ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] KYUMANCE COMIC l Kang x Kyu (feat. Hae x Eun)

    ลำดับตอนที่ #1 : issue 01 ; Introduce of KYUMANCE

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 54




    ในชีวิตนี้ผู้ชายเรียบเฉยๆอย่างโจคยูฮยอนมีสิ่งที่เกลียดอยู่ไม่กี่อย่าง…

    หนึ่ง
    เกลียดเวลาไม่มีเงิน
    สอง เกลียดเวลาคิมฮีชอลโทรมาสั่งงาน
    สาม เกลียดเวลาคิมฮีชอลโทรจิกเมื่อเขาส่งต้นฉบับช้า
    สี่ เกลียดที่ทำอะไรคิมฮีชอลไม่ได้เพราะสืบเนื่องจากข้อหนึ่ง


    เขาถึงได้นั่งแกร่วอยู่หน้าโต๊ะทำงานมาร่วมชั่วโมงกว่าๆแล้ว…


    คิมฮีชอล ผู้ชายที่คยูฮยอนภาวนาว่าอยากพบเจอเพียงแค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้นเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด


    โจคยูฮยอนเป็นนักศึกษาของคณะศิลปกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อแห่งนึงในกรุงโซล ด้วยความที่ชอบอ่านชอบดูการ์ตูนมาตั้งแต่จำความได้ คยูฮยอนจึงชอบลองส่งต้นฉบับการ์ตูนของเขาไปให้สำนักพิมพ์ต่างๆ เผื่อว่าสักวันนึงงานของคยูฮยอนจะได้ตีพิมพ์ลงนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์บ้าง แต่โชคชะตาทำให้ผลงานของคยูฮยอนถูกอกถูกใจคิมฮีชอล บก.สำนักพิมพ์การ์ตูนแนวบอยเลิฟ


    เออ! คุณอ่านไม่ผิดหรอก บอยเลิฟ แบบว่า..ชายรักชาย
    โดยผู้ชายเป็นคนแต่ง…
    ถึงเขาจะเฉยๆกับความรักแบบเพศเดียวกัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องมานั่งจินตนาการแล้วถ่ายทอดออกมา


    ถ้าไม่ใช่เพราะราคาต้นฉบับที่งามกว่าเจ้าอื่นๆ คยูฮยอนก็ไม่หน้าเงินรับหรอก! ด้วยเหตุบังเอิญที่บ้านเขามีปัญหาด้านการเงินพอดี เขาจึงจำใจต้องรับงานพิเศษที่ไม่ค่อยเต็มใจทำเท่าไรนัก.. เขาเองก็ถูกปลูกฝังให้กตัญญูรู้คุณบุพการี คยูฮยอนเลยไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ จากพ่อแม่มากนัก แค่ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าทำงานก็ทำให้พ่อแม่เหนื่อยมากแล้ว…


    คยูฮยอนเลยต้องมามืดแปดด้านอย่างนี้นี่แหละ...



    RRRRR~



    แค่คิดถึงก็โทรมา(จิก) แล้ว น่ากลัวเหลือเกินคุณคิมฮีชอล ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกดรับสายเจ้าแม่กาลี “ครับ พี่ฮีชอล”

    “...”

    “ถ้าเรื่องพลอตน่ะตอนนี้ผมคิดไม่ออกหรอกนะ แล้วก็ไม่รู้จะทำไงด้วย”

    “...”

    “ผมไม่ใช่เกย์เสียหน่อย จะไปรู้ได้ไงเล่าว่าเค้ารู้สึกรักรู้สึกชอบกันยังไงล่ะ โอ้ยยย!”

