คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 บทเพลงไร้นาม Nameless Song [ตอนต้น]
บทที่ 2
Nameless Song
บทเพลงไร้นาม
หมอกควันและเสียงเครื่องยนต์ในห้องเครื่องขนาดใหญ่ลอยปะปนกันในอากาศ หมู่ควันกระจายตัวออกเพราะแรงลมที่เกิดจากความเร็วที่วิ่งผ่าน ชายหนุ่มในชุดสีขาวขลิบเงินกำลังวิ่งอย่างสุดกำลัง เสียงหายใจถี่ระรัว แต่ก็ไม่ได้เร็วไปกว่าเสียงหัวใจที่เต้นถี่จนไม่เป็นจังหวะ เสียงส้นเท้ากระทบทางเดินที่เป็นตะแกรงเหล็กยกตัวขึ้นจากพื้นก้องกังวาน มันดังขึ้นตามจังหวะการวิ่งเพื่อหนีให้ห่างจากสิ่งที่น่าหวาดหวั่น ดวงตาที่ส่องประกายในความมืด กำลังจับจ้องอยู่ที่ตัวของเขาไม่วางตา เสียงครางในลำคอดังเป็นระยะ หากแต่มันเป็นเสียงที่ประหลาดเสียนี่กระไร เสียงนั้นคล้ายเสียงแมลงในยามค่ำคืนเสียมากกว่าจะเป็นเสียงของมนุษย์ เมื่อมันมองเห็นเหยื่อของมันที่หนีขึ้นสู่ทางเดินด้านบน มันกระโดดขึ้นบนเพดานที่เต็มไปด้วยท่อเหล็ก แล้วไต่ไปบนท่อเหล่านั้นไล่ตามเหยื่อของมันอย่างไม่ลดละ
ชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบไต่บันไดขึ้นสู่ทางเดินด้านบน มันวางตัวอยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปด้านนอกเป็นภาพหมู่ดาวและอวกาศอันมืดมิด เขาวิ่งต่อไปผ่านประตูอัตโนมัติที่เปิดออกเมื่อจับสัญญาณของมนุษย์ได้ มันเป็นทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ห้องควบคุมของสถานีอวกาศแห่งนี้ ร่างของเจ้าปีศาจที่ตามมาอย่างกระชันชิดนั้น เมื่อถูกแสงไฟก็เผยให้เห็นร่างที่เป็นสีดำเงากับส่วนหัวที่ท้ายทอยยื่นยาวไปด้านหลัง ปากที่อ้าออกเผยให้เห็นฟันยาวแหลมคม มันวิ่งเข้าประชิดด้านหลังอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายในทันที เขาหันกลับไปมองสิ่งที่เขาหวาดหวั่น สิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้าคือปากที่อ้าออกพร้อมจะโจมตีใส่เขาในระยะประชิด แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้! เรย์นายดูหนังเอเลี่ยนแบบนี้ทำไมกัน นีเมซิสที่นายเจอแต่ละครั้งฉันว่าน่ากลัวกว่าไอ้หนังที่นายดูอยู่นี่ตั้งไม่รู้กี่เท่า” แซ็กที่กำลังจะออกจากบ้านถามอย่างสงสัย
เรย์หรี่ตาหันมามองหน้าแซ็กด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก ในขณะที่ตัวของเขานอนจมอยู่ในโซฟาหนังสีน้ำตาลขนาดใหญ่ หน้าจอภาพขนาดกว่าห้าสิบนิ้วที่กำลังฉายภาพจากภาพยนตร์ไซไฟเรื่องดัง
“แล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะ ฉันปวดไปทั้งตัวเพราะใช้พลังของซินเมื่อวานนี้ตามที่นายบอกนั่นละ” เขาว่า
เรย์ซึ่งขณะนี้ย้ายออกจากนิกซ์มาใช้บ้านพักตากอากาศของแซ็กที่นิวยอร์กเป็นที่อาศัย และเป็นฐานปฏิบัติการไปด้วยในตัว เนื่องจากต้องแยกออกมาทำงานที่ไม่สามารถให้ข้อมูลรั่วไหลได้ เขาจึงต้องออกจากนิกซ์ชั่วคราว โดยได้รับอนุญาตจากคุณสเตรย์แฮมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ก็ฉันบอกนายแล้วนี่ว่าพลังนั้นมันไม่ได้มีแต่ข้อดี” แซ็กว่า
