คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1
เสียงลูกบาสดังกระทบพื้นพร้อมกับเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นสนามดังเอี๊ยดอ๊าด กอรปกับเสียงเชียร์ของสาวๆที่มานั่งดู ‘คริส’ หนุ่มหล่อกัปตันทีมบาสที่กำลังซ้อมบาสอยู่ ทำให้ซูโฮรู้สึกประหม่าเพราะมองไปรอบๆแล้วเหมือนเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่นั่งอยู่ที่นี้
‘นายมาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ’ ส่งข้อความไปหามินซอกเพื่อนตัวเล็กที่เจ้าตัวบอกว่ากำลังดูแลเด็กที่ชมรมดนตรีอยู่
‘ขอโทษทีว่ะ..พอดีมีเด็กใหม่เข้าชมรม เห็นน้องๆมันบอกเสียงดีมาก ต้องรอต้อนรับก่อน โชคดีนะเว้ยเพื่อน ^^’
ให้เขาเดาเด็กใหม่ของชมรมดนตรีนั้นต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ไอ้เพื่อนรักถึงได้กล้าทิ้งเขาลงแบบนี้ เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนคอยดูเหอะนะไอ้มินซอกวันหลังจะไม่ให้ลอกการบ้าน
“พักแล้วๆ ไปขอถ่ายรูปเลยแก” เสียงเด็กสาวที่นั่งข้างๆทำให้เขาเงยหน้าจากจอมือถือ มองลงไปที่สนามก็เห็นว่านักกีฬากำลังนั่งพักกันอยู่ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็ห้าโมงกว่าแล้ว ถ้ารอซ้อมเสร็จก็กลัวจะค่ำ ไปคุยตอนนี้เลยนี้แหละจะได้จบๆ
“ถ้าจะฮอตขนาดนั้น”
ซูโฮยืดตัวมองฝ่าฝูงสาวๆที่ห้อมล้อมเป้าหมายของเขาอยู่ เห็นทีจะแหวกวงล้อมไปคุยกับอี้ฟานคงยาก เลยตัดสินใจลองโทรเข้ามือถือ รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับเลยเพิ่งสังเกตเห็นว่านักบาสคงไม่พกมือถือตอนกำลังซ้อมอยู่หรอก แล้วจะทำไงดีละทีนี้
“พี่ครับ ช่วยผมยกหน่อยสิ” เขาหันไปตามเสียงเรียกด้านหลังก็เห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ในชุดบาสหอบลังใส่ขวดน้ำเต็มทั้งสองแขนเลยรีบเข้าไปช่วยตามคำขอโดยแบ่งมาถือไว้แพคหนึ่ง
“ขอบคุณครับ ยกตามผมมานะ” เด็กตัวสูงขอบตาคล้ำๆมองเผินๆอย่างกับแพนด้าบอกพร้อมกับเดินนำเขาฝ่าฝูงชนสาวๆที่ห้อมล้อมกัปตันทีมบาสอยู่เข้าไป
“สาวๆขอทางหน่อยครับ”
“ขอบคุณครับ วางไว้ตรงนั้นแหละ” เขาวางแพคขวดน้ำลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่ไว้วางของข้างสนามบาส
“งั้นไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวครับๆ พี่ช่วยเอาน้ำไปให้พี่คริสทีนะ ผมต้องเอาไปให้คนอื่นก่อนขี้เกียจฝ่าวงล้อมสาวๆไปให้เฮียแก” ยัดขวดน้ำลงในมือของคนที่กำลังทำหน้างงก่อนจะผละตัวออกไปทางอื่น
“สู้ๆนะคะพี่คริส” สาวๆกลุ่มสุดท้ายโบกมือลาพร้อมกับเดินกลับไปนั่งบนอัฒจันทร์ตามเดิม ซูโฮถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าทางโล่งแล้ว
“เหลือเวลาพักอีกห้านาทีหมดเวลาให้ถ่ายรูปแล้ว” คนที่กำลังจะยื่นขวดน้ำไปให้ชะงักกึกเมื่อได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า ใครอยากจะมาถ่ายรูปกับนายกันเล่า นี้ถ้าเป็นสาวๆคงไม่พูดไล่แบบนี้หรอกใช่ไหม แม้จะเกิดอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อยแต่คนใจเย็นอย่างซูโฮก็ยังคงปั้นหน้านิ่ง