    “…”

    “คนรอบตัวผมก็ไม่มี… เอ่อ จะว่าไปก็มีเข้าข่ายอยู่นะ”

    “…”

    “รู้แล้วน่าว่าต้องให้ทันอังคารหน้า”

    “…”

    “ห๊ะ! บก. อีทึกจะเอาวันเสาร์นี้เหรอ? บ้าป้ะเนี่ย!” คยูฮยอนได้แต่ก่นด่าในใจ บอสใหญ่ของที่สำนักพิมพ์คือบก.อีทึก หากบก. อีทึกสั่งอะไรแล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นไม่มีข้อแม้ แม่งเอ้ย! ไอ้บก.โรคจิต

    “…”

    “เอาเป็นว่าผมจะพยายามทำให้ทันละกัน แค่นี้นะ”

    “…” เออน่ะ ยังไม่วายจะด่ากูก่อนวางสายอีก -*-

    คยูฮยอนเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงก่อนจะเหวี่ยงตัวเองลงตาม แขนขายาวเก้งก้างกอดก่ายหมอนข้างที่เขาติดมันมาตั้งแต่อยู่อนุบาล ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงสูดกลิ่นเน่าๆที่มีแต่เขารับได้เท่านั้นคล้ายกับต้องการจะผ่อนคลาย


    แล้วเขาจะไปหาพลอตมาเขียนการ์ตูนวายจากไหนล่ะ!?
    ท่านคยูฮยอนคนนี้อยากจะเอาเข็มทิ่มเหงือกให้แดดิ้นตายซะจริงๆ




    RRRRR~



    โอ้ยย ธุรกิจพันล้านเหลือเกินตัวกู วันนี้มีแต่คนโทรหา


    ไฟหน้าจอสว่างวาบแสดงให้เจ้าของเครื่องทราบว่าอีทงเฮโทรมา คยูฮยอนเดาได้เลยถ้ามันโทรมาล่ะก็มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอก


    “เหวยเตี้ย จะชวนกูแดกข้าวละสิ”

    “...”

    “ก็กูเก่งไง กูถึงได้รู้ว่ามึงยอมเสียตังค์โทรมาชวนกู”

    “…”

    “เออ พ่อคนอารมณ์เปลี่ยว แล้วทำไมไม่ชวนฮยอกแจเมียมึงด้วยล่ะ”

    “…”

    “หึยยย แล้วจะเอากูไปเป็นกองขี้ควายขวางพวกมึงทำหอยอะไรวะ”

    “…”

    “ไอ้นี่ก็เล่นตัวชิบหาย มึงก็มอมเหล้ามันแล้วปล้ำแม่งซะทุกอย่างก็จบและ”

    “…”

    “ถุ้ยยย พ่อคนดี พ่อคนประเสริฐ เออ.. ไปคุยต่อตอนกินข้าวละกัน กูแสบไส้จะตายห่าอยู่และ”

    “…”

    “เออ แล้วเจอกัน”

    .
    .
    .
    .



    K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C



    ความจริงวันนี้กับข้าวที่คยูฮยอนกินอยู่ก็อร่อยดีนะ… แต่ไปๆมาๆชักเลี่ยนจนอยากขย้อนข้าวออกเพราะบรรยากาศข้างหน้ามาก ภาพอีทงเฮที่แทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำถึงปากอีฮยอกแจประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นง่อย ชวนหงุดหงิดทางสายตามาก คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนางเอกซีรี่ย์อยู่หรือไงวะ?


    “กินเนื้อเข้าไปเยอะๆ ผอมจนหัวจะโตกว่าลูกแตงโมแล้ว” ทงเฮคีบเนื้อแปะในชามข้าว แล้วในทันทีฮยอกแจก็คีบชิ้นเนื้อกลับไปชามทงเฮแทน

    “ใครบอกว่ากูอยากกินเนื้อ”

    “งั้นกินหมู”

    “วันนี้ไม่อยากกินหมู”

    “กินไก่?”

    “กูไม่กินญาติตัวเอง”

    “งั้นกินปลา”

    “อันนี้ยิ่งไปใหญ่ กูก็ไม่กินญาติมึง”


    “โอ้ย! งั้นแดกแม่งให้หมดทุกอย่างเลยไป แดกให้หมดด้วย นี่คือคำสั่งกู”  มนุษย์ความอดทนต่ำอย่างไอ้ทงเฮคีบเนื้อสัตว์ทุกประเภทยัดลงชามของไอ้ฮยอกแจ ชวนปวดเศียรเวียนกบาลทุกครั้งที่ต้องนั่งดูมันทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่า


    แต่มันก็ดูเหมาะกันดี..มั้ง?



    ทงเฮและฮยอกแจมาจากโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน ช่วงเวลาสามปีนิดๆทำให้สนิทกันจนต่างฝ่ายต่างขาดกันและกันไม่ได้ เลยตามมาสอบติดคณะเดียวกันให้เหม็นขี้หน้ากันเองเพิ่มอีกสี่ปี ฟังดูแล้วไม่น่ามีอะไรจนเมื่อไม่นานมานี้ไอ้ทงเฮมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับคยูฮยอน ก่อนจะสารภาพหมดเปลือกว่าความรู้สึกที่มันมีให้ฮยอกแจได้เปลี่ยนไปแล้ว.. แต่มันปฏิเสธหัวชนฝาว่ามันไม่ได้เป็นเกย์
    ชีวิตของมันยังพิศวาสผู้หญิงอยู่ แต่ถ้ากับผู้ชายมันพิศวาสแค่อีฮยอกแจคนเดียวเท่านั้น


    และแน่นอนว่าความลับนี้มีแค่คยูฮยอนเท่านั้นที่รู้
    ถ้าข่าวรั่วไหลออกมาละก็… หึหึ ไอ้เตี้ยได้เชือดคอเขาขาดเป็นแน่




    “เป็นแม่กูรึไงมาสั่งกู ตักเองกินเองสิวะ”

    “ก็กูอยากทำให้มึง”

    “เดี๋ยวนี้มึงแปลกขึ้นนะทงเฮ หรือว่าไม่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตมึงเลยเปลี่ยว”


    ทงเฮถึงกับสะอึกในขณะที่คยูฮยอนแอบอมยิ้มและพยายามกลั้นหัวเราะสุดพลัง (ไม่อย่างนั้นไอ้เตี้ยได้กระโดดถีบขาคู่แน่) ฮยอกแจ.. ไอ้โง่! มันแปลกมาตั้งนานเพราะมึงน่ะแหละ มึงน่ะเสือกโง่ไม่เห็นเอง ถ้าเป็นงูมันฉกมึงตายห่านไปแล้วมั้งน่ะ -*-


    “ไอ้เหี้ยโจมึงหัวเราะไร” น่ะ.. มาทำกลบเกลื่อนด้วยการด่ากูอีก

    “กูขำมึงไม่ได้รึไง”

    “กูไม่อนุญาต”

    “เป็นเจ้าชีวิตกูเลยไม๊ล่ะ?”

    “เออ ได้ก็ดี” เชี่ยเถอะ.. ไอ้ห่านี่ ถ้ามึงทำให้กูได้เงินใช้ล่ะจะไม่ว่าซักคำ



    เฮ้ย!
    เดี๋ยวนะ.. ถ้ามันสองคนทำให้เขาได้เงินงั้นหรือ?
    ถ้ามันช่วยให้เขาส่งพลอตผ่านภายในวันเสาร์ได้ล่ะ?





    “คยูฮยอนมึงยิ้มอะไรน่ะ”

    “ป๊าววว!” ปฏิเสธเสียงสูงแบบคนโกหกไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตายัดข้าวเข้ากระเพาะต่อ…

    “ทงเฮ.. เพื่อนมึงอ่ะบ้าไปแล้วน่ะ”

    “ใครเพื่อนมัน เพื่อนมึงไม่ใช่หรอ” อ้าว แล้วหมาที่ไหนเอาอุ้งตีนหน้ากดเบอร์จิกกูให้มากินข้าวกับมึงล่ะครับ


    แต่ก็ช่างมันเถอะ…  เอาเป็นว่า.. เขาจะทำเป็นไม่ได้ยินคำด่าเมื่อกี้ละกัน
    แลกกับเลิฟสตอรี่ของพวกมึงสองคนที่ทำให้กูได้เงินใช้ดำรงชีพต่อไป..

