้ว

    “ฉันมีงานพิเศษให้นายทำ..รับรองว่านายจะมีเวลาว่างขึ้นเยอะเลย”

    “งานอะไรครับ  ถ้าเงินเดือนไม่ลดลงก็น่าสนใจ”

    “ช่วยดูแลวิญญาณของโดคยองซูด้วย”

     

     

    จุนมยอนเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของเขา  กำลังลังเลว่าจะเดินเข้าไปทำงานตามปกติดีหรือเปล่า  แต่สภาพเขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาคือคิมจุนมยอนภารโรงแก่ๆคนนั้น

    “นี้นายน่ะ”  นักเรียนที่มีเข็มติดที่อกบ่งบอกฐานะว่าเป็นหนึ่งในสารวัตนักเรียนเดินตรงมาที่เขา 

    “เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้รึเปล่า..เห็นเดินไปเดินมาตั้งนานแล้ว”

    “อ้อ..เปล่าคือฉันมาหาเพื่อนน่ะ”  เขาพูดแก้ตัวไป  กำลังจะขอตัวกลับเพราะเห็นสายตาไม่ไว้วางใจส่งมาแต่เสียงใครอีกคนดังขึ้นมาขัดไว้ซะก่อน

    “เขามาหาฉันเอง”  นักเรียนคนหนึ่งเดินมาหาเขา  ท่าทางที่ดูนิ่งๆกับสายตาที่มองเลยไปด้านหลังของเขาทำให้จุนมยอนนึกแปลกใจ

    “เพื่อนนายงั้นเหรอ..โอเคฉันไปล่ะ”  สารวัตนักเรียนพูดจบแล้วเดินจากไป

    “ที่ท่านทำมันเรื่องใหญ่มากเลยนะ..ท่านทูตสวรรค์” 

    “นายพูดอะไร”  จุนมยอนหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันไปตามทิศที่มือของนักเรียนคนนี้ชี้ไป  แต่ก็พบแค่อากาศว่างเปล่าเท่านั้น

    “เขาตามคุณมาตั้งนานแล้ว..ทูตสวรรค์ที่ทำให้คุณย้อนอายุกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งน่ะ..คุณลุงจุนมยอน”

    “ว่าไงนะ!”  เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาดื้อๆ  ไอ้เด็กตรงหน้านี้พูดอะไรน่ากลัวชะมัด  ถ้าเป็นแต่ก่อนคงคิดว่ามันบ้า  แต่ในเมื่อมาเจอเหตุการณ์ที่ตัวเองย้อนกลับไปเป็นเด็กมอปลายแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เชื่อแล้วล่ะ

    ทูตสวรรค์พยอนแบคฮยอนทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อยเมื่อโดนจับได้โดยมนุษย์ว่าตัวเองทำอะไรลงไป  เขาเคลื่อนตัวไปข้างๆเด็กหนุ่มแล้วถามออกไปอย่างหงุดหงิด

    “นี้เจ้ามนุษย์เธอมองเห็นฉันได้ไงหา!

    “ผมปาร์คชานยอลเป็นผู้ประสาน”  เด็กหนุ่มแนะนำตัวให้กับคนทั้งสองโลกพร้อมๆกัน

    “อะไรคือผู้ประสาน  ฉันงงไปหมดแล้ว  แล้วนายกำลังพูดกับใคร”  จุนมยอนถามออกไปอย่างร้อนรน  ตอนนี้เขาสับสนไปหมด  เรื่องบ้าๆอะไรก็ไม่รู้กำลังเกิดขึ้นกับชีวิตเขา

    “ผู้ประสานก็คือคนที่สามารถรับรู้เรื่องราวของอีกโลกหนึ่งได้ไงครับ”  ชานยอลอธิบายก่อนจะหันไปหาทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

    “นี้คุณทูตสวรรค์ผมว่าคุณเบิกเนตรให้คุณลุงเขาหน่อยเถอะ  ให้สับสนกับชีวิตอยู่แบบนี้คงได้ประสาทตาย”  เขาหันไปบอกทูตสวรรค์  การเบิกเนตรคือการที่ทำให้คนในโลกหยางสามารถรับรู้เรื่องราวในโลกหยินได้  แต่เขาเป็นผู้ประสาน  สามารถรับรู้เรื่องราวของทั้งสองโลกได้ตั้งแต่เกิดแล้ว  แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างออกมาจากตัวจุนมยอนและยิ่งเห็นว่ามีทูตสวรรค์ยืนอยู่ข้างๆด้วยเขาก็ยิ่งมั่นใจว่ามีอะไรผิดปกติถึงได้เดินเข้าไปหา  และด้วยความสามารถของผู้ประสานทำให้สัมผัสได้ถึงมนตร์ที่รายล้อมอยู่รอบตัวของจุนมยอน

    “เออๆ..รู้แล้วๆ  เป็นแค่มนุษย์อย่ามาสั่งทูตสวรรค์อย่างฉันสิ”

    จุนมยอนรู้สึกเหมือนมีลมกระแทกเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้าง  รู้สึกเคืองจนต้องเอามือขยี้ตาไปมา

    “ฮัลโหล!

