คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 บทเพลงไร้นาม Nameless Song [ตอนกลาง]
ยามเช้ามาเยือนเรย์ในสภาพเดิมๆ แสงแยงตาที่ลอดผ่านม่านที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออก นาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงดังก้องปนเปไปกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นหลายครั้ง ชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่กระจายเต็มห้อง ร่างหญิงสาวที่นอนหลับใหลอยู่ข้างกาย แต่ที่แปลกอยู่สักหน่อยก็ตรงเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่เลิกรานั่นล่ะ ที่ทำให้เรย์จำต้องลืมตาขึ้นมาหยิบมันขึ้นมา
“ฮัลโหล...นั่นใครน่ะ” เสียงงัวเงียถูกกรอกลงที่โทรศัพท์
“นี่มันกี่โมงแล้ว!” เสียงตวาดดังตอบกลับมา เสียงนั้นทำให้เรย์หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง มันบอกเวลาแปดโมงครึ่งพอดิบพอดี
“เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง แล้วนั่นใคร รู้เบอร์นี้ได้ยังไง?” เรย์ยังงัวเงียไม่เลิก
“ฉันเอง ทีน่าไง นายลืมแล้วรึว่าต้องโทรหาฉันตอนแปดโมง แค่นี้นะโทรมาด้วย” เสียงตัดสายดังขึ้นในทันที ทำให้เรย์ที่สมองยังทำงานไม่เต็มร้อยเริ่มคิดทบทวน
‘อ้อ! ยายเด็กเมื่อคืนนั่นเอง’ เขาคิดบอกกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจยาว แล้วจึงกดโทรย้อนกลับไปตามหมายเลขที่จดไว้บนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่เขารับมา
สัญญาณเรียกดังขึ้นสองครั้งก่อนที่จะมีการรับสาย “สวัสดีค่ะนี่ทีน่าพูดค่ะ” เสียงตอบมาจากโทรศัพท์
เรย์ที่ได้ยินถึงกับทำหน้าระอาจนไม่สามารถบรรยายได้ถูก “เออ...นี่ผมเอง” เขาว่า
“นายโทรมาช้านะ วันนี้เรามีงานฉันจะรอนายที่ร้านกาแฟชื่อ ‘สลีปปิ้งชีพ’ ที่อยู่ถัดจากบาร์ของฉันไปสามห้อง ให้เวลานายสี่สิบห้านาทีถ้ามาสายเชิญกลับนิวยอร์กไปได้เลย” เสียงสัญญาณวางสายดังขึ้นทันทีหลังเสียงเธอพูดจบ
“ใครโทรมาแต่เช้าหรือคะ?” เสียงหญิงสาวข้างกายเรย์ถามด้วยเสียงอ่อนแรง
“เด็กบ้าน่ะ” เรย์ตอบก่อนที่จะเอามือขยี้หัวตัวเองอย่างเจ็บใจ
สายลมที่พัดเข้าปะทะใบหน้าของชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดสีชา ปะปนมาด้วยความหนาวเย็น เสื้อหนังสีน้ำตาลถูกสวมใส่เพื่อลดความเย็นที่วิ่งสวนทางเข้ามา กางเกงหนังสีดำทำให้สองขาที่คร่อมอยู่บนเครื่องจักรสีแดงที่ถูกเร่งจนสุดอบอุ่นขึ้นได้บ้าง เรย์ที่กำลังบิดคันเร่งของมอเตอร์ไซค์สีแดงสดฝ่าไอเย็นที่ลอยมาจากทะเลสาบ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดนัดหมายบนถนนโฮฟชตราสเซอร์
เสียงล้อดังเสียดสีกับพื้นถนนที่ชื้นจากอากาศเมื่อมันถึงจุดหมาย หญิงสาวในชุดแซกสีดำ ผมยาวสลวยพร้อมใบหน้าขาวนวลละสายตาจากจอแล็ปท็อป หันมองผ่านกระจกจากด้านใน เธอมองออกมาด้านนอกของร้านกาแฟที่สร้างจากอิฐสีส้มเรียงตัวกันในแบบโบราณ
