ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rolling Back (FIC EXO- Kris X Suho)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 55


    “เฮ้อ..เหลืออีกแค่ชั้นเดียวก็เสร็จแล้ว”  เสียงแหบพร่าบ่งบอกอายุอานามที่ค่อนข้างมากของคิมจุนมยอนเอ่ยออกมา  เมื่อเห็นว่าหน้าที่ที่ต้องทำทุกวันก่อนเลิกงานในฐานะภารโรงของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งอย่างการเดินล็อคห้องเรียนในอาคารเรียนหลังนี้เหลืออีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น

                “อ๊ะ!..คริสตรงนี้ไม่ดีมั้งคะ”  เสียงแผ่วเบาที่ลอดออกมาจากห้องเรียนห้องหนึ่งทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก

                “ทำไมละ..ไม่มีใครเห็นหรอกน่า..หน้าอกเธอสวยมากเลยรู้ไหม”

                เร็วเท่าความคิดจุนมยอนก็เร่งฝีเท้าเร็วเท่าที่คนอายุอานามห้าสิบกว่าอย่างเขาจะทำได้ไปยังห้องเรียนที่มีเสียงเล็ดลอดออกมาทันที..หน่อยแน่ะไอ้เด็กพวกนี้คิดจะมาทำลามกกันในสถานศึกษาแบบนี้เหรอ  ปล่อยไว้ไม่ได้!

     

     

                ภายในห้องปกครอง  บุคคลสองฝ่ายนั่งประจันหน้ากันอยู่สองฝากฝั่งของโต๊ะที่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ

                “มีข้อแก้ตัวอะไรไหมอู๋อี้ฟาน”  อาจารย์ฝ่ายปกครองหันไปถามนักเรียนเจ้าของคดีที่ยังคงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย  แถมยังหยิบชาที่วางไว้ตรงหน้าผู้ปกครองของตัวเองขึ้นมาจิบอย่างสบายๆไม่มีทีท่าเดือดร้อนอะไรก่อนจะยักไหลแทนพูดออกไปว่าเขาไม่มีข้อแก้ตัวอะไร

                อาจารย์ฝ่ายปกครองได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ  ใครจะกล้าทำอะไรอู๋อี้ฟานลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนตั้งมากมาย

                “ผมต้องขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะครับ”  จางอี้ชิงผู้ปกครองของอู๋อี้ฟานกล่าวขอโทษอาจารย์ฝ่ายปกครอง  เขาเคยทำงานเป็นเลขาให้กับพ่อของอี้ฟานก่อนจะได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ดูแลคุณหนูของบ้าน  พ่วงด้วยตำแหน่งผู้ปกครองอีกด้วย

                “นี้เป็นเงินสนับสนุนการก่อสร้างโรงยิมใหม่ของโรงเรียนที่ท่านประธานต้องการช่วยสนับสนุนครับ”  แม้จะผิดขนาดไหนแต่ถ้ามีเงินที่เป็นยิ่งกว่าพระเจ้า  เรื่องทั้งหมดก็จะถูกลืมไปทันทีเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น  และคนที่อยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีอย่างอี้ชิงย่อมรู้จักวิธีการใช้มันเป็นอย่างดี

                “อะ..เอ่อ..”  อาจารย์ฝ่ายปกครองมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวเลขหลายหลักบนเช็คเงินสดที่อยู่ตรงหน้า

                “ท่านประธานยังฝากมาบอกอีกว่า..เรื่องที่โรงเรียนขอสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงสระว่ายน้ำและสนามกีฬาในร่มกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา  ไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์ก็คงรู้ผลแล้วล่ะครับ”  เจรจาเรื่องธุรกิจหลายพันล้านยังทำมาแล้วกะอีแค่เรื่องเด็กมอปลายทำผิดกฎโรงเรียนแค่นี้ทำไมคนอย่างจางอี้ชิงจะทำไม่ได้

                เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวจากผู้ปกครองของนักเรียน  อาจารย์ฝ่ายปกครองเลยไม่ปฏิเสธที่จะรับเช็คเงินสดตรงหน้านั้นไว้

