ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Whisperer เนตรสะกดวิญญาณ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 บทเพลงไร้นาม Nameless Song [ตอนจบ]

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 55


                เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังจากแล็ปท็อปของหญิงสาว เรย์ที่นั่งอยู่รีบหันไปมอง

                กริฟฟินรึเปล่า?” เขาถาม

                ใช่แล้วล่ะ ทีน่าตอบขณะที่ใช้มือลูบไปที่คางของเธอ เขาส่งจุดที่มีการล็อกด้วยระบบต่างๆ มา  แล้วบอกว่าขอเวลาหนึ่งคืนจะจัดการเรื่องประตูและระบบป้องกันทุกอย่างให้ ทีน่าเล่าข้อความที่เธออ่านให้ชายหนุ่มฟัง

                ทำยังไง?” เรย์ขมวดคิ้ว

                ไม่รู้สิ...แต่เขาบอกว่าพรุ่งนี้เช้าให้รอรับของอยู่ที่นี่ ทีน่าเองก็ตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ

                สเต็กจานโตสองจานถูกยกมาเสิร์ฟโดยหญิงในชุดสาวใช้สีขาวดำ มันถูกวางลงบนโต๊ะกินข้าวเรียบๆ ธรรมดาๆ ที่วางอยู่ที่มุมห้อง ทีน่าเมื่อเห็นรีบกระโดดตัวลอยไปนั่งในท่าพร้อมจะลงมือกินในทันที เรย์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปร่วมวง

                ทีน่ากินด้วยความเร็วที่ไม่แพ้เรย์เลยทีเดียว ชายหนุ่มมองเธอแล้วอดหัวเราะในใจไม่ได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณหนูตระกูลดังจะเป็นคนเช่นนี้

                แล้วห้องอื่นที่หรูๆ นั่นมีไว้ทำไม?” เรย์ถามสั้นๆ

                รับแขก เธอตอบสั้นกว่า

                แล้วห้องนี้ล่ะเขาถามต่อ

                เอาไว้อยู่ ทีน่าตอบอู้อี้ขณะที่เคี้ยวสเต็กในปาก

                เรย์นิ่งไปพักหนึ่งเมื่อได้ฟังคำตอบ ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ก่อนถามต่อไปอีก แล้วพ่อแม่เธอยังไม่กลับหรือ?” เขาถาม

                ตายตั้งแต่ฉันยังเด็กแล้วล่ะ ทีน่าเงยหน้าขึ้นมาตอบ ขณะที่มือยังหั่นเนื้อในจานด้านหน้าของเธอ

                เรย์หน้าเจื่อนลงถนัดตา ขอโทษนะ เขาว่า

                ขอโทษทำไม? นายฆ่าพ่อแม่ฉันเหรอ?” ทีน่าขมวดคิ้วถามกลับ

                ชายหนุ่มเมื่อได้ยินก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าทานอาหารต่อไป จนเมื่อเสร็จเรียบร้อย ชายชราคนเดิมเดินลงมารายงานทีน่าว่าห้องของเพื่อนเธอได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะนำทางเรย์ขึ้นไปที่ห้องพักของเขา

     

                ยามเช้ากลับมาเยือนอีกครั้ง เสียงนกฝูงใหญ่กล่าวทักทายกัน ดังแว่วมาจากป่าสนด้านหลัง สายลมอ่อนๆ พัดพาเอากลิ่นหอมจางๆ จากแปลงกุหลาบที่แอบตัวอยู่ข้างคฤหาสน์สีขาว ภายในห้องที่ชั้นสองตกแต่ด้วยสไตล์หลุยส์อย่างหรูหรา ชายหนุ่มกำลังงัวเงียเพราะเสียงเคาะประตูดังถี่ระรัว

                ใครน่ะ?” เขาตะโกนถามออกไป มือสองข้างลูบใบหน้าขึ้นลงอย่างแรง เพื่อขจัดความง่วงให้หายไป

                ฉันเอง!” เสียงหญิงสาวตะโกนตอบ

                เรย์ที่ได้ยินรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของทีน่าเจ้าของที่นี่นั่นเอง เขาเดินโซเซไปที่ประตูขณะที่ยังไม่ได้สวมเสื้อ เหลือแต่เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว

                เขาเปิดประตูออกพบกับทีน่าที่มีสีหน้าตื่นเต้น มีอะไรแต่เช้าละคุณ?” เขาถาม

                ของส่งมาแล้ว เธอตอบด้วยเสียงตื่นเต้น

                เรย์ทำหน้างง ของ? ของอะไร?” เขาหรี่ตาลอดแสงที่ส่องเข้าตา

                หญิงสาวเอียงคอพร้อมกับขมวดคิ้ว ของจากกริฟินไง...มันส่งมาถึงเมื้อกี้นี้ เธอว่า

                เรย์ทำตาโตนึกขึ้นได้ อ้อ! มาแล้วหรือเดี๋ยวขออาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวตามลงไป

