คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
“เฮ้อ..เหลืออีกแค่ชั้นเดียวก็เสร็จแล้ว” เสียงแหบพร่าบ่งบอกอายุอานามที่ค่อนข้างมากของคิมจุนมยอนเอ่ยออกมา เมื่อเห็นว่าหน้าที่ที่ต้องทำทุกวันก่อนเลิกงานในฐานะภารโรงของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งอย่างการเดินล็อคห้องเรียนในอาคารเรียนหลังนี้เหลืออีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น
“อ๊ะ!..คริสตรงนี้ไม่ดีมั้งคะ” เสียงแผ่วเบาที่ลอดออกมาจากห้องเรียนห้องหนึ่งทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก
“ทำไมละ..ไม่มีใครเห็นหรอกน่า..หน้าอกเธอสวยมากเลยรู้ไหม”
เร็วเท่าความคิดจุนมยอนก็เร่งฝีเท้าเร็วเท่าที่คนอายุอานามห้าสิบกว่าอย่างเขาจะทำได้ไปยังห้องเรียนที่มีเสียงเล็ดลอดออกมาทันที..หน่อยแน่ะไอ้เด็กพวกนี้! คิดจะมาทำลามกกันในสถานศึกษาแบบนี้เหรอ ปล่อยไว้ไม่ได้!
ภายในห้องปกครอง บุคคลสองฝ่ายนั่งประจันหน้ากันอยู่สองฝากฝั่งของโต๊ะที่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ
“มีข้อแก้ตัวอะไรไหมอู๋อี้ฟาน” อาจารย์ฝ่ายปกครองหันไปถามนักเรียนเจ้าของคดีที่ยังคงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย แถมยังหยิบชาที่วางไว้ตรงหน้าผู้ปกครองของตัวเองขึ้นมาจิบอย่างสบายๆไม่มีทีท่าเดือดร้อนอะไรก่อนจะยักไหลแทนพูดออกไปว่าเขาไม่มีข้อแก้ตัวอะไร
อาจารย์ฝ่ายปกครองได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ใครจะกล้าทำอะไรอู๋อี้ฟานลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนตั้งมากมาย
“ผมต้องขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะครับ” จางอี้ชิงผู้ปกครองของอู๋อี้ฟานกล่าวขอโทษอาจารย์ฝ่ายปกครอง เขาเคยทำงานเป็นเลขาให้กับพ่อของอี้ฟานก่อนจะได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ดูแลคุณหนูของบ้าน พ่วงด้วยตำแหน่งผู้ปกครองอีกด้วย
“นี้เป็นเงินสนับสนุนการก่อสร้างโรงยิมใหม่ของโรงเรียนที่ท่านประธานต้องการช่วยสนับสนุนครับ” แม้จะผิดขนาดไหนแต่ถ้ามีเงินที่เป็นยิ่งกว่าพระเจ้า เรื่องทั้งหมดก็จะถูกลืมไปทันทีเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น และคนที่อยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีอย่างอี้ชิงย่อมรู้จักวิธีการใช้มันเป็นอย่างดี
“อะ..เอ่อ..” อาจารย์ฝ่ายปกครองมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวเลขหลายหลักบนเช็คเงินสดที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านประธานยังฝากมาบอกอีกว่า..เรื่องที่โรงเรียนขอสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงสระว่ายน้ำและสนามกีฬาในร่มกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ไม่น่าจะเกินสองอาทิตย์ก็คงรู้ผลแล้วล่ะครับ” เจรจาเรื่องธุรกิจหลายพันล้านยังทำมาแล้วกะอีแค่เรื่องเด็กมอปลายทำผิดกฎโรงเรียนแค่นี้ทำไมคนอย่างจางอี้ชิงจะทำไม่ได้
