วันจันทร์ : ทำงานอ.คังตะ (สีน้ำ)
วันอังคาร : ซักผ้าที่ค้างไว้สองอาทิตย์ซะที ,, เก็บห้องด้วย รกชิบหาย!
วันพุธ : ส่งงาน Photoshop
วันพฤหัส : นัดบอด (ตากูบวมขนาดนี้ น้องแทยอนจะแลกูไม๊วะ?),,
งานถ่ายภาพ (ส่งอาทิตย์หน้า เดี๋ยวค่อยทำ กูขี้เกียจ) ,, นอนยาว
วันศุกร์ : วันสุขแห่งชาติ! กูว่างเว้ย! ไปกินเหล้ากัน คึคึ -..-
วันเสาร์ : เริ่มวาดการ์ตูนได้แล้วไอ้คยู! (แล้วตกลงส่งต้นฉบับวันไหนวะ สัส)
วันอาทิตย์ : ดอท ดอท ดอท ดอท ดอท
มือเรียวปิดปลอกปากกาไวท์บอร์ด ดวงตากลมโตอ่านทวนสิ่งที่ตัวเองเขียนไปเมื่อครู่ผ่านเลนส์แว่น เขามักจะทำอย่างนี้เสมอเวลาที่รู้สึกว่ากำลังจะบริหารชีวิตตัวเองไม่ไหว (ก็ไม่ไหวทุกอาทิตย์ละวะ พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ) ไม่มีอะไรไปมากกว่าชีวิตธรรมดาของนักศึกษาทั่วไป เรียน ทำงาน เที่ยวเล่น ม่อสาวเคล้าแอลกอฮอลล์เล็กน้อยตามสภาพ เว้นก็แต่วันเสาร์… เฮ้อ~ พูดแล้วก็เพลียใจ
จะว่าไปความสัมพันธ์ของตัวต้นเรื่องที่เขาขโมยมาแต่งยังไม่คืบหน้าซักแอะ แล้วการ์ตูนของเขาจะคืบหน้าได้ยังไงล่ะ!? หรือมันถึงคราวแล้วที่ท่านคยูฮยอนคนนี้ต้องเป็นคนออกโรงเอง
เพราะเงินคำเดียว
ไม่ใช่คำนี้กูไม่ทำให้มึงได้กับไอ้ฮยอกแจหรอกนะไอ้เตี้ยทงเฮ
อย่าลืมบวชทดแทนบุญคุณกูล่ะ
ร่างบางนั่งแปะที่โต๊ะทำงาน ที่ๆคยูฮยอนอยู่มากที่สุดในห้องชุดนี้ เหลือบไปเห็นงานวาดสีน้ำของตัวเองขึงอยู่กับกระดานวาดรูปก็อดคิดถึงเพื่อน ตัวเตี้ยทั้งสองคนไม่ได้ ว่าแล้วก็ทวีตไถ่ถามมนุษย์ติดทวีตทั้งสองหน่อ
GaemGyu @donghae861015 @AllRiseSilver พวกมึงทำงานสีน้ำของ อ. คังตะเสร็จยังวะ
ไม่นานนักไอ้ทงเฮก็ทวีตตอบกลับมาด้วยความเร็วสูง เฮ้ย! นี่มึงติดแอปพลิเคชั่นสำหรับเล่นทวีตไว้รึไง?
