คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
“สู้ๆนะเพื่อน ฉันต้องไปเข้าชมรมก่อน”
“นี้ไอ้ซาลาเปาทำไมช่วงนี้ขยันเข้าชมรมจังฮะ มาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันไปเฝ้ามาจะหนึ่งอาทิตย์แล้วนายอี้ฟานนั้นก็ยังปฏิเสธอยู่ดี” ซูโฮรีบรั้งแขนเพื่อนไว้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่กิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนใหม่ของเขาคือการไปเฝ้าตามตื้ออู๋อี้ฟานที่โรงยิม แต่ความพยายามของเขาก็ยังไม่เป็นผลซักทีจนเริ่มจะท้อแล้ว
“ไหนลองบอกมาสิว่านายไปตามตื้อหมอนั้นยังไง” มินซอกลากเพื่อนมานั่งคุยกันที่ม้านั่งบริเวณหน้าห้องชมรมดนตรี ชมรมที่ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานอยู่
“อืม.วันแรกกับวันที่สองไปนั่งรอเฉยๆ มีไปคุยด้วยช่วงพักพอซักประมาณเกือบหกโมงฉันก็กลับบ้าน วันต่อๆมารู้สึกว่านั่งรอเฉยๆมันเสียเวลาเลยเอาการบ้านไปนั่งทำไม่ก็เอาหนังสือไปอ่านรอ พอช่วงพักก็ค่อยไปคุย”
“นายเอาหนังสือไปอ่านท่ามกลางเสียงกรี้ดของแฟนคลับคริสเนี่ยนะ” มินซอกมองเพื่อนตาถลน
“แล้วนายก็ไม่ได้สนใจดูการซ้อมบาสที่ใครๆเขาลือนักลือหนาว่าคริสเท่อย่างนั้นเท่อย่างนี้” ท่าทางพยักหน้าหงึกหงักของเพื่อนรักทำเอามินซอกถึงกับต้องเอามือกุมหน้าผาก
“ฉันรู้ว่านายน่ะมันเด็กเรียนนะซูโฮ แต่นายจะมีสมาธิสูงส่งมากไปหน่อยรึเปล่าฮะ!”
“แล้วสมาธิสูงมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตามตื้อนายอี้ฟาน” ซูโฮก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
“ไอ้บื้อเอ้ย! นายคิดดูนะว่าจะมีซักกี่คนที่สนใจการบ้านกับหนังสือเรียนมากกว่าคริสที่อยู่ตรงหน้า”
“เอ๋..ถามแบบนี้แล้วฉันจะไปรู้เหรอ แต่คิดว่าคงมีไม่น้อยหรอกมั้ง”
“ไม่มีเลยต่างหากเว้ย! นั้นใคร คริส! นั้นคริสเลยนะ! นายคิดเหรอว่าคนที่ฮอทขนาดนั้นจะรู้สึกดีถ้ามีคนให้ความสนใจกับอะไรที่มันสุดแสนจะน่าเบื่ออย่างหนังสือเรียนมากกว่าตัวเขาเอง”
“สรุปว่าฉันผิดที่ให้ความสนใจหนังสือมากกว่าเขา” ซูโฮเริ่มค่อยๆเข้าใจความหมายที่เพื่อนรักบอก มินซอกดีดนิ้วดัง เป๊าะ! เป็นสัญญาณบอกประมาณว่าถูกต้อง
“แต่จะให้ฉันไปรอเฉยๆมันก็เสียเวลานิ”
“เฮ้ย..เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการจีบสาวหรอกน่า ถ้านายต้องการความรักจากเธอนายก็ต้องแสดงให้เห็นว่านายสนใจเธอไง”
“แต่ฉันไม่ได้จะจีบอู๋อี้ฟานซะหน่อย!” ซูโฮอดโพล่งออกมาไม่ได้
“มันเป็นการเปรียบเทียบต่างหากเล่า! คิดดูนะจะขอร้องให้เขาช่วยเราเราก็ต้องแสดงท่าทีว่าเราสนใจเขาใช่ไหมละ” ซูโฮคิดตามที่มินซอกบอกก็เริ่มจะคล้อยตาม หรือว่าการที่นายอี้ฟานนั้นยังปฏิเสธเพราะว่าเขายังไม่แสดงความจริงใจในการอยากติวหนังสือให้เห็นกันนะ อาจจะมีส่วนก็ได้
“โอเค งั้นวันนี้ฉันจะไปนั่งดูเฉยๆ”
“เดี๋ยว! เรื่องแบบนี้มีอีกอย่างที่ขาดไม่ได้”
“อะไรของนายอีกล่ะ”
“ของเซ่นไง!”