    คยูฮยอนนึกขอโทษพวกมันสองคนในใจ ก่อนจะนั่งมองพวกมันทะเลาะด้วยเรื่องไร้สาระต่อ..


    อ่อ เกือบลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดว่าพวกมันห้ามรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะอีทงเฮ!

    .
    .
    .
    .



    K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C




    คิมยองอุนนั่งเบื่ออยู่ในออฟฟิศของปาร์คจองซู ทำหูทวนลมไม่ใส่ใจคำพูดของเจ้าของห้องเลยซักนิดเดียว เหอะ… เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาช่วยลูกพี่ลูกน้องเขาทำงานด้วยล่ะ?


    “ยองอุน.. ถึงเวลาที่นายจะทำงานจริงจังได้แล้วนะ เรื่องทำหนังน่ะ พักไว้ก่อนไหม”

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมต้องโดนมาทำงานที่นี่ล่ะ? ผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้เสียหน่อย”

    “ถ้าตั้งใจนายก็ทำได้”

    “แล้วทำไมพี่ไม่ทำเองเสียล่ะ”

    ปาร์คจองซูถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนเด็กคิมยองอุนดื้อหัวชนฝายังไง ตอนนี้ก็ยังมีอยู่อย่างสม่ำเสมอแถมมากขึ้นทวีคูณด้วยซ้ำ ยองอุนอยากเป็นผู้กำกับ อยากให้คนทั้งโลกชอบผลงานที่เขาสร้างมันกับมือ หลังจากเรียนจบเขาเลยทำทีมกับเพื่อนๆสมัยเรียนเพื่อทำหนังส่งประกวดเวทีต่างๆทั้งในและนอกประเทศ แต่ความฝันของเขากลับขัดใจบรรดาญาติๆรวมถึงพ่อกับแม่ของยองอุน พวกท่านต่างก็คิดว่ามันเป็นงานที่ไม่มั่นคง จึงคิดอยาจะเปลี่ยนความคิดลูกชายและหลานชายเสีย ด้วยการฝากฝังให้ยองอุนมาทำงานที่นี่ซักระยะนึง



    “เฮ้อ~ จะทำหรือไม่ทำมันก็เรื่องของนาย แต่คนจ่ายเงินเดือนให้นายคือฉัน”

    “…”

    “จริงอยู่ที่นายอาจจะไม่แคร์กับเรื่องที่ญาติๆบังคับ แต่นายรู้รึยังว่านายถูกอายัดบัตรเครดิตทุกใบที่นายถืออยู่”

    “ห๊ะ!” สายตาคมผละจากหน้าจอแบล็กเบอร์รี่มาถลึงตาใส่ผู้เป็นพี่และเจ้านายของเขา

    “ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ! บ้ากันไปหมดแล้ว”

    “ฉันเข้าใจนาย… ฉันพยายามคุยกับพวกท่านหลายรอบแล้ว” น้ำเสียงเรียบเฉยแต่ช่างมีอำนาจเหลือเกินในความรู้สึกของยองอุน “ระหว่างนี้ก็ถือโอกาสหาประสบการณ์ใหม่ๆก็ได้ เผื่อจะเป็นแรงบันดาลของหนังเรื่องต่อไปของนาย”



    คิมยองอุนมองปาร์คจองซูจิบกาแฟพลางเช็คอีเมลล์ในแลปทอปเครื่องสวยอย่างไม่เข้าใจ…



    “เออ.. พ่อนายฝากมาบอกว่า ‘ถ้าแกทำงานส่งเดช แกก็จะโดนจองซูหักเงินเดือนเป็นสองเท่าของพนักงานคนอื่น พ่อสั่งจองซูไว้แล้ว’ ”


    ยังไม่ทันที่ยองอุนจะอ้าปากเถียง จองซูก็ลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะออกจากห้องทำงานของตน


    “เมื่อกี้ไม่ใช่ฉันพูดนะ พ่อนายฝากมาจริงๆ จะด่าทอกับฉันยังไง พ่อนายก็ไม่มีวันรู้หรอก จริงไหม? อืมม เอางี้.. งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้ตั้งแต่เก้าโมงเช้านะ”