“เปล่า..ไม่ได้จะมาถ่ายรูป เด็กคนนั้น” เขาชี้ไปที่เด็กผู้ชายตัวสูงที่กำลังนวดข้อเท้าตัวเองอยู่
“เถาน่ะเหรอ”
“ไม่รู้หรอก เขาให้ฉันเอาน้ำมาให้นาย”
คริสมองคนตรงหน้า นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ผู้ชายท่าทางซื่อๆใส่แว่นแลดูเป็นเด็กเรียนมาอยู่ที่โรงยิมในเวลาแบบนี้แทนที่จะเป็นโรงเรียนกวดวิชา
“ขอบใจ”
คนตัวสูงรับขวดน้ำพร้อมกับกำลังหันหลังจะเดินจากไป ซูโฮที่เพิ่งนึกได้ว่าต้องคุยธุระกับกัปตันทีมบาสจึงรีบวิ่งไปดักหน้าไว้
“จุนมยอน ฉันคือคิมจุนมยอน” แนะนำตัวเองไปโดยหวังว่าถ้าอีกคนได้ยินชื่อแล้วคงรู้ว่าเขามาหาทำไม แต่ไอ้คิ้วขมวดที่ส่งกลับมาให้นั้นมันอะไรกัน
“นายมาบอกฉันทำไม” ซูโฮรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองค่อยๆร้าว แต่ก็ยังคงพูดต่อไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมซักหน่อยโดยหวังว่าอีกคนคงนึกออก
“ก็คนที่ครูใหญ่ให้มาติวให้นายไง”
คริสทำท่านึกเล็กน้อยก่อนจะร้อง อ๋อ ออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ เห็นท่าทางนึกได้ของอีกคนซูโฮก็รู้สึกใจชื้น ท่าทางแบบนี้เห็นทีคงคุยด้วยไม่ยากแต่ประโยคต่อมาของคริสทำเอาเขาเริ่มปวดหัวอีกครั้ง
“ไร้สาระ ฉันกะจะเรียนเอกชนอยู่แล้ว ไม่ต้องมาตงมาติวอะไรหรอก”
“เฮ้ย! แต่ครูใหญ่..”
“ใครก็บังคับฉันไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็วิ่งลงไปในสนามเพื่อซ้อมบาสต่อ ทิ้งให้ใครอีกคนยื่นนิ่งอยู่กับที่
ซูโฮมองคนที่กำลังเลี้ยงลูกบาสอยู่ในสนามก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องฟ้องครูใหญ่ เร็วเท่าความคิดนักเรียนดีเด่นซูโฮก็ต่อสายโทรศัพท์ถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทันทีอย่างไม่มีอาการเกรงใจว่าโทรนอกเวลาราชการ ตอนนี้เขาเกรงใจไม่ลงแล้วละเรื่องเป็นตายต่ออนาคตการศึกษาขนาดนี้
“ฮ่าๆ กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ นั้นมันก็หน้าที่ของเธอด้วยนะซูโฮ บอกแล้วไงฉันช่วยเธอได้มากสุดแค่นี้จริงๆ ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้ ไอ้หลานชายน่ะมันชอบให้คนตามใจบอกเคล็ดลับแค่นี้แหละ จัดการเต็มที่เลยนะฉันเชื่อว่าเธอทำได้”
แทบเข่าทรุดเมื่อได้ยินคำพูดของครูใหญ่ ขนาดเป็นลุงแท้ๆไอ้เจ้านั้นยังไม่ยอมฟัง แล้วเขาซึ่งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้คิดว่าเจ้าอู๋อี้ฟานนั้นมันจะยอมฟังเหรอไง
“ฝากไว้ก่อนเถอะอู๋อี้ฟาน” กำมือแน่นพร้อมกับส่งสายตามุ่งมั่นไปให้คนที่กำลังชูแขนวิ่งโร่อยู่ในสนามเพราะเพิ่งจะชูทลูกสามแต้มลงได้
“อนาคตทางการศึกษาฉันขึ้นอยู่กับนายด้วย..ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆหรอก” ดันแว่นสายตาขึ้นก่อนจะกระชับเป้ที่หลังพร้อมเดินออกจากยิมไป ถึงจะพูดออกมาอย่างมั่นใจขนาดนั้นแต่ในใจคิมจุนมยอนคนนี้ก็อดหวั่นไม่ได้เหมือนกัน
กลับมาถึงบ้านซูโฮก็ต้องเจอกับสมรภูมิอีกอย่าง น้องชายจอมหวงพี่!