สายตาของซูโฮกำลังจับจ้องไปที่สนามบาสตรงหน้า มองดูคนตัวสูงที่รัศมีของความหน้าตาดีเจิดจรัสกว่าใครเพื่อนกำลังวิ่งไล่ตามลูกบาส เสียงร้องเชียร์จากเด็กสาวดังเป็นระยะๆเมื่อหนุ่มหล่อคนนั้นชูทบาสลงห่วงได้
“น่าเบื่อชะมัด” เขาพึมพำพลางเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าหาเพื่อนแก้เบื่อ ไม่ใช่อะไรที่ไหน หนังสือเรียนนั้นเอง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของมินซอกเมื่อตอนเย็นก็รีบยัดมันลงไปในกระเป๋าตามเดิม
“ต้องแสดงความจริงใจสินะ..แล้วก็ของเซ่น” เหลือบมองผลแอปเปิ้ลที่อยู่ในถุง ไม่รู้ไอ้เพื่อนรักมันไปถามแฟนคลับของนายอี้ฟานคนนี้มาจากไหนถึงได้มาบอกเขาว่าอี้ฟานชอบกินแอปเปิ้ล เลยต้องเดือดร้อนไปหาซื้อมาเซ่นก่อนมานั่งเฝ้า
เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้นักกีฬาที่ซ้อมอยู่พักได้ และมันยังเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไปตามตื้ออี้ฟานแล้ว นั่งรอซักพักจนแฟนคลับที่เข้าไปรุมล้อมเริ่มซาลงก็ได้เวลาที่ซูโฮต้องออกโรง
“อ้าว! มาอีกแล้วนะครับพี่ซูโฮ” รุ่นน้องในทีมบาสที่ชื่อ ‘เถา’ เอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา อย่างน้อยระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่มานั่งเฝ้าอี้ฟานเขาก็ได้คนรู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคน
“หวัดดีเถา สบายดีนะ” เขาได้แต่ทักทายกลับไปตามมารยาทเพราะยังไม่ชินกับการพูดคุยกับคนที่ไม่สนิทกันเท่าไหร่นัก
“ตอนนี้เหนื่อยครับ” เถาตอบพลางเอาผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มใบหน้า ซูโฮได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้ รู้สึกอายนิดๆที่ถามคนที่เพิ่งวิ่งไม่หยุดเกือบชั่วโมงออกไปว่าสบายดีไหม
“เฮียอยู่ตรงโน้นครับ เห็นวันนี้บ่นเจ็บขาแฟนคลับเลยอดถ่ายรูปกันไปเลย”
“เหรอ” ชะโงกหน้าไปทางที่นั่งอีกฝั่งที่ไม่ค่อยมีคน ก็เห็นเป้าหมายของเขากำลังนวดข้อเท้าตัวเองอยู่ มิน่าละถึงรู้สึกว่าทำไมวันนี้พวกสาวๆกลับขึ้นมานั่งบนอัฒจันทร์เร็วกว่าปกติ
“สวัสดีอู๋อี้ฟาน” ซูโฮกล่าวทักอีกคนด้วยประโยคเดิมๆเช่นทุกวัน
“บอกแล้วไงว่าไม่ติว” แล้วหนุ่มหล่อก็ตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมๆเช่นกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนซูโฮจะทำหน้านิ่งเพื่อเก็บอารมณ์โกรธก่อนจะทิ้งท้ายว่า ‘งั้นไว้พรุ่งนี้จะมาถามดูอีกที’ แล้วก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปทันที แต่มาวันนี้เขากลับปั้นหน้ายิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์โกรธแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
“วันนี้ฉันเอาแอปเปิ้ลมาฝากด้วยละ”
คริสเงยหน้าจากข้อเท้าที่กำลังนวดอยู่ขึ้นมามองเด็กเรียนใส่แว่นอย่างแปลกใจ ภาพที่เห็นคือคนที่กำลังปั้นหน้ายิ้มอย่างฝืนทนสุดๆพลางยื่นถุงที่ใส่ผลแอปเปิ้ลมาให้เขา นั้นทำให้เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ..นายนี้มัน”