เรย์จอดรถไว้หน้าร้านรีบเดินเอามือซุกในกระเป๋าเสื้อ เพื่อลดความเย็นที่จับตามนิ้วที่ลืมสวมถุงมือของเขา ก่อนที่จะใช้ไหล่ดันประตูกระจกเพื่อเข้าสู่ภายในร้าน
“คาราเมลมัคคิอาโต้ร้อนครับ” เขาหันไปสั่งที่เคาน์เตอร์ ก่อนที่จะเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาผ้าสีฟ้าหม่น ที่วางตัวอยู่ด้านหน้าหญิงสาว
“สายไปห้านาที นี่นายรักษาเวลาไม่เป็นเลยหรือไง?” คำทักทายแรกดังขึ้น พร้อมกับที่เธอหันจอภาพของแล็ปท็อปมาให้ชายหนุ่มดู
“นี่มันอะไรน่ะ?” เรย์ถามถึงภาพที่ปรากฏที่หน้าจอ มันเป็นภาพคล้ายโครงสร้างของตึกและมีจุดสีแดงเรียงตัวอยู่หลายจุด
“แผนที่ภายในธนาคารยูเนี่ยนจากประตูหน้าถึงห้องนิรภัยระดับสูงสุด ที่กริฟฟินส่งมาให้เมื่อวาน” เธอว่า
“แล้วจุดสีแดงที่เห็นนี่ก็เป็นจุดที่ติดสัญญาณกันขโมยด้วยแสงอินฟราเรด ซึ่งวันนี้เราจะต้องใช้เจ้านี่ถ่ายภาพมาให้กริฟิน” ทีน่าพูดพร้อมกับยื่นเข็มกลัดเนกไทให้เรย์
“กล้องหรือ?” เรย์ถาม
ทีน่าที่กำลังกอดอกอยู่พยักหน้า
“อืม” เสียงออกจากลำคอของเธอ
“แต่ฉันไม่ได้ใส่เนกไทแล้วจะติดที่ไหน?” เรย์พลิกเข็มกลัดไปมา
ทีน่าถอนหายใจยาวก่อนที่จะบอกกับเขาว่า “ถ้านายคิดจะเข้าไปสภาพนี้นะ เขาให้นายเดินผ่านประตูหน้าก็บุญละ” เธอพูดขณะที่มองเรย์หัวจรดเท้า
เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่เรย์โดนผู้หญิงจ้องแล้วถึงกับอายขนาดนี้ เพราะปกติแล้วนั้นเมื่อสาวๆ เห็นเขาเป็นต้องประทับใจในใบหน้าและรูปร่างของเขา
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?” เรย์ถามสั้นๆ
“อ่ะ...นี่นายไปเอาสูทที่อยู่ในรถฉันไปเปลี่ยนมาซะ แล้วเดี๋ยวเอารถฉันไปที่ธนาคารกัน” ทีน่ายื่นกุญแจรถให้เรย์ ก่อนจะชี้มือไปที่ Ferrari 458 Italia สีแดงเพลิงที่จอดไว้หน้าร้าน
เรย์มองตามนิ้วทีน่าที่ชี้ไป ก่อนจะหันกลับมาทำหน้านิ่งถามเธอว่า “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย?” เขาว่า
“สองอย่าง” เด็กสาวตอบ “หนึ่งนายมาสาย และสองฉันขี้เกียจ” เธอตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับยื่นพวงกุญแจที่มีตุ๊กตาหน้าตาประหลาดห้อยอยุ่ให้ชายหนุ่ม
เรย์เมื่อได้ยินดังนั้นก็คิดในใจว่าคงไร้ประโยชน์ที่จะต่อปากต่อคำกับเด็กที่อ่อนกว่าเขากว่าสิบปี เขารับกุญแจรถมาแล้วเดินไปหยิบสูทบนรถมาเปลี่ยนที่ห้องน้ำด้านในร้าน
หลายนาทีผ่านไป เขาออกมาด้วยชุดสูทสีดำมีลายแนวตั้งสีเงินวางตัวจางๆ อยู่บนเนื้อผ้า เนกไทสีเทาที่ทาบอยู่บนเชิ้ตสีขาวทำให้เขาดูภูมิฐานขึ้นถนัดตา
เรย์นั่งลงตรงที่เดิมของเขา ซึ่งขณะนี้คาราเมลมัคคิอาโต้ร้อนที่สั่งไว้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาหยิบแก้วขึ้นมาด้วยมือขวาและหยิบจานรองด้วยมือซ้าย เป่าลมจากปากไล่ความร้อนบนพื้นผิวเหนือแก้ว ก่อนที่จะจิบมันอย่างช้าๆ
“ใช้ได้ละ” ทีน่าที่สังเกตเขาอยู่พูดขณะที่เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอแล็ปท็อปที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าสดอย่างชัดเจน