“ก็แล้วไม่บอกก่อนล่ะว่ามันจะเป็นยังไง ก่อนที่นายจะให้ฉันใช้พลังของนิดฮอกก์น่ะ” เรย์ที่ยังนอนเอกเขนกอยู่บ่นอุบอิบ
“ถ้าฉันมัวแต่อธิบายยืดยาว ป่านนี้นายกับฉันไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก คงนอนเป็นศพอยู่ที่เครมลินแล้วล่ะ” แซ็กพูดขณะใช้หางตามองเรย์ ที่กำลังเอนตัวเอามือประสานท้ายทอยดูหนังเอเลี่ยนของเขาต่อไป โดยทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดมาแม้แต่น้อย
“แล้ว...” เรย์ เอ่ย “เรื่องประตูมิติที่จะเปิดเข้าไปที่ซูริคล่ะ ใครจะเป็นคนรับหน้าที่ ผมไม่มีพลังเปิดมิตินะ” เรย์พูดขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่โทรทัศน์
“ฉันเตรียมไว้ให้แล้วล่ะเรื่องเปิดมิติน่ะ เดี๋ยวช่วงเย็นคงมาถึง” แซ็กตอบสั้นๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่ฉันคงไม่อยู่แล้วนะเวลานั้น ต้องกลับไปที่ซิลฟ์เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตก่อน แล้วเดี๋ยวช่วงเย็นจะมีโทรศัพท์ถึงนายจากกริฟฟินนะ รอรับด้วยล่ะ” แซ็กบอกกับเรย์ที่เมื่อได้ยินชื่อไม่คุ้นหูก็หันมาทำหน้าสงสัยก่อนจะถามต่อ
“กริฟฟินนี่มันใครน่ะ?”
“เป็นฝ่ายสนับสนุนของเราในครั้งนี้ เขาเป็นแฮกเกอร์มือหนึ่งที่จะช่วยนายในการบุกเข้าสถานที่ซึ่งมีการป้องกันด้วยระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ได้ง่ายขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ แต่...” แซ็กหยุดพูดก่อนจะถอนหายใจ
“แต่อะไร? มัวแต่ทำให้อยากรู้อยู่ได้บอกมาเร็วสิ” เรย์เร่งเร้าด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ “แต่เขาไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นน่ะสิ” แซ็กตอบ
เรย์ดันตัวขึ้นนั่งทันที “อ่าว...แล้วจะทำงานกันยังไงละทีนี้” เขาขมวดคิ้วถามต่อด้วยความสงสัยที่มากขึ้นอีก
“เขาจะใช้โทรศัพท์ติดต่อมาและใช้การส่งข้อมูลต่างๆ ทางอุปกรณ์สื่อสาร แต่เรื่องฝีมือนี่สบายใจได้” แซ็กว่า
เรย์พยักหน้ารับรู้พร้อมกับพูดว่า “งั้นเรื่องที่หมอนี่มีนิสัยประหลาดก็ช่างมันละกัน ขอให้งานออกมาเรียบร้อยก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่นายจะกลับอังกฤษวันนี้หรือ?” เรย์ถามแซ็กที่กำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน
“ฉันต้องไปซูริคก่อน เพื่อไปติดต่อสมาชิกอีกคนของเราที่จะมาช่วยงานครั้งนี้” แซ็กตอบเสียงเรียบพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเขาออกมา
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เรย์ถามก่อนหันมามองแซ็กอย่างรอคำตอบ
แซ็กเห็นแล้วจึงส่ายศีรษะก่อนจะยิ้มแล้วตอบเรย์ไปว่า
“ผู้หญิง” แซ็กว่า “แถมสวยด้วยและที่สำคัญ...เธอเป็นวิสเปอร์เรอร์เหมือนกับนาย” แซ็กตอบน้ำเสียงมีลับลมคมนัยเป็นพิเศษ
