ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Lesson ติววุ่นลุ้นรัก (FIC EXO- Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 55


    “สู้ๆนะเพื่อน  ฉันต้องไปเข้าชมรมก่อน”

                “นี้ไอ้ซาลาเปาทำไมช่วงนี้ขยันเข้าชมรมจังฮะ  มาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ  ฉันไปเฝ้ามาจะหนึ่งอาทิตย์แล้วนายอี้ฟานนั้นก็ยังปฏิเสธอยู่ดี”  ซูโฮรีบรั้งแขนเพื่อนไว้  เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่กิจวัตรประจำวันหลังเลิกเรียนใหม่ของเขาคือการไปเฝ้าตามตื้ออู๋อี้ฟานที่โรงยิม  แต่ความพยายามของเขาก็ยังไม่เป็นผลซักทีจนเริ่มจะท้อแล้ว

                “ไหนลองบอกมาสิว่านายไปตามตื้อหมอนั้นยังไง”  มินซอกลากเพื่อนมานั่งคุยกันที่ม้านั่งบริเวณหน้าห้องชมรมดนตรี  ชมรมที่ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานอยู่

                “อืม.วันแรกกับวันที่สองไปนั่งรอเฉยๆ  มีไปคุยด้วยช่วงพักพอซักประมาณเกือบหกโมงฉันก็กลับบ้าน  วันต่อๆมารู้สึกว่านั่งรอเฉยๆมันเสียเวลาเลยเอาการบ้านไปนั่งทำไม่ก็เอาหนังสือไปอ่านรอ  พอช่วงพักก็ค่อยไปคุย”                

              “นายเอาหนังสือไปอ่านท่ามกลางเสียงกรี้ดของแฟนคลับคริสเนี่ยนะ”  มินซอกมองเพื่อนตาถลน

                “แล้วนายก็ไม่ได้สนใจดูการซ้อมบาสที่ใครๆเขาลือนักลือหนาว่าคริสเท่อย่างนั้นเท่อย่างนี้”  ท่าทางพยักหน้าหงึกหงักของเพื่อนรักทำเอามินซอกถึงกับต้องเอามือกุมหน้าผาก

                “ฉันรู้ว่านายน่ะมันเด็กเรียนนะซูโฮ  แต่นายจะมีสมาธิสูงส่งมากไปหน่อยรึเปล่าฮะ!

                “แล้วสมาธิสูงมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตามตื้อนายอี้ฟาน”  ซูโฮก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี

                “ไอ้บื้อเอ้ยนายคิดดูนะว่าจะมีซักกี่คนที่สนใจการบ้านกับหนังสือเรียนมากกว่าคริสที่อยู่ตรงหน้า”

                “เอ๋..ถามแบบนี้แล้วฉันจะไปรู้เหรอ  แต่คิดว่าคงมีไม่น้อยหรอกมั้ง”

                “ไม่มีเลยต่างหากเว้ยนั้นใคร  คริสนั้นคริสเลยนะ!  นายคิดเหรอว่าคนที่ฮอทขนาดนั้นจะรู้สึกดีถ้ามีคนให้ความสนใจกับอะไรที่มันสุดแสนจะน่าเบื่ออย่างหนังสือเรียนมากกว่าตัวเขาเอง”     

                “สรุปว่าฉันผิดที่ให้ความสนใจหนังสือมากกว่าเขา”  ซูโฮเริ่มค่อยๆเข้าใจความหมายที่เพื่อนรักบอก  มินซอกดีดนิ้วดัง  เป๊าะเป็นสัญญาณบอกประมาณว่าถูกต้อง

                “แต่จะให้ฉันไปรอเฉยๆมันก็เสียเวลานิ”

                “เฮ้ย..เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการจีบสาวหรอกน่า  ถ้านายต้องการความรักจากเธอนายก็ต้องแสดงให้เห็นว่านายสนใจเธอไง”

                “แต่ฉันไม่ได้จะจีบอู๋อี้ฟานซะหน่อย!”  ซูโฮอดโพล่งออกมาไม่ได้

                “มันเป็นการเปรียบเทียบต่างหากเล่าคิดดูนะจะขอร้องให้เขาช่วยเราเราก็ต้องแสดงท่าทีว่าเราสนใจเขาใช่ไหมละ”  ซูโฮคิดตามที่มินซอกบอกก็เริ่มจะคล้อยตาม  หรือว่าการที่นายอี้ฟานนั้นยังปฏิเสธเพราะว่าเขายังไม่แสดงความจริงใจในการอยากติวหนังสือให้เห็นกันนะ  อาจจะมีส่วนก็ได้

                “โอเค  งั้นวันนี้ฉันจะไปนั่งดูเฉยๆ”

                “เดี๋ยวเรื่องแบบนี้มีอีกอย่างที่ขาดไม่ได้”

                “อะไรของนายอีกล่ะ”

                “ของเซ่นไง!