    จองซูว่าพลางฉีกยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มเล็กๆที่แก้ม “อ้อ! พรุ่งนี้จะมีนักเขียนมาส่งพลอต แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่าเขาจะเข้ามาที่นี่กี่โมง พรุ่งนี้ฉันติดธุระนิดหน่อย ยังไงก็… ฝากด้วยละกัน หวังว่าคงไม่ทำให้เสียเรื่องนะ ผู้ช่วยบรรณาธิการ ฉันไปล่ะ”


    ปาร์คจองซูไปแล้ว…
    ทิ้งไว้แต่ความหงุดหงิดงุ่นง่านใจที่ยังพุ่งพล่านในสมองของยองอุน



    “แม่งเอ้ย!” อดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบคายออกมา… อิสระของเขาหมดลงแล้ว หมดกัน…

    “กะอีแค่งานตรวจต้นฉบับนิดหน่อย มันคงไม่มีอะไรนักหนานักหรอกน่า” เขาบ่นกับตัวเองเมื่อมือหนาเริ่มสำรวจกองเอกสารบนโต๊ะของจองซู

    “แล้วนี่อะไรเนี่ย?” ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่จองซูนั่งเมื่อครู่พลางสำรวจต้นฉบับการ์ตูน “แนวยาโอยเนี่ยนะ!?”


    นี่ปาร์คจองซูเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์การ์ตูนยาโอยเนี่ยนะ!
    โลกเราเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว!


    “การ์ตูนแนวอื่นก็มีให้ทำตั้งเยอะแยะ ทำไมจะต้องเป็นแนวอะไรอย่างนี้ด้วยเนี่ย..”  รู้สึกไม่เข้าใจในความคิดคนอย่างปาร์คจองซูมากขึ้น
    เขารีบเก็บไอ้การ์ตูนแนวแปลกๆนั่นเข้าที่เดิมก่อนจะรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าออกจากออฟฟิศประหลาดๆนี่ให้เร็วที่สุด



    ไหนๆคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้ว
    ขอปาร์ตี้ส่งท้ายเสียหน่อยละกัน…

    ..
    ..

    หรือจะแกล้งหายหัวไปเลยตลอดช่วงวันหยุดนี้ดีนะ?



    K-Y-U-M-A-N-C-E-C-O-M-I-C




    เวสป้าสีเขียวอ่อนที่เกือบจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่พาโจคยูฮยอนเดินทางมาถึงออฟฟิศสำนักพิมพ์ได้อย่างปลอดภัย จัดการจอดลูกรักและถอดหมวกกันน๊อกสีเดียวกับตัวรถเรียบร้อยแล้วก็อดไม่ได้ ที่จะจัดทรงผมตัวเองให้ดูดีผ่านกระจกข้างรถ แหม.. หัวยุ่งนิดหน่อยแถวบ้านเรียกเซอร์ แต่หัวกระเซิงเพราะแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์มาต่อให้หล่อระดับคยูฮยอนก็ไม่ไหว เหมือนกันนะ


    บรรยากาศออฟฟิศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แลดูเงียบถนัดตา มีเพียงพนักงานบางคนที่ต้องสะสางงานเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็พอจะเข้าใจถึงความเงียบเหงาวังเวงนี้เพราะออฟฟิศโรคจิตนี่ก็ไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไรนักหรอก

    ขายาวๆพาตัวมาที่หน้าห้องทำงานของบก.อีทึก ในเวลาชั่วอึดใจ ปกติแล้วเวลาส่งต้นฉบับคยูฮยอนจะส่งกับบก.ฮีชอล เจ้าแม่กาลีประจำออฟฟิศ ก่อนที่ป้าแกจะส่งต่อให้บก.อีทึกอีกต่อหรืออะไรซักอย่างนี่แหละเขาเองก็ไม่ ได้ใส่ใจนัก ขอแค่โอนค่าแรงเข้าบัญชีธนาคารมาไวๆก็พอ