เรย์ยิ้มกริ่มเพราะกำลังนึกมโนภาพสาวสวยที่จะมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับตน จนเสียงแซ็กดังขึ้นขณะที่เขากำลังเปิดประตูบ้านออกเพื่อมุ่งหน้าไปที่สนามบินเจเอฟเค
“เออเกือบลืม...ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ นายใช้บัตรเครดิตใบนี้นะ มันไม่จำกัดจำนวนเงิน และก็ฝากอันนี้ให้นายเก็บไว้ด้วย” แซ็กหยิบสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารเล่มหนึ่งพร้อมบัตรเครดิตยื่นให้กับเรย์
“สมุดบัญชีใคร?” เรย์ถามพลางรับสมุดบัญชีนั้นมาดูก่อนที่จะอุทานเสียงดัง
“สิบล้านยูโร!” ตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเลขศูนย์เรียงกันเป็นแถว ก่อนที่จะสังเกตเห็นชื่อเจ้าของบัญชี
“ทำไมกรีนิชมีเงินมากขนาดนี้?” เขาถามอย่างสงสัย
“ค่าจ้างที่ซิลฟ์จ่ายให้เธอจากการผนึกซินทั้งเจ็ดไงล่ะ นายเป็นญาติคนสุดท้ายของเธอ ฉันคิดว่าให้นายไว้มันถูกต้องแล้ว” แซ็กตอบก่อนที่จะเปิดประตูออกไป ปล่อยให้เรย์อยู่กับหนังเอเลี่ยนที่กำลังเข้าสู่ช่วงตอนจบของเขาต่อไป ซึ่งเรย์ที่กำลังนั่งดูอยู่เพิ่งนึกบางอย่างออกก่อนจะบ่นกับตัวเอง
“แล้วค่าจ้างเรามันได้เท่าไรกันละนี่”
ดวงอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า อาคารทรงโมเดิร์นที่วางตัวอยู่หลังสระว่ายน้ำที่สะท้อนประกายสีเขียว ตัวบ้านสีขาวสองชั้นหลังคาเป็นมุมลาดเอียงไปทางด้านหลัง ชั้นสองเป็นกระจกบานใหญ่หลายบานเรียงตัวต่อกันไป ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแมกไม้ที่เรียงตัวอยู่ตามแนวบริเวณเนินเขาแห่งนี้ ส่วนชั้นล่างผนังก่อเรียงด้วยอิฐมวลเบาสีเทาเข้มขับเน้นกับพื้นแกรนิตสีดำได้อย่างเข้ากัน ประตูหน้าต่างที่ขลิบสีเงินด้วยขอบอลูมีเนียมทุกบาน ทำให้มองดูแล้วสวยงามในแบบของมัน เสียงสัญญาณกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน พร้อมการปรากฏใบหน้าของผู้มาเยือน พวกเขาเป็นชายวัยกลางคนสองคนบนจอภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ด้านหน้า
“สวัสดีครับบ้านของคุณแซ็กใช่ไหมครับ?” พนักงานคนนั้นกล่าว ก่อนที่จะบอกจุดประสงค์ของเขาที่มาถึงชานเมืองของนิวยอร์กต่อไป
“ผมมาเพื่อจัดการงานให้คุณแซ็กครับ ท่านฝากให้ผมนำเธอมาส่งให้คุณครับ” เขาพูดผ่านอินเตอร์โฟน
เรย์เมื่อเห็นดังนั้นจึงกดสวิทส์เปิดประตูออกพร้อมแจ้งไปว่า “เชิญเลยครับ”
รถยนต์สีดำที่คิดฟิล์มสีดำสนิทจนไม่สามารถเห็นภายในได้เข้ามาจอดที่หน้าประตูของตัวบ้าน พนักงานคนเดิมเดินลงจากรถไปเปิดประดูหลังพร้อมกับหันไปหาเรย์
“ผมมาส่งให้เรียบร้อยแล้วก็เสร็จหน้าที่ผมแล้วครับ ผมขอตัวกลับก่อน” เขาพูดพร้อมกับเดินมาส่งของสิ่งหนึ่งให้กับเรย์
ร่างหญิงสาวสูงเพรียวผิวดำแดงก้าวลงจากรถ เมื่อเธอลงมายืนที่ด้านหน้าทำให้เรย์เห็นใบหน้าที่คมเข้มของเธอที่วางตัวอยู่ใต้ผมตรงยาวหน้าม้าสีดำขลับ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวใต้คิ้วที่โก่งดั่งคันศรทอประกายขับกับอาทิตย์ยามเย็น จมูกที่โด่งเป็นสันพร้อมริมฝีปากที่เรียวบาง เธอเดินออกมาจากรถ พร้อมกับที่พนักงานที่มาด้วยเดินไปปิดประตูแล้วขับรถออกไปจากบริเวณนั้น