                ถ้าอย่างนั้นฉันไปคอยที่ห้องเดิมนะ ทีน่าบอกกับเขาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ทางลงไปชั้นล่าง แต่เธอก็หันกลับมาอีกครั้ง มองเรย์หัวจรดเท้าก่อนจะพูดว่า กางกางนายดูแย่มาก เธอพูด แล้วจึงหันกลับไปซอยเท้าเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

                เรย์ที่ได้ยินเธอตำหนิชัดเต็มสองหูก้มมองกางเกงของเขา แล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะก่อนจะพูดกับตัวเอง ก็ไม่เห็นมันจะแย่สักเท่าไรนี่นา เขาว่า ก่อนจะทำตาโต เอ๊ะ! หรือว่าเขิน เรย์อมยิ้ม ก่อนจะเดินผิวปากเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อตามเธอลงไปชั้นล่าง

                เมื่อเรย์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขายาวที่เต็มไปด้วยรอยขาดวิ่นกับเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นจนเหนือข้อศอกที่ปล่อยชายออกมาด้านนอก เขาพาตัวเองเดินลงมาจนถึงห้องเดิมที่เขาเข้ามาพร้อมกับทีน่าเมื่อวันก่อน

                เรย์เดินลงมาถึงพร้อมกับเห็นทีน่ากำลังสวมแว่นตาขอบดำจ้องมองแล็ปท็อปของเธอสีหน้าเคร่งเครียด

                ไหนล่ะของน่ะ?” เรย์ถามเมื่อเขาเข้ามาในห้อง

                ทีน่าหันมามองชายหนุ่มผ่านแว่นตาที่วางตัวอยู่บนใบหน้าของเธอ นี่ไง เธอยื่นของที่รูปร่างคล้ายเครื่องเคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กให้เรย์ มันส่งมาถึงมาเมื่อเช้าพร้อมกับวิธีใช้ที่ส่งมาทางอีเมลที่ฉันกำลังอ่านอยู่นี่ ทีน่าบอกกับเรย์ในขณะที่สายตาเธอยังอ่านข้อความอยู่

                เรย์ที่รับของมาจากทีน่าพลิกมันไปมา ก่อนที่จะส่งคืนไป มีแค่นี้หรือ?” เขาถาม

                ยังมีเครื่องสื่อสารที่ใช้ในมิติเบื้องหลังได้อีกหลายอันส่งมาพร้อมกันด้วย อยู่ในกล่องนั่นน่ะ เธอชีมือไปที่กล่องบนโซฟาสีเทาตัวโปรดของเธอ

                แล้ว... เธอว่า

                หืม...ยังมีอะไรที่กริฟฟินส่งมาอีกหรือ?” เรย์ถาม

                เปล่า...ไม่ใช่กริฟฟิน เธอว่า พี่แซ็กบอกให้นายโทรไปหาน่ะ พูดจบเธอก็หันไปอ่านข้อมูลที่ส่งมาจากกริฟฟินอย่างเคร่งเครียด

                เรย์ที่ได้ยินหญิงสาวเรียกแซ็กอย่างสนิทสนมเบะปาก พร้อมกับบ่นอุบอิบ ชิ... พี่แซ็กรึ?”

                เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาแซ็กที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ลอนดอน เสียงสัญญาณเรียกดังเพียงไม่กี่ครั้งเสียงแซ็กก็ส่งผ่านโทรศัพท์มา

                เฮ้เรย์! เดี๋ยวเย็นๆ ฉันไปถึงนะ แซ็กพูด

                อ่าว...นายไม่ได้อยู่ลอนดอนหรือ?” เรย์ถามกลับไป

                ตอนนี้ฉันกำลังอยู่บนเครื่องส่วนตัวอีกไม่นานก็จะถึงซูริกแล้ว เย็นๆ เจอกันนะ แซ็กพูดก่อนวางหูไป โดยที่เรย์ที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมากนักส่ายหัวกับพฤติกรรมของแซ็ก

                เราจะลงมือกันคืนนี้ เสียงทีน่าดังขึ้น

                เรย์รีบหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย ทำไมต้องเป็นวันนี้ล่ะ?” เขาถาม

                กริฟฟินส่งข้อความมาเมื้อกี้นี้ เขาบอกว่า ลูโดวิช โวล์ฟลี่ ที่เป็นร่างสถิตของเบเฟกอลจะอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ถึงเช้าพรุ่งนี้เท่านั้น หลังจากนั้นเขาจะเดินทางไปประชุมนายธนาคารโลกที่เยอรมัน ทีน่าอธิบาย

                ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องเตรียมตัวกันเลย เรย์พูดก่อนที่จะเดินมานั่งบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ของทีน่า

     

                เวลาประมาณบ่ายสองโมงแซ็กที่เพิ่งมาถึงลงจากรถที่หน้าคฤหาสน์ เขาเดินเข้าไปด้านในมุ่งหน้าตรงไปห้องที่เรย์และทีน่าอยู่ เนื่องจากครอบครัวแซ็กนั้นสนิทสนมกับครอบครัวของทีน่าตั้งแต่เธอยังเด็กจึงเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน

                สบายดีหรือน้องสาว แซ็กยิ้มร่าทักทีน่าที่ยังวุ่นวายกับการเตรียมการสำหรับคืนนี้ไปเสร็จ

                พี่แซ็ก!” เธอร้องทักด้วยสีหน้าดีใจอย่างมาก พร้อมกับวิ่งไปกอดชายหนุ่มตรงหน้า

                เรย์ทำตาโตอ้าปากค้างเมื่อเห็นดังนั้น เขาชี้มือไปที่ทีน่าที่กำลังกอดแซ็กอยู่ แต่เมื่อเขากำลังจะพูดอะไรออกไปก็เริ่มนึกบางอย่างได้ เขาสำรวมกริยาทันที เมื่อมองเห็นแซ็กเดินเข้ามาก็โบกมือทักทายพร้อมยิ้มแห้งๆ แซ็กที่เห็นอาการแปลกๆ ของเรย์เดินเข้ามานั่งลงบนโซฟา แล้วไนล์จึงเดินตามเข้ามา เรย์และทีน่าจึงส่งยิ้มไปให้ แล้วไนล์จึงยิ้มตอบกลับมา

                แซ็กที่เพิ่งนั่งลงเมื่อสักครู่ลุกขึ้นยืนก่อนจะบอกกับทีน่าและเรย์ว่า ฉันต้องไปก่อนมีธุระที่สภาความมั่นคงในตัวเมือง เขาว่า เรย์นายลืมนี่ไว้ที่นิวยอร์กนะ แซ็กพูดก่อนยื่นสร้อยคอที่ห้อยอควอมารีนสีน้ำเงินเม็ดงามไว้

                เรย์เดินเข้ามาหยิบมันไปสวมที่คอก่อนจะหันไปพูดกับแซ็ก ขอบใจมากที่อุตส่าห์เอามาให้ เรย์ตอบกระแทกเสียงแบบไม่พอใจแซ็กเท่าใดนัก

                แซ็กไม่เข้าใจว่าทำไมเรย์หงุดหงิดนัก เขาจึงตอบไปว่า ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้ เอาล่ะฉันไปก่อนนะแซ็กพูดพร้อมกับขยับสูทเขาให้เข้าที่

                พี่แซ็กจะไปเลยหรือ?” ทีน่าทำหน้าเศร้า

                เขาใช้มือลูบไปที่ศีรษะของเด็กสาว มันจำเป็นน่ะ พี่ไปก่อนนะ วันนี้ระวังตัวด้วยล่ะ แซ็กพูด ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เพื่อขึ้นรถมุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมือง

                เข้ามานั่งก่อนสิครับ เรย์หันไปกล่าวเชิญไนล์

                สวัสดีค่ะฉันไนล์ค่ะ เธอหันไปแนะนำตัวกับเจ้าของบ้าน

                ทีน่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณสวยจังเลยนะคะ ทีน่าทักทายพร้อมกับชมไนล์ที่อยู่ในชุดแซกสั้นสีดำ

                ไนล์ยิ้มตอบรับคำชมก่อนจะหันไปถามเรย์ เราเริ่มงานกันคืนนี้เลยใช่ใหม่?” เธอถาม

                ใช่แล้วล่ะ เราจะออกจากที่นี่ในเวลาสามทุ่มตรง เรย์แจ้งกำหนดเวลา พร้อมกับลองตวัดโซลไนฟ์แหวกอากาศอย่างรวดเร็ว

     

                เวลาสองทุ่มห้าสิบห้านาที จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ ลานจอดรถที่สอง

     

                รถตู้คอนเทนเนอร์ขนาดกลางเลี้ยวเข้าจอดในลานจอดของสถานีรถรางประจำจัตุรัสเดพลาทซ์ ผู้ขับมันเข้ามากระโดดลงจากห้องขับขี่ เมื่อเท้าที่สวมบูทเก่าๆ สีน้ำตาลสัมผัสพื้นซีเมนต์ เขามุ่งหน้าสู่ท้ายรถในทันที เขาเอามือจับไปที่ใบหูก่อนที่จะพูดเสียงเบาๆ ผ่านวิทยุสื่อสารขนาดเล็กที่ติดอยู่ที่ปกเสื้อ

