ตั้งแต่จากอพาร์ตเมนต์ฮยอกแจมาจนถึงที่ห้อง เชื่อไหมว่าคยูฮยอนกับผู้ช่วยยองอุนน่ะไม่ได้พูดกันซักคำ พอเผลอมองหน้าอีกฝ่ายก็รีบหลบตาหนีทันที พอมาถึงห้องต่างฝ่ายต่างก็รีบเข้านอนทันที ทั้งๆที่เพิ่งจะแค่สี่ทุ่มเท่านั้น และคยูฮยอนก็ไม่แคร์ว่าการ์ตูนยังวาดไม่เสร็จ ก็มันไม่มีอารมณ์ทำงานนี่นา…และอีกอย่างอาการปวดท้องมันก็เริ่มกำเริบขึ้นมารอบด้วย
จัดแจงยัดเอาหูฟังไอพอดใส่หูเรียบร้อยก็เอาผ้าห่มคลุมโปงนอนทันที ไม่อาบน้ำหรอก! เหงื่อยังไม่ออกตัวก็ไม่เหม็น ไม่รู้จะอาบไปทำไมให้เปลืองน้ำแถมยังปวดท้องอีกต่างหาก (จริงๆก็ข้ออ้างทั้งนั้น สรุปสั้นๆคือขี้เกียจน่ะแหละ) นอนพลิกตัวกลับไปกลับมาอยู่นานเพราะนอนไม่หลับ อาการปวดท้องก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใส่ใจที่จะลุกไปกินยาแก้ปวด พยายามคิดในแง่ดีว่าข้าวเย็นคงจะย่อยเร็วไปหน่อย น้ำย่อยเลยออกมากัดกระเพาะให้ชวนปวดท้องเล่น ข่มความเจ็บเอาไว้จนหลับๆตื่นๆเป็นระยะ จนตอนเช้ามืดอาการคลื่นไส้ปลุกให้คยูฮยอนลุกไปโก่งคออาเจียนในห้องน้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กินไปตั้งแต่เมื่อวานถูกคายออกจนหมดท้อง ถ้ามีอ้วกอีกรอบเขาคงได้อ้วกไส้ตัวเองออกมาแน่ๆ
เดินสะโหลสะเหลกลับมาฟุบที่เตียงนิ่ม ตอนนี้ตาเขาพร่าไปหมดเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวให้นอนท่าดีๆ นาทีนี้เขาคิดถึงพ่อแม่กับพี่สาวชะมัด ถ้าอยู่ที่บ้านแค่ปวดหัวนิดหน่อยพ่อแม่ก็คอยดูแลเอาอกเอาใจเขาเยี่ยงเจ้าชาย น้อย ส่วนพี่สาวก็มักจะเอาขนมอร่อยๆมาล่อเวลาที่เขาไม่อยากกินยา
แค่คิดถึงก็อดน้ำตาซึมไม่ได้…
คิดถึงบ้าน พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่จ๋า เอาผมกลับบ้านที งือ…
.
.
.
.
.
.
วันนี้ยองอุนตื่นเร็วกว่าปกติเพราะเมื่อคืนได้นอนเร็วไม่มีเด็กให้คอยดูแล แต่เมื่อคืนตอนอยู่บนรถเขาคิดจะจูบคยูฮยอนจริงๆหรือเนี่ย? โอเค…คยูฮยอนเป็นเด็กน่ารัก นิสัยก็…ถ้าไม่ติดที่กวนตีนมากไปหน่อยก็จัดว่าน่ารักตามหน้าตา ก็ไม่แปลกที่เขาจะสนใจยิ่งมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งชอบ แต่ชอบมากถึงขั้นจูบ…
ไม่รู้สิ...
ถ้าเขาอยู่ในสภาพนี้นานเข้า…เขาคงรักเด็กคนนี้เข้าสักวันแน่ๆ
มองตัวการที่ทำให้เขาฟุ้งซ่านแต่เช้า ร่างบอบบางยังนอนหลับไม่ได้สติ เอ๊ะ! แต่เมื่อคืนไม่ได้นอนท่านี้นี่นา แถมผิวขาวจัดนั่นก็ดูซีดจนผิดปกติ ตาคมเหลือบมองนาฬิกา… คงต้องปลุกเด็กขี้เซาเช้าขึ้นกว่าเดิมเพราะเมื่อวานเสียเวลาไปกับแผนแกล้ง ซองมินแถมยังจะเรื่องบนรถด้วย กลับมาเลยไม่ได้ทำงานต่อ กำหนดที่ต้องส่งต้นฉบับก็ใกล้เข้าไปทุกที คงต้องเร่งมือ
“คยูฮยอน…ตื่นได้แล้ว งานยังไม่เสร็จเลยนะ” เขย่าร่างบนเตียงจนตัวโยกแต่ก็ไร้การโต้ตอบ มือใหญ่ได้รับไอความร้อนออกมาจากผิวเนื้อที่จับอยู่ก็ตกใจ นี่ไม่สบายหรือ?