หญิงสาวยิ้มให้เรย์ที่มีสีหน้าตกใจเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้า แต่เมื่อเขาเห็นเธอยิ้มอย่างมีไมตรีจึงเดินลงมาที่เธอยืนอยู่อย่างช้าๆ
“สวัสดีครับผมเรย์ครับ ไม่ทราบว่าคุณ...เอ่อ...” เขาอ้ำอึ้ง
เธอยิ้ม “ฉันไนล์ค่ะ ไนล์ เนเฟติตีเป็นไนท์มาเพื่อช่วยคุณในการเปิดมิติ สำหรับงานช่วยเหลือกรีนิชในครั้งนี้ค่ะ” เธอแนะนำตัวเอง
เรย์นึกออกในทันที ที่แซ็กบอกกับเขาว่าจะจัดการเรื่องการเปิดมิติให้เขาหมายความเช่นนี้นี่เอง เมื่อเรียบเรียงเรื่องได้เรียบร้อยเขาจึงแนะนำตัว
“ผมเรย์ครับ เรย์ โอไบรอัน ผมใช้นามสกุลของแม่ครับ ผมเป็นพี่ชายของกรีนิช” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะพาเธอเข้าไปในบ้าน
“เชิญครับห้องที่นี่มีอยู่มากมายเลยละครับ คุณเลือกใช้ได้ตามสบาย” เรย์กล่าวขณะที่เดินนำเธอเข้ามาภายในบ้าน
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอใช้ห้องชั้นสองละกันนะคะ” ไนล์กล่าวขอบคุณเสียงเรียบ ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
“เชิญตามสบายเลยครับ” เรย์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่ทันที่เขาจะทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเขาเดินไปหาต้นเสียงที่ส่งออกมาซึ่งวางอยู่บนโซฟาที่เขาใช้หมกตัวอยู่ตลอดวัน
“สวัสดีครับเรย์พูดครับ” เขากล่าวทัก
“ผมกริฟฟิน คุณเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหลัง มันจะมีข้อมูลและสิ่งที่คุณต้องทำที่ซูริคส่งมาโดยใช้ชื่อผม” เสียงที่ส่งมาสั่งงานเรย์เป็นฉากๆ
“เฮ้!นี่มันอะไรกันมาถึงก็สั่งเอาๆ เลยนะ” เรย์กรอกเสียงที่แสดงความไม่พอใจเท่าใดนักลงในโทรศัพท์ทันที
“ข้อมูลสถานที่ที่เราจะบุกเข้าไปและแผนการ อยู่ในนั้น อีกทั้งยังกำหนดการและอีกหลายอย่างที่นายยังไม่รู้อยู่ในนั้น ถ้านายไม่สนใจก็แล้วแต่นายนะแต่ถ้านายอ่านเรียบร้อยแล้วค่อยโทรมาหาฉันที่เบอร์นี้แล้วกัน” ชายที่ใช้ชื่อโค้ดเนมว่า กริฟฟินแจงรายละเอียดก่อนจะวางสายไป
เรย์ที่ถือโทรศัพท์ที่มีเพียงสัญญาณว่าสายถูกตัดไปแล้วได้แต่ยืนนิ่งก่อนที่จะหันไปหยิบคอมพิวเตอร์ด้านหลังมาเปิดไฟล์ที่ถูกแนบมาอ่าน ก่อนที่จะพูดกับตัวเองว่า
“ไอ้เจ้ากริฟฟินนี่ร้ายพอตัวแฮะ มันไปเอาข้อมูลกับพิมพ์เขียวของธนาคารสวิสมาได้ยังไงกัน แถมยังจองตั๋วเครื่องบินให้เราเรียบร้อยอีกด้วย” เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ
วันที่ตั๋วระบุไว้คือช่วงกลางคืนของวันพรุ่งนี้ เรย์ที่รู้กำหนดการแล้วจึงรีบจัดเตรียมสัมภาระเพื่อออกเดินทางไปซูริค โดยที่ในข้อความที่ส่งมาระบุสถานที่ที่เขาต้องไปพบกับวิสเปอร์เรอร์อีกคนหนึ่งก่อน มันคือผับแห่งหนึ่งชื่อ ‘ซิลเวอร์เลค’ บนถนนโฮฟชตราสเซอร์ในกรุงซูริค ถนนที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังต่างๆ