donghae861015 @GaemGyu กูทำเสร็จแล้ว เออ.. เดี๋ยวกูไปหามึงที่ห้องนะ รอรับเสด็จกูด้วยล่ะ คึคึ~
คยูฮยอนนึกสงสัยมาตั้งแต่รู้จักกับผู้ชายที่ชื่ออีทงเฮว่ามันมีปีกซ่อนไว้ หรือเปล่า ไปไหนมาไหนไวอย่างกับเหาะได้ เขายังไม่ทันได้เคลียร์เกมสเตจแรกจบดี เสียงเคาะประตูห้องเขาก็ดัง
“เจ้าชายทงเฮเสด็จแล้ว มีอะไรให้กูเสวยบ้าง~” ไอ้เตี้ยเดินร่อนรอบห้องเขาอย่างกับเป็นเจ้าของ “โห งานมึงสวยว่ะ เทพอีกและ ตอนส่งอย่ามาวางใกล้กูนะเดี๋ยวจารย์แม่งกดเกรดกู”
“แล้วทำไมพระองค์ถึงเสด็จมาหาคุณกูตอนดึกๆล่ะครับท่าน”
“กูไม่อยากอยู่ใกล้ฮยอกแจ…” ดั่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกถือกำเนิดขึ้นใหม่ คนอย่างอีทงเฮไม่มีวันพูดอย่างนี้ออกมาแน่นอน ผีห่าซาตานตัวไหนต้องเข้าสิงเพื่อนกูแน่ๆ
“ห๊ะ! มึงว่าอะไรนะ? ผีไม่ได้เข้าสิงมึงใช่ไหมเนี่ย?”
“ไม่ กูปกติดี.. แต่กูรู้สึกว่าตัวกูแปลกขึ้นทุกทียังไงไม่รู้ว่ะ” สีหน้ามันเจื่อนลงเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังกลุ้มใจ แต่พอมันค้นเจอบะหมี่ซองจัมโบ้รสแกงกิมจิอาการเหล่านั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง “ขอกูกินก่อนแปบนึง เดี๋ยวกูค่อยเล่า”
อะไรวะ? นี่กูต้องนั่งดูมึงกินข้าวบ้านกูในห้องกู แล้วสั่งให้กูรอมันพร่ำเพ้อพรรนณาถึงไอ้ฮยอกแจเนี่ยนะ!
“เอิ้ก!” เรอตบท้ายด้วยเสียงที่ไม่เบานัก สภาพเชียร์ลีดเดอร์สุดหล่อของคณะกำลังนอนกับพื้นลูบพุงตัวเองป้อยๆ หลังจากยัดบะหมี่ซองจัมโบ้หมดไปเมื่อครู่ (เมื่อกี้กูนั่งสังเกตอยู่ มันกินห้าคำหมดอ่ะ เอากะแม่งสิ!)
“เออ.. กูจะเล่าอะไรให้มึงฟังนี่หว่าไอ้โจ” ไม่พูดเปล่า มันเลื้อยขึ้นไปนอนกลิ้งบนเตียงกูแล้ว อย่ายุ่งกับหมอนข้างเน่าๆของกูนะ สัส!
“เออ กูนึกว่ากูต้องรอฟังตอนลูกกูบวชซะอีก”
“มึงก็พูดไป กูไม่ได้กินนานขนาดนั้นเสียหน่อย”
“มึงก็รีบๆพล่ามมาให้ว่องไว ก่อนจะโดนส้นตีนกูยันตกลงเตียง”
“เหอะ.. ไอ้คนใจโฉด กล้าทำร้ายผู้ชายที่กำลังอ่อนแอเพราะความรักอย่างกูได้ไง” ถุ้ย! ตอแหลที่สุดในสามโลกหล้ามหาจักรวาล “ก็.. กูจะเริ่มไงดีล่ะ กูรู้สึกว่าตัวกูหึงฮยอกแจแบบไร้เหตุผลขึ้นทุกวันยังไงไม่รู้ว่ะ”
“….”
“แต่ประเด็นนั้นมันไม่เกี่ยวกับวันนี้ กูเห็นมันถอดเสื้อเดินร่อนรอบห้องแล้วกูรู้สึกแปลกๆว่ะ รู้สึกร้อนๆวูบวาบๆ จนกูทนอยู่กับมันในสภาพแบบนั้นไม่ได้ ทั้งที่ปกติกูไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ! มันแบบ..สับสนยังไงบอกไม่ถูก กูเลยต้องมาหามึงนี่ไง..” เป็นเอามากนะนั่นเพื่อนกู..