“คุณร้องเพลงเพราะนะ” เรย์ที่กลืนกาแฟลงคอไปแล้วพูดขึ้น พร้อมกับมองผ่านกระจกไปด้านนอก
“ขอบคุณ ดีใจนะที่นายชอบ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มอันสดใส
เรย์ที่แอบใช้หางตามองปฏิกิริยาของทีน่า เขาไม่เคยเห็นเธอยิ้มเลยสักครั้งตั้งแต่พบกัน ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
เรย์สะบัดความคิดขณะนี้ออกไปจากหัว ก่อนจะเอ่ยขึ้น“เราไปกันเลยไหม?” เรย์ถาม
“อืม” เธอตอบสั้นๆ พร้อมกับพับแล็ปท็อปเก็บแล้วยื่นให้เรย์ “ถือ” เธอว่า
เรย์รับมาแต่โดยดีก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน แต่ก็เป็นเสียงของทีน่าที่ส่งเสียงเรียกเขาจากหน้าร้าน
“นายจะทำอะไรน่ะ? รีบไปกันได้แล้ว” เธอตะโกนโหวกเหวกจนคนเริ่มหันมามอง
“จะอะไรเสียอีกละก็จ่ายเงิน น่ะซิ” เรย์ตอบเสียงดังขณะหาเศษเงินในกระเป๋า
“ไม่ต้องจ่าย แต่ถ้านายจะจ่ายเอามาจ่ายฉัน นี่มันร้านของฉันเอง” ทีน่าพูดเสียงดังขณะที่ท้าวสะเอวขมวดคิ้วมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่อยู่ในร้าน
เรย์หันไปมองทีน่าพร้อมกับหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ก่อนที่จะตะโกนถามออกมาด้านนอก “แล้วทำไมไม่ซื้อร้านชุดชั้นในชายตรงหัวมุมโน้นเสียด้วยเลยล่ะคุณหนู” เขาประชด
เด็กสาวที่ตอนนี้ยืนรออยู่ที่รถนานแล้ว หันไปหาเจ้าของคำถาม “ไม่ต้องซื้อ มันเป็นของฉันอยู่แล้ว” เธอตอบเสียงเรียบ ก่อนที่จะเอามือตบหลังคารถเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขารีบมาได้แล้ว
เรย์ที่ได้ยินคำตอบเดินคอตกออกจากร้านในทันที ภายในใจคิดแต่เพียงว่า ‘นี่คนอย่างฉันจะไม่ชนะแม่นี่สักครั้งเลยหรือไงกัน?’
เขาเปิดประตูรถพร้อมกับเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ แต่ทีน่านั้นกลับเดินเข้าไปในร้านอีกครั้ง พร้อมกับก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปที่โต๊ะที่เธอนั่ง เธอหยิบบางอย่างกลับมาด้วย แล้วจึงกลับมานั่งที่รถ
“อ่าว...กลับไปเอาอะไรมาล่ะ?” เรย์ถาม
“ลืมของ” เธอว่า พร้อมกับสะบัดนิ้วชี้ไปข้างหน้าให้เรย์ออกรถได้ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งพารถออกสู่ท้องถนน
เฟอร์รารีสีเพลิงวิ่งลัดเลาะทะเลสาบซูริคมุ่งหน้าสู่จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ จัตุรัสเก่าแก่ที่เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์ที่สำคัญของซูริกแห่งนี้ แต่ในปัจจุบันกลับเปลี่ยนแปลงไปเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและที่สำคัญเป็นศูนย์กลางของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย
รถรางสีฟ้าขาวที่วิ่งโดยใช้กระแสไฟฟ้าแล่นเนิบนาบอยู่ข้างม้าผยองสีแดงเพลิง มันเป็นภาพที่ดูขัดตาของผู้พบเห็นอยู่ไม่น้อย เรย์และทีน่าแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันขณะนั่งอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้าสู่ยูเนียนแบงค์ เมื่อธนาคารอันเป็นจุดหมายของทั้งสองอยู่ตรงหน้า ล้อทั้งสี่ถูกสั่งให้หยุดลงด้วยเบรกที่ถูกปลายเท้าของชายหนุ่มกดลงไป เครื่องยนต์ที่ส่งเสียงคำรามอยู่เบาๆ ถูกสั่งให้เงียบเสียงลงด้วยกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสองลงจากรถพร้อมกับเดินเข้าสู่ธนาคารที่มีชื่อเสียงอันดับต้นของโลก