                จุนมยอนที่ไปทำหน้าที่เป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์เดินออกมาจากห้องปกครองอย่างหงุดหงิด  จะว่าเขาเป็นตาแก่หัวโบราณคร่ำครึก็ได้  ก็เขามันแก่จริงๆนั้นแหละ  เขาทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียนนี้มาเกือบยี่สิบปีเห็นวิวัฒนาการพฤติกรรมที่ค่อยๆดิ่งลงเหวของเด็กสมัยนี้แล้วอดหงุดหงิดไม่ได้  ถ้าเป็นสมัยเขาไอ้เจ้าเด็กที่ชื่ออู๋อี้ฟานนั้นได้โดนลงโทษถึงขั้นพักการเรียนไปแล้ว 

                “แค่รวยก็พ้นผิดเหรอไง..เฮอะพ่อแม่สมัยนี้ให้ท้ายลูกตัวเองจนเด็กมันเสียคน”  บ่นไปก็กวาดใบไม้ที่ร่วงเกลื่อนตามทางเดินไป 

                “นี้ลุง!”  น้ำเสียงเข้มติดจะห้วนดังขึ้น  เขาหันไปมองก็เห็นไอ้เด็กที่เพิ่งก่อเหตุทำเรื่องลามกอนาจารในโรงเรียนยื่นกอดอกอยู่ข้างหลัง  แม้แต่วิธีเข้าหาผู้ใหญ่พ่อแม่ก็ไม่สั่งสอนมาเหรอไง

                “มีอะไร”  เขาตอบกลับไปพลางแกล้งกวาดใบไม้ให้แรงขึ้นจนฝุ่นคลุ้งไปทั่ว แต่ก็กวาดไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้นไม้กวาดก็ถูกคว้าออกจากมือก่อนจะถูกโยนขว้างไปที่โคนต้นไม้โดยฝีมือของคนที่อายุรุ่นหลาน

                “ลุงนี้ปากมากจังนะ”

                “ไอ้เด็กนี้!”  เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า  ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาห้าสิบสามปีเพิ่งมาประสบพบเจอกับคนที่ไร้มารยาทอย่างถึงที่สุดก็วันนี้แหละ 

                “เอาไปซะ..แล้วก็หุบปากให้มิดละ”  เงินสดเต็มซองกระดาษถูกยื่นมาให้ตรงหน้า 

    คริสไม่สนหรอกว่าจะหัวหงอกหัวดำ ถ้าเป็นต้นเหตุให้ชีวิตที่เขาต้องการใช้ไปวันๆอย่างเรียบง่ายมันเริ่มขรุขระขึ้นมาก็ต้องจัดการ  และวิธีที่เขาถนัดและมันก็ได้ผลตลอดก็คือการเอาเงินฟาดหน้า

    “ถ้าเงินของเธอมันเยอะจนเอามาแจกคนเป็นว่าเล่นแบบนี้ก็เก็บเอาไปฉีกเล่นที่บ้านเถอะ..ฉันไม่ต้องการเงินจากเด็กนิสัยแย่ๆอย่างเธอหรอกนะ”  คุณลุงจุนมยอนปัดมือใหญ่ตรงหน้าจนซองที่ใส่เงินร่วงหล่นลงพื้นทำให้ธนบัตรที่อัดตัวกันแน่นอยู่ในนั้นหล่นออกมากองเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด  นักเรียนที่เดินไปมาแถวนั้นเริ่มพากันหยุดมองอย่างสงสัยว่าเจ้าชายของโรงเรียนอย่างอู๋อี้ฟานมายืนคุยอะไรกับภารโรงแก่ๆคนหนึ่ง   แถมเงินที่กองอยู่เต็มพื้นนั้นมันคืออะไร 

    “รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร”  คริสก้าวเท้าเข้าไปหาคนสูงอายุที่ยืนกำมือแน่น  รองเท้าหนังเหยียบลงบนธนบัตรที่กองอยู่เกลื่อนพื้นอย่างไม่รู้สึกอะไรซักนิด 

    “ก็เป็นไอ้เด็กเหลือขอคนหนึ่งที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไม่ก็สอนแล้วไม่จำ!”  คนแก่กว่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

    “หึ!..เคยได้ยินสำนวนที่ว่าปลาหมอตายเพราะปากไหม  อายุอานามก็มากแล้วไม่อยากจากโลกไปแบบสุขสบายหรือไงกันน๊าคนเรา”  หนุ่มหล่อพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางแย้มยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป  ทิ้งให้คนสูงอายุยื่นขบกรามกรอด  สายตาที่เริ่มพร่าเลือนมองซากธนบัตรที่เท้าก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดมากวาดเศษกระดาษมูลค่ามหาศาลพวกนี้ไปกองไว้กับเศษใบไม้ร่วงอย่างไม่ใยดีเช่นกัน