“คยูฮยอน.. ไม่สบายเหรอ?” นั่งลงที่ขอบเตียงพลางจับตามเนื้อตัวเช็คสภาพ พอเอาหลังมือไปแตะที่ลำคอและที่หน้าผากก็รู้สึกความร้อนจัด เมื่อวานยังแกล้งชาวบ้านเค้าได้อยู่เลยวันนี้ไข้กินซะงั้น
รวบตัวบางขึ้นจัดท่านอนให้ดีๆ จับห่มผ้าและไม่ลืมจะเอาโบจังที่เจ้าตัวติดใส่อ้อมแขนให้ก็ผละไปผสมน้ำอุ่นลงในกะละมังใบเล็กพร้อมผ้าขนหนูมาเช็ดตัวคนป่วยที่นอนซม
“อือ…” พอผ้าชุบน้ำแตะลงบนแขนคนป่วยก็ครางเบาๆ หัวกลมส่ายไปมาเหมือนรำคาญที่มีคนมายุ่งกับเนื้อตัวเขา
“อยู่นิ่งๆน่า…ฉันจะเช็ดตัวให้” ไล้ผ้าชุบน้ำไปตามเนื้อตัว แต่ก็แค่ที่หน้า คอ แล้วก็แขนเท่านั้นแหละ ขืนมากกว่านี้คนป่วยอาจจะมีแรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นมาเตะก้านคอเขาก็ได้
“ไม่เอา…หนาว” เอาผ้าห่มคลุมตัวจนมิดทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ ยองอุนเลิกผ้าห่มกลับมาพร้อมกับประคองให้คยูฮยอนอยู่ในท่านั่งเตรียมที่จะ กินยาแก้ไข้
“กินยาหน่อยนะ…”
“ไม่กิน” ดิ้นขลุกขลักจนเขาต้องล็อกตัวไว้จนอยู่ในสภาพเกือบจะนอนกอดกันบนเตียง แยกริมฝีปากอิ่มออกจากกันแล้วรีบยัดเม็ดยาและตามด้วยน้ำอย่างรวดเร็ว
“อื้อ!”
“กินเข้าไป..จะได้หายไวๆ” พอเห็นหน้าที่พะอืดพะอมกับยาเมื่อกี้ก็อดขำไม่ได้ เด็กในร่างผู้ใหญ่ชัดๆ นี่ถ้าเขาเผลอแล้วปล่อยให้กินยาเองคงจะแอบเอายาไปทิ้งแหงๆ
“แหวะ…” ทำท่าจะอ้วกออกมาอีกรอบ คนตัวโตต้องปั้นหน้าดุใส่ ร่างบางที่นอนซมอยู่จึงยอมนอนนิ่งๆ
“เดี๋ยวฉันออกมาซื้อโจ๊กมาให้” หยิบกระเป๋าสตางค์จากโต๊ะก่อนจะสั่งกำชับเด็กดื้อที่ไม่สบาย “นอนพักซะ ห้ามลุกขึ้นมาวาดการ์ตูนด้วย” พอคยูฮยอนจะอ้าปากเถียงก็ทำหน้าดุอีกรอบ “ฉันรู้ว่าคงจะไม่ทันกำหนดส่ง เดี๋ยวฉันโทรไปคุยกับบก.ให้ โอเคไหม ถ้าโอเคแล้วนอนซะ.. กลับมาฉันต้องเห็นนายหลับแล้ว เข้าใจไหม”
ผู้ช่วยมาโหมดดุแบบนี้คยูฮยอนไม่กล้าดื้อซักแอะ รีบพยักหน้างึกงักรีบนอนคลุมโปงทันที
รู้งี้น่าจะเล่นบทนี้ซะตั้งนานแล้ว คยูฮยอนจะได้เชื่อฟังเขาบ้าง
.
.
.
.
.
.
