เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้ก็แอบร้ายใช่ย่อย
แต่ก็เป็นผู้ชายนี่นา… เรื่อแบบนี้ก็มีกันบ้างเป็นธรรมดา
จัดของเรียบร้อยก็ว่าจะไปลากเด็กขี้เกียจให้ไปอาบน้ำอาบท่า พอชะโงกหน้าไปดูก็พบว่าเด็กขี้เกียจผล็อยหลับไปเสียแล้ว มิน่าล่ะ..ตอนลากไปซูเปอร์ถึงได้โวยวายเสียยกใหญ่ว่าไม่อยากไปจะนอนท่าเดียว คงจะเหนื่อยสิท่า ใบหน้าน่ารักยามหลับดูน่ามองกว่าตอนโวยวายและกวนตีน ดูไร้พิษสง..
จริงๆแล้วถ้าคยูฮยอนทำตัวเป็นเด็กดีอีกซักนิด
คงจะดูน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย.. และเขาเองก็คงหลงชอบได้ไม่ยาก
แต่คยูฮยอนเวอร์ชั่นใส่เขาเดวิลก็ดูน่าปราบดี
ทั้งขี้บ่น ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ คงจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันได้ทุกวัน
แบบนี้ก็ดูมีสีสันดีนะว่าไหม?
“คยูฮยอน…” ไหนๆแล้วก็ขอแกล้งเดวิลที่กำลังหลับสบายเสียหน่อย มือใหญ่แกล้งกระตุกหมอนข้างในอ้อมแขนเบาๆ พอให้คนกอดรู้สึกตัว
“อือ… อย่ายุ่งกับโบจังดิ๊~” หลุดหัวเราะเสียงดังแต่ไม่มีท่าทีว่าคนหลับจะตื่นขึ้นมาโวย นี่มีตั้งชื่อให้หมอนข้างด้วยเหรอเนี่ย ตลกชะมัด..
.
.
.
.
.
คยูฮยอนสะลึมสะลือขึ้นตอนประมาณเกือบจะตีสาม เห็นไฟในห้องปิดหมดก็นึกแปลกใจเพราะเท่าที่จำได้เขาเผลอหลับไปตอนที่เพิ่งจะ กลับมาจากซูเปอร์ แล้วก็เพิ่งจะระลึกได้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อนแล้ว ถ้านึกไม่ออกนี่มีสยองขวัญนะน่ะ… เออ ว่าแต่ไอ้คุณผู้ช่วยไปนอนที่ไหนน่ะ ไม่นานก็พบคำตอบในความมืดเมื่อเห็นก้อนกลมขยุกขยิกในถุงนอนตรงพื้นข้างๆ เตียงเขา แสดงว่าเตรียมการมาดีมีที่นอนหมอนมุ้งมาเสร็จสรรพ ดีมากครับ ไม่ต้องเหนื่อยแรงท่านโจคนนี้ด้วย ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบจนมาตื่นอีกทีก็ช่วงสายๆ วันนี้เป็นวันว่างที่นานๆที่จะมีที แต่จริงๆก็ไม่เชิงว่างเสียทีเดียวเพราะอาจารย์ที่ติดไปดูงานที่ต่างประเทศ ได้สั่งงานเยอะเป็นกระบุงโกย แต่ก็รู้กันดีว่าต่อให้สั่งงานไว้ล่วงหน้านานเท่าไร พวกเขาก็จะเผางานกันตอนวันสุดท้ายตลอด
จริงสิ! วันนี้มีนัดบอดนี่นา
คิดแล้วก็ชวนให้อารมณ์ดีแต่หัววัน พอคิดถึงหน้าน้องแทยอนที่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เจอหน้าแล้ว