ในช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น เขารีบรุดไปยังสนามบินเจเอฟเคในทันที เครื่องที่เขาใช้ในครั้งนี้เป็นเครื่องบินของสายการบินพาณิชย์แห่งหนึ่ง ที่นั่งที่ถูกจองไว้เป็นที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส เรย์ที่กำลังขึ้นเครื่องพร้อมกับผู้โดยสารในชั้นเดียวกันประมาณสิบคนทยอยเดินเข้าสู่ตัวเครื่อง เมื่อแอร์โฮสเตทสาวรับตั๋วจากเขาไปก็พาเขาไปนั่งในที่นั่งของเขาในทันที
เรย์ส่งยิ้มละไมของเขาให้เธอ มันเป็นเหมือนระบบที่ถูกตั้งเอาไว้เมื่อสัมผัสได้ถึงไมตรีที่ฝ่ายตรงข้ามมีให้
“ขอบคุณมากครับ คุณเอ่อ...” เรย์ที่กำลังถอดแจ็คเก็ตหนังสีขาวของเขาออกกล่าวทัก
หญิงสาวหันมายิ้มตอบ แต่เป็นรอยยิ้มที่สังเกตได้ว่าไม่ใช่เพื่องานของเธอเสียอย่างเดียว มันรวมกับความรู้สึกส่วนตัวต่อชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยอย่างเห็นได้ชัด
“อลิเซียค่ะ ยินดีให้บริการค่ะ” เธอตอบก่อนจะขอตัวเดินไปจัดการธุระของเธอก่อนเครื่องออกต่อไป
เครื่องบินใช้เวลาบินบนท้องฟ้าหลายชั่วโมงกว่าจะถึงซูริค แต่เมื่อล้อที่กางออกแตะพื้นท่าอากาศยานเคลอเตน ก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรย์สะพายกระเป๋าออกจากสนามบินมุ่งสู่ลานจอดรถ เพื่อไปเอามอเตอร์ไซค์ที่จัดเตรียมไว้ให้โดยกริฟฟิน แต่ก่อนที่เขาจะออกจากประตู แอร์โฮสเตทสาวคนเดิมเดินมาหาเขาก่อนที่จะกล่าวทัก
“เรย์คะคืนนี้คุณพักในซูริคหรือเปล่า?” เสียงเธอถามอย่างสนิทสนม เวลาที่อยู่บนเครื่องคงมีเหตุให้ทั้งสองสนิทสนมกันเป็นแน่
“ผมมีธุระนิดหน่อยในเมืองแถวถนนโฮฟชตราสเซอร์ช่วงมืดๆ ครับ แต่ก็พักที่โรงแรมเอเดน ออย ลาคในซูริคนี่ละ ถ้ายังไงผมโทรหาคุณละกัน” เรย์บอกพร้อมรอยยิ้ม
หญิงสาวแสดงสีหน้าตกใจอย่างมาก “อ่าว...ไม่น่าเชื่อคุณพักที่เดียวกับฉันเลยนะคะ” เธอว่า
เรย์ทำหน้าประหลาดใจว่าทำไมมันช่างบังเอิญเช่นนี้ แต่ก็เอาเถอะหากเขาบอกชื่อโรงแรมอื่นเธอก็คงจะบอกว่าเธอพักโรงแรมที่เขาว่าเช่นกัน มันไม่ได้บังเอิญแต่อย่างใดเป็นเพียงความสามารถพิเศษของเธอนั่นเอง
“ถ้าไม่รังเกียจรถมอเตอร์ไซค์ของผมให้ผมรับหน้าที่พาคุณไปไหมครับ?” เรย์ถาม ขณะที่ดวงตาสีเทาของเขาจ้องไปที่ตาของเธอ
เมื่อเธอสบตาเขา รอยยิ้มก็เจือบนในหน้าขาวนวลที่วางตัวใต้ผมสีบรอนด์ที่ถูกรวบไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย
“รบกวนด้วยนะคะ” เธอตอบเสียงใส
หลังจากเสียงจากท่อไอเสียดังขึ้น มอเตอร์ไซค์Ducati 1098R สีแดงเพลิงทะยานตัวออกจากท่าอากาศยานนานาชาติคลอเตน มุ่งหน้าสู่เขตซีเฟลที่อยู่ริมทะเลสาบซูริค อันเป็นที่ตั้งของโรงรมเอเดนออยลาคในทันที