สะลึมสะลือจวนเจียนจะหลับหากแต่พอได้ยินเสียงฝนตกจากด้านนอก ร่างบางจำใจต้องตะเกียกตะกายลุกไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียงเข้ามาเพราะ เกรงว่าฝนจะสาด เหอะ…อย่าให้ใครมาเห็นสภาพกูตอนนี้เชียวนะ ตัวซีดอย่างกับผีไม่พอ ขายังไม่มีแรงจนต้องคลานลงจากเตียงอย่างกับจูออนเลย ฮืออ.. นึกแล้วก็สมเพชตัวเอง
ผู้ช่วยไปไหนนนนนนนนนนนน กลับมาเร็วๆสิ
ฮือออออ TT_____TT ท่านโจจะตายอยู่แล้วนะเว้ยยย!
“อ้าวเฮ่ย! ออกไปทำอะไรตรงระเบียงน่ะ บอกว่าให้นอนเฉยๆไง” เป็นครั้งแรกจริงๆนะเนี่ยที่รู้สึกดีใจที่เห็นคนตัวโต เขาจะร้องไห้แล้วจริงๆนะ T^T
“เก็บผ้า… มาช่วยหน่อย ไม่ไหวแล้ว” ขนาดเสียงยังแหบพร่าเลย โอยยย พอผู้ช่วยของเขาได้ยินก็รีบเข้ามาอุ้มทันที บอกให้เก็บผ้าไม่ได้บอกให้อุ้มกูเสียหน่อย ฮ่วย!
“เฮ้ย! อุ้มทำไมเล่า” คราวนี้ไม่มีแรงจะดิ้นเลยได้แต่ครางหงุงหงิงเสียงเบาเท่านั้น
“ไม่มีแรงแทนที่จะอยู่เงียบๆเก็บแรงไว้ก็โวยวายอยู่นั่นแหละ จะยืนไม่ไหวแล้วรู้ตัวไหมน่ะ” รู้สิ! เมื่อกี้ถึงต้องคลานลงมาเป็นผีจูออนเลยไง
ผู้ช่วยวางตัวเขาลงบนเตียงแล้วออกไปเก็บผ้าจากระเบียงให้เขา โดยที่เขาได้แต่นอนดูเฉยๆ บางทีผู้ช่วยก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เห็นแล้วก็เกรงใจ…
เกรงใจ…จนรู้สึกอยากจะทำอะไรตอบแทนบ้าง
ทำดีกับเขามากเกินไปจริงๆ
K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C
“เมื่อไหร่จะกินโจ๊กซะที เดี๋ยวต้องกินยาอีกนะ” คยูฮยอนเบ้หน้าทันทีเมื่อเสียงทุ้มดุ วันนี้ผู้ช่วยเขามาแนวโหดจริงๆด้วยแฮะ เห็นเขาไม่สบายก็คิดจะข่มหรือไง เหอะ…รอหายดีก่อนเถอะ ค่อยๆละเลียดกินโจ๊กไปได้ไม่กี่คำ อาการปวดท้องและคลื่นไส้ก็กลับมาอีกหนจนต้องวางช้อนและต้องรวบรวมแรงวิ่งไปอ้วกอีกรอบ
“ไหวไหมเนี่ย” ผู้ช่วยเขาตามมาลูบหลังลูบไหล่ ในสายตาของยองอุน..สภาพคยูฮยอนย่ำแย่มาก ขนาดจะยืนยังเซไปเซมาพร้อมจะล้มพับลงไปได้ทุกเมื่อ แล้วยังจะอาเจียนออกมาอีกในท้องตอนนี้คงไม่เหลืออะไรเก็บไว้แล้วล่ะ และเพิ่งฉุกคิดว่าเมื่อคืนคยูฮยอนก็บ่นว่าปวดท้องอยู่
ยังดีที่ตอนนี้ยังมีเขาอยู่
ถ้าเป็นแต่ก่อนหรืออนาคตที่คยูฮยอนอยู่คนเดียวล่ะ…เจ้าตัวจะทำไง
ไม่รอขึ้นอืดตายไปสามวันชาวบ้านชาวช่องเพิ่งจะรู้หรอกหรือ?