    เรียบร้อยแล้วครับคุณหนู เสียงเขาส่งสัญญาณ

    ชายหญิงสามคนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ใบใหญ่ เสียงหนึ่งดังขึ้น

    กริฟฟินได้ยินฉันไหม เรย์ที่อยู่ในชุดปฏิบัติการสีดำสนิทกำลังสื่อสารกับฝ่ายข้อมูลและยุทธการของเขา

    ได้ยินชัดเจน ตอนนี้เราควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในยูเนียนแบงค์เรียบร้อย พร้อมปฏิบัติการ เสียง กริฟินดังมาจากวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่ด้านในของหูข้างซ้าย

    ไนล์ เรย์ให้สัญญาณ

    ไนล์ที่อยู่ด้านข้างของเรย์ขยับตัวพร้อมเริ่มทำหน้าที่ของเธอ หญิงสาวรวบรวมสมาธิวิงวอนต่อคีย์ขนาดไม่ใหญ่เท่าใดนัก เพื่อเปิดมิติขนาดเล็กเพียงแค่พอจะเป็นทางเล็ดลอดเข้าสู่มิติเบื้องหลังเท่านั้น

     

    จิตแห่งบรรพกาล ดวงเนตรแห่งพื้นพิภพ โปรดเบิกทางแห่งห้วงมิติ

     

    เมื่อสิ้นเสียงของเธอประตูมิติถูกเปิดออกในตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยความกว้างไม่ถึงสองเมตร

    ทีน่า เรย์เรียกก่อนจะหันไปมองที่หญิงสาวในชุดปฏิบัติการสีดำ เธอสะพายคันธนูและลูกศรอยู่บนหลัง

    พร้อมแล้ว เธอตอบ

     เหยี่ยวเรียกกริฟฟิน เรากำลังเข้าสู่มิติเบื้องหลัง เรย์พูดใส่วิทยุสื่อสาร

    กริฟฟินได้ยินแล้ว ยืนยันการปฏิบัติการ เสียงกริฟฟินตอบกลับมา

    เรย์มุดเข้าสู่ประตูมิติตามด้วยทีน่าและไนล์ เสียงเคาะที่ประตูตู้คอนเทนเนอร์จากด้านในเป็นสัญญาณว่าให้เปิดมันออกดังขึ้น พร้อมกับเสียงทีน่าสั่งการทางวิทยุสื่อสาร วิกเตอร์ เรากำลังจะออกไปแล้ว เธอสั่งชายร่างใหญ่ที่อยู่อีกด้านของประตู

    ประตูเปิดออก ด้านในพบแต่ความว่างเปล่า หามีใครรู้ไม่ว่าหนุ่มสาวสามคนกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในมิติเบื้องหลัง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร

     

    ราตรีที่ปกคลุมท้องถนนและเงาแห่งมหานคร เหมือนกับกำลังบรรเลงเพลงที่ไร้คำร้อง มีเพียงท่วงทำนองที่ขับกล่อมให้ผู้เหยียบย่างในห้วงรัตติกาลได้รับรู้ มิติเบื้องหลังอันไร้ชีวิตสงบนิ่งราวกับเวลาไม่ไหลผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าอีกทั้งนกกลางคืนหายไปสิ้นไม่เหลือเงา ชายหญิงในชุดปฏิบัติการสีดำสนิทย่างก้าวข้ามเส้นแบ่งความรับรู้ของมวลมนุษย์

    เรย์ ไนล์และทีน่ามาหยุดอยู่ที่ประตูด้านหลังของยูเนี่ยนแบงค์

    ทีน่า เรย์สั่งการ ในขณะที่หญิงสาวใช้อุปกรณ์ที่กริฟินส่งมา เพียงไม่ถึงนาทีประตูหลังก็เปิดออก

    เหยี่ยวเรียกกริฟฟิน เรากำลังเข้าสู่ด้านใน ขอเส้นทางด้วย เรย์พูดกับกริฟฟินผ่านวิทยุสื่อสาร

    ข้อมูลถูกส่งมายังคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กในมือทีน่า มันมีโครงสร้างของที่นี่พร้อมกับจุดสีแดงเรืองแสงหลายจุด

    เคลื่อนไปด้านหน้าสามสิบเมตรจะพบประตูอีกบานหนึ่ง เมื่อผ่านเข้าไปพบสัญญาณนิเมซิสสองจุด ยืนยันไม่ใช่เป้าหมาย กริฟฟินพูดผ่านวิทยุสื่อสาร