ว่าแล้วก็ขัดสีฉวีวรรณอยู่นาน ก็ออกมาในสภาพหล่อที่สุดสามโลกหล้า (ถึงแม้ตอนนี้จะใส่แค่บ๊อกเซอร์ก็เถอะ แต่หน้าตาน่ะมีชัยยิ่งกว่าเสื้อผ้าเสียอีกนะ!) แต่พอเห็นถุงนอนก้อนใหญ่ข้างๆเตียงเขาก็เพิ่งฉุกคิดได้อีกรอบว่าเขาไม่ได้ อยู่คนเดียว ว่าแล้วก็รีบค้นเสื้อผ้าชุดที่หล่อที่สุดแล้วรีบสวมให้เร็วที่สุดก่อนที่คน ที่อยู่ในถุงนอนจะตื่น
ยอมรับเลยนะว่าไม่ชินโคตรๆ
ว่าตอนนี้มีคนมาอยู่ในห้องเขาอีกคนนึง… ดีนะที่ตอนอาบน้ำเมื่อกี้ไม่ออกมาโทงๆเหมือนตอนอยู่คนเดียว
คยูน้อยของเขา เขาก็หวงนะ! จะมาให้เห็นง่ายๆได้ไงกัน จริงไหม? -*-
“อือ..ตื่นแล้วหรอ” หัวโตโผล่ออกมาจากถุงนอน คิดถูกแล้วล่ะคยูฮยอนที่รีบใส่เสื้อผ้า
“อื้อ” รับคำกลับแบบตกใจนิดๆ
“แล้วจะไปไหนน่ะ” คนตัวโตลุกออกมาจากถุงนอนทั้งที่หน้าตายังงัวเงียอยู่
“เอ่อ.. มีธุระน่ะ…ธุระนิดหน่อย” แล้วทำไมต้องอ้ำอึ้งด้วยเนี่ย… เป็นอะไรเนี่ยโจคยูฮยอน
“อ๋อ.. นัดบอด” เฮ้ย! ไปอ่านในบอร์ดทำไมเล่า โอยยย… อ่านออกเสียงซะดังเชียว
“ก็… เออ ตามนั้นแหละ” เพราะคยูฮยอนไม่เห็นตัวเองเลยไม่รู้ว่าตอนนี้แก้มขาวๆขึ้นสีเรื่อด้วยความอาย เด็กหนอเด็ก..
“งั้นกินข้าวก่อนไปละกัน ระหว่างที่รอสาวๆของนาย จะได้ไม่หิว” ไม่เปิดช่วงให้คยูฮยอนท้วงทัก คิมยองอุนจัดแจงตัวเองให้เป็นพ่อครัวจำเป็น หยิบข้าวของที่ไปซื้อจากซูเปอร์เมื่อคืนสองสามอย่างมาทำอาหาร ไม่นานข้าวผัดหน้าตาสะสวยก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง นานแค่ไหนแล้วนะ..ที่คยูฮยอนไม่ได้กลิ่นหอมๆแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่พี่สาวมาเยี่ยมแล้วทำข้าวเย็นมื้อใหญ่กินกันสองพี่น้องล่ะ มั้ง
“กลิ่นหอมล่ะสิ..ทำหน้าซะอย่างกับเด็กโปลิโอ” เออแน่ะ… พอคิดว่าจะทำตัวดีกับอีกฝ่าย ก็มาทำตัวกวนตีนให้หงุดหงิดอีกน่ะ ชาตินี้ไม่ต้องดีกันเลยใช่ไหมเนี่ย
“ก็ทำให้เด็กเป็นโปลิโอกินไม่ใช่หรอ” เสียงสะบัดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ยองอุนหัวเราะเบาๆแล้วจึงตักข้าวผัดใส่จานนึงสำหรับคยูฮยอน และอีกจานสำหรับตัวเอง
“ขอบคุณนะ…” ร่างบางเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะรับจานข้าว
“ต้องพูดว่า ‘ขอบคุณนะครับ พี่ยองอุน ผมจะกินไม่ให้เหลือเลย’ สิ” รู้สึกว่าจะขอมากเกินไปแล้วนะคุณผู้ช่วย
“เอาแค่สามพยางค์ไปก่อนละกัน ถ้าต้องพูดยาวขนาดนั้นน่ะ” ว่าพลางตักข้าวเข้าปาก… ข้าวผัดร้อนๆ ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ รสชาติมันอร่อยชะมัดเลย อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยนะเนี่ย เก่งเหมือนกันนี่นา..
“อร่อยไหม?”