“พี่ซูโฮ จริงไหมที่พี่โดนยายเซอึนนั้นใส่ร้ายน่ะ” ‘คิมจงอิน’ หรือที่เขามักจะเรียกว่า ‘ไค’ น้องชายแท้ๆที่มีนิสัยอย่างหนึ่งคือ เป็นโรคหวงพี่ชายสุดๆ โวยวายทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในบ้าน
“ใครเล่าให้ฟังละ”
“ก็ดีโอบอก” หันไปทาง ‘โดคยองซู’ สมาชิกในบ้านอีกคนที่เขากับไคแล้วก็คนที่สนิทด้วยมักจะเรียกชื่อเล่นว่า ‘ดีโอ’ ที่กำลังนั่งปอกแอปเปิ้ลอยู่เงียบๆก่อนจะหันหน้ามาทำตาโตๆใส่แล้วรีบอธิบาย
“ก็วันนี้ผมเข้าชมรมแล้วพี่มินซอกบอกมาอีกที”
“อืม..ตามที่ได้ยินมานั้นละ”
“อย่างงี้ต้องไปเอาเรื่อง!” ไคทำท่าชูกำปั้นพร้อมกับทำหน้าตาขึงขังจนดีโอต้องยื่นแอปเปิ้ลไปให้กัดคำหนึ่งเผื่อว่าจะใจเย็นลงบ้าง
“หยุดเลยนะไค นั้นผู้หญิงนะนายไปทำอะไรก็มีแต่นายนั้นแหละจะเสีย” ซูโฮเตือนน้องชายตัวเอง พร้อมกับหันไปรับแอปเปิ้ลที่ดีโอส่งมาให้
พ่อแม่ดีโอเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของเขา แต่ครอบครัวดีโออยู่ต่างจังหวัดดีโอเลยต้องมาอยู่กับครอบครัวของเขาเพราะมาเรียนที่โซล อันที่จริงบ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่แค่สามคนเท่านั้นเพราะว่างานของพ่อแม่ที่ทำคือนักสังคมสงเคราะห์ต้องเดินทางไปนู้นไปนี้บ่อยๆ
“แต่ยายนั้นมาแกล้งพี่นะ!”