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ?”
“กูก็ไม่รู้…” มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้กับมึงไม๊ครับ ไอ้หอยกาบ - -*
“มึงคงจะรักไอ้ฮยอกมากเกินไปจนเกิดอดใจไม่ไหวอยากปล้ำมันล่ะมั้ง” เอาก้นเบียดให้มันเขยิบตัวจนคยูฮยอนลงไปนอนได้ สภาพเตียงแคบๆ ไม่น่าจะอัดผู้ชายตัวเท่าเขื่องทั้งสองได้ แต่พวกเขาจะบริหารจัดการร่างกายให้นอนได้โดยทงเฮเอาแขนเกยไว้บนหัวคยูฮยอน และคยูฮยอนก็เอาหัวหนุนพุงทงเฮอีกต่อ ท่านอนชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดจริงๆ
“พ่อมึงสิ.. กูไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นเสียหน่อย แต่หมู่นี้กูไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่กูเข้าใกล้มัน”
“แล้วกูเข้าใกล้มันได้มะ?”
“มึงเป็นกรณีพิเศษ” ลองมาเล่นกับกูสิมึงตายคาตีนกูแน่ “แต่ห้ามมึงแต๊ะอั๋งมัน ห้ามอ่อยมัน ถ้ามันอ่อยมึงมึงก็ห้ามเล่นด้วยกับมัน ถึงจะเป็นคนที่กูไว้ใจ แต่กูไม่ยอม”
=[]=;;
อีทงเฮเป็นผู้ชายที่น่ากลัวชิบหายเลย…
“มึงรู้จักเดือนสถาปัตย์ที่ชื่อชเวซีวอนป้ะ” อยู่ดีๆ มันก็โพล่งทอปปิคใหม่ขึ้นมา
“เหอะ.. กูจะไปรู้จักแม่งได้ไงล่ะ ถึงกูจะมีเพื่อนอยู่ถาปัตย์บ้างก็เถอะ” จำได้แค่ว่าหล่อโคตร พ่อมันก็รวยโคตร ชาติตระกูลมันก็ดีโคตร เรียนก็เก่งโคตร น่าโดนสังคมรังเกียจเพราะเพอร์เฟคเกินไปที่สุด
“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งมาม่อฮยอกแจของกู”
“เห้ย คนอย่างไอ้เหี้ยนั่นอ่ะนะ ทำไมมันต้องมาสนใจไอ้ฮยอกวะ ตัวเลือกมันออกจะมีให้เลือกยาวถึงมกโพ”
“ใช่มะ? มึงคิดแบบกูเลย กูไม่รู้แม่งจะมาไม้ไหน มันคิดกับฮยอกแจเล่นๆหรือจริงจังกูก็ไม่รู้”
“….”
“มึงเข้าใจกูใช่มะว่ากูกำลังกลัวอะไรอยู่”
“เออ…” คยูฮยอนตอบเสียงยานคาง ตาใกล้จะปิดเต็มทีแต่ก็ต้องทำเป็นรับรู้สิ่งที่ทงเฮเวิ่นเว้อ
“คยูฮยอน.. มึงห้ามหลับ กูยังพูดไม่จบ!”