“หือ?” เงยหน้าขึ้นจากจานข้าวแบบงงๆ คนจะกินข้าวก็ถามอยู่นั่นแหละ
“ฉันถามว่าอร่อยไหม.. เห็นทำหน้าซาบซึ้งในรสชาติซะ” นี่หน้าตาเขามันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ?
“ก็…ดี” แล้วก็ก้มลงไปจัดการข้าวในจานต่อ… ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกหลังจากนี้ แต่บรรยากาศก็ไม่ได้เงียบจนชวนอึดอัด ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบดำเนินต่อไปและนานๆครั้งต่างฝ่ายต่างก็เผลอลอบมอง หน้าอีกฝ่าย จนกระทั่งข้าวทั้งสองจานหมดลง
“เดี๋ยวผมล้างจานให้” มือเรียวเอื้อมไปหยิบจานจากฝั่งตรงข้ามเขามาซ้อนไว้กับจานของตัวเอง พอเห็นร่างสูงทำหน้าแปลกใจก็รีบอธิบาย “ก็…คุณทำข้าวให้ผมกิน จะให้คุณเป็นคนล้างจานอีก ผมก็ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยนี่นา”
การอยู่ด้วยกัน..ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
แบบนี้ก็ถูกแล้ว…
K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C
วันนี้เป็นวันของคยูฮยอนจริงๆ นัดบอดวันนี้ดีกว่าที่เขาคาดไว้ น้องแทยอนก็น่ารักเกินกว่าที่คาดไว้ และดูเหมือนหลายๆคนก็ดูจะเป็นใจถึงได้เปิดโอกาสให้เขาได้ทำตัวสนิทสนมกับ น้องแทยอน และน้องแทยอนก็ดูให้ความสนใจเขาเสียด้วย ที่สำคัญที่สุด ได้เบอร์โทรศัพท์ด้วย! คยูฮยอนล่ะมีความสุขโคตรๆ
“กลับมาแล้วหรือ” คยูฮยอนที่ยิ้มค้างมาตั้งแต่ส่งน้องแทยอนที่สถานีรถไฟใต้ดินต้องหุบยิ้มลง เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปเจอคิมยองอุนนั่งเล่นโน๊ตบุ้คตรงโต๊ะญี่ปุ่นร้อง ทัก ให้อารมณ์ซีรี่ย์น้ำเน่าที่เขาชอบดู..ประมาณภรรยาทักทายสามีที่เพิ่งกลับจาก ทำงานยังไงอย่างงั้น - -* ผิดตรงที่ภรรยาที่ว่าไม่ใช่น้องแทยอนที่น่ารักของเขา
“อ..อื้ม” ถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้น ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพราะวันนี้เป็นวันของเขานี่ วันที่มีความสุข อา.. น่าฉลองด้วยเบียร์ซักกระป๋อง จริงสิ! มีเบียร์อยู่ในตู้เย็น ว่าแล้วขายาวก้าวฉับๆไปที่ตู้เย็น แต่เมื่อเห็นว่าในตู้มีเบียร์อยู่สองกระป๋องก็เหลือบไปมองคนที่กำลังนั่ง เล่นคอมสลับกับเบียร์ในกระป๋อง
“นี่คุณ…” อยากจะปรี่ไปกระชากเฮดโฟนออกจริงเชียว เมื่อกี้ก็ยังได้ยินเขาตอบเลย จะกินไม๊น่ะเบียร์?
“คุณ…” ยัง ยังไม่สนใจ - -*
คยูฮยอนสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปล่งคำที่ไม่ค่อยอยากพูดเท่าไรนัก “นี่.. พี่ยองอุน”
“เบียร์ซักหน่อยไม๊”
‘พี่ยองอุน’ หันหน้ามาตามเสียงเรียก พลางลดเฮดโฟนมาไว้ระดับคอ นี่ผู้ชายคนนี้ซื้อได้ด้วยแอลกอฮอลล์หรือไงนะ “เนื่องด้วยโอกาสอะไร?”
“เอ่อ.. ก็.. เนื่องในโอกาสที่คุณเป็นผู้ช่วยผมไง”
.
.
.
.
.