หลังจากจัดการธุระเรื่องห้องพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรย์และหญิงสาวรับประทานอาหารมื้อกลางวันในร้านอาหารที่ระเบียงของโรงแรม อันมีทะเลสาบซูริคทาบตัวอยู่โดยรอบ การสนทนาพูดคุยเป็นไปอย่างสนุกสนานแต่ส่วนใหญ่นั้นเรย์พูดความจริงเพียงไม่ถึงครึ่ง จนกระทั่งเสร็จจากการรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างออกรส เขาจึงขอตัวกลับขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของเขาโดยไม่ลืมที่จะรับเบอร์ติดต่อมาจากฝ่ายหญิงสาว
ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปได้สักพักใหญ่แล้ว เรย์ที่นอนหลับอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาจากเสียงของนาฬิกาปลุก เขาจัดการชำระล้างร่างกายพร้อมทั้งหยิบคอนแทคเลนส์สีเทามาใส่ทับดวงตาที่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในยามค่ำคืนของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นจุดเด่น
มอเตอร์ไซค์สีแดงเพลิงวิ่งฝ่าสายลมริมทะเลสาบ และความมืดที่กระจายตัวอยู่มุ่งหน้าสู่ถนนโฮฟชตราสเซอร์ ล้อทั้งสองข้างหยุดลงหน้าบาร์หรูแห่งหนึ่ง ที่ดูจากการแต่งกายของผู้ที่ยืนเข้าแถวเพื่อรอจะเข้าไปด้านใน ก็สามารถรู้ได้ในทันทีถึงความพิเศษของที่แห่งนี้ เรย์หยิบเศษกระดาษขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อหนังสีดำของเขา ชื่อหนึ่งถูกเขียนไว้ ‘ทีน่า ไรเดอร์’ กับชื่อบาร์ ‘ซิลเวอร์เลค’
เรย์แหงนหน้าขึ้นมองชื่อร้านที่เป็นตัวหนังสือสีขาว เขียนด้วยตัวเขียนที่แปะเด่นอยู่หน้าร้าน ก็แน่ใจว่าเป็นที่นี่แน่นอน เขาลงจากรถเดินตรงเพื่อเข้าสู่ด้านใน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยการ์ดร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกตีหน้าเข้มอยู่ด้านหน้า
“กรุณาต่อแถวครับ” เขาสั่ง แล้วจึงชี้ให้ชายหนุ่มไปเข้าคิวที่อีกด้านหนึ่ง
เรย์มองหน้าผู้พูดในทันที “ผมมีนัดกับทีน่า ไรเดอร์” เขาพูดเสียงเข้ม
เพียงเท่านั้นสีหน้าของชายร่างยักษ์ก็เปลี่ยนไป เขารีบเปิดทางให้เรย์เข้าไปด้านในทันที เมื่อประตูเปิดออกเสียงเพลงและดนตรีที่เร้าอารมณ์ดังลอดออกมาในทันที ผู้คนที่อยู่ภายในสนุกสนานกันเต็มที่แบบไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาเดินเข้าไปด้านในโดยมีพนักงานหญิงเป็นคนนำทาง “คุณทีน่ากำลังจะขึ้นร้องเพลงอยู่ค่ะ คุณคงต้องรอสักครู่ถ้าจะพบเธอ” พนักงานสาวบอกกับเรย์
“ไม่เป็นไรครับผมรอได้” เขาว่า
“ถ้าอย่างนั้นเป็นที่บาร์เป็นไงคะ? มองเห็นเวทีได้ชัดเจนด้วยค่ะ” หญิงสาวเสนอพลางชี้มือไปที่บาร์ที่วางตัวอยู่ทางด้านใน
เรย์ผงกหัวเห็นด้วย ก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งที่บาร์แล้วสั่งเบอร์เบินใส่น้ำแข็งกับบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ร้านนี้ตกแต่งเป็นบาร์แบบบรรยากาศย้อนไปในยุคปีแปดสิบ โดยเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งทำได้ดีทีเดียว หากที่นี่อยู่ในนิวยอร์กมันคงเป็นร้านประจำของเขาเป็นแน่ โดยเฉพาะสาวๆ ที่เข้ามาที่นี่หน้าตาดีต้องตาเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ เรย์คิดในใจพร้อมกับทอดสายตามองที่เวทีเพื่อมองหาหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ หญิงสาวที่ได้รับการยืนยันจากแซ็กว่า ‘สวย’