“กูไม่ไหวแล้ว.. กูไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว” แขนยาวควานหาหมอนข้างเน่าๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่มาซุกกับหน้า
“ไอ้โจ.. โจคยูฮยอน ตื่น” เลิกผมหน้าม้าขึ้นตบเหม่งมันเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น
“….” ไม่มีสัญญาณตอบรับแล้ว ทงเฮมองคนที่นอนหนุนพุงตนเองระอา ก่อนจะค่อยๆยกหัวคยูฮยอนออกจากพุงเขา แล้วค่อยคีบหมอนข้างเน่าๆ ที่มันติดยัดใส่อ้อมแขนเหมือนเดิม จัดแจงให้มันนอนในท่าปกติชนแล้วก็ได้แต่สงสัยตัวเอง
ทั้งที่เขาก็ปฏิบัติกับคยูฮยอนเหมือนกับฮยอกแจ
แต่ถ้าคนตรงหน้าเขาคืออีฮยอกแจ… เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเป็นอันขาด
อย่างน้อยเขาจะเสียสละพุงน้อยๆให้ฮยอกแจหนุนนอนทั้งคืนเลยเอ้า!
.
.
.
.
.
.
คิมยองอุนนั่งอ่านต้นฉบับของโจคยูฮยอนเป็นรอบที่สามล้านแปดแสนได้… ตั้งแต่เริ่มงานที่เจอกับเด็กคนนั้น จิตใจของเขาก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย เผลอเมื่อไรก็มักจะเห็นหน้าของเด็กคนนั้นอยู่เสมอ… จนวันต่อมายองอุนถึงขั้นแทบจะบีบคอถามข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับนักเขียน การ์ตูนคนนี้จากบก.ฮีชอล จนรู้ว่าชื่อโจคยูฮยอน เรียนปีสอง คณะศิลปกรรมศาสตร์อยู่มหาลัยแห่งหนึ่งในโซล เขียนการ์ตูนเป็นรายได้เสริม รู้เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ แม้กระทั่งยูอาร์แอลไซเวิลด์ แอคเคาท์ทวิตเตอร์หรือจะเฟซบุ้คยองอุนก็ไปสืบมาจนรู้
“นายมีอะไรกับคยูฮยอนหรือเปล่า เห็นสนใจเด็กคนนี้จัง” จองซูเองก็อดจะสงสัยไม่ได้ เพราะเห็นลูกพี่ลูกน้องตนมีอาการแปลกๆมาตั้งแต่เริ่มงานวันแรก
“ก็..ป..เปล่า เห็นว่างานเขาก็ดี ยอดขายก็อาจจะดี”
“คยูฮยอนก็เป็นหนึ่งในความหวังของเรา เท่าที่เขาเคยส่งการ์ตูนสั้นให้พิมพ์ก็มีคนชอบกันเยอะ มิน่าล่ะเห็นอ่านแต่ต้นฉบับของคยูฮยอน ชอบกับเขาบ้างหรือ?”
“ชอบ.. เฮ้ย! ผมหมายถึงงานน่ะ” ผู้เป็นพี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเปิดเผย อาการแถข้างๆคูๆน่ะมีเฉพาะพวกที่กำลังปิดบังความจริงเท่านั้นแหละ
“ไหนตอนแรกไม่อยากทำไม่ใช่หรือไง ไม่น่าเชื่อว่านายจะยอมอุดอู้อยู่ในออฟฟิศเล็กๆนี่ได้”
“มันเกี่ยวกับคยูฮยอนรึเปล่าน๊า~”
“ม..ไม่ใช่เสียหน่อย” รีบปฏิเสธพัลวัน “มาคิดๆดูแล้ว ลองทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาบ้างก็ดี ถ้าทุกคนพอใจ ผมก็จะได้กลับไปทำหนังเสียที”
“คยูฮยอนน่ะ.. นานๆทีถึงจะเข้ามาที่นี่ซักที จะเข้ามาเฉพาะเวลาส่งงานเท่านั้นแหละ มันก็คงยากหน่อยถ้านายจะหาโอกาสอยู่กับเขา” ถึงจองซูจะดีใจที่ยองอุนฉุกคิดขึ้นมาได้ แต่จะไม่ยอมให้เจ้าเบี่ยงประเด็นเรื่องคยูฮยอนหรอก
“พี่หมายความถึงอะไร?”
“ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยอยากจะทำงานที่นี่เหมือนนายแหละ แต่เพราะฉันได้เจอกับ..ฮีชอลน่ะ ฉันได้ยอมอยู่ที่นี่จนถึงทุกวันนี้”
“ปกตินักเขียนการ์ตูนเขาก็มีจะผู้ช่วยคอยช่วยทำงานอยู่ แต่สำหรับคยูฮยอนน่ะอาจจะไม่จำเป็น แต่เรื่องกินอยู่น่ะจำเป็น”
“….”
“ยองอุน.. คยูฮยอนเขาอยู่คนเดียว ผู้ชายน่ะถึงจะไม่ค่อยเรื่องมากกับเรื่องการกินนักแต่ถ้าปล่อยให้กินแต่ อาหารแช่แข็งหรือของที่ไปซื้อตามร้านใกล้ที่พักเป็นประจำน่ะมันก็ไม่ค่อยดี กับสุขภาพนักหรอก และถึงจะออกไปกินข้าวนอกบ้านก็เถอะ เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ถึงกับดี ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ทำอาหารเองกินเองแล้ว.. แล้วยิ่งคยูฮยอนเรียนศิลปะ งานเยอะจะตาย นอนก็น้อย และกินข้าวก็ไม่เป็นเวลาอีกต่างหาก”
“จะบอกให้ผมไปทำกับข้าวให้เขากินงั้นสิ?”
“มันก็ยังดีกว่านั่งมองต้นฉบับเขาโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่นะ…”
“….”
“เฮ้ย พูดถึงขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอ เรื่องผู้หญิงล่ะไม่ต้องพูดก็รู้ แต่พอเป็นผู้ชายเข้าหน่อยถึงกับตื้อทำอะไรไม่ถูกเลยหรือไง”
“ตอนฉันจีบฮีชอลน่ะ ไม่เห็นมีใครช่วยขนาดนี้เลยนะเว้ย”
..
..
อ..อะไรกัน?
อยู่ดีๆก็ยื่นข้อเสนอให้เขาไปคอยป้วนเปี้ยนในชีวิตของเด็กที่ชื่อคยูฮยอน
ก็จริงอยู่ที่เขาก็รู้สึก… สนใจ
แต่นี่มันบีบบังคับกันชัดๆ
“ไม่เอาด้วยล่ะแผนบ้าๆของพี่น่ะ”
“ใครไม่เอาอะไรเหรอ…” บก.ฮีชอล ที่อยู่ๆโพล่งเข้ามาในห้องทำงานของจองซูด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับเพิ่ง บังเอิญเข้ามา แต่ดวงตากลมโตนั่นฉายแววว่าได้ยินเรื่องราวมาตั้งแต่ต้นเป็นแน่แท้
“ยองอุนน่ะชอบคยูฮยอน แต่กำลังปฏิเสธหัวใจตัวเองอยู่”
“เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! พูดอะไรน่ะปาร์คจองซู” โวยวายเสียงดังด้วยความอายปนโกรธจนลืมสรรพนาม ‘พี่’ ของจองซู
“ยังไม่รู้ใจตัวเองล่ะสิ” ร่างบางของบก.ฮีชอลนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆกับโต๊ะทำงานที่จองซูนั่ง ทำงานอยู่พลางหยิบไอโฟนมาเล่นเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่แม้แต่น้อย