เมื่อเห็นรอยยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวจากผู้ปกครองของนักเรียน อาจารย์ฝ่ายปกครองเลยไม่ปฏิเสธที่จะรับเช็คเงินสดตรงหน้านั้นไว้
จุนมยอนที่ไปทำหน้าที่เป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์เดินออกมาจากห้องปกครองอย่างหงุดหงิด จะว่าเขาเป็นตาแก่หัวโบราณคร่ำครึก็ได้ ก็เขามันแก่จริงๆนั้นแหละ เขาทำงานเป็นภารโรงที่โรงเรียนนี้มาเกือบยี่สิบปีเห็นวิวัฒนาการพฤติกรรมที่ค่อยๆดิ่งลงเหวของเด็กสมัยนี้แล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ ถ้าเป็นสมัยเขาไอ้เจ้าเด็กที่ชื่ออู๋อี้ฟานนั้นได้โดนลงโทษถึงขั้นพักการเรียนไปแล้ว
“แค่รวยก็พ้นผิดเหรอไง..เฮอะ! พ่อแม่สมัยนี้ให้ท้ายลูกตัวเองจนเด็กมันเสียคน” บ่นไปก็กวาดใบไม้ที่ร่วงเกลื่อนตามทางเดินไป
“นี้ลุง!” น้ำเสียงเข้มติดจะห้วนดังขึ้น เขาหันไปมองก็เห็นไอ้เด็กที่เพิ่งก่อเหตุทำเรื่องลามกอนาจารในโรงเรียนยื่นกอดอกอยู่ข้างหลัง แม้แต่วิธีเข้าหาผู้ใหญ่พ่อแม่ก็ไม่สั่งสอนมาเหรอไง
“มีอะไร” เขาตอบกลับไปพลางแกล้งกวาดใบไม้ให้แรงขึ้นจนฝุ่นคลุ้งไปทั่ว แต่ก็กวาดไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้นไม้กวาดก็ถูกคว้าออกจากมือก่อนจะถูกโยนขว้างไปที่โคนต้นไม้โดยฝีมือของคนที่อายุรุ่นหลาน
“ลุงนี้ปากมากจังนะ”
“ไอ้เด็กนี้!” เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาห้าสิบสามปีเพิ่งมาประสบพบเจอกับคนที่ไร้มารยาทอย่างถึงที่สุดก็วันนี้แหละ
“เอาไปซะ..แล้วก็หุบปากให้มิดละ” เงินสดเต็มซองกระดาษถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
คริสไม่สนหรอกว่าจะหัวหงอกหัวดำ ถ้าเป็นต้นเหตุให้ชีวิตที่เขาต้องการใช้ไปวันๆอย่างเรียบง่ายมันเริ่มขรุขระขึ้นมาก็ต้องจัดการ และวิธีที่เขาถนัดและมันก็ได้ผลตลอดก็คือการเอาเงินฟาดหน้า
“ถ้าเงินของเธอมันเยอะจนเอามาแจกคนเป็นว่าเล่นแบบนี้ก็เก็บเอาไปฉีกเล่นที่บ้านเถอะ..ฉันไม่ต้องการเงินจากเด็กนิสัยแย่ๆอย่างเธอหรอกนะ” คุณลุงจุนมยอนปัดมือใหญ่ตรงหน้าจนซองที่ใส่เงินร่วงหล่นลงพื้นทำให้ธนบัตรที่อัดตัวกันแน่นอยู่ในนั้นหล่นออกมากองเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด นักเรียนที่เดินไปมาแถวนั้นเริ่มพากันหยุดมองอย่างสงสัยว่าเจ้าชายของโรงเรียนอย่างอู๋อี้ฟานมายืนคุยอะไรกับภารโรงแก่ๆคนหนึ่ง แถมเงินที่กองอยู่เต็มพื้นนั้นมันคืออะไร
“รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” คริสก้าวเท้าเข้าไปหาคนสูงอายุที่ยืนกำมือแน่น รองเท้าหนังเหยียบลงบนธนบัตรที่กองอยู่เกลื่อนพื้นอย่างไม่รู้สึกอะไรซักนิด
“ก็เป็นไอ้เด็กเหลือขอคนหนึ่งที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไม่ก็สอนแล้วไม่จำ!” คนแก่กว่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
“หึ!..เคยได้ยินสำนวนที่ว่าปลาหมอตายเพราะปากไหม อายุอานามก็มากแล้วไม่อยากจากโลกไปแบบสุขสบายหรือไงกันน๊าคนเรา” หนุ่มหล่อพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางแย้มยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะสาวเท้าเดินจากไป ทิ้งให้คนสูงอายุยื่นขบกรามกรอด สายตาที่เริ่มพร่าเลือนมองซากธนบัตรที่เท้าก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดมากวาดเศษกระดาษมูลค่ามหาศาลพวกนี้ไปกองไว้กับเศษใบไม้ร่วงอย่างไม่ใยดีเช่นกัน