เสียงปรบมือเริ่มดังเกรียวกราว มันปะปนกับเสียงเป่าปากที่ดังขึ้น เมื่อนักดนตรีเริ่มปรับแต่งเสียงของกีต้าร์ไฟฟ้า กลองและเบสเป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะส่งสียงให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หญิงสาวผมสีทองหยักศกยาวถึงกลางหลังในชุดวันพีชสีขาวเดินขึ้นมายืนสงบนิ่งอยู่กลางเวที เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น แสงไฟที่ส่องไปกระทบทำให้เห็นดวงตากลมโตสีฟ้ากับคิ้วเข้มบนในหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ดูงดงามราวกับเจ้าหญิงในนิทานเลยทีเดียว ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเริ่มขยับพร้อมกับดนตรีที่เริ่มบรรเลง เสียงที่เปล่งออกมานั้นสะกดผู้คนให้มีอารมณ์เคลิ้มตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรย์เอง ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่ทั้งใบหน้าและเสียงของเธอทำให้เขามองเธอไม่วางตา
เสียงหวานใสแต่เต็มไปด้วยพลังถูกเปล่งออกมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เรย์ซึ่งชมการแสดงจนจบมองตามหญิงสาวที่เขารู้สึกว่าหน้าเธอเด็กเกินอายุไปสักหน่อย ดูแล้วเธอน่าจะมีอายุจริงที่ประมาณยี่สิบกว่าปีจากที่เรย์คาดเดา เมื่อเธอลงจากเวทีพนักงานเดินเข้าไปแจ้งเธอเรื่องการมาของเรย์ พร้อมทั้งชี้มือมาทางเขา เธอพยักหน้าเป็นทีว่าเข้าใจพร้อมกับเดินตรงมาหาเรย์ในทันที
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรกับเขา เสียงเธอที่ตะโกนสั่งเครื่องดื่มจากบาร์ก็ดังขึ้น “เฮ้! เวจเอาวอดก้าน้ำแข็งมาแก้เหนื่อยแก้วหนึ่งซิ” เธอร้องสั่งบาร์เทนเดอร์ เสียงนั้นทำลายจินตนาการของเรย์ที่วาดไว้เมื่อสักครู่ลงทันที จินตนาการถึงหญิงสาวที่สวยหวานราวเจ้าหญิง ก่อนที่เธอจะหันมาหาเรย์
“อ่าว...นายหรือคนที่แซ็กบอกไว้” เธอถามหลังจากเหล้าที่เธอสั่งถูกยกดื่มไปแล้วเกือบครึ่งแก้ว
เรย์ที่อยู่ในอาการช็อกนิดๆ ตอบกลับไปว่า “ผมเรย์ โอไบรอันครับ” เขาแนะนำตัวพลางยื่นมือออกมาเพื่อจับทักทาย
“ทีน่า ไรเดอร์” เธอแนะนำตัวเองสั้นๆ พร้อมกับยื่นมือออกมาจับปลายมือของเรย์ที่ยื่นออกมาแบบเสียไม่ได้
เมื่อดูใกล้ๆ แล้วเรย์ยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ แต่มีบางอย่างที่เขารู้สึกแปลกนอกจากนิสัยห้าวๆ ของเธอ เขารู้สึกว่าเธอหน้าเด็กเกินไปจริงๆ นั่นล่ะ ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถามเธอ
“คุณดูหน้าอ่อนจังนะครับ คุณอายุเท่าไรแล้วหรือครับ” เขาถามขณะที่จ้องหน้าเธอที่กำลังพิงหลังไปที่บาร์