เรย์และทีน่าเดินเข้าสู่ตึกเก่าแก่สีเทาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าความสูงสี่ชั้น ที่สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิก ภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโคมไฟแชนเดอเรียประดับคริสตัล ที่ส่องแสงสีส้มอ่อนๆ บรรยากาศเรียบหรูภายในที่ดูสงบเงียบ มิได้มีการทำงานวุ่นวายเหมือนธนาคารโดยทั่วไป ทีน่าเดินนำเข้าไปที่โต๊ะของพนักงานต้อนรับสาวที่อยู่ในชุดสูทสตรีสีดำเรียบร้อย ก่อนจะพูดอย่างสุภาพ
“ฉันอยากขอฝากสินทรัพย์บางส่วนเพิ่มเติมค่ะ” เธอกล่าวขณะยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์
พนักงานสาวที่สวมไมโครโฟนและหูฟังขนาดเล็กยิ้มให้ทีน่าก่อนจะพูดกับเธอว่า “กล่องรับฝากของอยู่ด้านนั้นค่ะคุณหนู”
ทีน่าหันไปมองทางที่เธอชี้ไป มันเป็นทางเข้าสู่ห้องรับฝากสินทรัพย์ที่มีประตูเหล็กแน่นหนาทีเดียว แต่นั่นยังไม่ใช่จุดหมายของเรย์และทีน่า
“ฉันต้องการฝากอะไรที่มีค่ามากกว่าที่จะอยู่ตรงนั้นรวมกับของอื่นๆ” ทีน่าเริ่มจัดการตามแผน
เมื่อเธอได้ยินที่ทีน่าพูดพนักงานคนเดิมถึงกับขมวดคิ้ว เธอดูออกว่าทีน่าเป็นบุตรสาวของผู้มีฐานะ แต่ไม่รู้ว่าที่เธอต้องการคืออะไร
“แล้วคุณหนูต้องการแบบไหนหรือคะ?” เธอถาม สีหน้าเธอยังยิ้มอยู่แบบแกนๆ
“ห้องนิรภัยชั้นในสุดค่ะ” ทีน่าตอบสั้นๆ
พนักงานสาวเมื่อได้ฟังถึงกับนิ่วหน้า ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นขอตัวสักครู่นะคะ” เธอว่า พลางเดินฉากออกไปจากโต๊ะที่เธอทำงาน ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หูฟังที่ติดอยู่ที่หูของเธอแล้วพูดอะไรสักสองสามประโยค ก่อนจะเดินกลับมาหาคนทั้งสอง
“เชิญที่ห้องของคุณเลโอนี่ผู้จัดการของเราทางนี้เลยค่ะ” เธอพูดก่อนจะค้อมตัวลงเล็กน้อยตามมารยาทของการบริการ พร้อมกับเดินนำทั้งสองไปที่อีกห้องหนึ่ง
‘เริ่มจะได้เรื่อง’ เรย์คิดในใจ พร้อมก้มดูกล้องขนาดจิ๋วที่ติดอยู่ที่เนกไท
ประตูไม้มะฮอกกานีบานใหญ่อายุราวร้อยกว่าปีถูกเปิดออก ชายชราท่าทางดูดีเป็นพิเศษกำลังนั่งจรดปากกาทำอะไรยุกยิกอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แว่นตาสีกระที่วางตัวอยู่หน้าดวงตาสีน้ำตาลกับผมสีขาวของเขามองรวมๆ แล้วดูน่าเชื่อถือมากทีเดียว เรย์คิดในใจว่ามันคงเป็นบุคลิกหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของผู้ประกอบอาชีพทางการเงิน
ชายชราลุกขึ้นมาจากโต๊ะที่เจือไปด้วยสีน้ำตาลเข้มและดำ มันสลักลวดลายเถาของไม้เลื้อยไว้ที่มุมทั้งสี่ เขาส่งยิ้มมาให้เรย์และทีน่าในทันทีที่สังเกตเห็น