    “เฮ้ย!”  ตกใจจนหงายหลังกองลงไปกับพื้นเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของคนที่สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวยืนยิ้มโบกมือทักทายอยู่ตรงหน้า..แสงออร่าที่ออกมารอบๆตัวของคนๆนั้นทำให้รู้สึกราวกับเป็นเทวดาตัวน้อยๆ..หรือว่า!

    “เทพแห่งแสงสว่าง!

     

     

    “เกิดอะไรขึ้น!”  เสียงโวยวายของคริสดังขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยฉุกเฉิน  เขาเพิ่งรู้ข่าวเมื่อตอนเช้านี้เองว่าเพื่อนสนิทอย่างดีโอถูกรถชน

    “เบาๆหน่อยคริส  นี้โรงพยาบาลนะ”  เถา  เพื่อนสนิทอีกคนของคริสกล่าวเตือน

    “อาการดีโอเป็นไงบ้าง”  คริสพยายามทำใจให้เย็นลงพลางมองลอดผ่านกระจกตรงช่องประตูเข้าไปมองร่างของเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

    “หมอบอกว่าปลอดภัยแต่ยังไม่รู้สึกตัว..อาจจะ..

    “อาจจะอะไร”  คริสถามอย่างร้อนรนเมื่อเห็นว่าเถาเริ่มมีน้ำตาคลอ  เพื่อนคนนี้อ่อนไหวและร้องไห้ง่ายแค่ไหนเขารู้ดี

    “อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา..”  เถาบอกพลางปล่อยโฮออกมาทันที  คริสกระชับร่างของเพื่อนเข้ามากอดปลอบ

    “มันเป็นเพราะฉันคนเดียว..ถ้าไม่ขอร้องให้ดีโออยู่ช่วยทำงานจนดึก..ดีโอคงไม่โดนรถชนแบบนี้”  เมื่อคืนเขาต้องเร่งทำรายงานให้เสร็จ  เลยขอร้องให้ดีโอไปช่วยทำที่บ้าน  พอทำเสร็จก็ดึกแล้วเขาอาสาจะขับรถไปส่งแต่เพื่อนก็ไม่ยอม  บอกลากันที่สวนสาธารณะแถวบ้านเขา  เพียงแค่หันหลังกลับไปยังไม่ถึงนาทีเสียงเบรครถและเสียงดัง  ปั้งของร่างดีโอที่กระทบกับตัวรถก็ดังขึ้น

    “มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ..เลิกโทษตัวเองได้แล้ว  ตอนนี้ที่เราทำได้คืออธิษฐานให้ดีโอปลอดภัยเท่านั้น” 

    เถารับผ้าเช็ดหน้าจากคริสมาซับน้ำตาเมื่อเริ่มทำใจให้เย็นลงได้แล้ว  ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนข้างๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

    “นายพูดเหมือนคุณลุงคนหนึ่งเลย..

    “ลุงที่ไหน”

    “ก็ลุงภารโรงของโรงเรียนเราที่แก่ที่สุดไง  จำไม่ได้ว่าลุงเขาชื่ออะไรแต่ฉันจำหน้าได้ว่าลุงเขาเป็นภารโรงที่โรงเรียนเรา  เขาก็ปลอบฉันแบบที่นายบอกนั้นแหละ..ตอนนี้ที่ทำได้คือแค่อธิษฐานให้ดีโอปลอดภัยเท่านั้น”

    “อ้อ..ตาลุงนั้นน่ะเหรอ”  คริสพึมพำพลางนึกถึงลุงภารโรงแก่ๆคนหนึ่งที่โรงเรียน  นึกถึงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา  ไม่มีใครกล้าว่าเขาแบบที่ตาลุงนั้นทำมาก่อน  แถมยังกล้าเมินเงินที่เขาให้อีก  เฮอะ!  นึ กว่าตัวเองเป็นใครกัน  พอนึกได้ก็ชักอยากจะเล่นงานขึ้นมาซะแล้วสิ  จะได้รู้ไว้ว่าอย่ามาทำกร่างกับคนอย่างอู๋อี้ฟาน 







     

    *****  Rolling  Back  *****









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×