พอร่างบางอาเจียนเอาโจ๊กที่กินเมื่อกี้กับน้ำย่อยออกหมดก็แทบจะซบหน้าลงกับชักโครก ยองอุนต้องรวบตัวที่เบาโหวงให้เจ้าตัวล้างปากให้เรียบร้อยแล้วค่อยอุ้มกลับไปนอนบนเตียงตามเดิม
“หนักกว่าที่คิดนะเนี่ย” ปัดปอยผมที่ลงมาปรกหน้า เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด “นี่อ้วกมากี่รอบแล้วเนี่ย”
“สอง…” ตอบเสียงแผ่วเพราะไม่มีแรง อาการแบบนี้ไม่พ้นโรคกระเพาะแน่นอน
“เป็นโรคกระเพาะแล้วล่ะถ้าอย่างนี้น่ะ… ไปหาหมอเถอะ”
“ไม่เอา…” ไม่ทันแล้ว ยองอุนรวบข้าวของที่จำเป็นอย่างกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือ ทั้งของตัวเองและของคยูฮยอนแล้วช้อนตัวคยูฮยอนไว้ในอ้อมแขนอีกรอบ วันนี้เขาอุ้มคยูฮยอนไปกี่รอบแล้วเนี่ย รู้สึกจะบ่อยเกินแขนเริ่มจะล้าๆ ถึงตัวจะผอมแต่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่าเก็บน้ำหนักเอาไว้ส่วนไหน สงสัยจริงๆ
.
.
.
.
.
.
ขับรถพาคนป่วยมาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ติดต่อรับคิวรอตรวจเรียบร้อยก็พาคยูฮยอนที่ใกล้ตายแล้วไปนั่งรอคุณหมอ สงสารก็สงสาร แต่ก็อดขำไม่ได้ว่าจากคนที่ชอบกวนประสาทชาวบ้านตอนนี้นั่งหน้าซีดไม่มีแรง แม้แต่จะพูดกับใครแล้ว
“เมื่อไหร่จะถึงคิวเนี่ย…” สภาพไม่ไหวแล้วก็ยังจะพูดเนอะคนเรา…
“อีกซักพัก ถามทำไม?”
“ง่วง เหนื่อย อยากนอน”
“ก็นอนสิ”
“จะนอนไหนเล่า..”
“ก็นอนตักฉันสิ เดี๋ยวถ้าพยาบาลเรียกแล้วฉันจะบอก” ตาโตที่ดูอิดโรยเบิกอย่างตกใจ ไม่สบายอยู่ก็อย่าเรื่องมากนักเลย นี่ตักของคิมยองอุนไม่ได้ให้ใครนอนได้ง่ายๆนะเฮ้ย แต่ดูท่าคนป่วยจะทำหยิ่งเลยต้องกดน้ำหนักที่หัวทุยลงซบนอนหนุนตักเขาโดยดี
ยองอุนก้มลงมองภาพตรงหน้าแล้วเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว เวลาเห็นฉากเหล่านี้ในหนังหรือในซีรี่ย์เขามักจะคิดว่ามันออกจะเว่อร์ไป เพราะเขายังไม่เคยเจอความรักแบบห่วงหาอาทรต่อกันเลยไม่รู้สึกว่ามันมีอยู่ จริง แต่วันนี้ผู้กำกับคิมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้วล่ะ คิดแล้วก็ลูบผมนิ่มตรงตักอย่างนึกเอ็นดู
นึกครึ้มส่งแมสเซสไปหาลูกพี่ลูกน้องที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้เขามาเจอกับคยูฮยอน
‘พี่ครับ… ผมคิดว่าผมคงจะรักคยูฮยอนเข้าซะแล้วล่ะ’
“คุณโจคยูฮยอนค่ะ” พยาบาลสาวเรียกชื่อคนที่นอนอยู่บนตักเขา สะกิดเรียกสองสามทีคนป่วยก็ตื่นด้วยสภาพหน้ายู่แถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงเหมือน ไม่โดนหวีมาสามวัน เห็นแล้วอยากถ่ายรูปเก็บไปแกล้งตอนหายดีแล้วชะมัด
“เลี้ยวขวาห้องแรกของคุณหมอชิมนะคะ” ยิ้มหวานให้นางพยาบาลพลางรับใบประวัติคนไข้แล้วประคองคนป่วยไปตามห้องที่คุณนางฟ้าชุดขาวบอกไว้
“เข้าไปคนเดียวละกัน เดี๋ยวฉันนั่งรอข้างนอก” คยูฮยอนพยักหน้าพลางรับกระดาษจากมือเขาไปแล้วผลักประตูเข้าไปหาคุณหมอ จังหวะเดียวกับที่ปาร์คจองซูโทรมาพอดี เหมาะเหม็งมากเลยครับพี่…หึหึ พอดีเป๊ะจนน่ากลัวเสียจริง
“ครับพี่” ให้เดานะ ที่โทรมาเพราะว่าแมสเซสที่เขาส่งไปเมื่อกี้แหง
“ฉันกะไว้แล้วไงว่านายต้องหลงรักคยูฮยอนเข้าสักวัน” นั่นไง กูว่าและ..มีหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจด้วยน่ะ
“ผมล้อเล่นพี่หรอกเหอะ”
“ฉันรู้ว่าแกไม่ได้ล้อเล่น เซ้นส์ฉันมันบอก อย่ามากลบเกลื่อนเลยน่ายองอุน” ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงด้วย -*-