“สวัสดีครับผมลูโดวิช เลโอนี่ ได้ยินว่าคุณหนูต้องการใช้ห้องนิรภัยพิเศษของเราหรือครับ?” เขาถามอย่างสุภาพขณะที่มือทั้งสองข้างประสานกันอยู่ที่ระดับเอว
“ถูกต้องแล้วค่ะ มีของบางอย่างที่ฉันอยากจะเก็บไว้ให้ปลอดภัยที่สุด” ทีน่าตอบเสียงเรียบ
คู่สนทนามองมาที่คนทั้งสอง เขาใช้เวลาพิจารนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมาว่า “ขอโทษครับ คุณอยากฝากอะไรหรือครับ?” เขาถามอีกครั้ง
ทีน่านิ่วหน้าหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฉันไม่เคยได้ยินว่าต้องแจ้งนี่คะ” เธอตอบเสียงเรียบ
ชายชราหัวเราะในทันที “ใช่แล้วละครับ ทางเราไม่ต้องการรู้สิ่งที่ลูกค้านำมาฝาก เราเพียงทำหน้าที่เก็บรักษาให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น” เขาว่า ก่อนจะหันมาถามทีน่าอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นขอทราบชื่อกับนามสกุลด้วยครับ” เขาถาม
“ทีน่า อเล็กซานเดอร์ วิลคอร์ฟไรเดอร์” เธอตอบชื่อเต็มของเธอออกไป เรย์ที่ได้ยินหันมามองเธอจนเกือบจะเป็นพิรุธ
ชายชราเลิกคิ้วสูงพร้อมทั้งเบิกตากว้าง “ทายาทสาวคนเดียวของตระกูลวิลคอร์ฟราชาที่ดินของซูริกหรือครับนี่...” เขาพูดเสียงสูง “ผมต้องขอประทานอภัยจริงๆ ครับที่ถามอะไรมากมาย เชิญทางนี้เลยครับ” ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อได้ยินนามสกุลของเธอ เขาเดินนำทั้งสองผ่านจุดตรวจ ประตูเหล็ก ประตูอัตโนมัติหลายชั้นและผ่านเครื่องแสกนวัตถุระเบิดอีกหลายเครื่องเช่นกัน จนสุดท้ายก็มาถึงประตูเซฟเหล็กหนาบานยักษ์ที่วางตัวสงบนิ่งอยู่ด้านหน้า
“นี่คือห้องที่ดีที่สุดของเราครับ” เขาว่า “เอ่อ...ว่าแต่คุณหนูเตรียมของที่จะเก็บไว้ที่นี่มาหรือยังครับ?” เลโอนี่กล่าวถาม
“ค่ะ อยู่ที่ฉันแล้ว” ทีน่าตอบพร้อมกับยกกระเป๋าสะพายสีขาวของเธอกระชับเข้าข้างเอว
“ถ้าเช่นนั้นเชิญเลยครับ” เลโอนี่ผายมือให้การ์ดที่เฝ้าอยู่เปิดทางให้เธอเดินเข้าไป
ทีน่าก้าวเท้าออกเดินนำหน้า เรย์ที่กำลังจะเก้าเท้าเดินตามกลับถูกกันไว้โดยการ์ดร่างใหญ่อีกคนหนึ่ง เขาหันไปมองหน้าอย่างไม่พอใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีน่าหันกลับมาเห็นเข้าพอดี
“สามีฉันเองค่ะ” เธอพูดหน้าตาเฉย “เราเพิ่งตกลงใจเข้าโบสถ์ด้วยกันมา เลยอยากฝากของที่จะเป็นสิ่งที่ยืนยันความรักของเราไว้ในที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เราจึงเลือกที่นี่” เธอโกหกพร้อมกับยกยอไปพร้อมกัน ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้เรย์ ซึ่งเขาก็รีบยิ้มตอบอย่างรู้งาน
“คุณสองคนช่างเป็นคู่ที่น่ารักเสียจริง” ชายชรายิ้มกริ่ม ก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขาปล่อยเรย์และทีน่าเข้าสู่ภายใน
ประตูเหล็กบานใหญ่ที่สูงกว่าของเรย์สองเท่าตัวเปิดออก ทำให้มองเห็นถึงความหนาที่ทำให้สามารถประมาณความหนักของมันได้ตามมา ห้องโล่งด้านในที่เมื่อไม่กี่วินาทีนี้ถูกกั้นด้วยประตูเหล็กหนา มันเรียงรายไปด้วยชั้นที่มีลิ้นชักมากมายวางตัวอยู่เป็นทิวแถว และถ้าเป็นขนาดใหญ่ขึ้นอีกก็จะเป็นตู้เซฟใบเขื่อง เรย์หันตัวไปรอบห้องเพื่อเก็บภาพทั้งหมดโดยกล้องที่ติดอยู่ที่เนกไท