ระเบียงเป็นส่วนที่คยูฮยอนไม่ค่อยอยากจะอยู่ในช่วงกลางคืนเท่าไรเพราะยุง ค่อนข้างเยอะ แต่วันนี้บรรยากาศดีและอารมณ์คยูฮยอนก็ดี เขาจึงจุดยากันยุงไล่สัตว์กินเลือดที่น่ารำคาญแม้รู้ดีว่าช่วยได้ไม่ค่อยมาก เท่าไรแต่ก็ดีกว่าต้องนั่งตบยุงทุกสองนาทีแล้วกัน (เขาบอกคุณผู้ช่วยด้วยว่าเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ รับรองว่าไม่ฉุนจมูกแน่นอน) และเพื่อการป้องกันสองชั้น คยูฮยอนไม่ลืมที่จะหยิบไม้ชอตยุงเมดอินจีนแดงติดมือมาด้วย
“นี่ยุงมันเยอะขนาดนี้เลยหรอ?” เห็นท่าควงไม้ชอตยุงเมื่อกี้แล้วอยากถ่ายคลิปลงยูทูปซะจริงๆ
“ในโซลน่ะมียุงเยอะกว่าที่คุณคิดซะอีก… นี่ไง” ว่าแล้วก็วาดไม้ชอตยุงจนเกิดเสียงแป๊ะๆ ดูท่าว่าคนตัวเล็กจะสะใจมากเสียด้วย
“ในเมื่อกี้ยังเรียกฉันว่าพี่อยู่เลย ไหงกลับมาเรียกคุณอีกล่ะ”
คยูฮยอนกินเบียร์ไปอึกนึงก่อนจะหันหน้ามาตอบ “ก็คุณเป็นเจ้านายผมนี่นา.. ผมต้องให้เกียรติคนที่ให้ตังค์ผมสิ”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นแค่ตำแหน่งที่ตั้งไว้เฉยๆ” ยองอุนเบือนสายตามองวิวข้างหน้า แสงไฟจากถนนและตึกรามบ้านช่องทำให้กรุงโซลดูมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืนเสีย เหลือเกิน “เรียกแบบนี้มันทำให้ฉันกับนายดูเหินห่างยังไงไม่รู้ เราไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องเสียหน่อย”
“แต่เราเพิ่งจะรู้จักกันได้ครบวันนึงพอดีเป๊ะเลย”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย หรือถ้านายจะคิดอย่างนั้น.. งั้นเราก็มาทำความรู้จักกันซะสิ ง่ายจะตาย” ดวงตากลมโตที่เพิ่งถอดคอนแทคเลนส์มองอย่างสงสัย “ก็แค่เปิดใจคุยกัน ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราก็อยู่กันได้”
ริมฝีปากสีสวยเม้มลงอย่างใช้ความคิด… “เอางั้น...ก็ได้ แต่ต้องตอบทุกคำถามนะ”
.
.
.
.
.
ย้ายสถานที่จากระเบียงเข้ามาด้านใน คยูฮยอนเลยลากฟูกขนาดใหญ่พอควรที่ผู้ชายสองคนจะนอนได้สบายออกมาจากที่เก็บ ปกติแล้วเขาไว้ใช้เวลานอนกลิ้งดูทีวีไม่ก็นั่งทำงานที่พื้นหรือบางทีที่ เพื่อนๆมาทำงานที่ห้องเขา คยูฮยอนก็เอามันออกมาปูให้เพื่อนนอน ลากฟูกมาไว้ใกล้ๆระเบียงแล้วปิดไฟในห้องจนหมด เหลือเพียงแสงไฟจากด้านนอกของกรุงโซลที่ไม่มีวันหลับใหล วันนี้คยูฮยอนคงจะอารมณ์ดีมากถึงได้ยกหมอนให้ยองอุนหนุนนอนได้โดยไม่บ่นซัก คำ และไม่ลืมที่จะหยิบหมอนและหมอนข้างใบโปรดของเจ้าตัวมากอดก่ายด้วย
“ก่อนคุณจะมาทำงานที่นี่…คุณทำอะไร”
“นี่ฉันยังไม่ทันได้หายใจเลยนะ ถามแล้วเหรอ… แล้วถามทำไม?” คิมยองอุนคงเป็นผู้ชายที่โคตรความจำสั้น เมื่อกี้บอกว่าอะไรเล่า!