“พี่อยากจะคิดยังไงก็ตามสบายเถอะ”
“ไปทำอีท่าไหนล่ะถึงได้ไปรักกันได้”
“ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าเรารักกัน บ้าเปล่า”
“ทีกับสาวๆล่ะบอกรักบอกชอบเขาง่ายๆ กับคยูฮยอนนี่น๊า~ ทำปากแข็ง”
“ผมว่าพี่ต้องเก็บแมสเซสเอาไว้แน่ๆเลย” กลัวความคิดแปลกๆของปาร์คจองซูเหลือเกิน
“ถูกแล้วล่ะ จะลบทิ้งทำไมเล่า น่าเสียดายออก อีกอย่างจะเก็บไว้ให้ฮีชอลดูด้วย” โอ๊ยยย! ไม่น่าเลย..ไม่น่าพูดเรื่องนี้กับพี่จองซูเลย
“พอดีฉันพนันกับฮีชอลไว้นิดหน่อยน่ะว่านายจะตกหลุมรักคยูฮยอนก่อนหรือคยู ฮยอนจะเป็นฝ่ายรักนายก่อน แล้วนายก็ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง เพราะฉันแทงว่านายจะตกหลุมรักคยูฮยอนก่อน ฮ่าๆๆ พูดไปลอยๆเดี๋ยวฮีชอลไม่เชื่อเลยต้องมีหลักฐาน” สนุกเนอะ… อยู่ดีๆกูก็กลายเป็นของเล่นให้คนแก่สองคนเล่นยามไม่มีลูกหลานดูแล เหอะ…
“เออพี่.. ผมอยากให้พี่ขอเลื่อนกำหนดส่งต้นฉบับของคยูฮยอนออกไปหน่อยได้ไหม ตอนนี้คยูฮยอนเขาไม่สบาย คงจะเป็นโรคกระเพาะ ส่งต้นฉบับตามกำหนดไม่ทันแน่ๆ”
“อื้ม เห็นแก่ที่คยูฮยอนจะเป็นแฟนนายในอนาคตนะนั่น ฉันถึงยอมให้” เห็นหัวกลมโผล่ออกมาจากประตูก็สะดุ้งเฮือก หวังว่าคงจะไม่ได้ยินอะไรก่อนนี้นะ
“งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ เดี๋ยวผมโทรกลับไปใหม่” วางสายเรียบร้อยก็หันไปหาคนป่วยที่โผล่หน้าออกมา “มีอะไร?”
“หมอเค้าเรียกให้คุณไปคุยกับหมอด้วย”
.
.
.
.
.
.
สรุปแล้วคยูฮยอนเป็นโรคกระเพาะตามที่คาด แล้วด้วยสภาพเหี่ยวใกล้ตายของเจ้าตัวคุณหมอจึงขอให้นอนให้น้ำเกลืออยู่ที่ โรงพยาบาลซักหนึ่งคืนเพราะร่างกายสูญเสียเกลือแร่ไปเยอะ (คือจริงๆ ก็จ่ายยาเกลือแร่ซองแบบชงกินเองมาก็ได้ จะให้นอนโรงบาลทำไมยองอุนก็ไม่เข้าใจ -*-) ถึงจะรู้สึกขัดแย้งในใจเล็กๆ แต่ในเมื่อสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เชื่อฟังหมอบ้างก็ดี
“เมื่อกี้พยาบาลมือหนักชะมัด เจาะแขนใส่สายน้ำเกลือหรือเชือดไก่ก็ไม่รู้” พอเริ่มมีแรงนิดหน่อยก็บ่นทันที “พอบอกว่าเจ็บก็ว่าอีก ดุชะมัด”
“พอมีแรงล่ะก็เริ่มออกฤทธิ์เลยนะ” นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้เตียงผู้ป่วย
“ก็มันเจ็บนี่นา…”
“เป็นผู้ชายแค่นี้อดทนไม่ได้หรือไง”
“แล้วผู้ชายเจ็บไม่ได้หรือไง” พอบ่นเสร็จก็ล้มตัวนอนดึงผ้าห่มขึ้นถึงคอ “นี่…คุณไปกลับพักที่ห้องก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมารับก็ได้ ไม่ต้องนอนเฝ้าหรอก ผมอยู่ได้”
“อยากอยู่คนเดียวแล้วโดนผีหลอกขนาดนั้นเลยเหรอ” อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่เซ่! “ห้องนี้มันอาจจะมีประวัติอะไรบางอย่างที่ทั้งฉันและนายไม่รู้ก็ได้นะ”
“ทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วยเล่า!” คนบนเตียงเริ่มหน้าเสีย “แล้วไปเรียก ‘เขา’ ตรงๆอย่างงั้นได้ไง เดี๋ยวก็มาจริงๆหรอก”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เห่ย อย่าบอกนะว่า……. เป็นซัมติ้ง - -*
“เพื่อนนายมาเยี่ยมหรือ”
คยูฮยอนส่ายหัวดิก “เปล่า ตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย” แต่พอคนที่เคาะประตูเมื่อครู่เผยโฉมหน้า ร่างบางก็ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร
“ชางมิน! มึงมาได้ไงเนี่ย!!”