    ทั้งสามเคลื่อนที่ไปถึงประตูบานที่ว่า เรย์ใช้กล้องขนาดเล็กสอดผ่านช่องประตู พบนีเมซิสในร่างมนุษย์สองร่างอยู่ไกลจากประตูออกไป มันเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเดินเข้าสู่ชั้นแรกของการเข้าสู่ห้องนิรภัย เรย์หยิบโซลไนฟ์ขึ้นมา กระชับไว้ข้างลำตัว หมายเข้าโจมตีด้วยความเร็ว

    ใจเย็น...ฉันจัดการเอง ทีน่ายกคันธนูสีเงินขึ้น ปลายทั้งสองข้างเป็นลายปีกของนางฟ้า กลางคันธนูมีแสงแวววาวส่งออกมา ลูกธนูสองดอกถูกชักออกมาจากซองลูกธนูที่ห้อยอยู่ด้านหลัง

    คันธนูถูกง้างออก ลูกศรถูกรั้งมาข้างหลังจนสุด มันคลุมไปด้วยไอวิญญาณสีขาว เธอส่งสัญญาณให้เรย์เปิดประตูออก ชายหนุ่มที่เห็นสัญญาณค่อยๆ ผลักประตูออกไม่ให้ปีศาจเบื้องหน้ารู้ตัว เมื่อมันเปิดกว้างจนเห็นเป้าหมาย ทีน่าที่สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะปล่อยศรดอกแรกวิ่งฝ่าอากาศไปที่คอเป้าหมายอย่างแม่นยำ ก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลงสู่พื้น ศรดอกต่อไปก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมายอีกตนที่หน้าฝากอย่างไม่ผิดพลาด

    ไม่เสียชื่ออาร์เทมีส ผู้ใช้โซลโบว์มือหนึ่ง เรย์หันไปชม เขารู้เรื่องนี้จากแซ็กว่าทีน่านั้นเป็นผู้ใช้ธนูมือหนึ่ง จนได้ฉายาว่าอาร์เทมีสเทพีแห่งการล่าสัตว์

    ร่างทั้งสองตนลมลงสู่พื้นก่อนจะกลายร่างสู่ร่างเดิม เป็นปีศาจแมลงชั้นต่ำกองอยู่บนพื้น เมื่อทางสะดวกเรย์เดินนำสู่ประตูถัดไป แต่เขาก็ไม่ลืมแทงโซลไนฟ์เข้าใส่ร่างบนพื้นอีกตนละสามครั้งอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตที่ยังพอเหลืออยู่บ้าง ทำให้มันดิ้นทุรนทุราย ก่อนจะเกร็งตัวและสงบนิ่งในที่สุด

    เหยี่ยวเรียกกริฟฟิน ผ่านสู่ประตูถัดไป เรย์พูดขณะยกนิ้วแตะที่ด้านในหู

    เชื่อมต่อกุญแจที่ส่งไป แล้วขอเวลาสองนาที กริฟฟินตอบกลับมาในทันที

    ทีน่าที่ได้ยินดังนั้นดึงสายเชื่อมออกจากเครื่องมือที่กริฟฟินส่งมา สอดไปที่ช่องเสียบการ์ดคีย์ของประตู เมื่อมันเชื่อมต่อกันสำเร็จ ตัวเลขหลายสิบหลักค่อยๆ หมุนจนหยุดลงทีละตัว เมื่อตัวสุดท้ายหยุดลงเสียงคลายล็อคของประตูก็ดังขึ้น

    ประตูเปิดเรียบร้อย ทีน่ารายงาน

    ต้องผ่านประตูแบบนี้อีกสองบานถึงจะถึงห้องนิรภัย กริฟฟินตอบ

    เรย์และทีน่าค่อยๆ เคลื่อนตัวในตึกธนาคารที่ตกแต่อย่างหรูหราตามสไตล์โกธิก ที่ด้านบนมีโคมระย้าเรียงรายอยู่ ประตูอีกสองบานไม่ใช่ปัญหาของทั้งสองที่มีกริฟฟินคอยช่วยสนับสนุน เมื่อประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออกสู่ห้องนิรภัย เสียงกริฟฟินดังขึ้นอีกครั้ง

    สุดทางเดินจะมีที่สอดการ์ดให้ใช้การ์ดอีกใบที่ส่งไป ระวังตัวด้วยเบลเฟกอลอยู่หลังประตูนี้ กริฟฟินพูดผ่านวิทยุสื่อสาร

    ประตูเบื้องหน้าถูกปลดออกในขณะที่ทั้งสามอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เรย์ถือโซลไนฟ์ด้วยมือขวาข้างถนัด ทีน่ากำลังง้างคันศรที่มีลูกธนูวางตัวอยู่ และพร้อมจะถูกลั่นออกไปยังเป้าหมาย ไนล์ที่อยู่เบื้องหลังอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