     

     

     

    “ทำไมน้า..ทั้งๆที่โลกมันพัฒนาขึ้นทุกวัน  แต่นิสัยของคนกลับดิ่งลงเหวเรื่อยๆ”  จุนมยอนบ่นไม่หยุดไปตามประสาคนแก่  ขณะนำของมาเซ่นไหว้ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บริเวณหลังบ้านตามปกติเป็นประจำทุกวัน 

    ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าเล็กๆที่บรรพบุรุษเขาได้สร้างไว้เมื่อนานมาแล้ว  เขารู้แค่ว่าเป็นศาลเจ้าที่บูชาเทพแห่งแสงสว่าง  ตั้งแต่ตอนเด็กก็มักจะเห็นแม่เอาของมาเซ่นไหว้ศาลเจ้านี้ทุกวัน  ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านจะได้ช่วยคุ้มครองให้บ้านปราศจากเรื่องร้ายๆ 

    “ขนาดหัวหงอกแบบนี้  เจ้าเด็กนั้นยังไม่มีความเกรงใจกันเลย”  เนื่องจากเขาไม่มีครอบครัวแก่ตัวมาเลยต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว  ในเมื่อไม่มีคนคุยด้วยจุนมยอนก็มักจะมาพูดคุยกับศาลเจ้าทุกวัน  ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติซักเท่าไหร่แต่คนแก่อย่างเขาก็แบบนี้แหละ  ทำอะไรแล้วหายเหงาก็ทำไปเถอะ

    “คงเห็นว่าเราแก่จนไม่มีทางสู้ละมั้งถึงกล้ามาทำกร่างใส่แบบนี้”  มือหยาบจุดธูปแล้วเริ่มไล่ปักลงไปบนอาหารและผลไม้ที่จัดวางไว้หน้าศาล  พนมมือสวดอะไรซักพักก็เป็นอันเสร็จพิธี

    “เฮ้อ..อยากย้อนกลับไปเป็นวัยรุ่นชะมัด  พ่อจะไปดั้นหน้าหยิ่งๆนั้นให้หงายเงิบไปเลย!”  บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลงมือทำความสะอาดพื้นที่บริเวณศาลเจ้าที่เริ่มมีเศษใบไม้ร่วงลงมากองเกลื่อนกลาด

    “อ้า..ทำไมน่าสงสารอย่างงี้นะจุนมยอน”  บริเวณศาลเจ้าปรากฏร่างโปร่งใสที่สิ่งมีชีวิตในโลกหยิน(โลกหลังความตาย)  เท่านั้นสามารถมองเห็นได้

    ทูตสวรรค์ที่พำนักอยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้มีนามว่า..พยอนแบคฮยอน  เขาอยู่ที่ศาลเจ้านี้มานานจนย้อนกลับไปหลายชั่วอายุคนเลยละ  อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่โลกหยาง(โลกมนุษย์)หรอก  จะมาพักที่ศาลเจ้านี้เฉพาะเวลามีงานให้ทำที่โลกนี้เท่านั้น  แต่มาทีไรก็ได้กินของอร่อยที่ครอบครัวที่ตั้งศาลเจ้านี้เอามาเซ่นไหว้เสมอ  เลยทำให้ทูตสวรรค์แบคฮยอนมักแวะเวียนมาที่นี้บ่อยๆ

    “อาหารเซ่นของนายนี้ทำให้ฉันประหยัดเงินไปได้เยอะ”  เทพแบคฮยอนกัดแอปเปิ้ลที่จุนมยอนนำมาเซ่นพลางนั่งมองคนที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ 

    “ตามจริงฉันก็ยังไม่เคยตอบแทนบุญคุณของคนในบ้านนี้เลยนะเนี่ย”  เอามือเกาคางเบาๆพลางคิดว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเขาเคยทำอะไรตอบแทนคนในตระกูลนี้บ้าง  และคำตอบที่ได้คือไม่มีเลยซักครั้ง  ก็แค่แวะมากินของเซ่นแล้วจากไปอย่างเงียบๆ

    “แบบนี้เสียสถาบันทูตสวรรค์หมด..งั้นฉันจะทำให้คำขอของนายเป็นจริงแล้วกันนะคิมจุนมยอน”








     

    *****  Rolling Back  *****









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×