“ก็เพิ่งเคยหลงเสน่ห์ผู้ชายเลยทำตัวไม่ถูก… เหมือนฉันตอนแรกๆเลย จำได้ไม๊ฮีชอล”
“ใครจะไปลืมลงเล่า” เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะเวลานี้น่ะ…
“มันก็แค่ชอบชั่ววูบ.. ประเดี๋ยวประด๋าวมันก็หายไปเองแหละน่า” ยองอุนรู้สึกว่าบรรยากาศมันเหมือนเขากำลังโดนญาติผู้ใหญ่ซักฟอกความผิดอะไร บางอย่างยังไงไม่รู้แฮะ
“น้องจองซูปากแข็งชะมัดเลย… ถ้าฉันเป็นน้องจองซูนะ ฉันจะรีบเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ห้องข้างๆคยูฮยอนตั้งแต่สืบเจอที่อยู่แล้ว”
ใครจะไปไวไฟใจเร็วเหมือนลุงกับป้าสองคนล่ะ.. -*-
“นี่ยองอุนมันมีไปสืบหาที่อยู่ด้วยหรอ?” ปาร์คจองซูท่าทางจะตกใจมาก แสดงออกได้เว่อร์จริงๆ
“อ้าว นึกว่าจองซูใช้ยองอุนมาถามฉันเสียอีก ไอ้เราก็บอกไปซะหมดเลย ว้า~ คยูฮยอนเสียหายนะเนี่ย” คิมฮีชอลเองก็แสดงท่าทีสลดได้เว่อร์ไม่แพ้กับฝ่ายลุงจองซู
“ทำถึงขนาดนี้แล้วก็รีบรุกหน้าไปเลย.. จะมัวมานั่งเฉยๆให้เสียเวลาทำไม”
.
.
.
.
.
“แล้วเปิดช่องให้ผมได้พูดบ้างเซ่! เอาแต่พูดกันเองอยู่สองคน ตกลงเออออกันเองแบบนี้เคยถามผมบ้างไม๊ ผมไม่ได้เป็นหัวหลักหัวตอมานั่งฟังพวกพี่พูดกันเองนะ แล้วเป็นอะไรกันนักหนาชอบมาบังคับให้ทำนู่นทำนี่ กะเกณฑ์ชีวิตคนอื่นมันสนุกหรือไง.. ก็บอกมาตรงๆสิว่าให้นายไปหาทางเอาชนะใจเด็กนั่นให้ได้ และถ้าอยากให้ไปมากผมก็จะไป จะได้เลิกบ่นทุกเช้าสายบ่ายเย็นเสียที มันน่ารำคาญ”
คิมยองอุนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางควบคุมลมหายใจให้สม่ำเสมอหลังจากพ่นคำชุด ใหญ่ออกมาจนแทบไม่ได้หายใจ จนปาร์คจองซูและคิมฮีชอลนั่งทำตาปริบๆ เหอะ.. เขาอุตส่าห์สงบปากสงบคำมาตลอดแล้ว ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องโดนโวยวาย เพราะยองอุนเองก็ไม่ได้มีความอดทนมากมายเท่าไร
“โหย.. ในที่สุดก็เข้าใจเสียที ถึงจะหัวช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่สายที่จะเข้าใจนะ เออ.. แต่น้องจองซูเนี่ยปากคอพอจะต่อกรกับคยูฮยอนได้นะ อย่างน้อยก็คงจะทำให้เด็กนั่นหัวเสียได้ซักระยะนึง” ฮีชอลตบมือเบาๆ พลางทำหน้าตาชื่มชมได้ตอแหลมากในสายตาเขา หึ.. พี่จองซู แฟนพี่นี่ตอแหลชะมัดเลยรู้ตัวไหมเนี่ย?