“ทำไมน้า..ทั้งๆที่โลกมันพัฒนาขึ้นทุกวัน แต่นิสัยของคนกลับดิ่งลงเหวเรื่อยๆ” จุนมยอนบ่นไม่หยุดไปตามประสาคนแก่ ขณะนำของมาเซ่นไหว้ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บริเวณหลังบ้านตามปกติเป็นประจำทุกวัน
ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าเล็กๆที่บรรพบุรุษเขาได้สร้างไว้เมื่อนานมาแล้ว เขารู้แค่ว่าเป็นศาลเจ้าที่บูชาเทพแห่งแสงสว่าง ตั้งแต่ตอนเด็กก็มักจะเห็นแม่เอาของมาเซ่นไหว้ศาลเจ้านี้ทุกวัน ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านจะได้ช่วยคุ้มครองให้บ้านปราศจากเรื่องร้ายๆ
“ขนาดหัวหงอกแบบนี้ เจ้าเด็กนั้นยังไม่มีความเกรงใจกันเลย” เนื่องจากเขาไม่มีครอบครัวแก่ตัวมาเลยต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียว ในเมื่อไม่มีคนคุยด้วยจุนมยอนก็มักจะมาพูดคุยกับศาลเจ้าทุกวัน ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติซักเท่าไหร่แต่คนแก่อย่างเขาก็แบบนี้แหละ ทำอะไรแล้วหายเหงาก็ทำไปเถอะ
“คงเห็นว่าเราแก่จนไม่มีทางสู้ละมั้งถึงกล้ามาทำกร่างใส่แบบนี้” มือหยาบจุดธูปแล้วเริ่มไล่ปักลงไปบนอาหารและผลไม้ที่จัดวางไว้หน้าศาล พนมมือสวดอะไรซักพักก็เป็นอันเสร็จพิธี
“เฮ้อ..อยากย้อนกลับไปเป็นวัยรุ่นชะมัด พ่อจะไปดั้นหน้าหยิ่งๆนั้นให้หงายเงิบไปเลย!” บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลงมือทำความสะอาดพื้นที่บริเวณศาลเจ้าที่เริ่มมีเศษใบไม้ร่วงลงมากองเกลื่อนกลาด
“อ้า..ทำไมน่าสงสารอย่างงี้นะจุนมยอน” บริเวณศาลเจ้าปรากฏร่างโปร่งใสที่สิ่งมีชีวิตในโลกหยิน(โลกหลังความตาย) เท่านั้นสามารถมองเห็นได้
ทูตสวรรค์ที่พำนักอยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้มีนามว่า..พยอนแบคฮยอน เขาอยู่ที่ศาลเจ้านี้มานานจนย้อนกลับไปหลายชั่วอายุคนเลยละ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่โลกหยาง(โลกมนุษย์)หรอก จะมาพักที่ศาลเจ้านี้เฉพาะเวลามีงานให้ทำที่โลกนี้เท่านั้น แต่มาทีไรก็ได้กินของอร่อยที่ครอบครัวที่ตั้งศาลเจ้านี้เอามาเซ่นไหว้เสมอ เลยทำให้ทูตสวรรค์แบคฮยอนมักแวะเวียนมาที่นี้บ่อยๆ
“อาหารเซ่นของนายนี้ทำให้ฉันประหยัดเงินไปได้เยอะ” เทพแบคฮยอนกัดแอปเปิ้ลที่จุนมยอนนำมาเซ่นพลางนั่งมองคนที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่
“ตามจริงฉันก็ยังไม่เคยตอบแทนบุญคุณของคนในบ้านนี้เลยนะเนี่ย” เอามือเกาคางเบาๆพลางคิดว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเขาเคยทำอะไรตอบแทนคนในตระกูลนี้บ้าง และคำตอบที่ได้คือไม่มีเลยซักครั้ง ก็แค่แวะมากินของเซ่นแล้วจากไปอย่างเงียบๆ
“แบบนี้เสียสถาบันทูตสวรรค์หมด..งั้นฉันจะทำให้คำขอของนายเป็นจริงแล้วกันนะคิมจุนมยอน”
***** Rolling Back *****
ความคิดเห็น