     

     

                สายตาของซูโฮกำลังจับจ้องไปที่สนามบาสตรงหน้า  มองดูคนตัวสูงที่รัศมีของความหน้าตาดีเจิดจรัสกว่าใครเพื่อนกำลังวิ่งไล่ตามลูกบาส  เสียงร้องเชียร์จากเด็กสาวดังเป็นระยะๆเมื่อหนุ่มหล่อคนนั้นชูทบาสลงห่วงได้ 

                “น่าเบื่อชะมัด”  เขาพึมพำพลางเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าหาเพื่อนแก้เบื่อ  ไม่ใช่อะไรที่ไหน  หนังสือเรียนนั้นเอง  แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของมินซอกเมื่อตอนเย็นก็รีบยัดมันลงไปในกระเป๋าตามเดิม

                “ต้องแสดงความจริงใจสินะ..แล้วก็ของเซ่น”  เหลือบมองผลแอปเปิ้ลที่อยู่ในถุง  ไม่รู้ไอ้เพื่อนรักมันไปถามแฟนคลับของนายอี้ฟานคนนี้มาจากไหนถึงได้มาบอกเขาว่าอี้ฟานชอบกินแอปเปิ้ล  เลยต้องเดือดร้อนไปหาซื้อมาเซ่นก่อนมานั่งเฝ้า

                เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้นักกีฬาที่ซ้อมอยู่พักได้  และมันยังเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไปตามตื้ออี้ฟานแล้ว  นั่งรอซักพักจนแฟนคลับที่เข้าไปรุมล้อมเริ่มซาลงก็ได้เวลาที่ซูโฮต้องออกโรง

                “อ้าวมาอีกแล้วนะครับพี่ซูโฮ”  รุ่นน้องในทีมบาสที่ชื่อ  เถา’  เอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา  อย่างน้อยระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่มานั่งเฝ้าอี้ฟานเขาก็ได้คนรู้จักเพิ่มอีกหนึ่งคน

                “หวัดดีเถา  สบายดีนะ”  เขาได้แต่ทักทายกลับไปตามมารยาทเพราะยังไม่ชินกับการพูดคุยกับคนที่ไม่สนิทกันเท่าไหร่นัก

                “ตอนนี้เหนื่อยครับ”  เถาตอบพลางเอาผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มใบหน้า  ซูโฮได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้  รู้สึกอายนิดๆที่ถามคนที่เพิ่งวิ่งไม่หยุดเกือบชั่วโมงออกไปว่าสบายดีไหม

                “เฮียอยู่ตรงโน้นครับ  เห็นวันนี้บ่นเจ็บขาแฟนคลับเลยอดถ่ายรูปกันไปเลย”      

                “เหรอ”  ชะโงกหน้าไปทางที่นั่งอีกฝั่งที่ไม่ค่อยมีคน  ก็เห็นเป้าหมายของเขากำลังนวดข้อเท้าตัวเองอยู่  มิน่าละถึงรู้สึกว่าทำไมวันนี้พวกสาวๆกลับขึ้นมานั่งบนอัฒจันทร์เร็วกว่าปกติ

                “สวัสดีอู๋อี้ฟาน”  ซูโฮกล่าวทักอีกคนด้วยประโยคเดิมๆเช่นทุกวัน

                “บอกแล้วไงว่าไม่ติว”  แล้วหนุ่มหล่อก็ตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมๆเช่นกัน 

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนซูโฮจะทำหน้านิ่งเพื่อเก็บอารมณ์โกรธก่อนจะทิ้งท้ายว่า  งั้นไว้พรุ่งนี้จะมาถามดูอีกที’  แล้วก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปทันที  แต่มาวันนี้เขากลับปั้นหน้ายิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์โกรธแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

    “วันนี้ฉันเอาแอปเปิ้ลมาฝากด้วยละ” 

    คริสเงยหน้าจากข้อเท้าที่กำลังนวดอยู่ขึ้นมามองเด็กเรียนใส่แว่นอย่างแปลกใจ  ภาพที่เห็นคือคนที่กำลังปั้นหน้ายิ้มอย่างฝืนทนสุดๆพลางยื่นถุงที่ใส่ผลแอปเปิ้ลมาให้เขา  นั้นทำให้เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้

    “ฮ่าๆๆๆ..นายนี้มัน”