    แต่วันนี้บก.ฮีชอลไม่อยู่ เจ้าแม่แกจึงส่งเมลมาบอกเขาว่าให้ไปส่งงานกับบก.อีทึกโดยตรงเลย ถึงคยูฮยอนจะเคยคุยกับเจ้าของสำนักพิมพ์มาบ้างเล็กน้อย…มากๆ ก็เถอะ แต่ก็ได้ยินมาจากหลายๆคนว่าเป็นบก.ที่โรคจิตใช่ย่อย อยากจะเร่งปิดเล่มวันไหนก็ทำ อยากจะเร่งให้ส่งงานวันไหนก็เร่ง ไม่เคยแคร์ว่าโลกจะถล่ม หรือน้ำจะท่วมกรุงโซล หรือนกเพนกวินจะไม่มีที่อยู่ ตราบใดที่มันเป็นคำสั่งของบก. อีทึก ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามลมปากของเจ้านายคนนี้ และไม่มีใครกล้าขัดด้วย แม้แต่เจ้าแม่อย่าง บก.ฮีชอล แค่นี้ก็โรคจิตมากพอแล้วในสายตาคยูฮยอน…



    เอาวะ! แค่ส่งให้มันจบๆไป ผ่านไม่ผ่านค่อยว่ากันอีกที
    หวังว่าเขาคงจะไม่สั่งอะไรคอขาดบาดตายกับลูกจ้างตัวน้อยๆ(?)ละกันนะ~


    ก๊อก ก๊อก



    “เปิด!” ทำไมเสียงบก.ถึงทุ้มใหญ่ขนาดนี้ล่ะ?

    “สวัสดีครับ บก.” ร่างบางค่อยๆแง้มประตูเข้าไป ก่อนจะพบว่า บก.อีทึกไม่ได้อยู่ในห้อง มีเพียงชายหนุ่มตัวสูงใหญ่นั่งกดแบล็กเบอร์รี่เล่นอยู่เท่านั้น..

    “แล้ว บก. …” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ อีกฝ่ายก็รีบแทรกทันทีโดยไม่ได้มองหน้าคนที่คุยด้วยเลยสักนิด

    “นายน่ะใช่คนที่มาส่งพลอตต้นฉบับใช่ไหม?”

    “อะ..เอ่อ.. ก็.. ใช่ครับ”

    “วางไว้บนโต๊ะนั่นน่ะแล้วก็กลับไปได้แล้ว.. เฮ้อ~ เสียเวลาฉันรอนายตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพียงเพราะแค่นี้เนี่ยนะ”

    อ้าว.. นั่นปากเหรอนั่นน่ะ??

    “ไม่คิดจะดูสักนิดเลยหรือครับว่าพลอตที่ผมส่งมาเป็นอย่างไร อย่างนี้ถ้าผมแกล้งส่งกระดาษเปล่ามาก็ได้งั้นสิ”

    คิมยองอุนเงยหน้าขึ้นเพื่อดูหน้าคนที่พูดจายอกย้อนเขาเมื่อครู่ เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาและผิวพรรณดีพอที่จะไปเป็นนายแบบหรือไอดอลได้มากกว่าที่จะเป็นนัก เขียนการ์ตูน…ยาโอย เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปล่อยให้ยาวระต้นคอและดัดอ่อนๆ ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย คาดว่าคงจะรีบมาที่นี่ เสื้อฮู้ดเนื้อหนา กางเกงยีนส์สีเข้ม รองเท้าผ้าใบขาดๆ การแต่งตัวพื้นๆไม่ได้ทำให้เจ้าตัวน่ามองน้อยลงเลย… ยังดูน่ารักด้วยซ้ำ


    โดยเฉพาะดวงตากลมโตสีเข้มที่ดูเหมือนลูกหมาลูกแมวคู่นั้น…


    อะ..อะไรกัน!! นี่เขาคิดว่าเด็กผู้ชายน่ารักหรือ!?
    มันต้องเป็นผลพวงจากการอยู่กับคนอย่างปาร์คจองซูแน่ๆ