“นายพูดเองน๊ายองอุน ว่านายจะเอาชนะใจคยูฮยอนให้ได้ ไม่ใช่แค่พูดส่งๆ คยูฮยอนดูท่าทางแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะยอมรับใครเข้าไปในหัวใจง่ายๆเหมือน ผู้หญิงคนก่อนๆที่นายเคยควงมานะ พยายามเข้าล่ะ ไฟต์ติ้ง” จองซูทำหน้าล้อเลียนเขาแถมยังชูสองนิ้วเสียอีก
“น้องจองซูบอกว่าอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ใช่หรือ” แล้วไปได้ยินตอนไหน!? ชัดเจนน่ะ แอบฟังชัดเจนเลยน่ะ
“งั้นก็จีบโจคยูฮยอนให้ติดสิ นี่แหละงานเป็นชิ้นเป็นอันที่ฉันอยากเห็น” คิมฮีชอลส่งยิ้มหวานพิมพ์ใจพร้อมพูดราวกับมันเป็นเรื่องตลก แต่รอยยิ้มนั่นช่างเยือกเย็นจนน้ำแข็งเกาะแถมให้นกเพนกวินและหมีขั้วโลกเข้า ไปอาศัยได้เลย
“จองซูคงไม่ว่าอะไรหรอกเนอะ”
“อื้อ แต่ใช่ว่าการที่ส่งนายไปมันไม่มีเหตุผลนะ ฮีชอลเป็นคนตรวจต้นฉบับคยูฮยอนไม่ใช่หรือ ตอนนั้นฮีชอลเคยบอกจุดด้อยของคยูฮยอนด้วย”
“ลายเส้นดี เนื้อเรื่องดี เสียอย่างเดียวที่อารมณ์ไม่ได้เท่าที่ควร” ตากลมโตจ้องยองอุนตาไม่กระพริบเป็นเชิงบอกให้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เจ้าของดวง ตาคู่นั้นพูดทุกคำ
“ฉันเคยคิดนะว่าสาเหตุที่อารมณ์ตัวละครของคยูฮยอนไม่ค่อยถึงเท่าที่ควร ฉันคิดว่าเพราะช่วงนี้เขาไม่มีแฟนเลยอาจจะลืมความรู้สึกหลายๆอย่างที่ควรจะ ใส่ในการ์ตูนเข้าไป มันน่าจะดีถ้าช่วงที่คยูฮยอนเขียนการ์ตูนน่ะ คยูฮยอนควรจะมีความรักบ้าง”
“การ์ตูนที่ดีน่ะควรจะเป็นการ์ตูนที่พอจบแล้วก็ยังตรึงอยู่ในความรู้สึกของ คนอยู่… ยองอุนลองเถียงสิว่าทำไมเราถึงยังจำโดเรม่อน ไอ้มดแดง ขบวนการเรนเจอร์ห้าสี หรือว่าเซเลอร์มูนได้” เออ เขาชอบเซเลอร์วีนัสมากเลย สเปคของเขาตอนเด็กเชียวล่ะ เฮ้ย! ไม่ใช่แล้วๆ
“งั้น..ยองอุนเป็นผู้ช่วยของคยูฮยอนเนอะ”
คิมยองอุนเคยคิดว่าปาร์คจองซูเป็นคนที่น่ากลัวแล้วนะ
แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคิมฮีชอลน่ะน่ากลัวมากกว่าเป็นสามเท่าเลย
ยิ่งมาอยู่ด้วยกันอีกนะ.. โอยย ที่สุดแห่งความน่ากลัว
หวังว่าการพบเจอโจคยูฮยอนคงจะไม่เลวร้ายนัก อย่างน้อย… เวลาใบหน้าน่ารักนั้นหงิกงอก็ยังน่าดูกว่า ใบหน้าที่ฉีกยิ้มแต่ภายในพร้อมจะเฉือดเขาหมือนหมูเหมือนคู่รักบก.โรคจิตละกัน
คิมยองอุนได้แต่หวังว่าวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป ชีวิตของเขาจะปลอดภัย อาเมน…
Talk ;
แต่งค้างไว้ถึงตอนที่ 11 จะค่อยๆทยอยลงในนี้นะขรั่บ ระหว่างที่กำลังตันได้ที่กับตอน 12
(ที่ค้างไว้ในบอร์ดมาหลายเดือนอยู่) 555555555555555555555555555555
มีอะไรก็ฟอโล่วทวิตเตอร์ @Qfern ไปคุย(aka ไปทวง) ได้นะจ๊ะนะจ๊ะ ' '
ความคิดเห็น