    เมื่อประตูบานใหญ่ทั้งสองข้างเปิดออกจนสุด ปรากฏร่างของปีศาจขนาดกว่าสองเมตรนั่งย่อตัวอยู่บนโต๊ะไม้แกะสลักตัวใหญ่ มันมีปากที่กว้างพร้อมเขายาวหงิกงอสองข้าง ดวงตาสีดำมืดดั่งสีเหล็ก เครายาวจนถึงหน้าอกที่มีผิวสีน้ำตาลไหม้ เล็บมือและเท้ายื่นยาวออกมาจนเมื่อมันขยับนิ้วมือที่ทาบอยู่บนโต๊ะ จะมีเสียงเล็บกระทบกับของแข็งดังขึ้นรบกวนโสตประสาท

    กำลังรออยู่เลยมนุษย์เอ๋ย เสียงแหบแห้งจากปีศาจดังขึ้น พร้อมกับปากกว้างของมันแสยะยิ้มอย่างดีใจ

    ยังไม่ทันที่จะมีเสียงใดส่งออกมาอีก ลูกธนูแห่งจิตจากมือทีน่าถูกส่งฝ่าอากาศพุ่งตรงไปยังส่วนหัวของปีศาจชรา มันยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อปัดลูกธนูให้พ้นจากสายตา พร้อมกับเอียงคอมองมาที่ผู้ลั่นศรนั้นออกไปที่กำลังง้างศรดอกต่อไป

    เย็นไว้นังหนู ศรของเจ้าไม่ระคายผิวข้าหรอก มันว่า ความตายนั้นสวยงาม แต่ยัง... ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลาที่จะมอบมันให้พวกเจ้า เบลเฟกอลสำลักเสียงแหบแห้งออกมาเป็นคำพูด พร้อมจ้องมองมาด้วยดวงตาสีดำอันมืดมิด

    เรย์กำมีดแห่งจิตไว้มั่น เขาขยับตัวเข้ากั้นกลางระหว่างปีศาจและหญิงสาว เงาแผ่นหลังของชายหนุ่มบดบังปีศาจเบื้องหน้าของทีน่า ราวกับเขากำลังพยายามปกป้องเธออยู่

    นี่ครั้งที่เท่าไรแล้วนะที่มนุษย์ต้องมาตายที่นี่?” มันพูดกับตัวเองพลางยกนิ้วมือทั้งสองข้างแตะบนใบหน้าเป็นจังหวะ ราวกับพวกเรย์เป็นเพียงแมลงที่มารบกวนแต่ไร้พิษภัย

     

    จิตแห่งบรรพกาล ดวงเนตรแห่งพื้นพิภพ โปรดเบิกทางแห่งห้วงมิติ

     

    เสียงเปิดมิติดังขึ้นจากไนล์ มิติเปิดออกที่ตัวเจ้าปีศาจชรา แต่มันก็ยังนั่งนิ่งอยู่พร้อมกับหันไปส่ายหน้าอย่างผิดหวัง มนุษย์เอย เจ้าไม่รู้หรือว่านีเมซิสอย่างเราเลือกร่างแบบไหนมาสิงสถิต?” มันเอียงคอช้าๆ ก่อนจะถาม เอ...พวกเจ้าเรียกว่าอะไรนะ... มันทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อคิดได้ ซีกเกอร์! ใช่แล้ว... ร่างที่พวกเราสิงอยู่เป็นร่างซีกเกอร์ การผนึกมิติสะกดพวกเราไม่ได้หรอ มันพูดจบพร้อมกับการปิดมิติลงของไนล์ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ คงเป็นจริงดังมันว่า ถ้ามันสิงร่างซีกเกอร์การผนึกมิติก็ไม่มีผลใดๆ

    เอาล่ะ... โอกาสสุดท้าย เรย์ว่า ฉันจะให้โอกาสแก ถ้าตอบคำถามที่ฉันอยากรู้มาเสีย แกก็จะไม่ต้องตาย ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ แต่สายตายังจับจ้องที่เป้าหมายไม่วางตา

    เบลเฟกอลรัวเราะเสียงดัง จนปากที่กว้างอยู่แล้วของมันฉีกขึ้นไปอีก เอาอย่างนั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นลองถามมาสิ เผื่อข้าจะตอบเจ้าแล้ว... แล้วอะไร? เรย์คิดในใจ และปีศาจชราก็เฉลยคำถามในใจชายหนุ่ม แล้วข้าจะไม่ต้องตายไงล่ะ มันตอบพร้อมปั้นหน้าเศร้าล้อเลียนเรย์

    อานูบิสอยู่ที่ไหน”? เขาถาม

    บรรยายกาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันที เมื่อคำถามถูกถามออกไป ไม่มีสีหน้าหยอกเย้าจากปีศาจตรงหน้า มันยืนขึ้น ทำให้เห็นว่าแม้ท่ายืนของมันก็ยังเหมือนคนชรา หลังมันค่อมทิ้งมือห้อยมาด้านหน้า ก่อนมันจะเงยหน้าเอียงคอมองเรย์ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