K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C
พอเห็นว่าเพื่อนของคยูฮยอนมา ผู้ช่วยของเขาเลยขอตัวออกไปโทรศัพท์ข้างนอก อืม..คงจะคุยกับบก.เรื่องขอเลื่อนส่งต้นฉบับล่ะมั้ง ช่างเถอะ ตอนนี้ทั้งตกใจแล้วก็ดีใจมากเลย ไม่นึกว่าชิมชางมินจะโผล่ตัวมาตอนนี้… เท้าความนิดนึงคือชิมชางมินเป็นเพื่อนสนิทของเขาตอนอยู่ม.ปลาย ถึงแม้จะมีเพื่อนเยอะดั่งฝูงลิงแต่ชางมินเป็นคนที่เขาสนิทและไว้ใจที่สุด แล้ว แต่ก่อนน่ะถ้าเห็นคนนึงแล้วไม่เห็นอีกคนอยู่ข้างๆไม่ได้เลยล่ะ แต่ถึงสนิทกันมากเพียงไรความฝันของเราก็ต่างกัน ชางมินอยากเป็นสถาปนิกเลยสอบเข้าสถาปัตย์ และแน่นอนว่ามันก็สอบติดเพราะมันฉลาดกว่าเขาโข แถมมันก็สูงกว่าเขา หล่อ..พอๆกับเขา (ไม่ได้หรอก เรื่องอื่นชมมันได้ แต่เรื่องนี้ต้องเท่าเทียมกับมัน) เป็นคนที่น่าอิจฉาจริงๆ
“มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่โรงบาล” เพื่อนที่ทั้งสูงทั้งหล่อยิ้มแล้วปีนขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียงอยู่ตรงข้ามเขา
“มึงลืมไปแล้วหรือว่าพ่อกูเป็นหมอ แม่กูเป็นพยาบาล แล้วนี่ก็โรงบาลของบ้านกู กูก็มาหาพ่อแม่กูเป็นปกติ…แต่บังเอิญเจอมึงสภาพอย่างกับผีตายซากก็เลยแอบตามมึงมา” เออเนอะ ลืมไปเสียสนิทว่าสาเหตุที่ทำให้ชางมินฉลาดเป็นกรดเพราะพันธุกรรมของแม่งดี น่าเสียดายนิดหน่อยที่มันไม่คิดจะเรียนสายการแพทย์หรือสายวิทย์สุขภาพ ไม่ต้องเหนื่อยไปวิ่งหางานที่ไหนเรียนจบก็มาสานต่อธุรกิจของที่บ้าน งั้น…คุณหมอชิมที่ตรวจเขาเมื่อกี้ก็ญาติมันอ่ะดิ่ -*-
“เรียนอยู่มอเดียวกันแท้ๆ กูกลับไม่ค่อยเจอมึงเลย จนกูนึกว่ามึงโดนไทร์ไปแล้วนะน่ะ”
“เวลามึงกับเวลากูมันตรงกันซะที่ไหนล่ะ” เออ แต่เพื่อนร่วมคณะมึงมันว่างนะ ว่างจนมีเวลามาตามจีบเพื่อนกูเนี่ย “งานกูก็เยอะ ทั้งเขียนแบบทั้งทำโมเดลไม่ใช่ทำแปบเดียวก็เสร็จเสียหน่อย”
“แล้วมึงเป็นเหี้ยไรเนี่ยถึงได้นอนซมแบบนี้” มือหยาบยกขึ้นลูบผมคนป่วยอย่างเป็นห่วง
“โรคกระเพาะ”
“ก็ไม่ยอมแดกข้าวแดกปลาให้เป็นเวลา ไหนมากอดทีดิ๊ว่ามึงผอมลงขนาดไหน” ยอมให้ชางมินกอดแต่โดยดีแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะโถมตัวเข้าหาซะมาก คยูฮยอนเลยเสียหลักจนล้มลงอยู่ในท่านอนโดยบนตัวก็มีชางมินทับอยู่อีกต่อ ล่อแหลมนะครับเพื่อนถึงจะเป็นโรงบาลของพ่อมึงก็เถอะ