    “ทะ..ทำไม  ฉันทำไม”  จากที่ฝืนยิ้มก็หลุดอารมณ์หงุดหงิดออกมาเมื่อเห็นใครอีกคนนั่งขำเขาอยู่

    “นี้ถามจริงเถอะ..เอาแอปเปิ้ลมาฝากเนี่ยเต็มใจหรือว่าหวังผลอะไร”  ซูโฮทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเซ็งๆ  ในเมื่อจับทางกันได้ขนาดนี้ก็พูดตรงๆเลยแล้วกัน  เขาก็ไม่ชอบนักหรอกกับการทำอะไรที่เหมือนสวมหน้ากากใส่กันแบบนี้

    “เอาตรงๆเลยนะ  ที่ซื้อมาให้เนี่ยเพราะหวังผล”

    “แค่เห็นสีหน้าตอนนายยิ้มก็รู้แล้ว”  รู้แล้วยังจะถามเพื่อซูโฮได้แต่บ่นในใจไม่อยากพูดอะไรมากเดี๋ยวจะเสียเรื่องเปล่าๆ

    “เอาตรงๆเลยนะอี้ฟาน  ฉันขอร้องละให้ฉันติวให้นายเถอะนะ  นายก็รู้เรื่องทั้งหมดจากครูใหญ่แล้วนิ  ตอนนี้มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นจริงๆที่ช่วยฉันได้”  ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่ต้องเสแสร้ง  เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกท้อจริงๆ  ถ้าอี้ฟานยังไม่ยอมให้ความร่วมมือแบบนี้เห็นทีอนาคตทางการศึกษาของเขาดับวูบแน่ๆ

    “ถ้าฉันให้ความร่วมมือกับนายแล้วฉันจะได้อะไรล่ะ”  คริสถามข้อเสนอ

    “ก็นายจะได้มีความรู้ไปสอบเพิ่มขึ้นไง  ผลการเรียนของนายก็จะดีขึ้น  โอกาสในการเข้ามหา..

    “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียน  เรื่องนั้นฉันไม่สนอยู่แล้ว  ฉันหมายถึงผลประโยชน์ด้านอื่นต่างหาก” 

    “นายบอกมาเลยดีกว่าว่านายต้องการอะไร”  ซูโฮถามออกไปตรงๆพลางจ้องหน้าคริสเขม่ง

    “ก็ไม่อะไรนักหรอกแค่ทำตามใจฉันก็พอ  แค่นี้ทำได้ไหมละ”  คริสยื่นขอเสนอ  ซูโฮทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะถามต่อ

    “ไอ้ที่ว่าทำตามใจนายน่ะมันคืออะไร  บอกไว้ก่อนว่าถ้าเป็นเรื่องอันตรายหรืออะไรที่มันเสียๆหายๆข้อเสนอนี้ก็ไม่ผ่านหรอกนะ”  คนฉลาดอย่างซูโฮเหรอจะยอมข้อเสนอที่มีช่องโหว่มากมายขนาดนี้ง่ายๆ

    “หมายถึงให้นายมาเป็นเบ๊ฉันไง  อย่างไปซื้อของมาให้ตามที่ฉันบอก  ไม่ก็ช่วยเก็บกระเป๋าหลังซ้อมบาสเสร็จ  แล้วก็อื่นๆตามแต่จะคิดออกก็แค่หน้าที่เบ๊ทำได้ไหมล่ะ”    

    “โอเค..งั้นฉันขอยื่นข้อเสนอบ้าง”

    “ว่ามา”

    “นายต้องเป็นนักเรียนที่ดีแค่นั้นพอ  ทำได้ไหมละอู๋อี้ฟาน”

    “สบายมาก”

    “เป็นอันตกลงตามนี้  วินวิน  กันทั้งสองฝ่าย  แต่สัญญาลมปากน่ะมันใช้อะไรไม่ได้หรอก  พรุ่งนี้นายไปเขียนข้อตกลงของนายมาส่วนฉันจะกลับไปเขียนของฉัน  แล้วเรามาแลกกันเซ็น  ตามนั้นนะ  เจอกันพรุ่งนี้”  ซูโฮคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีเล็กน้อยเมื่อการเจรจาผ่านพ้นไปด้วยดี  ก็แค่เป็นเบ๊มันไม่หนักหนาสาหัสอะไรหนักหรอกน่า

    “หึวินวิน  กันทั้งสองฝ่ายงั้นเหรอ  คิดว่ากำลังต่อรองกับใครอยู่คิมจุนมยอน”  คริสมองตามแผ่นหลังของคนที่กำลังก้าวเดินออกจากโรงยิม  พลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ 








     

    ~~~~~  LOVE  LESSON  ~~~~~









     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×