    มากไปแล้วเจ้ามนุษย์ มันสำลักเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา เจ้าบังอาจเอ่ยนามของศาสดา ข้าคงต้องมอบความตายให้พวกเจ้า

    เมื่อสิ้นเสียงนั้นมันพุ่งเข้าจู่โจมเรย์ในทันที ร่างที่คล้ายปีศาจชรากลับมีความเร็วที่น่าทึ่ง มันเร็วขนาดที่น่าจะเรียกว่ามากที่สุดที่เรย์เคยพบ เล็บยาวจากมือสองข้างวาดลงมาจากด้านบนสู่ด้านล่าง ในขณะที่เรย์ใช้โซลไนฟ์สกัดกรงเล็บนั้นไว้ ก่อนที่ใบหน้าที่เหี่ยวย่นจะถูกยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา

    แกไม่คู่ควรจะเอ่ยนามนั้น เบลเฟกอลตวาดเสียงดัง ชายหนุ่มรู้ตัวว่ากำลังจะไม่สามารถทานแรงของเจ้าปีศาจไว้ได้ คมมีดถูกใช้ประโยชน์จากแรงกดของกรงเล็บเพื่อเพิ่มความเร็วให้คมมีดของเขา มันฟันลงสู่ด้านล่าง เป้าหมายคือส่วนท้องของปีศาจ มีดนั้นเข้าเป้าอย่างจังแต่กลับไม่สามารถทำร้ายศัตรูตรงหน้าได้

    เรย์ผละตัวถอยมาด้านหลัง ซึ่งขณะนี้ทีน่าและไนล์หายไปจากห้องนี้แล้ว เบลเฟกอลกระโดดเข้าใส่เรย์อีกครั้ง คมเล็บที่ยาวและแข็งแรงของมันโจมตีใส่อย่างเร็วและแรง เรย์ทำได้เพียงปัดป้องเพื่อเอาตัวรอด เขาถอยร่นจนจะถึงประตูห้องที่เปิดอยู่ ในที่สุดการปัดป้องก็ถึงที่สุด เมื่อเท้าขวาถูกโจมตีมาจากมุมอับ มันตรงเข้าสีข้างของเรย์อย่างจัง จนตัวเขากระเด็นออกไปนอกห้องกระแทกเข้ากับโต๊ะตัวใหญ่

    ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่สมอง กระดูกซี่โครงน่าจะร้าว เรย์ประมาณจากความเจ็บปวด เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น ก่อนจะมีเสียงเปล่งออกมาจากปากเรย์

    เอาก็เอา เขาว่า พร้อมกับเสียงเอ่ยเรียกแห่งเทพสายฟ้า

     

    จิตแห่งสายฟ้านิลกาลจงขานรับเสียงเพรียกแห่งข้า

     

    อัสนีทมิฬสถิต ณ คมมีด พลังถูกดึงสู่อาวุธประจำกาย เบลเฟกอลที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีถึงกับหยุดชะงัก มันยังยืนค้อมตัวอยู่เช่นเดิม แต่ดูจะหวาดกลัวต่อพลังของโซลไนฟ์ที่มีสายฟ้าสีดำปกคลุม

    เอมิไทร์ มันหลุดปาก เป็นไปไม่ได้ ทำไมพลังนี้มาอยู่ที่นี่ ทำไมมนุษย์ถึงครอบครองมัน ใบหน้าหยาบย่นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่มันจะมองมาที่เรย์แล้วเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มแทน

    เป็นเช่นที่ท่านศาสดาบอกไว้จริงๆ มันพูดแต่สิ่งที่เรย์ไม่เข้าใจ

    ชายหนุ่มพุ่งตรงเข้าใช้พลังสายฟ้าเข้าจู่โจม หากแต่ร่างของเป้าหมายเคลื่อนไหวหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย เมื่อช่องโหว่ของเรย์ปรากฏ กรงเล็บขวาถูกแทงเข้าใส่ส่วนท้อง แต่เรย์เบี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด แต่ก็ไม่พ้นเสียทีเดียว เล็บนั้นสร้างรอยแผลจากเล็บทั้งสี่ที่เอวของเขา แผลนั้นแม้จะไม่ลึกมากนัก แต่ก็ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ลำบาก เมื่อรวมกับซี่โครงที่ร้าวอยู่ก่อน ชายหนุ่มหันหลังวิ่งหนีออกไปทางประตูที่แคบด้านหลังสู่ทางเดิน