“เชิญครับ” เลโอนี่กล่าวพร้อมกับค้อมตัวลงผายมือสู่ภายในห้อง
ทีน่าก้าวขาออกเดินเข้าไปสู่ห้องเบื้องหน้าพร้อมกับเรย์ เธอหยุดอยู่ที่ลิ้นชักที่เรียงรายอยู่ มือของเธอดึงลิ้นชักหนึ่งให้เปิดออก ของบางสิ่งถูกใส่ลงไป แล้วมันก็ถูกปิดลงในทันที แป้นพิมพ์ตัวเลขด้านข้างถูกใส่ตัวเลขไปสิบสองหลัก มันเป็นรหัสลับสำหรับผู้เป็นเจ้าของใช้เปิดปิดกล่องฝากของส่วนตัวนี้
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งสองเดินออกจากห้องนิรภัย จัดการเรื่องเอกสารต่างๆ แล้วจึงออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วยรถสีแดงเพลิงของทีน่า
“เลี้ยวซ้าย” เธอว่า
เรย์หันมองหน้าเธอทันที “แต่รถฉันจอดไว้ที่ร้านกาแฟนะ ถ้าไม่มีมันฉันจะกลับโรงแรมได้ยังไงล่ะ?” เขาถาม
“ก็ไม่ต้องกลับ” ทีน่าพูดสั้นๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดหมายเลขแล้วยกหูขึ้นรอสาย “ริชาร์ดหรือ? เออใช่ฉันเอง” เธอเริ่มกลับมาพูดไม่มีหางเสียงและไร้ความเป็นหญิงเช่นเดิม
“นายไปเอามอเตอร์ไซค์ที่หน้า ร้านกาแฟของฉันที่ถนนโฮฟชตราสเซอร์ให้ที” เธอสั่ง
“อะไรนะ...กุญแจ? ไม่ต้องหรอกนายยกเอาใส่รถขนของกลับมาไว้ที่บ้านเลยนะ” เธอพูดจบและวางสายทันที เรย์ซึ่งกำลังขับรถตามนิ้วที่เธอชี้บอกทางอยู่หันขวับมามองเธอทันที แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรเสียงใสๆ ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน
“หมดปัญหาแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นขับรถดูทาง ฉันยังไม่อยากตาย” เธอว่า
เรย์กลืนน้ำลายลงคอ ขับรถไปตามคำสั่ง ในใจคิดแต่เพียงว่า ‘งานนี้ท่าจะหนักหนาเสียแล้ว’
ราวสามสิบนาทีหลังจากออกจากยูเนี่ยนแบงค์ เสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างดุดันก็เงียบเสียงลง มันจอดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังงามสีขาวสะอาด ใต้หลังคาสีฟ้าอ่อนที่สร้างด้วยสไตล์โกธิก มันวางตัวอยู่หลังทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นกลางพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แมกไม้งามเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้างตัวตึกและด้านหลัง มันเป็นเหมือนดั่งภาพวาดในสายตาของชายหนุ่มที่ได้มาเยือน
เมื่อรถถูกจอดสนิท ทีน่าเปิดประตูออกพร้อมกับสะบัดหน้าเรียกเรย์ให้เดินตามเข้ามา ชายหนุ่มลงจากรถอย่างไม่รีบเร่ง ก่อนที่ประตูรถจะถูกปิดลง ชายร่างเล็กในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา เขาค้อมตัวลงให้เรย์แล้วจึงเดินไปที่รถ ก่อนจะขับไปเก็บที่โรงรถด้านข้าง