    “แล้ว บก.อีทึกล่ะ?” แต่กิริยาและปั้นหน้ากวนตีนพร้อมหาเรื่องได้ทุกเมื่อนั้นไม่ได้ชวนให้น่ารัก เท่าไรเลย หน้าตาก็ดีเสียอย่างที่เพาะฟาร์มร๊อคไวเลอร์ไว้เป็นฝูงไว้ในปาก

    “ถ้าหมายถึงจองซูล่ะก็.. เขาไม่อยู่หรอก เขาฝากให้ฉันเป็นคนรับงานจากนาย” ยองอุนแกล้งจัดเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้รกอะไร

    “งั้นก็รบกวนดูให้ทีนะครับว่าพลอตของผมผ่านหรือเปล่า” คยูฮยอนเองก็แกล้งทำเป็นพูดจาสุภาพเหมือนกัน คนของบก. คนนี้ท่าทางแปลกๆ หรือเขาสองคนอาจจะรู้จักกันล่ะมั้ง? เขาถึงได้มาทำงานที่นี่.. ถึงจะดูแล้วไม่เต็มใจจะมาก็เถอะ

    ร่างสูงเปิดกระดาษเอสี่จำนวนหนึ่งที่นักเขียนร่างบางคนนั้นส่งมา สตอรี่บอร์ดเป็นเรื่องราวของทงเฮและฮยอกแจ เพื่อนรักสองคนที่มีความรู้สึกต่อกันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทงเฮเริ่มรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น จากเพื่อน… เป็นความรัก แต่ฮยอกแจไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้นของทงเฮเลย


    เหอะ.. สรุปก็คือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนั่นแหละ
    แต่ก็..เขียนดี ลายเส้นสวยดี


    ว่าแต่ว่า.. เดี๋ยวนี้มีผู้ชายมาวาดการ์ตูนยาโอยด้วยหรือเนี่ย?
    สมัยนี้สังคมก็กำลังนิยมเทรนด์ผู้ชายหน้าสวยไม่พอ ประชากรชายยังจะกลายพันธุ์กันอีก
    โลกบูดๆเบี้ยวๆใบนี้ช่างเข้าใจยากเสียจริงๆ…



    “ก็ดี… งั้นก็ไปเขียนมาต่อละกัน”

    “แล้วจะให้ส่งวันไหนละครับ”

    “ส่งวันไหนก็ส่งๆมาเถอะน่า…” เขาขี้เกียจเสวนากับเด็กนี่เท่าไรนัก.. จะซักไซ้อะไรนักหนา เขาจะได้รีบๆกลับบ้านเสียที

    “แล้วคุณทำงานกับบก. ยังไง ถึงได้ตอบแบบขอไปทีอย่างนั้นล่ะ” เหอะ… ย้ำอีกครั้งว่าหน้าตาก็น่ารักดีหรอกนะ แต่ปาก… ไม่รู้ก็คือไม่รู้สิวะ ไอ้คุณพี่จองซูไม่ได้บอกนี่หว่า!

    “เอาไว้ฉันจะแจ้งไปในเมลนายทีหลัง ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวล่ะ”

    .
    .
    .
    .
    .




    ประหลาดกันทั้งออฟฟิศแหงๆ..


    คยูฮยอนเดินกลับมาที่เวสป้าลูกรักอย่างงงๆ
    อะไรวะ? นึกอยากจะเร่งให้ส่งก็เร่ง พอถึงเวลาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ ทำงานส่งๆอย่างนั้น


    กูเสียเวลาคิดหัวแทบแตกเพื่อแค่นี้เนี่ยนะ!?

    ถ้างานของเขาโดนบก.ด่ากลับมาล่ะก็.. เขาจะโบ้ยให้นายนั่นไปแล้วกัน
    เออ.. แล้วเขาชื่ออะไรนะ?






    Talk :

    เพิ่งมาเปิดตัวที่นี่ หลังจากมุดแต่อยู่ในบอร์ดมืด ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮร๊าฟ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×