หญิงสาวหันมามองหน้าเรย์อย่างพิจารณา เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับต่อว่าเขา “คุณถามอายุผู้หญิงนี่ไม่รู้หรือว่าเสียมารยาท” เธอว่า
เรย์ได้แต่ยืนทำหน้าไม่ถูก ทำไมเขาจะไม่รู้ เขารู้ดียิ่งกว่าใครเสียอีก แต่ความสงสัยมันทำให้ไม่สามารถอดทนต่อไปได้จึงต้องถามขึ้น
“แต่ก็เอาเถอะ” เธอว่า “ถึงอย่างไรนายกับฉันก็ต้องร่วมงานกันจะบอกให้ก็ได้ ฉันทีน่า ไรเดอร์อายุสิบเจ็ด” ทีน่าตอบเสียงดังฟังชัด
“สิบเจ็ด!” เรย์ตะโกน ฝันถึงสาวสวยเซ็กซี่ที่จะร่วมชายคากับเขาที่วาดไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องมาซูริคของเขาพังลงในทันใด กลับกลายเป็นว่าเขาจะต้องอยู่กับสาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีที่ดูแล้วนิสัยคงหาคำว่าเรียบร้อยได้ยากเป็นแน่แทน
‘มิน่าเจ้าแซ็กถึงยิ้มแบบนั้น’ เรย์คิดในใจ
ความกระตือรือร้นของเขาที่เต็มเปี่ยมขณะนี้เหลือเพียงศูนย์หรืออาจจะติดลบเลยด้วยซ้ำ เพราะตามปกติเรย์ชอบสาวสะพรั่งที่เป็นสาวเต็มตัว มีรูปทรงองค์เอวสมกับเป็นหญิง เขาเบื่อนักกับเด็กหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะสำหรับเขานั้นมันเป็นเพียงรูปวาดของอาหารจานหรูที่วาดโดยศิลปินชื่อดัง มันก็สวยดูดีอยู่หรอก แต่มันติดอยู่ตรงที่มันกินไม่ได้นี่ล่ะ...
ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น ความเจ็บปวดแล่นแปลบมาจากไหล่ซ้าย พร้อมกับมือของสาวน้อยที่ตบลงบนไหล่ของเขา
“อ่ะ...นี่เบอร์โทรฉัน พรุ่งนี้เช้านายโทรปลุกฉันตอนแปดโมงนะ ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียว” เธอสั่งพร้อมทำตาดุมือยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เรย์ ก่อนที่จะกระดกเหล้าที่เหลืออยู่อีกครึ่งแก้วจนหมดในทีเดียว
“แอ๊...! สดชื่น” เธอทำหน้าสะใจแล้วเดินจากไปในฝูงชน
เรย์ยืนนิ่งอ้าปากค้าง มือถือกระดาษแผ่นเล็กไว้ในมือ มันอยู่ในระดับสายตาของเขา ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาบาร์เทนเดอร์ “นี่นายฉันอยากคุยกับเจ้าของร้านนายจัง อยากถามว่าทำไมเขาถึงให้เด็กผู้หญิงอย่างนั้นมากินเหล้าที่นี่ได้”
รอยยิ้มปรากฏบนหน้าบาร์เทนเดอร์หนุ่ม “ถ้าหมายถึงเจ้าของที่นี่และย่านนี้ทั้งหมดคุณก็เพิ่งจะได้คุยไปเมื้อกี้นี้ไงล่ะ” เขาตอบพร้อมกับรินเบอร์เบิร์นใส่น้ำแข็งให้เรย์อีกแก้ว ด้วยสีหน้าเข้าใจในความคิดของชายหนุ่ม
เรย์ยกมือขึ้นขอบใจขณะขมวดคิ้วพร้อมส่ายศีรษะ พร้อมกับบ่นกับตนเองอีกครั้ง “ตัวปัญหามาเพิ่มอีกหนึ่งละงานนี้” พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าที่น้ำแข็งยังไม่ทันละลายกระดกลงคอรวดเดียวหมด ก่อนที่จะออกจากที่นี่มุ่งหน้ากลับโรงแรมที่เขาพักอยู่
“2042” ตัวเลขนี้ไม่ใช่ปีคริสตศักราชในหนังไซไฟ แต่มันคือหมายเลขห้องพัก และมันก็ไม่ใช่ห้องของเขาแต่อย่างใด มันเป็นเลขห้องของแม่แอร์โฮสเตทสาวที่เขาจำขึ้นใจ ตั้งแต่แยกจากเธอหลังอาหารมื้อกลางวันนั่นเอง
ความคิดเห็น