“เมื่อกี้คุณตกลงว่าคุณจะตอบทุกคำถาม อย่ามาเปลี่ยนประเด็น”
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ตอบก็ได้… นายคิดว่าฉันไม่มีพื้นฐานงานแบบนี้มาล่ะสิ”
“ใช่.. ผมสงสัยตั้งแต่ไปส่งพลอตที่สำนักพิมพ์แล้ว ทำหน้าตาเหม็นขี้แมวซะ” อดไม่ได้จริงๆที่ยองอุนจะหัวเราะเพราะคำว่า ‘ทำหน้าเหม็นขี้แมว’ พวกเด็กศิลป์นี่ชอบมีคำแสลงฮาๆแปลกๆมาใช้บ่อยเหลือเกิน
“ฉันเป็นผู้กำกับน่ะ… ทำหนังกับเพื่อนๆ” ถึงจะมืด แต่ยองอุนก็เห็นตาวาวของอีกฝ่ายเบิกกว้าง
“จริงอ่ะ… แบบทำหนังส่งประกวดอย่างงี้หรอ” พอเขาพยักหน้า ตาโตก็ยิ่งเบิกโตกว่าเลนส์แว่นที่เจ้าตัวสวมเสียอีก “เจ๋งอ่ะ เคยได้รางวัลป้ะ”
“ได้ที่เกาหลีนี่แหละ ต่อไปจะทำส่งไปประกวดที่ญี่ปุ่นดู แต่ฉันก็ต้องให้คนอื่นทำไปก่อน เพราะเรื่องนี้แหละ”
“เพราะผม?”
ยองอุนยิ้มให้คยูฮยอนแล้วส่ายหน้า “แค่นักเขียนการ์ตูนยาโอยอย่างนายไม่เป็นปัญหาระดับชาติของฉันหรอก คิดอะไรอยู่เนี่ย”
“ทีนี้ตาฉันถามนายบ้าง…” พอคนตัวเล็กกว่าพยักหน้าก็เหลือบมองหมอนข้างๆเน่าๆที่ร่างบางกอดอยู่ “นายตั้งชื่อให้หมอนข้างนายด้วยหรอ”
“ฮ…เฮ้ย! คุณไปได้ยินจากไหน ไม่มีอ่ะ..ทำอย่างกับเด็กผู้หญิงไปได้มีตั้งชงตั้งชื่อให้ของ” ปฏิเสธสุดฤทธิ์แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าทำจริง
“ได้ยินตอนนายละเมอ” ชักสนุก..ทำหน้าล้อเลียนเจ้าของหมอนข้าง “’อย่ายุ่งกับโบจังดิ๊~’ ฉันจำได้ ฮ่าๆ ยอมรับมาซะเถอะน่า… ฉันไม่เอาไปบอก…น้องแทยอนของนายหรอกน่าว่านายน่ะโตจนป่านนี้ยังติดหมอน ข้างอย่างกับเด็กๆ”
พอโดนล้อหนักเข้าปากอิ่มถึงยอมสารภาพด้วยเสียงอ้อมแอ้ม “ทำไมต้องยุ่งกับน้องแทยอนด้วยเล่า! อยากให้พูดนักใช่มะ? ก็ได้… ผมติดมันมาตั้งกะอยู่อนุบาลหนึ่ง ความจริงแล้วมันเป็นของพี่สาวผมมาก่อน แต่ผมไปแย่งจากพี่ ตอนนั้นถึงแม่จะซื้อหมอนข้างใบใหม่มาซักกี่ใบให้ผมและเอาไอ้นี่ให้พี่ ผมก็ร้องไห้โวยวายจะเอาแต่โบจังอย่างเดียว พอใจยัง?” ดูจากที่เจ้าตัวเล่า ตอนเด็กๆคงเป็นเด็กดื้อน่าดู… แต่ก็น่ารัก ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้
“ไม่เอาแล้ว! เลิกเหอะ…” จากแสงไฟที่สาดเข้ามา เขาเห็นแก้มที่เคยขาวมีสีแดงเรื่อด้วยความอายแม้ร่างบางจะเอาแก้มอิงกับหมอน จนเกือบไม่เห็น “เสียเปรียบชะมัด รู้จักกันได้แค่วันเดียว คุณกลับรู้เรื่องโบจัง ในขณะที่พวกไอ้ทงเฮต้องใช้เวลาตั้งปีนึง” บ่นงึมงำไม่หยุด เสียงทุ้มฟังดูง้องแง้งเหมือนเด็กขี้งอนไม่มีผิด