“เอาเป็นว่าเรื่องมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก ครูใหญ่ผ่อนผันโทษให้พี่น่ะ”
“ผ่อนผันโทษ?” ไคและดีโอเอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างสงสัย
ซูโฮลังเลว่าจะบอกวิธีการผ่อนผันโทษดีไหม แต่พอนึกถึงนายอี้ฟานที่เพิ่งปฏิเสธความร่วมมือกับเขาแล้วก็คิดว่าควรเก็บเงียบไว้ก่อนดีกว่า ถ้าไอ้น้องชายมันรู้เรื่องราวคงได้โกรธจนจะไปหาเรื่องนายอี้ฟานนั้น เดี๋ยวเรื่องมันจะยุ่งเข้าไปอีก
“ก็ไม่มีไรมากหรอกแค่ไปช่วยอาจารย์ติวหนังสือให้น้องๆแค่นั้นเอง” เห็นเด็กๆในบ้านสองคนพยักหน้างึกหงักเชื่อคำโกหกก็โล่งใจ
“เออ..เกือบลืมไปแน่ะมีจดหมายถึงพี่ด้วย” ดีโอวิ่งไปหยิบซองจดหมายจากชั้นวางของมายื่นให้เขา
“เอ๋..ส่งมาจากจีนนิ หรือว่า..” คิ้วที่ขมวดแน่นเพราะเห็นที่อยู่ผู้ส่งบอกว่าส่งมาจากจีนคลายออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจแทน
“ทำอาหารเสร็จแล้วเรียกด้วยนะขอตัวไปทำการบ้านก่อน” ซูโฮบอกพร้อมกับวิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว
ถึง..ซูโฮเพื่อนเลิฟ
Hey! Yo! ซูโฮห่าว! นายเป็นไงบ้าง ที่จีนหนาวมากๆ แต่ก็สนุกดีนะได้กลับบ้านเกิดอีกครั้ง แต่อย่าเพิ่งร้องไห้ละ ที่ลงทุนเสียค่าส่งจดหมายข้ามน้ำข้ามทะเลมานี้เพราะมีข่าวดีจะบอกเว้ย
ข่าวแรกคือ..ฉันสูงขึ้นแล้ว เย้! ฉันสูงกว่านายแล้วนะเว้ย ตั้ง 178 แน่ะ
ข่าวที่สองคือ..ฉันกำลังจะกลับเกาหลีแล้ว ไม่บอกหรอกว่าวันไหนปล่อยให้ตื่นเต้น ฮ่าๆๆ ไว้จะไปเซอร์ไพรส์ถึงบ้านเลย
อะๆๆๆ มีข่าวดีก็ต้องมีข่าวร้าย
ของฝากอะนะ.. พอดีช่วงนี้ช๊อตๆว่ะเพื่อน หอบของขึ้นเครื่องก็เสียเงินเพราะน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มอีก เอาเป็นว่าไว้กลับไปเลี้ยงที่นั้นแล้วกันนะ
แล้วเจอกัน! จุ๊ฟๆๆๆๆๆๆ
ลู่หานสุดหล่อ ^^
ซูโฮอ่านจดหมายทวนอีกรอบ ความเครียดที่เจอมาทั้งวันหายไปทันทีเมื่อได้อ่านจดหมายจากเพื่อนรัก เขากับลู่หานเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลยันมอต้น พอขึ้นมอปลายไอ้เด็กเชื้อสายจีนก็บอกลาไปเรียนมอปลายที่นั้น ตอนนั้นเล่นทำเอาเขาน้ำตาแตกไปหลายวันเพราะเขากับลู่หานนั้นสนิทกันมากๆ แต่เจ้าตัวเคยสัญญาไว้ว่าจะกลับมาเรียนมอปลายต่อที่เกาหลีอีกทีเพราะว่ายังไงซะก็จะเรียนมหา’ลัยที่นี้ ส่วนเหตุผลที่มันเสียเวลาไปเรียนที่จีนนั้นเจ้าตัวให้เหตุผลเพียงว่า อยากลองไปเรียนที่จีนแผ่นดินใหญ่ถิ่นบรรพบุรุษดูบ้าง หาประสบการณ์ให้ชีวิต อื้อหือ..เหตุผลแนวได้อีก แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไรในเมื่อเป็นชีวิตของเพื่อนก็ตามใจแล้วกัน แต่ตอนนี้ลู่หานกำลังจะกลับมาแล้ว แถมไอ้เพื่อนรักยังอุบอิ๊บไม่ยอมบอกวันกลับอีก มันน่านัก!
“เฮ้อ..วันนี้ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว” ซูโฮทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยวันนี้ก็มีข่าวดีๆเข้ามา เขาจะปล่อยวางเรื่องนายอี้ฟานนั้นออกไปจากหัวชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน
~~~~~ LOVE LESSON ~~~~~
ความคิดเห็น