เรย์เดินตามทีน่าเข้าไปในตัวคฤหาสน์ เธอพาเขาเดินผ่านห้องต่างๆ ที่ตกแต่งอย่างหรูหราเหลือบรรยาย แต่เธอก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อมาถึงห้องหนึ่ง มันตกแต่งอย่างแสนจะธรรมดา มีเพียงโซฟาทรงสมัยใหม่วางตัวอยู่หนึ่งชุด โต๊ะกินข้าวเล็กๆ สีขาว จอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ เตาผิงและเครื่องเล่นเกมที่วางอยู่สองสามแบบ
ทีน่าล้มตัวลงบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อน เธอกางตัวแผ่หราอย่างที่เรียกได้ว่าไร้คุณสมบัติกุลสตรีได้เต็มปาก ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ เปิดแล็ปท็อปขึ้นแล้วจึงแบมือออกมาทางเรย์
“เอามาดิ” เธอกวักมือ
เรย์รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องการอะไร เขาปลดกล้องที่เนกไทออก พร้อมกับโยนเจ้าเนกไทที่ดูจะไม่ค่อยถูกกับเขาเสียเท่าไรทิ้งไว้บนพนักโซฟา
“อ่ะ!” เขายื่นให้กับเด็กสาว “เธอจะทำอะไรน่ะ?” เขาถามอย่างสงสัย
“อัพโหลดข้อมูลให้กริฟฟิน” เธอว่า พลางเอากล้องนั้นต่อเข้ากับแล็ปท็อปของเธออย่างไม่รอช้า เมื่อภาพบนจอปรากฏการเชื่อมต่อเรียบร้อย เธอเรียกดูภาพที่ถ่ายได้ เมื่อเห็นว่ามันไม่ผิดพลาดอะไร เธอก็ส่งมันให้กับกริฟฟินทันที
เรย์เอนตัวลงนั่งตรงข้ามทีน่า ที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิพร้อมกับใช้สองมือประสานที่ท้ายทอย เอนตัวไปด้านหลังเหมือนกับหมดแรง
ชายแก่ผมขาวคนหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามาด้านใน พร้อมกับเอ่ยถามทีน่าขึ้นว่า “คุณหนูรับอะไรทานหน่อยไหมครับ?” เขาพูด
ทีน่ามองไปบนเพดานห้องใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ขอเสต็กซักจานละกันฮาคาน แล้วก็ช่วยเตรียมห้องให้เพื่อนฉันด้วย” เธอสั่ง ส่วนเรย์ที่ได้ฟังก็คิดในใจว่าก็ยังดีได้เลื่อนมาเป็นเพื่อนแทนทาสสักที
“ครับคุณหนู” เขารับคำสั่งก่อนเดินออกไป
“จะให้ฉันอยู่ที่นี่หรือ?” เรย์ขมวดคิ้ว
ทีน่าดันตัวขึ้นมานั่ง มือคว้าหมอนอิงที่อยู่แถวนั้นมากอดไว้ ก่อนที่หันมาตอบคำถามของชายหนุ่มที่จมตัวอยู่บนโซฟา “ใช่สิ” เธอตอบ
“ถ้าขืนให้นายไปอยู่ที่อื่นเวลาจะปรึกษางานก็ยุ่งตาย นายยิ่งไม่ค่อยรักษาเวลาอยู่” ทีน่ากล่าวเสียงเข้ม
“แต่...” เรย์อ้ำอึ้ง
“ถ้านายห่วงเรื่องสัมภาระของนาย ตอนนี้มันอยู่บนห้องข้างบนแล้ว” ทีน่าที่กำลังใช้รีโมทเปิดโทรทัศน์เครื่องใหญ่บอกกับเขา
“แล้วของนายที่ทิ้งไว้อีกห้องหนึ่งก็เอามาด้วยแล้ว เว้นก็แต่ยายแอร์ผมทองที่ชอบโวยวายเสียงดังนั่นนะ ที่ฉันไม่ได้ให้เอามาด้วย” เธอพูดพร้อมกับหันมามองหน้าเขาและยิ้มที่มุมปาก
“เฮ้ยนี่เธอ! มันจะมากไปแล้วนะ!” เรย์สุดทนจึงตวาดออกไป พร้อมกับยกมือชี้ไปที่หน้าของทีน่า
เด็กสาวตีหน้าเศร้าทันที “นี่นายจะรังแกเด็กหรือ?” เธอว่า
มันได้ผลชะงัดนักกับเรย์ที่ถือคติที่ว่า ‘ผู้หญิงมีไว้ชื่นชม ไม่ได้มีไว้ทำร้าย’ เขาถอนหายใจยาวซึ่งไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วของวันนี้ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง กางแขนออกวางบนที่พักแขน ในขณะที่ทีน่าที่มองอยู่หัวเราะแอบชอบใจ
ความคิดเห็น