“สัส กูหนัก แดกห่าอะไรมาเนี่ยมึง”
“ผอมลงเยอะเลย…” จับคางเขาแล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนสำรวจอะไรสักอย่าง “แต่หน้ามึงเรียวขึ้น แล้วก็..ดูน่ารักขึ้น มีแฟนยังเนี่ยมึง” เอาคำว่าหล่อได้มะ คำว่าน่ารักฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไม่เบานักทำให้เราสองคนผละออกจากกัน ผู้ช่วยของเขามาตอนไหนเนี่ย แต่คงจะเห็นชอตล่อแหลมของเขากับชางมินเมื่อกี้แหง
“เดี๋ยวฉันไปที่สำนักพิมพ์แปบนึงนะ เดี๋ยวกลับมา”
“เอ่อ… ไม่ต้องแวะมาก็ได้คุณกลับไปพักเถอะ ผมอยู่กับชางมินได้ ไม่เป็นไรหรอก”
“เอางั้นเหรอ”
“อื้อ” มีชางมินอยู่ก็อุ่นใจ ถ้าเกิดว่าเจอซัมติ้งจริงๆ ลูกเจ้าของโรงพยาบาลก็จะได้เจอด้วย เก๋ๆน่ะ
“งั้นฉันไปล่ะนะ” พอผู้ช่วยเขาหายออกไปทางประตู ชิมชางมินก็รีบคร่อมตัวคยูฮยอนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนเพลินๆ มือใหญ่บีบแก้มเขาด้วยแรงที่ไม่เบาเลย อย่ารังแกคนป่วยสิวะ สัส!
“โจคยูฮยอน…ตอบกูมาซะดีๆ ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร”
“ถ้ามึงอยากรู้คำตอบมึงก็จับกูปล้ำสิ” ยักคิ้วหลิ่วตาให้เป็นเชิงท้าทาย เวลาพูดกันในเรื่องที่จริงจังก็มักจะติดเล่นอย่างนี้อยู่เรื่อย
“คิดว่ากูไม่กล้าเหรอ นี่ก็ถิ่นกูด้วยนะ” เออ ชุดผู้ป่วยยิ่งถอดง่ายๆด้วย แถมมานอนอ่อยมึงถึงที่ด้วยน่ะ เอาเลยสิ จับกูกดตรงนี้เลย -*-
“คยูฮยอน มึงเอาดีๆดิ่ กูจริงจังนะ อยากรู้จริงอะไรจริง” กระชากแขนให้คยูฮยอนลุกขึ้นนั่งดีๆ ทำไมช่วงวันสองวันนี้มีแต่คนคอยปู้ยี่ปู้ยำร่างกายกูจังนะ
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน กูนับถือเขาเป็นพี่ชาย และที่มาที่ไปมันก็สลับซับซ้อนเกินกว่าที่มึงจะเข้าใจได้ เกตป้ะ?” จงใจข้ามเรื่องที่ยองอุนมาเป็นผู้ช่วยเขา เรื่องสำนักพิมพ์ และเรื่องที่เขาวาดการ์ตูนยาโอยไป แต่คงปิดไอ้ชางมินได้ไม่นานหรอก คนอย่างแม่งฉลาดจะตายห่าน
“ไม่เกตอ่ะ ดูท่าทางแล้วไม่ได้เป็นแค่พี่ชายแน่ๆ เขาดูเป็นห่วงมึงจนเกินไป…”
“สารภาพกับกูซะดีๆน่าคยูฮยอนนี่~ มึงกับเขาเป็นแฟนกันใช่มะ?”
ห๊ะ!!
มึงจะบ้าหรอ ตลกตลวกปลวกที่สุดเถอะ คิดมาได้ไงเนี่ย!?