    ไอ้ขี้ขลาด ปีศาจชราสบถ พร้อมกับเดินย่างสามขุมแล้วใช้เล็บจากมือทั้งสองเสียดสีกัน

    เรย์ถอยหนีมาจนเข้าสู่มุมห้อง ทางหนีไม่มีอีกแล้ว เบลเฟกอลหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้ง มันเตรียมพร้อมจะจู่โจมเพื่อปลิดชีพ แต่ด้วยนิสัยของมัน ปีศาจชราไม่ลืมจะเยาะเย้ยเหยื่อของมัน

    เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว เจ้าครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า มันพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นใบหน้าลนลานของเรย์

    แต่แล้วใบหน้านั้นกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ใช่แล้วล่ะหนีไม่พ้นแล้ว ยิ้มแตะบนใบหน้าของชายหนุ่ม

    ที่มุมมืดของห้องเดียวกันนั้นขณะที่ร่างของเรย์เข้ามาถึง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นแล้วก่อนที่ร่างเบลเฟกอลจะตามมา

     

    พันธนากาลแห่งบาปจงปลดปลง อราคเน่จงลืมตาตื่น

     

    พลังของทีน่าถูกดูดเข้าสู่คันศร แสงที่แวววาวอยู่กลางคันธนูนั้นคือ ดวงดาวแห่งฤดูกาล’ (Star of the season)  เพชรที่ผนึกอราคเน่ ซินปีศาจแมงมุมบรรพกาลแห่งมาชูพิกชูเอาไว้ ลูกศรเกิดจากการพันตัวของใยที่รวมตัวกัน มันถูกง้างมาด้านหลังจนความตึงของเอ็นธนูถึงที่สุด

    เมื่อคำพูดที่ว่า ใช่แล้วล่ะหนีไม่พ้นแล้ว ของเรย์ดังขึ้น ศรแห่งอราคเน่พุ่งเข้าใส่เบลเฟกอลจากด้านหลัง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเจ้าปีสาจเมื่อมันรู้สึกถึงอากาศที่แหวกออก มันเอี้ยวหัวหลบในทันที ศรนั้นพลาดเป้าอย่างจังจนไปปักบนกำแพง

    แผนตื้นๆ มันหันมาหาทีน่า

    รอยยิ้มแตะริมฝีปากของสาวน้อย แต่ก็มีไอ้โง่ที่ติดกับ เมื่อเธอพูดจบ ศรที่ฝังอยู่กับกำแพงกระจายตัวออกเป็นร่างแหสีขาวขุ่น มันขยายโอบล้อมเจ้าปีศาจทันที ร่างปีศาจชราหมดอิสระภาพในบัดดล

    นาดีส!” เบลเฟกอลที่ถูกเส้นใยรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เอ่ยอย่างตกใจ นี่มันอะไรกัน?” มันตวาดอย่างเกรี้ยวกราด

    เรย์ค่อยๆ ประคองตัวเองมาที่หน้ามัน ไงล่ะ จะตอบคำถามมาดีๆ ไหม?” เรย์พูดพร้อมกับจ่อโซลไนฟ์ที่คลุมด้วยพลังสายฟ้าไปที่คอของมัน

    เจ้าปีศาจหัวเราะก้อง ถึงข้าตายเจ้าก็ไม่ได้ความลับนี้ไปหรอก มันว่า พร้อมกับพุ่งเข้าใส่มีดแห่งจิตของเรย์จนร่างมันระเบิดออก เหลือเพียงส่วนหัวที่ยังไม่หมดพลังชีวิต

    ทีน่าเดินปรี่เข้ามาที่เจ้าปีศาจ ปากเก่งนะตาแก่ เธอว่า ก่อนจะหันมาหาเรย์ อย่าลีลา ถามจากร่างมันเอา ทีน่าว่า

    เรย์ส่ายศีรษะ ไม่น่ารีบบอกมันเลย ให้มันดีใจไปก่อนว่าเราทำอะไรไม่ได้ดีกว่า เขาว่า อย่างน้อยมันจะได้นอนตายตาหลับ เขาพูดก่อนจะถอดคอนแทคเลนส์ออก เผยให้เห็นดวงตาสีเหลืองทอง

    วันนี้มันอะไรกัน เบลเฟกอลสำลักเสียงออกมา ทั้งเอมิไทร์ ทั้งนาดีส แล้วยังสายเลือดที่น่ารังเกียจนี้อีก ท่านศาสดาข้าขออภัย คำพูดสุดท้ายของมันดังออกมา

    เรย์ใช้มือสัมผัสไปบนหัวที่หมดพลังวิญญาณ ภาพหลายภาพหลั่งไหลเข้าสู่สมอง เขาจดจำมันจนขึ้นใจ แล้วจึงเรียกไนล์และทีน่าให้ถอนตัวออกจากที่แห่งนี้...



     

    ้กรงเล็บที่ยาวและแข็งแรงของมัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×