“ทะ..ทำไม ฉันทำไม” จากที่ฝืนยิ้มก็หลุดอารมณ์หงุดหงิดออกมาเมื่อเห็นใครอีกคนนั่งขำเขาอยู่
“นี้ถามจริงเถอะ..เอาแอปเปิ้ลมาฝากเนี่ยเต็มใจหรือว่าหวังผลอะไร” ซูโฮทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเซ็งๆ ในเมื่อจับทางกันได้ขนาดนี้ก็พูดตรงๆเลยแล้วกัน เขาก็ไม่ชอบนักหรอกกับการทำอะไรที่เหมือนสวมหน้ากากใส่กันแบบนี้
“เอาตรงๆเลยนะ ที่ซื้อมาให้เนี่ยเพราะหวังผล”
“แค่เห็นสีหน้าตอนนายยิ้มก็รู้แล้ว” รู้แล้วยังจะถามเพื่อ! ซูโฮได้แต่บ่นในใจไม่อยากพูดอะไรมากเดี๋ยวจะเสียเรื่องเปล่าๆ
“เอาตรงๆเลยนะอี้ฟาน ฉันขอร้องละให้ฉันติวให้นายเถอะนะ นายก็รู้เรื่องทั้งหมดจากครูใหญ่แล้วนิ ตอนนี้มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นจริงๆที่ช่วยฉันได้” ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่ต้องเสแสร้ง เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกท้อจริงๆ ถ้าอี้ฟานยังไม่ยอมให้ความร่วมมือแบบนี้เห็นทีอนาคตทางการศึกษาของเขาดับวูบแน่ๆ
“ถ้าฉันให้ความร่วมมือกับนายแล้วฉันจะได้อะไรล่ะ” คริสถามข้อเสนอ
“ก็นายจะได้มีความรู้ไปสอบเพิ่มขึ้นไง ผลการเรียนของนายก็จะดีขึ้น โอกาสในการเข้ามหา..”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียน เรื่องนั้นฉันไม่สนอยู่แล้ว ฉันหมายถึงผลประโยชน์ด้านอื่นต่างหาก”
“นายบอกมาเลยดีกว่าว่านายต้องการอะไร” ซูโฮถามออกไปตรงๆพลางจ้องหน้าคริสเขม่ง
“ก็ไม่อะไรนักหรอกแค่ทำตามใจฉันก็พอ แค่นี้ทำได้ไหมละ” คริสยื่นขอเสนอ ซูโฮทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะถามต่อ
“ไอ้ที่ว่าทำตามใจนายน่ะมันคืออะไร บอกไว้ก่อนว่าถ้าเป็นเรื่องอันตรายหรืออะไรที่มันเสียๆหายๆข้อเสนอนี้ก็ไม่ผ่านหรอกนะ” คนฉลาดอย่างซูโฮเหรอจะยอมข้อเสนอที่มีช่องโหว่มากมายขนาดนี้ง่ายๆ
“หมายถึงให้นายมาเป็นเบ๊ฉันไง อย่างไปซื้อของมาให้ตามที่ฉันบอก ไม่ก็ช่วยเก็บกระเป๋าหลังซ้อมบาสเสร็จ แล้วก็อื่นๆตามแต่จะคิดออกก็แค่หน้าที่เบ๊ทำได้ไหมล่ะ”
“โอเค..งั้นฉันขอยื่นข้อเสนอบ้าง”
“ว่ามา”
“นายต้องเป็นนักเรียนที่ดีแค่นั้นพอ ทำได้ไหมละอู๋อี้ฟาน”
“สบายมาก”
“เป็นอันตกลงตามนี้ วินวิน กันทั้งสองฝ่าย แต่สัญญาลมปากน่ะมันใช้อะไรไม่ได้หรอก พรุ่งนี้นายไปเขียนข้อตกลงของนายมาส่วนฉันจะกลับไปเขียนของฉัน แล้วเรามาแลกกันเซ็น ตามนั้นนะ เจอกันพรุ่งนี้” ซูโฮคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีเล็กน้อยเมื่อการเจรจาผ่านพ้นไปด้วยดี ก็แค่เป็นเบ๊มันไม่หนักหนาสาหัสอะไรหนักหรอกน่า
“หึ! วินวิน กันทั้งสองฝ่ายงั้นเหรอ คิดว่ากำลังต่อรองกับใครอยู่คิมจุนมยอน” คริสมองตามแผ่นหลังของคนที่กำลังก้าวเดินออกจากโรงยิม พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์
~~~~~ LOVE LESSON ~~~~~
ความคิดเห็น