“จะไปไหนน่ะ” ร่างสูงร้องถามเมื่อเห็นคยูฮยอนลุกพรวดจากฟูกนิ่ม
“นอน!” ได้ยินแต่เสียงที่ยังติดงอนๆดังแว่วจากความมืด “ฟูกน่ะ คุณเอาไว้นอนละกัน เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
“ขอบคุณครับเจ้านาย” ลากฟูกไปไว้ข้างๆเตียงคยูฮยอน ที่เดิมที่เขานอนเมื่อคืน
“คุณสิเป็นเจ้านายผม” เห็นร่างบางขยับตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขาเพื่อจะได้คุยสะดวก “ขนาดคุณมาล้วงทอปซีเครทในชีวิตผมยังโกรธคุณไม่ได้ แถมต้องยกฟูกให้นอนอีก เพราะว่าคุณน่ะเป็นคนให้เงินผม นี่แหละที่น่าหงุดหงิด”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็น”
“เหอะ..ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละน่า”
“แล้วฉันบอกให้เรียกฉันว่าพี่แทนคำว่าคุณไง”
“โอ๊ยย เรื่องนั้นไว้ก่อน จะนอนแล้ว รำคาญ!”
“ใครกันแน่ที่บอกว่าถามได้ทุกคำถาม แล้วนี่ฉันถามไปข้อเดียวเองนะ?”
“หึ๊ยยยย!” มีการส่งสมุนโบจังมาฟาดเขาทีนึงด้วยเอ้า “คุณเนี่ยนะ… พอจะพูดดีๆด้วยก็ชอบมากวนตีนให้เสียอารมณ์ตลอดเลย” พลิกตัวตะแคงหันหลังให้อีก… โอเค ความผิดเขาอีกงั้นสิ ขอโทษอย่างสุดซึ้ง ผมจะเลิกพูดแล้วก็ได้ เหอะ…
ยองอุนพลิกตัวตะแคงหันหลังให้อีกฝ่ายเช่นกันแล้วแอบอมยิ้มกับการโต้เถียง เมื่อครู่… โจคยูฮยอนน่ะก็เป็นแค่เด็กในร่างผู้ใหญ่เท่านั้นแหละ เป็นเด็กแก่แดดเสียด้วย ทำเป็นเข้าใจโลกของผู้ใหญ่ แต่ชอบงอนและขี้โวยวายไม่เข้าเรื่อง
เสียงแมสเซสเข้าปลุกให้ร่างสูงออกจากความคิด ข้อความจากพี่จองซูส่งมาถามความคืบหน้า…รายนี้ดูท่าทางจะตื่นเต้นแทนเขาเสียอีก
‘เป็นไงบ้างกับวันแรก…คงไม่โดนเด็กน้อยไล่ตะเพิดออกมานะ’
มือใหญ่พิมพ์ข้อความส่งกลับไปอย่างรวดเร็วทันที
‘ก็ดี… เด็กน้อยของพี่แค่ขี้โวยวายเอง ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นานก็ปราบได้ แต่ก็เหนื่อยชะมัด เหมือนเลี้ยงเด็กประถมอยู่เลย’
กดส่งเรียบร้อยก็สอดโทรศัพท์เครื่องสวยไว้ใต้หมอนก่อนจะเข้าสู่นิทราบ้าง…
ยองอุนดีใจที่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคยูฮยอนเริ่มต้นได้ดี
หวังว่ามันจะพัฒนาไปในทางที่ดีต่อไป.. เขาหวังอย่างนั้นกับคยูฮยอน
Talk ;
ไม่รู้จะทอล์คอะไร -_________________-
(เกรียนนะ 555555555555555)
ความคิดเห็น