“เหอะ… คิดอะไรที่มันฉลาดกว่านี้ได้มะ มึงเอาอะไรคิดเนี่ย”
“เอาสมองคิดและสายตาประมวลผล… กูเห็นมึงกับเขาตั้งแต่มึงรอคิวตรวจแล้ว เห็นเขาประคองมึง เถียงกับมึง แล้วก็ให้มึงนอนหนุนตัก กูเห็นหมดน่ะ” ไอ่แสรดดดดดดดดดดดดดดด กูอยากจะกรีดร้อง มึงเห็นชอตหน้าอายของกูหมดเลยยยยย ไอ้เลวววววววววววววววววว มึงอย่าเอาไปบอกสาวๆที่กูเคยคั่วนะ สัส!
ชิมชางมินมองเพื่อนสนิทที่นิ่งไปอย่างครุ่นคิด… ถ้าคยูฮยอนยอมถึงขั้นนี้แล้ว อีกไม่นานหรอก แค่อดทนรออีกนิดผู้ชายคนนั้นได้สมหวังแน่ หึหึ เอาหน้าหล่อๆของเขาเป็นประกันเซ่!
“ถามจริง… ขนาดนี้แล้ว มึงไม่คิดอะไรจริงๆหรอ”
คยูฮยอนก้มลงเขี่ยผ้าห่มเล่นเพราะไม่อยากสบตาชางมิน “เขาทำดีกับกูมากเกินไป…ดีจนกูคิดว่าไม่ต้องดีกับกูขนาดนี้ก็ได้ ถึงแม้จะชอบกวนประสาทกู แต่กูก็รู้สึกดี…กูเห็นเขาเดินวนเวียนผ่านหน้ากูทุกวัน มันทำให้กูอดคิดไม่ได้ว่ะว่าถ้าอยู่ๆกูจะไม่ได้เจอกับเขากูจะเป็นไง กูไม่ชินกับการต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีเขาแล้ว”
ชางมินจับหัวเพื่อนมาซบลงที่ไหล่แล้วโอบไหล่อีกฝ่ายไว้พลางโยกตัวเบาๆ “กูเข้าใจมึง…ต่อไปมึงก็ทำตัวดีกับเขาให้มากๆล่ะ ถ้ามันมีเหตุการณ์ที่มึงคิดไม่ถึงเกิดขึ้นมึงจะได้ไม่รู้สึกเสียใจทีหลัง กูเป็นเพื่อนมึง กูก็บอกมึงได้แค่นี้แหละ ที่เหลือมันเป็นหน้าที่มึงแล้ว”
“อือฮึ…” ที่เค้าว่ากันว่าเพื่อนที่ดีในชีวิตก็คือเพื่อนตอนมัธยม คยูฮยอนเชื่อแล้วว่าชีวิตนี้เขาคงหาเพื่อนแบบนี้ไม่ได้อีก กูรักมึงจริงๆว่ะชางมิน ตอนแก่ถ้ามึงไม่มีใครมึงแต่งงานกับกูก็ได้นะ กูยินดีจะช่วยบริหารธุรกิจสินทรัพย์ ของมึงเอง จะช่วยมึงสร้างบ้านสร้างตึกด้วยเอ้า!
“แล้วก็…ปล่อยใจให้สบาย อย่าไปคิดอะไรมาก ถ้ามันรู้สึกยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น” ไม่พูดเปล่าจิ้มนมกูด้วยน่ะ - -* มันจั๊กจี๋นะเฮ่ย
“ไอ่เหี้ย จิ้มนมกูทำไมเนี่ย” จิ้มกูหรอ กูบิดหัวนมมึงกลับอ่ะ
“สัสนี่ เล่นแรงนะมึง” คราวนี้มันจี๋เอว จุดอ่อนเขาอยู่ตรงนี้แหละ…เหอะ กูดิ้นพราดๆจนสายน้ำเกลือหลุดเลย
ชิมชางมิน..
ที่มึงพูดในวันนี้น่ะกูไม่รับปากนะว่ากูจะทำได้รึเปล่า
แต่กูจะพยายาม…
Talk ;
ใครไปงาน KFC#5 มาคับ ชูมือหน่อย (ไม่มี 555555)
ใครเจอเราบ้าง (นี่ก็ไม่มี 555555) เจอก็บ้าร๊าวววว คนเยอะขนาด
เสียเงินค่าฟิคทีเหมือนแทบเสียตัว orz
ส่วนคยูแมนซ์จะพยายามมาต่อๆบ่อยๆแบบสามวันสี่วันต่อ (ถ้าไม่ลืม)
อยู่ในช่วงยืดเวลาที่ดองไว้อยู่ 555555
เจอกันตอนเจ็ดคับ~
ความคิดเห็น